พงศ์กษัตริย์ฉบับที่สอง
1 หลังจากอาหับตายแล้ว โมอับ+ก็กบฏต่ออิสราเอล
2 ในช่วงนั้น อาหัสยาห์ตกลงมาจากช่องตะแกรงในห้องบนดาดฟ้าที่กรุงสะมาเรียและได้รับบาดเจ็บ เขาจึงสั่งพวกคนส่งข่าวว่า “ไปถามพระบาอัลเซบูบของเมืองเอโครน+ให้ทีว่าเราจะหายดีไหม”+ 3 แต่ทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาบอกเอลียาห์*+ชาวทิชบีว่า “ไปหาคนส่งข่าวของกษัตริย์สะมาเรียและบอกว่า ‘ไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลแล้วหรือ เจ้าถึงไปถามพระบาอัลเซบูบของเมืองเอโครน?+ 4 ดังนั้น พระยะโฮวาบอกว่า “เจ้าจะไม่ได้ลุกจากเตียงที่เจ้านอนอยู่นี้ เพราะเจ้าจะตายแน่”’” แล้วเอลียาห์ก็ไป
5 เมื่อพวกเขากลับมาหากษัตริย์ กษัตริย์ก็ถามทันทีว่า “กลับมาทำไมล่ะ?” 6 พวกเขาตอบว่า “มีผู้ชายคนหนึ่งมาหาพวกเรา เขาบอกพวกเราว่า ‘กลับไปหากษัตริย์ที่ส่งคุณมาและบอกเขาว่า “พระยะโฮวาพูดว่า ‘ไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลแล้วหรือ เจ้าถึงไปถามพระบาอัลเซบูบของเมืองเอโครน? ดังนั้น เจ้าจะไม่ได้ลุกจากเตียงที่เจ้านอนอยู่นี้ เพราะเจ้าจะตายแน่’”’”+ 7 กษัตริย์ก็ถามว่า “ผู้ชายที่มาพูดเรื่องนี้กับพวกคุณมีลักษณะยังไง?” 8 พวกเขาตอบว่า “เขาใส่ชุดขนสัตว์+ คาดเข็มขัดหนัง”+ กษัตริย์บอกทันทีว่า “เขาคือเอลียาห์ชาวทิชบี”
9 กษัตริย์จึงส่งหัวหน้าทหารกับลูกน้อง 50 คนไปหาเอลียาห์ ตอนนั้นเอลียาห์กำลังนั่งอยู่บนยอดเขา หัวหน้าทหารบอกว่า “คนของพระเจ้าเที่ยงแท้+ กษัตริย์บอกให้ลงมา!” 10 แต่เอลียาห์พูดกับเขาว่า “ถ้าผมเป็นคนของพระเจ้า ขอให้ไฟลงมาจากฟ้า+และเผาคุณกับลูกน้องทั้ง 50 คน” แล้วไฟก็ลงมาจากฟ้าและเผาหัวหน้าทหารกับลูกน้องทั้ง 50 คนนั้น
11 กษัตริย์ก็ส่งหัวหน้าทหารไปอีกคนหนึ่งพร้อมกับลูกน้อง 50 คน เขาไปพูดกับเอลียาห์ว่า “คนของพระเจ้าเที่ยงแท้ กษัตริย์บอกว่าให้ลงมาเร็ว ๆ!” 12 แต่เอลียาห์พูดกับเขาว่า “ถ้าผมเป็นคนของพระเจ้าเที่ยงแท้ ขอให้ไฟลงมาจากฟ้าและเผาคุณกับลูกน้องทั้ง 50 คน” แล้วไฟจากพระเจ้าก็ลงมาจากฟ้าและเผาหัวหน้าทหารกับลูกน้องทั้ง 50 คนนั้น
13 กษัตริย์ก็ส่งหัวหน้าทหารคนที่สามพร้อมกับลูกน้อง 50 คนไปหาเอลียาห์อีก แต่หัวหน้าทหารคนที่สามไปคุกเข่าต่อหน้าเอลียาห์และขอร้องเขาว่า “คนของพระเจ้าเที่ยงแท้ ได้โปรดไว้ชีวิตผมกับ 50 คนนี้ที่เป็นผู้รับใช้ของท่านด้วย 14 ไฟลงมาจากฟ้าและเผาหัวหน้าทหารกับลูกน้อง 50 คนไป 2 ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ขอไว้ชีวิตผมเถอะ”
15 แล้วทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาบอกเอลียาห์ว่า “ไปกับเขาเถอะ ไม่ต้องกลัวเขา” เอลียาห์จึงไปหากษัตริย์พร้อมกับหัวหน้าทหารคนนั้น 16 เอลียาห์บอกกษัตริย์ว่า “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลแล้วหรือ เจ้าถึงส่งคนไปถามพระบาอัลเซบูบของเมืองเอโครน?+ ทำไมเจ้าไม่ถามพระเจ้าของอิสราเอล? ดังนั้น เจ้าจะไม่ได้ลุกจากเตียงที่เจ้านอนอยู่นี้ เพราะเจ้าจะตายแน่’” 17 แล้วอาหัสยาห์ก็ตายเหมือนที่พระยะโฮวาพูดไว้ผ่านทางเอลียาห์ และเพราะเขาไม่มีลูกชาย เยโฮรัม*+จึงขึ้นเป็นกษัตริย์อิสราเอลแทน ตอนนั้นเป็นปีที่สองที่กษัตริย์เยโฮรัม+ลูกเยโฮชาฟัทปกครองยูดาห์
18 เรื่องราวที่เหลือของอาหัสยาห์+และสิ่งที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว
2 เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พระยะโฮวาจะใช้ลมพายุ+รับเอลียาห์+ขึ้นไปบนฟ้า เอลียาห์กับเอลีชา+ก็ออกจากเมืองกิลกาล+ 2 เอลียาห์บอกเอลีชาว่า “คุณอยู่ที่นี่เถอะ เพราะพระยะโฮวาสั่งให้ผมเดินทางต่อไปที่เมืองเบธเอล” แต่เอลีชาบอกว่า “ผมขอสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่และต่อท่านว่า ผมจะไม่ทิ้งท่าน” เขาทั้งสองจึงไปที่เมืองเบธเอล+ด้วยกัน 3 ลูกหลานของพวกผู้พยากรณ์*ในเมืองเบธเอลก็ออกมาหาเอลีชาและถามเขาว่า “คุณรู้ไหมว่าวันนี้พระยะโฮวาจะรับเจ้านายของคุณไปแล้ว?”+ เขาตอบว่า “ผมรู้แล้ว อย่าพูดอะไรเลย”
4 เอลียาห์บอกเอลีชาว่า “เอลีชา คุณอยู่ที่นี่เถอะ เพราะพระยะโฮวาสั่งให้ผมเดินทางต่อไปที่เมืองเยรีโค”+ แต่เอลีชาบอกว่า “ผมขอสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่และต่อท่านว่า ผมจะไม่ทิ้งท่าน” พวกเขาจึงไปที่เมืองเยรีโคด้วยกัน 5 ลูกหลานของพวกผู้พยากรณ์ในเมืองเยรีโคก็ออกมาหาเอลีชาและถามเขาว่า “คุณรู้ไหมว่าวันนี้พระยะโฮวาจะรับเจ้านายที่เป็นหัวหน้าของคุณไปแล้ว?” เขาตอบว่า “ผมรู้แล้ว อย่าพูดอะไรเลย”
6 เอลียาห์พูดกับเขาว่า “คุณอยู่ที่นี่เถอะ เพราะพระยะโฮวาสั่งให้ผมเดินทางต่อไปที่แม่น้ำจอร์แดน” แต่เอลีชาบอกว่า “ผมขอสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่และต่อท่านว่า ผมจะไม่ทิ้งท่าน” พวกเขาจึงไปด้วยกัน 7 มีลูกหลานของพวกผู้พยากรณ์ 50 คนตามไปด้วยและยืนดูอยู่ห่าง ๆ ส่วนสองคนนั้นยืนอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดน 8 เอลียาห์เอาเสื้อผู้พยากรณ์+ของเขามาม้วนและฟาดลงไปในน้ำ น้ำก็แยกออกเป็นสองข้าง เขาทั้งสองก็เดินบนดินแห้งข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง+
9 เมื่อพวกเขาข้ามไปแล้ว เอลียาห์ถามเอลีชาว่า “ก่อนที่ผมจะถูกรับตัวไป คุณอยากให้ผมทำอะไรให้คุณไหม?” เอลีชาบอกว่า “ผมขอพลังของพระเจ้าที่อยู่กับท่านสองส่วนได้ไหม?”+ 10 เขาตอบว่า “เรื่องที่คุณขอเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าคุณเห็นผมถูกรับตัวไป คุณจะได้ตามที่ขอ ถ้าไม่เห็น คุณก็จะไม่ได้”
11 ตอนที่พวกเขาเดินคุยกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีม้ากับรถม้าที่ดูเหมือนเปลวไฟ+มาแทรกระหว่างคนทั้งสอง และลมพายุก็หอบเอลียาห์ขึ้นไปบนฟ้า+ 12 เอลีชามองดูอยู่ แล้วก็ร้องว่า “พ่อของผม พ่อของผม! รถม้ากับทหารม้าของอิสราเอล!”+ เมื่อเอลียาห์ลับตาไปแล้ว เอลีชาก็ฉีกเสื้อตัวเองขาดเป็นสองส่วน+ 13 แล้วเขาก็หยิบเสื้อผู้พยากรณ์+ของเอลียาห์ที่ตกอยู่และเดินกลับไปที่ริมแม่น้ำจอร์แดน 14 เขาเอาเสื้อตัวนั้นฟาดลงไปในน้ำและพูดว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของเอลียาห์อยู่ที่ไหน?” พอเขาฟาดลงไป น้ำก็แยกออกเป็นสองข้าง และเอลีชาก็เดินข้ามไป+
15 เมื่อลูกหลานของพวกผู้พยากรณ์ที่เมืองเยรีโคเห็นเอลีชาแต่ไกลก็พูดกันว่า “พลังของพระเจ้าที่อยู่กับเอลียาห์มาอยู่กับเอลีชาแล้ว”+ พวกเขาจึงไปหาเอลีชาและหมอบลงคำนับเขา 16 พวกเขาบอกว่า “พวกเราผู้รับใช้ของท่านมีคนเก่ง ๆ อยู่ 50 คน ขอให้พวกเขาไปตามหาเจ้านายของท่านเถอะ พลัง*ของพระยะโฮวาอาจจะพาเขาไปไว้ที่ภูเขาหรือหุบเขาที่ไหนสักแห่ง”+ แต่เอลีชาบอกว่า “ไม่ต้องหรอก” 17 แต่พวกเขารบเร้าจนเอลีชาไม่สบายใจ เขาจึงบอกว่า “ส่งไปก็ได้” พวกเขาก็ส่ง 50 คนนั้นไปตามหาเอลียาห์อยู่ 3 วันแต่ไม่พบ 18 แล้วคนเหล่านั้นก็กลับมาหาเอลีชาซึ่งตอนนั้นอยู่ที่เมืองเยรีโค+ เอลีชาบอกพวกเขาว่า “ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องไป”
19 ต่อมา ชาวเมืองนั้นบอกเอลีชาว่า “นายท่านคงเห็นแล้วว่าเมืองนี้มีทำเลดี+ แต่น้ำที่นี่เป็นน้ำไม่ดีและแผ่นดินก็ไม่เกิดผล”* 20 เขาจึงบอกว่า “เอาถ้วยเล็กใบใหม่มาให้ผมใบหนึ่ง แล้วเอาเกลือใส่ในถ้วยนั้น” พวกเขาก็เอามาให้ 21 เอลีชาก็ออกไปที่ตาน้ำ เทเกลือลงไปที่ตาน้ำ+ และพูดว่า “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราทำให้น้ำนี้กลายเป็นน้ำดีแล้ว น้ำนี้จะไม่ทำให้ตายหรือเป็นหมัน*อีกต่อไป’” 22 น้ำก็กลายเป็นน้ำดีมาจนถึงทุกวันนี้ ตามที่เอลีชาพูดไว้
23 เอลีชาออกจากเมืองนั้นขึ้นไปที่เมืองเบธเอล ระหว่างทางมีเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งออกมาจากเมืองและเริ่มล้อเลียนเขา+ พวกเขาพูดว่า “ขึ้นไปสิไอ้หัวล้าน! ขึ้นไปสิไอ้หัวล้าน!” 24 ในที่สุด เอลีชาก็หันมามองเด็กพวกนั้นและแช่งพวกเขาในนามของพระยะโฮวา แล้วหมีตัวเมีย 2 ตัว+ก็ออกมาจากป่าและฉีกเด็ก 42 คนเป็นชิ้น ๆ+ 25 เอลีชาเดินทางต่อไปที่ภูเขาคาร์เมล+ แล้วก็กลับมาที่กรุงสะมาเรีย
3 ในปีที่ 18 ที่กษัตริย์เยโฮชาฟัทปกครองยูดาห์ เยโฮรัม+ลูกอาหับขึ้นเป็นกษัตริย์อิสราเอลที่กรุงสะมาเรีย และเขาปกครองเป็นเวลา 12 ปี 2 เยโฮรัมทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่ว แต่ไม่ชั่วเท่ากับพ่อแม่ของเขา เพราะเขาได้ทำลายแท่งหินศักดิ์สิทธิ์ของพระบาอัลที่พ่อของเขาทำขึ้น+ 3 แต่เยโฮรัมยังทำบาปเหมือนเยโรโบอัมลูกเนบัทที่เป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+ เขาไม่เลิกทำบาปเลย
4 กษัตริย์เมชาแห่งโมอับเลี้ยงแกะไว้มากมาย เขาเคยส่งลูกแกะ 100,000 ตัวกับแกะตัวผู้ที่ยังไม่ได้ตัดขน 100,000 ตัวมาเป็นของบรรณาการแก่กษัตริย์อิสราเอล 5 แต่พออาหับกษัตริย์อิสราเอลตาย+ กษัตริย์โมอับก็กบฏทันที+ 6 กษัตริย์เยโฮรัมจึงออกจากกรุงสะมาเรียในตอนนั้นและรวบรวมกำลังพลชาวอิสราเอล 7 เขาส่งข่าวไปหากษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ว่า “กษัตริย์โมอับกบฏต่อเราแล้ว ท่านจะไปช่วยเรารบกับโมอับไหม?” เยโฮชาฟัทตอบว่า “เราจะไป+ เพราะเรากับท่านเป็นพวกเดียวกัน ประชาชนของเราก็เหมือนประชาชนของท่าน ม้าศึกของเราก็เหมือนม้าศึกของท่าน”+ 8 เยโฮชาฟัทถามว่า “เราจะขึ้นไปทางไหนดี?” เยโฮรัมตอบว่า “ไปเส้นทางที่ผ่านที่กันดารเอโดมเถอะ”
9 กษัตริย์อิสราเอลจึงยกทัพไปพร้อมกับกษัตริย์ยูดาห์และกษัตริย์เอโดม+ หลังจากพวกเขาเดินทางอ้อมไปได้ 7 วันก็ไม่มีน้ำให้ทหารและสัตว์ของพวกเขา 10 กษัตริย์อิสราเอลจึงพูดว่า “แย่แล้ว! พระยะโฮวาเรียกกษัตริย์ 3 องค์มาให้พวกโมอับฆ่าแท้ ๆ!” 11 เยโฮชาฟัทจึงถามว่า “ที่นี่มีผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาที่เราจะถามพระยะโฮวาผ่านทางเขาไหม?”+ คนรับใช้ของกษัตริย์อิสราเอลตอบว่า “มีคนหนึ่งชื่อเอลีชา+ลูกชาฟัท เขาเคยเทน้ำล้างมือให้เอลียาห์”*+ 12 เยโฮชาฟัทบอกว่า “พระยะโฮวาพูดผ่านทางเขาแน่ ๆ” กษัตริย์อิสราเอลกับเยโฮชาฟัทและกษัตริย์เอโดมจึงลงไปหาเขา
13 เอลีชาพูดกับกษัตริย์อิสราเอลว่า “ท่านมาหาผมทำไม?*+ ไปหาพวกผู้พยากรณ์ของพ่อแม่ท่านสิ”+ แต่กษัตริย์อิสราเอลบอกเขาว่า “เราไม่ไป เพราะพระยะโฮวาเป็นผู้เรียกกษัตริย์ 3 องค์มาให้พวกโมอับฆ่า” 14 เอลีชาจึงพูดว่า “ผมสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ ผู้เป็นจอมทัพที่ผมรับใช้ว่า ถ้าไม่เห็นแก่กษัตริย์เยโฮชาฟัท+แห่งยูดาห์ ผมจะไม่มองหน้าและจะไม่สนใจท่านเลย+ 15 ไปตามคนเล่นพิณ*+มาให้ผมคนหนึ่ง” พอคนนั้นเริ่มเล่นพิณ พลังของพระยะโฮวาก็ลงมาอยู่กับเอลีชา+ 16 เอลีชาพูดว่า “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ขุดร่องหลาย ๆ ร่องในหุบเขานี้ 17 เพราะพระยะโฮวาบอกว่า “พวกเจ้าจะไม่เห็นลมและไม่เห็นฝน แต่หุบเขานี้จะมีน้ำเต็ม+ พวกเจ้าและฝูงสัตว์ของพวกเจ้าจะได้ดื่มน้ำนั้น”’ 18 นี่เป็นเรื่องง่ายสำหรับพระยะโฮวา+ เพราะพระองค์จะทำให้พวกเจ้าชนะโมอับด้วย+ 19 พวกเจ้าต้องตีเมืองที่มีป้อมปราการ+และเมืองสำคัญทุกเมือง ต้องโค่นต้นไม้ที่ดีทุกต้น ต้องอุดน้ำพุทั้งหมด และต้องเอาหินมาถมที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ทุกแห่ง”+
20 พอรุ่งเช้า เมื่อถึงเวลาถวายเครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าวในตอนเช้า+ ก็มีน้ำไหลมาจากทางเอโดมจนบริเวณนั้นเต็มไปด้วยน้ำ
21 ชาวโมอับได้ข่าวว่ามีกษัตริย์ยกทัพมาสู้กับพวกเขาจึงเรียกผู้ชายทุกคนที่ถืออาวุธได้*ให้มาตั้งรับอยู่ที่ชายแดน 22 เมื่อพวกโมอับที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งตื่นขึ้นมาตอนเช้า แสงอาทิตย์ก็ส่องบนผิวน้ำ พวกเขาเห็นว่าน้ำเป็นสีแดงเหมือนเลือด 23 พวกเขาบอกว่า “นั่นมันเลือดนี่! กษัตริย์พวกนั้นคงฆ่ากันตายหมดแล้ว พวกเราชาวโมอับไปยึดของของพวกนั้นกันเถอะ!”+ 24 เมื่อพวกโมอับเข้ามาในค่ายทหารอิสราเอล พวกอิสราเอลก็ฆ่าฟันพวกโมอับจนต้องหนีไป+ พวกอิสราเอลบุกเข้าไปในเขตโมอับ และฆ่าพวกโมอับไปตลอดทาง 25 พวกเขาทำลายเมืองต่าง ๆ และทุกคนก็ขนหินคนละก้อนไปถมที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ทุกแห่ง พวกเขาอุดน้ำพุทั้งหมด+และโค่นต้นไม้ที่ดีทุกต้น+ ในที่สุดก็เหลือแต่กำแพงหินของเมืองคีร์หะเรเชท+ที่ยังตั้งมั่นอยู่ได้ แล้วพวกทหารที่ล้อมเมืองนั้นก็เหวี่ยงก้อนหินโจมตีและทำลายเมืองนั้น
26 เมื่อกษัตริย์โมอับเห็นว่าแพ้แล้วก็นำทหารถือดาบ 700 คนฝ่าวงล้อมออกไปทางกษัตริย์เอโดม+ แต่ทำไม่สำเร็จ 27 เขาจึงเผาลูกชายคนโตที่จะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปเพื่อบูชายัญ+บนกำแพงเมือง พวกเขาโกรธแค้นอิสราเอลมาก พวกอิสราเอลจึงถอยทัพไปจากกษัตริย์โมอับและกลับไปแผ่นดินของตัวเอง
4 ภรรยาของคนหนึ่งที่เป็นลูกหลานของพวกผู้พยากรณ์+มาบอกเอลีชาว่า “สามีของฉันที่เป็นผู้รับใช้ของท่านตายแล้ว ท่านก็รู้ว่าเขาเกรงกลัวพระยะโฮวาเสมอ+ ตอนนี้เจ้าหนี้จะมาเอาตัวลูกทั้งสองคนของฉันไปเป็นทาส” 2 เอลีชาจึงบอกเธอว่า “ผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง? บอกผมเถอะ ในบ้านของคุณมีอะไรบ้าง?” เธอตอบว่า “ในบ้านฉันไม่มีอะไรเลย มีแค่น้ำมันไหเดียว”+ 3 เขาจึงบอกว่า “ไปขอภาชนะเปล่ามาจากเพื่อนบ้านให้มาก ๆ อย่าเอามาแค่สองสามใบ 4 แล้วคุณกับลูกชายก็เข้าไปในบ้านและปิดประตู เอาน้ำมันเทใส่ภาชนะทั้งหมดให้เต็ม ใบไหนเต็มก็ให้วางแยกไว้ต่างหาก” 5 แล้วเธอก็ไป
เธอกับลูกชายทั้งสองเข้าไปในบ้านและปิดประตู เมื่อลูก ๆ ส่งภาชนะให้ เธอก็เทน้ำมันใส่ไปเรื่อย ๆ+ 6 เมื่อภาชนะทั้งหมดเต็มแล้ว เธอก็บอกลูกชายคนหนึ่งว่า “ส่งมาอีกสิ”+ แต่เขาบอกว่า “ไม่มีแล้วแม่” ตอนนั้นเองน้ำมันก็หยุดไหล+ 7 เธอก็มาเล่าให้คนของพระเจ้าเที่ยงแท้ฟัง เอลีชาบอกว่า “เอาน้ำมันไปขายแล้วใช้หนี้ให้หมด ส่วนเงินที่เหลือคุณกับลูกก็เอาไว้ใช้”
8 วันหนึ่ง เอลีชาไปที่เมืองชูเนม+ ในเมืองนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนมีชื่อเสียง เธอชวนเขาไปกินอาหารที่บ้าน+ และทุกครั้งที่เขาผ่านมาทางนั้น เขาจะแวะกินอาหารที่บ้านเธอ 9 เธอจึงคุยกับสามีว่า “ฉันรู้ว่าคนที่ผ่านมาทางนี้บ่อย ๆ เป็นผู้พยากรณ์ของพระเจ้า 10 เราทำห้องเล็ก ๆ ไว้บนดาดฟ้า+ดีไหม? แล้วเอาเตียง โต๊ะ เก้าอี้ กับตะเกียงวางไว้ในห้องด้วย เขาแวะมาเมื่อไรจะได้พักในห้องนั้น”+
11 วันหนึ่งเอลีชามาที่นั่นและเข้าไปนอนในห้องบนดาดฟ้านั้น 12 เอลีชาบอกเกหะซี+คนรับใช้ของเขาว่า “ไปเรียกผู้หญิงชาวชูเนม+มา” เกหะซีก็ไปเรียกเธอมา เธอจึงมายืนตรงหน้าเอลีชา 13 เอลีชาบอกเกหะซีว่า “ช่วยถามเธอหน่อยว่า ‘คุณอุตส่าห์ทำทั้งหมดนี้ให้เรา+ ผมจะทำอะไรให้คุณได้บ้าง?+ จะให้ผมขออะไรจากกษัตริย์+หรือแม่ทัพให้คุณไหม?” แต่เธอตอบว่า “ดิฉันอยู่กับญาติพี่น้องอย่างนี้ก็สบายดีแล้ว” 14 เอลีชาจึงถามเกหะซีว่า “เราจะทำอะไรให้เธอได้บ้าง?” เกหะซีตอบว่า “เธอไม่มีลูกชายครับ+ สามีเธอก็แก่แล้ว” 15 เขาบอกทันทีว่า “ไปเรียกเธอมา” เกหะซีก็ไปเรียกเธอมา เธอจึงมายืนที่ประตู 16 เอลีชาพูดว่า “ปีหน้าเวลานี้ คุณจะได้อุ้มลูกชาย”+ แต่เธอบอกว่า “นายท่านเป็นคนของพระเจ้าเที่ยงแท้ อย่าโกหกดิฉันซึ่งเป็นผู้รับใช้ของท่านเลย”
