ชื่อใหม่สำหรับงานเลี้ยงมั่วสุมสมัยโบราณ
โดยผู้สื่อข่าว ตื่นเถิด! ในญี่ปุ่น
ในบริเตน แอน วัย 15 ปีเปิดซองที่เพิ่งได้รับทางไปรษณีย์อย่างตื่นเต้น. เธอดึงการ์ดใบหนึ่งออกมา. ด้านหน้าการ์ดประดับด้วยรูปหัวใจกระจุ๋มกระจิ๋ม. ข้างในมีข้อความเกี่ยวกับความรักใคร่ และมีลายเซ็นว่า “จากผู้ที่ชื่นชม.” ด้วยนัยน์ตาเคลิ้มฝันและหน้าแดง แอนถอนหายใจ. เธอรู้สึกภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด และกระนั้นก็ยังฉงน. ‘ใครหนอส่งการ์ดวาเลนไทน์นี้ให้ฉัน?’ แอนสงสัย.
ในญี่ปุ่น ยูโกะเพิ่งเริ่มทำงานในสำนักงานแห่งหนึ่ง. วันวาเลนไทน์ใกล้เข้ามา. การคำนวณของยูโกะแสดงว่าจะต้องใช้เงินถึง 20,000 เยน (5,000 บาท) เพื่อซื้อช็อกโกแลตกล่องเล็ก ๆ ให้เพื่อนชายแต่ละคนที่ทำงานร่วมกับเธอ. ยูโกะใช้เวลาช่วงพักเที่ยงกับเพื่อนหญิงของเธอซื้อสิ่งที่พวกเธอเรียกว่ากิริ-โชโก—ช็อกโกแลตตามพันธะ.
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ผู้อยู่ในอารมณ์รัก ๆ ใคร่ ๆ ทั่วโลกรอคอยด้วยใจจดใจจ่อที่จะได้รับการบอกกล่าวไม่ทางหนึ่งก็ทางใดว่า “ฉันรักเธอ.” ทั้งแอนและยูโกะไม่รู้เลยว่าต้นกำเนิดของวันนักขัตฤกษ์นี้เป็นมาอย่างไร. พวกเธอคงจะประหลาดใจเมื่อรู้เข้า.
รากเหง้าของวันวาเลนไทน์ตามที่เรียกกันในปัจจุบันนั้นสามารถสืบร่องรอยย้อนหลังไปถึงประเทศกรีซโบราณ ซึ่งการนมัสการเทพเจ้าแพนเฟื่องฟู. เทพเจ้าแห่งการแพร่พันธุ์ครึ่งคนครึ่งแพะตามตำนานองค์นี้มีนิสัยโหดร้าย ทายใจไม่ถูก ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับมนุษย์. เหมาะสมทีเดียวที่คำภาษาอังกฤษ “panic” (ความตื่นตระหนก) ตามตัวอักษรหมายความว่า “เกี่ยวกับเทพเจ้าแพน.”
แพนควรเฝ้าดูฝูงสัตว์พลางก็เป่าขลุ่ยไปด้วย. อย่างไรก็ดี เทพเจ้าองค์นี้วอกแวกง่าย. แพนมีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ มากครั้งกับพวกนางไม้และเทพธิดา. ประติมากรรมชิ้นหนึ่งแสดงแพนในท่าเกี้ยวอัฟโรดิเต เทพธิดาแห่งความรัก. เอรอส เทพเจ้าแห่งความรัก บินกระพือปีกเหนือพวกเขา ซึ่งคล้ายกันมากกับกามเทพคิวปิดที่พบในการ์ดวาเลนไทน์ทุกวันนี้.a
ในโรมหลายคนนมัสการเทพเจ้าที่คล้ายคลึงกันชื่อเฟานุส. เทพเจ้าองค์นี้ก็เช่นกัน ได้รับการวาดภาพเป็นครึ่งคนครึ่งแพะ. การนมัสการเฟานุสเป็นจุดเด่นของลูเปอร์คาเลีย งานเลี้ยงรื่นเริงปล่อยตัวสุดเหวี่ยงซึ่งฉลองกันวันที่ 15 กุมภาพันธ์ทุกปี. ระหว่างงานเลี้ยงนี้พวกผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นวิ่งอย่างเร็วรอบ ๆ เนินเขา พร้อมกับแกว่งแส้ที่ทำจากหนังแพะ. พวกผู้หญิงที่อยากมีลูกจะยืนอยู่ใกล้เส้นทางของนักวิ่งเหล่านี้. พวกโรมันเชื่อว่า โดยการเฆี่ยนผู้หญิงด้วยแส้จะประกันว่าเธอจะมีลูกได้.
