AWˬ LAWN 10
KʼA MUIˬ HKAWˇ 31 Gʼuiˬ sha geh toˇ ve!
Yaˬhoˉvaˬ leh Yeˍsuˆ dawˇ ve hkʼe henˇ yuˬ sheˍ
“Hkʼe te leh, Hkriꞈ yawˇ ve awˬ to gʼa tuꞈ gʼa hkanˍ htaˇ, yawˇ nyi ma taˍ ve hkʼe, nawˬ hui htawˇ nyi ma taˍ leh, gu taˍ hehnˇ taˍ˗oꞈ.”—1 PEˍTRUˆ 4:1.
A YEˇ UIˍ VE AWˬ LAWN
ดูว่าเปโตรทำยังไงเพื่อจะคิดเหมือนพระเยซูและเราจะทำเหมือนเขาได้ยังไง
1-2. Yaˬhoˉvaˬ htaꞈ haꞈ ve aˬ htoꞈ ma kʼoˆ gaˇ ve le? Leh Yeˍsuˆ awˬ lawn chi htaꞈ hkʼaˬ hkʼe hpeuꞈ maw laˇ ve le?
พระเยซูบอกว่า “ให้รักพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณสุดหัวใจ สุดชีวิต สุดกำลัง และสุดความคิด” (ลก. 10:27) พระเยซูบอกว่านี่เป็นกฎหมายข้อสำคัญที่สุดในกฎหมายของโมเสส ขอสังเกตว่าความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวาเกี่ยวข้องกับหัวใจ หัวใจเกี่ยวข้องกับความต้องการ ความรู้สึก และอารมณ์ของคนเรา และการรักพระยะโฮวาก็เกี่ยวข้องกับการให้พระองค์สุดชีวิตและสุดกำลังของเราด้วย แต่ไม่ใช่แค่นั้น การรักพระยะโฮวายังเกี่ยวข้องกับความคิดของเรา ซึ่งรวมถึงวิธีที่เรามองเรื่องต่าง ๆ แน่นอนว่าเราไม่สามารถเข้าใจความคิดของพระยะโฮวาได้อย่างครบถ้วน แต่เราก็เรียนรู้ที่จะเข้าใจความคิดของพระยะโฮวามากขึ้นได้โดยเรียนรู้ที่จะมี “จิตใจอย่างพระคริสต์” เพราะพระเยซูคิดเหมือนพระยะโฮวา—1 คร. 2:16
2 พระเยซูรักพระยะโฮวาสุดความคิดของท่าน ท่านรู้ว่าพระยะโฮวาต้องการให้ท่านทำอะไร และท่านก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำตามที่พระองค์ต้องการแม้นั่นจะทำให้ท่านต้องเจอความทุกข์ลำบากหลายอย่าง การที่พระเยซูจดจ่ออยู่ที่การทำตามความประสงค์ของพระยะโฮวาเลยทำให้ท่านไม่ยอมให้อะไรมาสำคัญกว่าเรื่องนี้
3. Tcuh yaˇ Peˍtruˆ Yeˍsuˆ geh aˬ htoꞈ ma gʼa hanˇ ve le? Leh yawˇ Hkriꞈ yaˇ htaꞈ aˬ htoꞈ ma te gaˇ tuˬ te piˇ ve le? (1 Peˍtruˆ 4:1)
3 เปโตรกับพวกอัครสาวกมีสิทธิพิเศษที่ได้อยู่กับพระเยซูและได้เรียนรู้ว่าพระเยซูคิดยังไง ตอนที่เปโตรเขียนจดหมายฉบับแรกที่ได้รับการดลใจ เขาสนับสนุนคริสเตียนให้เตรียมตัวให้พร้อมและให้คิดอย่างเดียวกับพระเยซู (อ่าน 1 เปโตร 4:1) คำภาษาเดิมที่แปลว่า “เตรียมตัวให้พร้อม” เป็นคำทางทหารซึ่งหมายถึงให้เตรียมติดอาวุธพร้อมจะต่อสู้ ดังนั้น ถ้าคริสเตียนฝึกที่จะคิดอย่างเดียวกับพระเยซู พวกเขาก็กำลังเตรียมติดอาวุธพร้อมที่จะต่อสู้กับแนวโน้มของบาปที่มีในตัวเอง และต่อสู้กับน้ำใจของโลกที่ปกครองโดยซาตาน—2 คร. 10:3-5; อฟ. 6:12