17 แต่ต่อมาผู้หญิงคนนี้ก็ตั้งท้องและคลอดลูกชายในปีถัดมาเวลาเดียวกันนั้นเหมือนที่เอลีชาบอกไว้ 18 เด็กคนนั้นก็โตขึ้น วันหนึ่งเขาออกไปหาพ่อที่อยู่กับคนเก็บพืชผล 19 เขาบอกพ่อหลายครั้งว่า “ปวดหัว ปวดหัวจังเลย!” พ่อของเขาจึงสั่งคนรับใช้ว่า “อุ้มเขาไปหาแม่” 20 คนรับใช้อุ้มเด็กไปหาแม่ เด็กคนนั้นนั่งบนตักแม่จนถึงเที่ยงวัน แล้วก็ตาย+ 21 เธอจึงเอาลูกขึ้นไปวางบนเตียงที่คนของพระเจ้าเที่ยงแท้เคยนอน+ จากนั้นเธอออกไปแล้วปิดประตู 22 เธอไปพูดกับสามีว่า “ขอคนรับใช้คนหนึ่งกับลาตัวหนึ่งไปกับฉัน และขอให้ฉันไปหาคนของพระเจ้าเที่ยงแท้ตอนนี้เลย แล้วฉันจะกลับมา” 23 แต่สามีถามว่า “เธอจะไปหาเขาวันนี้ทำไม? วันนี้ไม่ใช่วันขึ้นเดือนใหม่+หรือวันสะบาโตสักหน่อย” เธอบอกว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง” 24 เธอเอาอานใส่บนหลังลาและสั่งคนรับใช้ว่า “ไปเร็ว ๆ อย่าชะลอความเร็วถ้าฉันไม่ได้สั่ง”
25 เธอไปหาคนของพระเจ้าเที่ยงแท้ที่ภูเขาคาร์เมล พอเขาเห็นเธอแต่ไกลก็บอกเกหะซีคนรับใช้ของเขาว่า “ผู้หญิงชาวชูเนมมาโน่นแล้ว 26 ช่วยวิ่งไปหาเธอและถามว่าเธอสบายดีไหม และสามีกับลูกของเธอเป็นยังไงบ้าง” เธอตอบเกหะซีว่า “สบายดีค่ะ” 27 เมื่อเธอมาพบคนของพระเจ้าเที่ยงแท้บนภูเขานั้น เธอก็จับเท้าเขาไว้แน่น+ เกหะซีเข้ามาเพื่อจะผลักเธอออกไป แต่คนของพระเจ้าเที่ยงแท้บอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก เธอกำลังทุกข์ใจมาก และพระยะโฮวาไม่ได้บอกผมด้วยว่าเป็นเรื่องอะไร” 28 เธอพูดว่า “ดิฉันได้ขอลูกชายจากท่านผู้เป็นนายของดิฉันหรือ? ดิฉันก็บอกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่า ‘อย่ามาให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับดิฉันเลย’?”+
29 เอลีชาจึงพูดกับเกหะซีว่า “รวบชุดยาวของคุณมาเหน็บไว้ที่เอว+ แล้วเอาไม้เท้าของผมไปด้วย ถ้าเจอใครก็ไม่ต้องหยุดทักทาย และถ้าใครทักทายก็ไม่ต้องตอบ เอาไม้เท้าของผมไปวางบนหน้าของเด็กคนนั้น” 30 แม่ของเด็กนั้นพูดว่า “ดิฉันสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่และต่อท่านว่า ดิฉันจะไม่ไปถ้าท่านไม่ไปด้วย”+ เขาจึงไปกับเธอ 31 เกหะซีล่วงหน้าพวกเขาไปก่อนและเอาไม้เท้าวางบนหน้าของเด็กนั้น แต่ไม่มีเสียงและไม่มีการตอบสนองใด ๆ+ เกหะซีกลับไปบอกเอลีชาว่า “เด็กยังไม่ฟื้น”
32 เมื่อเอลีชาเข้ามาในบ้าน เด็กคนนั้นนอนตายอยู่บนเตียงของเขา+ 33 เขาเข้าไปและปิดประตูอยู่กับเด็กตามลำพัง และเริ่มอธิษฐานถึงพระยะโฮวา+ 34 เอลีชาขึ้นไปบนเตียงและนอนทับบนตัวเด็ก ให้ปากตรงกับปาก ตาตรงกับตา และมือทาบกันพอดี เขาอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งจนตัวเด็กค่อย ๆ อุ่นขึ้น+ 35 เขาเดินไปเดินมาในบ้านและขึ้นไปบนเตียง เขานอนทับตัวเด็กอีกครั้งหนึ่ง เด็กคนนั้นก็จาม 7 ครั้งและลืมตาขึ้น+ 36 เอลีชาเรียกเกหะซีเข้ามาและบอกว่า “เรียกผู้หญิงชาวชูเนมมา” เกหะซีจึงเรียกเธอเข้ามาหาเอลีชา แล้วเอลีชาก็บอกว่า “มาอุ้มลูกของคุณไปสิ”+ 37 เธอเข้ามาหมอบลงแทบเท้าเอลีชา แล้วก็อุ้มลูกชายออกไป
38 เมื่อเอลีชากลับไปเมืองกิลกาล ตอนนั้นมีการขาดแคลนอาหารในแผ่นดิน+ ลูกหลานของพวกผู้พยากรณ์+ก็นั่งอยู่กับเอลีชา เขาสั่งคนรับใช้ว่า+ “ตั้งหม้อใบใหญ่แล้วทำอาหารให้ลูกหลานของพวกผู้พยากรณ์กิน” 39 พวกเขาคนหนึ่งออกไปเก็บผัก และเจอเถาวัลย์ป่าจึงเก็บผลของมันห่อใส่เสื้อมา พอกลับมาก็หั่นใส่ในหม้อโดยไม่รู้ว่ามันคืออะไร 40 จากนั้นพวกเขาก็ตักส่งให้ทุกคนกิน พอกินแล้วก็มีคนร้องว่า “คนของพระเจ้าเที่ยงแท้ อาหารในหม้อนี้มีพิษ!” พวกเขาจึงกินไม่ได้ 41 เอลีชาบอกว่า “เอาแป้งมา” แล้วเขาก็เอาแป้งใส่ลงในหม้อและพูดว่า “ตักส่งให้ทุกคนกิน” อาหารในหม้อนั้นจึงไม่มีพิษอีก+
42 มีชายคนหนึ่งมาจากบาอัลชาลิชาห์+ เขาเอาขนมปัง 20 ก้อนที่ทำจากข้าวบาร์เลย์รุ่นแรก+ และข้าวใหม่อีกหนึ่งถุง+มาให้คนของพระเจ้าเที่ยงแท้ เอลีชาจึงบอกว่า “เอาไปแจกให้ทุกคนกิน” 43 แต่คนรับใช้ถามว่า “ผมจะเอาอาหารแค่นี้ให้คนตั้ง 100 คนกินได้ยังไง?”+ เอลีชาตอบว่า “เอาไปแจกให้ทุกคนกินเถอะ เพราะพระยะโฮวาบอกว่า ‘พวกเขาจะกินแล้วยังมีเหลืออีก’”+ 44 เขาจึงเอาไปแจก พวกเขาก็กินและยังมีเหลืออีก+เหมือนที่พระยะโฮวาบอกไว้
5 นาอามานแม่ทัพของกษัตริย์ซีเรียเป็นคนสำคัญที่กษัตริย์ยกย่อง เพราะพระยะโฮวาช่วยให้เขานำกองทัพซีเรียเอาชนะศัตรูได้* เขาเป็นนักรบที่เก่งกล้า แต่เป็นโรคเรื้อน* 2 ในการรบครั้งหนึ่ง พวกซีเรียจับตัวเด็กหญิงคนหนึ่งมาจากประเทศอิสราเอล ภายหลังเด็กคนนี้มาเป็นคนรับใช้ของภรรยานาอามาน 3 เด็กคนนี้พูดกับนายหญิงว่า “ถ้านายท่านไปหาผู้พยากรณ์+ที่กรุงสะมาเรียก็คงจะดี เขาจะรักษานายท่านให้หายจากโรคเรื้อนได้แน่ ๆ”+ 4 เขา*จึงไปเล่าให้กษัตริย์ฟังว่าเด็กหญิงชาวอิสราเอลพูดอย่างไร
5 กษัตริย์ซีเรียจึงบอกว่า “ไปเลย แล้วเราจะส่งจดหมายไปถึงกษัตริย์อิสราเอล” เขาก็ไปและเอาเงินหนัก 10 ตะลันต์* ทองคำ 6,000 เชเขล* และเสื้อผ้า 10 ชุดไปด้วย 6 เขาเอาจดหมายมาให้กษัตริย์อิสราเอล ในจดหมายเขียนว่า “พร้อมกับจดหมายฉบับนี้ เราได้ส่งนาอามานคนรับใช้ของเรามาให้ท่านรักษาให้หายจากโรคเรื้อน” 7 พอกษัตริย์อิสราเอลอ่านจดหมาย เขาก็ฉีกเสื้อและพูดว่า “เราเป็นพระเจ้าหรือที่จะสั่งให้เป็นหรือตายได้?+ เขาส่งชายคนนี้มาหาเรา และบอกให้เรารักษาโรคเรื้อนให้ด้วย ดูสิ! เขาหาเรื่องทะเลาะกับเราแท้ ๆ”
8 แต่พอเอลีชาคนของพระเจ้าเที่ยงแท้ได้ยินว่ากษัตริย์อิสราเอลฉีกเสื้อตัวเอง เขาก็รีบส่งข่าวไปหากษัตริย์ว่า “ท่านฉีกเสื้อทำไม? ส่งชายคนนั้นมาหาผม เขาจะได้รู้ว่ามีผู้พยากรณ์อยู่ในอิสราเอล”+ 9 นาอามานก็นั่งรถม้าไป แล้วมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านเอลีชา 10 แต่เอลีชาส่งคนไปบอกเขาว่า “ไปจุ่มตัวในแม่น้ำจอร์แดน+ 7 ครั้ง+ แล้วผิวหนังของคุณจะหายดีและคุณจะสะอาด” 11 นาอามานโกรธมาก และก่อนจะออกไปเขาพูดว่า “ผมนึกว่าเขาจะออกมาหา แล้วยืนที่นี่เรียกชื่อพระยะโฮวาพระเจ้าของเขา และโบกมือเหนือแผลเพื่อรักษาผม 12 แม่น้ำอาบานาและฟารปาร์ในกรุงดามัสกัส+ไม่ดีกว่าแม่น้ำทั้งหมดในอิสราเอลหรือ? ผมจะจุ่มตัวในแม่น้ำเหล่านั้นและจะสะอาดไม่ได้หรือ?” แล้วเขาก็กลับไปด้วยความโกรธ
13 คนรับใช้ของเขาจึงมาพูดกับเขาว่า “นายท่าน* ถ้าผู้พยากรณ์บอกให้ท่านทำอะไรยาก ๆ ท่านคงจะทำไม่ใช่หรือ? แล้วนี่เขาแค่บอกให้ท่านไปจุ่มตัวในแม่น้ำและจะสะอาด ท่านก็น่าจะทำไม่ใช่หรือ?” 14 เขาจึงไปจุ่มตัวในแม่น้ำจอร์แดน 7 ครั้งตามที่คนของพระเจ้าเที่ยงแท้บอก+ แล้วผิวของเขาก็กลับเป็นเหมือนผิวของเด็ก+ และเขาก็สะอาด+
15 หลังจากนั้น นาอามานกับขบวนผู้ติดตามก็กลับไปหาคนของพระเจ้าเที่ยงแท้+ เขายืนต่อหน้าเอลีชาและพูดว่า “ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าในโลกนี้ไม่มีพระเจ้าที่ไหนอีกแล้วนอกจากที่อิสราเอล+ ขอท่านโปรดรับของขวัญ*จากผู้รับใช้ของท่านเถอะ” 16 แต่เอลีชาบอกว่า “ผมสาบานต่อพระยะโฮวาที่ผมรับใช้ว่า ผมจะไม่รับของขวัญจากคุณ”+ นาอามานรบเร้าให้เอลีชารับของขวัญ แต่เอลีชาไม่ยอมรับ 17 ในที่สุด นาอามานบอกว่า “ถ้าท่านไม่รับ ผมซึ่งเป็นผู้รับใช้ของท่านจะขอดินจากแผ่นดินนี้ใส่หลังล่อ 2 ตัวกลับไปด้วย เพราะผมจะไม่เผาเครื่องบูชาถวายพระอื่นอีกแล้วนอกจากพระยะโฮวา 18 แต่ขอพระยะโฮวาอภัยให้ผู้รับใช้ของท่านเรื่องหนึ่ง ตอนที่กษัตริย์ผู้เป็นเจ้านายของผมเข้าไปในวิหารของพระริมโมนเพื่อหมอบลงนมัสการที่นั่น ผมต้องพยุงเขาไว้ ทำให้ผมต้องก้มลงในวิหารของพระริมโมน เมื่อผมก้มลงในวิหารของพระริมโมนนั้น ขอพระยะโฮวาอภัยให้ผู้รับใช้ของท่านด้วย” 19 เอลีชาก็บอกเขาว่า “ขอให้คุณไปอย่างมีความสุข” หลังจากเขาออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่งแล้ว 20 เกหะซี+คนรับใช้ของเอลีชาคนของพระเจ้าเที่ยงแท้+ก็คิดในใจว่า ‘นายเราให้นาอามานชาวซีเรีย+กลับไปโดยไม่เอาของขวัญจากเขาเลย เราสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ว่า เราจะตามเขาไปและเอาอะไรบางอย่างกลับมาให้ได้’ 21 เกหะซีจึงตามนาอามานไป เมื่อนาอามานเห็นว่ามีคนวิ่งตามมา เขาก็ลงจากรถม้าและถามว่า “มีอะไรหรือ?” 22 เกหะซีตอบว่า “ไม่มีอะไรครับ นายของผมแค่ให้ผมมาบอกว่า เพิ่งมีชายหนุ่ม 2 คนที่เป็นลูกหลานของพวกผู้พยากรณ์มาจากเขตเทือกเขาของเอฟราอิม ขอท่านให้เงินหนัก 1 ตะลันต์*กับเสื้อผ้า 2 ชุดกับพวกเขาได้ไหม?”+ 23 นาอามานบอกว่า “เอาเงินไป 2 ตะลันต์*เลย” นาอามานคะยั้นคะยอเขา+และเอาเงินหนัก 2 ตะลันต์กับเสื้อผ้า 2 ชุดใส่ในถุง 2 ใบให้เขา แล้วให้คนรับใช้ 2 คนขนนำหน้าเกหะซีกลับมา
24 เมื่อมาถึงโอเฟล* เขาเอาของจากคนรับใช้ของนาอามานมาเก็บไว้ในบ้าน และบอกให้สองคนนั้นกลับไป พอพวกเขากลับแล้ว 25 เกหะซีก็มายืนข้าง ๆ เอลีชาเจ้านายของเขา เอลีชาถามว่า “เกหะซี คุณไปไหนมา?” แต่เขาบอกว่า “ผู้รับใช้ของท่านไม่ได้ไปไหนเลย”+ 26 เอลีชาบอกเขาว่า “คุณคิดว่าผมไม่รู้หรือว่าคุณตามคนนั้นไปและเขาก็ลงจากรถม้ามาหาคุณ? คุณคิดว่านี่เป็นเวลาที่จะรับเงิน เสื้อผ้า ไร่มะกอก ไร่องุ่น แกะ วัว และคนรับใช้ชายหญิงหรือ?+ 27 เพราะอย่างนี้ คุณกับลูกหลานของคุณจะเป็นโรคเรื้อนเหมือนนาอามาน+ตลอดไป” พอเกหะซีออกไปเขาก็เป็นโรคเรื้อนขาวเหมือนหิมะ+
6 ลูกหลานของพวกผู้พยากรณ์+พูดกับเอลีชาว่า “ที่ที่พวกเราอาศัยอยู่กับท่านคับแคบเกินไปแล้ว 2 ขอให้พวกเราไปที่แม่น้ำจอร์แดน แล้วพวกเราจะตัดไม้มาคนละท่อนและสร้างบ้านอยู่ที่นั่น” เขาบอกว่า “ไปเถอะ” 3 คนหนึ่งก็ถามว่า “ท่านจะไปกับพวกเราที่เป็นผู้รับใช้ของท่านไหม?” เขาตอบว่า “ผมจะไปด้วย” 4 เขาก็ไปกับพวกนั้น เมื่อมาถึงแม่น้ำจอร์แดนพวกเขาก็เริ่มตัดต้นไม้ 5 ตอนที่คนหนึ่งกำลังตัดต้นไม้ หัวขวานก็หลุดตกลงไปในน้ำ คนนั้นจึงร้องว่า “แย่แล้วนายท่าน! ขวานอันนี้ผมยืมเขามาด้วย!” 6 คนของพระเจ้าเที่ยงแท้ถามว่า “มันตกลงไปตรงไหน?” คนนั้นก็ชี้ให้ดู เอลีชาจึงตัดไม้ท่อนหนึ่งแล้วโยนลงไปตรงนั้น หัวขวานก็ลอยขึ้นมา 7 เขาบอกว่า “หยิบขึ้นมาสิ” คนนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบหัวขวานขึ้นมา
8 ต่อมา กษัตริย์ซีเรียทำสงครามกับอิสราเอล+ เขาปรึกษากับพวกข้าราชการว่าควรจะไปตั้งค่ายที่ไหน 9 คนของพระเจ้าเที่ยงแท้+ก็ส่งข่าวไปบอกกษัตริย์อิสราเอลว่า “ท่านอย่าไปตรงนั้น เพราะพวกซีเรียจะมาที่นั่น” 10 กษัตริย์อิสราเอลก็ส่งข่าวไปหาคนของเขาซึ่งอยู่ในที่ที่คนของพระเจ้าเตือนไว้ เอลีชาเตือนกษัตริย์เรื่อย ๆ กษัตริย์ก็หลบหลีกได้หลายครั้ง*+
11 กษัตริย์ซีเรียโมโหมาก เขาเรียกพวกข้าราชการมาถามว่า “บอกมาซิ ใครเป็นไส้ศึกเอาข่าวไปบอกกษัตริย์อิสราเอล?” 12 ข้าราชการคนหนึ่งตอบว่า “ท่านกษัตริย์ พวกเราไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ! ผู้พยากรณ์เอลีชาในอิสราเอลต่างหากที่เอาเรื่องที่ท่านพูดในห้องนอนไปบอกให้กษัตริย์อิสราเอลรู้”+ 13 กษัตริย์บอกว่า “ไปสืบมาว่าเขาอยู่ที่ไหน เราจะได้ส่งคนไปจับเขา” ต่อมา มีคนรายงานว่า “เขาอยู่ที่เมืองโดธาน”+ 14 กษัตริย์จึงส่งม้ากับรถศึกและทหารกองใหญ่ไปที่นั่น พวกเขาไปตอนกลางคืนและล้อมเมืองไว้
15 เมื่อคนรับใช้ของเอลีชาตื่นแต่เช้าและออกไปข้างนอก เขาเห็นว่ามีม้ากับรถศึกและทหารกองใหญ่ล้อมเมืองอยู่ คนรับใช้ก็รีบบอกเอลีชาว่า “แย่แล้วนายท่าน! เราจะทำยังไงกันดี?” 16 แต่เอลีชาบอกว่า “อย่ากลัวเลย!+ ผู้ที่อยู่ฝ่ายเรามีมากกว่าที่อยู่ฝ่ายเขา”+ 17 แล้วเอลีชาก็อธิษฐานว่า “พระยะโฮวา ได้โปรดเปิดตาให้เขาเห็นด้วย”+ ตอนนั้นเอง พระยะโฮวาเปิดตาของคนรับใช้ และเขาก็เห็นว่าภูเขาบริเวณนั้นเต็มไปด้วยม้าและรถศึกที่ดูเหมือนเปลวไฟ+ล้อมรอบเอลีชาอยู่!+
18 เมื่อพวกซีเรียจะมาจับตัวเอลีชา เอลีชาอธิษฐานถึงพระยะโฮวาว่า “โปรดทำให้คนพวกนี้*ตาบอด”+ พระองค์ก็ทำให้พวกเขาตาบอดตามที่เอลีชาขอ 19 เอลีชาพูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณมาผิดทางแล้ว ไม่ใช่เมืองนี้ ตามผมมา เดี๋ยวผมจะพาไปหาคนที่พวกคุณกำลังตามหาอยู่” แต่เขาพาพวกนั้นไปที่กรุงสะมาเรีย+
20 เมื่อไปถึงสะมาเรีย เอลีชาอธิษฐานว่า “พระยะโฮวา ขอเปิดตาพวกเขาให้มองเห็นด้วยเถอะ” พระยะโฮวาจึงเปิดตาพวกเขา พวกเขาก็เห็นว่ามาอยู่กลางกรุงสะมาเรีย 21 เมื่อกษัตริย์อิสราเอลเห็นคนพวกนั้น เขาก็ถามเอลีชาว่า “นายท่าน เราฆ่าพวกเขาเลยดีไหม?” 22 แต่เอลีชาตอบว่า “อย่าฆ่าพวกเขาเลย ถ้าท่านจับใครมาเป็นเชลยด้วยดาบและธนู ท่านจะฆ่าเขาหรือ? เอาอาหารกับน้ำให้พวกเขากิน+และส่งพวกเขากลับไปหาเจ้านายเถอะ” 23 เขาจึงจัดงานเลี้ยงใหญ่ให้พวกซีเรีย พวกนั้นก็กินดื่ม เสร็จแล้วเขาก็ส่งพวกนั้นกลับไปหาเจ้านาย และไม่มีกองโจรซีเรีย+เข้ามาปล้นในแผ่นดินอิสราเอลอีกเลย
24 หลังจากนั้น เบนฮาดัดกษัตริย์ซีเรียได้รวบรวมกองทัพทั้งหมดและยกไปล้อมกรุงสะมาเรีย+ 25 จึงเกิดการขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่+ในกรุงสะมาเรีย พวกเขาล้อมเมืองนี้อยู่นานจนแม้แต่หัวของลา+ยังต้องซื้อด้วยเงินหนัก 80 เชเขล* และขี้นกเขา 1 ใน 4 ขาบ*ต้องซื้อด้วยเงินหนัก 5 เชเขล* 26 เมื่อกษัตริย์อิสราเอลเดินอยู่บนกำแพงเมือง ผู้หญิงคนหนึ่งร้องเรียกเขาว่า “กษัตริย์ผู้เป็นนายของดิฉัน ช่วยพวกเราด้วย!” 27 กษัตริย์จึงพูดว่า “ถ้าพระยะโฮวาไม่ช่วยคุณ แล้วเราจะช่วยคุณได้ยังไง? คุณคิดว่าเราจะเอาข้าว เหล้าองุ่น หรือน้ำมันมาให้คุณได้หรือ?” 28 กษัตริย์ถามเธอว่า “มีเรื่องอะไรล่ะ?” เธอตอบว่า “ผู้หญิงคนนี้บอกดิฉันว่า ‘วันนี้เอาลูกชายเธอมาฆ่ากินกันเถอะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยกินลูกชายฉัน’+ 29 แล้วเราก็ต้มลูกชายของดิฉันกินกัน+ วันถัดมาดิฉันบอกเธอว่า ‘เอาลูกชายของเธอมาฆ่ากินกันเถอะ’ แต่เธอกลับเอาลูกชายไปซ่อน”
30 พอกษัตริย์ได้ยินอย่างนั้น เขาก็ฉีกเสื้อของตัวเอง+ เมื่อเขาเดินไปบนกำแพง ประชาชนก็เห็นว่าเขาใส่ผ้ากระสอบอยู่ข้างใน* 31 เขาพูดว่า “ถ้าวันนี้หัวของเอลีชาลูกชาฟัทไม่หลุดจากบ่า ก็ขอให้พระเจ้าลงโทษเราให้หนักกว่านั้นอีก!”+
32 ตอนนั้น เอลีชานั่งอยู่ในบ้านของเขากับพวกผู้นำ กษัตริย์ส่งผู้ชายคนหนึ่งเดินทางมาก่อน แต่ตอนที่คนนั้นยังมาไม่ถึง เอลีชาพูดกับพวกผู้นำว่า “พวกคุณเห็นไหมว่าลูกฆาตกร+คนนี้ส่งคนมาตัดหัวผม? คอยดูให้ดี ถ้าคนนั้นมาถึงให้พวกคุณปิดประตูและดันไว้อย่าให้เข้ามาได้ กษัตริย์ผู้เป็นนายของเขาก็ตามมาติด ๆ” 33 เอลีชาพูดยังไม่ทันขาดคำ ผู้ชายคนนั้นก็มาถึง และกษัตริย์พูดว่า “พระยะโฮวาทำให้เกิดหายนะครั้งนี้ แล้วทำไมเราต้องรอคอยพระยะโฮวาอีก?”