ตามที่กล่าวไว้ในสารานุกรม คาทอลิก ลูเปอร์คาเลียถูกล้มเลิกไปโดยโปป เกลาซิอุสที่ 1 ในช่วงปลายศตวรรษที่ห้า.b กระนั้น ทุกวันนี้เราพบคู่เทียบสมัยปัจจุบันรุ่งเรืองภายใต้ชื่อ: “วันนักบุญวาเลนไทน์.” มีทฤษฎีหลายหลากเกี่ยวกับต้นกำเนิดของชื่อ “ที่ทำให้เป็นแบบคริสเตียน” นี้. ตามที่เรื่องหนึ่งเล่าว่า จักรพรรดิโรมันคลาวดิอุสที่ 2 แห่งศตวรรษที่สามห้ามชายหนุ่มแต่งงาน. บาทหลวงที่ชื่อวาเลนไทน์ ทำพิธีสมรสให้แก่คู่หนุ่มสาวอย่างลับ ๆ. บางคนบอกว่าเขาถูกประหารชีวิตวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีสากลศักราช 269. อย่างไรก็ตาม ชื่อที่ “ตั้งตามชื่อนักบุญ” ใช่ว่าจะปิดบังต้นกำเนิดอันฉาวโฉ่ของการเลี้ยงฉลองนี้ได้. รากฐานของวันวาเลนไทน์นั้นอยู่ในพิธีกรรมต่าง ๆ แบบนอกรีตและดังนั้นคริสเตียนแท้จึงไม่ฉลอง. (2 โกรินโธ 6:14-18) การสำแดงความรักแท้ตลอดปีให้ผลตอบแทนมากกว่าความหลงใหลเพียงชั่วครู่ของวันนักขัตฤกษ์ที่เร้าความรู้สึก.
[เชิงอรรถ]
a เฮโรโดทุสให้ข้อคิดเห็นว่า การนมัสการเทพเจ้าแพนได้รับอิทธิพลจากชาวอียิปต์ ซึ่งท่ามกลางพวกเขาการนมัสการแพะมีทั่วไป. วลีที่ว่า “ปิศาจรูปแพะ” ที่พบในคัมภีร์ไบเบิลอาจพาดพิงถึงการนมัสการนอกรีตแบบนี้.—เลวีติโก 17:7; 2 โครนิกา 11:15.
b บางคนบอกว่าเกลาซิอุสเพียงแต่ให้ “งานฉลองการชำระให้บริสุทธิ์” เข้ามาแทนที่ลูเปอร์คาเลีย.
[กรอบหน้า 27]
เมื่อความรักเป็นธุรกิจใหญ่
การคืบใกล้เข้ามาของวันวาเลนไทน์ในญี่ปุ่นปลุกเร้าความรู้สึกอันแรงกล้า—ไม่เพียงแต่ในเรื่องของความรักใคร่ แต่ในเรื่องธุรกิจการค้าขนาดใหญ่ด้วย. เป็นเวลาหลายทศวรรษ อุตสาหกรรมช็อกโกแลตได้กระตุ้นประชาชนให้ช็อกโกแลตเป็นสิ่งบ่งบอกความรักในวันที่ 14 กุมภาพันธ์. การโหมโฆษณายังผลกำไรเนื่องจากยอดขายช็อกโกแลตเพิ่มสูงขึ้นอย่างสม่ำเสมอ.
ไม่เหมือนทางตะวันตก ประเพณีของญี่ปุ่นคือผู้หญิงเป็นฝ่ายซื้อของขวัญให้ผู้ชาย. แต่ธุรกิจเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ไม่สิ้นสุดลงในวันที่ 14 กุมภาพันธ์. หนึ่งเดือนต่อมา วันที่ 14 มีนาคม ฝ่ายผู้ชายต้องให้ของขวัญตอบแทนเป็นช็อกโกแลตขาว. เพราะเหตุใด? หนังสือพิมพ์เดอะ เดลี โยมิอุริ ให้คำตอบว่า “การกำหนดให้เป็นของขวัญสีขาวนั้นป้องกันผู้ชายใด ๆ ที่ตระหนี่หรือเจ้าเล่ห์ไม่ให้คืนช็อกโกแลตที่เขาได้รับมาและไม่ใส่ใจที่จะกิน.”
[ที่มาของภาพหน้า 26]
Old-Fashioned Romantic Cuts/Dover