ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ลมศษ ยอห์น 1:1-21:25
  • ยอห์น

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ยอห์น
  • คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ (ฉบับศึกษา)
คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ (ฉบับศึกษา)
ยอห์น

ข่าว​ดี​ที่​เขียน​โดย​ยอห์น

1 ใน​ตอน​เริ่ม​ต้น มี​ผู้​หนึ่ง​ที่​ถูก​เรียก​ว่า​โฆษก*+ โฆษก​ผู้​นี้​อยู่​กับ​พระเจ้า+และ​ท่าน​เป็น​พระเจ้า​องค์​หนึ่ง+ 2 ท่าน​ผู้​นี้​อยู่​กับ​พระเจ้า​ใน​ตอน​เริ่ม​ต้น+ 3 พระเจ้า​ใช้​ท่าน​ให้​สร้าง​ทุก​สิ่ง+ ไม่​มี​อะไร​เลย​ที่​เกิด​ขึ้น​โดย​ที่​พระเจ้า​ไม่​ได้​ให้​ท่าน​สร้าง

สิ่ง​หนึ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น 4 โดย​ทาง​ท่าน​คือ​ชีวิต และ​ชีวิต​เป็น​ความ​สว่าง​ของ​มนุษย์+ 5 ความ​สว่าง​นั้น​ส่อง​เข้า​ไป​ใน​ความ​มืด+ แต่​ความ​มืด​เอา​ชนะ​ความ​สว่าง​ไม่​ได้

6 มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​พระเจ้า​ใช้​ให้​เป็น​ตัว​แทน​ของ​พระองค์ เขา​ชื่อ​ยอห์น+ 7 เขา​เป็น​พยาน​ที่​ให้​หลักฐาน​ยืน​ยัน​เรื่อง​ความ​สว่าง​นั้น+ เพื่อ​คน​ทุก​ชนิด​จะ​ได้​เชื่อ​เพราะ​สิ่ง​ที่​เขา​บอก 8 ตัว​ยอห์น​เอง​ไม่​ใช่​ความ​สว่าง​นั้น+ แต่​เขา​มา​เพื่อ​ให้​หลักฐาน​ยืน​ยัน​เรื่อง​ความ​สว่าง+

9 ตอน​นั้น ความ​สว่าง​แท้​ที่​ส่อง​สว่าง​ให้​คน​ทุก​ชนิด​กำลัง​จะ​เข้า​มา​ใน​โลก+ 10 ท่าน​ผู้​นั้น​เคย​อยู่​ใน​โลก+ พระเจ้า​ใช้​ท่าน​ให้​สร้าง​โลก+ แต่​โลก​กลับ​ไม่​รู้​จัก*ท่าน 11 ท่าน​มา​ที่​บ้าน​เมือง​ของ​ท่าน แต่​คน​ร่วม​ชาติ​ไม่​ต้อนรับ+ 12 ส่วน​ใคร​ที่​ต้อนรับ ท่าน​ก็​ให้​พวก​เขา​มี​โอกาส​ได้​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า+ เพราะ​พวก​เขา​แสดง​ความ​เชื่อ​ศรัทธา​ใน​ชื่อ​ของ​ท่าน+ 13 คน​กลุ่ม​นี้​จึง​ไม่​ได้​เกิด​จาก​พ่อ​แม่​ที่​เป็น​มนุษย์ หรือ​จาก​ความ​ต้องการ​ของ​มนุษย์ แต่​เกิด​จาก​พระเจ้า+

14 ดัง​นั้น โฆษก​ผู้​นี้​จึง​มา​เกิด​เป็น​มนุษย์+และ​อยู่​กับ​พวก​เรา พวก​เรา​ได้​เห็น​ความ​สง่า​งาม​ของ​ท่าน ซึ่ง​เป็น​ความ​สง่า​งาม​แบบ​ที่​ลูก​คน​เดียว+ได้​รับ​จาก​พ่อ ท่าน​เป็น​ผู้​ที่​พระเจ้า​พอ​ใจ​มาก​และ​ท่าน​สอน​ความ​จริง+ 15 (ยอห์น​ยืน​ยัน​เรื่อง​ของ​ท่าน ยอห์น​คน​นี้​แหละ​ที่​ป่าว​ประกาศ​ว่า “ท่าน​ผู้​นี้​ก็​คือ​คน​ที่​ผม​เคย​บอก​ว่า ‘ท่าน​ที่​มา​ที​หลัง​ผม​เป็น​คน​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​ผม เพราะ​ท่าน​มี​ชีวิต​อยู่​ก่อน​ผม​อีก’”)+ 16 ท่าน​มี​ความ​กรุณา​ที่​ยิ่ง​ใหญ่ พวก​เรา​ทุก​คน​จึง​ได้​รับ​ความ​กรุณา​จาก​ท่าน​อย่าง​ล้น​เหลือ 17 พระเจ้า​ให้​กฎหมาย​ผ่าน​ทาง​โมเสส+ แต่​ให้​ความ​กรุณา​ที่​ยิ่ง​ใหญ่+และ​ความ​จริง​ผ่าน​ทาง​พระ​เยซู​คริสต์+ 18 ไม่​มี​ใคร​เคย​เห็น​พระเจ้า​เลย+ แต่​พระ​เยซู​เป็น​ผู้​ที่​ทำ​ให้​พวก​เรา​ได้​มา​รู้​จัก​พระองค์+ ท่าน​เป็น​ลูก​คน​เดียว​ของ​พระเจ้า+ซึ่ง​มี​ลักษณะ​เหมือน​พระองค์ และ​อยู่​เคียง​ข้าง​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ+

19 เมื่อ​คน​ยิว​ส่ง​พวก​ปุโรหิต​และ​พวก​คน​เลวี​จาก​กรุง​เยรูซาเล็ม​มา​ถาม​ยอห์น​ว่า “คุณ​เป็น​ใคร?”+ 20 เขา​ไม่​ได้​ปิด​บัง​ความ​จริง แต่​ตอบ​อย่าง​ตรง​ไป​ตรง​มา​ว่า “ผม​ไม่​ใช่​พระ​คริสต์”+ 21 พวก​นั้น​จึง​ถาม​อีก​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น​คุณ​เป็น​ใคร? เป็น​เอลียาห์​ไหม?”+ เขา​ตอบ​ว่า “ไม่​ใช่”+ “หรือ​ว่า​เป็น​ผู้​พยากรณ์​ที่​พระ​คัมภีร์​บอก​ไว้?”+ เขา​ตอบ​ว่า “ไม่​ใช่” 22 พวก​นั้น​จึง​ถาม​ว่า “แล้ว​คุณ​เป็น​ใคร​กัน​แน่? บอก​มา​สิ พวก​เรา​จะ​ได้​กลับ​ไป​ตอบ​คน​ที่​ส่ง​เรา​มา​ได้ คุณ​จะ​ให้​พวก​เรา​บอก​ว่า​คุณ​เป็น​ใคร?” 23 ยอห์น​บอก​ว่า “ผม​คือ​คน​ที่​ส่ง​เสียง​ร้อง​อยู่​ใน​ที่​กันดาร​ว่า ‘ให้​ทำ​ทาง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ให้​ตรง’+ เหมือน​ที่​ผู้​พยากรณ์​อิสยาห์​บอก​ไว้”+ 24 คน​พวก​นี้​เป็น​คน​ที่​พวก​ฟาริสี​ส่ง​มา 25 พวก​เขา​จึง​ถาม​ยอห์น​อีก​ว่า “แล้ว​ทำไม​คุณ​ถึง​ให้​บัพติศมา​ใน​เมื่อ​คุณ​ไม่​ใช่​พระ​คริสต์​หรือ​เอลียาห์ แล้ว​ก็​ไม่​ใช่​ผู้​พยากรณ์​คน​นั้น​ด้วย?” 26 ยอห์น​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “ผม​ให้​บัพติศมา​ด้วย​น้ำ แต่​มี​คน​หนึ่ง​อยู่​กับ​พวก​คุณ​ซึ่ง​เป็น​คน​ที่​พวก​คุณ​ไม่​รู้​จัก 27 เขา​จะ​มา​ที​หลัง​ผม ผม​เอง​ไม่​สม​ควร​จะ​แก้​สาย​รัด​รอง​เท้า​ให้​เขา​ด้วย​ซ้ำ”+ 28 เรื่อง​ทั้ง​หมด​นี้​เกิด​ขึ้น​ที่​เบธานี​ซึ่ง​อยู่​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน ยอห์น​ให้​บัพติศมา​ผู้​คน​อยู่​ที่​นั่น+

29 วัน​ต่อ​มา ยอห์น​เห็น​พระ​เยซู​มา​หา เขา​จึง​พูด​ว่า “คน​นี้​ไง ลูก​แกะ+ของ​พระเจ้า​ที่​จะ​รับ​บาป+ของ​โลก​ไป+ 30 คน​นี้​แหละ​ที่​ผม​พูด​ไว้​ว่า ‘คน​หนึ่ง​จะ​มา​ที​หลัง​ผม​ซึ่ง​เป็น​คน​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​ผม เพราะ​ท่าน​มี​ชีวิต​อยู่​ก่อน​ผม​อีก’+ 31 เมื่อ​ก่อน​นี้​ผม​เอง​ก็​ไม่​รู้​จัก​ท่าน แต่​ที่​ผม​ให้​บัพติศมา​ด้วย​น้ำ​ก็​เพื่อ​แนะ​นำ​ตัว​ท่าน​ให้​คน​อิสราเอล​รู้​จัก”+ 32 ยอห์น​ยัง​ยืน​ยัน​ด้วย​ว่า “ผม​ได้​เห็น​พลัง​ของ​พระเจ้า​รูป​ร่าง​เหมือน​นก​เขา​ลง​มา​จาก​ฟ้า​และ​อยู่​กับ​ท่าน+ 33 ตอน​แรก​ผม​เอง​ก็​ไม่​รู้​จัก​ท่าน แต่​พระเจ้า​ที่​ใช้​ผม​มา​ให้​บัพติศมา​ด้วย​น้ำ​ได้​บอก​ผม​ว่า ‘เมื่อ​เจ้า​เห็น​พลัง​ของ​เรา​ลง​มา​อยู่​กับ​ใคร+ คน​นั้น​แหละ​ที่​จะ​ให้​บัพติศมา​ด้วย​พลัง​บริสุทธิ์​ของ​เรา’+ 34 ผม​เห็น​เรื่อง​นี้​เกิด​ขึ้น​กับ​ตา ผม​จึง​ยืน​ยัน​ได้​ว่า​ท่าน​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า”+

35 วัน​ถัด​มา ยอห์น​มา​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​และ​มี​สาวก 2 คน​อยู่​ด้วย 36 เมื่อ​เห็น​พระ​เยซู​เดิน​ผ่าน​มา ยอห์น​ก็​พูด​ว่า “นั่น​ไง ลูก​แกะ+ของ​พระเจ้า” 37 พอ​สาวก​ทั้ง​สอง​คน​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น ก็​ตาม​พระ​เยซู​ไป 38 พระ​เยซู​หัน​มา​เห็น​พวก​เขา​จึง​ถาม​ว่า “มี​อะไร​หรือ?” พวก​เขา​บอก​ว่า “รับบี* (แปล​ว่า “อาจารย์”) ท่าน​พัก​อยู่​ที่​ไหน​ครับ?” 39 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “ตาม​มา​ดู​สิ” พวก​เขา​ก็​ตาม​ท่าน​ไป​ถึง​ที่​พัก​และ​อยู่​กับ​ท่าน​จน​หมด​วัน ตอน​นั้น​เป็น​เวลา​ประมาณ 4 โมง​เย็น 40 หนึ่ง​ใน​สอง​คน​นั้น​ที่​ได้​ยิน​ยอห์น​พูด​แล้ว​ตาม​พระ​เยซู​ไป​คือ อันดรูว์+ที่​เป็น​พี่​น้อง​กับ​ซีโมน​เปโตร 41 สิ่ง​แรก​ที่​อันดรูว์​ทำ​ก็​คือ ไป​หา​ซีโมน​พี่​น้อง​ของ​เขา​และ​บอก​ว่า “พวก​เรา​พบ​เมสสิยาห์​แล้ว”+ (ซึ่ง​แปล​ว่า “คริสต์”)+ 42 แล้ว​อันดรูว์​ก็​พา​ซีโมน​ไป​หา​พระ​เยซู ท่าน​มอง​ซีโมน​และ​พูด​ว่า “คุณ​คือ​ซีโมน+ลูก​ของ​ยอห์น คุณ​จะ​มี​อีก​ชื่อ​หนึ่ง​ว่า​เคฟาส” (แปล​เป็น​ภาษา​กรีก​ว่า​เปโตร)+

43 วัน​ต่อ​มา พระ​เยซู​ตั้งใจ​จะ​ไป​แคว้น​กาลิลี ท่าน​เจอ​ฟีลิป+และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “ตาม​ผม​มา​สิ” 44 ฟีลิป​มา​จาก​เมือง​เบธไซดา​เหมือน​อันดรูว์​กับ​เปโตร 45 ฟีลิป​เจอ​นาธานาเอล+และ​บอก​เขา​ว่า “พวก​เรา​พบ​คน​นั้น​ที่​บอก​ไว้​ใน​กฎหมาย​ของ​โมเสส​และ​หนังสือ​ของ​พวก​ผู้​พยากรณ์​แล้ว+ เขา​คือ​เยซู​ลูก​ของ​โยเซฟ+ซึ่ง​มา​จาก​เมือง​นาซาเร็ธ” 46 แต่​นาธานาเอล​บอก​เขา​ว่า “จะ​มี​อะไร​ดี ๆ มา​จาก​นาซาเร็ธ​ได้​หรือ?”+ ฟีลิป​ตอบ​เขา​ว่า “มา​ดู​เอง​สิ” 47 เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​นาธานาเอล​กำลัง​เดิน​เข้า​มา​หา ก็​พูด​ถึง​เขา​ว่า “นี่​ไง คน​อิสราเอล​แท้ ๆ ที่​ไม่​มี​เล่ห์​เหลี่ยม​อะไร”+ 48 นาธานาเอล​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “ท่าน​รู้​จัก​ผม​ได้​ยัง​ไง?” ท่าน​ตอบ​เขา​ว่า “ผม​เห็น​คุณ​ตั้ง​แต่​ตอน​ที่​คุณ​อยู่​ใต้​ต้น​มะเดื่อ​แล้ว ก่อน​ที่​ฟีลิป​จะ​เรียก​คุณ​ด้วย​ซ้ำ” 49 นาธานาเอล​บอก​ท่าน​ว่า “อาจารย์ ท่าน​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า และ​เป็น​กษัตริย์​ของ​อิสราเอล”+ 50 พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “คุณ​เชื่อ​เพราะ​ผม​บอก​ว่า ผม​เห็น​คุณ​อยู่​ใต้​ต้น​มะเดื่อ​หรือ? คุณ​จะ​ได้​เห็น​สิ่ง​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​นี้​อีก” 51 ท่าน​บอก​เขา​อีก​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า พวก​คุณ​จะ​เห็น​ฟ้า​สวรรค์​เปิด​ออก​และ​เห็น​ทูต​ของ​พระเจ้า​ขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อ​มา​หา ‘ลูก​มนุษย์’”+

2 สอง​วัน​ต่อ​มา มี​งาน​แต่งงาน​ที่​เมือง​คานา​ใน​แคว้น​กาลิลี+ แม่​ของ​พระ​เยซู​ก็​อยู่​ใน​งาน​เลี้ยง​นั้น 2 พระ​เยซู​กับ​พวก​สาวก​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ไป​ร่วม​งาน​ด้วย

3 เมื่อ​เหล้า​องุ่น​ใกล้​หมด แม่​ของ​พระ​เยซู​มา​บอก​ท่าน​ว่า “ทำ​ยัง​ไง​ดี เหล้า​องุ่น​จะ​หมด​แล้ว?” 4 แต่​พระ​เยซู​ตอบ​เธอ​ว่า “เรา​อย่า​ไป​กังวล​เลย​แม่ ตอน​นี้​ยัง​ไม่​ถึง​เวลา​ของ​ผม” 5 แม่​ของ​ท่าน​จึง​บอก​พวก​คน​รับใช้​ว่า “พวก​คุณ​คอย​ทำ​ตาม​ที่​เขา​สั่ง​นะ” 6 ที่​นั่น​มี​โอ่ง​หิน​ตั้ง​อยู่ 6 ใบ​เพื่อ​ใช้​ใน​พิธี​ชำระ​ล้าง​ตาม​กฎ​ของ​ชาว​ยิว+ แต่​ละ​ใบ​จุ​น้ำ​ได้​ประมาณ 2 หรือ 3 ถัง 7 พระ​เยซู​บอก​พวก​คน​รับใช้​ว่า “เอา​น้ำ​ใส่​โอ่ง​ให้​เต็ม” พวก​เขา​ก็​เอา​น้ำ​ใส่​จน​เต็ม​ถึง​ปาก​โอ่ง 8 แล้ว​ท่าน​สั่ง​อีก​ว่า “ตัก​ไป​ให้​ผู้​ดู​แล​งาน​เลี้ยง​สิ” พวก​เขา​ก็​ทำ​ตาม 9 ตอน​ที่​ผู้​ดู​แล​งาน​เลี้ยง​ชิม​น้ำ​นั้น มัน​กลาย​เป็น​เหล้า​องุ่น​ไป​แล้ว เขา​ไม่​รู้​ว่า​มัน​มา​จาก​ไหน แต่​พวก​คน​รับใช้​รู้ ผู้​ดู​แล​งาน​เลี้ยง​เรียก​เจ้าบ่าว​มา 10 และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “ใคร ๆ เขา​ก็​เอา​เหล้า​องุ่น​ดี ๆ มา​ให้​ดื่ม​ก่อน เมื่อ​แขก​เมา​แล้ว​ค่อย​เอา​ที่​ไม่​ค่อย​ดี​มา​ให้ แต่​คุณ​กลับ​เก็บ​เหล้า​องุ่น​ดี ๆ ไว้​จน​ถึง​ตอน​นี้” 11 พระ​เยซู​ทำ​การ​อัศจรรย์​ครั้ง​แรก​นี้​ที่​เมือง​คานา​ใน​แคว้น​กาลิลี เพื่อ​เป็น​หลักฐาน​บอก​ฐานะ​และ​อำนาจ​ของ​ท่าน+ ทำ​ให้​พวก​สาวก​มี​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ท่าน

12 หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​ก็​ไป​เมือง​คาเปอร์นาอุม+กับ​แม่ พวก​น้อง​ชาย+ และ​พวก​สาวก แต่​พัก​อยู่​ที่​นั่น​ไม่​กี่​วัน

13 เมื่อ​ใกล้​จะ​ถึง​เทศกาล​ปัสกา+ของ​ชาว​ยิว พระ​เยซู​ก็​ไป​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม 14 พอ​เข้า​ไป​ใน​บริเวณ​วิหาร ท่าน​เห็น​คน​ขาย​วัว แกะ และ​นก​เขา+ และ​เห็น​พวก​พ่อค้า​รับ​แลก​เงิน​นั่ง​อยู่ 15 ท่าน​จึง​เอา​เชือก​มา​ทำ​เป็น​แส้​แล้ว​ไล่​คน​พวก​นั้น​รวม​ทั้ง​แกะ​และ​วัว​ออก​จาก​บริเวณ​วิหาร ท่าน​ยัง​เท​เงิน​เหรียญ​และ​คว่ำ​โต๊ะ​ของ​พวก​คน​รับ​แลก​เงิน​ด้วย+ 16 พระ​เยซู​บอก​คน​ขาย​นก​เขา​ว่า “เอา​ของ​พวก​นี้​ออก​ไป​ให้​หมด เลิก​ทำ​ให้​บ้าน​ของ​พ่อ​ผม​เป็น​ตลาด​ได้​แล้ว”+ 17 พวก​สาวก​ก็​นึก​ถึง​ข้อ​ความ​ที่​พระ​คัมภีร์​บอก​ไว้​ว่า “ความ​รัก​แรง​กล้า​ที่​ผม​มี​ต่อ​วิหาร​ของ​พระองค์​เป็น​เหมือน​ไฟ​ที่​ลุก​โชน”+

18 พวก​ยิว​ต่อ​ว่า​พระ​เยซู​ว่า “คุณ​มี​สิทธิ์​อะไร​มา​ทำ​อย่าง​นี้? แสดง​หลักฐาน​ให้​เรา​ดูซิ”+ 19 พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “รื้อ​วิหาร​หลัง​นี้​ลง​มา​สิ แล้ว​ผม​จะ​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​ภาย​ใน 3 วัน”+ 20 พวก​ยิว​จึง​พูด​ว่า “วิหาร​หลัง​นี้​ใช้​เวลา​สร้าง​ตั้ง 46 ปี แล้ว​คุณ​จะ​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​ภาย​ใน 3 วัน​ได้​ยัง​ไง?” 21 แต่​ที่​จริง พระ​เยซู​กำลัง​พูด​ถึง​วิหาร​ที่​หมาย​ถึง​ร่าง​กาย​ของ​ท่าน​เอง+ 22 หลัง​จาก​พระ​เยซู​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย​แล้ว พวก​สาวก​ถึง​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ท่าน​เคย​พูด​อย่าง​นี้+ ทำ​ให้​พวก​เขา​เชื่อ​สิ่ง​ที่​เขียน​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์​และ​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​เคย​พูด​ไว้

23 เมื่อ​พระ​เยซู​อยู่​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม​ใน​เทศกาล​ปัสกา ท่าน​ทำ​การ​อัศจรรย์​หลาย​อย่าง ทำ​ให้​คน​มาก​มาย​เชื่อ​ศรัทธา​ใน​ชื่อ​ของ​ท่าน+ 24 แต่​พระ​เยซู​ไม่​อยาก​จะ​สนิท​กับ​พวก​เขา​มาก เพราะ​ท่าน​อ่าน​ใจ​ทุก​คน​ได้ 25 ท่าน​ไม่​ต้อง​ให้​ใคร​มา​บอก​ว่า​มนุษย์​เป็น​อย่าง​ไร เพราะ​ท่าน​รู้​ว่า​พวก​เขา​คิด​อะไร​อยู่​ใน​ใจ+

3 มี​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​คน​หนึ่ง​เป็น​ฟาริสี​ชื่อ​นิโคเดมัส+ 2 เขา​มา​หา​พระ​เยซู​ตอน​กลางคืน+และ​พูด​ว่า “อาจารย์+ พวก​เรา​รู้​ว่า​ท่าน​เป็น​ครู​ที่​พระเจ้า​ส่ง​มา เพราะ​ไม่​มี​ใคร​ทำ​การ​อัศจรรย์+แบบ​ท่าน​ได้​ถ้า​ไม่​ได้​รับ​อำนาจ​จาก​พระเจ้า”+ 3 พระ​เยซู​พูด​กับ​เขา​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ถ้า​คน​เรา​ไม่​เกิด​ใหม่+ จะ​เห็น​รัฐบาล*ของ​พระเจ้า​ไม่​ได้”+ 4 นิโคเดมัส​ถาม​ท่าน​ว่า “คน​แก่​จะ​เกิด​ใหม่​ได้​ยัง​ไง? จะ​ให้​เข้า​ไป​ใน​ท้อง​แม่ แล้ว​คลอด​ออก​มา​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง​ได้​หรือ?” 5 พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า คน​ที่​ไม่​ได้​เกิด​โดย​รับ​บัพติศมา​ใน​น้ำ+และ​โดย​รับ​พลัง​ของ​พระเจ้า*+ จะ​เข้า​รัฐบาล​ของ​พระองค์​ไม่​ได้ 6 คน​ที่​เกิด​จาก​พ่อ​แม่​ที่​เป็น​มนุษย์​ก็​เป็น​ลูก​ของ​มนุษย์ แต่​คน​ที่​เกิด​จาก​พลัง​ของ​พระเจ้า​ก็​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า 7 ไม่​ต้อง​แปลก​ใจ​ที่​ผม​บอก​ว่า พวก​คุณ​จะ​ต้อง​เกิด​ใหม่+ 8 ลม​อยาก​จะ​พัด​ไป​ทาง​ไหน มัน​ก็​พัด​ไป​ทาง​นั้น คุณ​ได้​ยิน​เสียง​ลม​แต่​ไม่​รู้​ว่า​มัน​พัด​มา​จาก​ไหน​และ​จะ​ไป​ทาง​ไหน ทุก​คน​ที่​เกิด​จาก​พลัง​ของ​พระเจ้า​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น​ด้วย”+

9 นิโคเดมัส​จึง​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “เรื่อง​นี้​จะ​เป็น​ไป​ได้​ยัง​ไง​ครับ?” 10 ท่าน​ตอบ​ว่า “คุณ​เป็น​อาจารย์​สอน​คน​อิสราเอล แต่​ทำไม​ไม่​เข้าใจ​เรื่อง​นี้? 11 ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า พวก​เรา​บอก​เล่า​สิ่ง​ที่​รู้​เห็น​มา+ แต่​พวก​คุณ​ไม่​เชื่อ​คำ​บอก​เล่า​ของ​เรา+ 12 ผม​เล่า​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​โลก คุณ​ก็​ยัง​ไม่​เชื่อ แล้ว​ถ้า​ผม​เล่า​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​สวรรค์ คุณ​จะ​เชื่อ​หรือ?+ 13 ไม่​มี​ใคร​เคย​ขึ้น​สวรรค์+ นอก​จาก​ผู้​ที่​ลง​มา​จาก​สวรรค์+ ซึ่ง​ก็​คือ ‘ลูก​มนุษย์’ 14 โมเสส​ยก​งู​ขึ้น​แขวน​ไว้​ใน​ที่​กันดาร+ ‘ลูก​มนุษย์’ ก็​จะ​ถูก​ยก​ขึ้น​แขวน​ไว้​เหมือน​กัน+ 15 เพื่อ​ทุก​คน​ที่​เชื่อ​ท่าน​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป+

16 “พระเจ้า​รัก​โลก​มาก จน​ถึง​กับ​ยอม​สละ​ลูก​คน​เดียว​ของ​พระองค์+ เพื่อ​ทุก​คน​ที่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ท่าน​จะ​ไม่​ถูก​ทำลาย แต่​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป+ 17 พระเจ้า​ไม่​ได้​ส่ง​ลูก​ของ​พระองค์​เข้า​มา​ใน​โลก​เพื่อ​ให้​ตัดสิน​ลง​โทษ​โลก แต่​ส่ง​มา​เพื่อ​ช่วย​โลก​ให้​รอด+ 18 คน​ที่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ท่าน​ผู้​นั้น​จะ​ไม่​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ+ ส่วน​คน​ที่​ไม่​แสดง​ความ​เชื่อ​ก็​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ​อยู่​แล้ว เพราะ​เขา​ไม่​ได้​แสดง​ความ​เชื่อ​ศรัทธา​ใน​ชื่อ​ของ​ลูก​คน​เดียว​ของ​พระเจ้า+ 19 หลัก​ใน​การ​ตัดสิน​ลง​โทษ​ก็​คือ ความ​สว่าง​เข้า​มา​ใน​โลก​แล้ว+ แต่​มนุษย์​กลับ​รัก​ความ​มืด​แทน​ที่​จะ​รัก​ความ​สว่าง​เพราะ​พวก​เขา​ทำ​ชั่ว+ 20 คน​ที่​ทำ​ชั่ว​ก็​เกลียด​ความ​สว่าง​และ​ไม่​มา​หา​ความ​สว่าง เพื่อ​ความ​ชั่ว​ของ​เขา​จะ​ไม่​ถูก​เปิดโปง 21 แต่​คน​ที่​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง​ก็​มา​หา​ความ​สว่าง+ เพื่อ​จะ​ได้​เห็น​ว่า​สิ่ง​ที่​เขา​ทำ​เป็น​ไป​ตาม​ความ​ต้องการ​ของ​พระเจ้า”

22 หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​เข้า​ไป​ใน​ชนบท​ของ​แคว้น​ยูเดีย​กับ​พวก​สาวก​และ​อยู่​กับ​พวก​เขา​ที่​นั่น​ช่วง​หนึ่ง ท่าน​ให้​บัพติศมา​ผู้​คน​ด้วย+ 23 ส่วน​ยอห์น​ก็​ให้​บัพติศมา​อยู่​ที่​อายโนน​ใกล้ ๆ สาลิม​เพราะ​ที่​นั่น​มี​น้ำ​มาก+ ผู้​คน​ก็​พา​กัน​ไป​รับ​บัพติศมา​ที่​นั่น+ 24 ตอน​นั้น​ยอห์น​ยัง​ไม่​ติด​คุก+

25 วัน​หนึ่ง พวก​สาวก​ของ​ยอห์น​เถียง​กับ​คน​ยิว​คน​หนึ่ง​ว่า​ทำ​อย่าง​ไร​ถึง​จะ​สะอาด​ใน​สายตา​พระเจ้า 26 พวก​เขา​จึง​ไป​ฟ้อง​ยอห์น​ว่า “อาจารย์ คน​ที่​ท่าน​เคย​พูด​ถึง+และ​เคย​อยู่​กับ​ท่าน​ที่​แม่น้ำ​จอร์แดน​ฝั่ง​โน้น เขา​กำลัง​ให้​บัพติศมา​และ​ทุก​คน​ก็​ไป​หา​เขา” 27 ยอห์น​บอก​เขา​ว่า “คน​เรา​จะ​ทำ​อะไร​ได้​ก็​ต่อ​เมื่อ​พระเจ้า​ให้​เขา​ทำ 28 พวก​คุณ​ก็​เคย​ได้​ยิน​ผม​พูด​แล้ว​นี่​ว่า ‘ผม​ไม่​ใช่​พระ​คริสต์+ แต่​ผม​ถูก​ส่ง​มา​ล่วง​หน้า​ท่าน’+ 29 เจ้าสาว​เป็น​ของ​เจ้าบ่าว+ แต่​เพื่อน​เจ้าบ่าว​ที่​ยืน​รอ​อยู่​ก็​ดีใจ​มาก​ที่​ได้​ยิน​เสียง​เจ้าบ่าว นี่​แหละ​เป็น​เหตุ​ผล​ที่​ผม​ดีใจ​จริง ๆ 30 ท่าน​ผู้​นั้น​จะ​มี​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ ส่วน​ตัว​ผม​จะ​มี​น้อย​ลง”+

31 คน​ที่​มา​จาก​เบื้อง​บน+ก็​อยู่​เหนือ​คน​อื่น​ทุก​คน ส่วน​คน​ที่​มา​จาก​โลก​ก็​เป็น​เหมือน​คน​ทั่ว​ไป​ใน​โลก​และ​พูด​แต่​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​โลก คน​ที่​มา​จาก​สวรรค์​ก็​อยู่​เหนือ​คน​อื่น​ทุก​คน*+ 32 ท่าน​พูด​ถึง​สิ่ง​ที่​ได้​เห็น​และ​ได้​ยิน+ แต่​ไม่​มี​ใคร​เชื่อ​คำ​พูด​ของ​ท่าน+ 33 ส่วน​คน​ที่​เชื่อ​คำ​พูด​ของ​ท่าน​ก็​ยืน​ยัน​ว่า​พระเจ้า​พูด​ความ​จริง​เสมอ+ 34 เพราะ​ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​คน​ที่​พระเจ้า​ใช้​มา​เพื่อ​ถ่ายทอด​คำ​พูด​ของ​พระองค์+ และ​พระเจ้า​ให้​พลัง​ของ​พระองค์​กับ​ท่าน​อย่าง​ไม่​อั้น 35 พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​รัก​ลูก​ของ​พระองค์+และ​มอบ​ทุก​อย่าง​ไว้​ใน​มือ​ลูก​คน​นี้+ 36 คน​ที่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ลูก​ของ​พระเจ้า​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป+ ส่วน​คน​ที่​ไม่​เชื่อ​ฟัง​ลูก​ของ​พระองค์​จะ​ไม่​ได้​ชีวิต+ แต่​จะ​ถูก​พระเจ้า​ลง​โทษ​ตลอด​ไป+