4. Awˬ lawn chi ve hkʼaw Peˍtruˆ beˆ maˍ laˇ taˍ ve htaꞈ ngaˬ hui hkʼaˬ hkʼe gʼaꞈ te gʼa tuˬ le?
4 ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าพระเยซูคิดยังไงและเราจะเลียนแบบท่านได้ยังไง เราจะได้เรียนจากตัวอย่างของพระเยซูว่าเราต้องทำยังไงเพื่อจะ (1) เลียนแบบความคิดของพระยะโฮวา ซึ่งจะช่วยให้เราทุกคนคิดสอดคล้องกัน (2) เป็นคนถ่อมตัว และ (3) มีสติอยู่เสมอโดยพึ่งพระยะโฮวาโดยการอธิษฐาน
YAˬHOˉVAˬ VE DAWˇ HKʼAˇ HTAꞈ HENˇ YUˬ SHEˍ
5. Awˬ yanˇ teˇ yanˇ htaˇ Peˍtruˆ lehˬ Yaˬhoˉvaˬ dawˇ ve hkʼe maˇ dawˇ ve aˬ htoꞈ ma ve awˬ lawn hpehꞈ ve le?
5 มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่เปโตรไม่ได้คิดเหมือนกับพระยะโฮวา ตอนนั้นพระเยซูบอกกับพวกอัครสาวกว่าท่านต้องไปที่กรุงเยรูซาเล็ม และท่านจะต้องถูกส่งตัวให้กับพวกหัวหน้าศาสนา ถูกทรมาน และก็ถูกฆ่า (มธ. 16:21) เปโตรรับไม่ได้ที่พระยะโฮวาปล่อยให้พระเยซูซึ่งเป็นเมสสิยาห์ที่สัญญาไว้และเป็นความหวังของอิสราเอลถูกฆ่า (มธ. 16:16) เขาก็เลยดึงตัวพระเยซูมาและทักท้วงว่า “อาจารย์ สงสารตัวเองเถอะ ท่านจะไม่เจอเรื่องร้าย ๆ อย่างนั้นหรอก” (มธ. 16:22) ที่เปโตรพูดแบบนั้นเป็นเพราะเขาไม่ได้คิดเหมือนกับพระยะโฮวา มันก็เลยทำให้เขาไม่ได้คิดสอดคล้องกับพระเยซู
6. Yeˍsuˆ yawˇ Yaˬhoˉvaˬ hkʼa shuˍ dawˇ ve tehꞈ hkʼaˬ hkʼe hpeuꞈ maw laˇ ve le?
6 พระเยซูรู้ว่าพระยะโฮวาคิดยังไงและท่านก็คิดเหมือนพระองค์ ท่านเลยบอกกับเปโตรว่า “หยุดพูดได้แล้ว ซาตาน! คุณกำลังขัดขวางผม ที่คุณคิดอยู่นี้ไม่ใช่ความคิดของพระเจ้า แต่เป็นความคิดของมนุษย์” (มธ. 16:23) พระเยซูรู้ว่าพระยะโฮวาต้องการให้ท่านทำอะไร ท่านจะต้องทนทุกข์และต้องตาย ดังนั้น พระเยซูก็เลยไม่ฟังคำแนะนำของเปโตรทั้ง ๆ ที่เขาก็มีเจตนาดี แล้วเปโตรก็ได้บทเรียนจากเรื่องนี้ว่าเขาต้องคิดเหมือนกับพระยะโฮวา และนี่ก็เป็นบทเรียนสำหรับเราด้วยเหมือนกัน
7. Yaˬhoˉvaˬ hkʼa shuˍ dawˇ tuˬ Peˍtruˆ yawˇ ve dawˇ hkʼaˇ hkʼaˬ hkʼe gʼa pa ve le? (Awˬ htaꞈ hpawˇ ve awˬ han htaꞈ nyi sheˍ.)