7 เอลีชาจึงบอกว่า “ขอให้ฟังพระยะโฮวา พระยะโฮวาบอกว่า ‘พรุ่งนี้เวลาประมาณนี้ที่ประตูเมือง*สะมาเรีย แป้งละเอียด 1 ซีห์*จะซื้อขายกันด้วยเงินหนัก 1 เชเขล* และข้าวบาร์เลย์ 2 ซีห์*จะซื้อขายกันด้วยเงินหนัก 1 เชเขล’”+ 2 นายทหารที่กษัตริย์ไว้ใจพูดกับคนของพระเจ้าเที่ยงแท้ว่า “ต่อให้พระยะโฮวาเปิดประตูท้องฟ้า เรื่องที่คุณพูดก็เป็นไปไม่ได้หรอก”+ เอลีชาจึงบอกว่า “แล้วคุณจะเห็น+ แต่จะไม่ได้กิน”+
3 มีคนเป็นโรคเรื้อน 4 คนอยู่ที่ประตูเมือง+ พวกเขาคุยกันว่า “เราจะนั่งรอความตายอยู่ที่นี่ทำไม? 4 ถ้าเราเข้าไปในเมืองที่ไม่มีอาหารให้กิน+เราคงจะตายที่นั่น แต่ถ้าเรานั่งอยู่ที่นี่เราก็ตายอยู่ดี ให้เราไปที่ค่ายทหารซีเรียกันเถอะ ถ้าพวกเขาไว้ชีวิตเรา เราก็จะรอด แต่ถ้าพวกเขาฆ่าเรา เราก็ตายเท่านั้นเอง” 5 พอคุยกันแล้ว พวกเขาพากันไปที่ค่ายทหารซีเรียในตอนค่ำ เมื่อเข้าไปในเขตค่ายทหารก็ไม่เห็นใครเลย
6 ที่เป็นอย่างนั้นเพราะพระยะโฮวาทำให้ทหารซีเรียได้ยินเสียงม้าและรถศึกเป็นกองทัพใหญ่+ พวกซีเรียจึงพูดกันว่า “กษัตริย์อิสราเอลจ้างกษัตริย์ฮิตไทต์กับกษัตริย์อียิปต์มาสู้กับเราแน่เลย!” 7 ในคืนนั้น พวกเขาจึงรีบหนีไป ทิ้งเต็นท์ ม้า ลา และค่ายทั้งค่ายไว้อย่างนั้น แล้วหนีเอาชีวิตรอด
8 เมื่อคนเป็นโรคเรื้อนเข้าไปในเขตค่ายทหาร พวกเขาเข้าไปในเต็นท์หลังหนึ่ง กินและดื่มกัน แล้วก็ขนเงิน ทอง และเสื้อผ้าเอาไปซ่อนไว้ จากนั้นพวกเขากลับมาขนของในเต็นท์อีกหลังหนึ่งและเอาไปซ่อนไว้ด้วย
9 แล้วพวกเขาก็คุยกันว่า “เราทำอย่างนี้ไม่ถูกนะ วันนี้เป็นวันที่มีข่าวดี ถ้าเราไม่บอกใครจนถึงเช้า เราอาจจะถูกลงโทษ เราไปรายงานเรื่องนี้ที่วังของกษัตริย์กันเถอะ” 10 พวกเขาจึงไปเรียกคนเฝ้าประตูเมืองและบอกว่า “เราไปที่ค่ายทหารซีเรียมา แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่นและเราไม่ได้ยินเสียงใครเลย มีแต่ม้ากับลาผูกอยู่ เต็นท์ทั้งหมดก็ถูกทิ้งไว้” 11 พวกคนเฝ้าประตูเมืองจึงรายงานไปที่วังของกษัตริย์ทันที
12 กษัตริย์ก็ตื่นขึ้นมากลางดึกและบอกพวกคนรับใช้ว่า “เรารู้แล้วว่าพวกซีเรียจะทำอะไร พวกนั้นรู้ว่าพวกเราหิวโหย+ก็เลยออกจากค่ายไปซ่อนอยู่ในทุ่ง พวกเขาคิดว่าพวกเราจะออกมาจากเมือง แล้วพวกเขาก็จะจับพวกเราและเข้ามายึดเมือง”+ 13 คนรับใช้คนหนึ่งจึงบอกกษัตริย์ว่า “โปรดสั่งให้บางคนเอาม้าที่เหลือในเมืองนี้สัก 5 ตัวออกไปดู ถ้าพวกเขาถูกฆ่ามันก็ไม่ได้แย่ไปกว่ายังอยู่ในเมืองนี้ เพราะพวกเขาก็ต้องตายเหมือนชาวอิสราเอลคนอื่น ๆ อยู่ดี” 14 พวกเขาจึงเอาม้ากับรถม้าไป 2 คัน กษัตริย์ส่งพวกเขาไปที่ค่ายทหารซีเรียและสั่งว่า “ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น” 15 พวกเขาตามพวกซีเรียไปจนถึงแม่น้ำจอร์แดน และเห็นเสื้อผ้ากับข้าวของเครื่องใช้ของพวกซีเรียตกอยู่ตลอดทาง พวกซีเรียทิ้งของเหล่านี้ไว้ตอนที่กำลังหนีไปด้วยความกลัว คนของกษัตริย์ก็กลับไปรายงานตามนั้น
16 ชาวอิสราเอลก็ออกไปยึดข้าวของในค่ายทหารซีเรีย แป้งละเอียด 1 ซีห์จึงซื้อขายกันด้วยเงินหนัก 1 เชเขล และข้าวบาร์เลย์ 2 ซีห์ซื้อขายกันด้วยเงินหนัก 1 เชเขลตามที่พระยะโฮวาบอกไว้+ 17 กษัตริย์ได้สั่งนายทหารที่กษัตริย์ไว้ใจให้เฝ้าประตูเมืองไว้ แต่นายทหารคนนั้นถูกชาวเมืองเหยียบตายอยู่ที่ประตูเมือง อย่างที่คนของพระเจ้าเที่ยงแท้บอกตอนที่กษัตริย์ไปหาเขา 18 เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นตามที่คนของพระเจ้าเที่ยงแท้บอกกษัตริย์ไว้ว่า “พรุ่งนี้เวลานี้ที่ประตูเมืองสะมาเรีย ข้าวบาร์เลย์ 2 ซีห์*จะซื้อขายกันด้วยเงินหนัก 1 เชเขล* และแป้งละเอียด 1 ซีห์*จะซื้อขายกันด้วยเงินหนัก 1 เชเขล”+ 19 แต่ตอนนั้นนายทหารที่กษัตริย์ไว้ใจพูดกับคนของพระเจ้าเที่ยงแท้ว่า “ต่อให้พระยะโฮวาเปิดประตูท้องฟ้า เรื่องที่คุณพูดก็เป็นไปไม่ได้หรอก” เอลีชาจึงบอกว่า “แล้วคุณจะเห็น แต่จะไม่ได้กิน” 20 แล้วเรื่องนี้ก็เกิดกับเขาจริง ๆ เพราะเขาถูกชาวเมืองเหยียบตายอยู่ที่ประตูเมือง
8 เอลีชาพูดกับผู้หญิงที่เขาเคยปลุกลูกชายของเธอให้ฟื้นขึ้นจากตาย+ว่า “พาครอบครัวย้ายไปอาศัยอยู่ที่อื่นเถอะ ไปที่ที่คุณจะอยู่ได้ เพราะพระยะโฮวาประกาศว่าจะมีการขาดแคลนอาหาร+ในแผ่นดินนี้ 7 ปี” 2 ผู้หญิงคนนี้จึงทำตามที่คนของพระเจ้าเที่ยงแท้บอก เธอกับครอบครัวพากันไปอยู่ในแผ่นดินฟีลิสเตีย+ 7 ปี
3 พอ 7 ปีผ่านไป ผู้หญิงคนนี้ก็กลับมาจากแผ่นดินฟีลิสเตีย แล้วไปอ้อนวอนกษัตริย์ขอบ้านและไร่นาของตัวเองคืน 4 ตอนนั้นกษัตริย์กำลังพูดกับเกหะซีคนรับใช้ของเอลีชาว่า “เล่าให้เราฟังหน่อยว่าเอลีชาทำการอัศจรรย์อะไรบ้าง”+ 5 ขณะที่เกหะซีกำลังเล่าให้กษัตริย์ฟังเรื่องที่เอลีชาปลุกคนตาย+ ผู้หญิงที่เอลีชาเคยปลุกลูกชายของเธอให้ฟื้นขึ้นจากตายก็เข้ามาหากษัตริย์เพื่ออ้อนวอนขอบ้านและไร่นาของเธอ+ เกหะซีก็พูดขึ้นว่า “กษัตริย์ผู้เป็นนายของผม ผู้หญิงคนนี้แหละที่ผมพูดถึง และนี่ก็คือลูกชายของเธอที่เอลีชาปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย” 6 กษัตริย์จึงถามผู้หญิงคนนั้น เธอก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง กษัตริย์จึงสั่งข้าราชสำนักคนหนึ่งว่า “เอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของผู้หญิงคนนี้คืนให้เธอ รวมทั้งผลผลิตทั้งหมดที่ได้จากไร่นาของเธอตั้งแต่เธอออกไปจนถึงเดี๋ยวนี้ด้วย”
7 เอลีชาไปที่กรุงดามัสกัส+ตอนที่กษัตริย์เบนฮาดัด+แห่งซีเรียกำลังป่วย จึงมีคนไปรายงานกษัตริย์ว่า “คนของพระเจ้าเที่ยงแท้+มาที่นี่แล้ว” 8 กษัตริย์จึงบอกฮาซาเอล+ว่า “เอาของขวัญไปให้คนของพระเจ้าเที่ยงแท้+ และให้เขาถามพระยะโฮวาว่าเราจะหายป่วยไหม” 9 ฮาซาเอลจึงไปหาเอลีชาและเอาของดีทุกอย่างในกรุงดามัสกัสใส่หลังอูฐ 40 ตัวไปให้เขา ฮาซาเอลมายืนต่อหน้าเอลีชาและพูดว่า “กษัตริย์เบนฮาดัดแห่งซีเรียลูกของท่านส่งผมมาถามว่ากษัตริย์จะหายป่วยไหม?” 10 เอลีชาตอบว่า “ไปบอกเขาว่า ‘ท่านจะหายป่วยแน่’ แต่พระยะโฮวาบอกให้ผมรู้ว่าเขาจะตายแน่”+ 11 เอลีชาจ้องหน้าฮาซาเอลจนเขาอึดอัด แล้วเอลีชาก็ร้องไห้ 12 ฮาซาเอลถามว่า “นายท่านร้องไห้ทำไม?” เขาตอบว่า “เพราะผมรู้ว่าคุณจะทำร้ายชาวอิสราเอลยังไงบ้าง+ คุณจะเผาป้อมปราการของพวกเขา จะฆ่าฟันยอดนักรบ จะฆ่าลูกของพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม และจะผ่าท้องผู้หญิงที่ตั้งครรภ์”+ 13 ฮาซาเอลบอกว่า “ผู้รับใช้ของท่านเป็นเหมือนหมาตัวหนึ่งจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?” แต่เอลีชาบอกว่า “พระยะโฮวาบอกให้ผมรู้ว่าคุณจะเป็นกษัตริย์ปกครองซีเรีย”+
14 ฮาซาเอลจึงกลับไปหากษัตริย์ผู้เป็นเจ้านายของเขา กษัตริย์ก็ถามว่า “เอลีชาพูดอะไรกับคุณบ้าง?” เขาตอบว่า “เขาบอกผมว่าท่านจะหายป่วยแน่”+ 15 แต่วันถัดมา ฮาซาเอลเอาผ้าคลุมเตียงชุบน้ำปิดหน้ากษัตริย์จนขาดใจตาย+ แล้วฮาซาเอลก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน+
16 ในปีที่ 5 ที่เยโฮรัม+ลูกอาหับเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ตอนนั้นเยโฮชาฟัทเป็นกษัตริย์ยูดาห์ เยโฮรัม+ลูกเยโฮชาฟัทก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ยูดาห์ด้วย 17 เยโฮรัมลูกเยโฮชาฟัทอายุ 32 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ และปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 8 ปี 18 เขาเลียนแบบกษัตริย์อิสราเอล+ และทำเหมือนกษัตริย์ในราชวงศ์อาหับ+ เพราะเขาแต่งงานกับลูกสาวของอาหับ+และทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่ว+ 19 แต่พระยะโฮวาไม่อยากทำลายยูดาห์เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์+ เพราะพระองค์ได้สัญญาว่าดาวิดและลูกหลานจะมีผู้สืบบัลลังก์*+ต่อ ๆ ไป
20 ในสมัยของเยโฮรัม เอโดมกบฏต่อยูดาห์+และตั้งกษัตริย์ของตัวเองขึ้นมา+ 21 เยโฮรัมจึงยกกองทัพรถศึกข้ามไปที่ศาอีร์ เขาบุกโจมตีตอนกลางคืน เอาชนะชาวเอโดมซึ่งกำลังรุมล้อมเขากับพวกผู้บัญชาการรถศึก แล้วทหารเอโดมก็หนีกลับเต็นท์ของตัวเอง 22 แต่เอโดมก็ยังกบฏต่อยูดาห์จนถึงทุกวันนี้ ตอนนั้นเมืองลิบนาห์+ก็กบฏด้วย
23 เรื่องราวที่เหลือของเยโฮรัมและทุกอย่างที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว 24 เยโฮรัมก็ตายไปตามปู่ย่าตายาย และถูกฝังไว้กับปู่ย่าตายายที่เมืองของดาวิด+ แล้วอาหัสยาห์ลูกชายของเขา+ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
25 ในปีที่ 12 ที่เยโฮรัมลูกอาหับเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล อาหัสยาห์ลูกเยโฮรัมก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์+ 26 อาหัสยาห์อายุ 22 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 1 ปี แม่ของเขาชื่ออาธาลิยาห์+เป็นหลานสาว*ของกษัตริย์อมรี+แห่งอิสราเอล 27 เขาเลียนแบบกษัตริย์ในราชวงศ์อาหับ+ และทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วเหมือนกับคนในราชวงศ์นั้นเพราะเขาเป็นญาติกับราชวงศ์อาหับ+ 28 เขาไปกับเยโฮรัมลูกอาหับเพื่อทำสงครามกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งซีเรียที่เมืองราโมทกิเลอาด+ ตอนนั้นพวกซีเรียทำให้เยโฮรัมได้รับบาดเจ็บ+ 29 กษัตริย์เยโฮรัมจึงกลับไปที่เมืองยิสเรเอล+ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการรบกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งซีเรีย+ที่เมืองรามาห์* อาหัสยาห์ลูกกษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์ก็ไปที่เมืองยิสเรเอลเพื่อเยี่ยมเยโฮรัมลูกอาหับเพราะเขาได้รับบาดเจ็บ*
9 ผู้พยากรณ์เอลีชาเรียกลูกหลานคนหนึ่งของพวกผู้พยากรณ์มาสั่งว่า “รวบชุดยาวของคุณมาเหน็บไว้ที่เอว แล้วรีบเอาน้ำมันขวดนี้ไปที่เมืองราโมทกิเลอาด+ 2 เมื่อไปถึง ให้มองหาเยฮู+ลูกเยโฮชาฟัทหลานนิมชี แล้วให้เขาลุกออกมาจากพวกพี่น้องและพาเขาเข้าไปในห้องชั้นใน 3 เอาน้ำมันขวดนี้เทลงบนหัวของเขาและพูดว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า “เราเจิมเจ้าเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล”’+ แล้วรีบเปิดประตูหนีออกมาให้เร็วที่สุด”
4 คนรับใช้ของผู้พยากรณ์จึงออกเดินทางไปเมืองราโมทกิเลอาด 5 พอไปถึง พวกแม่ทัพก็นั่งกันอยู่ที่นั่น เขาบอกว่า “ผมมีข่าวมาถึงท่านแม่ทัพ” เยฮูถามว่า “แม่ทัพคนไหนล่ะ?” เขาตอบว่า “ท่านนั่นแหละ” 6 เยฮูจึงลุกขึ้นและเข้าไปในบ้าน คนรับใช้ของผู้พยากรณ์ก็เทน้ำมันลงบนหัวของเขาและบอกว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราเจิมเจ้าเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลประชาชนของพระยะโฮวา+ 7 เจ้าต้องกวาดล้างราชวงศ์อาหับเจ้านายของเจ้า เรายะโฮวาจะได้แก้แค้นแทนพวกผู้พยากรณ์ของเราและแก้แค้นแทนผู้รับใช้ของเราทุกคนที่ตายเพราะถูกเยเซเบลฆ่า+ 8 และทุกคนในราชวงศ์อาหับจะต้องตาย เราจะกำจัดผู้ชาย*ทุกคนในตระกูลของอาหับแม้จะเป็นคนต่ำต้อยที่สุดในอิสราเอล+ 9 และเราจะทำให้ราชวงศ์ของอาหับเป็นเหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัม+ลูกเนบัทและเหมือนราชวงศ์ของบาอาชา+ลูกอาหิยาห์ 10 ส่วนเยเซเบลจะถูกหมากินในที่ดินผืนหนึ่งในเมืองยิสเรเอล+ และจะไม่มีใครฝังศพเธอ’” พอพูดจบเขาก็เปิดประตูหนีไป+
11 เมื่อเยฮูกลับไปหาแม่ทัพคนอื่น ๆ พวกเขาก็ถามเยฮูว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? คนบ้าคนนั้นมาหาท่านทำไม?” เขาตอบว่า “พวกคุณก็เห็นว่าเขาบ้า เขาก็พูดแบบคนบ้านั่นแหละ” 12 แต่พวกเขาตอบว่า “ไม่จริง! บอกพวกเรามาเถอะ” เยฮูจึงพูดว่า “เขาบอกผมว่า ‘พระยะโฮวาพูดว่า “เราเจิมเจ้าเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล”’”+ 13 พอได้ยินอย่างนั้น แม่ทัพทุกคนจึงถอดเสื้อคลุมของตนปูบนบันไดให้เยฮูยืนบนนั้น+ พวกเขาเป่าแตรเขาสัตว์และร้องว่า “เยฮูเป็นกษัตริย์แล้ว!”+ 14 แล้วเยฮู+ลูกเยโฮชาฟัทหลานนิมชีจึงวางแผนกำจัดเยโฮรัม
ก่อนหน้านั้น เยโฮรัมนำกองทัพอิสราเอลไปสู้กับกษัตริย์ฮาซาเอล+แห่งซีเรียที่เมืองราโมทกิเลอาด+ 15 แล้วกษัตริย์เยโฮรัมก็กลับไปเมืองยิสเรเอล+เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการรบกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งซีเรีย+
เยฮูพูดว่า “ถ้าพวกคุณเห็นด้วยก็อย่าปล่อยให้ใครออกจากเมืองไปส่งข่าวที่ยิสเรเอลได้” 16 แล้วเยฮูก็ขึ้นรถม้าขับไปเมืองยิสเรเอล เพราะเยโฮรัมนอนเจ็บอยู่ที่นั่น และกษัตริย์อาหัสยาห์แห่งยูดาห์ก็กำลังเยี่ยมเยโฮรัมอยู่ 17 เมื่อคนเฝ้ายามที่อยู่บนหอคอยเมืองยิสเรเอลเห็นเยฮูกับพรรคพวกกลุ่มใหญ่กำลังมา เขาก็รีบไปแจ้งว่า “ผมเห็นคนกลุ่มหนึ่งมา” เยโฮรัมสั่งว่า “ส่งทหารม้าออกไปถามพวกเขาซิว่า ‘คุณมาดีหรือ?’” 18 ทหารม้าจึงออกไปหาเยฮูและถามว่า “กษัตริย์ถามว่า ‘คุณมาดีหรือ?’” แต่เยฮูตอบว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ! ไปอยู่ข้างหลังโน่น!”
คนเฝ้ายามก็รายงานว่า “ทหารคนนั้นไปเจอพวกเขาแล้ว แต่ไม่กลับมา” 19 เขาจึงส่งทหารม้าอีกคนหนึ่งไปหาเยฮูและถามว่า “กษัตริย์ถามว่า ‘คุณมาดีหรือ?’” แต่เยฮูตอบว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ! ไปอยู่ข้างหลังโน่น!”
20 คนเฝ้ายามก็รายงานอีกว่า “ทหารคนนั้นไปเจอพวกเขาแล้ว แต่ไม่กลับมา คนที่ขับรถม้าท่าทางเหมือนเยฮูหลานชาย*นิมชี เพราะเขาขับมาอย่างบ้าคลั่ง” 21 เยโฮรัมสั่งว่า “เตรียมรถม้า!” พวกเขาจึงเตรียมรถม้าให้ กษัตริย์เยโฮรัมแห่งอิสราเอลและกษัตริย์อาหัสยาห์+แห่งยูดาห์จึงขึ้นรถม้าคนละคันไปหาเยฮู ทั้งสองไปเจอเยฮูตรงที่ดินของนาโบท+ชาวยิสเรเอล
22 เมื่อเยโฮรัมเห็นเยฮูก็ถามว่า “เยฮู คุณมาดีหรือ?” เยฮูตอบว่า “จะมาดีได้ยังไงในเมื่อเยเซเบล+แม่ของท่านยังทำตัวเป็นโสเภณีและใช้วิชาอาคมมากมาย?”+ 23 เยโฮรัมก็รีบเลี้ยวรถหนี และร้องบอกอาหัสยาห์ว่า “เราถูกหลอกแล้วอาหัสยาห์!” 24 เยฮูก็คว้าธนูมายิงถูกกลางหลังของเยโฮรัม ลูกธนูทะลุหัวใจ แล้วเขาก็ล้มลงในรถม้า 25 เยฮูพูดกับบิดคาร์นายทหารของเขาว่า “จับตัวเขาโยนลงในที่ดินของนาโบทชาวยิสเรเอล+ จำได้ไหมวันนั้นเราสองคนขับรถม้าติดตามอาหับพ่อของเขาแล้วพระยะโฮวาก็ประกาศคำพิพากษาเกี่ยวกับอาหับว่า+ 26 ‘พระยะโฮวาบอกว่า “เมื่อวานเราเห็นเลือดของนาโบท+กับลูกชายของเขา” พระยะโฮวาบอกอีกว่า “เราจะให้เจ้าชดใช้+ความผิดบนที่ดินผืนนี้แหละ”’ เพราะฉะนั้น ไปจับตัวเขาโยนลงในที่ดินผืนนี้ตามที่พระยะโฮวาพูดไว้เถอะ”+
27 เมื่อกษัตริย์อาหัสยาห์+แห่งยูดาห์เห็นอย่างนั้น เขาก็หนีไปทางบ้านสวน (ต่อมา เยฮูไล่ตามไปและสั่งว่า “ฆ่าเขาด้วย!” พวกเขาก็ฟันอาหัสยาห์ในรถม้าตอนที่เขากำลังจะหนีไปที่กูร์ ซึ่งอยู่ใกล้เมืองอิบเลอัม+ แต่อาหัสยาห์หนีต่อไปจนถึงเมืองเมกิดโดและสิ้นใจที่นั่น 28 คนรับใช้ของอาหัสยาห์ก็เอาศพของเขาใส่รถม้าไปที่กรุงเยรูซาเล็มและฝังเขาไว้กับปู่ย่าตายายของเขาที่เมืองของดาวิด+ 29 อาหัสยาห์+ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ในปีที่ 11 ที่เยโฮรัมลูกอาหับปกครองอิสราเอล)
30 เมื่อเยฮูมาถึงเมืองยิสเรเอล+ เยเซเบล+ก็ได้ข่าว เธอจึงทาตาด้วยสีดำ ทำผมอย่างสวยงามและมองลงมาจากหน้าต่าง 31 พอเยฮูเข้าประตูมา เธอก็พูดว่า “จำได้ไหม ศิมรีที่ฆ่าเจ้านายตัวเองมีจุดจบยังไง?”+ 32 เยฮูมองขึ้นไปที่หน้าต่างและถามว่า “มีใครอยู่ฝ่ายเราบ้าง? มีใครไหม?”+ ข้าราชสำนักสองสามคนก็มองลงมาที่เขาทันที 33 เขาสั่งว่า “จับเธอโยนลงมา!” พวกเขาก็โยนเยเซเบลลงไป เลือดเธอกระเด็นเปื้อนกำแพงและตัวม้า เยฮูก็บังคับม้าให้เหยียบเธอ 34 หลังจากนั้นเยฮูก็เข้าไปข้างใน กินและดื่ม แล้วสั่งว่า “ช่วยจัดการฝังศพผู้หญิงที่ถูกแช่งคนนี้ให้ที เพราะถึงยังไงเธอก็เป็นลูกสาวกษัตริย์”+ 35 แต่พอพวกเขาจะเอาศพเธอไปฝัง พวกเขาก็เห็นแต่หัวกะโหลกกับเท้าและฝ่ามือ+ 36 เมื่อพวกเขากลับไปบอกเยฮู เขาก็พูดว่า “เรื่องนี้เป็นไปตามที่พระยะโฮวาพูดไว้+ทางเอลียาห์ชาวทิชบีผู้รับใช้ของพระองค์ว่า ‘หมาจะกินเนื้อเยเซเบลในที่ดินผืนหนึ่งในเมืองยิสเรเอล+ 37 และศพของเยเซเบลจะกลายเป็นปุ๋ยบนที่ดินในเมืองยิสเรเอล เพื่อจะไม่มีใครบอกได้ว่า “นี่คือเยเซเบล”’”
10 อาหับ+มีลูกชาย 70 คนอยู่ที่สะมาเรีย เยฮูจึงเขียนจดหมายส่งไปที่สะมาเรีย ถึงพวกเจ้านายของเมืองยิสเรเอล พวกผู้นำ+ และพี่เลี้ยงของลูก ๆ อาหับ*ว่า 2 “เมื่อพวกคุณได้รับจดหมายฉบับนี้ ลูกของเจ้านายก็อยู่กับพวกคุณ และพวกคุณยังมีรถศึก ม้า เมืองที่มีป้อมปราการ และอาวุธด้วย 3 ให้พวกคุณเลือกลูกคนหนึ่งของเจ้านายที่เป็นคนดีและเหมาะสม*ที่สุด ตั้งเขาเป็นกษัตริย์แทนพ่อของเขา แล้วให้พวกคุณสู้เพื่อปกป้องราชวงศ์ของเจ้านายของพวกคุณ”
4 แต่พวกเขากลัวและพูดกันว่า “ถ้ากษัตริย์ 2 องค์ยังสู้เขาไม่ได้+ แล้วเราจะสู้เขาได้ยังไง?” 5 แล้วผู้ดูแลวัง เจ้าเมือง พวกผู้นำ และพวกพี่เลี้ยงจึงส่งข่าวไปถึงเยฮูว่า “พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน พวกเราจะทำทุกอย่างที่ท่านสั่ง พวกเราจะไม่ตั้งใครเป็นกษัตริย์ เชิญทำตามที่ท่านเห็นชอบเถอะ”
6 แล้วเยฮูก็เขียนจดหมายฉบับที่สองไปถึงพวกเขาว่า “ถ้าพวกคุณอยู่ฝ่ายผมและพร้อมจะเชื่อฟังผม ให้ตัดหัวลูกชายเจ้านายพวกคุณแล้วเอามาให้ผมพรุ่งนี้เวลานี้ที่เมืองยิสเรเอล”
ตอนนั้นลูกชาย 70 คนของกษัตริย์อยู่กับพวกคนสำคัญในเมืองที่เลี้ยงดูพวกเขามา 7 พอได้รับจดหมาย พวกเขาก็ฆ่าลูกชาย 70 คนของกษัตริย์+ และเอาหัวใส่ตะกร้าส่งไปให้เยฮูที่เมืองยิสเรเอล 8 ผู้ส่งข่าวเข้ามารายงานเยฮูว่า “พวกเขาเอาหัวลูกชายของกษัตริย์มาแล้ว” เยฮูจึงสั่งว่า “เอาไปกองไว้ 2 กองที่หน้าประตูเมืองจนถึงเช้า” 9 เมื่อเยฮูออกไปตอนเช้า เขาไปยืนต่อหน้าประชาชนและพูดว่า “พวกคุณไม่มีความผิด* ผมเป็นคนวางแผนกำจัดเจ้านายของผมและฆ่าเขาเอง+ แต่ใครที่ฆ่าคนเหล่านี้ล่ะ? 10 ขอให้พวกคุณรู้ไว้ว่าคำพิพากษาของพระยะโฮวาที่พระยะโฮวาพูดไว้เกี่ยวกับราชวงศ์ของอาหับจะเป็นจริงทุกคำ+ และพระยะโฮวาได้ทำตามที่พูดผ่านทางเอลียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว”+ 11 เยฮูยังได้ฆ่าทุกคนในราชวงศ์อาหับที่เหลืออยู่ในยิสเรเอล รวมทั้งพวกคนสำคัญ เพื่อน ๆ และปุโรหิตของอาหับ+ เขาไม่ปล่อยให้ใครรอดเลย+
12 แล้วเยฮูก็ไปที่กรุงสะมาเรีย ทางที่เขาไปนั้นมีโรงตัดขนแกะอยู่ 13 ที่นั่นเยฮูเจอพี่น้องของกษัตริย์อาหัสยาห์+แห่งยูดาห์ เยฮูก็ถามพวกเขาว่า “พวกคุณเป็นใคร?” พวกเขาตอบว่า “พวกเราเป็นพี่น้องของอาหัสยาห์ กำลังไปเยี่ยมพวกลูกชายกษัตริย์และลูกชายของราชมารดา” 14 เยฮูจึงสั่งทันทีว่า “จับพวกเขาไว้!” คนของเขาก็จับพวกนั้นและเอาไปฆ่าที่บ่อเก็บน้ำของโรงตัดขนแกะ รวมทั้งหมด 42 คน เขาไม่ปล่อยให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว+
15 พอออกจากที่นั่น เยฮูเจอเยโฮนาดับ+ลูกเรคาบ+ที่ออกมาหาเขา เมื่อทักทาย*กันเยฮูถามว่า “ใจคุณตรงกับใจผมเหมือนที่ใจผมตรงกับใจคุณไหม?”