4 เมื่อ​พระ​เยซู​ผู้​เป็น​นาย​รู้​เรื่อง​ที่​พวก​ฟาริสี​ได้​ข่าว​ว่า​ท่าน​ให้​บัพติศมา+ผู้​คน​และ​มี​สาวก​มาก​กว่า​ยอห์น 2 (ที่​จริง พระ​เยซู​ไม่​ได้​ให้​บัพติศมา​เอง แต่​สาวก​ของ​ท่าน​เป็น​คน​ให้) 3 ท่าน​จึง​ออก​จาก​แคว้น​ยูเดีย​แล้ว​ไป​แคว้น​กาลิลี​อีก+ 4 ซึ่ง​จะ​ต้อง​ผ่าน​แคว้น​สะมาเรีย 5 ใน​แคว้น​สะมาเรีย พระ​เยซู​มา​ถึง​เมือง​หนึ่ง​ชื่อ​สิคาร์​ซึ่ง​อยู่​ใกล้​ที่​ดิน​ที่​ยาโคบ​ให้​กับ​โยเซฟ​ลูก​ชาย​ของ​เขา+ 6 ที่​นั่น​มี​บ่อ​น้ำ​ของ​ยาโคบ+ พระ​เยซู​นั่ง​พัก​เหนื่อย​อยู่​ที่​บ่อ​น้ำ​นั้น​เพราะ​เดิน​ทาง​มา​ไกล ตอน​นั้น​เป็น​เวลา​ประมาณ​เที่ยง

7 มี​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​เป็น​คน​สะมาเรีย​มา​ตัก​น้ำ พระ​เยซู​พูด​กับ​เธอ​ว่า “ขอ​น้ำ​ดื่ม​หน่อย​ได้​ไหม?” 8 (ตอน​นั้น พวก​สาวก​ของ​ท่าน​ไป​หา​ซื้อ​อาหาร​ใน​เมือง) 9 ผู้​หญิง​สะมาเรีย​คน​นั้น​จึง​ถาม​ท่าน​ว่า “คุณ​มา​ขอ​น้ำ​ฉัน​ดื่ม​ได้​ยัง​ไง? คุณ​เป็น​คน​ยิว ฉัน​เป็น​คน​สะมาเรีย” (ปกติ​แล้ว คน​ยิว​ไม่​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​คน​สะมาเรีย)+ 10 พระ​เยซู​ตอบ​เธอ​ว่า “ถ้า​คุณ​รู้​ว่า​พระเจ้า​มี​อะไร​จะ​ให้​คุณ*+ และ​รู้​ว่า​คน​ที่​ขอ​น้ำ​คุณ​ดื่ม​อยู่​นี้​เป็น​ใคร คุณ​คง​จะ​ขอ​จาก​เขา แล้ว​เขา​จะ​ให้​น้ำ​ที่​ให้​ชีวิต​กับ​คุณ”+ 11 เธอ​ถาม​ท่าน​ว่า “คุณ​คะ ถัง​ตัก​น้ำ​คุณ​ก็​ไม่​มี แถม​บ่อ​นี้​ก็​ลึก แล้ว​คุณ​จะ​ไป​เอา​น้ำ​ที่​ให้​ชีวิต​มา​จาก​ไหน​ล่ะ? 12 คุณ​คง​จะ​ไม่​ยิ่ง​ใหญ่​ไป​กว่า​ยาโคบ​บรรพบุรุษ​ของ​พวก​เรา​ที่​ให้​บ่อ​น้ำ​นี้​กับ​เรา​หรอก​นะ? ยาโคบ​เอง​กับ​ลูก ๆ และ​ฝูง​สัตว์​ของ​เขา​ก็​ดื่ม​น้ำ​จาก​บ่อ​นี้​กัน​ทั้ง​นั้น” 13 พระ​เยซู​ตอบ​เธอ​ว่า “ทุก​คน​ที่​ดื่ม​น้ำ​จาก​บ่อ​นี้​จะ​หิว​น้ำ​อีก 14 แต่​คน​ที่​ดื่ม​น้ำ​ที่​ผม​ให้​จะ​ไม่​หิว​น้ำ​อีก​เลย+ แถม​น้ำ​นั้น​จะ​กลาย​เป็น​น้ำพุ​ใน​ตัว​เขา​ที่​ผุด​ขึ้น​มา​เรื่อย ๆ และ​ให้​ชีวิต​ตลอด​ไป​กับ​เขา”+ 15 ผู้​หญิง​คน​นั้น​จึง​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “คุณ​คะ ขอ​น้ำ​นั้น​ให้​ฉัน​ดื่ม​บ้าง​สิ​คะ ฉัน​จะ​ได้​ไม่​หิว​น้ำ​อีก​และ​ไม่​ต้อง​กลับ​มา​ตัก​น้ำ​ที่​นี่​อีก​เลย”

16 พระ​เยซู​บอก​เธอ​ว่า “ไป​เรียก​สามี​คุณ​มา​ที่​นี่​หน่อย” 17 เธอ​พูด​ว่า “ฉัน​ไม่​มี​สามี​หรอก​ค่ะ” พระ​เยซู​บอก​ว่า “ก็​จริง​ของ​คุณ​ที่​บอก​ว่า​ไม่​มี​สามี 18 เพราะ​คุณ​เคย​มี​สามี​มา 5 คน​แล้ว และ​คน​ที่​อยู่​ด้วย​ตอน​นี้​ก็​ไม่​ใช่​สามี​คุณ ก็​จริง​อย่าง​ที่​คุณ​ว่า” 19 เธอ​พูด​ว่า “ฉัน​เชื่อ​แล้ว​ว่า​คุณ​เป็น​ผู้​พยากรณ์+ 20 ปู่​ย่า​ตา​ยาย​ของ​เรา​นมัสการ​พระเจ้า​บน​ภูเขา​นี้ แต่​พวก​คุณ​ที่​เป็น​คน​ยิว​บอก​ว่า​จะ​ต้อง​ไป​นมัสการ​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม​เท่า​นั้น”+ 21 พระ​เยซู​บอก​เธอ​ว่า “เชื่อ​ผม​เถอะ ใกล้​จะ​ถึง​เวลา​แล้ว​ที่​คุณ​จะ​ไม่​นมัสการ​พระเจ้า​บน​ภูเขา​นี้​หรือ​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม 22 พวก​คุณ​นมัสการ​ผู้​ที่​พวก​คุณ​ไม่​รู้​จัก+ ส่วน​พวก​เรา​นมัสการ​ผู้​ที่​พวก​เรา​รู้​จัก เพราะ​พระเจ้า​เปิด​เผย​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​ความ​รอด​ผ่าน​ทาง​คน​ยิว​ก่อน+ 23 ที่​จริง เวลา​นั้น​เริ่ม​ต้น​แล้ว เมื่อ​คน​ที่​นมัสการ​พระเจ้า​อย่าง​ถูก​ต้อง​จะ​นมัสการ​โดย​ให้​พลัง​ของ​พระเจ้า​ชี้​นำ​และ​นมัสการ​อย่าง​ที่​สอดคล้อง​กับ​ความ​จริง พระเจ้า​มอง​หา​คน​อย่าง​นั้น​ให้​มา​นมัสการ​พระองค์+ 24 พระเจ้า​เป็น​ผู้​ที่​มนุษย์​มอง​ไม่​เห็น+ และ​คน​ที่​นมัสการ​พระองค์​ต้อง​นมัสการ​โดย​ให้​พลัง​ของ​พระเจ้า​ชี้​นำ​และ​นมัสการ​อย่าง​ที่​สอดคล้อง​กับ​ความ​จริง”+ 25 ผู้​หญิง​คน​นั้น​พูด​กับ​พระ​เยซู​ว่า “ฉัน​รู้​ว่า​เมสสิยาห์​ที่​คน​เขา​เรียก​กัน​ว่า​พระ​คริสต์​กำลัง​จะ​มา เมื่อ​ท่าน​มา​แล้ว ท่าน​จะ​อธิบาย​ทุก​อย่าง​ให้​เรา​เข้าใจ”+ 26 พระ​เยซู​บอก​เธอ​ว่า “คน​ที่​กำลัง​คุย​กับ​คุณ​อยู่​นี่​แหละ​คือ​ท่าน​ผู้​นั้น”+

27 ตอน​นั้น​เอง พวก​สาวก​ก็​กลับ​มา พวก​เขา​แปลก​ใจ​ที่​เห็น​พระ​เยซู​คุย​กับ​ผู้​หญิง แต่​ก็​ไม่​มี​ใคร​ถาม​ท่าน​ว่า “ท่าน​ทำ​อะไร​อยู่?” หรือ “ทำไม​ท่าน​ถึง​คุย​กับ​ผู้​หญิง?” 28 ผู้​หญิง​คน​นั้น​ทิ้ง​ไห​น้ำ​ไว้​ที่​นั่น แล้ว​เข้า​ไป​บอก​คน​ใน​เมือง​ว่า 29 “มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​บอก​ได้​หมด​ว่า​ฉัน​เคย​ทำ​อะไร​มา​บ้าง มา​ดู​สิ เขา​จะ​ใช่​พระ​คริสต์​หรือ​เปล่า?” 30 พวก​เขา​ก็​พา​กัน​ออก​จาก​เมือง​มา​หา​พระ​เยซู

31 ระหว่าง​นั้น พวก​สาวก​ชวน​พระ​เยซู​ว่า “กิน​อะไร​หน่อย​สิ​ครับ อาจารย์”+ 32 แต่​ท่าน​บอก​พวก​เขา​ว่า “ผม​มี​อาหาร​ที่​พวก​คุณ​ไม่​รู้​จัก” 33 พวก​สาวก​จึง​คุย​กัน​ว่า “มี​ใคร​เอา​อะไร​มา​ให้​ท่าน​กิน​แล้ว​หรือ?” 34 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “อาหาร​ของ​ผม​คือ​การ​ทำ​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​ผู้​ที่​ใช้​ผม​มา+และ​ทำ​งาน​ของ​พระองค์​ให้​สำเร็จ+ 35 พวก​คุณ​พูด​กัน​ไม่​ใช่​หรือ​ว่า อีก 4 เดือน​จะ​ถึง​ฤดู​เกี่ยว​ข้าว? แต่​ผม​จะ​บอก​ว่า เงย​หน้า​มอง​ดู​ทุ่ง​นา​สิ รวง​ข้าว​เหลือง​อร่าม​พร้อม​จะ​เกี่ยว+ได้​แล้ว 36 คน​เกี่ยว​ก็​กำลัง​รับ​ค่า​จ้าง​และ​กำลัง​รวบ​รวม​พืช​ผล พืช​ผล​นั้น​คือ​คน​ที่​จะ​ได้​ชีวิต​ตลอด​ไป ดัง​นั้น ทั้ง​คน​หว่าน​และ​คน​เกี่ยว​จะ​มี​ความ​สุข​ด้วย​กัน+ 37 จะ​ได้​เป็น​ไป​ตาม​คำ​พูด​ที่​ว่า คน​หนึ่ง​หว่าน​และ​อีก​คน​หนึ่ง​เกี่ยว 38 ผม​ส่ง​พวก​คุณ​ไป​เกี่ยว​สิ่ง​ที่​พวก​คุณ​ไม่​ได้​ลง​แรง​หว่าน คน​อื่น​ลง​แรง และ​คุณ​ได้​ประโยชน์​จาก​น้ำ​พัก​น้ำ​แรง​ของ​พวก​เขา”

39 มี​คน​สะมาเรีย​หลาย​คน​จาก​เมือง​นั้น​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู​เพราะ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​บอก​ว่า “ท่าน​ผู้​นี้​บอก​ได้​หมด​ว่า​ฉัน​เคย​ทำ​อะไร​มา​บ้าง”+ 40 คน​สะมาเรีย​ก็​มา​หา​ท่าน​และ​ขอร้อง​ให้​ท่าน​พัก​อยู่​กับ​พวก​เขา พระ​เยซู​จึง​พัก​อยู่​ที่​นั่น 2 วัน 41 ผล​ก็​คือ มี​อีก​หลาย​คน​มา​เชื่อ​ท่าน​เพราะ​ได้​ฟัง​ท่าน​สอน 42 พวก​เขา​พูด​กับ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​ว่า “ที่​พวก​เรา​เชื่อ​ไม่​ใช่​เพราะ​ได้​ยิน​จาก​คุณ​เท่า​นั้น แต่​เพราะ​ได้​ยิน​กับ​หู​ของ​เรา​เอง ตอน​นี้​เรา​รู้​แล้ว​ว่า ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​ผู้​ช่วย​โลก​ให้​รอด​จริง ๆ”+

43 เมื่อ​อยู่​ที่​นั่น 2 วัน​แล้ว พระ​เยซู​ก็​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป​ที่​แคว้น​กาลิลี 44 (พระ​เยซู​เคย​บอก​ว่า​ผู้​พยากรณ์​ไม่​ได้​รับ​ความ​นับถือ​ใน​ถิ่น​ของ​ตัว​เอง)+ 45 เมื่อ​ท่าน​มา​ถึง​แคว้น​กาลิลี คน​กาลิลี​ก็​ต้อนรับ​ท่าน​เพราะ​เคย​เห็น​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​ท่าน​ทำ+ตอน​ที่​พวก​เขา​ไป​ร่วม​เทศกาล​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม+

46 แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ไป​ที่​เมือง​คานา​ใน​แคว้น​กาลิลี​ซึ่ง​เป็น​เมือง​ที่​ท่าน​เคย​เปลี่ยน​น้ำ​ให้​เป็น​เหล้า​องุ่น+ มี​ข้าราชการ​คน​หนึ่ง​ใน​เมือง​คาเปอร์นาอุม​ที่​ลูก​ชาย​ป่วย​อยู่ 47 เมื่อ​ข้าราชการ​คน​นั้น​ได้​ข่าว​ว่า​พระ​เยซู​ออก​จาก​แคว้น​ยูเดีย​มา​ที่​แคว้น​กาลิลี เขา​ก็​เดิน​ทาง​มา​หา​ท่าน​และ​ขอ​ให้​ไป​รักษา​ลูก​ชาย​ของ​เขา​ที่​กำลัง​จะ​ตาย 48 แต่​พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “พวก​คุณ​ที่​อยู่​ใน​แถบ​นี้​ไม่​เชื่อ​ผม​หรอก ถ้า​ไม่​ได้​เห็น​การ​อัศจรรย์​และ​ปาฏิหาริย์​ก่อน”+ 49 ข้าราชการ​คน​นั้น​อ้อน​วอน​ท่าน​ว่า “ท่าน​ครับ ช่วย​ไป​กับ​ผม​ด้วย​เถอะ ไม่​อย่าง​นั้น​ลูก​ของ​ผม​ตาย​แน่” 50 พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “กลับ​ไป​เถอะ ลูก​ชาย​ของ​คุณ​หาย​ดี​แล้ว”+ เขา​เชื่อ​คำ​พูด​ของ​ท่าน​แล้ว​ก็​ไป 51 ระหว่าง​ทาง ทาส​ของ​เขา​มา​ส่ง​ข่าว​ว่า​ลูก​ชาย​หาย​เป็น​ปกติ​แล้ว 52 เขา​จึง​ถาม​ว่า​ลูก​ชาย​เขา​หาย​ป่วย​ตั้ง​แต่​เมื่อ​ไร พวก​ทาส​ตอบ​ว่า “ลูก​ชาย​ท่าน​หาย​ไข้​ตั้ง​แต่​เมื่อ​วาน​นี้​ตอน​บ่าย​โมง​ครับ”+ 53 พ่อ​ของ​เด็ก​จึง​รู้​ว่า​เป็น​เวลา​เดียว​กับ​ที่​พระ​เยซู​พูด​ว่า “ลูก​ชาย​ของ​คุณ​หาย​ดี​แล้ว”+ ตัว​เขา​และ​ทุก​คน​ใน​บ้าน​จึง​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู 54 นี่​เป็น​การ​อัศจรรย์​ครั้ง​ที่​สอง+ซึ่ง​พระ​เยซู​ทำ​ที่​แคว้น​กาลิลี​หลัง​ออก​จาก​แคว้น​ยูเดีย

5 หลัง​จาก​นั้น มี​เทศกาล+ของ​ชาว​ยิว และ​พระ​เยซู​ไป​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม 2 ใกล้ ๆ ประตู​แห่ง​หนึ่ง​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​ที่​ชื่อ​ประตู​แกะ+ มี​สระ​น้ำ​ที่​เรียก​ใน​ภาษา​ฮีบรู​ว่า​เบธซาธา ซึ่ง​มี​ระเบียง​ทาง​เดิน 5 ระเบียง 3 มี​คน​มาก​มาย​ที่​ป่วย ตา​บอด ขา​พิการ และ​แขน​ขา​ลีบ*มา​นอน​อยู่​ที่​ระเบียง 4 —— 5 ที่​นั่น​มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ป่วย​มา 38 ปี​แล้ว 6 เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​เขา​นอน​อยู่​และ​รู้​ว่า​เขา​ป่วย​มา​นาน ท่าน​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “คุณ​อยาก​หาย​ป่วย​ไหม?”+ 7 ผู้​ชาย​ที่​ป่วย​นั้น​ตอบ​ว่า “คุณ​ครับ ไม่​มี​ใคร​ช่วย​พา​ผม​ลง​ไป​ใน​สระ​เลย​ตอน​ที่​น้ำ​กระเพื่อม พอ​ผม​จะ​ลง​ไป คน​อื่น​ก็​แย่ง​ลง​ไป​ก่อน” 8 พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “ลุก​ขึ้น เก็บ​เสื่อ​ขึ้น​มา แล้ว​เดิน​ไป​เถอะ”+ 9 ผู้​ชาย​คน​นั้น​ก็​หาย​ป่วย​ทันที แล้ว​เขา​ก็​เก็บ​เสื่อ​ของ​เขา​และ​เดิน​ไป

วัน​นั้น​เป็น​วัน​สะบาโต+ 10 พวก​ยิว​จึง​พูด​กับ​คน​ที่​หาย​ป่วย​นั้น​ว่า “วัน​นี้​เป็น​วัน​สะบาโต หอบ​เสื่อ​เดิน​ไป​แบบ​นี้​มัน​ผิด​นะ”+ 11 แต่​เขา​บอก​ว่า “คน​ที่​รักษา​ผม​เป็น​คน​บอก​ผม​ว่า ‘เก็บ​เสื่อ​ขึ้น​มา แล้ว​เดิน​ไป​เถอะ’” 12 พวก​ยิว​ถาม​เขา​ว่า “ใคร​เป็น​คน​บอก​คุณ​ว่า ‘เก็บ​เสื่อ​ขึ้น​มา แล้ว​เดิน​ไป​เถอะ’?” 13 แต่​คน​ที่​หาย​ป่วย​นั้น​ไม่​รู้​ว่า​คน​ที่​รักษา​เขา​เป็น​ใคร และ​พระ​เยซู​ก็​เดิน​หาย​เข้า​ไป​ใน​ฝูง​ชน​แล้ว

14 ต่อ​มา พระ​เยซู​เจอ​คน​นั้น​อีก​ใน​วิหาร ท่าน​พูด​กับ​เขา​ว่า “ตอน​นี้​คุณ​หาย​ดี​แล้ว อย่า​ทำ​บาป​อีก​ล่ะ จะ​ได้​ไม่​มี​เรื่อง​เลว​ร้าย​กว่า​นี้​เกิด​ขึ้น​กับ​คุณ” 15 คน​นั้น​จึง​ไป​บอก​พวก​ยิว​ว่า คน​ที่​รักษา​เขา​คือ​พระ​เยซู 16 ดัง​นั้น พวก​ยิว​จึง​หา​เรื่อง​พระ​เยซู​เพราะ​ท่าน​ทำ​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ใน​วัน​สะบาโต+ 17 แต่​ท่าน​บอก​พวก​เขา​ว่า “พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​ผม​ยัง​ทำ​งาน​อยู่​จน​ถึง​ตอน​นี้ และ​ผม​เอง​ก็​จะ​ไม่​หยุด​ทำ​งาน​เหมือน​กัน”+ 18 คำ​พูด​นี้​ทำ​ให้​พวก​ยิว​ยิ่ง​พยายาม​มาก​ขึ้น​ที่​จะ​ฆ่า​พระ​เยซู เพราะ​พวก​เขา​ถือ​ว่า​ท่าน​ไม่​ใช่​แค่​ทำ​ผิด​กฎ​วัน​สะบาโต​เท่า​นั้น แต่​ยัง​เรียก​พระเจ้า​เป็น​พ่อ​ของ​ท่าน​ด้วย​ซึ่ง​เป็น​การ​ทำ​ตัว​เสมอ​กับ​พระเจ้า+

19 พระ​เยซู​จึง​บอก​พวก​เขา​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ลูก​ของ​พระเจ้า​ทำ​อะไร​ตาม​ใจ​ตัว​เอง​ไม่​ได้ แต่​จะ​ทำ​เฉพาะ​สิ่ง​ที่​เห็น​พ่อ​ทำ​เท่า​นั้น+ พระเจ้า​ทำ​อะไร ลูก​ของ​พระองค์​ก็​ทำ​เหมือน​กัน 20 พระองค์​รัก​ลูก​ของ​พระองค์​มาก+ และ​แสดง​ให้​ลูก​เห็น​ทุก​อย่าง​ที่​พระองค์​ทำ พระองค์​จะ​สอน​ลูก​ให้​ทำ​งาน​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​นี้​อีก แล้ว​พวก​คุณ​จะ​ต้อง​ตกตะลึง+ 21 พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ปลุก​คน​ตาย​ให้​ฟื้น​ขึ้น​มา​มี​ชีวิต+ ลูก​ของ​พระองค์​ก็​จะ​ให้​ชีวิต​กับ​ใคร​ก็​ได้​ที่​ท่าน​ต้องการ+ 22 พ่อ​ไม่​พิพากษา​ใคร​เลย แต่​มอบหมาย​ลูก​ของ​พระองค์​ให้​พิพากษา​ทุก​คน+ 23 เพื่อ​ทุก​คน​จะ​นับถือ​ลูก​ของ​พระเจ้า​เหมือน​ที่​นับถือ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ด้วย คน​ที่​ไม่​นับถือ​ลูก​ก็​ไม่​นับถือ​พ่อ​ที่​ใช้​ลูก​มา+ 24 ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ใคร​ที่​ฟัง​คำ​สอน​ของ​ผม​และ​เชื่อ​พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป+ เขา​จะ​ไม่​ต้อง​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ แต่​ได้​ผ่าน​พ้น​ความ​ตาย​ไป​สู่​ชีวิต​แล้ว+

25 “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า เวลา​นั้น​เริ่ม​ต้น​แล้ว เมื่อ​คน​ตาย​จะ​ได้​ยิน​เสียง​ลูก​ของ​พระเจ้า และ​คน​ที่​เชื่อ​ฟัง​จะ​มี​ชีวิต 26 พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​มี​อำนาจ​ให้​ชีวิต+ และ​พระองค์​ให้​ลูก​ของ​พระองค์​มี​อำนาจ​ให้​ชีวิต​เหมือน​กัน+ 27 พระองค์​ให้​ลูก​มี​อำนาจ​พิพากษา+เพราะ​ท่าน​คือ ‘ลูก​มนุษย์’+ 28 ไม่​ต้อง​แปลก​ใจ​ใน​เรื่อง​นี้ เพราะ​จะ​มี​เวลา​ที่​ทุก​คน​ซึ่ง​อยู่​ใน​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​จะ​ได้​ยิน​เสียง​ท่าน+ 29 และ​จะ​ออก​มา คน​ที่​ทำ​ดี​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​แล้ว​ได้​ชีวิต ส่วน​คน​ที่​ทำ​ชั่ว​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​แล้ว​ถูก​พิพากษา+ 30 ผม​ไม่​ทำ​อะไร​ตาม​ใจ​ตัว​เอง พระเจ้า​บอก​ผม​อย่าง​ไร ผม​ก็​ตัดสิน​อย่าง​นั้น และ​ผม​พิพากษา​อย่าง​ยุติธรรม+ เพราะ​ผม​ไม่​ได้​ทำ​ตาม​ใจ​ตัว​เอง แต่​ทำ​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า​ที่​ใช้​ผม​มา+

31 “ถ้า​ผม​เป็น​พยาน​ให้​ตัว​เอง คำ​พูด​ของ​ผม​ก็​ใช้​เป็น​หลักฐาน​ไม่​ได้+ 32 แต่​มี​อีก​ผู้​หนึ่ง​เป็น​พยาน​ให้​ผม และ​ผม​รู้​ว่า​คำ​พูด​ของ​พระองค์​ใช้​เป็น​หลักฐาน​ยืน​ยัน​ตัว​ผม​ได้+ 33 พวก​คุณ​ใช้​คน​ไป​หา​ยอห์น และ​ยอห์น​เป็น​พยาน​ยืน​ยัน​ความ​จริง​เรื่อง​ผม+ 34 ที่​จริง ไม่​ต้อง​มี​มนุษย์​มา​เป็น​พยาน​ให้​ผม แต่​ที่​ผม​บอก​เรื่อง​ทั้ง​หมด​นี้​ก็​เพื่อ​พวก​คุณ​จะ​รอด​ได้ 35 ยอห์น​คน​นี้​เป็น​เหมือน​ตะเกียง​ที่​ให้​แสง​สว่าง และ​พวก​คุณ​ได้​ชื่นชม​กับ​แสง​สว่าง​นั้น​อยู่​พัก​หนึ่ง+ 36 แต่​ผม​มี​พยาน​หลักฐาน​ที่​หนักแน่น​กว่า​ยอห์น​อีก คือ​งาน​ที่​พ่อ​ของ​ผม​มอบหมาย​ให้​ผม​ทำ​จน​สำเร็จ ผม​กำลัง​ทำ​งาน​นี้​อยู่ และ​งาน​นี้​แหละ​เป็น​หลักฐาน​ยืน​ยัน​ว่า​พ่อ​ใช้​ผม​มา​จริง ๆ+ 37 พ่อ​ที่​ใช้​ผม​มา​ก็​ยัง​เป็น​พยาน​ให้​ผม​ด้วย+ แต่​พวก​คุณ​ไม่​เคย​ได้​ยิน​เสียง​พระองค์ และ​ไม่​เคย​เห็น​รูป​ร่าง​หน้า​ตา​ของ​พระองค์+ 38 และ​คำ​สอน​ของ​พระองค์​ก็​ไม่​ได้​อยู่​ใน​ใจ​พวก​คุณ เพราะ​พวก​คุณ​ไม่​เชื่อ​คน​ที่​พระองค์​ใช้​มา

39 “พวก​คุณ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์+เพราะ​คิด​ว่า​พระ​คัมภีร์​จะ​ทำ​ให้​คุณ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป​ได้ แต่​พระ​คัมภีร์​นั้น​เป็น​พยาน​ยืน​ยัน​ตัว​ผม+ 40 ถึง​อย่าง​นั้น พวก​คุณ​ก็​ยัง​ไม่​ยอม​มา​หา​ผม+เพื่อ​จะ​ได้​ชีวิต 41 ผม​ไม่​อยาก​ได้​คำ​ยกย่อง​จาก​มนุษย์ 42 และ​ผม​ก็​รู้​ว่า​พวก​คุณ​ไม่​รัก​พระเจ้า​จริง 43 ผม​มา​ใน​นาม​พ่อ​ของ​ผม พวก​คุณ​ก็​ไม่​ต้อนรับ ถ้า​มี​ใคร​มา​ใน​นาม​ตัว​เอง พวก​คุณ​คง​จะ​ต้อนรับ​เขา​แน่ ๆ 44 พวก​คุณ​จะ​เชื่อ​ผม​ได้​ยัง​ไง ใน​เมื่อ​พวก​คุณ​ชอบ​คำ​ยกย่อง​จาก​มนุษย์​ด้วย​กัน+ และ​ไม่​สนใจ​คำ​ยกย่อง​จาก​พระเจ้า​เที่ยง​แท้​องค์​เดียว+ 45 อย่า​คิด​ว่า​ผม​กล่าวหา​พวก​คุณ​ต่อ​หน้า​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ เพราะ​คน​ที่​กล่าวหา​พวก​คุณ​คือ​โมเสส+ซึ่ง​เป็น​คน​ที่​พวก​คุณ​ฝาก​ความ​หวัง​ไว้ 46 ถ้า​พวก​คุณ​เชื่อ​โมเสส​จริง พวก​คุณ​ก็​น่า​จะ​เชื่อ​ผม​ด้วย เพราะ​โมเสส​ได้​เขียน​เกี่ยว​กับ​ผม​ไว้+ 47 แต่​ถ้า​พวก​คุณ​ไม่​เชื่อ​สิ่ง​ที่​โมเสส​เขียน พวก​คุณ​จะ​เชื่อ​สิ่ง​ที่​ผม​พูด​ได้​ยัง​ไง?”+

6 หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​นั่ง​เรือ​ข้าม​ทะเลสาบ​กาลิลี​หรือ​ที่​เรียก​กัน​ว่า​ทิเบเรียส+ 2 มี​คน​มาก​มาย​ตาม​ท่าน​ไป+เพราะ​พวก​เขา​เห็น​ท่าน​รักษา​คน​ป่วย​อย่าง​อัศจรรย์+ 3 พระ​เยซู​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​และ​นั่ง​ลง​กับ​พวก​สาวก 4 ตอน​นั้น​ใกล้​จะ​ถึง​เทศกาล​ปัสกา+ของ​ชาว​ยิว​แล้ว 5 เมื่อ​พระ​เยซู​เงย​หน้า​และ​เห็น​คน​มาก​มาย​มา​หา ท่าน​จึง​ถาม​ฟีลิป​ว่า+ “พวก​เรา​จะ​หา​ซื้อ​ขนมปัง​จาก​ที่​ไหน​ดี​ถึง​จะ​พอ​เลี้ยง​คน​ทั้ง​หมด​นี้​ได้?”+ 6 ที่​พระ​เยซู​พูด​อย่าง​นั้น​ก็​เพื่อ​ทดสอบ​เขา เพราะ​ท่าน​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร 7 ฟีลิป​ตอบ​ท่าน​ว่า “ต่อ​ให้​มี​เงิน 200 เดนาริอัน​ก็​ยัง​ไม่​พอ​ซื้อ​ขนมปัง​ให้​พวก​เขา​กิน​กัน​คน​ละ​นิด​ละ​หน่อย​เลย” 8 สาวก​อีก​คน​หนึ่ง​ชื่อ​อันดรูว์​ที่​เป็น​พี่​น้อง​กับ​ซีโมน​เปโตร​บอก​พระ​เยซู​ว่า 9 “เด็ก​คน​นี้​มี​ขนมปัง​บาร์เลย์ 5 อัน​กับ​ปลา​เล็ก ๆ 2 ตัว แต่​แค่​นี้​คง​ไม่​พอ​เลี้ยง​คน​มาก​ขนาด​นี้​หรอก”+

10 พระ​เยซู​จึง​สั่ง​พวก​สาวก​ว่า “บอก​ให้​พวก​เขา​นั่ง​ลง” ทุก​คน​ก็​นั่ง​ลง​เพราะ​ที่​นั่น​เป็น​พื้น​หญ้า คน​ที่​อยู่​ที่​นั่น​มี​ผู้​ชาย​ประมาณ 5,000 คน+ 11 พระ​เยซู​หยิบ​ขนมปัง​มา อธิษฐาน​ขอบคุณ​พระเจ้า แล้ว​แจก​จ่าย​ให้​ทุก​คน​ที่​นั่ง​อยู่ และ​ท่าน​ก็​แจก​จ่าย​ปลา​ด้วย ทุก​คน​ได้​กิน​จน​อิ่ม 12 เมื่อ​พวก​เขา​กิน​อิ่ม​แล้ว ท่าน​สั่ง​พวก​สาวก​ว่า “เก็บ​เศษ​อาหาร​ที่​เหลือ​ไว้ จะ​ได้​ไม่​เสีย​ของ” 13 พวก​สาวก​ก็​เก็บ​เศษ​ที่​เหลือ​จาก​ขนมปัง​บาร์เลย์ 5 อัน​นั้น​ได้ 12 ตะกร้า​เต็ม ๆ

14 เมื่อ​ประชาชน​เห็น​การ​อัศจรรย์​ที่​พระ​เยซู​ทำ พวก​เขา​ก็​พูด​กัน​ว่า “ท่าน​นี้​เป็น​ผู้​พยากรณ์​คน​นั้น​ที่​จะ​มา​ใน​โลก​แน่ ๆ”+ 15 พอ​พระ​เยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​พยายาม​จะ​ตั้ง​ท่าน​ให้​เป็น​กษัตริย์ ท่าน​ก็​ปลีก​ตัว​ไป+อยู่​ที่​ภูเขา​คน​เดียว+