7 ในเวลาต่อมา เปโตรแสดงให้เห็นเลยว่าเขาอยากคิดเหมือนพระยะโฮวา ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่คนต่างชาติที่ไม่ได้เข้าสุหนัตจะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคนของพระยะโฮวา เปโตรได้รับมอบหมายให้ประกาศกับโคร์เนลิอัสซึ่งอยู่ในคนต่างชาติกลุ่มแรกที่ได้เข้ามาเป็นคริสเตียน เขาเลยต้องปรับเปลี่ยนความคิดเพื่อจะทำงานมอบหมายนี้ เมื่อเปโตรได้มาเข้าใจว่าพระยะโฮวาคิดยังไงกับคนต่างชาติ เขาก็ยอมปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเอง ผลก็คือพอมีคนไปเชิญเปโตรไปประกาศกับโคร์เนลิอัส เขาก็เลย “ไม่ขัดข้อง” ที่จะไปตามคำเชิญ (กจ. 10:28, 29) เปโตรได้ประกาศกับโคร์เนลิอัสกับครอบครัว และทั้งหมดก็รับบัพติศมา—กจ. 10:21-23, 34, 35, 44-48
เปโตรเข้าไปในบ้านของโคร์เนลิอัส (ดูข้อ 7)
8. Ngaˬ hui Yaˬhoˉvaˬ dawˇ ve htaꞈ cawˇ daꞈ ve tehꞈ hkʼaˬ hkʼe hpeuꞈ maw piˇ gʼa tuˬ le? (1 Peˍtruˆ 3:8 Awˬ maiˉ htaꞈ nyi sheˍ.)
8 หลายปีต่อมา เปโตรสนับสนุนให้คริสเตียน “คิดสอดคล้องกัน” (อ่าน 1 เปโตร 3:8 และเชิงอรรถ) พวกเราที่เป็นคนของพระยะโฮวาจะคิดสอดคล้องกันได้ด้วยการดูว่าพระยะโฮวาคิดยังไงโดยผ่านทางคัมภีร์ไบเบิล ตัวอย่างเช่น พระเยซูสนับสนุนสาวกของท่านให้จัดเอารัฐบาลของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต (มธ. 6:33) เนื่องจากพระเยซูสอนแบบนี้ พี่น้องบางคนในประชาคมของคุณก็เลยอาจตัดสินใจที่จะทำงานรับใช้เต็มเวลาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แทนที่เราจะบอกให้เขาสงสารตัวเอง เราควรพูดในแง่ดี และเราอาจเสนอตัวที่จะช่วยเขาทำตามเป้าหมายให้ได้
NYI MA NUˇ NEHˬ VE CHAW HPEHꞈ SHEˍ
9-10. Yeˍsuˆ yawˇ nyi ma nuˇ nehˬ jaˇ ve chaw hpehꞈ ve tehꞈ hkʼaˬ hkʼe hpeuꞈ maw laˇ ve le?
9 ในคืนที่พระเยซูจะถูกประหารชีวิต ท่านได้สอนบทเรียนสำคัญเรื่องความถ่อมให้กับเปโตรและอัครสาวกคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้พระเยซูส่งเปโตรกับยอห์นไปเตรียมสถานที่ที่จะกินอาหารเย็นมื้อสุดท้ายกับพวกเขา สิ่งหนึ่งที่สองคนนี้น่าจะต้องทำก็คือพวกเขาต้องเตรียมอ่างใส่น้ำและผ้าเช็ดตัวเพื่อคนที่มาจะได้ล้างเท้าก่อนรับประทานอาหาร แต่ใครจะถ่อมพอที่จะล้างเท้าให้คนอื่น ๆ ล่ะ?