เยโฮนาดับตอบว่า “ใช่”
เยฮูบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นยื่นมือมา”
เยโฮนาดับก็ยื่นมือไป และเยฮูดึงเขาขึ้นไปบนรถม้า 16 เยฮูบอกว่า “ไปกับผม และคุณจะเห็นว่าผมไม่ยอมให้ใครเป็นคู่แข่งของ*พระยะโฮวา”+ เยโฮนาดับจึงไปกับเขา 17 แล้วเยฮูก็ไปถึงกรุงสะมาเรีย เขาฆ่าทุกคนในราชวงศ์อาหับที่เหลืออยู่ในกรุงสะมาเรีย+ตามที่พระยะโฮวาพูดไว้ผ่านทางเอลียาห์+
18 แล้วเยฮูก็เรียกประชาชนมาชุมนุมกันและพูดว่า “อาหับนมัสการพระบาอัลน้อยไป+ เยฮูจะนมัสการมากกว่านั้นอีก 19 ไปเรียกผู้พยากรณ์+ ผู้นมัสการและปุโรหิตของพระบาอัล+มาให้หมด อย่าให้ขาดแม้แต่คนเดียว เพราะผมจะถวายเครื่องบูชาครั้งใหญ่ให้พระบาอัล ถ้าใครไม่มาจะต้องตาย” แต่ที่จริงเยฮูวางแผนกำจัดคนที่นมัสการพระบาอัล
20 เยฮูพูดต่อไปว่า “ประกาศออกไปว่าจะมีการชุมนุมใหญ่เพื่อบูชาพระบาอัล” พวกเขาก็ประกาศออกไป 21 หลังจากนั้น เยฮูส่งข่าวไปทั่วอิสราเอล และทุกคนที่นมัสการพระบาอัลก็มา ไม่ขาดแม้แต่คนเดียว พวกเขาพากันเข้าไปในวิหารของพระบาอัล+จนแน่นวิหารนั้น 22 เขาสั่งคนที่ดูแลห้องเก็บเสื้อผ้าว่า “เอาเสื้อผ้ามาให้ผู้นมัสการพระบาอัลทุกคน” เขาก็เอาเสื้อผ้าไปให้คนเหล่านั้น 23 แล้วเยฮูกับเยโฮนาดับ+ลูกเรคาบก็เข้าไปในวิหารของพระบาอัล เยฮูพูดกับผู้นมัสการพระบาอัลว่า “ค้นให้ทั่ว! อย่าให้ผู้นมัสการพระยะโฮวาอยู่ที่นี่ ให้มีแต่ผู้นมัสการพระบาอัลเท่านั้น” 24 ในที่สุด พวกเขาก็เข้าไปถวายเครื่องบูชาและเครื่องบูชาเผา เยฮูให้คนของเขา 80 คนอยู่ข้างนอกและสั่งไว้ว่า “ถ้าคุณปล่อยให้คนที่เราสั่งให้ฆ่าหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว คุณจะต้องตายแทนคนนั้น”
25 พอเยฮูเผาเครื่องบูชาเสร็จ เขาก็สั่งองครักษ์และพวกนายทหารว่า “เข้ามาฆ่าพวกเขา! อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”+ องครักษ์กับพวกนายทหารก็ฆ่าฟันพวกเขาและโยนศพออกมาข้างนอก พวกทหารไล่ฆ่าพวกนั้นไปจนถึงสถานบูชาชั้นใน*ของวิหารพระบาอัล 26 แล้วพวกเขาก็เอาแท่งหินศักดิ์สิทธิ์+ทั้งหมดในวิหารพระบาอัลออกไปเผา+ 27 พวกเขาทำลายแท่งหินศักดิ์สิทธิ์+ของพระบาอัล และรื้อวิหารของพระบาอัล+แล้วทำเป็นส้วมสาธารณะจนถึงทุกวันนี้
28 เยฮูจึงกำจัดพระบาอัลให้หมดไปจากอิสราเอล 29 แต่เยฮูยังทำบาปเหมือนเยโรโบอัมลูกเนบัทที่เป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด เขาไม่ได้ทำลายรูปลูกวัวทองคำที่เมืองเบธเอลและเมืองดาน+ 30 พระยะโฮวาจึงบอกเยฮูว่า “เพราะเจ้าทำดี ทำสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง และจัดการกับราชวงศ์อาหับ+ตามที่เราต้องการ ลูกหลานของเจ้าสี่รุ่นจะได้นั่งบนบัลลังก์อิสราเอล”+ 31 แต่เยฮูไม่ได้ทำตามกฎหมายของพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลสุดหัวใจ+ เขาไม่ได้เลิกทำบาปเหมือนเยโรโบอัมลูกเนบัทที่เป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+
32 ในสมัยนั้น พระยะโฮวาปล่อยให้อิสราเอลสูญเสียดินแดนไปทีละส่วน ฮาซาเอลบุกโจมตีหลายเขตของอิสราเอลอยู่เรื่อย ๆ+ 33 ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนไปทางตะวันออก และดินแดนทั้งหมดในกิเลอาด ซึ่งเป็นเขตตระกูลกาด รูเบน และมนัสเสห์+ และตั้งแต่เมืองอาโรเออร์ที่อยู่ใกล้หุบเขาอาร์โนนจนถึงกิเลอาดและบาชาน+
34 เรื่องราวที่เหลือของเยฮู รวมทั้งทุกอย่างที่เขาทำและความยิ่งใหญ่ของเขาก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว 35 เยฮูก็ตายไปตามปู่ย่าตายายและถูกฝังไว้ที่กรุงสะมาเรีย แล้วเยโฮอาหาส+ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน 36 กษัตริย์เยฮูแห่งอิสราเอลปกครองที่กรุงสะมาเรียเป็นเวลา 28 ปี
11 เมื่ออาธาลิยาห์+แม่ของอาหัสยาห์เห็นว่าลูกชายตัวเองตายแล้ว+ เธอก็ฆ่าลูกทุกคนของกษัตริย์+ 2 แต่เยโฮเชบาลูกสาวของกษัตริย์เยโฮรัม พี่สาวของอาหัสยาห์ แอบเอาตัวเยโฮอาช+ลูกอาหัสยาห์ไปจากพวกลูกของกษัตริย์ที่จะต้องถูกประหาร แล้วเอาเขากับแม่นมไปซ่อนไว้ที่ห้องนอนชั้นใน พวกเขาซ่อนเยโฮอาชไว้ไม่ให้อาธาลิยาห์รู้ เขาจึงไม่ถูกประหาร 3 เยโฮอาชซ่อนตัวอยู่กับแม่นม 6 ปีในวิหารของพระยะโฮวา ช่วงนั้นอาธาลิยาห์ก็ปกครองประเทศ
4 ในปีที่ 7 เยโฮยาดาส่งคนไปเรียกหัวหน้ากองร้อยขององครักษ์คารีและพวกหัวหน้ากองร้อยของทหารองครักษ์ประจำวัง+มาหาเขาที่วิหารของพระยะโฮวา เยโฮยาดาทำข้อตกลง*กับพวกเขาและให้พวกเขาสาบานที่วิหารของพระยะโฮวา แล้วเยโฮยาดาก็พาลูกกษัตริย์ออกมา+ 5 เยโฮยาดาสั่งพวกเขาว่า “พวกคุณต้องทำอย่างนี้ ให้พวกคุณแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะเข้าเวรในวันสะบาโตและจะต้องเฝ้าวังของกษัตริย์ไว้ให้ดี+ 6 อีกกลุ่มหนึ่งจะเฝ้าอยู่ที่ประตูฐานราก ส่วนกลุ่มที่สามจะเฝ้าอยู่ที่ประตูด้านหลังกองทหารองครักษ์ประจำวัง แล้วพวกคุณต้องสับเปลี่ยนกันมาเฝ้าวิหารด้วย 7 พวกคุณ 2 กลุ่มที่ไม่ได้เข้าเวรในวันสะบาโตต้องเฝ้าวิหารของพระยะโฮวาให้ดีเพื่อปกป้องกษัตริย์ 8 พวกคุณต้องคอยคุ้มกันรอบตัวกษัตริย์ ทุกคนต้องถืออาวุธไว้ ถ้าใครฝ่าแถวทหารเข้ามาก็ให้ฆ่าซะ ทุกคนต้องอยู่กับกษัตริย์ตลอดไม่ว่าท่านจะไปที่ไหน”
9 พวกหัวหน้ากองร้อย+ทำตามที่ปุโรหิตเยโฮยาดาสั่งทุกอย่าง ทุกคนก็พาคนของตัวเองทั้งที่เข้าเวรและไม่ได้เข้าเวรในวันสะบาโตมาหาปุโรหิตเยโฮยาดา+ 10 แล้วปุโรหิตก็เอาหอกและโล่กลมของกษัตริย์ดาวิดที่อยู่ในวิหารของพระยะโฮวามาให้พวกหัวหน้ากองร้อย 11 ทหารองครักษ์ประจำวัง+ทุกคนก็ถืออาวุธและเข้าประจำที่ ตั้งแต่ฝั่งขวาถึงฝั่งซ้ายของวิหาร ข้างแท่นบูชา+ และข้างวิหาร พวกเขาอยู่รอบตัวกษัตริย์ 12 เยโฮยาดาก็พาลูกกษัตริย์+ออกมา สวมมงกุฎให้เขา แล้วเอาม้วนหนังสือกฎหมายของพระเจ้า+วางบนหัวเขา พวกเขาเจิมและตั้งเยโฮอาชเป็นกษัตริย์ ประชาชนก็ปรบมือและโห่ร้องว่า “ขอให้กษัตริย์อายุยืนยาว!”+
13 เมื่ออาธาลิยาห์ได้ยินเสียงคนวิ่ง เธอก็รีบมาหาฝูงชนที่วิหารของพระยะโฮวา+ 14 เธอเห็นกษัตริย์ยืนอยู่ข้างเสาตามธรรมเนียม+ พวกหัวหน้ากองร้อยและคนเป่าแตร+ก็อยู่กับกษัตริย์ ประชาชนทุกคนรื่นเริงยินดีและเป่าแตร อาธาลิยาห์ก็ฉีกเสื้อและตะโกนว่า “กบฏ! กบฏ!” 15 แต่ปุโรหิตเยโฮยาดาสั่งพวกหัวหน้ากองร้อย+ที่ดูแลทหารว่า “เอาตัวเธอออกไป ถ้าใครตามเธอไปก็ฆ่าคนนั้นด้วย!” เพราะปุโรหิตเคยสั่งไว้ว่า “อย่าฆ่าเธอในวิหารของพระยะโฮวา” 16 พวกเขาก็จับตัวเธอ และเมื่อพาตัวไปถึงประตูที่ให้ม้าเข้าออกวังกษัตริย์+ พวกเขาก็ฆ่าเธอที่นั่น
17 แล้วเยโฮยาดาก็ให้กษัตริย์กับประชาชนทำสัญญากับพระยะโฮวา+ว่าพวกเขาจะเป็นประชาชนของพระยะโฮวาต่อไป และเขายังให้กษัตริย์กับประชาชนทำสัญญาต่อกันด้วย+ 18 หลังจากนั้น ประชาชนทั้งหมดก็พากันมาที่วิหารของพระบาอัล รื้อทำลายแท่นบูชาของพระบาอัล+ ทุบรูปเคารพพระบาอัลทั้งหมดจนแหลก+ และฆ่ามัททานปุโรหิตของพระบาอัล+ข้างหน้าแท่นบูชาเหล่านั้น
แล้วปุโรหิตเยโฮยาดาก็แต่งตั้งบางคนให้ดูแลวิหารของพระยะโฮวา+ 19 และเขาให้หัวหน้ากองร้อย+ พวกองครักษ์คารี พวกองครักษ์ประจำวัง+ และประชาชนทุกคนเชิญกษัตริย์จากวิหารของพระยะโฮวาไปที่วังของกษัตริย์ โดยเข้าทางประตูกองทหารองครักษ์ประจำวัง แล้วกษัตริย์ก็นั่งบนบัลลังก์+ 20 ประชาชนทั้งหมดในแผ่นดินก็รื่นเริงยินดี และเมืองก็สงบสุขเพราะอาธาลิยาห์ถูกฆ่าแล้วที่วังของกษัตริย์
21 เยโฮอาช+ขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่ออายุได้ 7 ปี+
12 ในปีที่ 7 ที่เยฮูปกครอง+ เยโฮอาช+ขึ้นเป็นกษัตริย์ยูดาห์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 40 ปี แม่ของเขาชื่อศิบียาห์จากเมืองเบเออร์เชบา+ 2 เยโฮอาชทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าถูกต้องตลอดช่วงที่ปุโรหิตเยโฮยาดายังสั่งสอนเขาอยู่ 3 แต่เขาไม่ได้ทำลายสถานบูชาบนที่สูง+ และประชาชนยังเผาเครื่องบูชาบนที่สูงเหล่านั้น
4 เยโฮอาชบอกพวกปุโรหิตว่า “ขอให้รวบรวมเงินที่ประชาชนเอามาถวายที่วิหารของพระยะโฮวา+ คือเงินภาษีที่ประชาชนแต่ละคนต้องจ่าย+ เงินที่ต้องจ่ายเมื่อสาบาน และเงินที่ประชาชนถวายให้วิหารของพระยะโฮวาตามความสมัครใจ+ 5 ปุโรหิตจะเป็นผู้รวบรวมเงินจากคนที่ถวาย*เพื่อเอาไปใช้ซ่อมแซมวิหารในส่วนที่ชำรุด”*+
6 พอถึงปีที่ 23 ที่กษัตริย์เยโฮอาชปกครอง พวกปุโรหิตก็ยังไม่ได้ซ่อมแซมวิหาร+ 7 กษัตริย์เยโฮอาชจึงเรียกปุโรหิตเยโฮยาดา+กับปุโรหิตคนอื่น ๆ มาและพูดกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านยังไม่ได้ซ่อมวิหาร? ดังนั้น อย่ารับเงินจากคนที่ถวายอีกเลยถ้าไม่ได้เอาไปซ่อมวิหาร”+ 8 พวกปุโรหิตจึงตกลงว่าจะไม่รับเงินจากประชาชนอีก และจะไม่เป็นผู้รับผิดชอบในการซ่อมแซมวิหารด้วย
9 ปุโรหิตเยโฮยาดาจึงเอาหีบมาใบหนึ่ง+ เจาะรูที่ฝาแล้วเอาไปวางไว้ข้างแท่นบูชาทางด้านขวาของผู้ที่เข้ามาในวิหารของพระยะโฮวา ปุโรหิตที่เฝ้าประตูจะเอาเงินทั้งหมดที่คนนำมาถวายให้วิหารของพระยะโฮวาใส่ไว้ในหีบนั้น+ 10 พอเห็นว่ามีเงินในหีบมากแล้ว เลขานุการของกษัตริย์กับมหาปุโรหิตจะมารวบรวม*และนับเงินที่คนนำมาถวายที่วิหารของพระยะโฮวา+ 11 พวกเขาจะเอาเงินที่นับแล้วไปให้คนที่ดูแลงานซ่อมแซมวิหารของพระยะโฮวา แล้วคนเหล่านั้นก็เอาไปให้ช่างไม้และช่างก่อสร้างที่ซ่อมแซมวิหารของพระยะโฮวา+ 12 และเอาเงินนั้นไปให้ช่างก่อและช่างสกัดหิน รวมทั้งเอาไปซื้อไม้กับหินสกัดเพื่อซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดในวิหารของพระยะโฮวา และใช้เงินนั้นสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการซ่อมแซมวิหารด้วย
13 แต่พวกเขาไม่ได้เอาเงินที่ประชาชนนำมาถวายที่วิหารของพระยะโฮวาไปทำอ่างเงิน กรรไกรตัดไส้ตะเกียง ถ้วย แตร+ หรือเครื่องใช้ที่ทำด้วยทองคำและเงินสำหรับใช้ในวิหารของพระยะโฮวา+ 14 พวกเขาเอาเงินนั้นให้กับคนที่ทำงานเพื่อจะใช้ในการซ่อมแซมวิหารของพระยะโฮวาเท่านั้น 15 คนที่รับเงินเพื่อเอาไปจ่ายให้คนงานไม่ต้องทำบัญชี เพราะพวกเขาไว้ใจได้+ 16 แต่เงินที่ประชาชนเอามาถวายพร้อมกับเครื่องบูชาไถ่ความผิด+และเครื่องบูชาไถ่บาปนั้นพวกเขาไม่ได้ใช้เพื่อซ่อมแซมวิหารของพระยะโฮวา เงินนั้นเป็นของพวกปุโรหิต+
17 ตอนนั้นกษัตริย์ฮาซาเอล+แห่งซีเรียขึ้นไปโจมตีเมืองกัท+ เขายึดเมืองนั้นได้ แล้วก็ตัดสินใจจะโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม+ 18 กษัตริย์เยโฮอาชแห่งยูดาห์จึงเอาของถวายทั้งหมดของกษัตริย์องค์ก่อน ๆ คือเยโฮชาฟัท เยโฮรัม และอาหัสยาห์ รวมทั้งของถวายของเขาเอง กับทองคำทั้งหมดในคลังวิหารของพระยะโฮวาและในวังของกษัตริย์ ส่งไปให้กษัตริย์ฮาซาเอลแห่งซีเรีย+ ฮาซาเอลจึงถอนทัพไปจากกรุงเยรูซาเล็ม
19 เรื่องราวที่เหลือของเยโฮอาชและทุกอย่างที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว 20 พวกข้าราชสำนักคบคิดกันวางแผนกำจัดเยโฮอาช+ และฆ่าเขาที่ป้อมบนเนินดิน*+ตอนที่เขากำลังไปที่สิลลา 21 ข้าราชสำนักที่ฆ่าเขาคือโยซาคาร์ลูกชิเมอัทและเยโฮซาบาดลูกโชเมอร์+ เขาถูกฝังไว้กับปู่ย่าตายายในเมืองของดาวิด แล้วอามาซิยาห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน+
13 ในปีที่ 23 ที่กษัตริย์เยโฮอาช+ลูกอาหัสยาห์+ปกครองยูดาห์ เยโฮอาหาสลูกเยฮู+ ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล เขาปกครองที่กรุงสะมาเรีย 17 ปี 2 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วและทำบาปเหมือนเยโรโบอัมลูกเนบัทซึ่งเป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+ เขาไม่เลิกทำบาปเลย 3 พระยะโฮวาจึงโกรธอิสราเอลมาก+ และพระองค์ปล่อยให้กษัตริย์ฮาซาเอล+แห่งซีเรียและเบนฮาดัด+ลูกฮาซาเอลมาเอาชนะพวกเขาหลายครั้ง
4 ต่อมา เยโฮอาหาสได้อ้อนวอนขอพระยะโฮวาเมตตา และพระยะโฮวาก็ฟังเขา เพราะพระองค์เห็นว่ากษัตริย์ซีเรียกดขี่อิสราเอลมาก+ 5 พระยะโฮวาจึงให้มีคนมาช่วยอิสราเอล+ให้พ้นจากเงื้อมมือพวกซีเรีย และชาวอิสราเอลก็ได้อยู่ในบ้านของตัวเองเหมือนแต่ก่อน* 6 (แต่พวกเขายังทำบาปเหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัมซึ่งเป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+ พวกเขาไม่เลิกทำบาป และเสาศักดิ์สิทธิ์+ก็ยังมีอยู่ในสะมาเรีย) 7 เยโฮอาหาสมีทหารม้าเหลืออยู่เพียง 50 คน มีรถม้า 10 คัน และทหารราบ 10,000 คน เพราะกษัตริย์ซีเรียทำลายกองทัพอิสราเอลจนเกือบหมด+ และบดขยี้พวกเขาจนเป็นเหมือนฝุ่นบนลานนวดข้าว+
8 เรื่องราวที่เหลือของเยโฮอาหาส ทุกอย่างที่เขาทำและความยิ่งใหญ่ของเขาก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว 9 เยโฮอาหาสก็ตายไปตามปู่ย่าตายายและถูกฝังไว้ที่กรุงสะมาเรีย+ แล้วเยโฮอาชลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
10 ในปีที่ 37 ที่กษัตริย์เยโฮอาชปกครองยูดาห์ เยโฮอาช+ลูกเยโฮอาหาสก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล เขาปกครองที่สะมาเรีย 16 ปี 11 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วและทำบาปเหมือนเยโรโบอัมลูกเนบัทที่เป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+ เขาไม่เลิกทำบาปเลย
12 เรื่องราวที่เหลือของเยโฮอาช ทุกอย่างที่เขาทำและความยิ่งใหญ่ของเขาและเรื่องที่เขาทำสงครามกับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์+ ก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว 13 เยโฮอาชก็ตายไปตามปู่ย่าตายาย แล้วเยโรโบอัม*+ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน เยโฮอาชถูกฝังไว้กับกษัตริย์องค์อื่น ๆ ของอิสราเอลที่กรุงสะมาเรีย+
14 เมื่อเอลีชา+ป่วยหนักและกำลังจะตาย กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลมาเยี่ยมเขาแล้วร้องไห้คร่ำครวญว่า “พ่อของผม พ่อของผม! รถม้ากับทหารม้าของอิสราเอล!”+ 15 เอลีชาบอกเขาว่า “เอาคันธนูกับลูกธนูมา” เขาก็เอามา 16 เอลีชาพูดกับกษัตริย์อิสราเอลว่า “จับคันธนูไว้” เขาก็จับคันธนู แล้วเอลีชาก็เอามือของตนจับมือกษัตริย์ไว้ 17 เอลีชาบอกว่า “เปิดหน้าต่างทางตะวันออก” เขาก็เปิดหน้าต่าง เอลีชาบอกว่า “ยิง!” เขาก็ยิง เอลีชาบอกว่า “นั่นคือลูกธนูแห่งชัยชนะ*ของพระยะโฮวา ชัยชนะ*เหนือพวกซีเรีย! ท่านจะเอาชนะพวกซีเรียได้อย่างเด็ดขาดที่เมืองอาเฟค”+
18 เอลีชาพูดต่อไปว่า “เอาลูกธนูมา” เยโฮอาชก็เอามา เอลีชาบอกกษัตริย์อิสราเอลว่า “เอาลูกธนูตีพื้น” เขาก็เอาลูกธนูตีพื้น 3 ครั้งแล้วหยุด 19 คนของพระเจ้าเที่ยงแท้โกรธเขาและพูดว่า “ท่านน่าจะตีพื้นสัก 5 หรือ 6 ครั้ง แล้วท่านจะเอาชนะพวกซีเรียได้อย่างเด็ดขาด แต่ตอนนี้ท่านจะชนะพวกซีเรียได้แค่ 3 ครั้ง”+
20 หลังจากนั้น เอลีชาก็ตายและถูกฝังไว้ มีกองโจรชาวโมอับ+เข้ามาปล้นแผ่นดินตอนต้นปี*ทุกปี 21 ตอนนั้นมีคนกำลังฝังศพชายคนหนึ่ง พอเห็นกองโจรเข้ามา พวกเขาก็รีบโยนศพนั้นลงไปในที่ฝังศพของเอลีชาแล้ววิ่งหนีไป เมื่อศพของชายคนนั้นไปโดนกระดูกของเอลีชา ชายคนนั้นก็ฟื้นขึ้นจากตาย+และลุกขึ้นยืน
22 กษัตริย์ฮาซาเอล+แห่งซีเรียกดขี่อิสราเอล+ตลอดสมัยของเยโฮอาหาส 23 แต่พระยะโฮวาก็เมตตาและคอยช่วยเหลือพวกอิสราเอล+เพราะเห็นแก่สัญญาที่พระองค์ให้ไว้กับอับราฮัม+ อิสอัค+ และยาโคบ+ พระองค์ไม่อยากทำลายพวกเขา และพระองค์ไม่ปล่อยให้พวกเขาสาบสูญไปจนถึงทุกวันนี้ 24 หลังจากกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งซีเรียตายแล้ว เบนฮาดัดลูกของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน 25 เยโฮอาชลูกเยโฮอาหาสก็ยึดเมืองต่าง ๆ คืนจากเบนฮาดัดลูกฮาซาเอล เมืองเหล่านี้ฮาซาเอลเคยยึดไปตอนทำสงครามกับเยโฮอาหาสพ่อของเยโฮอาช เยโฮอาชเอาชนะเบนฮาดัด 3 ครั้ง+และยึดเมืองของอิสราเอลคืนมาได้
14 ในปีที่ 2 ที่กษัตริย์เยโฮอาช+ลูกเยโฮอาหาสปกครองอิสราเอล อามาซิยาห์ลูกกษัตริย์เยโฮอาชแห่งยูดาห์ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ 2 อามาซิยาห์อายุ 25 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี แม่ของเขาชื่อเยโฮอัดดีนเป็นชาวเยรูซาเล็ม+ 3 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าถูกต้อง แต่ก็ไม่เหมือนดาวิด+บรรพบุรุษของเขา เขาทำทุกอย่างเหมือนเยโฮอาชพ่อของเขา+ 4 แต่เขาไม่ได้ทำลายสถานบูชาบนที่สูง+ และประชาชนยังเผาเครื่องบูชาบนที่สูงเหล่านั้น+ 5 พออามาซิยาห์ปกครองอาณาจักรได้อย่างมั่นคงแล้ว เขาก็ประหารข้าราชสำนักที่ฆ่าพ่อของเขา+ 6 แต่เขาไม่ได้ฆ่าลูกของคนเหล่านั้นเพราะเขาเชื่อฟังคำสั่งของพระยะโฮวาที่เขียนไว้ในกฎหมายของโมเสสว่า “อย่าประหารพ่อเพราะความผิดของลูก และอย่าประหารลูกเพราะความผิดของพ่อ แต่ละคนจะถูกประหารชีวิตเพราะความผิดของตัวเอง”+ 7 เขาฆ่าฟันพวกเอโดม+ 10,000 คนที่หุบเขาเกลือ+และยึดเมืองเสลาได้+ เขาเปลี่ยนชื่อเมืองนั้นเป็นโยกเธเอลจนถึงทุกวันนี้