16 พอ​ตก​เย็น พวก​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ลง​ไป​ที่​ทะเลสาบ+ 17 แล้ว​ออก​เรือ​เพื่อ​จะ​ข้าม​ฟาก​ไป​เมือง​คาเปอร์นาอุม ตอน​นั้น​มืด​แล้ว และ​พระ​เยซู​ยัง​ไม่​มา​หา​พวก​เขา+ 18 แล้ว​เกิด​พายุ​ขึ้น ทำ​ให้​ทะเลสาบ​ปั่นป่วน+ 19 เมื่อ​พวก​เขา​ตี​กรรเชียง​ไป​ได้​ประมาณ 5 หรือ 6 กิโลเมตร ก็​เห็น​พระ​เยซู​เดิน​บน​น้ำ​เข้า​มา​ใกล้​เรือ พวก​เขา​ก็​ตกใจ​กลัว 20 แต่​ท่าน​บอก​พวก​เขา​ว่า “นี่​ผม​เอง ไม่​ต้อง​กลัว”+ 21 พวก​เขา​ก็​ดีใจ​และ​ให้​พระ​เยซู​ขึ้น​เรือ ไม่​นาน​เรือ​ก็​ถึง​ฝั่ง​ที่​พวก​เขา​ตั้งใจ​จะ​ไป+

22 วัน​รุ่ง​ขึ้น ฝูง​ชน​ยัง​อยู่​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง พวก​เขา​ไม่​เห็น​เรือ​แม้​แต่​ลำ​เดียว ที่​นั่น​เคย​มี​เรือ​เล็ก​อยู่​ลำ​หนึ่ง แต่​พวก​สาวก​ลง​เรือ​ลำ​นั้น​ไป​แล้ว และ​พระ​เยซู​ไม่​ได้​ไป​กับ​พวก​เขา 23 มี​เรือ​บาง​ลำ​จาก​เมือง​ทิเบเรียส​เข้า​จอด​ที่​ฝั่ง​ใกล้ ๆ กับ​บริเวณ​ที่​ผู้​เป็น​นาย​ได้​แจก​จ่าย​ขนมปัง​ให้​ผู้​คน​กิน​หลัง​จาก​ท่าน​อธิษฐาน​ขอบคุณ​พระเจ้า 24 เมื่อ​ฝูง​ชน​ไม่​เห็น​พระ​เยซู​กับ​พวก​สาวก พวก​เขา​ก็​ลง​เรือ​พวก​นั้น​ข้าม​ฟาก​มา​ที่​คาเปอร์นาอุม​เพื่อ​ตาม​หา​พระ​เยซู

25 เมื่อ​พวก​เขา​มา​ถึง​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​ของ​ทะเลสาบ​และ​พบ​พระ​เยซู พวก​เขา​ก็​ถาม​ว่า “อาจารย์+ มา​ตั้ง​แต่​เมื่อไหร่​ครับ?” 26 พระ​เยซู​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “ผม​ขอ​พูด​ตรง ๆ ว่า พวก​คุณ​ตาม​หา​ผม​ก็​เพราะ​ได้​กิน​อิ่ม+ ไม่​ใช่​เพราะ​เห็น​การ​อัศจรรย์​ที่​ให้​หลักฐาน​เรื่อง​ผม 27 อย่า​ทำ​งาน​เพื่อ​จะ​ได้​อาหาร​ที่​เน่า​เสีย​ได้+ แต่​ให้​ทำ​งาน​เพื่อ​จะ​ได้​อาหาร​ที่​ไม่​เน่า​เสีย​ซึ่ง​จะ​ให้​ชีวิต​ตลอด​ไป+ ‘ลูก​มนุษย์’ จะ​ให้​อาหาร​นั้น​กับ​พวก​คุณ เพราะ​ท่าน​เป็น​คน​ที่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​รับรอง​แล้ว”*+

28 พวก​เขา​จึง​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “พวก​เรา​ต้อง​ทำ​งาน​อะไร​เพื่อ​พระเจ้า​จะ​พอ​ใจ​เรา?” 29 ท่าน​ตอบ​ว่า “ถ้า​คุณ​อยาก​ให้​พระเจ้า​พอ​ใจ ให้​พวก​คุณ​ทำ​สิ่ง​ที่​แสดง​ว่า​พวก​คุณ​มี​ความ​เชื่อ​ใน​ผู้​ที่​พระองค์​ใช้​มา”+ 30 พวก​เขา​เลย​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “แล้ว​ท่าน​จะ​ทำ​การ​อัศจรรย์​อะไร​ให้​พวก​เรา​เห็น​ล่ะ+ พวก​เรา​จะ​ได้​เชื่อ​ท่าน? 31 บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ได้​กิน​มานา​ใน​ที่​กันดาร+ ตาม​ที่​เขียน​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์​ว่า ‘พระองค์​ให้​อาหาร​จาก​สวรรค์​กับ​พวก​เขา’”+ 32 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า จริง ๆ แล้ว​โมเสส​ไม่​ได้​ให้​อาหาร​จาก​สวรรค์​กับ​พวก​คุณ​หรอก แต่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​ผม​ต่าง​หาก​ที่​ให้​อาหาร​แท้​จาก​สวรรค์​กับ​พวก​คุณ 33 เพราะ​อาหาร​จาก​พระเจ้า​ก็​คือ​คน​ที่​ลง​มา​จาก​สวรรค์​และ​ให้​ชีวิต​กับ​โลก​นี้”+ 34 พวก​เขา​จึง​บอก​ท่าน​ว่า “นาย​ท่าน ขอ​อาหาร​นั้น​ให้​พวก​เรา​กิน​ไป​ตลอด​เถอะ”

35 พระ​เยซู​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “ตัว​ผม​นี่​แหละ​คือ​อาหาร​ที่​ให้​ชีวิต คน​ที่​มา​หา​ผม​จะ​ไม่​หิว​อีก​เลย และ​คน​ที่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ผม​จะ​ไม่​กระหาย​อีก​เลย+ 36 แต่​เป็น​อย่าง​ที่​ผม​บอก​พวก​คุณ​ไว้​แล้ว​ว่า ถึง​จะ​เห็น​ผม​พวก​คุณ​ก็​ไม่​เชื่อ+ 37 ทุก​คน​ที่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ยก​ให้​ผม​จะ​มา​หา​ผม และ​คน​ที่​มา​หา​ผม ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ไล่​เขา​ไป+ 38 ผม​ลง​มา​จาก​สวรรค์+ ไม่​ใช่​เพื่อ​ทำ​ตาม​ใจ​ตัว​เอง แต่​เพื่อ​ทำ​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา+ 39 พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา​อยาก​ให้​ผม​ดู​แล​ทุก​คน​ที่​พระองค์​ยก​ให้​ผม+ เพื่อ​ไม่​ให้​หลง​หาย​ไป​แม้​แต่​คน​เดียว และ​ให้​ผม​ปลุก​พวก​เขา​ให้​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย+ใน​วัน​สุด​ท้าย 40 พ่อ​ของ​ผม​อยาก​ให้​ทุก​คน​ที่​ยอม​รับ​และ​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ลูก​ของ​พระองค์​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป+ ผม​จะ​ปลุก​เขา​ให้​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย+ใน​วัน​สุด​ท้าย​นั้น”

41 พวก​ยิว​เริ่ม​บ่น​กัน​เรื่อง​ที่​พระ​เยซู​พูด​ว่า “ผม​เป็น​อาหาร​ที่​ลง​มา​จาก​สวรรค์”+ 42 พวก​เขา​พูด​ว่า “คน​นี้​คือ​เยซู​ลูก​โยเซฟ​ไม่​ใช่​หรือ? พ่อ​แม่​เขา​พวก​เรา​ก็​รู้​จัก+ ถ้า​อย่าง​นั้น​เขา​พูด​ได้​ยัง​ไง​ว่า ‘ผม​ลง​มา​จาก​สวรรค์’?” 43 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “เลิก​บ่น​กัน​ได้​แล้ว 44 ไม่​มี​ใคร​จะ​มา​หา​ผม​ได้ นอก​จาก​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ที่​ใช้​ผม​มา​จะ​ชัก​นำ​เขา+ และ​ผม​จะ​ปลุก​เขา​ให้​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย​ใน​วัน​สุด​ท้าย+ 45 หนังสือ​ของ​ผู้​พยากรณ์​เขียน​ไว้​ว่า ‘พวก​เขา​ทุก​คน​จะ​ได้​รับ​การ​สอน​จาก​พระ​ยะโฮวา’+ ทุก​คน​ที่​ได้​ฟัง​พระองค์​ผู้​เป็น​พ่อ​และ​ได้​เรียน​จาก​พระองค์​ก็​มา​หา​ผม 46 ไม่​มี​ใคร​เคย​เห็น​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​เลย+ นอก​จาก​คน​ที่​มา​จาก​พระเจ้า คน​นี้​แหละ​ที่​เคย​เห็น​พระองค์+ 47 ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า คน​ที่​เชื่อ​ใน​ตัว​ผม​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป+

48 “ผม​เป็น​อาหาร​ที่​ให้​ชีวิต+ 49 บรรพบุรุษ​ของ​พวก​คุณ​ได้​กิน​มานา​ใน​ที่​กันดาร​แต่​ก็​ยัง​ต้อง​ตาย+ 50 แต่​คน​ที่​กิน​อาหาร​แท้​ที่​ลง​มา​จาก​สวรรค์​จะ​ไม่​ตาย​เลย 51 ผม​เป็น​อาหาร​ที่​ให้​ชีวิต​ซึ่ง​ลง​มา​จาก​สวรรค์ และ​ถ้า​ใคร​ได้​กิน​อาหาร​นี้ เขา​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ตลอด​ไป ที่​จริง อาหาร​ที่​ผม​จะ​ให้​เพื่อ​มนุษย์​จะ​ได้​ชีวิต*ก็​คือ​เนื้อ​ของ​ผม​เอง”+

52 พวก​ยิว​เริ่ม​เถียง​กัน​ว่า “คน​นี้​จะ​เอา​เนื้อ​ของ​เขา​ให้​เรา​กิน​ได้​ยัง​ไง?” 53 พระ​เยซู​จึง​บอก​พวก​เขา​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ถ้า​คุณ​ไม่​กิน​เนื้อ​และ​ดื่ม​เลือด​ของ ‘ลูก​มนุษย์’ คุณ​จะ​ไม่​ได้​ชีวิต+ 54 คน​ที่​กิน​เนื้อ​และ​ดื่ม​เลือด​ของ​ผม​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป และ​ผม​จะ​ปลุก​เขา​ให้​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย+ใน​วัน​สุด​ท้าย 55 เนื้อ​ของ​ผม​เป็น​อาหาร​แท้ และ​เลือด​ของ​ผม​ก็​เป็น​เครื่อง​ดื่ม​แท้ 56 คน​ที่​กิน​เนื้อ​และ​ดื่ม​เลือด​ของ​ผม​ก็​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​ผม และ​ผม​ก็​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​เขา+ 57 พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​ใช้​ผม​มา และ​ผม​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​เพราะ​พระองค์ คน​ที่​กิน​เนื้อ​ของ​ผม​ก็​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​เพราะ​ผม​เหมือน​กัน+ 58 นี่​คือ​อาหาร​แท้​ที่​ลง​มา​จาก​สวรรค์ ซึ่ง​ไม่​เหมือน​กับ​ที่​บรรพบุรุษ​ของ​พวก​คุณ​เคย​กิน​และ​ยัง​ต้อง​ตาย แต่​คน​ที่​กิน​อาหาร​นี้​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป”+ 59 พระ​เยซู​พูด​เรื่อง​นี้​ตอน​ที่​สอน​อยู่​ใน​ที่​ประชุม​ของ​ชาว​ยิว​ใน​เมือง​คาเปอร์นาอุม

60 เมื่อ​คน​ที่​ติด​ตาม​พระ​เยซู​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น หลาย​คน​ก็​พูด​ว่า “พูด​แบบ​นี้​ได้​ยัง​ไง? รับ​ไม่​ได้” 61 พระ​เยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​บ่น​กัน​เรื่อง​นี้ ท่าน​จึง​ถาม​ว่า “เรื่อง​นี้​ทำ​ให้​พวก​คุณ​รับ​ไม่​ได้​หรือ?* 62 แล้ว​ถ้า​พวก​คุณ​เห็น ‘ลูก​มนุษย์’ กลับ​ขึ้น​ไป​บน​ที่​ที่​ท่าน​เคย​อยู่​ล่ะ พวก​คุณ​จะ​ว่า​ยัง​ไง?+ 63 มนุษย์​ที่​มี​เลือด​เนื้อ​ให้​ชีวิต​ไม่​ได้ พลัง​ของ​พระเจ้า​ต่าง​หาก​ที่​ให้​ชีวิต+ สิ่ง​ที่​ผม​บอก​พวก​คุณ​นั้น​มา​จาก​พลัง​ของ​พระเจ้า​และ​ให้​ชีวิต+ 64 แต่​พวก​คุณ​บาง​คน​กลับ​ไม่​เชื่อ” ที่​พระ​เยซู​พูด​อย่าง​นั้น​เพราะ​ท่าน​รู้​ก่อน​แล้ว​ว่า ใคร​บ้าง​ไม่​เชื่อ​และ​คน​ไหน​จะ​ทรยศ​ท่าน+ 65 ท่าน​พูด​ต่อ​ไป​ว่า “ก็​เหมือน​กับ​ที่​ผม​บอก​พวก​คุณ​แล้ว​ว่า ไม่​มี​ใคร​จะ​มา​หา​ผม​ได้ นอก​จาก​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​จะ​ยอม​ให้​มา”+

66 คำ​พูด​ของ​พระ​เยซู​ทำ​ให้​สาวก​หลาย​คน​เลิก​ติด​ตาม​ท่าน​แล้ว​กลับ​ไป​ใช้​ชีวิต​แบบ​เดิม+ 67 พระ​เยซู​จึง​ถาม​อัครสาวก 12 คน​ว่า “แล้ว​พวก​คุณ​ล่ะ อยาก​จะ​กลับ​ไป​ด้วย​ไหม?” 68 ซีโมน​เปโตร​ตอบ​ท่าน​ว่า “นาย​ครับ พวก​เรา​จะ​ไป​หา​ใคร​ได้​อีก?+ ใน​เมื่อ​ท่าน​เอง​มี​คำ​สอน​ที่​ให้​ชีวิต​ตลอด​ไป+ 69 พวก​เรา​เชื่อ​และ​รู้​แล้ว​ว่า​ท่าน​เป็น​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระเจ้า”+ 70 พระ​เยซู​บอก​ว่า “ผม​เอง​เป็น​คน​เลือก​พวก​คุณ​ทั้ง 12 คน​ไม่​ใช่​หรือ?+ แต่​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​คุณ​กลับ​เป็น​ผู้​หมิ่น​ประมาท”+ 71 ที่​จริง พระ​เยซู​กำลัง​หมาย​ถึง​ยูดาส​ลูก​ของ​ซีโมน​อิสคาริโอท เพราะ​เขา​จะ​ทรยศ​ท่าน​ทั้ง ๆ ที่​เขา​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​อัครสาวก 12 คน+

7 หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​เดิน​ทาง​ไป​ทั่ว​แคว้น​กาลิลี ท่าน​ไม่​อยาก​ไป​ที่​แคว้น​ยูเดีย​เพราะ​พวก​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​กำลัง​จ้อง​จะ​ฆ่า​ท่าน+ 2 พอ​ใกล้​จะ​ถึง​เทศกาล​อยู่​เพิง​ของ​ชาว​ยิว+ 3 พวก​น้อง​ชาย​ของ​ท่าน+ก็​บอก​ว่า “พี่​น่า​จะ​ไป​แคว้น​ยูเดีย​นะ พวก​สาวก​ของ​พี่​จะ​ได้​เห็น​สิ่ง​ที่​พี่​ทำ 4 คน​ที่​อยาก​มี​ชื่อเสียง เขา​จะ​ไม่​ทำ​อะไร​ลับ ๆ หรอก ใน​เมื่อ​พี่​ทำ​สิ่ง​เหล่า​นี้​ได้ ก็​ทำ​ให้​โลก​เห็น​ไป​เลย​สิ” 5 ตอน​นั้น น้อง ๆ ของ​พระ​เยซู​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ท่าน+ 6 พระ​เยซู​จึง​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “ตอน​นี้​ยัง​ไม่​ถึง​เวลา​ของ​พี่+ แต่​ถ้า​น้อง ๆ อยาก​จะ​ไป​เมื่อไหร่​ก็​ไป​เถอะ 7 โลก​ไม่​ได้​เกลียด​น้อง​แต่​โลก​เกลียด​พี่ เพราะ​พี่​เป็น​พยาน​ยืน​ยัน​ว่า​โลก​นี้​ชั่ว+ 8 พวก​น้อง​ไป​ที่​เทศกาล​กัน​ก่อน​เถอะ พี่​ยัง​ไม่​ไป​หรอก เพราะ​ยัง​ไม่​ถึง​เวลา​ของ​พี่”+ 9 เมื่อ​บอก​น้อง ๆ อย่าง​นั้น​แล้ว ท่าน​ก็​อยู่​ที่​แคว้น​กาลิลี​ต่อ

10 แต่​พอ​พวก​น้อง​ชาย​ของ​พระ​เยซู​ไป​ที่​เทศกาล​กัน​แล้ว ท่าน​ก็​ไป​เอง​เงียบ ๆ ไม่​ให้​ใคร​รู้ 11 ใน​เทศกาล​นั้น พวก​ยิว​คอย​มอง​หา​ท่าน และ​ถาม​กัน​ว่า “คน​นั้น​อยู่​ไหน​ล่ะ?” 12 ผู้​คน​ซุบซิบ​กัน​มาก​เกี่ยว​กับ​พระ​เยซู บาง​คน​พูด​ว่า “เขา​เป็น​คน​ดี​นะ” บาง​คน​พูด​ว่า “ไม่​หรอก เขา​เป็น​นัก​ต้ม​ตุ๋น”+ 13 แต่​ไม่​มี​ใคร​กล้า​พูด​เกี่ยว​กับ​ท่าน​อย่าง​เปิด​เผย เพราะ​กลัว​พวก​ผู้​นำ​ชาว​ยิว+

14 เมื่อ​เทศกาล​ผ่าน​ไป​ครึ่ง​หนึ่ง​แล้ว พระ​เยซู​ก็​เข้า​ไป​สอน​ใน​วิหาร 15 ผู้​นำ​ชาว​ยิว​รู้สึก​แปลก​ใจ​และ​พูด​กัน​ว่า “คน​นี้​มี​ความ​รู้​เรื่อง​พระ​คัมภีร์+มาก​ขนาด​นี้​ได้​ยัง​ไง เขา​ไม่​เคย​เรียน​ใน​โรง​เรียน​สอน​ศาสนา​ที่​ไหน​เลย​นี่?”+ 16 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “ผม​ไม่​ได้​สอน​คำ​สอน​ของ​ผม​เอง แต่​เป็น​ของ​พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา+ 17 คน​ที่​อยาก​ทำ​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​พระองค์​จะ​รู้​ว่า​สิ่ง​ที่​ผม​สอน​มา​จาก​พระเจ้า+หรือ​ผม​คิด​ขึ้น​มา​เอง 18 คน​ที่​พูด​ตาม​ความ​คิด​ของ​ตัว​เอง​ก็​พยายาม​ทำ​ให้​ตัว​เอง​มี​ชื่อเสียง แต่​คน​ที่​พยายาม​ทำ​ให้​พระองค์​ผู้​ใช้​เขา​มา+ได้​รับ​คำ​สรรเสริญ​ก็​เป็น​คน​จริง​ใจ* และ​ไม่​หลอก​ลวง​ใคร 19 โมเสส​ให้​กฎหมาย​ไว้​กับ​พวก​คุณ+ไม่​ใช่​หรือ? แต่​พวก​คุณ​ไม่​มี​ใคร​ทำ​ตาม​สัก​คน แล้ว​ทำไม​พวก​คุณ​ถึง​พยายาม​จะ​ฆ่า​ผม?”+ 20 ประชาชน​พูด​ว่า “คุณ​โดน​ปีศาจ​สิง​หรือ​เปล่า+ ใคร​กัน​พยายาม​จะ​ฆ่า​คุณ?” 21 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “ผม​เคย​ทำ​การ​อัศจรรย์​อย่าง​หนึ่ง​ที่​ทำ​ให้​พวก​คุณ​ตกตะลึง 22 ลอง​คิด​ดู​สิ โมเสส​ให้​พวก​คุณ​เข้า​สุหนัต+ (ความ​จริง​แล้ว การ​เข้า​สุหนัต​ไม่​ได้​เริ่ม​จาก​โมเสส แต่​มี​มา​ตั้ง​แต่​สมัย​บรรพบุรุษ)+ และ​พวก​คุณ​ก็​ให้​เด็ก​ผู้​ชาย​เข้า​สุหนัต​ใน​วัน​สะบาโต 23 ถ้า​คุณ​ให้​คน​เข้า​สุหนัต​ใน​วัน​สะบาโต​เพื่อ​จะ​ไม่​ทำ​ผิด​กฎหมาย​ของ​โมเสส แล้ว​ทำไม​พวก​คุณ​ถึง​โกรธ​แค้น ที่​ผม​รักษา​คน​ป่วย​ใน​วัน​สะบาโต?+ 24 เลิก​ตัดสิน​ตาม​ที่​เห็น​ภาย​นอก​เถอะ แต่​ให้​ตัดสิน​อย่าง​ยุติธรรม”+

25 คน​เยรูซาเล็ม​บาง​คน​พูด​กัน​ว่า “คน​นี้​เป็น​คน​ที่​พวก​นั้น​พยายาม​จะ​ฆ่า​ไม่​ใช่​หรือ?+ 26 แต่​ดู​สิ เขา​กำลัง​พูด​อยู่​กลาง​ฝูง​ชน​อย่าง​นั้น และ​ไม่​เห็น​พวก​ผู้​นำ​จะ​ว่า​อะไร​เขา พวก​เขา​เชื่อ​แล้ว​หรือ​ว่า​คน​นี้​เป็น​พระ​คริสต์? 27 พวก​เรา​รู้​นี่​ว่า​คน​นี้​เป็น​ใคร​มา​จาก​ไหน+ แต่​เมื่อ​พระ​คริสต์​ตัว​จริง​มา จะ​ไม่​มี​ใคร​รู้​หรอก​ว่า​ท่าน​มา​จาก​ไหน” 28 แล้ว​พระ​เยซู​ที่​ตอน​นั้น​สอน​อยู่​ใน​วิหาร ก็​พูด​เสียง​ดัง​ว่า “พวก​คุณ​รู้​จัก​ผม​และ​รู้​ว่า​ผม​เป็น​ใคร​มา​จาก​ไหน ผม​ไม่​ได้​มา​เอง+ แต่​พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา​นั้น​มี​อยู่​จริง และ​พวก​คุณ​ไม่​รู้​จัก​พระองค์+ 29 แต่​ผม​รู้​จัก​พระองค์+เพราะ​ผม​เป็น​ตัว​แทน​ที่​มา​จาก​พระองค์ และ​พระองค์​ผู้​นั้น​ใช้​ผม​มา” 30 พวก​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​ก็​พยายาม​จะ​จับ​พระ​เยซู+แต่​จับ​ไม่​ได้ เพราะ​ยัง​ไม่​ถึง​เวลา​ของ​ท่าน+ 31 แต่​มี​หลาย​คน​ใน​ฝูง​ชน​เชื่อถือ​ท่าน+ พวก​เขา​พูด​กัน​ว่า “คน​นี้​เป็น​พระ​คริสต์​แน่​เลย จะ​มี​ใคร​ทำ​การ​อัศจรรย์​ได้​มาก​กว่า​นี้​อีก​หรือ?”+

32 เมื่อ​พวก​ฟาริสี​ได้​ยิน​คน​มาก​มาย​ซุบซิบ​กัน​ถึง​พระ​เยซู​อย่าง​นั้น พวก​เขา​กับ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​จึง​ใช้​เจ้าหน้าที่​ไป​จับ​ท่าน 33 พระ​เยซู​พูด​อีก​ว่า “ผม​จะ​ยัง​อยู่​กับ​พวก​คุณ​อีก​สัก​พัก​หนึ่ง ก่อน​ที่​ผม​จะ​กลับ​ไป​หา​พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา+ 34 ตอน​นั้น พวก​คุณ​จะ​ตาม​หา​ผม​แต่​จะ​หา​ไม่​เจอ และ​ที่​ที่​ผม​อยู่​พวก​คุณ​ก็​จะ​ไป​ไม่​ได้”+ 35 พวก​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​พูด​กัน​ว่า “คน​นี้​คิด​จะ​ไป​ไหน เขา​ถึง​บอก​ว่า​พวก​เรา​จะ​หา​ไม่​เจอ? เขา​คิด​จะ​ไป​อยู่​กับ​คน​ยิว​ที่​กระจาย​กัน​อยู่​ใน​หมู่​คน​กรีก และ​ไป​สอน​คน​กรีก​ที่​นั่น​หรือ? 36 แล้ว​เขา​หมาย​ความ​ว่า​ยัง​ไง​ที่​พูด​ว่า ‘พวก​คุณ​จะ​ตาม​หา​ผม​แต่​จะ​หา​ไม่​เจอ และ​ที่​ที่​ผม​อยู่​พวก​คุณ​ก็​จะ​ไป​ไม่​ได้’?”

37 เมื่อ​ถึง​วัน​สุด​ท้าย​ซึ่ง​เป็น​วัน​สำคัญ​ที่​สุด​ของ​เทศกาล+ พระ​เยซู​ยืน​ขึ้น​พูด​เสียง​ดัง​ว่า “ถ้า​ใคร​หิว​น้ำ ก็​ให้​มา​ดื่ม​น้ำ​จาก​ผม​ได้+ 38 คน​ที่​เชื่อ​ผม จะ​เป็น​เหมือน​ที่​พระ​คัมภีร์​บอก​ไว้​ว่า ‘สาย​น้ำ​ที่​ให้​ชีวิต​จะ​ไหล​ออก​มา​จาก​ภาย​ใน​ตัว​เขา’”+ 39 พระ​เยซู​กำลัง​พูด​ถึง​พลัง​ของ​พระเจ้า​ซึ่ง​คน​ที่​เชื่อ​ท่าน​จะ​ได้​รับ แต่​ตอน​นั้น พวก​เขา​ยัง​ไม่​ได้​รับ​พลัง​นั้น+เพราะ​พระ​เยซู​ยัง​ไม่​ได้​รับ​อำนาจ+ 40 เมื่อ​ได้​ยิน​สิ่ง​ที่​ท่าน​พูด บาง​คน​ใน​ฝูง​ชน​ก็​บอก​ว่า “ท่าน​นี้​คือ​ผู้​พยากรณ์​คน​นั้น​แน่ ๆ”+ 41 บาง​คน​พูด​ว่า “เขา​เป็น​พระ​คริสต์”+ แต่​บาง​คน​พูด​ว่า “พระ​คริสต์​จะ​มา​จาก​แคว้น​กาลิลี​ได้​หรือ?+ 42 พระ​คัมภีร์​บอก​ไว้​ว่า พระ​คริสต์​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​ดาวิด+และ​มา​จาก​เมือง​เบธเลเฮม+ที่​เป็น​บ้าน​เกิด​ของ​ดาวิด ไม่​ใช่​หรือ?”+ 43 ฝูง​ชน​จึง​แตก​แยก​กัน​เพราะ​เรื่อง​พระ​เยซู 44 บาง​คน​ต้องการ​จะ​จับ​ท่าน​แต่​จับ​ไม่​ได้

45 แล้ว​พวก​เจ้าหน้าที่​ก็​กลับ​ไป​หา​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​พวก​ฟาริสี พวก​ฟาริสี​ถาม​พวก​เขา​ว่า “ทำไม​ไม่​จับ​ตัว​เขา​มา​ล่ะ?” 46 พวก​เจ้าหน้าที่​ตอบ​ว่า “พวก​เรา​ไม่​เคย​ได้​ยิน​ใคร​พูด​เหมือน​ผู้​ชาย​คน​นี้​มา​ก่อน​เลย”+ 47 พวก​ฟาริสี​จึง​พูด​ว่า “พวก​คุณ​ก็​ถูก​เขา​หลอก​ด้วย​หรือ? 48 ใน​พวก​ผู้​นำ​หรือ​ฟาริสี มี​สัก​คน​ไหม​ที่​เชื่อ​เขา?+ 49 คน​ที่​เชื่อ​เขา​ก็​มี​แต่​คน​ที่​ไม่​เข้าใจ​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า​และ​เป็น​คน​ที่​ถูก​สาป​แช่ง” 50 นิโคเดมัส​ซึ่ง​เคย​มา​หา​พระ​เยซู+และ​เป็น​ฟาริสี​คน​หนึ่ง​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า 51 “กฎหมาย​ของ​เรา​ไม่​ให้​ตัดสิน​ใคร​จน​กว่า​จะ​ได้​ฟัง​เขา​พูด​และ​รู้​ว่า​เขา​ทำ​อะไร ไม่​ใช่​หรือ?”+ 52 พวก​เขา​พูด​กับ​นิโคเดมัส​ว่า “คุณ​ก็​มา​จาก​กาลิลี​ด้วย​หรือ​ไง? ลอง​ไป​ค้น​พระ​คัมภีร์​ดู​สิ​แล้ว​จะ​รู้​ว่า ไม่​มี​ที่​ไหน​บอก​ไว้​เลย​ว่า จะ​มี​ผู้​พยากรณ์​มา​จาก​กาลิลี”+

8 12 พระ​เยซู​พูด​กับ​พวก​ยิว​อีก​ว่า “ผม​เป็น​ความ​สว่าง​ให้​กับ​โลก+ คน​ที่​ติด​ตาม​ผม​จะ​ไม่​เดิน​อยู่​ใน​ความ​มืด แต่​จะ​รับ​ความ​สว่าง+ที่​นำ​ไป​ถึง​ชีวิต” 13 พวก​ฟาริสี​จึง​บอก​ท่าน​ว่า “คุณ​เป็น​พยาน​ให้​ตัว​เอง คำ​พูด​ของ​คุณ​เชื่อถือ​ไม่​ได้​หรอก” 14 พระ​เยซู​จึง​บอก​พวก​เขา​ว่า “ถึง​ผม​จะ​เป็น​พยาน​ให้​ตัว​เอง แต่​สิ่ง​ที่​ผม​พูด​เป็น​ความ​จริง เพราะ​ผม​รู้​ว่า​ผม​มา​จาก​ไหน​และ​กำลัง​จะ​ไป​ไหน+ แต่​พวก​คุณ​ไม่​รู้​ว่า​ผม​มา​จาก​ไหน​และ​กำลัง​จะ​ไป​ไหน 15 พวก​คุณ​ตัดสิน​ตาม​ความ​คิด​ของ​มนุษย์*+ ส่วน​ผม​ไม่​ตัดสิน​ใคร​เลย 16 และ​ถึง​ผม​จะ​ตัดสิน ผม​ก็​ตัดสิน​ตาม​ความ​จริง เพราะ​ผม​ไม่​ได้​ตัดสิน​ด้วย​ตัว​เอง แต่​ตัดสิน​ร่วม​กับ​พ่อ​ของ​ผม​ที่​ใช้​ผม​มา+ 17 ใน​กฎหมาย​ของ​พวก​คุณ​เอง​ก็​มี​เขียน​ไว้​ด้วย​ว่า ‘พยาน​สอง​ปาก​ก็​เชื่อถือ​ได้’+ 18 ผม​ไม่​ได้​เป็น​พยาน​ให้​ตัว​เอง​แค่​ปาก​เดียว แต่​พ่อ​ที่​ใช้​ผม​มา​เป็น​พยาน​ให้​ผม​ด้วย”+ 19 พวก​เขา​จึง​ถาม​ท่าน​ว่า “พ่อ​ของ​คุณ​อยู่​ที่​ไหน​ล่ะ?” พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “พวก​คุณ​ไม่​รู้​จัก​ทั้ง​ผม​และ​พ่อ​ของ​ผม+ ถ้า​พวก​คุณ​รู้​จัก​ผม พวก​คุณ​คง​รู้​จัก​พ่อ​ของ​ผม​ด้วย”+ 20 ท่าน​พูด​เรื่อง​ทั้ง​หมด​ตอน​ที่​สอน​อยู่​ใน​วิหาร​ตรง​บริเวณ​ตู้​บริจาค+ แต่​ไม่​มี​ใคร​จับ​ท่าน​เพราะ​ยัง​ไม่​ถึง​เวลา​ของ​ท่าน+