10 พระเยซูไม่ลังเลที่จะทำงานนี้เลย ท่านแสดงให้เห็นว่าท่านถ่อมตัวมากจริง ๆ พวกอัครสาวกคงต้องรู้สึกตกใจมากที่เห็นพระเยซูทำงานที่ปกติแล้วคนรับใช้จะเป็นคนทำ พระเยซูถอดเสื้อคลุมวางไว้ และหยิบผ้าเช็ดตัวมาคาดเอว เอาน้ำใส่อ่าง แล้วเริ่มล้างเท้าให้พวกสาวก (ยน. 13:4, 5) มันคงต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะล้างเท้าของอัครสาวกครบทั้ง 12 คนซึ่งรวมถึงเท้าของยูดาสที่กำลังจะทรยศท่าน แต่พระเยซูก็เต็มใจทำงานนี้ แล้วท่านก็บอกว่า “เข้าใจไหมว่า ทำไมผมทำอย่างนี้ให้พวกคุณ? พวกคุณเรียกผมว่า ‘อาจารย์’ และ ‘นาย’ และที่พวกคุณเรียกแบบนั้นก็ถูกแล้ว เพราะผมเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดังนั้น ถ้าผมที่เป็นนายและอาจารย์ยังล้างเท้าให้พวกคุณ พวกคุณก็ควรจะล้างเท้าให้กันและกันด้วย”—ยน. 13:12-14
ความถ่อมที่แท้จริงเกี่ยวข้องกับความคิดลึก ๆ ในใจของเราว่าเรามองตัวเองยังไงและมองคนอื่นยังไง
11. Peˍtruˆ yawˇ nyi ma nuˇ nehˬ ve chaw hpehꞈ tuˬ gʼa henˇ˗oˬ ve tehꞈ hkʼaˬ hkʼe hpeuꞈ maw laˇ ve le? (1 Peˍtruˆ 5:5) (Awˬ han htaꞈ nyi sheˍ.)
11 เปโตรเรียนรู้ที่จะเป็นคนถ่อมจากพระเยซู หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตายและกลับไปบนสวรรค์ เปโตรก็ทำการอัศจรรย์โดยการรักษาผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นง่อยตั้งแต่เกิด (กจ. 1:8, 9; 3:2, 6-8) การอัศจรรย์นี้คงต้องดึงดูดความสนใจของผู้คนให้มารุมล้อมเขาแน่ ๆ (กจ. 3:11) แต่เปโตรไม่ได้อยากให้คนอื่นมาชื่นชอบเขาทั้ง ๆ ที่เขาโตมาในวัฒนธรรมที่ผู้คนให้ความสำคัญกับตำแหน่งและชื่อเสียง เปโตรถ่อมตัว ไม่ยกย่องตัวเอง แต่เขายกย่องพระยะโฮวาและพระเยซูที่เป็นผู้ทำการอัศจรรย์นี้ เขาบอกว่า “คนง่อยคนนี้ที่พวกคุณรู้จักมีกำลังขึ้นเพราะชื่อของ [พระเยซู]” (กจ. 3:12-16) หลังจากนั้น ตอนที่เปโตรเขียนจดหมายถึงคริสเตียนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเป็นคนถ่อม คำพูดที่เขาใช้ในจดหมายนั้นอาจทำให้เราคิดถึงตอนที่พระเยซูเอาผ้าเช็ดตัวมาคาดเอวและล้างเท้าอัครสาวกของท่าน—อ่าน 1 เปโตร 5:5, เชิงอรรถ
หลังจากที่เปโตรทำการอัศจรรย์แล้ว เขาบอกทุกคนว่าพระยะโฮวาและพระเยซูช่วยให้เขาทำได้ เราก็แสดงความถ่อมแบบนี้ได้ด้วยการทำดีโดยไม่คาดหมายว่าจะต้องมีคนเห็นหรือหวังจะได้รางวัลตอบแทน (ดูข้อ 11-12)