8 แล้วอามาซิยาห์ก็ส่งคนไปหาเยโฮอาชซึ่งเป็นลูกเยโฮอาหาสและเป็นหลานกษัตริย์เยฮูแห่งอิสราเอลเพื่อบอกว่า “ให้เรามารบกัน”*+ 9 กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลจึงส่งข่าวไปหากษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ว่า “ต้นหนามในเลบานอนส่งข่าวไปหาต้นสนซีดาร์ในเลบานอนว่า ‘ยกลูกสาวของเจ้าให้เป็นภรรยาลูกชายข้าเถอะ’ แต่สัตว์ป่าตัวหนึ่งในเลบานอนเดินผ่านมาเหยียบต้นหนามนั้น 10 ท่านเอาชนะพวกเอโดมได้+ท่านเลยหยิ่งผยอง เชิญภาคภูมิใจกับความสำเร็จของท่านเถอะ แต่อย่าออกมาจากวังของท่านเลย ท่านจะหาเรื่องให้ตัวเองพินาศและพาให้ยูดาห์เดือดร้อนไปด้วยทำไมล่ะ?” 11 แต่อามาซิยาห์ไม่ยอมฟัง+
กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลจึงยกทัพมา และเผชิญหน้ากับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ที่เมืองเบธเชเมช+ของยูดาห์+ 12 ยูดาห์แพ้อิสราเอล ทหารยูดาห์จึงพากันหนีกลับไปบ้าน*ของตัวเอง 13 กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลจับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ซึ่งเป็นลูกเยโฮอาชและเป็นหลานอาหัสยาห์ได้ที่เมืองเบธเชเมช แล้วพวกเขาก็พากันมาที่กรุงเยรูซาเล็ม กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลทำลายกำแพงกรุงเยรูซาเล็มตั้งแต่ประตูเอฟราอิม+จนถึงประตูมุม+ เป็นระยะทาง 400 ศอก* 14 เขายึดทองคำและเงินทั้งหมดกับเครื่องใช้ทุกอย่างในวิหารของพระยะโฮวาและในคลังทรัพย์ที่วังของกษัตริย์ไป และยังจับตัวเชลยไปด้วย แล้วเยโฮอาชก็กลับกรุงสะมาเรีย
15 เรื่องราวที่เหลือของเยโฮอาช ทั้งงานที่เขาทำและความยิ่งใหญ่ของเขารวมถึงเรื่องที่เขารบกับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ ก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว 16 เยโฮอาชก็ตายไปตามปู่ย่าตายายและถูกฝังไว้กับกษัตริย์องค์อื่น ๆ ของอิสราเอลที่กรุงสะมาเรีย+ แล้วเยโรโบอัม*+ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
17 หลังจากเยโฮอาช+ลูกกษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งอิสราเอล+ตายแล้ว อามาซิยาห์+ลูกเยโฮอาชกษัตริย์ยูดาห์ก็มีชีวิตต่อไปอีก 15 ปี 18 เรื่องราวที่เหลือของอามาซิยาห์ก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว 19 มีคนวางแผนกำจัดอามาซิยาห์+ที่กรุงเยรูซาเล็ม เขาจึงหนีไปเมืองลาคีช แต่พวกนั้นส่งคนไปตามล่าเขาที่เมืองลาคีชและฆ่าเขาที่นั่น 20 แล้วพวกเขาก็เอาศพของอามาซิยาห์ใส่รถม้ากลับมา และเขาถูกฝังไว้กับปู่ย่าตายายที่เมืองของดาวิด+ในกรุงเยรูซาเล็ม 21 ประชาชนชาวยูดาห์ก็ตั้งอาซาริยาห์*+เป็นกษัตริย์แทนอามาซิยาห์พ่อของเขา+ ตอนนั้นอาซาริยาห์อายุ 16 ปี+ 22 เขาสร้างเมืองเอลัท+ขึ้นใหม่ และยึดกลับมาเป็นของยูดาห์หลังจากกษัตริย์*ตายไปตามปู่ย่าตายายแล้ว+
23 ในปีที่ 15 ที่อามาซิยาห์ลูกกษัตริย์เยโฮอาชปกครองยูดาห์ เยโรโบอัม+ลูกกษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงสะมาเรีย 41 ปี 24 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่ว เขาทำบาปเหมือนเยโรโบอัมลูกเนบัทที่เป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+ 25 เขายึดดินแดนที่เคยเป็นของอิสราเอลกลับมา ตั้งแต่เลโบฮามัท*+ไปจนถึงทะเลอาราบาห์*+ ตามที่พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกไว้ผ่านทางผู้พยากรณ์โยนาห์+ลูกอามิททัยผู้รับใช้ของพระองค์ที่มาจากเมืองกัทเฮเฟอร์+ 26 เพราะพระยะโฮวาเห็นความทุกข์แสนสาหัสของอิสราเอล+ และไม่เหลือใครที่จะช่วยอิสราเอลได้เลย แม้แต่คนต่ำต้อยที่สุดก็ไม่เหลือ 27 แต่พระยะโฮวาเคยสัญญาว่าจะไม่ลบชื่ออิสราเอลให้สาบสูญไปจากโลก+ พระองค์จึงใช้เยโรโบอัมลูกเยโฮอาชช่วยพวกเขา+
28 เรื่องราวที่เหลือของเยโรโบอัม ทุกอย่างที่เขาทำและความยิ่งใหญ่ของเขา รวมถึงเรื่องที่เขาทำสงครามและยึดกรุงดามัสกัส+กับเมืองฮามัท+กลับมาเป็นของยูดาห์ในอิสราเอล ก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว 29 เยโรโบอัมก็ตายไปตามปู่ย่าตายายและถูกฝังไว้กับกษัตริย์องค์อื่น ๆ ของอิสราเอล แล้วเศคาริยาห์+ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
15 ในปีที่ 27 ที่กษัตริย์เยโรโบอัม*ปกครองอิสราเอล อาซาริยาห์*+ลูกอามาซิยาห์+ขึ้นเป็นกษัตริย์ยูดาห์+ 2 เขาอายุ 16 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 52 ปี แม่ของเขาชื่อเยโคลียาห์เป็นชาวเยรูซาเล็ม 3 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าถูกต้องเหมือนอามาซิยาห์พ่อของเขา+ 4 แต่เขาไม่ได้ทำลายสถานบูชาบนที่สูง+ และประชาชนยังเผาเครื่องบูชาบนที่สูงเหล่านั้น+ 5 พระยะโฮวาทำให้กษัตริย์อาซาริยาห์เป็นโรคเรื้อน+จนถึงวันที่เขาตาย เขาต้องแยกไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง+ ในช่วงนั้นโยธาม+ลูกของเขาเป็นผู้ปกครองดูแลวังและตัดสินคดีของประชาชนในแผ่นดิน+ 6 เรื่องราวที่เหลือของอาซาริยาห์+และทุกอย่างที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว 7 อาซาริยาห์ก็ตายไปตามปู่ย่าตายาย+และถูกฝังไว้กับปู่ย่าตายายที่เมืองของดาวิด แล้วโยธามลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
8 ในปีที่ 38 ที่กษัตริย์อาซาริยาห์+ปกครองยูดาห์ เศคาริยาห์+ลูกเยโรโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์อิสราเอล เขาปกครองที่กรุงสะมาเรีย 6 เดือน 9 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วเหมือนบรรพบุรุษของเขา เขาทำบาปเหมือนเยโรโบอัมลูกเนบัทที่เป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+ 10 ชัลลูมลูกยาเบชได้วางแผนกำจัด+เศคาริยาห์ เขาฆ่าเศคาริยาห์ที่เมืองอิบเลอัม+แล้วขึ้นเป็นกษัตริย์แทน 11 เรื่องราวที่เหลือของเศคาริยาห์ก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว 12 เรื่องนี้เป็นไปตามที่พระยะโฮวาพูดกับเยฮูว่า “ลูกหลานของเจ้าสี่รุ่น+จะได้นั่งบนบัลลังก์อิสราเอล”+ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง
13 ชัลลูมลูกยาเบชขึ้นเป็นกษัตริย์อิสราเอลในปีที่ 39 ที่กษัตริย์อุสซียาห์+ปกครองยูดาห์ ชัลลูมปกครองที่กรุงสะมาเรีย 1 เดือนเต็ม 14 แล้วเมนาเฮมซึ่งเป็นลูกของกาดีก็มาจากเมืองทีร์ซาห์+และไปที่กรุงสะมาเรีย เขาฆ่าชัลลูม+ลูกยาเบชที่กรุงสะมาเรียแล้วขึ้นเป็นกษัตริย์แทน 15 เรื่องราวที่เหลือของชัลลูมและแผนร้ายของเขาก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว 16 แล้วเมนาเฮมก็ยกทัพจากเมืองทีร์ซาห์มาโจมตีเมืองทิฟสาห์ เขาฆ่าทุกคนในเมืองและในเขตแดนของเมืองนี้เพราะพวกนั้นไม่ยอมเปิดประตูเมืองให้เขา เมนาเฮมทำลายเมืองนี้และผ่าท้องผู้หญิงที่ตั้งครรภ์
17 ในปีที่ 39 ที่กษัตริย์อาซาริยาห์ปกครองยูดาห์ เมนาเฮมลูกของกาดีขึ้นเป็นกษัตริย์อิสราเอล เขาปกครองที่กรุงสะมาเรีย 10 ปี 18 ตลอดชีวิตของเขา เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่ว เขาทำบาปเหมือนเยโรโบอัมลูกเนบัทที่เป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+ 19 กษัตริย์ปูล+แห่งอัสซีเรียบุกมาโจมตีอิสราเอล เมนาเฮมจึงเอาเงินหนัก 1,000 ตะลันต์*ให้กษัตริย์ปูล เพื่อกษัตริย์ปูลจะสนับสนุนเขาให้ปกครองแผ่นดินอย่างมั่นคง+ 20 เมนาเฮมรวบรวมเงินในอิสราเอลโดยรีดไถจากคนสำคัญ ๆ ที่ร่ำรวย+ เขาเอาเงินจากคนเหล่านี้คนละ 50 เชเขล*ไปให้กษัตริย์อัสซีเรีย แล้วกษัตริย์อัสซีเรียก็ยกทัพออกไปจากแผ่นดิน 21 เรื่องราวที่เหลือของเมนาเฮม+และทุกอย่างที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว 22 เมนาเฮมก็ตายไปตามปู่ย่าตายาย แล้วเปคาหิยาห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
23 ในปีที่ 50 ที่กษัตริย์อาซาริยาห์ปกครองยูดาห์ เปคาหิยาห์ลูกเมนาเฮมขึ้นเป็นกษัตริย์อิสราเอล เขาปกครองที่กรุงสะมาเรีย 2 ปี 24 เปคาหิยาห์ทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่ว เขาทำบาปเหมือนเยโรโบอัมลูกเนบัทที่เป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+ 25 แล้วเปคาห์+ลูกเรมาลิยาห์ซึ่งเป็นนายทหารของเปคาหิยาห์ก็วางแผนกำจัดเปคาหิยาห์ เปคาห์ฆ่าเปคาหิยาห์ที่กรุงสะมาเรียในหอคอยของวังกษัตริย์กับอาร์โกบและอารีเอห์ เปคาห์มีชาวกิเลอาด 50 คนเป็นพรรคพวก เขาฆ่าเปคาหิยาห์แล้วขึ้นเป็นกษัตริย์แทน 26 เรื่องราวที่เหลือของเปคาหิยาห์และทุกอย่างที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว
27 ในปีที่ 52 ที่กษัตริย์อาซาริยาห์ปกครองยูดาห์ เปคาห์+ลูกเรมาลิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์อิสราเอล เขาปกครองที่กรุงสะมาเรีย 20 ปี 28 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่ว เขาทำบาปเหมือนเยโรโบอัมลูกเนบัทที่เป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+ 29 ในสมัยของกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล กษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์+แห่งอัสซีเรียบุกมาโจมตีและยึดอิโยน อาเบลเบธมาอาคาห์+ ยาโนอาห์ เคเดช+ ฮาโซร์ กิเลอาด+ และกาลิลี คือดินแดนทั้งหมดของตระกูลนัฟทาลี+ และจับชาวเมืองไปเป็นเชลยที่ประเทศอัสซีเรีย+ 30 แล้วโฮเชอา+ลูกเอลาห์ก็วางแผนกำจัดเปคาห์ลูกเรมาลิยาห์ โฮเชอาฆ่าเปคาห์แล้วขึ้นเป็นกษัตริย์แทน ตอนนั้นเป็นปีที่ 20 ที่โยธาม+ลูกอุสซียาห์ปกครองยูดาห์ 31 เรื่องราวที่เหลือของเปคาห์และทุกอย่างที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์อิสราเอลแล้ว
32 ในปีที่ 2 ที่กษัตริย์เปคาห์ลูกเรมาลิยาห์ปกครองอิสราเอล โยธาม+ลูกอุสซียาห์+ขึ้นเป็นกษัตริย์ยูดาห์ 33 เขาอายุ 25 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 16 ปี แม่ของเขาชื่อเยรูชาเป็นลูกสาวของศาโดก+ 34 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าถูกต้องเหมือนอุสซียาห์พ่อของเขา+ 35 แต่เขาไม่ได้ทำลายสถานบูชาบนที่สูง และประชาชนยังเผาเครื่องบูชาบนที่สูงเหล่านั้น+ เขาเป็นคนสร้างประตูบนที่วิหารของพระยะโฮวา+ 36 เรื่องราวที่เหลือของโยธามและสิ่งที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว 37 ในสมัยนั้น พระยะโฮวาให้กษัตริย์เรซีนแห่งซีเรียกับเปคาห์+ลูกเรมาลิยาห์มาโจมตียูดาห์+ 38 โยธามก็ตายไปตามปู่ย่าตายายและถูกฝังไว้กับปู่ย่าตายายที่เมืองของดาวิดบรรพบุรุษของเขา แล้วอาหัสลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
16 ในปีที่ 17 ที่กษัตริย์เปคาห์ลูกเรมาลิยาห์ปกครองอิสราเอล อาหัส+ลูกโยธามขึ้นเป็นกษัตริย์ยูดาห์ 2 อาหัสอายุ 20 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 16 ปี เขาไม่ได้ทำสิ่งที่พระยะโฮวาพระเจ้าเห็นว่าถูกต้องเหมือนดาวิดบรรพบุรุษของเขา+ 3 แต่เขาเลียนแบบกษัตริย์อิสราเอล+ เขาถึงกับเผาบูชายัญลูกชายตัวเอง+ เขาทำสิ่งที่น่าเกลียดตามอย่างชาติต่าง ๆ+ที่พระยะโฮวาไล่ออกไปให้พ้นจากชาวอิสราเอล 4 เขายังเผาเครื่องบูชาบนที่สูง+ บนภูเขาและใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้นด้วย+
5 ตอนนั้นกษัตริย์เรซีนแห่งซีเรียและกษัตริย์เปคาห์ลูกเรมาลิยาห์แห่งอิสราเอลมาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม+ พวกเขาล้อมอาหัสกับประชาชนไว้ แต่ยึดกรุงนั้นไม่ได้ 6 กษัตริย์เรซีนแห่งซีเรียยึดเมืองเอลัท+กลับคืนไปให้เอโดม แล้วก็ไล่พวกยิว*ออกจากเอลัท ชาวเอโดมจึงเข้าไปอยู่ในเอลัทจนถึงทุกวันนี้ 7 อาหัสส่งคนไปบอกกษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์+แห่งอัสซีเรียว่า “ผมเป็นคนรับใช้และเป็นลูกชายของท่าน โปรดมาช่วยผมให้รอดจากเงื้อมมือของกษัตริย์ซีเรียและกษัตริย์อิสราเอลที่มาโจมตีผมด้วย” 8 แล้วอาหัสก็เอาเงินและทองคำในวิหารของพระยะโฮวาและในคลังทรัพย์ของวังกษัตริย์ส่งไปให้กษัตริย์อัสซีเรียเพื่อติดสินบนเขา+ 9 กษัตริย์อัสซีเรียก็ตกลงจะช่วย เขาไปโจมตีกรุงดามัสกัส ยึดกรุงนั้นได้ เขาจับชาวเมืองไปเป็นเชลยที่คีร์+ แล้วก็ฆ่าเรซีนตาย+
10 กษัตริย์อาหัสจึงไปหากษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียที่กรุงดามัสกัส เมื่อกษัตริย์อาหัสเห็นแท่นบูชาที่กรุงดามัสกัส เขาก็ส่งแบบร่างและรายละเอียดในการสร้างแท่นนั้นไปให้ปุโรหิตอุรียาห์+ 11 ปุโรหิตอุรียาห์+สร้างแท่นบูชา+ตามรายละเอียดทุกอย่างที่กษัตริย์อาหัสส่งมาจากกรุงดามัสกัส ปุโรหิตอุรียาห์สร้างแท่นนั้นเสร็จก่อนกษัตริย์อาหัสจะกลับมา 12 เมื่อกษัตริย์กลับมาจากกรุงดามัสกัสและเห็นแท่นนั้น เขาก็ไปที่แท่นและถวายเครื่องบูชาบนแท่นนั้น+ 13 เขาถวายเครื่องบูชาเผาและเผาเครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าวบนแท่น เขายังเทเครื่องบูชาดื่มที่แท่นและเอาเลือดจากเครื่องบูชาผูกมิตรของเขาประพรมบนแท่นนั้นด้วย 14 ส่วนแท่นบูชาทองแดง+ที่อยู่หน้าวิหารของพระยะโฮวานั้น จากเดิมที่ตั้งอยู่ระหว่างแท่นบูชาใหม่กับวิหารของพระยะโฮวา เขาก็ย้ายเอาไปตั้งไว้ทางเหนือของแท่นบูชาใหม่ 15 กษัตริย์อาหัสสั่งปุโรหิตอุรียาห์+ว่า “บนแท่นใหญ่นี้ ท่านต้องถวายเครื่องบูชาเผาตอนเช้า+ เครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าวตอนเย็น+ เครื่องบูชาเผาและเครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าวของกษัตริย์ รวมทั้งเครื่องบูชาเผา เครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าว และเครื่องบูชาดื่มของประชาชนทุกคน ท่านต้องเอาเลือดจากเครื่องบูชาเผาและเครื่องบูชาอื่น ๆ ทั้งหมดมาประพรมบนแท่นนั้นด้วย ส่วนแท่นบูชาทองแดง ให้เราคิดดูก่อนว่าจะทำยังไงดี” 16 ปุโรหิตอุรียาห์ก็ทำตามคำสั่งของกษัตริย์อาหัสทุกอย่าง+
17 นอกจากนั้น กษัตริย์อาหัสตัดแผ่นด้านข้างรถเข็น+เป็นชิ้น ๆ และเอาอ่างออกจากรถเข็นด้วย+ เขายกทะเลทองแดงลงจากหลังรูปวัวทองแดง+ที่เป็นฐาน เอาไปตั้งไว้บนพื้นที่ปูด้วยหิน+ 18 และบริเวณที่มีหลังคาสำหรับใช้ในวันสะบาโตซึ่งสร้างไว้ในวิหารนั้นเขาก็สั่งให้รื้อ และเขาย้ายประตูที่กษัตริย์เคยใช้เข้าออกวิหารของพระยะโฮวาด้วย เขาทำอย่างนั้นเพราะกลัวกษัตริย์อัสซีเรีย
19 เรื่องราวที่เหลือของอาหัสและสิ่งที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว+ 20 อาหัสก็ตายไปตามปู่ย่าตายายและถูกฝังไว้กับปู่ย่าตายายที่เมืองของดาวิด แล้วเฮเซคียาห์*+ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
17 ในปีที่ 12 ที่กษัตริย์อาหัสปกครองยูดาห์ โฮเชยา+ลูกเอลาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์อิสราเอล เขาปกครองที่กรุงสะมาเรีย 9 ปี 2 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่ว แต่ยังไม่ชั่วเท่ากับกษัตริย์อิสราเอลองค์ก่อน ๆ 3 กษัตริย์แชลมาเนเสอร์แห่งอัสซีเรียยกทัพมาโจมตีอิสราเอล+ โฮเชยาก็รับใช้กษัตริย์อัสซีเรียและเริ่มส่งของบรรณาการให้+ 4 แต่กษัตริย์อัสซีเรียได้ข่าวว่าโฮเชยาคิดกบฏ เพราะโฮเชยาส่งคนไปหากษัตริย์โสแห่งอียิปต์+ และไม่ส่งของบรรณาการให้กษัตริย์อัสซีเรียเหมือนปีก่อน ๆ กษัตริย์อัสซีเรียจึงจับเขาล่ามโซ่และขังไว้ในคุก
5 กษัตริย์อัสซีเรียโจมตีทั่วแผ่นดินอิสราเอล เขามาล้อมกรุงสะมาเรียอยู่ 3 ปี 6 ในปีที่ 9 ที่กษัตริย์โฮเชยาปกครอง กษัตริย์อัสซีเรียยึดกรุงสะมาเรียได้+แล้วก็กวาดต้อนชาวอิสราเอลไปเป็นเชลย+ที่อัสซีเรีย และให้พวกเขาไปอยู่ที่ฮาลาห์และฮาโบร์ริมแม่น้ำโกซาน+ และในเมืองต่าง ๆ ของชาวมีเดีย+
7 เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะชาวอิสราเอลทำผิดต่อพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขาที่พาพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และช่วยให้พ้นจากฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์+ พวกเขานมัสการ*พระอื่น+ 8 พวกเขาทำตามธรรมเนียมของชาติต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาไล่ออกไปให้พ้นจากชาวอิสราเอล และทำตามธรรมเนียมที่กษัตริย์อิสราเอลได้ตั้งขึ้น
9 ชาวอิสราเอลทำสิ่งที่พระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขาเห็นว่าไม่ถูกต้อง พวกเขาสร้างสถานบูชาไว้บนที่สูงในทุกเมืองและทุกที่+ ไม่ว่าจะเป็นหอคอยหรือเป็นเมืองที่มีป้อมปราการ* 10 พวกเขาตั้งแท่งหินศักดิ์สิทธิ์และเสาศักดิ์สิทธิ์+ไว้บนภูเขาทุกลูกและใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น+ 11 พวกเขาเผาเครื่องบูชาบนที่สูงทุกแห่งตามอย่างชาติอื่น ๆ ที่พระยะโฮวาไล่ออกไปให้พ้นจากพวกเขา+ พวกเขาทำชั่วและทำให้พระยะโฮวาโกรธ