21 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​อีก​ครั้ง​ว่า “ผม​กำลัง​จะ​ไป พวก​คุณ​จะ​ตาม​หา​ผม และ​พวก​คุณ​จะ​ทำ​บาป​ไป​จน​วัน​ตาย+ ที่​ที่​ผม​จะ​ไป​นั้น พวก​คุณ​จะ​ไป​ไม่​ได้”+ 22 พวก​ยิว​จึง​พูด​กัน​ว่า “เขา​จะ​ฆ่า​ตัว​ตาย​หรือ? เขา​ถึง​พูด​ว่า ‘ที่​ที่​ผม​จะ​ไป​นั้น พวก​คุณ​จะ​ไป​ไม่​ได้’” 23 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​อีก​ว่า “พวก​คุณ​มา​จาก​ข้าง​ล่าง​นี้ ส่วน​ผม​มา​จาก​ข้าง​บน+ พวก​คุณ​มา​จาก​โลก​นี้ ส่วน​ผม​ไม่​ได้​มา​จาก​โลก​นี้ 24 ผม​ถึง​ได้​บอก​พวก​คุณ​ว่า พวก​คุณ​จะ​ทำ​บาป​ไป​จน​วัน​ตาย เพราะ​ถ้า​พวก​คุณ​ไม่​เชื่อ​ว่า​ผม​เป็น​คน​คน​นั้น พวก​คุณ​จะ​ตาย​ตอน​ที่​ยัง​มี​บาป” 25 พวก​เขา​จึง​ถาม​ท่าน​ว่า “แล้ว​คุณ​เป็น​ใคร​ล่ะ?” พระ​เยซู​พูด​ว่า “ทำไม​ผม​จะ​ต้อง​พยายาม​อธิบาย​ใน​เมื่อ​พวก​คุณ​ไม่​ยอม​เข้าใจ? 26 ผม​มี​หลาย​เรื่อง​ที่​จะ​ต้อง​พูด​กับ​พวก​คุณ​และ​จะ​ต้อง​พิพากษา ที่​จริง ผม​พูด​ตาม​ที่​ผม​ได้​ยิน​จาก​พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา​ใน​โลก และ​พระองค์​พูด​ความ​จริง​เสมอ”+ 27 แต่​พวก​เขา​ไม่​เข้าใจ​ว่า ท่าน​กำลัง​พูด​กับ​พวก​เขา​เรื่อง​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ 28 พระ​เยซู​จึง​พูด​ว่า “เมื่อ​พวก​คุณ​ยก ‘ลูก​มนุษย์’+ ขึ้น​แขวน​ไว้ พวก​คุณ​จะ​รู้​ว่า​ผม​เป็น​คน​คน​นั้น+ และ​รู้​ด้วย​ว่า​ผม​ไม่​ได้​ทำ​อะไร​ตาม​ใจ​ตัว​เอง+ แต่​ผม​พูด​ตาม​ที่​พ่อ​สอน​ผม​มา 29 พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา​นั้น​อยู่​กับ​ผม พระองค์​ไม่​ทิ้ง​ผม​ไว้​ให้​อยู่​คน​เดียว เพราะ​ผม​ทำ​สิ่ง​ที่​พระองค์​ชอบ​เสมอ”+ 30 เมื่อ​ท่าน​พูด​อย่าง​นี้ ก็​มี​หลาย​คน​เชื่อ​ใน​ตัว​ท่าน

31 แล้ว​พระ​เยซู​ก็​พูด​กับ​คน​ยิว​ที่​เชื่อ​ท่าน​ว่า “ถ้า​พวก​คุณ​ทำ​ตาม​ที่​ผม​สอน​เสมอ พวก​คุณ​ก็​เป็น​สาวก​ของ​ผม​จริง ๆ 32 และ​พวก​คุณ​จะ​รู้​ความ​จริง+ แล้ว​ความ​จริง​จะ​ทำ​ให้​พวก​คุณ​เป็น​อิสระ”+ 33 แต่​บาง​คน​ถาม​ท่าน​ว่า “พวก​เรา​เป็น​ลูก​หลาน​อับราฮัม​และ​ไม่​เคย​เป็น​ทาส​ใคร แล้ว​ทำไม​คุณ​ถึง​บอก​ว่า​พวก​เรา​จะ​ถูก​ปลด​ปล่อย​ให้​เป็น​อิสระ?” 34 พระ​เยซู​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ทุก​คน​ที่​ทำ​บาป​ก็​เป็น​ทาส​ของ​บาป+ 35 นอก​จาก​นั้น ทาส​ไม่​ได้​อยู่​ใน​บ้าน​ตลอด​ไป แต่​ลูก​ได้​อยู่​ตลอด​ไป 36 ดัง​นั้น ถ้า​ผม​ที่​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​ปลด​ปล่อย​พวก​คุณ​ให้​เป็น​อิสระ พวก​คุณ​ก็​จะ​เป็น​อิสระ​จริง ๆ 37 ผม​รู้​ว่า​พวก​คุณ​เป็น​ลูก​หลาน​อับราฮัม แต่​พวก​คุณ​หา​ทาง​ฆ่า​ผม เพราะ​พวก​คุณ​ไม่​ยอม​รับ​คำ​สอน​ของ​ผม 38 ผม​พูด​ถึง​สิ่ง​ที่​ผม​เห็น​ตอน​ที่​อยู่​กับ​พ่อ​ของ​ผม+ แต่​พวก​คุณ​ทำ​ตาม​สิ่ง​ที่​ได้​ยิน​จาก​พ่อ​ของ​พวก​คุณ” 39 พวก​เขา​พูด​ว่า “อับราฮัม​เป็น​พ่อ​ของ​พวก​เรา​นะ” พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “ถ้า​พวก​คุณ​เป็น​ลูก​หลาน​อับราฮัม​จริง+ พวก​คุณ​คง​จะ​ทำ​ตาม​ที่​อับราฮัม​ทำ 40 แต่​พวก​คุณ​กลับ​พยายาม​จะ​ฆ่า​ผม ทั้ง ๆ ที่​ผม​เอา​ความ​จริง​ที่​ได้​ยิน​จาก​พระเจ้า​มา​บอก​พวก​คุณ+ อับราฮัม​ไม่​ทำ​อย่าง​นี้​หรอก 41 พวก​คุณ​ทำ​ตาม​ที่​พ่อ​ของ​พวก​คุณ​ทำ” พวก​เขา​พูด​กับ​พระ​เยซู​ว่า “พวก​เรา​ไม่​ใช่​ลูก​นอก​กฎหมาย เรา​มี​พ่อ​เพียง​ผู้​เดียว​คือ​พระเจ้า”

42 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “ถ้า​พระเจ้า​เป็น​พ่อ​ของ​พวก​คุณ​จริง พวก​คุณ​คง​จะ​รัก​ผม+ เพราะ​ผม​มา​จาก​พระเจ้า​และ​มา​อยู่​ที่​นี่​แล้ว ผม​ไม่​ได้​มา​เอง แต่​พระองค์​ใช้​ผม​มา+ 43 ทำไม​พวก​คุณ​ไม่​เข้าใจ​สิ่ง​ที่​ผม​พูด? นั่น​ก็​เพราะ​พวก​คุณ​ไม่​ยอม​ฟัง​ผม* 44 พวก​คุณ​มา​จาก​มาร​ซึ่ง​เป็น​พ่อ​ของ​พวก​คุณ และ​พวก​คุณ​อยาก​ทำ​ตาม​ที่​พ่อ​ของ​พวก​คุณ​ต้องการ+ มัน​เป็น​ฆาตกร​ตั้ง​แต่​แรก+ และ​มัน​ไม่​ได้​ยึด​มั่น​ใน​ความ​จริง เพราะ​มัน​ไม่​มี​ความ​จริง มัน​โกหก​ตาม​สันดาน​ของ​มัน เพราะ​มัน​เป็น​จอม​โกหก​และ​เป็น​พ่อ​ของ​การ​โกหก+ 45 พอ​ผม​พูด​ความ​จริง พวก​คุณ​กลับ​ไม่​เชื่อ​ผม 46 มี​ใคร​ใน​พวก​คุณ​ไหม​ที่​พิสูจน์​ได้​ว่า​ผม​ทำ​บาป?+ ใน​เมื่อ​ผม​พูด​ความ​จริง ทำไม​พวก​คุณ​ไม่​เชื่อ​ผม? 47 คน​ที่​มา​จาก​พระเจ้า​ก็​ฟัง​คำ​สอน​ของ​พระองค์+ ที่​พวก​คุณ​ไม่​ยอม​ฟัง​ก็​เพราะ​พวก​คุณ​ไม่​ได้​มา​จาก​พระเจ้า”+

48 พวก​ยิว​โต้​ตอบ​พระ​เยซู​ว่า “พวก​เรา​ว่า​แล้ว คุณ​เป็น​ชาว​สะมาเรีย+และ​มี​ปีศาจ​สิง​จริง ๆ ด้วย”+ 49 พระ​เยซู​บอก​ว่า “ผม​ไม่​มี​ปีศาจ​สิง​หรอก แต่​ผม​ยกย่อง​พ่อ​ของ​ผม และ​พวก​คุณ​ดูถูก​ผม 50 ผม​ไม่​ได้​ยกย่อง​ตัว​เอง+ แต่​มี​ผู้​หนึ่ง​ที่​ยกย่อง​ผม​และ​พระองค์​เป็น​ผู้​ตัดสิน 51 ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ถ้า​ใคร​ทำ​ตาม​ที่​ผม​สอน คน​นั้น​จะ​ไม่​มี​วัน​ตาย”+ 52 พวก​ยิว​พูด​กับ​พระ​เยซู​ว่า “ตอน​นี้ พวก​เรา​รู้​แล้ว​ว่า​คุณ​มี​ปีศาจ​สิง​จริง ๆ อับราฮัม​ตาย​แล้ว พวก​ผู้​พยากรณ์​ก็​ตาย​กัน​หมด​แล้ว แต่​คุณ​กลับ​พูด​ว่า ‘ถ้า​ใคร​ทำ​ตาม​ที่​ผม​สอน คน​นั้น​จะ​ไม่​มี​วัน​ตาย’ 53 คุณ​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​อับราฮัม​พ่อ​เรา​หรือ? อับราฮัม​ก็​ตาย และ​พวก​ผู้​พยากรณ์​ก็​ตาย​ด้วย แล้ว​คุณ​คิด​ว่า​ตัว​เอง​เป็น​ใคร?” 54 พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “ถ้า​ผม​ยกย่อง​ตัว​เอง คำ​ยกย่อง​นั้น​ก็​ไม่​มี​ความ​หมาย​อะไร แต่​พ่อ​ของ​ผม​ที่​พวก​คุณ​อ้าง​ว่า​เป็น​พระเจ้า​ของ​พวก​คุณ​นั่น​แหละ​ที่​ยกย่อง​ผม+ 55 จริง ๆ แล้ว พวก​คุณ​ไม่​รู้​จัก​พระองค์+ แต่​ผม​รู้​จัก ถ้า​ผม​บอก​ว่า​ผม​ไม่​รู้​จัก​พระองค์ ผม​ก็​จะ​เป็น​คน​โกหก​เหมือน​พวก​คุณ ผม​รู้​จัก​พระองค์​และ​ทำ​ตาม​ที่​พระองค์​บอก 56 อับราฮัม​พ่อ​ของ​พวก​คุณ​ดีใจ​มาก​ที่​รู้​ว่า​จะ​ได้​เห็น​วัน​ที่​ผม​จะ​มา แล้ว​เขา​ก็​ได้​เห็น​วัน​นั้น​และ​มี​ความ​สุข”+ 57 พวก​ยิว​จึง​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “คุณ​อายุ​ยัง​ไม่​ถึง 50 ปี​เลย แล้ว​จะ​เคย​เห็น​อับราฮัม​ได้​ยัง​ไง?” 58 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ผม​อยู่​มา​ตั้ง​แต่​อับราฮัม​ยัง​ไม่​เกิด​ด้วย​ซ้ำ”+ 59 พวก​นั้น​จึง​หยิบ​ก้อน​หิน​ขึ้น​มา​จะ​ขว้าง​พระ​เยซู แต่​ท่าน​หลบ​ออก​ไป​จาก​วิหาร​ก่อน

9 ตอน​ที่​พระ​เยซู​กำลัง​เดิน​อยู่ ท่าน​เห็น​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ตา​บอด​ตั้ง​แต่​เกิด 2 พวก​สาวก​ถาม​ท่าน​ว่า “อาจารย์​ครับ+ ที่​คน​นี้​เกิด​มา​ตา​บอด​เป็น​เพราะ​ใคร​ทำ​บาป ตัว​เขา​หรือ​พ่อ​แม่?” 3 พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “คน​นี้​ไม่​ได้​ทำ​บาป​หรอก พ่อ​แม่​เขา​ก็​ไม่​ได้​ทำ แต่​ที่​เขา​ตา​บอด​อย่าง​นี้​ก็​จะ​ทำ​ให้​คน​อื่น​ได้​เห็น​การ​อัศจรรย์​ของ​พระเจ้า+ 4 พวก​เรา​ต้อง​ทำ​งาน​ของ​พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา​ใน​ตอน​ที่​ยัง​เป็น​กลางวัน​อยู่+ กลางคืน​กำลัง​จะ​มา และ​เมื่อ​ถึง​ตอน​นั้น​จะ​ไม่​มี​ใคร​ทำ​งาน​ได้ 5 เมื่อ​ผม​ยัง​อยู่​ใน​โลก ผม​เป็น​ความ​สว่าง​ให้​กับ​โลก”+ 6 พูด​จบ​แล้ว พระ​เยซู​ก็​บ้วน​น้ำลาย​ลง​ดิน ทำ​เป็น​โคลน แล้ว​เอา​ไป​ทา​ตา​ของ​คน​ตา​บอด​นั้น+ 7 และ​สั่ง​เขา​ว่า “ไป​ล้าง​โคลน​ออก​ที่​สระ​สิโลอัม​เถอะ” (สิโลอัม​แปล​ว่า “พุ่ง​ออก​มา”) เขา​จึง​ไป​ล้าง​โคลน​ออก แล้ว​ก็​มอง​เห็น​ได้+

8 เพื่อน​บ้าน​และ​หลาย​คน​ที่​เคย​เห็น​เขา​ขอ​ทาน​พูด​กัน​ว่า “เอ๊ะ คน​นี้​เคย​นั่ง​ขอ​ทาน​อยู่​ไม่​ใช่​หรือ?” 9 บาง​คน​บอก​ว่า “ใช่​เขา​แน่ ๆ” แต่​บาง​คน​ว่า “ไม่​ใช่​หรอก แค่​หน้า​ตา​เหมือน​กัน” คน​นั้น​ยืน​ยัน​กับ​พวก​เขา​ว่า “ผม​เป็น​คน​นั้น​แหละ” 10 พวก​เขา​จึง​ถาม​คน​ที่​เคย​ตา​บอด​ว่า “แล้ว​คุณ​มอง​เห็น​ได้​ยัง​ไง​ล่ะ?” 11 เขา​ตอบ​ว่า “คน​ที่​ชื่อ​เยซู​เอา​โคลน​ทา​ตา​ผม​แล้ว​บอก​ว่า ‘ไป​ล้าง​โคลน​ออก​ที่​สระ​สิโลอัม’+ พอ​ผม​ไป​ล้าง​โคลน​ออก ก็​มอง​เห็น​ได้” 12 พวก​เขา​จึง​ถาม​ว่า “คน​นั้น​อยู่​ไหน?” เขา​ตอบ​ว่า “ผม​ไม่​รู้”

13 พวก​เขา​พา​คน​ที่​เคย​ตา​บอด​ไป​หา​พวก​ฟาริสี 14 วัน​ที่​พระ​เยซู​เอา​โคลน​ทา​ตา​เขา​ให้​มอง​เห็น​นั้น+ตรง​กับ​วัน​สะบาโต​พอ​ดี+ 15 พวก​ฟาริสี​ก็​ซัก​ถาม​เขา​เหมือน​กัน​ว่า​เขา​มอง​เห็น​ได้​อย่าง​ไร เขา​ตอบ​พวก​ฟาริสี​ว่า “คน​นั้น​เอา​โคลน​มา​ทา​ตา​ผม พอ​ผม​ไป​ล้าง​โคลน​ออก ผม​ก็​มอง​เห็น​ได้” 16 ฟาริสี​บาง​คน​พูด​ขึ้น​มา​ว่า “คน​นั้น​ไม่​ได้​มา​จาก​พระเจ้า​แน่ ๆ เพราะ​เขา​ไม่​ทำ​ตาม​กฎ​วัน​สะบาโต”+ แต่​บาง​คน​พูด​ว่า “คน​บาป​จะ​ทำ​การ​อัศจรรย์​แบบ​นี้​ได้​ยัง​ไง?”+ พวก​เขา​จึง​มี​ความ​คิด​เห็น​ขัด​แย้ง​กัน+ 17 พวก​เขา​ถาม​คน​ที่​เคย​ตา​บอด​อีก​ครั้ง​ว่า “แล้ว​คุณ​ล่ะ คิด​ว่า​คน​ที่​ทำ​ให้​คุณ​มอง​เห็น​นั้น​เป็น​ใคร?” เขา​ตอบ​ว่า “เขา​เป็น​ผู้​พยากรณ์​ที่​มา​จาก​พระเจ้า​แน่ ๆ”+

18 แต่​พวก​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​ไม่​เชื่อ​ว่า​เขา​เคย​ตา​บอด​และ​ตอน​นี้​มอง​เห็น​ได้ พวก​เขา​จึง​เรียก​พ่อ​แม่​ของ​คน​นั้น​มา 19 แล้ว​ถาม​ว่า “คน​นี้​เป็น​ลูก​ชาย​ของ​พวก​คุณ ที่​พวก​คุณ​บอก​ว่า​เขา​ตา​บอด​ตั้ง​แต่​เกิด​ใช่​ไหม? แล้ว​ตอน​นี้​เขา​มอง​เห็น​ได้​ยัง​ไง?” 20 พ่อ​แม่​ของ​เขา​ตอบ​ว่า “ที่​พวก​เรา​รู้​ก็​คือ เขา​เป็น​ลูก​ชาย​ของ​เรา และ​เขา​เกิด​มา​ตา​บอด 21 แต่​พวก​เรา​ไม่​รู้​ว่า​ตอน​นี้​เขา​มอง​เห็น​ได้​ยัง​ไง และ​ไม่​รู้​ว่า​ใคร​ทำ​ให้​เขา​มอง​เห็น ถาม​เขา​ดู​เถอะ เขา​โต​แล้ว ให้​เขา​ตอบ​เอง​ดี​กว่า” 22 พ่อ​แม่​ของ​เขา​พูด​อย่าง​นี้​เพราะ​กลัว​พวก​ผู้​นำ​ชาว​ยิว+ ผู้​นำ​ชาว​ยิว​ตก​ลง​กัน​ไว้​แล้ว​ว่า ถ้า​ใคร​พูด​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​พระ​คริสต์ คน​นั้น​จะ​ถูก​ไล่​ออก​จาก​ที่​ประชุม​ของ​ชาว​ยิว+ 23 พ่อ​แม่​ของ​คน​ที่​เคย​ตา​บอด​จึง​พูด​ว่า “เขา​โต​แล้ว ถาม​เขา​เอง​เถอะ”

24 คน​พวก​นั้น​เรียก​คน​ที่​เคย​ตา​บอด​มา​อีก​และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “บอก​ความ​จริง​มา​ต่อ​หน้า​พระเจ้า พวก​เรา​รู้​นะ​ว่า​ผู้​ชาย​คน​นั้น​เป็น​คน​บาป” 25 เขา​ตอบ​ว่า “เขา​เป็น​คน​บาป​หรือ​เปล่า​ผม​ไม่​รู้ รู้​แต่​ว่า​ผม​เคย​ตา​บอด แต่​ตอน​นี้​มอง​เห็น​แล้ว” 26 พวก​นั้น​จึง​ถาม​ว่า “เขา​ทำ​อะไร​กับ​คุณ​บ้าง? เขา​ทำ​ให้​คุณ​มอง​เห็น​ได้​ยัง​ไง?” 27 เขา​ตอบ​ว่า “ผม​บอก​พวก​คุณ​ไป​แล้ว แต่​พวก​คุณ​ไม่​ฟัง จะ​ให้​ผม​เล่า​อีก​ทำไม​ล่ะ? พวก​คุณ​อยาก​เป็น​สาวก​ของ​คน​นั้น​ด้วย​หรือ?” 28 พวก​นั้น​จึง​เยาะเย้ย​เขา​ว่า “คุณ​นั่น​แหละ​เป็น​สาวก​ของ​เขา พวก​เรา​เป็น​สาวก​ของ​โมเสส 29 พวก​เรา​รู้​ว่า​พระเจ้า​พูด​กับ​โมเสส แต่​คน​นั้น​มา​จาก​ไหน​พวก​เรา​ไม่​รู้” 30 เขา​ตอบ​พวก​นั้น​ว่า “แปลก​จริง ๆ พวก​คุณ​ไม่​รู้​ว่า​คน​นั้น​มา​จาก​ไหน แต่​เขา​ทำ​ให้​ผม​มอง​เห็น​ได้ 31 พวก​เรา​ก็​รู้​ว่า​พระเจ้า​ไม่​ฟัง​คน​บาป​แน่ ๆ+ แต่​ถ้า​ใคร​เกรง​กลัว​พระเจ้า​และ​ทำ​ตาม​ที่​พระองค์​บอก พระองค์​จะ​ฟัง​คน​นั้น+ 32 แต่​ไหน​แต่​ไร​มา ไม่​เคย​ได้​ยิน​ว่า​มี​ใคร​ทำ​ให้​คน​ที่​ตา​บอด​ตั้ง​แต่​เกิด​มอง​เห็น​ได้ 33 ถ้า​ผู้​ชาย​คน​นั้น​ไม่​ได้​มา​จาก​พระเจ้า เขา​คง​ทำ​อย่าง​นี้​ไม่​ได้​หรอก”+ 34 พวก​นั้น​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “แก​มัน​บาป​หนา​ตั้ง​แต่​เกิด ยัง​จะ​มี​หน้า​มา​สอน​พวก​เรา​หรือ?” แล้ว​พวก​นั้น​ก็​ไล่​เขา​ออก​ไป+

35 พระ​เยซู​ได้​ยิน​ว่า​ผู้​ชาย​คน​นั้น​ถูก​ไล่​ออก​มา เมื่อ​ท่าน​เจอ​เขา​จึง​พูด​ว่า “คุณ​มี​ความ​เชื่อ​ใน ‘ลูก​มนุษย์’ ไหม?” 36 เขา​ตอบ​ว่า “ท่าน​คน​นั้น​เป็น​ใคร​ล่ะ​ครับ ผม​จะ​ได้​เชื่อ?” 37 พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “คุณ​เจอ​ท่าน​แล้ว และ​ตอน​นี้​ท่าน​กำลัง​พูด​กับ​คุณ​อยู่”+ 38 เขา​พูด​ออก​มา​ว่า “นาย​ครับ ผม​มี​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ท่าน” แล้ว​เขา​ก็​คำนับ​ท่าน 39 พระ​เยซู​พูด​ว่า “ผม​เข้า​มา​ใน​โลก​เพื่อ​ให้​มี​การ​พิพากษา คน​ที่​ตา​บอด​จะ​มอง​เห็น​ได้+ ส่วน​คน​ที่​มอง​เห็น​จะ​กลาย​เป็น​คน​ตา​บอด”+ 40 พวก​ฟาริสี​ที่​อยู่​แถว​นั้น​ได้​ยิน​ที่​พระ​เยซู​พูด จึง​ถาม​ท่าน​ว่า “นี่​คุณ​หา​ว่า​พวก​เรา​ตา​บอด​ด้วย​หรือ?”+ 41 พระ​เยซู​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “ถ้า​พวก​คุณ​ตา​บอด พวก​คุณ​คง​จะ​ได้​รับ​การ​อภัย​บาป แต่​พวก​คุณ​พูด​ว่า ‘พวก​เรา​มอง​เห็น’ บาป​ของ​พวก​คุณ​จึง​ไม่​ได้​รับ​การ​อภัย”+

10 “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า คน​ที่​ไม่​เข้า​ไป​ใน​คอก​แกะ​ทาง​ประตู แต่​ปีน​เข้า​ไป​ทาง​อื่น​ก็​เป็น​โจร​และ​ขโมย+ 2 แต่​คน​เลี้ยง​แกะ​จะ​เข้า​ทาง​ประตู+ 3 และ​คน​เฝ้า​ประตู​จะ​เปิด​ให้​เขา+ แกะ​ก็​ฟัง​เสียง​เขา+ เขา​เรียก​ชื่อ​แกะ​ของ​เขา​แต่​ละ​ตัว​และ​พา​พวก​มัน​ออก​ไป 4 เมื่อ​พา​แกะ​ออก​ไป​หมด​แล้ว เขา​ก็​เดิน​นำ​หน้า​พวก​มัน แกะ​ตาม​เขา​ไป​เพราะ​จำ​เสียง​เขา​ได้ 5 พวก​มัน​จะ​ไม่​ตาม​คน​แปลก​หน้า​แต่​จะ​วิ่ง​หนี​ไป เพราะ​ไม่​คุ้น​เสียง​คน​แปลก​หน้า”+ 6 พระ​เยซู​ยก​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​นี้​ให้​พวก​เขา​ฟัง แต่​พวก​เขา​ไม่​เข้าใจ​ว่า​ท่าน​หมาย​ถึง​อะไร

7 พระ​เยซู​พูด​อีก​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ผม​เป็น​ประตู​สำหรับ​แกะ+ 8 ทุก​คน​ที่​แอบ​อ้าง​ว่า​เป็น​ผม ก็​เป็น​โจร​และ​ขโมย แกะ​จะ​ไม่​ฟัง​เขา 9 ผม​เป็น​ประตู ใคร​ที่​เข้า​มา​ทาง​ผม คน​นั้น​จะ​รอด เขา​จะ​เข้า​ออก​และ​เจอ​ทุ่ง​หญ้า​เขียว​สด+ 10 พวก​ขโมย​มา​ก็​เพื่อ​ลัก​ขโมย ฆ่า และ​ทำลาย+ แต่​ผม​มา​เพื่อ​ให้​แกะ​ได้​ชีวิต​และ​มี​ชีวิต​ที่​ไม่​สิ้น​สุด 11 ผม​เป็น​คน​เลี้ยง​แกะ​ที่​ดี+ คน​เลี้ยง​ที่​ดี​ยอม​สละ​ชีวิต​เพื่อ​แกะ​ของ​เขา+ 12 ส่วน​ลูกจ้าง​แตกต่าง​จาก​คน​เลี้ยง​แกะ​เพราะ​เขา​ไม่​ใช่​เจ้า​ของ​แกะ เมื่อ​เห็น​หมา​ป่า​มา เขา​ก็​ทิ้ง​ฝูง​แกะ​แล้ว​หนี​ไป ปล่อย​ให้​หมา​ป่า​มา​ขย้ำ​แกะ​และ​ทำ​ให้​แกะ​ที่​เหลือ​แตก​กระเจิง​ไป 13 เขา​ทิ้ง​แกะ​ไป​ก็​เพราะ​เขา​เป็น​แค่​ลูกจ้าง​และ​ไม่​ได้​เป็น​ห่วง​แกะ​จริง ๆ 14 ผม​เป็น​คน​เลี้ยง​แกะ​ที่​ดี ผม​รู้​จัก​แกะ​ของ​ผม​และ​แกะ​ก็​รู้​จัก​ผม+ 15 เหมือน​กับ​ที่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​รู้​จัก​ผม​และ​ผม​ก็​รู้​จัก​พ่อ+ ผม​ยอม​สละ​ชีวิต​เพื่อ​แกะ​ของ​ผม+

16 “ผม​ยัง​มี​แกะ​อื่น​ที่​ไม่​ได้​อยู่​ใน​คอก​นี้ ผม​ต้อง​พา​แกะ​พวก​นั้น​เข้า​มา​ด้วย+ แกะ​พวก​นั้น​จะ​ฟัง​เสียง​ของ​ผม ทั้ง​หมด​จะ​รวม​เป็น​ฝูง​เดียว และ​มี​คน​เลี้ยง​คน​เดียว+ 17 พ่อ​รัก​ผม+เพราะ​ผม​ยอม​สละ​ชีวิต+ และ​ผม​จะ​ได้​ชีวิต​อีก​ครั้ง 18 ไม่​มี​ใคร​เอา​ชีวิต​ผม​ไป​ได้ แต่​ผม​เต็ม​ใจ​สละ​ชีวิต​ของ​ตัว​เอง ผม​มี​สิทธิ์​จะ​สละ​ชีวิต​ของ​ผม และ​มี​สิทธิ์​จะ​ได้​ชีวิต​กลับ​คืน​มา+ พ่อ​ของ​ผม​สั่ง​ให้​ผม​ทำ​อย่าง​นี้”

19 เมื่อ​พระ​เยซู​พูด​อย่าง​นั้น ก็​ทำ​ให้​พวก​ยิว​ขัด​แย้ง​กัน​อีก​ครั้ง+ 20 หลาย​คน​พูด​ว่า “เขา​มี​ปีศาจ​สิง​และ​เสีย​สติ​ไป​แล้ว+ ไป​ฟัง​เขา​ทำไม?” 21 แต่​บาง​คน​แย้ง​ว่า “คน​ถูก​ปีศาจ​สิง​ไม่​พูด​อย่าง​นี้​หรอก ปีศาจ​จะ​ทำ​ให้​คน​ตา​บอด​มอง​เห็น​ได้​ยัง​ไง?”