12. Peˍtruˆ nyi ma nuˇ nehˬ ve cawˬ ve hkʼe ngaˬ hui kaꞈ caˉ leh cawˬ tuˬ hkʼaˬ hkʼe te hpeuꞈ maw piˇ gʼa tuˬ le?
12 เราสามารถเลียนแบบตัวอย่างของเปโตรได้โดยการเป็นคนถ่อมตัว ขอจำไว้ว่าความถ่อมที่แท้จริงไม่ใช่แค่การใช้คำพูดที่ทำให้ดูเป็นคนถ่อม คำภาษาเดิมสำหรับคำว่า “อ่อนน้อมถ่อมตน” ที่เปโตรใช้เกี่ยวข้องกับความคิดลึก ๆ ในใจของเราว่าเรามองตัวเองยังไงและมองคนอื่นยังไง เราทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อคนอื่น ไม่ใช่เพราะอยากได้รับคำชม แต่ทำเพราะเรารักพระยะโฮวาและรักผู้คน ถ้าเราเต็มใจรับใช้พระยะโฮวาและพี่น้องอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าจะมีใครเห็นหรือไม่ก็ตาม เราก็กำลังพิสูจน์ว่าเราเป็นคนถ่อมตัวจริง ๆ—มธ. 6:1-4
“SHAˍ TIꞈ TAˍ PUIˉ VE CHAW” HKʼAˬ HTAˆ KAꞈ HPEHꞈ PIˇ Oˆ
13. “Shaˍ tiꞈ taˍ puiˉ ve chaw” hkʼaˬ hkʼe kʼoˆ gaˇ ve le? Tawˇ pa haˉ kʼoˆ maˍ laˇ sheˍ.
13 การ “มีสติ” หมายถึงอะไร? (1 ปต. 4:7) คริสเตียนที่ “มีสติ” จะพึ่งพระยะโฮวาโดยคิดก่อนว่าพระองค์มองเรื่องนั้นยังไงแล้วก็ตัดสินใจตามนั้น เขารู้ว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสัมพันธ์ที่เขามีกับพระยะโฮวา เขาจะไม่คิดถึงตัวเองมากเกินไปและไม่คิดว่าตัวเองรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง และเขาจะพึ่งพระยะโฮวาโดยอธิษฐานถึงพระองค์บ่อย ๆ a
14. Teˇ pawˆ htaˇ Peˍtruˆ Yaˬhoˉvaˬ htaꞈ gʼaˇ maˇ va ve hkʼaˬ hkʼe htaˇ le?
14 ในคืนที่พระเยซูจะเสียชีวิต ท่านเตือนสาวกของท่านว่า “คืนนี้ พวกคุณจะทิ้งผมไปหมดเพราะเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับผม” แต่เปโตรพูดด้วยความมั่นใจว่า “ถึงทุกคนจะทิ้งท่านไปหมดเพราะเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับท่าน แต่ผมจะไม่มีวันทิ้งท่านเลย” คืนเดียวกันนั้น พระเยซูได้ให้คำแนะนำกับสาวกบางคนของท่านว่า “คุณต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอและอธิษฐานอยู่เรื่อย ๆ” (มธ. 26:31, 33, 41) เปโตรไม่ได้ทำตามคำแนะนำนี้ ถ้าเขาทำตามที่พระเยซูบอก เขาก็คงมีความกล้าหาญมากพอที่จะบอกว่าตัวเขาเป็นสาวกของพระเยซู แต่เขากลับทิ้งพระเยซูนายของเขาไป ซึ่งนี่ทำให้เขารู้สึกเสียใจมาก—มธ. 26:69-75
15. Yeˍsuˆ miˬ guiˬ hkʼoˆ lo awˬ leh meuˇ teˇ haˉ chehˇ htaˇ “shaˍ tiꞈ taˍ puiˉ ve chaw” hpehꞈ ve tehꞈ hkʼaˬ hkʼe hpeuꞈ maw laˇ ve le?