12 พวกเขานมัสการรูปเคารพที่น่าขยะแขยง*+ ทั้ง ๆ ที่พระยะโฮวาเคยสั่งพวกเขาว่า “อย่าทำอย่างนั้น”+ 13 พระยะโฮวาเตือนอิสราเอลกับยูดาห์อยู่เรื่อย ๆ ผ่านทางผู้พยากรณ์และผู้เห็นนิมิตของพระองค์ทุกคน+ว่า “เลิกทำชั่วซะ!+ พวกเจ้าต้องทำตามคำสั่งและกฎหมายของเรา คือกฎหมายทั้งหมดที่เราให้ไว้กับปู่ย่าตายายของพวกเจ้า และที่เราสั่งพวกเจ้าผ่านทางผู้พยากรณ์ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเรา” 14 แต่พวกเขาไม่ฟัง พวกเขาดื้อด้านเหมือนปู่ย่าตายายที่ไม่เชื่อพระยะโฮวาพระเจ้าของตน+ 15 พวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังกฎหมายและไม่ทำตามสัญญา+ที่พระองค์ทำไว้กับปู่ย่าตายายของพวกเขา รวมทั้งไม่ฟังคำเตือนของพระองค์+ พวกเขานมัสการรูปเคารพที่ไร้ค่า+และทำให้ตัวเองไร้ค่าไปด้วย+ และเลียนแบบชาติต่าง ๆ ที่อยู่รอบพวกเขาซึ่งพระยะโฮวาสั่งไว้ว่าห้ามเลียนแบบ+
16 พวกเขาไม่ทำตามคำสั่งของพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขาเลย พวกเขาหล่อรูปลูกวัวโลหะ 2 ตัว+และทำเสาศักดิ์สิทธิ์+ แล้วก็กราบไหว้ดวงดาวบนฟ้า+และนมัสการพระบาอัล+ 17 นอกจากนี้ พวกเขายังเผาบูชายัญ+ลูกชายลูกสาวของตัวเอง พวกเขาทำนายโชคชะตา+และถือโชคลาง พวกเขามุ่งมั่นตั้งใจทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วและทำให้พระองค์โกรธ
18 พระยะโฮวาโกรธอิสราเอลมาก พระองค์จึงกำจัดพวกเขาออกไปให้พ้นหน้า+ พระองค์ไม่ยอมให้ใครเหลือรอดอยู่เลยยกเว้นตระกูลยูดาห์ตระกูลเดียว
19 แม้แต่ตระกูลยูดาห์ก็ไม่ได้ทำตามคำสั่งของพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขา+ พวกเขาทำตามธรรมเนียมของชาวอิสราเอล+ 20 พระยะโฮวาจึงไม่ยอมรับลูกหลานของอิสราเอลทั้งหมดและทำให้พวกเขาอับอายขายหน้า พระองค์ปล่อยให้พวกเขาถูกปล้นและในที่สุดก็กำจัดพวกเขา 21 พระองค์ตัดอิสราเอลออกไปจากราชวงศ์ดาวิด แล้วพวกเขาก็ตั้งเยโรโบอัมลูกเนบัทเป็นกษัตริย์+ แต่เยโรโบอัมทำให้อิสราเอลเลิกเชื่อฟังพระยะโฮวา เขาเป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิดร้ายแรง 22 ประชาชนชาวอิสราเอลทำบาปเหมือนเยโรโบอัมทุกอย่าง+ และพวกเขาไม่เลิกทำบาปเลย 23 จนในที่สุดพระยะโฮวาก็กำจัดอิสราเอลให้พ้นหน้าพระองค์ เหมือนที่พระองค์เคยบอกไว้ผ่านทางผู้พยากรณ์ทุกคนที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์+ อิสราเอลจึงถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่ประเทศอัสซีเรีย+และอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้
24 แล้วกษัตริย์อัสซีเรียก็เอาคนมาจากบาบิโลน คูธาห์ อัฟวา ฮามัท และเสฟาร์วาอิม+ และให้พวกเขาอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ของสะมาเรียแทนที่ชาวอิสราเอล คนเหล่านี้จึงยึดดินแดนสะมาเรียและอยู่ในเมืองต่าง ๆ ของดินแดนนั้น 25 ช่วงแรกที่พวกเขาอยู่ที่นั่น พวกเขาไม่ได้เกรงกลัว*พระยะโฮวา พระยะโฮวาจึงส่งสิงโตมาฆ่าพวกเขาบางคน+ 26 มีคนรายงานกษัตริย์อัสซีเรียว่า “คนชาติต่าง ๆ ที่ท่านส่งไปอยู่ในเมืองทั้งหลายของสะมาเรียไม่รู้จักศาสนา*และพระเจ้าของแผ่นดินนั้น พระองค์จึงส่งสิงโตมาฆ่าพวกเขา เพราะไม่มีใครรู้จักศาสนาและพระเจ้าของแผ่นดินนั้นเลย”
27 กษัตริย์อัสซีเรียจึงสั่งว่า “ส่งปุโรหิตคนหนึ่งที่พวกคุณจับมาเป็นเชลยจากแผ่นดินนั้นกลับไปอยู่ที่นั่นเพื่อจะสอนประชาชนให้รู้จักศาสนาและพระเจ้าของแผ่นดินนั้น” 28 ดังนั้น ปุโรหิตคนหนึ่งที่ถูกพาตัวจากสะมาเรียไปเป็นเชลยจึงกลับมาอยู่ที่เมืองเบธเอล+ และเขาเริ่มสอนประชาชนให้เกรงกลัว*พระยะโฮวา+
29 แต่ชาติต่าง ๆ ก็ทำพระของตัวเองขึ้นมา และเอาไปตั้งไว้ในวิหารบนที่สูงซึ่งชาวสะมาเรียทำไว้ แต่ละชาติทำอย่างนั้นในเมืองของตน 30 ชาวบาบิโลนทำพระสุคคทเบโนท ชาวคูททำพระเนอร์กัล ชาวฮามัท+ทำพระอาชิมา 31 ชาวอัฟวาทำพระนิบหัสและพระทาร์ทัก ชาวเสฟาร์วาอิมก็เผาลูกชายของตัวเองถวายพระอัดรัมเมเลคและพระอานัมเมเลคของพวกเขาเอง+ 32 แม้ว่าพวกเขาเกรงกลัวพระยะโฮวา แต่พวกเขาก็เอาคนของตัวเองมาตั้งเป็นปุโรหิตของสถานบูชาบนที่สูง แล้วปุโรหิตเหล่านี้ก็ทำพิธีให้พวกเขาในวิหารบนที่สูงเหล่านั้น+ 33 พวกเขาเกรงกลัวพระยะโฮวา แต่ก็นมัสการพระของตัวเองและนับถือศาสนา*ของชาติตัวเองที่พวกเขาเคยนับถือก่อนจะถูกจับมาเป็นเชลย+
34 พวกเขานับถือศาสนา*ของตัวเองจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครนมัสการ*พระยะโฮวาเลย และไม่มีใครทำตามกฎเกณฑ์ ข้อพิพากษา กฎหมาย และคำสั่งที่พระยะโฮวาให้กับลูกหลานของยาโคบซึ่งพระองค์เปลี่ยนชื่อให้เป็นอิสราเอล+ 35 เมื่อพระยะโฮวาทำสัญญากับพวกอิสราเอล+ พระองค์สั่งว่า “เจ้าต้องไม่เกรงกลัวพระอื่น และเจ้าต้องไม่กราบไหว้ รับใช้ หรือถวายเครื่องบูชาให้พระเหล่านั้น+ 36 แต่ผู้ที่เจ้าควรเกรงกลัว+ กราบไหว้ และถวายเครื่องบูชาคือพระยะโฮวาที่พาเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยพลังและอำนาจอันยิ่งใหญ่+ 37 เจ้าควรทำตามกฎเกณฑ์ ข้อพิพากษา กฎหมาย และคำสั่งที่พระองค์เขียนไว้ให้เจ้าอย่างเคร่งครัด+ และเจ้าต้องไม่เกรงกลัวพระอื่น 38 เจ้าต้องไม่ลืมสัญญาที่เราทำไว้กับเจ้า+ และต้องไม่เกรงกลัวพระอื่น 39 แต่เจ้าควรเกรงกลัวพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า เพราะพระองค์จะช่วยเจ้าให้พ้นจากศัตรูทั้งหมด”
40 แต่ชาติเหล่านั้นไม่เชื่อฟัง และยังนับถือศาสนา*เดิมของตัวเอง+ 41 พวกเขาเกรงกลัวพระยะโฮวา+ แต่ก็นมัสการรูปเคารพแกะสลักของตัวเองด้วย ลูกหลานของพวกเขาก็ทำตามปู่ย่าตายายมาจนถึงทุกวันนี้
18 ในปีที่ 3 ที่กษัตริย์โฮเชยา+ลูกเอลาห์ปกครองอิสราเอล เฮเซคียาห์+ลูกอาหัส+ขึ้นเป็นกษัตริย์ยูดาห์ 2 เขาอายุ 25 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี แม่ของเขาชื่ออาบี*เป็นลูกสาวของเศคาริยาห์+ 3 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าถูกต้อง+เหมือนดาวิดบรรพบุรุษของเขา+ 4 เขากำจัดสถานบูชาบนที่สูง+ ทุบทำลายแท่งหินศักดิ์สิทธิ์ และโค่นเสาศักดิ์สิทธิ์+ เขายังทำลายรูปงูทองแดงที่โมเสสทำไว้ด้วย+ เพราะชาวอิสราเอลได้เผาเครื่องบูชาถวายรูปงูทองแดงจนถึงตอนนั้นและเรียกรูปนั้นว่ารูปเคารพงูทองแดง* 5 เขาวางใจพระยะโฮวา+พระเจ้าของอิสราเอล ไม่มีกษัตริย์ยูดาห์องค์ไหนเทียบเขาได้ ไม่ว่าก่อนหรือหลังจากเขา 6 เฮเซคียาห์ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา+ เชื่อฟังพระองค์เสมอ และทำตามกฎหมายที่พระยะโฮวาให้ไว้กับโมเสส 7 พระยะโฮวาอยู่กับเขาและเขาทำทุกสิ่งอย่างรอบคอบ เขากบฏและไม่ยอมรับใช้กษัตริย์อัสซีเรีย+ 8 เขาพิชิตชาวฟีลิสเตีย+จนถึงเมืองกาซาและเขตแดนของเมืองนี้ เขายึดได้หมดไม่ว่าจะเป็นหอคอยหรือเมืองที่มีป้อมปราการ*
9 ในปีที่ 4 ที่กษัตริย์เฮเซคียาห์ปกครองยูดาห์ ซึ่งเป็นปีที่ 7 ที่กษัตริย์โฮเชยา+ลูกเอลาห์ปกครองอิสราเอล กษัตริย์แชลมาเนเสอร์แห่งอัสซีเรียมาโจมตีกรุงสะมาเรียและล้อมเมืองไว้+ 10 พอล้อมได้เกือบ 3 ปีพวกเขาก็ยึดเมืองนั้นได้+ กรุงสะมาเรียถูกยึดในปีที่ 6 ที่กษัตริย์เฮเซคียาห์ปกครองซึ่งเป็นปีที่ 9 ที่กษัตริย์โฮเชยาปกครองอิสราเอล 11 แล้วกษัตริย์อัสซีเรียก็จับชาวอิสราเอลไปเป็นเชลย+ที่อัสซีเรีย และให้พวกเขาไปอยู่ที่ฮาลาห์และฮาโบร์ริมแม่น้ำโกซาน และในเมืองต่าง ๆ ของชาวมีเดีย+ 12 ที่เป็นอย่างนี้เพราะพวกอิสราเอลไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขา ไม่ทำตามสัญญาของพระองค์ และฝ่าฝืนคำสั่งทั้งหมดที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยะโฮวาได้สั่งไว้+ พวกเขาไม่ฟังและไม่ทำตามเลย
13 ในปีที่ 14 ที่กษัตริย์เฮเซคียาห์ปกครอง เซนนาเคอริบกษัตริย์อัสซีเรีย+ได้มาโจมตีและยึดเมืองที่มีป้อมปราการทั้งหมดของยูดาห์ไว้ได้+ 14 กษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์จึงส่งข่าวไปถึงกษัตริย์อัสซีเรียที่เมืองลาคีชว่า “ผมผิดไปแล้ว ถอยทัพออกไปเถอะ แล้วผมจะให้ทุกอย่างที่ท่านต้องการ” กษัตริย์อัสซีเรียสั่งให้กษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์จ่ายค่าปรับเป็นเงินหนัก 300 ตะลันต์*และทองคำหนัก 30 ตะลันต์* 15 เฮเซคียาห์จึงเอาเงินทั้งหมดในวิหารของพระยะโฮวาและในคลังทรัพย์ที่วังของกษัตริย์ไปให้เขา+ 16 ตอนนั้นกษัตริย์เฮเซคียาห์ถอด*ประตูวิหาร+ของพระยะโฮวาและถอดกรอบประตูที่เขาหุ้มทองคำไว้+ แล้วเอาไปให้กษัตริย์อัสซีเรีย
17 กษัตริย์อัสซีเรียได้ให้ทาร์ทาน* รับสารีส* และรับชาเคห์*กับกองทัพใหญ่จากลาคีช+มาหากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม+ พวกเขาก็มาที่เยรูซาเล็มแล้วหยุดอยู่ที่ทางส่งน้ำของสระบนซึ่งอยู่ติดกับถนนที่ไปลานซักผ้า+ 18 เมื่อพวกเขาเรียกให้กษัตริย์ออกมา เอลียาคิม+ผู้ดูแลวังของกษัตริย์ซึ่งเป็นลูกของฮิลคียาห์ เชบนาห์+เลขานุการ และโยอาห์ผู้บันทึกเหตุการณ์ซึ่งเป็นลูกของอาสาฟก็ออกมาพบพวกเขา
19 แล้วรับชาเคห์พูดกับพวกเขาว่า “ช่วยไปบอกเฮเซคียาห์ทีว่า ‘กษัตริย์อัสซีเรียผู้ยิ่งใหญ่พูดว่า “อะไรทำให้พวกคุณมั่นใจกันเหลือเกิน?+ 20 พวกคุณพูดกันว่า ‘เรามีแผนการรบและมีกำลังพลที่จะทำสงคราม’ แต่พวกคุณกำลังพูดไร้สาระ พวกคุณพึ่งใครหรือถึงได้กล้ากบฏอย่างนี้?+ 21 คิดดูดี ๆ พวกคุณจะพึ่งอียิปต์+ที่เป็นเหมือนต้นอ้อที่หักแล้วอย่างนั้นหรือ? ถ้าใครคิดจะเอาต้นอ้อนั้นมาเป็นไม้เท้าก็มีแต่จะถูกต้นอ้อนั้นทิ่มมือไปเปล่า ๆ คนที่ไปพึ่งฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ก็จะเป็นอย่างนี้แหละ 22 แต่ถ้าพวกคุณบอกว่า ‘พวกเราพึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา’+ แต่สถานบูชาบนที่สูงและแท่นบูชาต่าง ๆ ของพระองค์ไม่ใช่หรือที่เฮเซคียาห์ได้สั่งให้ทำลาย?+ แล้วเขาก็บอกชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มว่า ‘พวกคุณต้องก้มลงนมัสการที่แท่นบูชาในเยรูซาเล็มเท่านั้น’?”’+ 23 พวกคุณจะกล้ารับคำท้าของกษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของผมไหมล่ะ ผมจะให้ม้าพวกคุณ 2,000 ตัว แล้วดูซิว่าพวกคุณจะหาคนได้มากพอที่จะขี่ม้าพวกนี้ไหม?+ 24 ถ้าพวกคุณยังต้องพึ่งรถศึกและทหารม้าของอียิปต์ แล้วจะมาขับไล่ผู้ว่าราชการที่มีตำแหน่งต่ำสุดของเจ้านายผมได้ยังไง? 25 ที่ผมมาโจมตีและจะทำลายแผ่นดินนี้ไม่ใช่เพราะพระยะโฮวาอนุญาตหรอกหรือ? พระยะโฮวานั่นแหละที่บอกผมว่า ‘ไปทำลายแผ่นดินนี้ซะ’”
26 พอได้ยินอย่างนี้ เอลียาคิมลูกฮิลคียาห์ เชบนาห์+ และโยอาห์ก็พูดกับรับชาเคห์+ว่า “ขอพูดกับพวกเราซึ่งเป็นคนรับใช้ของคุณเป็นภาษาอาราเมอิก*+เถอะ พวกเราเข้าใจ อย่าพูดภาษาของชาวยิวให้คนที่อยู่บนกำแพงได้ยินเลย”+ 27 แต่รับชาเคห์พูดกับพวกเขาว่า “เจ้านายของผมส่งผมมาพูดกับเจ้านายของพวกคุณและกับพวกคุณเท่านั้นหรือ? ไม่ใช่กับพวกที่นั่งอยู่บนกำแพงด้วยหรือ? เพราะพวกเขาก็จะต้องกินอุจจาระและปัสสาวะของตัวเองเหมือนกับพวกคุณ”
28 แล้วรับชาเคห์ก็ยืนและพูดเสียงดังเป็นภาษาของชาวยิวว่า “ฟังคำของกษัตริย์อัสซีเรียผู้ยิ่งใหญ่ให้ดี+ 29 ท่านบอกว่า ‘อย่าให้เฮเซคียาห์มาหลอกพวกคุณ เขาช่วยพวกคุณให้พ้นมือเราไม่ได้หรอก+ 30 อย่าปล่อยให้เฮเซคียาห์เกลี้ยกล่อมพวกคุณให้ไว้วางใจพระยะโฮวาและมาพูดว่า “พระยะโฮวาจะช่วยพวกเราแน่ เมืองนี้จะไม่มีวันตกเป็นของกษัตริย์อัสซีเรีย”+ 31 อย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เพราะกษัตริย์อัสซีเรียบอกว่า “ยอมแพ้เราซะดี ๆ อย่าพยายามต่อสู้เลย แล้วพวกคุณทุกคนจะได้กินองุ่นและมะเดื่อจากต้นของตัวเอง และจะได้ดื่มน้ำจากบ่อเก็บน้ำของตัวเอง 32 จนกว่าเราจะมาพาพวกคุณไปที่แผ่นดินหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนแผ่นดินของพวกคุณ+ แผ่นดินนั้นจะมีข้าว มีเหล้าองุ่นใหม่ และมีขนมปังกับสวนองุ่น เป็นแผ่นดินที่มีต้นมะกอกและน้ำผึ้ง แล้วพวกคุณจะมีชีวิตอยู่และจะไม่ต้องตาย อย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เพราะเขาหลอกพวกคุณว่า ‘พระยะโฮวาจะช่วยปกป้องเรา’ 33 มีพระของชาติไหนไหมที่เคยช่วยให้แผ่นดินตัวเองรอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรียไปได้? 34 พระของเมืองฮามัท+กับเมืองอาร์ปัดไปไหนซะล่ะ? แล้วพระของเมืองเสฟาร์วาอิม+ เมืองเฮนา และเมืองอิฟวาห์ล่ะอยู่ที่ไหน? พระพวกนั้นช่วยสะมาเรียให้พ้นมือเราได้ไหม?+ 35 ในพวกพระทั้งหมดของแผ่นดินเหล่านี้ มีองค์ไหนไหมที่ช่วยแผ่นดินตัวเองให้พ้นมือเราได้? แล้วพระยะโฮวาจะช่วยกรุงเยรูซาเล็มให้พ้นมือเราได้หรือ?”’”+
36 แต่พวกเขาก็นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรสักคำเพราะกษัตริย์ได้สั่งไว้ว่า “ไม่ต้องตอบอะไรเขา”+ 37 แล้วเอลียาคิมผู้ดูแลวังของกษัตริย์ซึ่งเป็นลูกของฮิลคียาห์ เชบนาห์เลขานุการ และโยอาห์ผู้บันทึกเหตุการณ์ซึ่งเป็นลูกของอาสาฟ ก็กลับมาหาเฮเซคียาห์ พวกเขาสวมเสื้อที่ฉีกขาดและมาบอกกษัตริย์ว่ารับชาเคห์พูดอะไรบ้าง
19 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ฉีกเสื้อของตัวเองและใส่ผ้ากระสอบ แล้วเข้าไปในวิหารของพระยะโฮวา+ 2 จากนั้น กษัตริย์ได้ให้เอลียาคิมผู้ดูแลวัง และเชบนาห์เลขานุการ และพวกปุโรหิตที่อาวุโส*ไปหาผู้พยากรณ์อิสยาห์+ลูกของอามอส พวกเขาใส่ผ้ากระสอบด้วย 3 และพวกเขาพูดกับอิสยาห์ว่า “กษัตริย์เฮเซคียาห์ได้บอกว่า ‘วันนี้เป็นวันที่ทุกข์ยากลำบาก วันที่ถูกดูหมิ่นดูแคลน และวันที่น่าอับอาย เพราะทารกก็พร้อมจะคลอดแต่แม่กลับไม่มีลมเบ่ง+ 4 พระยะโฮวาพระเจ้าของคุณคงจะได้ยินคำเยาะเย้ยของรับชาเคห์ซึ่งเป็นคนที่กษัตริย์อัสซีเรียส่งมาเยาะเย้ยพระยะโฮวาพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่+ และพระองค์จะมาคิดบัญชีกับเขาที่พูดถึงพระองค์อย่างนั้น ดังนั้น ช่วยอธิษฐาน+เพื่อคนที่ยังเหลือรอดอยู่ด้วยเถอะ’”
5 เมื่อคนของกษัตริย์เฮเซคียาห์ไปพบอิสยาห์+ 6 อิสยาห์ก็พูดกับพวกเขาว่า “ไปบอกเจ้านายของพวกคุณว่า ‘พระยะโฮวาได้พูดว่า “ไม่ต้องไปกลัว+เรื่องที่พวกเจ้าได้ยิน หรือกังวลกับคำพูดที่คนรับใช้ของกษัตริย์อัสซีเรียดูหมิ่นเรา+ 7 เราจะดลใจเขาให้กลับไปที่แผ่นดินของตัวเองเมื่อเขาได้ยินรายงานข่าวเรื่องหนึ่ง และเราจะทำให้เขาตายด้วยคมดาบที่แผ่นดินของตัวเอง”’”+
8 เมื่อรับชาเคห์รู้ว่ากษัตริย์อัสซีเรียยกทัพออกจากเมืองลาคีช+แล้ว เขาก็ไปหากษัตริย์ที่กำลังโจมตีเมืองลิบนาห์อยู่+ 9 พอกษัตริย์อัสซีเรียได้ยินว่ากษัตริย์ทีร์หะคาห์ของเอธิโอเปียได้ยกทัพมาสู้กับเขาแล้ว เขาก็ให้ผู้ส่งข่าว+ไปหาเฮเซคียาห์อีกครั้งและสั่งผู้ส่งข่าวว่า 10 “ไปบอกเฮเซคียาห์กษัตริย์ยูดาห์ว่า ‘อย่าให้พระเจ้าที่คุณวางใจมาหลอกคุณว่า “กรุงเยรูซาเล็มจะไม่มีวันตกเป็นของกษัตริย์อัสซีเรีย”+ 11 คุณก็รู้อยู่แล้วว่ากษัตริย์ของอัสซีเรียได้ทำลายประเทศต่าง ๆ ไปมากมายขนาดไหน+ แล้วคุณจะรอดหรือ? 12 ชาติต่าง ๆ ที่ถูกบรรพบุรุษของเราทำลายนั้น พระของพวกเขาช่วยได้ไหม? คุณยังเห็นพวกโกซาน ฮาราน+ เรเซฟ และชาวเอเดนที่อยู่ในเทลอัสสาร์อยู่อีกไหม? 13 กษัตริย์ของเมืองฮามัทกับเมืองอาร์ปัดล่ะ? กษัตริย์ของเมืองเสฟาร์วาอิมล่ะ? แล้วกษัตริย์ของเมืองเฮนาและเมืองอิฟวาห์ล่ะคุณยังเห็นอยู่อีกไหม?’”+
14 เฮเซคียาห์เอาจดหมายจากผู้ส่งข่าวมาอ่าน แล้วเขาก็ไปที่วิหารของพระยะโฮวาและกางจดหมายเหล่านั้นต่อหน้าพระยะโฮวา+ 15 เฮเซคียาห์อธิษฐาน+ถึงพระยะโฮวาว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอล พระองค์นั่งบนบัลลังก์เหนือเครูบ*+ ในอาณาจักรต่าง ๆ บนโลกมีเพียงพระองค์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้+ พระองค์เป็นผู้สร้างฟ้าและโลก 16 โปรดฟังเถอะพระยะโฮวา+ โปรดดูเถอะพระยะโฮวา+ โปรดฟังที่เซนนาเคอริบเยาะเย้ยพระองค์ซึ่งเป็นพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ 17 พระยะโฮวาพระเจ้า เป็นความจริงที่ว่าพวกกษัตริย์อัสซีเรียได้ทำลายชาติต่าง ๆ และแผ่นดินของพวกเขาแล้ว+ 18 และพวกเขาได้โยนพระต่าง ๆ ลงไปในไฟเพราะพระพวกนั้นไม่ใช่พระเจ้า+แต่เป็นแค่สิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นมา+จากไม้และหิน พวกเขาจึงทำลายได้ 19 แต่ในตอนนี้ พระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา โปรดช่วยพวกเราให้รอดจากเงื้อมมือของเขาด้วย เพื่ออาณาจักรต่าง ๆ ในโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ผู้เดียวเป็นพระเจ้า พระยะโฮวาโปรดช่วยพวกเราด้วยเถอะ”+
20 อิสยาห์ลูกของอามอสก็ส่งข่าวไปถึงเฮเซคียาห์ว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า+เกี่ยวกับเซนนาเคอริบกษัตริย์อัสซีเรียแล้ว+ 21 พระยะโฮวาจึงพูดถึงเขาว่า
“ลูกสาวของศิโยนซึ่งเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์จะดูหมิ่นและเยาะเย้ยเจ้า
ลูกสาวของเยรูซาเล็มจะส่ายหน้าใส่เจ้า
22 รู้ไหมว่าเจ้าได้เยาะเย้ยและดูหมิ่นใคร?+
ได้ตะคอกใส่ใคร?+
แล้วรู้หรือเปล่าว่าผู้ที่เจ้ามองอย่างเหยียดหยามนั้นเป็นใคร?