22 ช่วง​นั้น มี​เทศกาล​ฉลอง​การ​อุทิศ​วิหาร​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม ตอน​นั้น​เป็น​ฤดู​หนาว 23 และ​พระ​เยซู​เดิน​อยู่​ที่​ระเบียง​ทาง​เดิน​ของ​โซโลมอน​ใน​วิหาร+ 24 มี​พวก​ยิว​มา​ยืน​ล้อม​รอบ​ท่าน​และ​ถาม​ว่า “คุณ​จะ​ปล่อย​ให้​พวก​เรา​สงสัย​ไป​อีก​นาน​แค่​ไหน? ถ้า​คุณ​เป็น​พระ​คริสต์​ก็​บอก​มา​ตรง ๆ เลย” 25 พระ​เยซู​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “ผม​บอก​แล้ว​แต่​พวก​คุณ​ไม่​เชื่อ​เอง สิ่ง​ที่​ผม​ทำ​ใน​นาม​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​ผม​ก็​เป็น​หลักฐาน​ยืน​ยัน​อยู่​แล้ว​ว่า​ผม​เป็น​ใคร+ 26 แต่​พวก​คุณ​ไม่​เชื่อ​เพราะ​พวก​คุณ​ไม่​ใช่​แกะ​ของ​ผม+ 27 แกะ​ของ​ผม​จะ​ฟัง​เสียง​ผม ผม​รู้​จัก​แกะ​ของ​ผม และ​แกะ​ของ​ผม​ก็​ตาม​ผม+ 28 ผม​ให้​แกะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป+ แกะ​ของ​ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ถูก​ทำลาย และ​จะ​ไม่​มี​ใคร​แย่ง​พวก​มัน​ไป​จาก​มือ​ผม​ได้+ 29 แกะ​ที่​พ่อ​ของ​ผม​ยก​ให้​ผม​นั้น​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​อะไร​ทั้ง​หมด และ​จะ​ไม่​มี​ใคร​แย่ง​แกะ​พวก​นั้น​ไป​จาก​มือ​ของ​พ่อ​ได้+ 30 ผม​กับ​พ่อ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน”+

31 ถึง​ตอน​นี้ พวก​ยิว​ก็​หยิบ​ก้อน​หิน​ขึ้น​มา​จะ​ขว้าง​พระ​เยซู​อีก+ 32 พระ​เยซู​ถาม​พวก​เขา​ว่า “ผม​ทำ​สิ่ง​ดี ๆ มาก​มาย​ที่​พ่อ​สั่ง​ให้​ผม​ทำ แล้ว​สิ่ง​ดี​อัน​ไหน​ล่ะ​ที่​ทำ​ให้​พวก​คุณ​ต้อง​เอา​หิน​มา​ขว้าง​ผม?” 33 พวก​ยิว​ตอบ​ท่าน​ว่า “ที่​พวก​เรา​จะ​เอา​หิน​ขว้าง​คุณ ไม่​ใช่​เพราะ​คุณ​ทำ​สิ่ง​ดี แต่​เพราะ​คุณ​ดูหมิ่น​พระเจ้า​ต่าง​หาก+ คุณ​เป็น​แค่​มนุษย์ แต่​มา​ยก​ตัว​เอง​เป็น​พระเจ้า” 34 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “ใน​กฎหมาย​ของ​พวก​คุณ​เขียน​ไว้​ไม่​ใช่​หรือ​ว่า ‘เรา​บอก​ว่า “พวก​เจ้า​เป็น​พระ”’?+ 35 แม้​แต่​คน​ที่​พระเจ้า​ตำหนิ พระองค์​ยัง​เรียก​เขา​ว่า ‘พระ’+ และ​พระ​คัมภีร์​ก็​ถูก​ต้อง​เสมอ 36 แล้ว​พวก​คุณ​มา​หา​ว่า​ผม​ดูหมิ่น​พระเจ้า​ได้​ยัง​ไง​ที่​ผม​พูด​ว่า​ผม​เป็น​ลูก​ของ​พระองค์ ใน​เมื่อ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ได้​เลือก​ผม​และ​ใช้​ผม​เข้า​มา​ใน​โลก​นี้?+ 37 ถ้า​ผม​ไม่​ทำ​สิ่ง​ที่​พ่อ​ผม​ให้​ทำ ก็​ไม่​ต้อง​เชื่อ​ผม 38 แต่​ถ้า​ผม​ทำ​สิ่ง​ที่​พ่อ​ผม​ให้​ทำ ถึง​พวก​คุณ​จะ​ไม่​เชื่อ​ผม ก็​ขอ​ให้​เชื่อ​เพราะ​สิ่ง​ที่​ผม​ทำ+ แล้ว​พวก​คุณ​จะ​รู้​และ​เข้าใจ​มาก​ขึ้น​ว่า​พ่อ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​ผม และ​ผม​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​พ่อ”+ 39 พวก​ยิว​พยายาม​จะ​จับ​พระ​เยซู​อีก แต่​ท่าน​หลบ​ไป​ได้​ก่อน+

40 แล้ว​พระ​เยซู​ก็​เดิน​ทาง​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​อีก​ครั้ง ท่าน​ไป​บริเวณ​ที่​ยอห์น​เคย​ให้​บัพติศมา+ และ​พัก​อยู่​ที่​นั่น 41 คน​มาก​มาย​มา​หา​พระ​เยซู​และ​พูด​กัน​ว่า “ยอห์น​ไม่​เคย​ทำ​การ​อัศจรรย์​สัก​อย่าง แต่​สิ่ง​ที่​ยอห์น​พูด​ถึง​ผู้​ชาย​คน​นี้​ถูก​หมด​ทุก​อย่าง”+ 42 หลาย​คน​ที่​อยู่​ที่​นั่น​จึง​เชื่อ​ใน​ตัว​พระ​เยซู

11 มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ป่วย​อยู่ เขา​ชื่อ​ลาซารัส​เป็น​คน​หมู่​บ้าน​เบธานี+ มารีย์​กับ​มาร์ธา+ที่​เป็น​พี่​น้อง​กัน​ก็​อยู่​ที่​หมู่​บ้าน​นี้ 2 มารีย์​คน​นี้​คือ​ผู้​หญิง​ที่​เอา​น้ำมัน​หอม​ชโลม​ผู้​เป็น​นาย​และ​เอา​ผม​เช็ด​เท้า​ท่าน+ ลาซารัส​ที่​ป่วย​อยู่​นั้น​ก็​เป็น​พี่​น้อง​กับ​เธอ​ด้วย 3 มารีย์​กับ​มาร์ธา​จึง​ใช้​คน​ไป​บอก​พระ​เยซู​ว่า “นาย​ท่าน เพื่อน​รัก​ของ​ท่าน​ไม่​สบาย​มาก”+ 4 แต่​เมื่อ​พระ​เยซู​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น​ก็​พูด​ว่า “ที่​เขา​ป่วย​ครั้ง​นี้​ไม่​ใช่​เพื่อ​ให้​ตาย แต่​เพื่อ​ทำ​ให้​พระเจ้า​ได้​รับ​การ​ยกย่อง+ และ​ลูก​ของ​พระเจ้า​จะ​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​เพราะ​เหตุ​การณ์​นี้​ด้วย”

5 พระ​เยซู​รัก​มาร์ธา​กับ​มารีย์​รวม​ทั้ง​ลาซารัส​ด้วย 6 แต่​เมื่อ​ได้​ยิน​ว่า​ลาซารัส​ป่วย ท่าน​ก็​ยัง​อยู่​ที่​เดิม​ต่อ​อีก 2 วัน 7 แล้ว​ท่าน​พูด​กับ​พวก​สาวก​ว่า “ไป​แคว้น​ยูเดีย​กัน​อีก​ครั้ง​เถอะ” 8 พวก​สาวก​บอก​ท่าน​ว่า “อาจารย์+ พวก​ยิว​ที่​นั่น​พยายาม​เอา​หิน​ขว้าง​ท่าน​ให้​ตาย​เมื่อ​ไม่​กี่​วัน​นี้​เอง+ ท่าน​ยัง​จะ​กลับ​ไป​อีก​หรือ?” 9 พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “กลางวัน​มี 12 ชั่วโมง​ไม่​ใช่​หรือ?+ ถ้า​ใคร​เดิน​ตอน​กลางวัน เขา​จะ​ไม่​สะดุด​ไป​ชน​อะไร​เลย เพราะ​เขา​เห็น​แสง​สว่าง​ของ​โลก​นี้ 10 แต่​ถ้า​ใคร​เดิน​ตอน​กลางคืน​เขา​จะ​สะดุด เพราะ​เขา​ไม่​มี​แสง​สว่าง​นำ​ทาง”

11 เมื่อ​พูด​อย่าง​นั้น​แล้ว พระ​เยซู​ก็​บอก​พวก​เขา​ว่า “ลาซารัส​เพื่อน​ของ​พวก​เรา​หลับ​อยู่+ ผม​จะ​ไป​ปลุก​เขา” 12 พวก​สาวก​จึง​บอก​ท่าน​ว่า “นาย​ครับ ถ้า​เขา​หลับ​อยู่ เดี๋ยว​เขา​ก็​ดี​ขึ้น​เอง”* 13 ที่​จริง พระ​เยซู​หมาย​ความ​ว่า​ลาซารัส​ตาย​แล้ว แต่​พวก​เขา​คิด​ว่า​ท่าน​พูด​ถึง​การ​นอน​หลับ​พักผ่อน 14 พระ​เยซู​จึง​พูด​กับ​พวก​เขา​ตรง ๆ ว่า “ลาซารัส​ตาย​แล้ว+ 15 และ​ก็​ดี​ที่​ผม​ไม่​ได้​อยู่​ที่​นั่น เพราะ​สิ่ง​ที่​ผม​จะ​ไป​ทำ​นี้​จะ​เสริม​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​คุณ ไป​กัน​เถอะ” 16 โธมัส​ที่​เรียก​กัน​ว่า​ดิดุโมส​พูด​กับ​เพื่อน​สาวก​ว่า “ไป​กัน​เถอะ​พวก​เรา ไป​ตาย​ด้วย​กัน​กับ​อาจารย์”+

17 เมื่อ​พระ​เยซู​ไป​ถึง​ที่​นั่น ก็​พบ​ว่า​เขา​เอา​ศพ​ลาซารัส​ไป​ฝัง​ใน​อุโมงค์​ได้ 4 วัน​แล้ว 18 หมู่​บ้าน​เบธานี​อยู่​ใกล้​กรุง​เยรูซาเล็ม ระยะ​ทาง​ประมาณ 3 กิโลเมตร 19 มี​คน​ยิว​หลาย​คน​มา​ปลอบ​ใจ​มาร์ธา​กับ​มารีย์​ที่​สูญ​เสีย​ลาซารัส​ไป 20 เมื่อ​มาร์ธา​ได้​ยิน​ว่า​พระ​เยซู​กำลัง​มา จึง​ออก​ไป​หา​ท่าน แต่​มารีย์+ยัง​อยู่​ที่​บ้าน 21 มาร์ธา​บอก​พระ​เยซู​ว่า “นาย​คะ ถ้า​ท่าน​อยู่​ที่​นี่ เขา​คง​ไม่​ตาย 22 แต่​ดิฉัน​ก็​ยัง​เชื่อ​ว่า​พระเจ้า​จะ​ให้​ทุก​อย่าง​ตาม​ที่​ท่าน​ขอ” 23 พระ​เยซู​บอก​เธอ​ว่า “เขา​จะ​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย” 24 มาร์ธา​บอก​ท่าน​ว่า “ดิฉัน​เชื่อ​ค่ะ​ว่า เขา​จะ​ถูก​ปลุก​ให้​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย+ใน​วัน​สุด​ท้าย” 25 พระ​เยซู​บอก​เธอ​ว่า “ผม​คือ​คน​ที่​ปลุก​คน​ตาย​ให้​ฟื้น​และ​ให้​เขา​มี​ชีวิต+ คน​ที่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ผม ถึง​แม้​เขา​ตาย เขา​ก็​จะ​มี​ชีวิต​อีก 26 และ​ทุก​คน​ที่​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​และ​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ผม​จะ​ไม่​ตาย​เลย+ คุณ​เชื่อ​ไหม?” 27 เธอ​ตอบ​ว่า “เชื่อ​ค่ะ​ท่าน ดิฉัน​เชื่อ​ว่า​ท่าน​เป็น​พระ​คริสต์​ลูก​ของ​พระเจ้า​ที่​เข้า​มา​ใน​โลก​นี้” 28 พอ​พูด​จบ เธอ​ก็​ไป​เรียก​มารีย์​น้อง​สาว เธอ​กระซิบ​ว่า “อาจารย์+มา​แล้ว ท่าน​เรียก​เธอ​แน่ะ” 29 พอ​มารีย์​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น​ก็​รีบ​ไป​หา​พระ​เยซู

30 พระ​เยซู​ยัง​ไม่​ได้​เข้า​หมู่​บ้าน ท่าน​ยัง​อยู่​ตรง​ที่​ที่​มาร์ธา​ไป​หา 31 เมื่อ​คน​ยิว​ที่​ปลอบ​ใจ​มารีย์​อยู่​ใน​บ้าน​เห็น​เธอ​รีบ​ออก​ไป พวก​เขา​ก็​ตาม​ไป​ด้วย เพราะ​คิด​ว่า​เธอ​จะ​ไป​ร้องไห้​ที่​อุโมงค์​ฝัง​ศพ+ 32 เมื่อ​มารีย์​ได้​พบ​พระ​เยซู เธอ​ก็​หมอบ​ลง​แทบ​เท้า​ท่าน​แล้ว​พูด​ว่า “นาย​คะ ถ้า​ท่าน​อยู่​ที่​นี่ เขา​คง​ไม่​ตาย” 33 เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​เธอ​ร้องไห้ และ​พวก​ยิว​ที่​มา​กับ​เธอ​ก็​ร้องไห้​ด้วย ท่าน​ก็​เศร้า​และ​สะเทือน​ใจ 34 ท่าน​ถาม​ว่า “พวก​คุณ​ฝัง​ศพ​เขา​ไว้​ที่​ไหน?” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ตาม​มา​ดู​สิ นาย​ท่าน” 35 แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ร้องไห้​น้ำตา​ไหล+ 36 พวก​ยิว​เห็น​อย่าง​นั้น​ก็​พูด​กัน​ว่า “ดู​สิ เขา​รัก​ลาซารัส​มาก​จริง ๆ” 37 แต่​มี​บาง​คน​พูด​ว่า “ผู้​ชาย​คน​นี้​เคย​ทำ​ให้​คน​ตา​บอด​มอง​เห็น​ได้+ แล้ว​เขา​ทำ​ให้​คน​นี้​รอด​ตาย​ไม่​ได้​หรือ?”

38 เมื่อ​ใกล้​ถึง​อุโมงค์​ฝัง​ศพ พระ​เยซู​ก็​รู้สึก​สะเทือน​ใจ​ขึ้น​มา​อีก อุโมงค์​นั้น​เป็น​ถ้ำ​และ​มี​หิน​ปิด​ปาก​ถ้ำ​ไว้ 39 พระ​เยซู​สั่ง​ว่า “เลื่อน​หิน​ออก​ไป​สิ” มาร์ธา​ซึ่ง​เป็น​พี่​น้อง​กับ​ผู้​ตาย​บอก​ท่าน​ว่า “นาย​คะ ป่าน​นี้​ศพ​คง​เหม็น​แย่​แล้ว เพราะ​ตาย​มา​ตั้ง 4 วัน​แล้ว” 40 พระ​เยซู​บอก​เธอ​ว่า “ผม​เคย​บอก​คุณ​แล้ว​ไม่​ใช่​หรือ​ว่า ถ้า​คุณ​เชื่อ คุณ​จะ​ได้​เห็น​ฤทธิ์​อำนาจ​ของ​พระเจ้า?”+ 41 พวก​เขา​จึง​เลื่อน​หิน​ที่​ปิด​ปาก​ถ้ำ​ออก แล้ว​พระ​เยซู​ก็​แหงน​หน้า​มอง​ท้องฟ้า+และ​พูด​ว่า “พ่อ​ครับ ผม​ขอบคุณ​ที่​พระองค์​ฟัง​คำ​ขอร้อง​ของ​ผม 42 ผม​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​พระองค์​ฟัง​ผม​เสมอ แต่​ที่​ผม​ขอ​คราว​นี้​ก็​เพื่อ​คน​ที่​ยืน​อยู่​รอบ ๆ พวก​เขา​จะ​ได้​เชื่อ​ว่า​พระองค์​ใช้​ผม​มา”+ 43 เมื่อ​พูด​จบ​แล้ว ท่าน​ก็​ร้อง​เรียก​เสียง​ดัง​ว่า “ลาซารัส ออก​มา”+ 44 ลาซารัส​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​ก็​เดิน​ออก​มา​ทั้ง ๆ ที่​ยัง​มี​ผ้า​พัน​มือ​และ​เท้า​อยู่ และ​ที่​หน้า​ก็​มี​ผ้า​พัน​ไว้​ด้วย พระ​เยซู​สั่ง​พวก​เขา​ว่า “เอา​ผ้า​พวก​นั้น​ออก​ให้​เขา​หน่อย เขา​จะ​ได้​เดิน​สะดวก”

45 คน​ยิว​หลาย​คน​ที่​มา​หา​มารีย์​และ​ได้​เห็น​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​ทำ​ก็​เชื่อ​ใน​ตัว​ท่าน+ 46 แต่​มี​บาง​คน​ไป​เล่า​เรื่อง​ที่​พระ​เยซู​ทำ​ให้​พวก​ฟาริสี​ฟัง 47 พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​พวก​ฟาริสี​จึง​เรียก​ประชุม​ศาล​แซนเฮดริน​และ​พูด​กัน​ว่า “พวก​เรา​จะ​ทำ​ยัง​ไง​ดี? ผู้​ชาย​คน​นั้น​ทำ​การ​อัศจรรย์​หลาย​อย่าง+ 48 ถ้า​ขืน​ปล่อย​ไว้​อย่าง​นี้ ผู้​คน​จะ​แห่​กัน​ไป​เชื่อ​เขา​หมด แล้ว​พวก​โรมัน​ก็​จะ​มา​ยึด​ทั้ง​วิหาร​และ​ประเทศ​ของ​เรา​ด้วย” 49 มี​คน​หนึ่ง​ชื่อ​เคยาฟาส+ซึ่ง​เป็น​มหา​ปุโรหิต​ใน​ปี​นั้น เขา​พูด​ขึ้น​มา​ว่า “พวก​คุณ​ไม่​รู้​อะไร 50 พวก​คุณ​ไม่​เข้าใจ​เลย​หรือ​ว่า เพื่อ​ประโยชน์​ของ​คุณ​เอง ให้​คน​หนึ่ง​ตาย​แทน​ประชาชน​ก็​ดี​กว่า​ให้​คน​ทั้ง​ชาติ​ต้อง​พินาศ?”+ 51 เขา​ไม่​ได้​พูด​อย่าง​นี้​จาก​ความ​คิด​ของ​ตัว​เอง แต่​เพราะ​เขา​เป็น​มหา​ปุโรหิต​ใน​ปี​นั้น พระเจ้า​จึง​ใช้​เขา​ให้​พยากรณ์​ว่า​พระ​เยซู​จะ​ต้อง​ตาย​เพื่อ​คน​ร่วม​ชาติ 52 และ​ไม่​ใช่​เพื่อ​คน​ร่วม​ชาติ​เท่า​นั้น แต่​เพื่อ​รวบ​รวม​ลูก ๆ ของ​พระเจ้า​ที่​กระจัด​กระจาย​กัน​อยู่​ให้​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน​ด้วย+ 53 ตั้ง​แต่​วัน​นั้น พวก​เขา​จึง​หา​ทาง​จะ​ฆ่า​พระ​เยซู+

54 ดัง​นั้น พระ​เยซู​จึง​ไม่​ไป​ไหน​มา​ไหน​อย่าง​เปิด​เผย​ใน​หมู่​คน​ยิว​อีก​ต่อ​ไป แต่​ท่าน​ออก​จาก​ที่​นั่น​ไป​เมือง​หนึ่ง​ชื่อ​เอฟราอิม+ซึ่ง​อยู่​ใกล้​ที่​กันดาร+ และ​อยู่​ที่​นั่น​กับ​พวก​สาวก 55 เมื่อ​ใกล้​จะ​ถึง​เทศกาล​ปัสกา+ของ​ชาว​ยิว มี​คน​มาก​มาย​จาก​ชนบท​หลั่งไหล​เข้า​มา​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​ก่อน​เทศกาล​จะ​เริ่ม​เพื่อ​ชำระ​ตัว​ตาม​พิธีกรรม 56 พวก​เขา​มอง​หา​พระ​เยซู และ​ตอน​ที่​อยู่​ใน​บริเวณ​วิหาร​พวก​เขา​พูด​กัน​ว่า “คุณ​คิด​ยัง​ไง? เขา​จะ​มา​เทศกาล​นี้​หรือ​เปล่า?” 57 พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​พวก​ฟาริสี​สั่ง​ไว้​ว่า ถ้า​ใคร​รู้​ว่า​พระ​เยซู​อยู่​ที่​ไหน​ก็​ให้​มา​บอก พวก​เขา​จะ​ได้​ไป​จับ​ท่าน

12 หก​วัน​ก่อน​ถึง​เทศกาล​ปัสกา พระ​เยซู​มา​ถึง​หมู่​บ้าน​เบธานี+ ลาซารัส+ซึ่ง​พระ​เยซู​ปลุก​ให้​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย​อยู่​ที่​หมู่​บ้าน​นี้ 2 มี​การ​เลี้ยง​อาหาร​เย็น​พระ​เยซู​ที่​นั่น มาร์ธา​คอย​เสิร์ฟ​อาหาร​ให้​แขก+ และ​ลาซารัส​ก็​กิน​อาหาร​กับ​ท่าน​ด้วย 3 แล้ว​มารีย์​ก็​เอา​น้ำมัน​หอม​นารดา​บริสุทธิ์​ที่​มี​ราคา​แพง​มาก​ประมาณ​ครึ่ง​ลิตร​มา​เท​ลง​บน​เท้า​ของ​พระ​เยซู แล้ว​เอา​ผม​ของ​เธอ​เช็ด​ให้​แห้ง+ บ้าน​ทั้ง​หลัง​ก็​หอม​ฟุ้ง​ไป​ด้วย​กลิ่น​น้ำมัน​หอม+ 4 แต่​ยูดาส​อิสคาริโอท+ซึ่ง​เป็น​สาวก​ที่​กำลัง​จะ​ทรยศ​พระ​เยซู​พูด​ว่า 5 “ทำไม​ไม่​เอา​น้ำมัน​หอม​นี้​ไป​ขาย​ล่ะ? น่า​จะ​ได้​สัก 300 เดนาริอัน แล้ว​เอา​ไป​แจก​คน​จน​ดี​กว่า” 6 ที่​เขา​พูด​อย่าง​นี้​ไม่​ใช่​เพราะ​เป็น​ห่วง​คน​จน แต่​เพราะ​เขา​เป็น​ขโมย เขา​เป็น​คน​ถือ​กล่อง​เก็บ​เงิน​กองกลาง และ​ชอบ​ขโมย​เงิน​จาก​กล่อง​นั้น 7 แต่​พระ​เยซู​บอก​ว่า “ปล่อย​ให้​เธอ​ทำ​ไป​เถอะ ที่​เธอ​ทำ​อย่าง​นี้​เป็น​การ​เตรียม​ผม​ไว้​สำหรับ​พิธี​ฝัง​ศพ​ผม+ 8 คน​จน​จะ​อยู่​กับ​พวก​คุณ​ไป​ตลอด+ แต่​ผม​จะ​อยู่​กับ​พวก​คุณ​อีก​ไม่​นาน”+

9 เมื่อ​คน​ยิว​มาก​มาย​รู้​ว่า​พระ​เยซู​อยู่​ที่​หมู่​บ้าน​เบธานี พวก​เขา​ก็​มา​ที่​นั่น ไม่​ใช่​แค่​มา​หา​พระ​เยซู​เท่า​นั้น แต่​มา​ดู​ลาซารัส​ที่​ท่าน​ปลุก​ให้​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย​ด้วย+ 10 พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​จึง​หา​ทาง​จะ​ฆ่า​ลาซารัส​อีก​คน+ 11 เพราะ​เขา​เป็น​ต้น​เหตุ​ให้​คน​ยิว​หลาย​คน​ไป​ที่​นั่น​และ​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู+

12 วัน​ต่อ​มา เมื่อ​คน​มาก​มาย​ที่​มา​ฉลอง​เทศกาล​ได้​ยิน​ว่า​พระ​เยซู​กำลัง​มา​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม 13 พวก​เขา​ก็​ถือ​ใบ​ปาล์ม​ออก​ไป​ต้อนรับ​ท่าน+ พวก​เขา​โห่​ร้อง​ว่า “ขอ​ให้​ท่าน​อายุ​ยืน​ยาว ขอ​ให้​ท่าน​ผู้​มา​ใน​นาม​พระ​ยะโฮวา+ได้​รับ​พร ท่าน​เป็น​กษัตริย์​ของ​อิสราเอล”+ 14 เมื่อ​พระ​เยซู​เจอ​ลูก​ลา ท่าน​ก็​ขึ้น​นั่ง​บน​หลัง​มัน+ ตาม​ที่​เขียน​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์​ว่า 15 “ชาว​ศิโยน ไม่​ต้อง​กลัว ดู​นั่น​สิ กษัตริย์​ของ​เจ้า​กำลัง​มา เขา​นั่ง​บน​หลัง​ลูก​ลา”+ 16 ตอน​แรก​สาวก​ของ​ท่าน​ไม่​เข้าใจ​เหตุ​การณ์​นี้+ แต่​เมื่อ​พระ​เยซู​ได้​รับ​ฐานะ​ที่​สูง​ส่ง​แล้ว+ พวก​สาวก​ก็​นึก​ถึง​เรื่อง​นี้​ที่​พระ​คัมภีร์​บอก​ไว้​เกี่ยว​กับ​ท่าน และ​นึก​ถึง​สิ่ง​ที่​ผู้​คน​ทำ​กับ​ท่าน​ใน​ตอน​นั้น+

17 ตอน​ที่​พระ​เยซู​เรียก​ลาซารัส​ออก​จาก​อุโมงค์​ฝัง​ศพ+และ​ปลุก​เขา​ให้​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย มี​หลาย​คน​อยู่​กับ​ท่าน พวก​เขา​บอก​เล่า​เรื่อง​นี้​ต่อ ๆ กัน​ไป+ 18 ดัง​นั้น จึง​มี​คน​มาก​มาย​ออก​มา​ต้อนรับ​ท่าน เพราะ​พวก​เขา​ได้​ยิน​เรื่อง​การ​อัศจรรย์​ครั้ง​นั้น 19 พวก​ฟาริสี​จึง​พูด​กัน​ว่า “ดู​สิ แผน​ของ​เรา​ล้มเหลว​ไม่​เป็น​ท่า คน​ทั้ง​โลก​ตาม​เขา​ไป​หมด​แล้ว”+

20 คน​ที่​มา​นมัสการ​ใน​เทศกาล​นั้น มี​บาง​คน​เป็น​ชาว​กรีก 21 พวก​เขา​มา​หา​ฟีลิป+ซึ่ง​มา​จาก​เมือง​เบธไซดา​ใน​แคว้น​กาลิลี แล้ว​ขอร้อง​ว่า “คุณ​ครับ พวก​เรา​อยาก​พบ​พระ​เยซู” 22 ฟีลิป​จึง​ไป​บอก​อันดรูว์+ แล้ว​เขา​ทั้ง​สอง​ก็​ไป​บอก​พระ​เยซู

23 แต่​พระ​เยซู​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “ถึง​เวลา​แล้ว​ที่ ‘ลูก​มนุษย์’ จะ​ได้​รับ​ฐานะ​ที่​สูง​ส่ง+ 24 ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ถ้า​เมล็ด​ข้าว​สาลี​ไม่​ตก​ลง​ดิน​และ​ไม่​ตาย​ไป มัน​ก็​จะ​เป็น​แค่​เมล็ด​เดียว​อยู่​อย่าง​นั้น แต่​ถ้า​มัน​ตาย+ มัน​จะ​ทำ​ให้​เกิด​เมล็ด​ข้าว​อีก​มาก​มาย 25 คน​ที่​รัก​ชีวิต​จะ​ทำ​ให้​ตัว​เอง​เสีย​ชีวิต แต่​คน​ที่​ยอม​เสีย​ชีวิต*+ใน​โลก​นี้​จะ​รักษา​ชีวิต​ไว้​และ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป+ 26 ถ้า​ใคร​อยาก​รับใช้​ผม ให้​คน​นั้น​ตาม​ผม​มา ผม​อยู่​ที่​ไหน ผู้​รับใช้​ของ​ผม​ก็​จะ​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย+ ถ้า​ใคร​รับใช้​ผม พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ก็​จะ​ให้​เกียรติ​คน​นั้น 27 ตอน​นี้ ผม​ทุกข์​ใจ​มาก+ ผม​ไม่​รู้​จะ​พูด​ยัง​ไง​ดี พ่อ​ครับ ขอ​ช่วย​ผม​ให้​ผ่าน​ช่วง​เวลา​นี้​ไป​ได้+ แต่​ถึง​ยัง​ไง ผม​ก็​ต้อง​เจอ​กับ​ความ​ทุกข์​ครั้ง​นี้ ที่​ผม​มา​ก็​เพราะ​เหตุ​ผล​นี้ 28 พ่อ​ครับ ขอ​ให้​ชื่อ​ของ​พระองค์​ได้​รับ​การ​ยกย่อง” ทันใด​นั้น ก็​มี​เสียง​พูด+จาก​ฟ้า​ว่า “เรา​ทำ​ให้​ชื่อ​ของ​เรา​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​แล้ว และ​เรา​จะ​ทำ​ให้​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​อีก”+

29 คน​ที่​ยืน​อยู่​ที่​นั่น​ได้​ยิน​เสียง​จาก​ฟ้า บาง​คน​บอก​ว่า​เป็น​เสียง​ฟ้า​ร้อง บาง​คน​บอก​ว่า “ทูตสวรรค์​พูด​กับ​เขา” 30 พระ​เยซู​บอก​ว่า “เสียง​ที่​ได้​ยิน​นี้​ไม่​ใช่​เพื่อ​ผม แต่​เพื่อ​พวก​คุณ+ 31 ตอน​นี้ ถึง​เวลา​พิพากษา​โลก​นี้​แล้ว และ​ผู้​ปกครอง​โลก+จะ​ถูก​ขับ​ไล่+ 32 แต่​เมื่อ​ผม​ถูก​ยก​ขึ้น​แขวน​ไว้+ ผม​จะ​ชัก​นำ​คน​ทุก​ชนิด​มา​หา​ผม”+ 33 ที่​ท่าน​พูด​อย่าง​นี้​ก็​เพื่อ​แสดง​ว่า​ท่าน​จะ​ตาย​แบบ​ไหน+ 34 ประชาชน​จึง​พูด​กับ​พระ​เยซู​ว่า “แต่​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า​บอก​ว่า พระ​คริสต์​จะ​อยู่​ตลอด​ไป+ แล้ว​ทำไม​ท่าน​ถึง​บอก​ว่า ‘ลูก​มนุษย์’ จะ​ต้อง​ถูก​ยก​ขึ้น​แขวน​ไว้?+ ‘ลูก​มนุษย์’ คือ​ใคร​กัน​แน่?” 35 พระ​เยซู​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “ความ​สว่าง​จะ​อยู่​กับ​พวก​คุณ​อีก​ไม่​นาน+ ให้​พวก​คุณ​เดิน​ตอน​ที่​ยัง​มี​ความ​สว่าง​อยู่ อย่า​ให้​ความ​มืด​มา​ปก​คลุม​พวก​คุณ คน​ที่​เดิน​อยู่​ใน​ความ​มืด​ไม่​รู้​ว่า​เขา​กำลัง​จะ​ไป​ไหน+ 36 ตอน​ที่​พวก​คุณ​ยัง​มี​ความ​สว่าง​อยู่ ให้​เชื่อ​ใน​ความ​สว่าง​นั้น เพื่อ​พวก​คุณ​จะ​ได้​เป็น​ลูก​ของ​ความ​สว่าง”+

เมื่อ​พูด​จบ​แล้ว พระ​เยซู​ก็​ไป​ซ่อน​ตัว​จาก​ผู้​คน 37 ถึง​แม้​ท่าน​ทำ​การ​อัศจรรย์​หลาย​อย่าง​ให้​พวก​เขา​เห็น แต่​พวก​เขา​ก็​ยัง​ไม่​เชื่อ​ใน​ตัว​ท่าน 38 สิ่ง​ที่​ผู้​พยากรณ์​อิสยาห์​บอก​ไว้​จึง​เป็น​จริง​ที่​ว่า “พระ​ยะโฮวา ใคร​จะ​เชื่อ​ใน​สิ่ง​ที่​พวก​เรา​พูด?*+ และ​ใคร​จะ​ได้​เห็น​พระ​ยะโฮวา​แสดง​พลัง​อำนาจ​ของ​พระองค์?”+ 39 ที่​พวก​เขา​ไม่​เชื่อ​ก็​เพราะ​อิสยาห์​บอก​ไว้​อีก​ว่า 40 “พระองค์​ให้​ตา​พวก​เขา​บอด​และ​ให้​ใจ​พวก​เขา​แข็ง​กระด้าง เพื่อ​พวก​เขา​จะ​ไม่​เห็น ไม่​เข้าใจ และ​ไม่​หัน​กลับ​มา​ให้​เรา​รักษา​ให้​หาย”+ 41 อิสยาห์​บอก​เกี่ยว​กับ​พระ​คริสต์​ไว้​อย่าง​นี้​เพราะ​เขา​ได้​เห็น​ฐานะ​ที่​สูง​ส่ง​ของ​ท่าน+ 42 ถึง​อย่าง​นั้น ก็​มี​พวก​ผู้​นำ​หลาย​คน​เชื่อ​ใน​ตัว​ท่าน+ แต่​ไม่​กล้า​ยอม​รับ​ท่าน​อย่าง​เปิด​เผย เพราะ​กลัว​จะ​ถูก​พวก​ฟาริสี​ไล่​ออก​จาก​ที่​ประชุม​ของ​ชาว​ยิว+ 43 พวก​เขา​ชอบ​คำ​ยกย่อง​จาก​มนุษย์​มาก​กว่า​คำ​ยกย่อง​จาก​พระเจ้า*+

44 พระ​เยซู​พูด​เสียง​ดัง​ว่า “คน​ที่​เชื่อ​ใน​ตัว​ผม ไม่​ได้​เชื่อ​เฉพาะ​ผม​เท่า​นั้น แต่​เชื่อ​ใน​พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา​ด้วย+ 45 และ​คน​ที่​เห็น​ผม​ก็​เห็น​พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา​ด้วย+ 46 ผม​มา​เป็น​ความ​สว่าง​ให้​กับ​โลก+ เพื่อ​ทุก​คน​ที่​เชื่อ​ใน​ตัว​ผม​จะ​ไม่​อยู่​ใน​ความ​มืด​อีก​ต่อ​ไป+ 47 แต่​ถ้า​ใคร​ได้​ยิน​คำ​สอน​ของ​ผม​แล้ว​ไม่​ทำ​ตาม ผม​จะ​ไม่​ตัดสิน​เขา เพราะ​ผม​ไม่​ได้​มา​เพื่อ​ตัดสิน​โลก​นี้ แต่​มา​เพื่อ​ช่วย​โลก​ให้​รอด+ 48 สิ่ง​ที่​จะ​ตัดสิน​คน​ที่​ปฏิเสธ​ผม​และ​ไม่​ฟัง​คำ​สอน​ของ​ผม​ก็​คือ​คำ​พูด​ของ​ผม สิ่ง​ที่​ผม​พูด​นี้​แหละ​จะ​ตัดสิน​เขา​ใน​วัน​สุด​ท้าย+ 49 เพราะ​ผม​ไม่​ได้​พูด​ตาม​ความ​คิด​ตัว​เอง แต่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ที่​ใช้​ผม​มา​ได้​สั่ง​ผม​ไว้​ว่า​จะ​พูด​อะไร+ 50 และ​ผม​รู้​ว่า​การ​ทำ​ตาม​คำ​สั่ง​ของ​พระองค์​ทำ​ให้​มี*ชีวิต​ตลอด​ไป+ ผม​ก็​เลย​พูด​ทุก​อย่าง​ตาม​ที่​พ่อ​สั่ง​ไว้”+