15 พระเยซูพึ่งพระยะโฮวาสุดหัวใจ แม้พระเยซูเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ แต่ท่านก็อธิษฐานหลายครั้ง ซึ่งนี่ช่วยให้ท่านมีความกล้าที่จะทำทุกอย่างที่พระยะโฮวาอยากให้ท่านทำ (มธ. 26:39, 42, 44; ยน. 18:4, 5) เปโตรคงไม่มีวันลืมที่ได้เห็นพระเยซูอธิษฐานหลายต่อหลายครั้งในคืนสุดท้ายที่ท่านมีชีวิตอยู่บนโลก
16. Peˍtruˆ yawˇ “shaˍ tiꞈ taˍ puiˉ ve chaw” hpehꞈ tuˬ henˇ yuˬ ve tehꞈ hkʼaˬ hkʼe hpeuꞈ maw laˇ ve le? (1 Peˍtruˆ 4:7)
16 เมื่อเวลาผ่านไป เปโตรก็ได้เรียนรู้ที่จะพึ่งพระยะโฮวามากขึ้นโดยการอธิษฐาน หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย ท่านก็กลับมาหาเปโตรและอัครสาวกคนอื่น ๆ และให้คำรับรองว่าพวกเขาจะได้รับพลังบริสุทธิ์เพื่อจะทำงานประกาศข่าวดีตามที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จ แต่พระเยซูบอกพวกเขาว่าให้คอยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก่อนจนกว่าจะได้รับพลังนั้น (ลก. 24:49; กจ. 1:4, 5) แล้วเปโตรทำอะไรระหว่างรอ? เปโตรกับพี่น้องคนอื่น ๆ “อธิษฐานร่วมกันอยู่เสมอ” (กจ. 1:13, 14) หลังจากนั้น ตอนที่เปโตรเขียนจดหมายฉบับแรก เขาก็สนับสนุนให้พี่น้องคริสเตียนมีสติและพึ่งพระยะโฮวาโดยการอธิษฐาน (อ่าน 1 เปโตร 4:7) เปโตรได้เรียนรู้ที่จะพึ่งพระยะโฮวาและต่อมาเขาก็เป็นเสาหลักของประชาคม—กท. 2:9
17. Ngaˬ hui caˉ leh aˬ htoꞈ ma gʼa te cawˇ ve le? (Awˬ han htaꞈ nyi sheˍ.)
17 เพื่อที่เราจะมีสติ เราต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวาบ่อย ๆ เรารู้ว่าขนาดเรื่องที่เราเก่งหรือทำได้ไม่ยาก เรายังต้องพึ่งพระยะโฮวาโดยการอธิษฐาน ดังนั้น เมื่อเราต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญที่ไม่ง่าย เราก็ยิ่งต้องอธิษฐานขอการชี้นำจากพระยะโฮวาและไว้วางใจว่าพระองค์รู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเรา
เปโตรเรียนรู้ที่จะพึ่งพระยะโฮวาโดยการอธิษฐาน เราก็มีสติอยู่เสมอได้โดยอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยเราโดยเฉพาะตอนที่ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ (ดูข้อ 17)b
18. Ngaˬ hui Yaˬhoˉvaˬ dawˇ ve hkʼe maˇ maˇ henˇ yuˬ tuˬ hkʼaˬ hkʼe te gʼa ve le?
18 เรารู้สึกขอบคุณที่พระยะโฮวาสร้างเราให้สามารถแสดงคุณลักษณะเหมือนพระองค์ได้ (ปฐก. 1:26) แน่นอนว่าเราไม่สามารถเลียนแบบพระยะโฮวาได้อย่างสมบูรณ์แบบ (อสย. 55:9) แต่ขอให้เราทำเหมือนเปโตรโดยเรียนรู้ที่จะคิดเหมือนพระยะโฮวามากขึ้น ให้เราตั้งใจต่อ ๆ ไปที่จะเลียนแบบความคิดของพระยะโฮวา เป็นคนถ่อมตัว และมีสติอยู่เสมอ
KʼA MUIˬ HKAWˇ 30 Ngaˬ ve awˬ pa, ngaˬ ve Gʼuiˬ sha leh ngaˬ ve awˬ chawˇ
a สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการมีสติหมายถึงอะไร ดูบทความ “อธิบายข้อคัมภีร์” หัวเรื่อง “2 ทิโมธี 1:7—‘พระเจ้าไม่ได้ประทานใจที่ขลาดกลัวแก่เรา’” และดูที่หัวข้อย่อย “คิดอย่างสมเหตุสมผล” ในเว็บไซต์ jw.org หรือในแอป JW Library®
b คำอธิบายภาพ พี่น้องหญิงอธิษฐานเงียบ ๆ ตอนที่เธออยู่หน้าห้องสัมภาษณ์งาน