ผู้นั้นคือพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล+
23 เจ้าให้คนของเจ้า+มาเยาะเย้ยพระยะโฮวาว่า+
‘ข้าจะขึ้นไปบนภูเขาที่สูงที่สุด
ไปถึงยอดของเทือกเขาเลบานอน
พร้อมกับรถศึกมากมายของข้า
แล้วจะโค่นต้นสนซีดาร์ต้นที่สูงใหญ่และต้นสนจูนิเปอร์ต้นงาม ๆ
ข้าจะเข้าไปในที่ที่ลึกที่สุดและเข้าไปในป่าที่ทึบที่สุดของเลบานอน
24 ข้าจะขุดบ่อน้ำหลาย ๆ บ่อในประเทศอื่น และจะดื่มน้ำจากบ่อเหล่านั้น
ข้าจะใช้ฝ่าเท้าเหยียบคูคลองต่าง ๆ ของแม่น้ำไนล์ในอียิปต์ให้แห้งไป’
25 เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าเราได้กำหนดไว้นานมาแล้ว?+
เราได้ตระเตรียมไว้ตั้งแต่อดีต+
และตอนนี้ เราจะทำให้มันเกิดขึ้น+
เจ้าจะทำให้เมืองที่มีป้อมปราการกลายเป็นกองซากปรักหักพัง+
26 จะไม่มีใครช่วยชาวเมืองเหล่านั้นได้
พวกเขาจะหวาดกลัวและอับอาย
พวกเขาจะเป็นเหมือนพืชผักในทุ่งและต้นหญ้า+
เป็นเหมือนหญ้าบนหลังคาที่แห้งไปเมื่อลมร้อนจากทิศตะวันออกพัดมา
27 แต่เรารู้หมดว่าเจ้าทำอะไร ไม่ว่าจะนั่ง จะออกไป จะเข้ามา+
หรือจะโมโหเรา+
28 เพราะเราได้ยินที่เจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา+และตะโกนท้าทายเรา+
เราจะเอาตะขอเกี่ยวจมูกเจ้าและเอาบังเหียน+ใส่ไว้ที่ปากเจ้า
แล้วลากเจ้ากลับไปทางที่เจ้ามา”+
29 “‘เหตุการณ์ต่อไปนี้จะเกิดขึ้นเพื่อให้เจ้า*มั่นใจว่าจะเป็นอย่างนั้นจริง ในปีนี้เจ้าจะได้กินข้าวที่งอกขึ้นเอง* ในปีที่สองเจ้าก็จะได้กินข้าวที่งอกขึ้นจากเมล็ดที่หล่นในปีแรก+ และในปีที่สามเจ้าจะได้หว่านและได้เก็บเกี่ยว เจ้าจะได้ทำสวนองุ่นและกินผล+ 30 พวกยูดาห์ที่หนีรอดและเป็นพวกที่เหลืออยู่+จะหยั่งรากและเกิดผล 31 เพราะจะมีคนที่เหลืออยู่ออกมาจากเยรูซาเล็มและจะมีคนที่รอดชีวิตออกมาจากภูเขาศิโยน พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพตั้งใจจะทำสิ่งเหล่านี้ให้สำเร็จ+
32 “‘ฉะนั้น พระยะโฮวาจึงพูดถึงกษัตริย์อัสซีเรียว่า+
“เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้+
ไม่ได้มายิงธนูที่นี่
ไม่ได้ถือโล่มายืนอยู่หน้าเมืองนี้
และไม่ได้สร้างเนินดินเพื่อยึดเมืองนี้”+
33 พระยะโฮวาบอกว่า “เขามาทางไหนก็จะกลับไปทางนั้น
เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้
34 เราจะปกป้องและช่วยเมืองนี้ไว้+เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของเราเอง+
และเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา”’”+
35 ในคืนนั้นเองทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาไปที่ค่ายของชาวอัสซีเรียและฆ่าทหาร 185,000 คน+ พอคนอื่นตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็เห็นทหารเหล่านั้นกลายเป็นศพไปแล้ว+ 36 กษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรียจึงถอนทัพกลับไปและอยู่ที่เมืองนีนะเวห์+ 37 วันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังกราบไหว้พระนิสโรกอยู่ในวิหาร อัดรัมเมเลคกับชาเรเซอร์ลูกชายของเขาก็ใช้ดาบฆ่าเขา+แล้วหนีไปที่แผ่นดินอารารัต+ แล้วเอสาร์ฮัดโดน+ซึ่งเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
20 เวลานั้น เฮเซคียาห์ป่วยหนักใกล้จะตาย+ ผู้พยากรณ์อิสยาห์ลูกของอามอสก็มาหาและพูดกับเขาว่า “พระยะโฮวาบอกว่า ‘สั่งเสียคนในครอบครัว*ของเจ้าให้เรียบร้อย เพราะเจ้าจะไม่หายป่วย เจ้าจะตายแน่’”+ 2 เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฮเซคียาห์ก็หันหน้าเข้าผนัง อธิษฐานถึงพระยะโฮวาว่า 3 “พระยะโฮวาพระเจ้า โปรดคิดถึงการกระทำที่ซื่อสัตย์ของผม ผมรับใช้พระองค์อย่างสุดหัวใจและทำสิ่งที่พระองค์เห็นว่าถูกต้องมาตลอด”+ แล้วเฮเซคียาห์ก็ร้องไห้อย่างขมขื่น
4 อิสยาห์ยังออกไปไม่ถึงลานของวัง พระยะโฮวาก็ส่งข่าวมาถึงเขาว่า+ 5 “กลับไปบอกเฮเซคียาห์ผู้นำประชาชนของเราว่า ‘พระยะโฮวาพระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้าบอกว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว+ เราจะรักษาเจ้า+ ในวันที่สามเจ้าจะขึ้นไปที่วิหารของพระยะโฮวาได้+ 6 เราจะต่ออายุให้เจ้าอีก 15 ปี เราจะช่วยเจ้ากับเมืองนี้ให้พ้นเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย+ และเราจะปกป้องเมืองนี้เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของเราเองและเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา”’”+
7 แล้วอิสยาห์ก็บอกคนรับใช้ของกษัตริย์ว่า “ไปเอามะเดื่อแห้งมา” พวกเขาก็เอามะเดื่อแห้งมาพอกบนฝี หลังจากนั้นกษัตริย์เฮเซคียาห์ก็ค่อย ๆ หายป่วย+
8 ก่อนหน้านี้ เฮเซคียาห์ถามอิสยาห์ว่า “เราจะมั่นใจได้ยังไง+ว่าพระยะโฮวาจะรักษาเราและในวันที่สามเราจะขึ้นไปที่วิหารของพระยะโฮวาได้?” 9 อิสยาห์ตอบว่า “พระยะโฮวาจะให้หลักฐานยืนยัน*ที่ทำให้ท่านมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะทำตามที่พระองค์พูด ท่านอยากให้เงาบนขั้นบันได*เคลื่อนไปข้างหน้า 10 ขั้นหรือถอยกลับไป 10 ขั้น?”+ 10 เฮเซคียาห์บอกว่า “ถ้าจะให้เงาเคลื่อนไปข้างหน้า 10 ขั้นก็ง่ายกว่าถอยกลับไป 10 ขั้น” 11 แล้วผู้พยากรณ์อิสยาห์ก็อธิษฐานถึงพระยะโฮวา พระองค์จึงทำให้เงาที่ทอดลงมาบนขั้นบันไดของกษัตริย์อาหัสถอยกลับไป 10 ขั้น+
12 ในเวลานั้น เบโรดัคบาลาดันกษัตริย์บาบิโลนซึ่งเป็นลูกของบาลาดันได้ส่งจดหมายและของขวัญมาให้เฮเซคียาห์ เพราะรู้ข่าวว่าเฮเซคียาห์ป่วย+ 13 เฮเซคียาห์ก็ต้อนรับ*คณะทูตและให้พวกเขาดูคลังสมบัติ+ซึ่งมีเงิน ทอง น้ำมันหอมและน้ำมันมีค่าอื่น ๆ และให้ดูคลังอาวุธกับของทุกอย่าง ไม่มีอะไรในวังและในอาณาจักรที่เฮเซคียาห์ไม่ได้ให้พวกเขาดู
14 แล้วผู้พยากรณ์อิสยาห์ก็มาหากษัตริย์เฮเซคียาห์และถามว่า “คนพวกนี้มาพูดเรื่องอะไร? และพวกเขามาจากที่ไหน?” เฮเซคียาห์ตอบว่า “มาจากบาบิโลนดินแดนที่ห่างไกล”+ 15 อิสยาห์ถามต่อว่า “แล้วพวกเขาเห็นอะไรบ้างในวังของท่าน?” เฮเซคียาห์ตอบว่า “พวกเขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในวังของเรา ไม่มีอะไรในคลังสมบัติที่เราไม่ได้ให้พวกเขาดู”
16 อิสยาห์จึงพูดกับเฮเซคียาห์ว่า “ขอท่านฟังคำของพระยะโฮวา+ 17 พระยะโฮวาบอกว่า ‘ใกล้จะถึงวันที่ทุกสิ่งในวังของเจ้าจะถูกเอาไปที่บาบิโลนแล้ว+ รวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่บรรพบุรุษของเจ้าได้สะสมไว้จนถึงทุกวันนี้ และจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย 18 และลูกหลานของเจ้าบางคนที่จะเกิดมาในวันข้างหน้าจะถูกพาตัวไป+รับราชการในวังของกษัตริย์บาบิโลน’”+
19 เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฮเซคียาห์ก็บอกอิสยาห์ว่า “ที่พระยะโฮวาพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง”+ แล้วเฮเซคียาห์ก็พูดต่อไปว่า “ก็ยังดีที่จะมีความสงบสุขและความมั่นคง*ในช่วงชีวิตของเรา”+
20 เรื่องราวที่เหลือของเฮเซคียาห์ ทั้งความยิ่งใหญ่ของเขาและเรื่องที่เขาสร้างสระน้ำ+และทำทางส่งน้ำเข้ามาในเมือง+ก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว 21 เฮเซคียาห์ก็ตายไปตามปู่ย่าตายาย+ แล้วมนัสเสห์+ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน+
21 มนัสเสห์+อายุ 12 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 55 ปี+ แม่ของเขาชื่อเฮฟซีบาห์ 2 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่ว และทำสิ่งที่น่าเกลียดตามอย่างชาติต่าง ๆ+ที่พระยะโฮวาไล่ออกไปให้พ้นจากชาวอิสราเอล+ 3 สถานบูชาบนที่สูงที่เฮเซคียาห์พ่อของเขาทำลายไปแล้ว+ เขาก็สร้างขึ้นใหม่ เขาทำแท่นบูชาพระบาอัลและเสาศักดิ์สิทธิ์+เหมือนที่กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลได้ทำ+ และเขายังกราบไหว้นมัสการดวงดาวบนฟ้าด้วย+ 4 นอกจากนั้น เขาได้สร้างแท่นบูชาหลายแท่นในวิหารของพระยะโฮวา+ที่กรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นที่ที่พระยะโฮวาเคยบอกไว้ว่า “เราจะให้ชื่อของเราอยู่ที่เยรูซาเล็ม”+ 5 เขาสร้างแท่นเพื่อบูชาดวงดาวบนฟ้า+ไว้ในลานสองแห่งที่วิหารของพระยะโฮวา+ 6 เขาเผาบูชายัญลูกชายตัวเอง เขาใช้เวทมนตร์ ถือโชคลาง+ แต่งตั้งคนทรงและหมอดู+ เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วช้าเลวทรามมากและทำให้พระองค์โกรธ
7 เขาเอาเสาศักดิ์สิทธิ์+แกะสลักไปไว้ในวิหารของพระยะโฮวา ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์เคยบอกดาวิดและโซโลมอนลูกชายดาวิดว่า “เราจะให้ชื่อของเราอยู่ในวิหารนี้และในเยรูซาเล็มที่เราได้เลือกออกมาจากทุกตระกูลของอิสราเอลตลอดไป+ 8 ถ้าพวกอิสราเอลเชื่อฟังคำสั่งของเราอย่างเคร่งครัด+ และทำตามกฎหมายทั้งหมดที่โมเสสผู้รับใช้ของเราสั่งพวกเขาไว้ เราก็จะไม่ให้พวกเขาต้องเร่ร่อนไปจากแผ่นดินที่เราให้กับปู่ย่าตายายของพวกเขาอีกเลย”+ 9 แต่พวกเขาไม่เชื่อฟัง และมนัสเสห์ก็ยังทำให้พวกเขาหลงไปและเป็นต้นเหตุให้พวกเขาทำชั่วยิ่งกว่าชาติต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาเคยกำจัดให้พ้นจากชาวอิสราเอล+
10 พระยะโฮวาได้พูดผ่านทางพวกผู้พยากรณ์+ที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ว่า 11 “กษัตริย์มนัสเสห์แห่งยูดาห์ทำสิ่งที่น่าเกลียดทั้งหมดนี้ เขาทำชั่วยิ่งกว่าพวกอาโมไรต์+ที่อยู่ก่อนเขา+ และทำรูปเคารพที่น่าขยะแขยง*ซึ่งเป็นเหตุให้ยูดาห์ทำผิด 12 พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลจึงพูดว่า ‘เราจะทำให้เยรูซาเล็ม+และยูดาห์เจอหายนะ และคนที่ได้ยินเรื่องนี้จะตกตะลึง+ 13 เราจะเอาสายวัด+ที่เคยใช้วัดสะมาเรีย+และไม้วัดระดับ*ที่เคยใช้กับราชวงศ์อาหับ+มาใช้กับเยรูซาเล็ม และเราจะกวาดล้างเยรูซาเล็มให้เกลี้ยง เหมือนเช็ดถ้วยชามจนสะอาดและคว่ำไว้+ 14 เราจะทิ้งประชาชนของเราที่ยังเหลืออยู่+และให้ศัตรูเอาชนะพวกเขา พวกเขาจะถูกศัตรูจับไปเป็นเชลยและถูกปล้น+ 15 เพราะพวกเขาทำสิ่งที่เราเห็นว่าชั่ว และทำให้เราโกรธอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่วันที่ปู่ย่าตายายของพวกเขาออกมาจากอียิปต์จนถึงทุกวันนี้’”+
16 นอกจากมนัสเสห์จะทำบาปโดยเป็นต้นเหตุให้ยูดาห์ทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วแล้ว เขายังฆ่าคนบริสุทธิ์มากมายจนเลือดไหลนองทั่วกรุงเยรูซาเล็ม+ 17 เรื่องราวที่เหลือของมนัสเสห์ ทุกอย่างที่เขาทำและบาปของเขาก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว 18 มนัสเสห์ก็ตายไปตามปู่ย่าตายายและถูกฝังไว้ในสวนที่วังของเขา ซึ่งเป็นสวนของอุสซา+ แล้วอาโมนลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
19 อาโมน+อายุ 22 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 2 ปี+ แม่ของเขาชื่อเมชุลเลเมทเป็นลูกสาวของฮารูสมาจากโยทบาห์ 20 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วเหมือนมนัสเสห์พ่อของเขา+ 21 เขาทำตามพ่อทุกอย่าง และกราบไหว้นมัสการรูปเคารพที่น่าขยะแขยงซึ่งพ่อของเขาเคยนมัสการ+ 22 เขาทิ้งพระยะโฮวาพระเจ้าของปู่ย่าตายายและไม่ได้ใช้ชีวิตตามแนวทางของพระยะโฮวา+ 23 ในที่สุด คนรับใช้ของเขาก็วางแผนกำจัดเขาและฆ่าเขาในวังของเขาเอง 24 แต่ประชาชนได้ฆ่าคนที่วางแผนกำจัดกษัตริย์อาโมนทุกคน และตั้งโยสิยาห์ลูกชายของเขาเป็นกษัตริย์แทน+ 25 เรื่องราวที่เหลือของอาโมนและทุกอย่างที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว 26 เขาถูกฝังไว้ที่สุสานในสวนของอุสซา+ แล้วโยสิยาห์ลูกชายของเขา+ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
22 โยสิยาห์+อายุ 8 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 31 ปี+ แม่ของเขาชื่อเยดีดาห์เป็นลูกสาวของอาดายาห์มาจากเมืองโบสคาท+ 2 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าถูกต้องและทำตามดาวิดบรรพบุรุษของเขาทุกอย่าง+ ไม่ออกนอกลู่นอกทางเลย
3 ในปีที่ 18 ที่กษัตริย์โยสิยาห์ปกครอง กษัตริย์ส่งชาฟานเลขานุการซึ่งเป็นลูกอาซาลิยาห์หลานเมชุลลามไปที่วิหารของพระยะโฮวา+และสั่งว่า 4 “ไปพบมหาปุโรหิตฮิลคียาห์+และให้เขารวบรวมเงินที่อยู่ในวิหารของพระยะโฮวา+ ซึ่งพวกคนเฝ้าประตูได้มาจากประชาชน+ 5 และให้พวกเขาเอาเงินนั้นไปมอบให้คนดูแลงานที่วิหารของพระยะโฮวา แล้วให้คนเหล่านั้นเอาเงินไปให้คนงานที่ซ่อมแซมวิหารของพระยะโฮวาส่วนที่ชำรุด*+ 6 คือช่างฝีมือ ช่างก่อสร้าง และช่างก่อ แล้วพวกเขาจะเอาเงินไปซื้อไม้และหินสกัดเพื่อซ่อมแซมวิหาร+ 7 แต่ไม่ต้องให้พวกเขาทำบัญชีค่าใช้จ่าย เพราะพวกเขาไว้ใจได้”+
8 ต่อมา มหาปุโรหิตฮิลคียาห์บอกชาฟานซึ่งเป็นเลขานุการว่า+ “ผมพบหนังสือกฎหมาย+ในวิหารของพระยะโฮวา” ฮิลคียาห์จึงเอาหนังสือกฎหมายนั้นให้กับชาฟาน ชาฟานก็อ่าน+ 9 แล้วชาฟานเลขานุการก็ไปหากษัตริย์และบอกว่า “พวกผู้รับใช้ของท่านเทเงินจากหีบในวิหารและส่งให้คนดูแลงานซ่อมแซมวิหารของพระยะโฮวาแล้ว”+ 10 ชาฟานเลขานุการบอกกษัตริย์ด้วยว่า “ปุโรหิตฮิลคียาห์เอาหนังสือนี้+มาให้ผม” แล้วชาฟานก็อ่านหนังสือนั้นให้กษัตริย์ฟัง
11 เมื่อกษัตริย์ได้ฟังเขาอ่านหนังสือกฎหมายนั้นแล้ว กษัตริย์ก็ฉีกเสื้อของตน+ 12 กษัตริย์จึงสั่งปุโรหิตฮิลคียาห์ อาหิคัม+ลูกชาฟาน อัคโบร์ลูกมีคายาห์ ชาฟานเลขานุการ และอาสายาห์คนรับใช้ของกษัตริย์ว่า 13 “ขอให้พวกคุณไปถามพระยะโฮวาแทนเรา แทนประชาชน และแทนชาวยูดาห์ทุกคนเกี่ยวกับข้อความในหนังสือที่ได้พบนี้ ตอนนี้พระยะโฮวาโกรธพวกเรามาก+ เพราะปู่ย่าตายายของพวกเราไม่เชื่อฟังและไม่ทำตามกฎหมายทั้งหมดที่เขียนไว้ในหนังสือนี้”
14 ปุโรหิตฮิลคียาห์ อาหิคัม อัคโบร์ ชาฟาน และอาสายาห์จึงไปหาผู้พยากรณ์หญิง+ฮุลดาห์ เธอเป็นภรรยาของชัลลูมลูกทิกวาห์หลานฮาร์ฮัส ชัลลูมเป็นคนดูแลห้องเก็บเสื้อผ้า ฮุลดาห์อยู่ในเขตเมืองใหม่ของกรุงเยรูซาเล็ม และพวกเขาไปหาเธอที่นั่น+ 15 เธอบอกพวกเขาว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘กลับไปบอกคนที่ส่งพวกเจ้ามาว่า 16 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะทำให้แผ่นดินนี้และประชาชนเจอหายนะตามที่เขียนไว้ในหนังสือที่กษัตริย์ยูดาห์ได้อ่านนั้น+ 17 เพราะเราโกรธที่พวกเขาทิ้งเราไปและเผาเครื่องบูชาถวายพระอื่น+ และเราโมโหเพราะสิ่งที่พวกเขาทำขึ้นด้วยมือของพวกเขาเอง+ ดังนั้น เราจะลงโทษแผ่นดินนี้ และจะไม่มีอะไรทำให้เราหายโกรธได้’”+ 18 และไปบอกกษัตริย์ยูดาห์ที่ส่งพวกเจ้ามาถามพระยะโฮวาว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลพูดเกี่ยวกับข้อความที่เจ้าได้ยินนั้นว่า 19 ‘เพราะเจ้ามีใจอ่อนน้อม ถ่อมตัว+ลง ฉีกเสื้อ+ และร้องไห้เมื่อได้ยินคำพิพากษาของเรายะโฮวาเกี่ยวกับแผ่นดินนี้และประชาชนที่จะต้องถูกสาปแช่งและพบจุดจบที่น่าสยดสยอง ดังนั้น เรายะโฮวาบอกว่าเราได้ยินเจ้าแล้ว 20 เราจะให้เจ้าได้อยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า*และถูกฝังอย่างสงบ เจ้าจะไม่ต้องเห็นหายนะที่เราจะทำให้เกิดกับแผ่นดินนี้’”’” พวกเขาจึงไปบอกกษัตริย์ตามนั้น
23 กษัตริย์โยสิยาห์จึงสั่งให้เรียกผู้นำ*ทุกคนในยูดาห์และเยรูซาเล็มมา+ 2 แล้วกษัตริย์ก็ไปที่วิหารของพระยะโฮวาพร้อมกับชาวยูดาห์ ชาวเยรูซาเล็ม พวกปุโรหิต พวกผู้พยากรณ์ และประชาชนทุกคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เขาอ่านข้อความทั้งหมดในหนังสือ+สัญญา+ที่พบในวิหารของพระยะโฮวา+ให้ทุกคนฟัง 3 กษัตริย์ยืนข้าง ๆ เสาและสัญญา*กับพระยะโฮวา+ว่าเขาจะเชื่อฟังพระยะโฮวาและทำตามคำสั่ง ข้อเตือนใจ และกฎหมายของพระองค์สุดชีวิตจิตใจ โดยทำตามกฎหมายที่เขียนไว้ในหนังสือสัญญานั้น ประชาชนทุกคนก็สัญญาด้วย+
4 แล้วกษัตริย์ก็สั่งมหาปุโรหิตฮิลคียาห์+ ปุโรหิตคนอื่น ๆ และคนเฝ้าประตูให้เอาเครื่องใช้ทั้งหมดสำหรับนมัสการพระบาอัล นมัสการเสาศักดิ์สิทธิ์+และดวงดาวบนฟ้าออกไปจากวิหารของพระยะโฮวา กษัตริย์ก็เอาของเหล่านั้นไปเผานอกกรุงเยรูซาเล็มที่หุบเขาขิดโรน แล้วเอาขี้เถ้าไปที่เมืองเบธเอล+ 5 เขาถอดปุโรหิตของพระต่างประเทศซึ่งกษัตริย์องค์ก่อน ๆ ของยูดาห์แต่งตั้งไว้ให้ถวายเครื่องบูชาบนที่สูงในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์และรอบกรุงเยรูซาเล็ม และถอดคนที่ทำหน้าที่เผาเครื่องบูชาถวายพระบาอัล ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กลุ่มดาวจักรราศี และดวงดาวทั้งหลายบนฟ้า+ 6 เขาเอาเสาศักดิ์สิทธิ์+ในวิหารของพระยะโฮวาออกไปเผา+ที่หุบเขาขิดโรนนอกกรุงเยรูซาเล็ม บดจนแหลกเป็นผุยผงและโปรยบนหลุมศพของประชาชนทั่วไป+ 7 เขารื้อบ้านของโสเภณีชายประจำวิหาร+ที่อยู่ในวิหารของพระยะโฮวา ซึ่งเป็นที่ที่พวกผู้หญิงมาทอผ้าทำเต็นท์สำหรับนมัสการเสาศักดิ์สิทธิ์
8 เขาไม่ให้พวกปุโรหิตอยู่ในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์อีกต่อไป และเขาทำให้สถานบูชาบนที่สูงที่ปุโรหิตเหล่านั้นเคยถวายเครื่องบูชาใช้ในการนมัสการไม่ได้อีก ตั้งแต่เกบา+จนถึงเบเออร์เชบา+ และเขารื้อสถานบูชาบนที่สูงตรงประตูของโยชูวาผู้ว่าราชการ ซึ่งอยู่ด้านซ้ายเมื่อเดินเข้าประตูเมืองมา 9 พวกปุโรหิตของสถานบูชาบนที่สูงเหล่านี้ไม่ได้ทำงานที่แท่นบูชาของพระยะโฮวาในกรุงเยรูซาเล็ม+ แต่พวกเขายังกินขนมปังไม่ใส่เชื้อร่วมกับพี่น้องของตน 10 เขายังทำให้โทเฟท+ซึ่งอยู่ในหุบเขาของลูกชายฮินโนม*+ใช้ในการนมัสการไม่ได้อีก เพื่อไม่ให้ใครเผาบูชายัญลูกชายหรือลูกสาวของตัวเองแก่พระโมเลคอีกต่อไป+ 11 เขาห้ามไม่ให้เอาฝูงม้าที่กษัตริย์องค์ก่อน ๆ ของยูดาห์อุทิศให้กับดวงอาทิตย์เข้ามาในวิหารของพระยะโฮวา โดยผ่านทางห้อง*ของนาธันเมเลคข้าราชสำนักซึ่งอยู่ที่ซุ้มทางเข้า และเขายังเผารถม้าที่ใช้ในการนมัสการดวงอาทิตย์ทิ้งด้วย+ 12 กษัตริย์โยสิยาห์ทำลายแท่นบูชาที่กษัตริย์องค์ก่อน ๆ ของยูดาห์ทำไว้บนหลังคาห้องบนดาดฟ้า+ของอาหัส และทำลายแท่นบูชาที่มนัสเสห์ทำไว้ในลานสองแห่งที่วิหารของพระยะโฮวา+ เขาทุบแท่นเหล่านั้นเป็นผุยผงและเอาไปโปรยในหุบเขาขิดโรน 13 กษัตริย์ทำให้สถานบูชาบนที่สูงหน้ากรุงเยรูซาเล็มใช้ในการนมัสการไม่ได้อีก กษัตริย์โซโลมอนของอิสราเอลได้สร้างสถานบูชาเหล่านี้ไว้ทางใต้*ของภูเขาแห่งการทำลายล้าง*เพื่อถวายเทพธิดาอัชโทเรทที่น่าเกลียดของชาวไซดอน พระเคโมชที่น่าเกลียดของชาวโมอับ และพระมิลโคม+ที่น่ารังเกียจของชาวอัมโมน+ 14 กษัตริย์โยสิยาห์ทุบแท่งหินศักดิ์สิทธิ์จนแหลก โค่นเสาศักดิ์สิทธิ์+ และเอากระดูกมนุษย์ไปถมตรงที่ที่เสาเหล่านั้นเคยตั้งอยู่ 15 เขารื้อแท่นบูชาที่เมืองเบธเอลและสถานบูชาบนที่สูงซึ่งเยโรโบอัมลูกเนบัทได้สร้างไว้ที่เป็นต้นเหตุให้อิสราเอลทำผิด+ พอรื้อแท่นและสถานบูชานั้นแล้ว เขาก็เผาสถานบูชา บดเป็นผุยผง และเผาเสาศักดิ์สิทธิ์+