13 ก่อน​ถึง​เทศกาล​ปัสกา พระ​เยซู​รู้​ว่า​ถึง​เวลา​แล้ว+ที่​ท่าน​จะ​จาก​โลก​นี้​ไป​หา​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ+ พระ​เยซู​รัก​คน​ของ​ท่าน​ที่​อยู่​ใน​โลก​นี้ และ​ท่าน​รัก​พวก​เขา​ต่อ​ไป​จน​ถึง​ที่​สุด+ 2 แล้ว​อาหาร​มื้อ​เย็น​ก็​มา​ถึง* ก่อน​หน้า​นี้ มาร​ได้​ดล​ใจ​ยูดาส​อิสคาริโอท+ลูก​ซีโมน​ให้​ทรยศ​พระ​เยซู+ 3 พระ​เยซู​รู้​ว่า​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ได้​มอบ​ทุก​อย่าง​ไว้​ให้​ท่าน​แล้ว ท่าน​รู้​ว่า​ท่าน​มา​จาก​พระเจ้า​และ​กำลัง​จะ​กลับ​ไป​หา​พระองค์+ 4 พระ​เยซู​ลุก​จาก​โต๊ะ​อาหาร ถอด​เสื้อ​คลุม​วาง​ไว้ และ​หยิบ​ผ้า​เช็ด​ตัว​มา​คาด​เอว+ 5 จาก​นั้น พระ​เยซู​ก็​เอา​น้ำ​ใส่​อ่าง แล้ว​เริ่ม​ล้าง​เท้า​ให้​พวก​สาวก และ​ใช้​ผ้า​ที่​คาด​เอว​อยู่​มา​เช็ด​ให้​แห้ง+ 6 เมื่อ​มา​ถึง​ซีโมน​เปโตร เขา​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “นาย​ครับ ท่าน​จะ​ล้าง​เท้า​ให้​ผม​หรือ?” 7 พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “ตอน​นี้​คุณ​ยัง​ไม่​เข้าใจ​ว่า​ทำไม​ผม​ทำ​อย่าง​นี้ แต่​อีก​หน่อย​คุณ​จะ​เข้าใจ​เอง” 8 เปโตร​บอก​ว่า “ท่าน​จะ​มา​ล้าง​เท้า​ให้​ผม​ไม่​ได้​หรอก​ครับ” พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “ถ้า​ไม่​ให้​ผม​ล้าง​ให้+ คุณ​ก็​มี​ส่วน​ร่วม​กับ​ผม​ไม่​ได้” 9 ซีโมน​เปโตร​บอก​ว่า “นาย​ครับ ถ้า​อย่าง​นั้น​อย่า​ล้าง​แค่​เท้า​เลย ล้าง​มือ​กับ​หัว​ให้​ผม​ด้วย” 10 พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “คน​ที่​อาบ​น้ำ​แล้ว​ก็​สะอาด​ทั้ง​ตัว+ ล้าง​แค่​เท้า​ก็​พอ พวก​คุณ​สะอาด แต่​ไม่​ใช่​ทุก​คน” 11 ที่​พระ​เยซู​พูด​ว่า “พวก​คุณ​สะอาด แต่​ไม่​ใช่​ทุก​คน” เพราะ​ท่าน​รู้​ว่า​คน​ไหน​จะ​ทรยศ​ท่าน+

12 เมื่อ​พระ​เยซู​ล้าง​เท้า​พวก​สาวก​แล้ว ท่าน​ก็​ใส่​เสื้อ​คลุม และ​กลับ​ไป​นั่ง​เอน​ตัว​ที่​โต๊ะ​อาหาร ท่าน​ถาม​พวก​เขา​ว่า “เข้าใจ​ไหม​ว่า ทำไม​ผม​ทำ​อย่าง​นี้​ให้​พวก​คุณ? 13 พวก​คุณ​เรียก​ผม​ว่า ‘อาจารย์’+ และ ‘นาย’ และ​ที่​พวก​คุณ​เรียก​แบบ​นั้น​ก็​ถูก​แล้ว เพราะ​ผม​เป็น​อย่าง​นั้น​จริง ๆ+ 14 ดัง​นั้น ถ้า​ผม​ที่​เป็น​นาย​และ​อาจารย์​ยัง​ล้าง​เท้า​ให้​พวก​คุณ+ พวก​คุณ​ก็​ควร​จะ​ล้าง​เท้า​ให้​กัน​และ​กัน​ด้วย+ 15 ผม​ทำ​เป็น​ตัว​อย่าง​ให้​ดู​แล้ว พวก​คุณ​ก็​ควร​ทำ​ตาม+ 16 ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ทาส​ไม่​ใหญ่​กว่า​นาย และ​คน​ที่​ถูก​ใช้​ไป​ก็​ไม่​ใหญ่​กว่า​คน​ที่​ใช้​เขา+ 17 ถ้า​พวก​คุณ​รู้​เรื่อง​นี้​แล้ว​ทำ​ตาม พวก​คุณ​จะ​มี​ความ​สุข+ 18 ผม​ไม่​ได้​พูด​ถึง​พวก​คุณ​ทุก​คน ผม​รู้​จัก​คน​ที่​ผม​เลือก​ไว้ แต่​เรื่อง​ที่​พระ​คัมภีร์​บอก​ไว้​จะ​ต้อง​เป็น​จริง+ที่​ว่า ‘คน​ที่​กิน​อาหาร​ของ​ผม​ได้​ตั้ง​ตัว​เป็น​ศัตรู​กับ​ผม’+ 19 ผม​บอก​พวก​คุณ​ไว้​ก่อน​ที่​เรื่อง​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น และ​เมื่อ​มัน​เกิด​ขึ้น​จริง พวก​คุณ​จะ​รู้​ว่า​ผม​คือ​คน​ที่​พระ​คัมภีร์​พูด​ถึง+ 20 ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ใคร​ที่​ต้อนรับ​คน​ที่​ผม​ใช้​ไป​ก็​ต้อนรับ​ผม+ และ​ใคร​ที่​ต้อนรับ​ผม​ก็​ต้อนรับ​พระองค์​ผู้​ใช้​ผม​มา”+

21 เมื่อ​พูด​ถึง​ตรง​นี้ พระ​เยซู​ก็​สะเทือน​ใจ​มาก​และ​พูด​ออก​มา​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า คน​หนึ่ง​ใน​พวก​คุณ​จะ​ทรยศ​ผม”+ 22 พวก​สาวก​ก็​มอง​หน้า​กัน และ​สงสัย​ว่า​ท่าน​กำลัง​พูด​ถึง​ใคร+ 23 สาวก​คน​หนึ่ง​ที่​พระ​เยซู​รัก+นั่ง​เอน​ตัว​อยู่​ข้าง ๆ ท่าน 24 ซีโมน​เปโตร​จึง​พยัก​หน้า​ให้​คน​นั้น​และ​ถาม​เขา​ว่า “รู้​ไหม ท่าน​หมาย​ถึง​ใคร?” 25 สาวก​คน​นั้น​จึง​เอน​ตัว​มา​ใกล้​อก​ของ​พระ​เยซู​แล้ว​ถาม​ว่า “ท่าน​หมาย​ถึง​ใคร​ครับ?”+ 26 พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “คน​นั้น​คือ​คน​ที่​ผม​จะ​เอา​ขนมปัง​จิ้ม​ใน​ชาม​และ​ยื่น​ให้​เขา”+ แล้ว​ท่าน​ก็​เอา​ขนมปัง​จิ้ม​ใน​ชาม​และ​ยื่น​ให้​ยูดาส​ลูก​ซีโมน​อิสคาริโอท 27 เมื่อ​ยูดาส​รับ​ขนมปัง​ชิ้น​นั้น​แล้ว ซาตาน​ก็​ดล​ใจ​เขา+ พระ​เยซู​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “คุณ​จะ​ทำ​อะไร​ก็​รีบ​ทำ​เถอะ” 28 แต่​สาวก​คน​อื่น​ที่​นั่ง​ร่วม​โต๊ะ​อยู่​ไม่​รู้​ว่า​ทำไม​ท่าน​พูด​กับ​ยูดาส​อย่าง​นั้น 29 บาง​คน​คิด​ว่า​พระ​เยซู​กำลัง​บอก​เขา​ว่า “ไป​ซื้อ​ของ​ที่​ต้อง​ใช้​ใน​เทศกาล” เพราะ​ยูดาส​เป็น​คน​ถือ​กล่อง​เก็บ​เงิน+ หรือ​ไม่​ก็​บอก​เขา​ให้​ไป​แจก​ทาน​ให้​คน​จน 30 เมื่อ​เขา​รับ​ขนมปัง​ชิ้น​นั้น​แล้ว​ก็​ออก​ไป​ทันที ตอน​นั้น​เป็น​ตอน​กลางคืน+

31 เมื่อ​ยูดาส​ออก​ไป​แล้ว พระ​เยซู​พูด​ว่า “ถึง​เวลา​แล้ว​ที่ ‘ลูก​มนุษย์’ จะ​ได้​รับ​การ​ยกย่อง+ และ​พระเจ้า​ก็​จะ​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​เพราะ​เหตุ​การณ์​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​ท่าน* 32 พระเจ้า​เอง​จะ​เป็น​ผู้​ยกย่อง​ท่าน+ และ​พระองค์​จะ​ทำ​ทันที 33 ลูก ๆ ที่​รัก ผม​จะ​อยู่​กับ​พวก​คุณ​ได้​อีก​ไม่​นาน พวก​คุณ​จะ​ตาม​หา​ผม และ​อย่าง​ที่​ผม​เคย​บอก​พวก​ยิว​ว่า ‘ที่​ที่​ผม​จะ​ไป​นั้น พวก​คุณ​จะ​ไป​ไม่​ได้’+ ตอน​นี้​ผม​ก็​จะ​บอก​พวก​คุณ​อย่าง​นั้น​ด้วย 34 ผม​ให้​กฎหมาย​ใหม่​กับ​พวก​คุณ คือ ให้​พวก​คุณ​รัก​กัน ผม​รัก​พวก​คุณ​อย่าง​ไร+ ก็​ให้​พวก​คุณ​รัก​กัน​อย่าง​นั้น​ด้วย+ 35 ทุก​คน​จะ​รู้​ว่า​พวก​คุณ​เป็น​สาวก​ของ​ผม เมื่อ​พวก​คุณ​รัก​กัน”+

36 ซีโมน​เปโตร​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “ท่าน​จะ​ไป​ไหน​หรือ​ครับ?” ท่าน​ตอบ​ว่า “ที่​ที่​ผม​จะ​ไป​นั้น ตอน​นี้​คุณ​ยัง​ตาม​ไป​ไม่​ได้ แต่​คุณ​จะ​ตาม​ผม​ไป​ที​หลัง”+ 37 เปโตร​ถาม​ท่าน​ว่า “นาย​ครับ ทำไม​ผม​ถึง​ตาม​ไป​ตอน​นี้​ไม่​ได้​ล่ะ? ผม​พร้อม​จะ​สละ​ชีวิต​เพื่อ​ท่าน”+ 38 พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “คุณ​พร้อม​จะ​สละ​ชีวิต​เพื่อ​ผม​หรือ? ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ก่อน​ไก่​ขัน คุณ​จะ​ปฏิเสธ​ผม​ถึง 3 ครั้ง”+

14 “อย่า​ทุกข์​ใจ​ไป​เลย+ ขอ​ให้​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​พระเจ้า+ และ​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ผม​ด้วย 2 บ้าน​ของ​พ่อ​ผม​มี​ที่​มาก​มาย​ให้​พวก​คุณ​อยู่​ได้ ถ้า​ไม่​มี ผม​ก็​คง​บอก​พวก​คุณ​ไป​แล้ว และ​ตอน​นี้​ผม​กำลัง​จะ​ไป​เตรียม​ที่​ให้​พวก​คุณ​อยู่+ 3 เมื่อ​ผม​ไป​เตรียม​ที่​ให้​แล้ว ผม​จะ​กลับ​มา​รับ​พวก​คุณ​ไป​อยู่​กับ​ผม เพื่อ​ว่า​ผม​อยู่​ที่​ไหน พวก​คุณ​ก็​จะ​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย+ 4 และ​พวก​คุณ​ก็​รู้​จัก​ทาง​ที่​ผม​กำลัง​จะ​ไป”

5 โธมัส+บอก​ว่า “นาย​ครับ พวก​เรา​ยัง​ไม่​รู้​เลย​ว่า​ท่าน​กำลัง​จะ​ไป​ไหน แล้ว​พวก​เรา​จะ​รู้​จัก​ทาง​นั้น​ได้​ยัง​ไง?”

6 พระ​เยซู​ตอบ​เขา​ว่า “ผม​เป็น​ทาง​นั้น+ เป็น​ความ​จริง+ และ​เป็น​ชีวิต+ ไม่​มี​ใคร​จะ​มา​ถึง​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ได้​นอก​จาก​มา​ทาง​ผม+ 7 ถ้า​พวก​คุณ​รู้​จัก​ผม​จริง ๆ พวก​คุณ​ก็​น่า​จะ​รู้​จัก​พ่อ​ผม​ด้วย+ ตั้ง​แต่​นี้​ไป พวก​คุณ​จะ​รู้​จัก​พระองค์ ที่​จริง พวก​คุณ​ได้​เห็น​พระองค์​แล้ว”+

8 ฟีลิป​พูด​ว่า “นาย​ครับ ขอ​แค่​ได้​เห็น​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ พวก​เรา​ก็​พอ​ใจ​แล้ว”

9 พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “ฟีลิป ผม​อยู่​กับ​พวก​คุณ​มา​ตั้ง​นาน คุณ​ยัง​ไม่​รู้​จัก​ผม​อีก​หรือ? คน​ที่​ได้​เห็น​ผม​ก็​ได้​เห็น​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ด้วย+ แล้ว​ทำไม​คุณ​ถึง​พูด​ว่า ‘ขอ​ให้​ได้​เห็น​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ’? 10 คุณ​ไม่​เชื่อ​หรือ​ว่า ผม​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​พ่อ​และ​พ่อ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​ผม?+ สิ่ง​ที่​ผม​บอก​พวก​คุณ ผม​ไม่​ได้​คิด​ขึ้น​มา​เอง+ แต่​พ่อ​ใช้​ผม​ทำ​งาน​ของ​พระองค์​อยู่ และ​พระองค์​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​ผม​เสมอ 11 เชื่อ​ผม​เถอะ ที่​ผม​บอก​ว่า​ผม​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​พ่อ​และ​พ่อ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​ผม แต่​ถ้า​ไม่​เชื่อ​ที่​ผม​บอก ก็​ให้​เชื่อ​เพราะ​งาน​ที่​ผม​ทำ+ 12 ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า คน​ที่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ผม​จะ​ทำ​งาน​ที่​ผม​ทำ​ด้วย และ​เขา​จะ​ทำ​งาน​ใหญ่​กว่า​ที่​ผม​ทำ​อีก+ เพราะ​ผม​กำลัง​จะ​ไป​หา​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ+ 13 และ​ไม่​ว่า​พวก​คุณ​จะ​ขอ​อะไร​ใน​นาม​ของ​ผม ผม​ก็​จะ​ทำ​สิ่ง​นั้น​ให้ เพื่อ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​จะ​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​เพราะ​ลูก​ของ​พระองค์+ 14 ถ้า​พวก​คุณ​ขอ​อะไร​ใน​นาม​ของ​ผม ผม​จะ​ทำ​ให้

15 “ถ้า​พวก​คุณ​รัก​ผม พวก​คุณ​จะ​ทำ​ตาม​คำ​สั่ง​ของ​ผม+ 16 ผม​จะ​ขอ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ให้​ส่ง​ผู้​ช่วย​อีก​ผู้​หนึ่ง​มา​อยู่​กับ​พวก​คุณ​ตลอด​ไป+ 17 คือ​พลัง​ของ​พระเจ้า​ที่​ทำ​ให้​เห็น​ความ​จริง+ โลก​นี้​ไม่​ได้​รับ​พลัง​นั้น​เพราะ​โลก​ไม่​เห็น​และ​ไม่​รู้​จัก+ แต่​พวก​คุณ​รู้​จัก​พลัง​ของ​พระเจ้า เพราะ​พลัง​นั้น​อยู่​กับ​พวก​คุณ​และ​อยู่​ใน​ตัว​พวก​คุณ 18 ผม​จะ​ไม่​ทิ้ง​พวก​คุณ​ให้​อยู่​โดด​เดี่ยว ผม​จะ​กลับ​มา​หา​พวก​คุณ​แน่นอน+ 19 อีก​หน่อย โลก​จะ​ไม่​ได้​เห็น​ผม แต่​พวก​คุณ​จะ​ได้​เห็น​ผม+ เพราะ​ผม​มี​ชีวิต​อยู่​และ​พวก​คุณ​ก็​จะ​มี​ชีวิต​ด้วย 20 ใน​วัน​นั้น พวก​คุณ​จะ​ได้​รู้​ว่า​ผม​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​พ่อ​ของ​ผม และ​พวก​คุณ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​ผม และ​ผม​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​พวก​คุณ+ 21 ทุก​คน​ที่​รู้​ว่า​ผม​สั่ง​อะไร​และ​ทำ​ตาม​ก็​รัก​ผม พ่อ​ผม​จะ​รัก​ทุก​คน​ที่​รัก​ผม+ ผม​เอง​ก็​จะ​รัก​เขา​ด้วย​และ​จะ​ให้​เขา​ได้​รู้​จัก​ผม​จริง ๆ”

22 ยูดาส+ที่​ไม่​ใช่​ยูดาส​อิสคาริโอท​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “นาย​ครับ ท่าน​ตั้งใจ​ให้​พวก​เรา​ได้​รู้​จัก​ท่าน แต่​ทำไม​ไม่​ให้​โลก​รู้​จัก​ล่ะ​ครับ?”

23 พระ​เยซู​ตอบ​เขา​ว่า “ถ้า​ใคร​รัก​ผม เขา​จะ​ทำ​ตาม​คำ​สอน​ของ​ผม+ และ​พ่อ​ของ​ผม​จะ​รัก​เขา ผม​กับ​พ่อ​จะ​มา​หา​เขา​และ​จะ​ให้​เขา​ได้​อยู่​ด้วย+ 24 ส่วน​คน​ที่​ไม่​รัก​ผม​ก็​ไม่​ทำ​ตาม​คำ​สอน​ของ​ผม สิ่ง​ที่​พวก​คุณ​ฟัง​อยู่​นี้​ไม่​ใช่​คำ​สอน​ของ​ผม​เอง​แต่​เป็น​ของ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ที่​ใช้​ผม​มา+

25 “ผม​บอก​เรื่อง​ทั้ง​หมด​กับ​พวก​คุณ​ตอน​ที่​ผม​ยัง​อยู่​ด้วย 26 แต่​เมื่อ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ส่ง​ผู้​ช่วย​มา​ใน​นาม​ของ​ผม* คือ​พลัง​บริสุทธิ์​ของ​พระองค์ ผู้​ช่วย​นั้น​จะ​สอน​พวก​คุณ​ทุก​อย่าง​และ​จะ​ช่วย​ให้​จำ​ทุก​เรื่อง​ที่​ผม​เคย​สอน​ได้+ 27 ผม​ให้​พวก​คุณ​มี​ความ​สงบ​สุข+ และ​พวก​คุณ​จะ​มี​ความ​สงบ​สุข​แบบ​นี้​ต่อ​ไป เป็น​ความ​สงบ​สุข​แบบ​ที่​โลก​นี้​ให้​ไม่​ได้ พวก​คุณ​ไม่​ต้อง​ทุกข์​ใจ​และ​ไม่​ต้อง​กลัว 28 ผม​เคย​บอก​ไว้​ว่า ‘ผม​จะ​ไป แล้ว​จะ​กลับ​มา​หา​พวก​คุณ’ ถ้า​พวก​คุณ​รัก​ผม​จริง ๆ พวก​คุณ​คง​ดีใจ​ที่​ผม​จะ​ไป​หา​พ่อ เพราะ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​ผม+ 29 ผม​บอก​พวก​คุณ​ไว้​ก่อน​ที่​เรื่อง​ทั้ง​หมด​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น และ​เมื่อ​มัน​เกิด​ขึ้น​จริง พวก​คุณ​จะ​ได้​เชื่อ+ 30 ต่อ​ไป​นี้ ผม​จะ​ไม่​พูด​อะไร​กับ​พวก​คุณ​มาก ผู้​ปกครอง​โลก+จะ​มา​แล้ว แต่​ผู้​นั้น​ไม่​มี​อำนาจ​เหนือ​ผม+ 31 ผม​กำลัง​ทำ​ทุก​อย่าง​ตาม​ที่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​สั่ง​ไว้+ เพื่อ​ให้​โลก​รู้​ว่า​ผม​รัก​พระองค์ ลุก​ขึ้น​แล้ว​ไป​กัน​เถอะ

15 “ผม​เป็น​ต้น​องุ่น​แท้ และ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​ผม​เป็น​ผู้​ดู​แล​สวน​องุ่น 2 ทุก​กิ่ง​ที่​แตก​ออก​จาก​ผม ถ้า​ไม่​ออก​ผล พระองค์​จะ​ตัด​ทิ้ง​ไป ส่วน​กิ่ง​ที่​ออก​ผล พระองค์​จะ​ตัด​แต่ง​กิ่ง​นั้น​ให้​สะอาด​เพื่อ​ให้​ออก​ผล​มาก​ขึ้น​อีก+ 3 คำ​สอน​ของ​ผม​ทำ​ให้​พวก​คุณ​สะอาด​แล้ว+ 4 ขอ​ให้​ติด​สนิท​กับ​ผม แล้ว​ผม​จะ​ติด​สนิท​กับ​พวก​คุณ กิ่ง​จะ​ออก​ผล​ไม่​ได้​ถ้า​ไม่​ติด​อยู่​กับ​ต้น พวก​คุณ​ก็​จะ​เกิด​ผล​ไม่​ได้​เหมือน​กัน​ถ้า​ไม่​ติด​สนิท​กับ​ผม+ 5 ผม​เป็น​ต้น​องุ่น พวก​คุณ​เป็น​กิ่ง ถ้า​ใคร​ติด​สนิท​กับ​ผม​และ​ผม​ติด​สนิท​กับ​เขา คน​นั้น​จะ​เกิด​ผล​มาก+ แต่​ถ้า​พวก​คุณ​แยก​ตัว​จาก​ผม พวก​คุณ​จะ​ทำ​อะไร​ไม่​สำเร็จ​เลย 6 ถ้า​ใคร​ไม่​ติด​สนิท​กับ​ผม เขา​จะ​ถูก​ทิ้ง​เหมือน​กิ่ง​ไม้​และ​จะ​แห้ง​ไป แล้ว​จะ​มี​คน​มา​เก็บ​รวบ​รวม​กิ่ง​พวก​นั้น​ไป​เผา​ทิ้ง​ใน​กอง​ไฟ+ 7 ถ้า​พวก​คุณ​ติด​สนิท​กับ​ผม​และ​ยึด​มั่น​ใน​คำ​สอน​ของ​ผม​อยู่​เสมอ ไม่​ว่า​พวก​คุณ​ขอ​อะไร ก็​จะ​เป็น​ไป​ตาม​นั้น+ 8 พ่อ​ของ​ผม​จะ​ได้​รับ​การ​ยกย่อง เมื่อ​พวก​คุณ​เกิด​ผล​มาก​อยู่​เรื่อย ๆ และ​แสดง​ตัว​ว่า​เป็น​สาวก​ของ​ผม+ 9 ผม​รัก​พวก​คุณ​เหมือน​ที่​พ่อ​รัก​ผม+ ขอ​ให้​ทำ​ตัว​เป็น​ที่​รัก​ของ​ผม​เสมอ 10 ถ้า​พวก​คุณ​ทำ​ตาม​ที่​ผม​สั่ง พวก​คุณ​จะ​เป็น​ที่​รัก​ของ​ผม​เสมอ+ เหมือน​กับ​ที่​ผม​ทำ​ตาม​คำ​สั่ง​ของ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​และ​เป็น​ที่​รัก​ของ​พระองค์​เสมอ+

11 “ผม​บอก​เรื่อง​ทั้ง​หมด​นี้ เพื่อ​พวก​คุณ​จะ​มี​ความ​สุข​มาก​เหมือน​ที่​ผม​มี+ 12 นี่​เป็น​คำ​สั่ง​ของ​ผม คือ ให้​พวก​คุณ​รัก​กัน​เหมือน​ที่​ผม​รัก​พวก​คุณ+ 13 ไม่​มี​ความ​รัก​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​นี้ คือ​ที่​คน​หนึ่ง​ยอม​สละ​ชีวิต​เพื่อ​เพื่อน​ของ​เขา+ 14 ถ้า​พวก​คุณ​ทำ​ตาม​ที่​ผม​สั่ง พวก​คุณ​ก็​เป็น​เพื่อน​ของ​ผม+ 15 ผม​ไม่​เรียก​พวก​คุณ​ว่า​ทาส​อีก​แล้ว เพราะ​ทาส​ไม่​รู้​ว่า​นาย​ทำ​อะไร​บ้าง แต่​ผม​เรียก​พวก​คุณ​ว่า​เพื่อน เพราะ​ผม​บอก​พวก​คุณ​ให้​รู้​ทุก​อย่าง​ที่​ผม​ได้​ยิน​จาก​พ่อ​ของ​ผม 16 พวก​คุณ​ไม่​ได้​เลือก​ผม แต่​ผม​เป็น​ฝ่าย​เลือก​พวก​คุณ​เพื่อ​ให้​พวก​คุณ​เกิด​ผล​ต่อ ๆ ไป ซึ่ง​เป็น​ผล​ที่​จะ​คง​อยู่​ตลอด​ไป และ​ไม่​ว่า​พวก​คุณ​จะ​ขอ​อะไร​ใน​นาม​ของ​ผม พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​จะ​ให้​สิ่ง​นั้น​กับ​คุณ+

17 “ผม​บอก​พวก​คุณ​อย่าง​นี้​ก็​เพื่อ​ให้​พวก​คุณ​รัก​กัน+ 18 ถ้า​โลก​นี้​เกลียด​พวก​คุณ ก็​ให้​จำ​ไว้​ว่า​โลก​เกลียด​ผม​ก่อน+ 19 ถ้า​พวก​คุณ​เป็น​คน​ของ​โลก​นี้ โลก​ก็​จะ​รัก​คุณ แต่​ตอน​นี้​พวก​คุณ​ไม่​ได้​เป็น​คน​ของ​โลก​นี้​แล้ว+ เพราะ​ผม​เลือก​พวก​คุณ​ให้​อยู่​ต่าง​หาก​จาก​โลก โลก​นี้​จึง​เกลียด​คุณ+ 20 อย่า​ลืม​ที่​ผม​พูด​ไว้​ว่า ทาส​ไม่​ใหญ่​กว่า​นาย ถ้า​พวก​เขา​ข่มเหง​ผม พวก​เขา​จะ​ข่มเหง​พวก​คุณ​ด้วย+ ถ้า​พวก​เขา​ทำ​ตาม​คำ​สอน​ของ​ผม พวก​เขา​ก็​จะ​ทำ​ตาม​คำ​สอน​ของ​คุณ​ด้วย 21 พวก​เขา​จะ​ทำ​ไม่​ดี​กับ​พวก​คุณ​ต่าง ๆ นานา​เพราะ​พวก​คุณ​เป็น​สาวก​ของ​ผม และ​เพราะ​พวก​เขา​ไม่​รู้​จัก​ผู้​นั้น​ที่​ใช้​ผม​มา+ 22 ถ้า​ผม​ไม่​ได้​มา​เตือน​พวก​เขา พวก​เขา​ก็​คง​ไม่​ต้อง​รับ​โทษ+เพราะ​บาป​ของ​ตัว​เอง แต่​ตอน​นี้​พวก​เขา​ไม่​มี​ข้อ​แก้​ตัว​แล้ว+ 23 คน​ที่​เกลียด​ผม​ก็​เกลียด​พ่อ​ของ​ผม​ด้วย+ 24 ถ้า​ผม​ไม่​ได้​ทำ​การ​อัศจรรย์​แบบ​ที่​ไม่​เคย​มี​ใคร​ทำ​มา​ก่อน​ให้​พวก​เขา​เห็น พวก​เขา​ก็​คง​ไม่​ต้อง​รับ​โทษ​เพราะ​บาป+ แต่​ตอน​นี้ ทั้ง ๆ ที่​พวก​เขา​เห็น​แล้ว พวก​เขา​ก็​ยัง​เกลียด​ผม​และ​พ่อ​ของ​ผม​ด้วย 25 เรื่อง​นี้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​เขียน​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์​ว่า ‘พวก​เขา​เกลียด​ผม​โดย​ไม่​มี​สาเหตุ’+ 26 ผม​จะ​ส่ง​ผู้​ช่วย​จาก​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​มา​ให้​พวก​คุณ ผู้​ช่วย​นั้น​คือ​พลัง​ของ​พระองค์​ที่​ทำ​ให้​เห็น​ความ​จริง+ เมื่อ​มา​แล้ว ผู้​ช่วย​นั้น​จะ​เป็น​พยาน​ยืน​ยัน​ให้​ผม+ 27 และ​ให้​พวก​คุณ​เป็น​พยาน​ยืน​ยัน​ให้​ผม​ด้วย+ เพราะ​พวก​คุณ​อยู่​กับ​ผม​มา​ตั้ง​แต่​แรก

16 “ผม​บอก​เรื่อง​ทั้ง​หมด​นี้​เพื่อ​พวก​คุณ​จะ​ไม่​ท้อ​ถอย 2 พวก​คุณ​จะ​ถูก​ไล่​ออก​จาก​ที่​ประชุม​ของ​ชาว​ยิว+ ที่​จริง อีก​ไม่​นาน​ทุก​คน​ที่​ฆ่า​พวก​คุณ+จะ​คิด​ว่า​นั่น​เป็น​การ​รับใช้​พระเจ้า 3 พวก​เขา​จะ​ทำ​อย่าง​นั้น​ก็​เพราะ​ไม่​รู้​จัก​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​และ​ไม่​รู้​จัก​ผม+ 4 แต่​ผม​บอก​เรื่อง​ทั้ง​หมด​นี้​เพื่อ​ว่า เมื่อ​เหตุ​การณ์​นั้น​เกิด​ขึ้น พวก​คุณ​จะ​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ผม​บอก​พวก​คุณ​ไว้​แล้ว+

“ผม​ไม่​ได้​บอก​เรื่อง​ทั้ง​หมด​นี้​กับ​พวก​คุณ​แต่​แรก ก็​เพราะ​ที่​ผ่าน​มา​ผม​ยัง​อยู่​กับ​พวก​คุณ 5 ตอน​นี้​ผม​จะ​ไป​หา​พระองค์​ที่​ใช้​ผม​มา+ แต่​ไม่​เห็น​มี​พวก​คุณ​สัก​คน​ถาม​ว่า ‘อาจารย์​จะ​ไป​ไหน?’ 6 ก็​เพราะ​เรื่อง​ที่​ผม​บอก​ทำ​ให้​พวก​คุณ​ทุกข์​ใจ+ 7 ถึง​อย่าง​นั้น ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ที่​ผม​จะ​ไป​นั้น​ก็​เพื่อ​ประโยชน์​ของ​พวก​คุณ เพราะ​ถ้า​ผม​ไม่​ไป ผู้​ช่วย+จะ​ไม่​มา​หา​พวก​คุณ แต่​ถ้า​ผม​ไป ผม​ก็​จะ​ส่ง​ผู้​ช่วย​มา​หา​พวก​คุณ 8 เมื่อ​มา​แล้ว ผู้​ช่วย​นั้น​จะ​ทำ​ให้​โลก​รู้​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​บาป เกี่ยว​กับ​ความ​ถูก​ต้อง​ชอบธรรม และ​เกี่ยว​กับ​การ​ตัดสิน​ลง​โทษ​จาก​พระเจ้า 9 ใน​เรื่อง​บาป​นั้น+ ผู้​ช่วย​จะ​ทำ​ให้​เห็น​ชัด​ว่า​โลก​นี้​มี​บาป เพราะ​โลก​นี้​ไม่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ผม+ 10 ใน​เรื่อง​ความ​ถูก​ต้อง​ชอบธรรม​นั้น ผู้​ช่วย​จะ​ทำ​ให้​โลก​รู้​ว่า​สิ่ง​ที่​ผม​ทำ​นั้น​ถูก​ต้อง เพราะ​ผม​กำลัง​จะ​ไป​หา​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ แล้ว​พวก​คุณ​จะ​ไม่​เห็น​ผม​อีก 11 และ​ใน​เรื่อง​การ​ตัดสิน​ลง​โทษ​นั้น ผู้​ช่วย​จะ​ทำ​ให้​รู้​ว่า​พระเจ้า​จะ​ตัดสิน​ลง​โทษ​ใคร เพราะ​พระองค์​ตัดสิน​ลง​โทษ​ผู้​ปกครอง​โลก​นี้​แล้ว+

12 “ผม​ยัง​มี​อีก​หลาย​เรื่อง​ที่​จะ​บอก​พวก​คุณ แต่​ถ้า​จะ​บอก​ทั้ง​หมด​ตอน​นี้ พวก​คุณ​ยัง​เข้าใจ​ไม่​ได้+ 13 แต่​เมื่อ​ผู้​ช่วย​มา ซึ่ง​ก็​คือ​พลัง​ของ​พระเจ้า​ที่​ทำ​ให้​เห็น​ความ​จริง+ ผู้​ช่วย​นั้น​จะ​ช่วย​พวก​คุณ​ให้​เข้าใจ​ความ​จริง​ทั้ง​หมด ผู้​ช่วย​จะ​ไม่​พูด​เอง แต่​จะ​พูด​ตาม​ที่​ได้​ยิน​มา และ​จะ​บอก​ให้​พวก​คุณ​รู้​สิ่ง​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น+ 14 ผู้​ช่วย​จะ​ทำ​ให้​ผม​ได้​รับ​การ​ยกย่อง+เพราะ​จะ​ถ่ายทอด​สิ่ง​ที่​ได้​ยิน​จาก​ผม​ให้​พวก​คุณ+ 15 พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​สอน​ผม​ทุก​อย่าง​ที่​พระองค์​รู้+ ผม​ถึง​บอก​ว่า​ผู้​ช่วย​นั้น​จะ​ถ่ายทอด​สิ่ง​ที่​ได้​ยิน​จาก​ผม​ให้​พวก​คุณ 16 อีก​หน่อย​พวก​คุณ​จะ​ไม่​เห็น​ผม+ แล้ว​อีก​หน่อย​พวก​คุณ​จะ​ได้​เห็น​ผม”

17 เมื่อ​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น สาวก​บาง​คน​ก็​คุย​กัน​ว่า “ท่าน​หมาย​ถึง​อะไร​ที่​บอก​ว่า ‘อีก​หน่อย​พวก​คุณ​จะ​ไม่​เห็น​ผม แล้ว​อีก​หน่อย​พวก​คุณ​จะ​ได้​เห็น​ผม’ และ​ที่​บอก​ว่า ‘เพราะ​ผม​กำลัง​จะ​ไป​หา​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ’?” 18 พวก​เขา​จึง​พูด​กัน​ว่า “ที่​ท่าน​บอก​ว่า ‘อีก​หน่อย’ นั้น​หมาย​ถึง​อะไร? ไม่​เห็น​รู้​เรื่อง​เลย​ว่า​ท่าน​พูด​ถึง​อะไร” 19 พระ​เยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​อยาก​ถาม​เรื่อง​นี้ ท่าน​จึง​ถาม​พวก​เขา​ว่า “พวก​คุณ​คุย​กัน​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ที่​ผม​พูด​ใช่​ไหม ที่​ผม​บอก​ว่า ‘อีก​หน่อย​พวก​คุณ​จะ​ไม่​เห็น​ผม แล้ว​อีก​หน่อย​พวก​คุณ​จะ​ได้​เห็น​ผม’? 20 ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า พวก​คุณ​จะ​ร้องไห้​คร่ำครวญ+ แต่​โลก​จะ​ดีใจ พวก​คุณ​จะ​มี​ความ​ทุกข์ แต่​ความ​ทุกข์​นั้น​จะ​เปลี่ยน​เป็น​ความ​สุข+ 21 ผู้​หญิง​มี​ความ​ทุกข์​เมื่อ​ถึง​เวลา​คลอด แต่​พอ​คลอด​ลูก​แล้ว เธอ​ก็​ลืม​ความ​ทุกข์​ทรมาน​ไป​หมด เพราะ​มี​ความ​สุข​ที่​ได้​เห็น​เด็ก​คน​หนึ่ง​เกิด​มา​ใน​โลก 22 ก็​เหมือน​กับ​พวก​คุณ​ที่​ตอน​นี้​มี​ความ​ทุกข์ แต่​เรา​จะ​ได้​เจอ​กัน​อีก แล้ว​พวก​คุณ​จะ​มี​ความ​สุข+ จะ​ไม่​มี​ใคร​มา​แย่ง​ความ​สุข​นั้น​ไป​จาก​พวก​คุณ​ได้ 23 ใน​วัน​นั้น พวก​คุณ​จะ​ไม่​ถาม​อะไร​ผม​เลย ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ถ้า​พวก​คุณ​ขอ​อะไร​จาก​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ+ใน​นาม​ของ​ผม พระองค์​จะ​ให้​สิ่ง​นั้น​กับ​พวก​คุณ+ 24 ที่​ผ่าน​มา พวก​คุณ​ยัง​ไม่​เคย​ขอ​อะไร​ใน​นาม​ของ​ผม ขอ​สิ ขอ​ใน​นาม​ของ​ผม​แล้ว​พวก​คุณ​จะ​ได้​รับ และ​พวก​คุณ​จะ​มี​ความ​สุข​มาก

25 “ผม​เคย​ใช้​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เมื่อ​บอก​เรื่อง​ต่าง ๆ กับ​พวก​คุณ เมื่อ​ถึง​เวลา ผม​จะ​ไม่​ใช้​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​อีก แต่​ผม​จะ​บอก​พวก​คุณ​ตรง ๆ เรื่อง​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ 26 ใน​ตอน​นั้น พวก​คุณ​จะ​ขอ​จาก​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ใน​นาม​ของ​ผม แต่​นี่​ไม่​ได้​หมาย​ความ​ว่า​ผม​จะ​ขอ​แทน​พวก​คุณ 27 พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​รัก​พวก​คุณ เพราะ​พวก​คุณ​รัก​ผม+และ​เชื่อ​ว่า​ผม​เป็น​ตัว​แทน​ของ​พระองค์+ 28 ผม​เข้า​มา​ใน​โลก​ฐานะ​ตัว​แทน​ของ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ และ​ตอน​นี้​ผม​กำลัง​จะ​ไป​จาก​โลก​เพื่อ​กลับ​ไป​หา​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ”+

29 พวก​สาวก​จึง​พูด​ว่า “นี่​ไง ตอน​นี้​ท่าน​พูด​กับ​พวก​เรา​ตรง ๆ โดย​ไม่​ใช้​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​แล้ว 30 พวก​เรา​เห็น​แล้ว​ว่า​ท่าน​รู้​ทุก​อย่าง และ​ท่าน​ไม่​ต้อง​รอ​ให้​คน​มา​ถาม เพราะ​ท่าน​รู้​หมด​ว่า​ใคร​คิด​อะไร​อยู่ นี่​แหละ พวก​เรา​ถึง​ได้​เชื่อ​ว่า​ท่าน​มา​จาก​พระเจ้า” 31 พระ​เยซู​ถาม​พวก​เขา​ว่า “พวก​คุณ​เชื่อ​จริง ๆ หรือ? 32 คอย​ดู​นะ ใกล้​จะ​ถึง​เวลา​แล้ว ที่​จริง ถึง​เวลา​แล้ว​ด้วย​ซ้ำ​ที่​พวก​คุณ​จะ​กระจัด​กระจาย​กลับ​ไป​บ้าน​ของ​ตัว​เอง และ​จะ​ทิ้ง​ผม​ไว้​คน​เดียว+ แต่​ผม​ไม่​ได้​อยู่​คน​เดียว เพราะ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​อยู่​กับ​ผม+ 33 ผม​บอก​เรื่อง​ทั้ง​หมด​นี้​เพื่อ​พวก​คุณ​จะ​มี​ความ​สงบ​สุข​เพราะ​ผม+ ใน​โลก​นี้​พวก​คุณ​จะ​มี​ความ​ยาก​ลำบาก+ แต่​ขอ​ให้​กล้า​หาญ​ไว้ ผม​ชนะ​โลก​แล้ว”+

17 เมื่อ​พระ​เยซู​พูด​อย่าง​นั้น​แล้ว ก็​เงย​หน้า​มอง​ฟ้า และ​พูด​ว่า “พ่อ​ครับ ถึง​เวลา​แล้ว ขอ​แต่ง​ตั้ง​ผม​ที่​เป็น​ลูก​ของ​พระองค์​ให้​มี​เกียรติ เพื่อ​ผม​จะ​ได้​ยกย่อง​พระองค์+ 2 พระองค์​ให้​ลูก​ของ​พระองค์​มี​อำนาจ​เหนือ​มนุษย์​ทุก​คน​แล้ว+ เพื่อ​ผม​จะ​ให้​ชีวิต​ตลอด​ไป+กับ​ทุก​คน​ที่​พระองค์​ยก​ให้​ผม+ 3 พวก​เขา​จะ​ได้​ชีวิต​ตลอด​ไป+ ถ้า​พวก​เขา​มา​รู้​จัก​พระองค์​ที่​เป็น​พระเจ้า​เที่ยง​แท้​องค์​เดียว+ และ​รู้​จัก​คน​ที่​พระองค์​ใช้​มา คือ​เยซู​คริสต์+ 4 ผม​ได้​ยกย่อง​พระองค์​บน​โลก​นี้​แล้ว+ และ​ทำ​งาน​ที่​พระองค์​มอบหมาย​ให้​ทำ​จน​สำเร็จ+ 5 พ่อ​ครับ ตอน​นี้ ขอ​ให้​ผม​ได้​รับ​เกียรติ​ที่​จะ​อยู่​เคียง​ข้าง​พระองค์ คือ​เกียรติ​ที่​ผม​เคย​มี​ตอน​ที่​อยู่​เคียง​ข้าง​พระองค์​ก่อน​จะ​มี​โลก​นี้+

6 “คน​ที่​พระองค์​แยก​ออก​จาก​โลก​นี้​และ​ยก​ให้​ผม ผม​ช่วย​พวก​เขา​ให้​รู้​จัก​ชื่อ​ของ​พระองค์​แล้ว+ พวก​เขา​เป็น​คน​ของ​พระองค์ พระองค์​ยก​พวก​เขา​ให้​ผม และ​พวก​เขา​ทำ​ตาม​คำ​สอน​ของ​พระองค์ 7 เดี๋ยว​นี้​พวก​เขา​รู้​แล้ว​ว่า ทุก​อย่าง​ที่​ผม​ได้​รับ​มา​นั้น​ก็​มา​จาก​พระองค์ 8 เพราะ​ผม​บอก​ทุก​อย่าง​ตาม​ที่​พระองค์​สอน​ไว้+ และ​พวก​เขา​รับ​คำ​สอน​นั้น​แล้ว พวก​เขา​มั่น​ใจ​ว่า​ผม​เป็น​ตัว​แทน​ของ​พระองค์+ และ​เชื่อ​ว่า​พระองค์​ใช้​ผม​มา+ 9 ผม​ขอ​เพื่อ​พวก​เขา ผม​ไม่​ได้​ขอ​เพื่อ​โลก​นี้ แต่​ขอ​เพื่อ​คน​ที่​พระองค์​ยก​ให้​ผม เพราะ​พวก​เขา​เป็น​คน​ของ​พระองค์ 10 ทุก​สิ่ง​ของ​ผม​ก็​เป็น​ของ​พระองค์ และ​ทุก​สิ่ง​ของ​พระองค์​ก็​เป็น​ของ​ผม+ และ​พวก​เขา​ยกย่อง​ให้​เกียรติ​ผม​แล้ว

11 “ผม​จะ​ไม่​อยู่​ใน​โลก​นี้​แล้ว แต่​พวก​เขา​ยัง​อยู่​ใน​โลก​ต่อ​ไป+ ผม​จะ​ไป​หา​พระองค์ พ่อ​ผู้​บริสุทธิ์ ขอ​ดู​แล​พวก​เขา+เพื่อ​เห็น​แก่​ชื่อ​ของ​พระองค์​ที่​ให้​ผม​ไว้ ให้​พวก​เขา​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน เหมือน​ที่​ผม​กับ​พระองค์​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน+ 12 ตอน​ที่​ผม​อยู่​กับ​พวก​เขา ผม​ดู​แล​พวก​เขา+เพื่อ​เห็น​แก่​ชื่อ​ของ​พระองค์​ที่​ให้​ผม​ไว้ และ​ผม​ปก​ป้อง​พวก​เขา​ไว้​ไม่​ให้​พินาศ​สัก​คน​เดียว+ นอก​จาก​คน​นั้น​ที่​จะ​ต้อง​พินาศ+ตาม​ที่​เขียน​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์+ 13 ตอน​นี้ ผม​กำลัง​จะ​ไป​หา​พระองค์ และ​ผม​พูด​ถึง​สิ่ง​เหล่า​นี้​ตอน​ที่​ยัง​อยู่​ใน​โลก เพื่อ​พวก​เขา​จะ​มี​ความ​สุข​ความ​ยินดี​มาก​เหมือน​กับ​ผม+ 14 ผม​ถ่ายทอด​คำ​สอน​ของ​พระองค์​ให้​พวก​เขา​แล้ว แต่​โลก​นี้​เกลียด​พวก​เขา+ เพราะ​พวก​เขา​ไม่​ได้​เป็น​คน​ของ​โลก+ เหมือน​ที่​ผม​ไม่​ได้​เป็น​คน​ของ​โลก

15 “ผม​ไม่​ได้​ขอ​พระองค์​ให้​เอา​พวก​เขา​ออก​ไป​จาก​โลก แต่​ขอ​ให้​ปก​ป้อง​พวก​เขา​จาก​ตัว​ชั่ว​ร้าย+ 16 พวก​เขา​ไม่​ได้​เป็น​คน​ของ​โลก+ เหมือน​ที่​ผม​ไม่​ได้​เป็น​คน​ของ​โลก+ 17 ถ้อย​คำ​ของ​พระองค์​เป็น​ความ​จริง+ ขอ​ให้​ความ​จริง​นี้​ทำ​ให้​พวก​เขา​บริสุทธิ์+ 18 ผม​ใช้​พวก​เขา​ไป​ใน​โลก เหมือน​ที่​พระองค์​ใช้​ผม​เข้า​มา​ใน​โลก+ 19 ผม​รักษา​ตัว​เอง​ให้​บริสุทธิ์​เพื่อ​ประโยชน์​ของ​พวก​เขา เพื่อ​พวก​เขา​จะ​เป็น​คน​บริสุทธิ์​ได้​ด้วย​ความ​จริง

20 “ผม​ไม่​ได้​ขอ​เพื่อ​พวก​เขา​เท่า​นั้น แต่​ขอ​เพื่อ​คน​ที่​เชื่อ​ผม​เพราะ​ได้​ฟัง​พวก​เขา​ด้วย 21 พวก​เขา​จะ​ได้​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน+ เหมือน​ที่​พระองค์​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​ผม+ และ​ผม​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​พระองค์ พวก​เขา​จะ​ได้​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​พวก​เรา​ด้วย เพื่อ​โลก​จะ​เชื่อ​ว่า​พระองค์​ใช้​ผม​มา 22 ผม​ทำ​ให้​พวก​เขา​มี​เกียรติ เหมือน​ที่​พระองค์​ทำ​ให้​ผม​มี​เกียรติ เพื่อ​พวก​เขา​จะ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน เหมือน​ที่​พวก​เรา​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน+ 23 ผม​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​พวก​เขา และ​พระองค์​ก็​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​ผม เพื่อ​พวก​เขา​เอง​จะ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน​อย่าง​แท้​จริง+ โลก​จะ​ได้​รู้​ว่า​พระองค์​ใช้​ผม​มา และ​รู้​ว่า​พระองค์​รัก​พวก​เขา​เหมือน​ที่​รัก​ผม 24 พ่อ​ครับ ผม​ขอ​ให้​คน​ที่​พระองค์​ยก​ให้​ผม​ได้​อยู่​ที่​เดียว​กับ​ผม+ เพื่อ​พวก​เขา​จะ​ได้​เห็น​เกียรติ​ที่​ผม​ได้​รับ​จาก​พระองค์ เพราะ​พระองค์​รัก​ผม​ตั้ง​แต่​ก่อน​มี​โลก​นี้+ 25 พ่อ​ยุติธรรม​เสมอ โลก​ไม่​รู้​จัก​พระองค์​เลย+ แต่​ผม​รู้​จัก​พระองค์+ และ​พวก​เขา​ที่​อยู่​ที่​นี่​รู้​แล้ว​ว่า​พระองค์​ใช้​ผม​มา 26 ผม​ทำ​ให้​พวก​เขา​รู้​จัก​ชื่อ​ของ​พระองค์​แล้ว และ​จะ​ทำ​ให้​พวก​เขา​รู้​จัก​ดี​ขึ้น​อีก+ เพื่อ​พวก​เขา​จะ​มี​ความ​รัก​แบบ​เดียว​กับ​ที่​พระองค์​รัก​ผม และ​ผม​จะ​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กับ​พวก​เขา”+

18 เมื่อ​พระ​เยซู​อธิษฐาน​เสร็จ​แล้ว​ก็​ออก​ไป​กับ​พวก​สาวก ข้าม​หุบเขา​ขิดโรน+ แล้ว​เข้า​ไป​ใน​สวน​แห่ง​หนึ่ง+ 2 ยูดาส​คน​ที่​ทรยศ​พระ​เยซู​ก็​รู้​จัก​สวน​นั้น​ด้วย+ เพราะ​พระ​เยซู​ไป​ที่​นั่น​กับ​พวก​สาวก​บ่อย ๆ 3 ยูดาส​จึง​พา​ทหาร​กลุ่ม​หนึ่ง​กับ​เจ้าหน้าที่​ของ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​และ​ของ​พวก​ฟาริสี​ไป​ที่​นั่น พวก​เขา​ถือ​คบไฟ ตะเกียง และ​อาวุธ​มา​ด้วย+ 4 พระ​เยซู​รู้​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​ท่าน ท่าน​จึง​ก้าว​ออก​มา​และ​ถาม​พวก​เขา​ว่า “มา​ตาม​หา​ใคร?” 5 พวก​เขา​ตอบ​ว่า “เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ”+ พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “ผม​เอง” ยูดาส​คน​ทรยศ​ก็​ยืน​อยู่​กับ​พวก​เขา​ด้วย+

6 เมื่อ​พระ​เยซู​พูด​ว่า “ผม​เอง” พวก​เขา​ถึง​กับ​ผงะ​ถอย​หลัง​ล้ม​ลง​กับ​พื้น+ 7 ท่าน​จึง​ถาม​อีก​ครั้ง​ว่า “มา​ตาม​หา​ใคร?” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ” 8 พระ​เยซู​บอก​ว่า “ก็​บอก​แล้ว​ว่า​ผม​นี่​แหละ ถ้า​พวก​คุณ​มา​ตาม​หา​ผม ก็​ปล่อย​คน​พวก​นี้​ไป​เถอะ” 9 ที่​พระ​เยซู​ทำ​อย่าง​นี้​ก็​เพื่อ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​ท่าน​เคย​บอก​ไว้​ว่า “ผม​ปก​ป้อง​คน​ที่​พระองค์​ยก​ให้​ผม​ไว้ ไม่​ให้​หาย​ไป​แม้​แต่​คน​เดียว”+

10 ซีโมน​เปโตร​มี​ดาบ​อยู่​เล่ม​หนึ่ง เขา​ชัก​ดาบ​ออก​ฟัน​ทาส​ของ​มหา​ปุโรหิต​โดน​หู​ขวา​ขาด+ ทาส​คน​นั้น​ชื่อ​มัลคัส 11 แต่​พระ​เยซู​บอก​เปโตร​ว่า “เก็บ​ดาบ​ใส่​ฝัก​ซะ+ ถ้วย​ที่​พ่อ​ให้​ผม​ดื่ม ผม​จะ​ไม่​ดื่ม​ได้​หรือ?”+

12 แล้ว​ทหาร​กับ​ผู้​บังคับ​บัญชา​และ​เจ้าหน้าที่​ของ​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​ก็​จับ​พระ​เยซู​มัด​ไว้ 13 แล้ว​พา​ไป​หา​อันนาส​ก่อน เพราะ​เขา​เป็น​พ่อตา​ของ​เคยาฟาส+ที่​เป็น​มหา​ปุโรหิต​ใน​ปี​นั้น+ 14 เคยาฟาส​คน​นี้​เคย​แนะ​นำ​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​ว่า จะ​เป็น​ประโยชน์​กับ​พวก​เขา​เอง ถ้า​ให้​คน​หนึ่ง​ตาย​แทน​ประชาชน+

15 ซีโมน​เปโตร​กับ​สาวก​อีก​คน​หนึ่ง​ตาม​พระ​เยซู​ไป+ สาวก​คน​นั้น​รู้​จัก​กับ​มหา​ปุโรหิต เขา​จึง​ตาม​พระ​เยซู​เข้า​ไป​ใน​ลาน​บ้าน​ของ​มหา​ปุโรหิต 16 แต่​เปโตร​ยืน​อยู่​ตรง​ทาง​เข้า แล้ว​สาวก​คน​ที่​รู้​จัก​กับ​มหา​ปุโรหิต​ก็​ออก​มา​พูด​กับ​สาว​ใช้​ที่​เฝ้า​ประตู​อยู่ และ​พา​เปโตร​เข้า​ไป​ข้าง​ใน 17 สาว​ใช้​คน​นั้น​ถาม​เปโตร​ว่า “คุณ​เป็น​สาวก​ของ​คน​นั้น​ด้วย​ไม่​ใช่​หรือ?” เขา​ตอบ​ว่า “เปล่า ผม​ไม่​ได้​เป็น”+ 18 พวก​ทาส​กับ​เจ้าหน้าที่​เอา​ถ่าน​มา​ก่อ​กอง​ไฟ แล้ว​ยืน​ผิง​ไฟ​กัน​อยู่​เพราะ​อากาศ​หนาว เปโตร​ก็​เข้า​ไป​ยืน​ผิง​ไฟ​กับ​พวก​เขา​ด้วย

19 ปุโรหิต​ใหญ่​ซัก​ถาม​พระ​เยซู​เกี่ยว​กับ​พวก​สาวก​และ​คำ​สอน​ของ​ท่าน 20 พระ​เยซู​ตอบ​เขา​ว่า “ผม​พูด​ต่อ​หน้า​ทุก​คน​อย่าง​เปิด​เผย ผม​สอน​อยู่​ใน​ที่​ประชุม​และ​ใน​วิหาร+ที่​พวก​ยิว​ทุก​คน​มา​ชุมนุม​กัน ผม​ไม่​ได้​พูด​อะไร​ใน​ที่​ลับ​เลย 21 มา​ถาม​ผม​ทำไม? ไป​ถาม​คน​ที่​ได้​ยิน​ผม​พูด​สิ พวก​เขา​ก็​รู้” 22 พอ​พระ​เยซู​พูด​อย่าง​นั้น เจ้าหน้าที่​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ยืน​อยู่​ใกล้ ๆ ก็​ตบ​หน้า​พระ​เยซู+และ​พูด​ว่า “ตอบ​ปุโรหิต​ใหญ่​แบบ​นี้​ได้​ยัง​ไง?” 23 พระ​เยซู​ตอบ​เขา​ว่า “ถ้า​ผม​พูด​อะไร​ผิด ก็​เอา​หลักฐาน​มา​ยืน​ยัน​สิ แต่​ถ้า​ผม​พูด​ถูก มา​ตบ​ผม​ทำไม?” 24 แล้ว​อันนาส​ก็​ให้​คน​ส่ง​ตัว​พระ​เยซู​ที่​ถูก​มัด​อยู่​ไป​ให้​มหา​ปุโรหิต​เคยาฟาส+

25 ส่วน​ซีโมน​เปโตร​ยืน​ผิง​ไฟ​อยู่ คน​ที่​อยู่​ที่​นั่น​ก็​ถาม​เขา​ว่า “คุณ​เป็น​สาวก​ของ​คน​นั้น​ด้วย​ไม่​ใช่​หรือ?” เขา​ปฏิเสธ​ว่า “เปล่า ผม​ไม่​ได้​เป็น”+ 26 ทาส​คน​หนึ่ง​ของ​มหา​ปุโรหิต ซึ่ง​เป็น​ญาติ​กับ​คน​ที่​ถูก​เปโตร​ฟัน​หู​ขาด+พูด​ขึ้น​มา​ว่า “ผม​เห็น​คุณ​อยู่​กับ​คน​นั้น​ใน​สวน​ด้วย​นี่” 27 เปโตร​ปฏิเสธ​อีก ทันใด​นั้น​ไก่​ก็​ขัน+

28 ตอน​เช้า​ตรู่ พวก​เขา​เอา​ตัว​พระ​เยซู​จาก​บ้าน​ของ​เคยาฟาส​ไป​ที่​บ้าน​ผู้​ว่า​ราชการ+ แต่​พวก​เขา​ไม่​ยอม​เข้า​ไป​ใน​บ้าน เพราะ​ถือ​ว่า​จะ​ทำ​ให้​ตัว​เขา​ไม่​สะอาด+และ​จะ​กิน​อาหาร​ปัสกา​ไม่​ได้ 29 ปีลาต​จึง​ออก​มา​หา​พวก​เขา​ข้าง​นอก​และ​ถาม​ว่า “พวก​คุณ​ฟ้อง​ผู้​ชาย​คน​นี้​ด้วย​ข้อ​หา​อะไร?” 30 พวก​เขา​ตอบ​ปีลาต​ว่า “ถ้า​คน​นี้​ไม่​ได้​ทำ​อะไร​ผิด* พวก​เรา​คง​ไม่​ส่ง​ตัว​มา​ให้​ท่าน​หรอก” 31 ปีลาต​จึง​บอก​พวก​เขา​ว่า “เอา​ตัว​เขา​ไป​พิพากษา​กัน​เอง​ตาม​กฎหมาย​ของ​พวก​คุณ​เถอะ”+ ผู้​นำ​ชาว​ยิว​บอก​ว่า “พวก​เรา​ไม่​มี​อำนาจ​จะ​ประหาร​ใคร”+ 32 เรื่อง​นี้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​พระ​เยซู​เคย​บอก​ไว้​ว่า​ท่าน​จะ​ตาย​อย่าง​ไร+

33 ปีลาต​กลับ​เข้า​ไป​ใน​บ้าน แล้ว​เรียก​พระ​เยซู​มา​ถาม​ว่า “คุณ​เป็น​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว​หรือ?”+ 34 พระ​เยซู​พูด​ว่า “ที่​ถาม​อย่าง​นี้ คุณ​คิด​เอง​หรือ​ว่า​มี​คน​บอก​คุณ?” 35 ปีลาต​ตอบ​ว่า “ผม​ไม่​ใช่​คน​ยิว​ซะ​หน่อย คน​ชาติ​เดียว​กับ​คุณ​และ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​ส่ง​ตัว​คุณ​มา​ให้​ผม คุณ​ไป​ทำ​อะไร​มา?” 36 พระ​เยซู​ตอบ​ว่า+ “รัฐบาล*ของ​ผม​ไม่​ได้​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​โลก​นี้+ ถ้า​รัฐบาล​ของ​ผม​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​โลก​นี้ คน​ของ​ผม​ก็​คง​ต่อ​สู้​ไม่​ให้​พวก​ยิว​จับ​ผม​ได้+ แต่​จริง ๆ แล้ว รัฐบาล​ของ​ผม​ไม่​ได้​รับ​อำนาจ​จาก​โลก​นี้” 37 ปีลาต​จึง​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น คุณ​เป็น​กษัตริย์​หรือ​เปล่า?” พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “ผม​เป็น​กษัตริย์​อย่าง​ที่​คุณ​ว่า+ และ​เหตุ​ผล​ที่​ผม​เกิด​มา​และ​เข้า​มา​ใน​โลก​ก็​เพื่อ​เป็น​พยาน​ยืน​ยัน​ความ​จริง+ ทุก​คน​ที่​รัก​ความ​จริง​จะ​ฟัง​ผม”+ 38 ปีลาต​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “แล้ว​ความ​จริง​คือ​อะไร​ล่ะ?”