16 เมื่อโยสิยาห์เห็นสุสานบนภูเขา เขาเอากระดูกจากสุสานนั้นมาเผาบนแท่นบูชาเพื่อทำให้แท่นนั้นใช้ไม่ได้อีก ตามที่พระยะโฮวาพูดไว้ผ่านทางคนของพระเจ้าเที่ยงแท้ซึ่งพยากรณ์ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น+ 17 แล้วเขาก็พูดว่า “หลุมศพที่เราเห็นอยู่ตรงโน้นเป็นของใคร?” ชาวเมืองนั้นบอกว่า “เป็นหลุมศพของคนของพระเจ้าเที่ยงแท้ที่มาจากยูดาห์+ เขาเคยพยากรณ์ไว้ว่าเหตุการณ์อย่างที่ท่านทำนี้จะเกิดขึ้นกับแท่นบูชาที่เบธเอล” 18 กษัตริย์จึงบอกว่า “ปล่อยเขาไว้อย่างนั้นเถอะ อย่าให้ใครทำอะไรกับกระดูกของเขาเลย” พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรกับกระดูกของคนของพระเจ้าเที่ยงแท้ รวมทั้งกระดูกของผู้พยากรณ์ชาวสะมาเรียด้วย+
19 โยสิยาห์ยังทำลายวิหารบนที่สูงทั้งหมดซึ่งอยู่ในกรุงสะมาเรีย+เหมือนกับที่ทำลายสถานบูชาในเมืองเบธเอล+ พวกกษัตริย์อิสราเอลได้สร้างวิหารเหล่านี้ไว้และทำให้พระเจ้าโกรธ 20 เขาฆ่าปุโรหิตทุกคนของสถานบูชาบนที่สูงเหล่านั้นบนแท่นบูชา และเผากระดูกมนุษย์บนแท่นบูชานั้นด้วย+ หลังจากนั้นเขากลับมาที่กรุงเยรูซาเล็ม
21 แล้วกษัตริย์ก็สั่งประชาชนว่า “ให้ทุกคนฉลองปัสกา+ถวายพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราตามที่เขียนไว้ในหนังสือสัญญานี้”+ 22 ไม่เคยมีการฉลองปัสกาใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่สมัยผู้วินิจฉัยของอิสราเอลและตลอดสมัยของกษัตริย์อิสราเอลและกษัตริย์ยูดาห์+ 23 แต่ในปีที่ 18 ที่กษัตริย์โยสิยาห์ปกครอง ประชาชนได้ฉลองปัสกาถวายพระยะโฮวาในกรุงเยรูซาเล็ม
24 โยสิยาห์กำจัดคนทรง หมอดู+ รูปปั้นเทราฟิม*+ รูปเคารพที่น่าขยะแขยง* และสิ่งที่น่าเกลียดทั้งหมดในแผ่นดินยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะทำตามกฎหมาย+ที่เขียนไว้ในหนังสือที่ปุโรหิตฮิลคียาห์พบในวิหารของพระยะโฮวา+ 25 ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนเทียบเขาได้ ไม่ว่าก่อนหรือหลังเขา เพราะเขากลับมาหาพระยะโฮวาสุดชีวิตจิตใจ+ สุดกำลัง และทำตามกฎหมายของโมเสสทุกข้อ
26 แต่พระยะโฮวาก็ยังไม่หายโกรธยูดาห์เพราะมนัสเสห์ทำชั่วมากและทำให้พระองค์โกรธ+ 27 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะกำจัดยูดาห์ให้พ้นหน้าเรา+เหมือนที่เรากำจัดอิสราเอล+ เราจะทิ้งเยรูซาเล็มเมืองที่เราเลือกไว้ และทิ้งวิหารที่เราเคยพูดไว้ว่า ‘ชื่อของเราจะอยู่ที่นั่นเสมอ’”+
28 เรื่องราวที่เหลือของโยสิยาห์และทุกอย่างที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว 29 ในสมัยของโยสิยาห์ ฟาโรห์เนโคห์กษัตริย์อียิปต์ยกทัพมาช่วยกษัตริย์อัสซีเรียที่ริมแม่น้ำยูเฟรติส กษัตริย์โยสิยาห์ออกไปสู้กับเนโคห์ พอเนโคห์เห็นเขาก็ฆ่าเขาตายที่เมืองเมกิดโด+ 30 คนรับใช้ของเขานำศพของเขาขึ้นรถม้ากลับมาจากเมืองเมกิดโดไปที่กรุงเยรูซาเล็มและฝังไว้ในหลุมศพของเขา แล้วประชาชนก็เจิมและตั้งเยโฮอาหาสลูกโยสิยาห์เป็นกษัตริย์แทนพ่อของเขา+
31 เยโฮอาหาส+อายุ 23 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 3 เดือน แม่ของเขาชื่อฮามุทาล+เป็นลูกสาวของเยเรมีย์จากเมืองลิบนาห์ 32 เขาเริ่มทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วเหมือนปู่ย่าตายายของเขา+ 33 ฟาโรห์เนโคห์+จับเยโฮอาหาสไปขังคุกที่เมืองริบลาห์+ในแผ่นดินฮามัทเพื่อไม่ให้เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม แล้วสั่งให้ยูดาห์จ่ายค่าปรับเป็นเงินหนัก 100 ตะลันต์*และทองคำหนัก 1 ตะลันต์*+ 34 แล้วฟาโรห์เนโคห์ก็ตั้งเอลียาคิมลูกโยสิยาห์เป็นกษัตริย์แทนพ่อของเขาและเปลี่ยนชื่อเขาเป็นเยโฮยาคิม แต่ฟาโรห์เอาตัวเยโฮอาหาสไปอียิปต์+ แล้วเยโฮอาหาสก็ตายที่นั่น+ 35 เยโฮยาคิมให้เงินและทองคำกับฟาโรห์ แต่เขาต้องเก็บภาษีจากประชาชนเพื่อให้ได้เงินตามที่ฟาโรห์เรียกร้อง เยโฮยาคิมกำหนดว่าประชาชนแต่ละคนต้องจ่ายเงินและทองคำเท่าไรเพื่อจะมีเงินส่งให้ฟาโรห์เนโคห์
36 เยโฮยาคิม+อายุ 25 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 11 ปี+ แม่ของเขาชื่อเศบิดาห์เป็นลูกสาวของเปดายาห์มาจากรูมาห์ 37 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่ว+เหมือนปู่ย่าตายายของเขา+
24 ในสมัยของกษัตริย์เยโฮยาคิม กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์+แห่งบาบิโลนยกทัพมาต่อสู้เขา เยโฮยาคิมรับใช้เนบูคัดเนสซาร์ 3 ปีแล้วก็กบฏ 2 ต่อมา พระยะโฮวาส่งกองโจรชาวเคลเดีย+ ซีเรีย โมอับ และอัมโมนมาโจมตียูดาห์อยู่เรื่อย ๆ เพื่อจะทำลายพวกเขา ตามที่พระยะโฮวาพูดไว้+ผ่านทางพวกผู้พยากรณ์ที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ 3 ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับยูดาห์ก็เป็นไปตามที่พระยะโฮวาสั่ง เพื่อจะกำจัดพวกเขาให้พ้นหน้าพระองค์+เพราะบาปทั้งหมดที่มนัสเสห์ทำไว้+ 4 และเพราะเขาได้ฆ่าคนบริสุทธิ์+มากมายจนเลือดไหลนองกรุงเยรูซาเล็ม พระยะโฮวาจึงไม่ยกโทษให้เขา+
5 เรื่องราวที่เหลือของเยโฮยาคิมและทุกอย่างที่เขาทำก็เขียนไว้ในหนังสือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ยูดาห์แล้ว+ 6 เยโฮยาคิมก็ตายไปตามปู่ย่าตายาย+ แล้วเยโฮยาคีนลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
7 กษัตริย์อียิปต์ไม่ยกทัพออกจากประเทศของตัวเองอีกเลย เพราะกษัตริย์บาบิโลนยึดดินแดนทั้งหมดของกษัตริย์อียิปต์ไปแล้ว+ ตั้งแต่ลำน้ำอียิปต์+จนถึงแม่น้ำยูเฟรติส+
8 เยโฮยาคีน+อายุ 18 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 3 เดือน+ แม่ของเขาชื่อเนหุชทาเป็นลูกสาวของเอลนาธันมาจากเยรูซาเล็ม 9 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วเหมือนพ่อของเขาทุกอย่าง 10 ช่วงนั้นทหารของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนมาโจมตีและล้อมกรุงเยรูซาเล็มไว้+ 11 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนมาที่กรุงเยรูซาเล็มตอนที่ทหารของเขาล้อมเมืองนั้นอยู่
12 กษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ออกไปพบกษัตริย์บาบิโลน+ พร้อมกับแม่ของเขา คนรับใช้ของเขา พวกข้าราชการระดับสูง* และข้าราชสำนัก+ กษัตริย์บาบิโลนก็จับเขาไปเป็นเชลยในปีที่ 8 ที่กษัตริย์บาบิโลนปกครอง+ 13 กษัตริย์บาบิโลนยึดสมบัติทั้งหมดจากวิหารของพระยะโฮวาและจากคลังทรัพย์ที่วังของกษัตริย์+ เขาเอาเครื่องใช้ทองคำทั้งหมดที่กษัตริย์โซโลมอนของอิสราเอลทำไว้ในวิหารของพระยะโฮวา+มาตัดเป็นชิ้น ๆ สิ่งนี้เกิดขึ้นตามที่พระยะโฮวาเคยบอกไว้ 14 เขาจับชาวเยรูซาเล็มทั้งหมดไปเป็นเชลย ไม่ว่าจะเป็นพวกเจ้านาย+ นักรบที่เก่งกล้า ช่างฝีมือ และช่างโลหะ*+ทุกคน รวมทั้งหมด 10,000 คน ไม่เหลือใครไว้เลยนอกจากคนที่ยากจนที่สุดในแผ่นดิน+ 15 เขาจับตัวเยโฮยาคีน+ไปเป็นเชลยที่บาบิโลน+ เขาจับแม่ของกษัตริย์ เหล่าภรรยา ข้าราชสำนัก และคนสำคัญ ๆ ของยูดาห์จากกรุงเยรูซาเล็มไปที่บาบิโลนด้วย 16 กษัตริย์บาบิโลนจับทหารทั้งหมด 7,000 คนไปเป็นเชลยที่บาบิโลน รวมทั้งช่างฝีมือและช่างโลหะ*อีก 1,000 คน ทุกคนเป็นคนเก่งและชำนาญศึก 17 กษัตริย์บาบิโลนตั้งมัททานิยาห์ซึ่งเป็นอาของเยโฮยาคีน+เป็นกษัตริย์แทนเยโฮยาคีน และเปลี่ยนชื่อมัททานิยาห์เป็นเศเดคียาห์+
18 เศเดคียาห์อายุ 21 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 11 ปี แม่ของเขาชื่อฮามุทาล+เป็นลูกสาวของเยเรมีย์จากเมืองลิบนาห์ 19 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วเหมือนเยโฮยาคิมทุกอย่าง+ 20 ที่เยรูซาเล็มและยูดาห์ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นเพราะพระยะโฮวาโกรธมาก ในที่สุด พระองค์ก็กำจัดพวกเขาให้พ้นหน้าพระองค์+ และเศเดคียาห์ก็กบฏต่อกษัตริย์บาบิโลน+
25 ในวันที่ 10 เดือน 10 ของปีที่ 9 ที่เศเดคียาห์ปกครอง กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์+ของบาบิโลนยกทัพมาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม+ เขาตั้งค่ายและสร้างกำแพงล้อมเมืองนี้ไว้ทุกด้าน+ 2 กรุงเยรูซาเล็มถูกล้อมจนถึงปีที่ 11 ที่กษัตริย์เศเดคียาห์ปกครอง 3 ในวันที่ 9 เดือน 4 ของปีนั้น กรุงเยรูซาเล็มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก+ และประชาชนไม่มีอาหารกินเลย+ 4 ตอนที่พวกเคลเดียล้อมเมืองอยู่ กำแพงเมืองก็ถูกทะลวง+ ทหารทั้งหมดจึงหนีไปตอนกลางคืนทางประตูเมืองระหว่างกำแพงสองชั้นที่อยู่ใกล้สวนของกษัตริย์ กษัตริย์เศเดคียาห์ก็หนีไปทางอาราบาห์+ 5 แต่กองทัพเคลเดียไล่ตามกษัตริย์ไปและตามทันในที่ราบกันดารเยรีโค ทหารทั้งหมดทิ้งเขาและหนีกันไปคนละทาง 6 พวกเคลเดียจับตัวเขาได้+และพามาหากษัตริย์บาบิโลนที่เมืองริบลาห์ แล้วพวกเขาก็ตัดสินลงโทษเศเดคียาห์ 7 พวกเขาฆ่าพวกลูกชายของเศเดคียาห์ต่อหน้าเขา แล้วเนบูคัดเนสซาร์ก็ทำให้เศเดคียาห์ตาบอด ล่ามเขาด้วยโซ่ตรวนทองแดงและพาไปบาบิโลน+
8 ในวันที่ 7 เดือน 5 ปีที่ 19 ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ของบาบิโลนปกครอง เนบูซาระดาน+หัวหน้าองครักษ์ซึ่งเป็นคนของกษัตริย์บาบิโลนก็มาที่กรุงเยรูซาเล็ม+ 9 เขาเผาวิหารของพระยะโฮวา+ วังของกษัตริย์+ และบ้านทุกหลังในเยรูซาเล็ม+ รวมทั้งบ้านของคนสำคัญทุกคนด้วย+ 10 กองทัพชาวเคลเดียที่อยู่กับหัวหน้าองครักษ์ก็พังกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม+ 11 เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์จับตัวคนที่เหลือในเมืองไปเป็นเชลย รวมทั้งคนที่หนีไปหากษัตริย์บาบิโลนและประชาชนที่เหลือทั้งหมด+ 12 แต่หัวหน้าองครักษ์ยอมให้คนที่ยากจนที่สุดบางคนอยู่ในเมืองต่อไปเพื่อจะดูแลไร่องุ่นและเป็นคนงาน+ 13 พวกเคลเดียทำลายเสาทองแดง 2 ต้น+ที่วิหารของพระยะโฮวา รวมทั้งรถเข็น+และทะเลทองแดง+ที่อยู่ในวิหารของพระยะโฮวาด้วย แล้วพวกเขาก็ขนทองแดงเหล่านั้นกลับไปบาบิโลน+ 14 พวกเขายังเอาถังใส่ขี้เถ้า พลั่ว กรรไกรตัดไส้ตะเกียง ถ้วย และเครื่องใช้ที่ทำจากทองแดงทั้งหมดในวิหารไปด้วย 15 หัวหน้าองครักษ์เอาภาชนะใส่ถ่านไฟและชามที่ทำจากเงิน+และทองคำแท้+ไป 16 ทองแดงที่ได้จากเสา 2 ต้น ทะเลทองแดง และรถเข็นที่โซโลมอนทำไว้สำหรับวิหารของพระยะโฮวานั้นมีมากมายจนชั่งไม่ไหว+ 17 เสาแต่ละต้นสูง 18 ศอก*+ หัวเสาที่ทำจากทองแดงสูง 3 ศอก* ตาข่ายและผลทับทิมที่อยู่รอบหัวเสาก็ทำจากทองแดงทั้งหมด+ เสาทั้งสองต้นเป็นแบบเดียวกัน
18 หัวหน้าองครักษ์จับตัวปุโรหิตใหญ่เสไรอาห์+ รองปุโรหิตใหญ่เศฟันยาห์+ และคนเฝ้าประตู 3 คน+ 19 เขาจับตัวข้าราชสำนักคนหนึ่งที่ดูแลกองทัพกับคนสนิท 5 คนของกษัตริย์ที่ยังอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม รวมทั้งเลขานุการของแม่ทัพซึ่งเป็นคนดูแลการเกณฑ์ทหาร และประชาชนทั่วไปอีก 60 คนที่ยังเหลืออยู่ในเมือง 20 เนบูซาระดาน+หัวหน้าองครักษ์จับตัวคนเหล่านี้ไปให้กษัตริย์บาบิโลนที่เมืองริบลาห์+ 21 กษัตริย์บาบิโลนฆ่าพวกเขาที่เมืองริบลาห์ในเขตฮามัท+ ชาวยูดาห์จึงถูกบังคับให้ออกไปจากแผ่นดินของตัวเอง+
22 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ของบาบิโลนแต่งตั้งเกดาลิยาห์+ลูกอาหิคัม+หลานชาฟาน+ให้ปกครองประชาชนที่เขาทิ้งไว้ในแผ่นดินยูดาห์+ 23 เมื่อพวกแม่ทัพของยูดาห์และทหารของพวกเขาได้ข่าวว่ากษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งเกดาลิยาห์ พวกเขาก็รีบมาหาเกดาลิยาห์ที่เมืองมิสปาห์ พวกเขาคืออิชมาเอลลูกเนธานิยาห์ โยฮานันลูกคาเรอาห์ เสไรอาห์ลูกทันหุเมทชาวเนโทฟาห์ และยาอาซันยาห์ชาวมาอาคาห์ และทหารของพวกเขา+ 24 เกดาลิยาห์รับรองกับพวกแม่ทัพและทหารของพวกเขาว่า “อย่ากลัวที่จะรับใช้พวกเคลเดียเลย อยู่ในแผ่นดินนี้และรับใช้กษัตริย์บาบิโลนเถอะ แล้วพวกคุณจะปลอดภัย”+
25 ในเดือน 7 อิชมาเอล+ลูกเนธานิยาห์ซึ่งเป็นหลานเอลีชามาลูกหลานกษัตริย์ กับพรรคพวกอีก 10 คนก็มาฆ่าเกดาลิยาห์กับชาวยิวและชาวเคลเดียที่อยู่กับเขาในเมืองมิสปาห์+ 26 หลังจากนั้น ประชาชนทุกคนรวมทั้งพวกแม่ทัพก็พากันหนีไปอียิปต์+เพราะกลัวพวกเคลเดีย+
27 ในปีที่ 37 ที่กษัตริย์เยโฮยาคีน+ของยูดาห์เป็นเชลย เอวิลเมโรดักขึ้นเป็นกษัตริย์บาบิโลน และในวันที่ 27 เดือน 12 ของปีนั้นกษัตริย์เอวิลเมโรดักปล่อยตัวกษัตริย์เยโฮยาคีนของยูดาห์ออกจากคุก+ 28 กษัตริย์เอวิลเมโรดักพูดดีกับเขาและยกย่องเขาให้มีเกียรติกว่า*กษัตริย์องค์อื่น ๆ ที่อยู่กับเขาในบาบิโลน 29 เยโฮยาคีนถอดชุดนักโทษออก และได้กินอาหารกับกษัตริย์เอวิลเมโรดักตลอดชีวิต 30 เขาได้รับอาหารจากกษัตริย์เป็นประจำทุกวันตลอดชีวิตของเขา
แปลว่า “พระเจ้าของผมคือพระยะโฮวา”
คือ น้องชายของอาหัสยาห์
“ลูกหลานของพวกผู้พยากรณ์” อาจหมายถึงโรงเรียนสอนผู้พยากรณ์หรือสมาคมของพวกผู้พยากรณ์
หรือ “ลม”
หรืออาจแปลได้ว่า “ทำให้แท้งลูก”
หรืออาจแปลได้ว่า “แท้งลูก”
หรือ “เคยเป็นคนรับใช้ของเอลียาห์”
หรือ “ผมมีเรื่องอะไรกับท่าน?”
หรือ “นักดนตรี”
หรือ “ทุกคนที่คาดเข็มขัด”
หรือ “ได้ความรอด”
หรือ “เป็นโรคผิวหนัง”
อาจหมายถึงนาอามาน
342 กก. ดูภาคผนวก ข14
68.4 กก. ดูภาคผนวก ข14
แปลตรงตัวว่า “พ่อของผม”
แปลตรงตัวว่า “คำอวยพร”
34.2 กก.
68.4 กก.
สถานที่แห่งหนึ่งในสะมาเรีย อาจเป็นเนินเขาหรือป้อมปราการ
หรือ “มากกว่าหนึ่งหรือสองครั้ง”
แปลตรงตัวว่า “ชนชาตินี้”
912 กรัม ดูภาคผนวก ข14
0.3 ลิตร ดูภาคผนวก ข14
57 กรัม
หรือ “ใต้เสื้อ ติดกับผิวหนังของเขา”
หรือ “ตลาด”
7.33 ลิตร ดูภาคผนวก ข14
11.4 กรัม ดูภาคผนวก ข14
14.66 ลิตร
14.66 ลิตร
11.4 กรัม
7.33 ลิตร
แปลตรงตัวว่า “มีตะเกียง”
แปลตรงตัวว่า “ลูกสาว”
ชื่อย่อของเมืองราโมทกิเลอาด
หรือ “เขาป่วย”
แปลตรงตัวว่า “คนที่ปัสสาวะรดกำแพง” เป็นสำนวนภาษาฮีบรูหมายถึงผู้ชาย ใช้ในเชิงดูถูก
แปลตรงตัวว่า “ลูกชาย”
แปลตรงตัวว่า “พี่เลี้ยงของอาหับ”
หรือ “ซื่อตรง”
หรือ “เป็นคนดี”
หรือ “อวยพร”
หรือ “ผมกระตือรือร้นเพื่อ”
หรือ “ที่ศักดิ์สิทธิ์ชั้นใน” แปลตรงตัวว่า “เมือง” อาจเป็นสิ่งปลูกสร้างคล้ายป้อมปราการ
หรือ “สัญญา”
หรือ “คนรู้จัก”
หรือ “แตก”
หรือ “ใส่ไว้ในถุง” แปลตรงตัวว่า “ผูก”
หรือ “ที่เบธมิลโล”
คือ มีความสงบและความปลอดภัย
คือ เยโรโบอัมที่ 2
หรือ “ความรอด”
หรือ “ความรอด”
แปลตรงตัวว่า “ช่วงที่ปีกำลังเข้ามา” ซึ่งอาจเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ
หรือ “มาเผชิญหน้ากัน”
แปลตรงตัวว่า “เต็นท์”
178 เมตร ดูภาคผนวก ข14
คือ เยโรโบอัมที่ 2
แปลว่า “พระยะโฮวาช่วย” เขาถูกเรียกว่าอุสซียาห์ที่ 2พก 15:13; 2พศ 26:1-23; อสย 6:1; และ ศคย 14:5
คือ อามาซิยาห์พ่อของเขา
หรือ “ริมเขตแดนฮามัท”
คือ ทะเลเกลือ หรือ ทะเลเดดซี
คือ เยโรโบอัมที่ 2
แปลว่า “พระยะโฮวาช่วย” เขาถูกเรียกว่าอุสซียาห์ที่ 2พก 15:13; 2พศ 26:1-23; อสย 6:1; และ ศคย 14:5
34,200 กก. ดูภาคผนวก ข14
570 กรัม ดูภาคผนวก ข14
หรือ “ชาวยูดาห์”
แปลว่า “พระยะโฮวาให้กำลัง”
แปลตรงตัวว่า “เกรงกลัว”
คือ ทุกที่ไม่ว่าจะมีคนอยู่น้อยหรือมาก
คำนี้ในภาษาฮีบรูอาจเกี่ยวข้องกับคำว่า “มูลสัตว์” และใช้ในเชิงดูถูก
หรือ “นมัสการ”
หรือ “ธรรมเนียมของศาสนา”
หรือ “นมัสการ”
หรือ “ทำตามธรรมเนียมของศาสนา”
หรือ “ทำตามธรรมเนียมของศาสนา”
แปลตรงตัวว่า “เกรงกลัว”
หรือ “ทำตามธรรมเนียมของศาสนา”
ชื่อย่อของอาบียาห์
หรือ “เรียกรูปนั้นว่าเนหุชทาน”
คือ ทุกที่ไม่ว่าจะมีคนอยู่น้อยหรือมาก
10,260 กก. ดูภาคผนวก ข14
1,026 กก.
แปลตรงตัวว่า “ตัด”
หรือ “ผู้บัญชาการ”
หรือ “หัวหน้าข้าราชสำนัก”
หรือ “หัวหน้าพนักงานรินเครื่องดื่มถวายกษัตริย์”
หรือ “ภาษาซีเรีย”
แปลตรงตัวว่า “พวกผู้ชายสูงอายุในพวกปุโรหิต”
หรืออาจแปลได้ว่า “ระหว่างเครูบ”
คือ เฮเซคียาห์
หรือ “งอกมาจากเมล็ดที่หล่น”
หรือ “คนในวัง”
หรือ “เครื่องหมาย”
อาจเป็นขั้นบันไดที่ใช้ดูเวลาเหมือนเป็นนาฬิกาแดด
หรือ “ฟัง”
หรือ “ความจริง”
คำนี้ในภาษาฮีบรูอาจเกี่ยวข้องกับคำว่า “มูลสัตว์” และใช้ในเชิงดูถูก
หรือ “สายดิ่ง”
หรือ “แตก”
เป็นสำนวนกวีหมายถึงตาย
แปลตรงตัวว่า “พวกผู้ชายสูงอายุ”
หรือ “สัญญาอีกครั้ง”
ดูคำว่า “เกเฮนนา” ในส่วนอธิบายศัพท์
หรือ “ห้องอาหาร”
แปลตรงตัวว่า “ทางขวา”
คือ ภูเขามะกอก โดยเฉพาะด้านใต้สุดของภูเขาซึ่งเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าภูเขาแห่งความโกรธ
หรือ “เทพเจ้าประจำบ้าน” “รูปเคารพ”
คำนี้ในภาษาฮีบรูอาจเกี่ยวข้องกับคำว่า “มูลสัตว์” และใช้ในเชิงดูถูก
3,420 กก. ดูภาคผนวก ข14
34.2 กก.
หรือ “พวกเจ้าชาย”
หรืออาจแปลได้ว่า “ช่างก่อกำแพงต้านข้าศึก”
หรืออาจแปลได้ว่า “ช่างก่อกำแพงต้านข้าศึก”
8.01 เมตร ดูภาคผนวก ข14
1.34 เมตร
หรือ “และตั้งบัลลังก์ของเขาให้สูงกว่าบัลลังก์ของ”