พอ​พูด​อย่าง​นั้น​แล้ว เขา​ก็​ออก​ไป​หา​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​อีก​และ​พูด​ว่า “ผม​ไม่​เห็น​ว่า​คน​นี้​มี​ความ​ผิด​อะไร+ 39 อีก​อย่าง พวก​คุณ​มี​ธรรมเนียม​ให้​ผม​ปล่อย​นัก​โทษ​คน​หนึ่ง​ให้​คุณ​ใน​ช่วง​เทศกาล​ปัสกา+ อยาก​ให้​ปล่อย​ตัว​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว​ไหม?” 40 คน​พวก​นั้น​ตะโกน​ว่า “ไม่​เอา​คน​นี้ จะ​เอา​บารับบัส” บารับบัส​คน​นี้​เป็น​โจร+

19 ปีลาต​จึง​ให้​เอา​ตัว​พระ​เยซู​ไป​เฆี่ยน+ 2 พวก​ทหาร​เอา​หนาม​สาน​เป็น​มงกุฎ​มา​สวม​หัว​พระ​เยซู และ​เอา​เสื้อ​คลุม​สี​ม่วง​ใส่​ให้​ท่าน+ 3 แล้ว​พวก​เขา​ก็​เวียน​กัน​มา​เยาะเย้ย​พระ​เยซู​ว่า “ขอ​คำนับ​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว” พวก​เขา​ยัง​ตบ​หน้า​ท่าน​ด้วย+ 4 ปีลาต​ออก​ไป​พูด​กับ​พวก​ยิว​อีก​ว่า “ดู​นี่ ผม​พา​เขา​ออก​มา​ให้​ดู พวก​คุณ​จะ​ได้​รู้​ว่า​ผม​ไม่​เห็น​ว่า​เขา​มี​ความ​ผิด​อะไร”+ 5 พระ​เยซู​ออก​มา​ทั้ง​ที่​สวม​มงกุฎ​หนาม​และ​เสื้อ​คลุม​สี​ม่วง ปีลาต​พูด​กับ​พวก​ยิว​ว่า “ดู​ผู้​ชาย​คน​นี้​สิ” 6 แต่​เมื่อ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​พวก​เจ้าหน้าที่​เห็น​พระ​เยซู พวก​เขา​ก็​ตะโกน​ว่า “ตรึง​เขา​บน​เสา! ตรึง​เขา​บน​เสา!”*+ ปีลาต​บอก​พวก​เขา​ว่า “พวก​คุณ​เอา​เขา​ไป​ตรึง​เอง​สิ* ผม​ไม่​เห็น​ว่า​เขา​มี​ความ​ผิด​อะไร”+ 7 พวก​ยิว​พูด​ว่า “พวก​เรา​มี​กฎหมาย และ​ตาม​กฎหมาย​นั้น​เขา​สม​ควร​ตาย+ เพราะ​เขา​ตั้ง​ตัว​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า”+

8 พอ​ปีลาต​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น​ก็​ยิ่ง​กลัว 9 จึง​กลับ​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​และ​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “คุณ​มา​จาก​ไหน​กัน​แน่?” แต่​พระ​เยซู​ไม่​ตอบ+ 10 ปีลาต​พูด​ว่า “ไม่​ยอม​พูด​กับ​ผม​หรือ? ไม่​รู้​หรือ​ว่า​ผม​มี​อำนาจ​จะ​ปล่อย​คุณ​หรือ​จะ​ประหาร​คุณ*ก็​ได้?” 11 พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “คุณ​จะ​มี​อำนาจ​เหนือ​ผม​ไม่​ได้​หรอก​ถ้า​ไม่​ได้​รับ​อำนาจ​จาก​พระเจ้า+ เพราะ​อย่าง​นี้​แหละ คน​ที่​มอบ​ผม​ไว้​ใน​มือ​คุณ​ก็​มี​ความ​ผิด​มาก​กว่า​คุณ”

12 ปีลาต​จึง​พยายาม​หา​ทาง​ปล่อย​พระ​เยซู แต่​พวก​ยิว​ตะโกน​ว่า “ถ้า​ท่าน​ปล่อย​เขา ท่าน​ก็​เป็น​ศัตรู​กับ​ซีซาร์ ทุก​คน​ที่​ตั้ง​ตัว​เป็น​กษัตริย์​ก็​ต่อ​ต้าน​ซีซาร์”+ 13 เมื่อ​ปีลาต​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น​ก็​พา​พระ​เยซู​ออก​มา แล้ว​เขา​ก็​นั่ง​บน​บัลลังก์​พิพากษา​ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​ตรง​ที่​ที่​เรียก​ว่า ลาน​หิน ภาษา​ฮีบรู​เรียก​ว่า​กับบาธา 14 ตอน​นั้น​เป็น​เวลา​ประมาณ​เที่ยง​วัน​ของ​วัน​เตรียม+สำหรับ​ปัสกา ปีลาต​พูด​กับ​พวก​ยิว​ว่า “ดู​สิ กษัตริย์​ของ​พวก​คุณ” 15 แต่​พวก​ยิว​ตะโกน​ว่า “ฆ่า​เขา​ซะ ฆ่า​เขา​ซะ ตรึง​เขา​บน​เสา!”* ปีลาต​ถาม​พวก​เขา​ว่า “จะ​ให้​ผม​ประหาร​กษัตริย์​ของ​พวก​คุณ​หรือ?” พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​ตอบ​ว่า “พวก​เรา​ไม่​มี​กษัตริย์​อื่น​นอก​จาก​ซีซาร์” 16 ปีลาต​จึง​มอบ​พระ​เยซู​ให้​พวก​เขา​เอา​ไป​ประหาร​บน​เสา+

พวก​ทหาร​ก็​คุม​ตัว​พระ​เยซู​ไป 17 พระ​เยซู​แบก​เสา​ทรมาน​ของ​ตัว​เอง และ​ท่าน​ออก​ไป​ถึง​ที่​แห่ง​หนึ่ง+ที่​มี​ชื่อ​ภาษา​ฮีบรู​ว่า​กลโกธา ซึ่ง​แปล​ว่า​กะโหลก+ 18 แล้ว​พวก​ทหาร​ก็​ตรึง​พระ​เยซู​บน​เสา+ มี​ผู้​ชาย​อีก 2 คน​ถูก​ตรึง​อยู่​ด้วย​ข้าง​ละ​คน พระ​เยซู​อยู่​ตรง​กลาง+ 19 ปีลาต​ให้​เขียน​ป้าย​ติด​ไว้​บน​เสา​ทรมาน​ด้วย ซึ่ง​อ่าน​ว่า “เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว”+ 20 คน​ยิว​หลาย​คน​ได้​อ่าน​ป้าย​นั้น เพราะ​ที่​ที่​พระ​เยซู​ถูก​ตรึง​บน​เสา​อยู่​ใกล้​เมือง และ​ป้าย​นั้น​เขียน​เป็น​ภาษา​ฮีบรู ละติน และ​กรีก 21 แต่​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​ของ​ชาว​ยิว​บอก​ปีลาต​ว่า “อย่า​เขียน​ว่า ‘กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว’ แต่​ให้​เขียน​ว่า ‘คน​นี้​อ้าง​ว่า​เป็น​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว’” 22 ปีลาต​บอก​ว่า “ผม​จะ​เขียน​อย่าง​นี้​แหละ”

23 พอ​พวก​ทหาร​ตรึง​พระ​เยซู​บน​เสา​แล้ว ก็​เอา​เสื้อ​ชั้น​นอก​ของ​ท่าน​มา​แบ่ง​เป็น 4 ส่วน แล้ว​เอา​ไป​คน​ละ​ส่วน แต่​พอ​พวก​เขา​หยิบ​เสื้อ​ตัว​ใน​มา ก็​เห็น​ว่า​เสื้อ​นั้น​ไม่​มี​ตะเข็บ เป็น​แบบ​ที่​ทอ​เป็น​ชิ้น​เดียว​ตลอด​ทั้ง​ตัว 24 พวก​เขา​จึง​พูด​กัน​ว่า “อย่า​ฉีก​เลย มา​จับ​ฉลาก​กัน​ดี​กว่า​ว่า​ใคร​จะ​ได้”+ เรื่อง​นี้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​เขียน​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์​ว่า “พวก​เขา​เอา​เสื้อ​ผ้า​ของ​ผม​แบ่ง​กัน และ​เอา​เสื้อ​ผม​มา​จับ​ฉลาก​กัน”+ พวก​ทหาร​ก็​ทำ​อย่าง​นั้น​จริง ๆ

25 มี​คน​ยืน​อยู่​ใกล้ ๆ เสา​ทรมาน​ของ​พระ​เยซู คือ แม่+กับ​น้า​สาว​ของ​ท่าน รวม​ทั้ง​มารีย์​ภรรยา​ของ​โคลปัส และ​มารีย์​มักดาลา+ 26 เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​แม่​กับ​สาวก​ที่​ท่าน​รัก+ยืน​อยู่​ใกล้ ๆ ท่าน​ก็​บอก​กับ​แม่​ว่า “แม่​ครับ ตั้ง​แต่​นี้​ไป​เขา​เป็น​ลูก​ของ​แม่​นะ” 27 แล้ว​บอก​สาวก​คน​นั้น​ว่า “นี่​คือ​แม่​ของ​คุณ” ตั้ง​แต่​นั้น​มา สาวก​คน​นั้น​ก็​รับ​มารีย์​ไป​อยู่​ด้วย

28 หลัง​จาก​นั้น เมื่อ​พระ​เยซู​รู้​ว่า​ทำ​ทุก​อย่าง​สำเร็จ​แล้ว และ​เพื่อ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​เขียน​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์ ท่าน​จึง​พูด​ว่า “หิว​น้ำ”+ 29 ที่​นั่น​มี​ไห​ใส่​เหล้า​องุ่น​เปรี้ยว​วาง​อยู่​ไห​หนึ่ง พวก​เขา​จึง​เอา​ฟองน้ำ​ชุบ​เหล้า​องุ่น​เปรี้ยว​เสียบ​ปลาย​กิ่ง​หุสบ แล้ว​ชู​ขึ้น​ให้​ถึง​ปาก​พระ​เยซู+ 30 พระ​เยซู​ชิม​เหล้า​องุ่น​เปรี้ยว​แล้ว​พูด​ว่า “สำเร็จ​แล้ว”+ จาก​นั้น​ท่าน​ก็​คอ​พับ​และ​สิ้น​ใจ​ตาย+

31 วัน​นั้น​เป็น​วัน​เตรียม+ พวก​ยิว​จึง​ขอ​ปีลาต​สั่ง​ให้​ทุบ​ขา​ของ​คน​ที่​ถูก​ตรึง​ให้​หัก​แล้ว​เอา​ศพ​ลง​มา เพื่อ​ไม่​ให้​ศพ​ค้าง​อยู่​บน​เสา​ทรมาน+ใน​วัน​สะบาโต (เพราะ​วัน​สะบาโต​นั้น​เป็น​วัน​สะบาโต​พิเศษ)+ 32 พวก​ทหาร​จึง​มา​ทุบ​ขา​ของ​สอง​คน​นั้น​ที่​ถูก​ตรึง​บน​เสา​ข้าง ๆ พระ​เยซู 33 แต่​พอ​มา​ถึง​พระ​เยซู พวก​เขา​เห็น​ว่า​ท่าน​ตาย​แล้ว จึง​ไม่​ได้​ทุบ​ขา​ของ​ท่าน​ให้​หัก 34 ทหาร​คน​หนึ่ง​เอา​หอก​แทง​สีข้าง​พระ​เยซู+ เลือด​กับ​น้ำ​ก็​ไหล​ออก​มา​ทันที 35 คน​ที่​เล่า​เรื่อง​นี้​เป็น​คน​ที่​เห็น​เหตุ​การณ์ คำ​บอก​เล่า​ของ​เขา​เป็น​ความ​จริง เขา​รู้​ว่า​เรื่อง​ที่​เขา​เล่า​เป็น​เรื่อง​จริง เพื่อ​พวก​คุณ​จะ​ได้​เชื่อ​ด้วย+ 36 เหตุ​การณ์​นี้​เกิด​ขึ้น​จริง​ตาม​ที่​เขียน​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์​ว่า “กระดูก​ของ​เขา​จะ​ไม่​หัก​แม้​แต่​ท่อน​เดียว”+ 37 และ​ตาม​ที่​เขียน​ไว้​อีก​ข้อ​หนึ่ง​ว่า “พวก​เขา​จะ​มอง​ดู​คน​ที่​พวก​เขา​แทง”+

38 หลัง​จาก​นั้น โยเซฟ​จาก​เมือง​อาริมาเธีย​ไป​หา​ปีลาต​เพื่อ​ขอ​ศพ​พระ​เยซู โยเซฟ​คน​นี้​เป็น​สาวก​คน​หนึ่ง​ของ​พระ​เยซู​ที่​ไม่​เปิด​เผย​ตัว​เพราะ​กลัว​พวก​ยิว+ เมื่อ​ปีลาต​อนุญาต โยเซฟ​จึง​มา​เอา​ศพ​พระ​เยซู​ไป+ 39 นิโคเดมัส+ที่​เคย​ไป​หา​พระ​เยซู​ตอน​กลางคืน​ก็​มา และ​เอา​ผง​มดยอบ​ผสม​กฤษณา​หนัก​ประมาณ 30 กิโลกรัม​มา​ด้วย+ 40 พวก​เขา​จึง​เอา​ผ้า​ลินิน​มา​พัน​ศพ​พระ​เยซู พร้อม​กับ​ใส่​เครื่อง​หอม+ตาม​ธรรมเนียม​การ​ฝัง​ศพ​ของ​ชาว​ยิว+ 41 ใกล้ ๆ กับ​ที่​ที่​พระ​เยซู​ถูก​ตรึง*มี​สวน​แห่ง​หนึ่ง ใน​สวน​นั้น​มี​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ใหม่+ที่​ยัง​ไม่​เคย​ใช้​ฝัง​ศพ​ใคร​เลย 42 พวก​เขา​เอา​ศพ​พระ​เยซู​ไป​ไว้​ใน​อุโมงค์​นั้น​เพราะ​อยู่​ใกล้ และ​วัน​นั้น​เป็น​วัน​เตรียม+ของ​ชาว​ยิว

20 ตอน​เช้า​มืด​วัน​แรก​ของ​สัปดาห์ มารีย์​มักดาลา​ก็​ไป​ที่​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​พระ​เยซู+ และ​เห็น​ว่า​หิน​ที่​ปิด​ปาก​อุโมงค์​ถูก​กลิ้ง​ออก​ไป​แล้ว+ 2 มารีย์​จึง​วิ่ง​ไป​หา​ซีโมน​เปโตร​กับ​สาวก​คน​นั้น​ที่​พระ​เยซู​รัก+ และ​บอก​ว่า “มี​คน​เอา​ศพ​นาย​ของ​พวก​เรา​ไป​จาก​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​แล้ว+ ไม่​รู้​พวก​เขา​เอา​ท่าน​ไป​ไว้​ที่​ไหน”

3 เปโตร​กับ​สาวก​คน​นั้น​จึง​ไป​ที่​อุโมงค์​ฝัง​ศพ 4 ทั้ง​สอง​คน​วิ่ง​ไป แต่​สาวก​คน​นั้น​วิ่ง​เร็ว​กว่า​เปโตร จึง​ไป​ถึง​อุโมงค์​ก่อน 5 แต่​ยัง​ไม่​ได้​เข้า​ไป​ข้าง​ใน พอ​เขา​ชะโงก​มอง​ดู​ก็​เห็น​ผ้า​ลินิน​ที่​ใช้​พัน​ศพ​วาง​อยู่+ 6 เมื่อ​ซีโมน​เปโตร​วิ่ง​มา​ถึง​ก็​เข้า​ไป​ใน​อุโมงค์ และ​เห็น​ผ้า​ลินิน​วาง​อยู่​เหมือน​กัน 7 แต่​ผ้า​ที่​ใช้​คลุม​ส่วน​หัว​ถูก​ม้วน​วาง​ไว้​ต่าง​หาก ไม่​ได้​วาง​อยู่​กับ​ผ้า​พัน​ศพ​ส่วน​อื่น ๆ 8 แล้ว​สาวก​คน​ที่​มา​ถึง​อุโมงค์​ก่อน​ก็​ตาม​เข้า​ไป เขา​จึง​เห็น​และ​เชื่อ 9 แต่​พวก​เขา​ยัง​ไม่​เข้าใจ​ข้อ​คัมภีร์​ที่​บอก​ว่า พระ​เยซู​จะ​ต้อง​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย+ 10 สาวก​ทั้ง​สอง​จึง​พา​กัน​กลับ​บ้าน

11 แต่​มารีย์​ยัง​ยืน​ร้องไห้​อยู่​ข้าง​นอก​ใกล้ ๆ กับ​อุโมงค์​ฝัง​ศพ ตอน​ที่​ร้องไห้​อยู่ เธอ​ชะโงก​มอง​เข้า​ไป​ใน​อุโมงค์ 12 และ​เห็น​ทูตสวรรค์ 2 องค์+ใส่​ชุด​ขาว​นั่ง​อยู่​ตรง​ที่​ที่​ศพ​พระ​เยซู​เคย​วาง​อยู่ องค์​หนึ่ง​นั่ง​อยู่​ทาง​หัว อีก​องค์​หนึ่ง​นั่ง​อยู่​ทาง​เท้า 13 ทูตสวรรค์​พูด​กับ​มารีย์​ว่า “คุณ​ร้องไห้​ทำไม?” เธอ​ตอบ​ว่า “มี​คน​เอา​ศพ​นาย​ของ​ดิฉัน​ไป ไม่​รู้​พวก​เขา​เอา​ท่าน​ไป​ไว้​ที่​ไหน” 14 พอ​พูด​จบ มารีย์​ก็​หัน​กลับ​มา​และ​เห็น​พระ​เยซู​ยืน​อยู่ แต่​ไม่​รู้​ว่า​เป็น​ท่าน+ 15 พระ​เยซู​ถาม​มารีย์​ว่า “คุณ​ร้องไห้​ทำไม? มอง​หา​ใคร​อยู่?” มารีย์​คิด​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​คน​สวน จึง​บอก​ว่า “คุณ​คะ ถ้า​คุณ​เอา​ศพ​ท่าน​ไป ช่วย​บอก​ดิฉัน​หน่อย​ว่า​คุณ​เอา​ท่าน​ไป​ไว้​ที่​ไหน ดิฉัน​จะ​ได้​ไป​รับ​ศพ​มา” 16 พระ​เยซู​พูด​กับ​เธอ​ว่า “มารีย์” เธอ​มอง​พระ​เยซู​และ​อุทาน​เป็น​ภาษา​ฮีบรู​ว่า “รับโบนี!” (ซึ่ง​แปล​ว่า “อาจารย์”) 17 พระ​เยซู​บอก​มารีย์​ว่า “อย่า​รั้ง​ผม​ไว้​เลย ผม​ยัง​ไม่​ได้​ขึ้น​ไป​หา​พ่อ​ของ​ผม ไป​บอก​พี่​น้อง​ของ​ผม+ว่า ‘ผม​กำลัง​จะ​ขึ้น​ไป​หา​พ่อ​ของ​ผม+ซึ่ง​เป็น​พ่อ​ของ​พวก​คุณ และ​ไป​หา​พระเจ้า​ของ​ผม+ซึ่ง​เป็น​พระเจ้า​ของ​พวก​คุณ’” 18 แล้ว​มารีย์​มักดาลา​ก็​ไป​หา​พวก​สาวก​และ​บอก​ว่า “ฉัน​ได้​เจอ​นาย​ของ​พวก​เรา​ด้วย!” และ​เล่า​ว่า​พระ​เยซู​สั่ง​อะไร​เธอ​บ้าง+

19 ตอน​เย็น​วัน​นั้น​ซึ่ง​เป็น​วัน​แรก​ของ​สัปดาห์ พวก​สาวก​มา​อยู่​รวม​กัน​ที่​บ้าน​หลัง​หนึ่ง และ​ใส่​กลอน​ประตู​ไว้​แน่น​หนา​เพราะ​กลัว​พวก​ยิว แล้ว​พระ​เยซู​ก็​มา​ยืน​อยู่​ใน​หมู่​พวก​เขา​และ​พูด​ว่า “สวัสดี​ทุก​คน”*+ 20 พอ​พูด​จบ พระ​เยซู​ก็​ให้​พวก​เขา​ดู​มือ​และ​สีข้าง​ของ​ท่าน+ พวก​สาวก​ดีใจ​มาก​ที่​ได้​เจอ​ผู้​เป็น​นาย+ 21 พระ​เยซู​พูด​กับ​พวก​เขา​อีก​ว่า “ขอ​ให้​มี​ความ​สงบ​สุข+ ผม​จะ​ใช้​พวก​คุณ​ไป+เหมือน​ที่​พ่อ​ของ​ผม​ใช้​ผม​มา”+ 22 พอ​พูด​จบ พระ​เยซู​ก็​เป่า​ลม​ใส่​พวก​เขา​และ​บอก​ว่า “รับ​พลัง​บริสุทธิ์​ของ​พระเจ้า​ไป+ 23 ถ้า​พวก​คุณ​อภัย​บาป​ให้​ใคร บาป​ของ​เขา​ก็​จะ​ได้​รับ​การ​อภัย แต่​ถ้า​พวก​คุณ​ไม่​อภัย​บาป​ให้​ใคร บาป​ของ​เขา​ก็​จะ​ไม่​ได้​รับ​การ​อภัย”

24 แต่​โธมัส​ดิดุโมส+ คน​หนึ่ง​ใน​อัครสาวก 12 คน+ ไม่​ได้​อยู่​ด้วย​ตอน​ที่​พระ​เยซู​มา​หา 25 สาวก​คน​อื่น ๆ จึง​บอก​เขา​ว่า “พวก​เรา​ได้​เจอ​นาย​ของ​เรา​ด้วย” แต่​โธมัส​พูด​ว่า “ผม​ไม่​เชื่อ​เด็ดขาด+จน​กว่า​จะ​ได้​เห็น​และ​เอา​นิ้ว​แยง​รอย​ตะปู​ที่​มือ​ท่าน และ​ได้​จับ​ดู​สีข้าง​ของ​ท่าน+ด้วย​มือ​ผม​เอง”

26 แปด​วัน​ต่อ​มา สาวก​ของ​พระ​เยซู​อยู่​ใน​บ้าน​ด้วย​กัน​อีก​ครั้ง โธมัส​ก็​อยู่​ด้วย พระ​เยซู​เข้า​มา​ยืน​อยู่​ใน​หมู่​พวก​เขา​ถึง​แม้​ประตู​ใส่​กลอน​ไว้​แล้ว ท่าน​พูด​ว่า “สวัสดี​ทุก​คน”+ 27 แล้ว​ท่าน​ก็​พูด​กับ​โธมัส​ว่า “เอา​นิ้ว​แยง​มือ​ผม​ดู และ​เอา​มือ​จับ​สีข้าง​ของ​ผม​สิ ขอ​ให้​เชื่อ​และ​เลิก​สงสัย​เถอะ” 28 โธมัส​อุทาน​ว่า “นาย​ของ​ผม​และ​พระเจ้า​ของ​ผม!”+ 29 พระ​เยซู​ถาม​เขา​ว่า “คุณ​เชื่อ​เพราะ​ได้​เห็น​ผม​อย่าง​นั้น​หรือ? คน​ที่​เชื่อ​ทั้ง​ที่​ไม่​ได้​เห็น​ก็​มี​ความ​สุข”+

30 จริง ๆ แล้ว พระ​เยซู​ทำ​การ​อัศจรรย์​อีก​หลาย​อย่าง​ให้​พวก​สาวก​เห็น แต่​ไม่​ได้​เขียน​ไว้​ใน​ม้วน​หนังสือ​นี้+ 31 ส่วน​เรื่อง​ราว​ที่​เขียน​ไว้​นี้​ก็​เพื่อ​พวก​คุณ​จะ​เชื่อ​ได้​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​พระ​คริสต์ ลูก​ของ​พระเจ้า และ​ถ้า​พวก​คุณ​เชื่อ พวก​คุณ​จะ​ได้​ชีวิต​เพราะ​ชื่อ​ของ​พระ​เยซู+

21 หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​ปรากฏ​ตัว​ให้​พวก​สาวก​เห็น​อีก​ครั้ง​ที่​ทะเลสาบ​ทิเบเรียส* เหตุ​การณ์​ครั้ง​นั้น​มี​อยู่​ว่า 2 ซีโมน​เปโตร โธมัส​ดิดุโมส+ นาธานาเอล+ชาว​เมือง​คานา​ใน​แคว้น​กาลิลี กับ​ลูก 2 คน​ของ​เศเบดี+ และ​สาวก​อีก 2 คน​กำลัง​อยู่​ด้วย​กัน 3 ซีโมน​เปโตร​บอก​สาวก​คน​อื่น ๆ ว่า “ผม​จะ​ออก​ไป​จับ​ปลา” พวก​เขา​พูด​ว่า “ไป​ด้วย” พวก​เขา​จึง​ลง​เรือ​ไป​ด้วย​กัน แต่​คืน​นั้น​ทั้ง​คืน พวก​เขา​จับ​อะไร​ไม่​ได้​เลย+

4 ตอน​เช้า​ตรู่ พระ​เยซู​ยืน​อยู่​บน​ฝั่ง แต่​พวก​สาวก​ไม่​รู้​ว่า​เป็น​พระ​เยซู+ 5 แล้ว​พระ​เยซู​ตะโกน​ถาม​พวก​เขา​ว่า “ลูก ๆ มี​อะไร​กิน​บ้าง​ไหม?” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ไม่​มี​เลย” 6 พระ​เยซู​พูด​ว่า “หย่อน​อวน​ลง​ทาง​ขวา​ของ​เรือ​สิ แล้ว​จะ​ได้​ปลา” พวก​เขา​ก็​หย่อน​อวน​ลง แล้ว​ได้​ปลา​มาก​มาย​จน​ดึง​ขึ้น​มา​บน​เรือ​ไม่​ไหว+ 7 สาวก​คน​ที่​พระ​เยซู​รัก+จึง​พูด​กับ​เปโตร​ว่า “นั่น​นาย​ของ​เรา​นี่” พอ​ซีโมน​เปโตร​ได้​ยิน​ว่า​คน​นั้น​คือ​ผู้​เป็น​นาย ก็​หยิบ​เสื้อ​มา​ใส่​แล้ว​กระโดด​ลง​น้ำ​เพราะ​ตอน​นั้น​เขา​ถอด​เสื้อ​อยู่ 8 แต่​สาวก​คน​อื่น ๆ เอา​เรือ​เล็ก​ลำ​นั้น​ลาก​อวน​ที่​มี​ปลา​อยู่​เต็ม​เข้า​ฝั่ง พวก​เขา​อยู่​ไม่​ห่าง​ฝั่ง แค่​ประมาณ 90 เมตร

9 พอ​พวก​เขา​ขึ้น​ฝั่ง ก็​เห็น​ปลา​ปิ้ง​อยู่​บน​กอง​ถ่าน​ที่​ติด​ไฟ​อยู่ และ​มี​ขนมปัง​ด้วย 10 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “เอา​ปลา​ที่​พวก​คุณ​เพิ่ง​จับ​ได้​มา​หน่อย​สิ” 11 ซีโมน​เปโตร​จึง​กลับ​ไป​ที่​เรือ​แล้ว​ลาก​อวน​ขึ้น​ฝั่ง ใน​อวน​มี​แต่​ปลา​ตัว​ใหญ่ ๆ ถึง 153 ตัว แต่​ถึง​จะ​มี​ปลา​มาก​ขนาด​นั้น​อวน​ก็​ไม่​ขาด 12 พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “มา​กิน​อาหาร​เช้า​กัน​เถอะ”+ ไม่​มี​สาวก​สัก​คน​กล้า​ถาม​ว่า “ท่าน​เป็น​ใคร?” เพราะ​พวก​เขา​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​ท่าน​คือ​ผู้​เป็น​นาย 13 พระ​เยซู​ก็​หยิบ​ขนมปัง​ให้​พวก​เขา และ​หยิบ​ปลา​ให้​ด้วย 14 นี่​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม+ที่​พระ​เยซู​ปรากฏ​ตัว​ให้​พวก​สาวก​เห็น​หลัง​จาก​ที่​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย

15 เมื่อ​พวก​เขา​กิน​อาหาร​เช้า​แล้ว พระ​เยซู​ถาม​ซีโมน​เปโตร​ว่า “ซีโมน​ลูก​ยอห์น คุณ​รัก​ผม​มาก​กว่า​ปลา​พวก​นี้​ไหม?” เขา​ตอบ​ว่า “ครับ​นาย ท่าน​ก็​รู้​ว่า​ผม​รัก​ท่าน” พระ​เยซู​สั่ง​เขา​ว่า “ให้​คุณ​เลี้ยง​ลูก​แกะ​ของ​ผม”+ 16 พระ​เยซู​ถาม​เปโตร​ครั้ง​ที่​สอง​ว่า “ซีโมน​ลูก​ยอห์น คุณ​รัก​ผม​ไหม?” เขา​ตอบ​ว่า “ครับ​นาย ท่าน​ก็​รู้​ว่า​ผม​รัก​ท่าน” พระ​เยซู​สั่ง​เขา​ว่า “ให้​คุณ​ดู​แล​แกะ​ตัว​เล็ก ๆ ของ​ผม”+ 17 พระ​เยซู​ถาม​เปโตร​ครั้ง​ที่​สาม​ว่า “ซีโมน​ลูก​ยอห์น คุณ​รัก​ผม​ไหม?” เปโตร​รู้สึก​ทุกข์​ใจ​เพราะ​พระ​เยซู​ถาม​เขา​ครั้ง​ที่​สาม​ว่า “คุณ​รัก​ผม​ไหม?” เขา​จึง​ตอบ​ว่า “นาย​ครับ ท่าน​รู้​ทุก​อย่าง​อยู่​แล้ว ท่าน​ก็​รู้​ว่า​ผม​รัก​ท่าน” พระ​เยซู​สั่ง​เขา​ว่า “ให้​คุณ​เลี้ยง​แกะ​ตัว​เล็ก ๆ ของ​ผม+ 18 ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ตอน​ที่​ยัง​หนุ่ม คุณ​แต่ง​ตัว​และ​เดิน​ไป​ไหน​มา​ไหน​ได้​ตาม​ต้องการ แต่​ตอน​ที่​คุณ​แก่ คุณ​จะ​ยื่น​มือ​ออก แล้ว​คน​อื่น​จะ​แต่ง​ตัว​ให้​และ​พา​คุณ​ไป​ใน​ที่​ที่​คุณ​ไม่​อยาก​ไป”+ 19 พระ​เยซู​พูด​อย่าง​นี้​เพื่อ​ให้​รู้​ว่า​เปโตร​จะ​ตาย​แบบ​ไหน​เพื่อ​พระเจ้า​ซึ่ง​จะ​ทำ​ให้​พระองค์​ได้​รับ​การ​ยกย่อง เมื่อ​พูด​จบ​พระ​เยซู​ก็​บอก​เปโตร​ว่า “ให้​คุณ​ติด​ตาม​ผม​ต่อ ๆ ไป”+

20 เปโตร​หัน​มา​เห็น​สาวก​คน​ที่​พระ​เยซู​รัก+กำลัง​เดิน​ตาม​มา สาวก​คน​นี้​เป็น​คน​ที่​นั่ง​เอน​ตัว​ใกล้​กับ​อก​ของ​พระ​เยซู​ตอน​กิน​อาหาร​มื้อ​เย็น​ด้วย​กัน และ​เป็น​คน​ที่​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “นาย​ครับ ใคร​เป็น​คน​ทรยศ​ท่าน?” 21 เมื่อ​เปโตร​เห็น​เขา ก็​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “นาย​ครับ แล้ว​คน​นี้​ล่ะ​จะ​เป็น​ยัง​ไง?” 22 พระ​เยซู​ตอบ​เปโตร​ว่า “ถ้า​ผม​อยาก​ให้​เขา​อยู่​จน​ถึง​ตอน​ที่​ผม​มา นั่น​ก็​ไม่​เกี่ยว​กับ​คุณ ให้​คุณ​ติด​ตาม​ผม​ต่อ ๆ ไป​เถอะ” 23 พวก​สาวก​จึง​ลือ​กัน​ว่า​สาวก​คน​นั้น​จะ​ไม่​ตาย แต่​พระ​เยซู​ไม่​ได้​บอก​เปโตร​ว่า​สาวก​คน​นั้น​จะ​ไม่​ตาย ท่าน​แค่​พูด​ว่า “ถ้า​ผม​อยาก​ให้​เขา​อยู่​จน​ถึง​ตอน​ที่​ผม​มา นั่น​ก็​ไม่​เกี่ยว​กับ​คุณ”

24 สาวก​คน​นี้​แหละ+ที่​เล่า​เรื่อง​ทั้ง​หมด​นี้​และ​เขียน​ไว้ และ​พวก​เรา​รู้​ว่า​คำ​บอก​เล่า​ของ​เขา​เป็น​ความ​จริง+

25 ที่​จริง พระ​เยซู​ยัง​ทำ​อะไร​อีก​มาก​มาย ถ้า​จะ​เขียน​ไว้​ทั้ง​หมด​ละ​ก็ ผม​คิด​ว่า​โลก​นี้​คง​ไม่​มี​ที่​พอ​จะ​เก็บ​ม้วน​หนังสือ​ทั้ง​หมด​นั้น​ได้+

หรือ “คำ​พูด”

หรือ “ไม่​ยอม​รับ”

เป็น​ตำแหน่ง​ที่​มี​เกียรติ​ของ​ครู​สอน​ศาสนา​ยิว

หรือ “ราชอาณาจักร”

แปล​ตรง​ตัว​ว่า “เกิด​จาก​น้ำ​และ​พลัง​ของ​พระเจ้า”

หรือ “เหนือ​ทุก​สิ่ง”

แปล​ตรง​ตัว​ว่า “ถ้า​คุณ​รู้​จัก​ของ​ขวัญ​จาก​พระเจ้า”

หรือ “และ​เป็น​อัมพาต” แปล​ตรง​ตัว​ว่า “เหี่ยว​แห้ง”

หรือ “ประทับ​ตรา​รับรอง​แล้ว”

แปล​ตรง​ตัว​ว่า “เพื่อ​ชีวิต​ของ​โลก​นี้”

หรือ “เรื่อง​นี้​ทำ​ให้​พวก​คุณ​ไม่​พอ​ใจ​หรือ?”

หรือ “พูด​ความ​จริง”

หรือ “ตาม​มาตรฐาน​ของ​มนุษย์” “ตาม​ที่​เห็น​ภาย​นอก”

หรือ “ไม่​ยอม​รับ​คำ​พูด​ของ​ผม”

หรือ “เขา​ก็​จะ​รอด”

แปล​ตรง​ตัว​ว่า “เกลียด​ชีวิต”

หรือ “รายงาน”

หรือ “พวก​เขา​อยาก​ได้​การ​ยอม​รับ​จาก​มนุษย์​มาก​กว่า​การ​ยอม​รับ​จาก​พระเจ้า”

หรือ “คือ”

หรือ​อาจ​แปล​ได้​ว่า “แล้ว​ก็​มี​การ​เตรียม​อาหาร​มื้อ​เย็น”

หรือ “เพราะ​ท่าน”

หรือ “ส่ง​ผู้​ช่วย​มา​ผ่าน​ทาง​ผม”

หรือ “ไม่​ได้​เป็น​ผู้​ร้าย”

หรือ “ราชอาณาจักร”

หรือ “ประหาร​เขา​บน​เสา! ประหาร​เขา​บน​เสา!”

หรือ “ไป​ประหาร​บน​เสา​เอง​สิ”

หรือ “ประหาร​คุณ​บน​เสา”

หรือ “ประหาร​เขา​บน​เสา!”

หรือ “ถูก​ประหาร​บน​เสา”

แปล​ตรง​ตัว​ว่า “ขอ​ให้​พวก​คุณ​มี​ความ​สงบ​สุข” นี่​เป็น​คำ​ทักทาย​ปกติ​ของ​ชาว​ยิว

หรือ “ทะเลสาบ​กาลิลี” ดู ยน 6:1

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์