หินกลมลึกลับแห่งคอสตาริกา
โดยผู้สื่อข่าว ตื่นเถิด! ในคอสตาริกา
นานถึง 16 ศตวรรษมาแล้วที่ชาวพื้นเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของคอสตาริกาได้ทำหินกลมตันหลากหลายขนาด บ้างก็เล็กมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 10 เซนติเมตร บ้างก็ใหญ่ถึง 2.4 เมตร. แต่ละลูกทำได้กลมเกลี้ยงมากจนเราอดสงสัยไม่ได้ว่า ‘เขาทำกันอย่างไร? เพื่อจุดประสงค์อะไร?’
มีการพบหินกลมในประเทศอื่น ๆ อีกหลายแห่ง รวมทั้งชิลี, เม็กซิโก, และสหรัฐ. แต่หินแกรนิตทรงกลมในคอสตาริกาไม่เหมือนใคร. ฝีมือการทำเยี่ยมยอด บางลูกกลมดิกแถมยังผิวมนเกลี้ยง. หินเหล่านี้มักจะพบเป็นกลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งจะมี 20 ลูกหรือกว่านั้น. ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือข้อเท็จจริงที่ว่า หลายกลุ่มได้รับการจัดเรียงเป็นรูปทรงเรขาคณิต อย่างเช่น รูปสามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยมผืนผ้า, และเส้นตรง. การจัดเรียงดังกล่าวมักจะชี้ไปทางขั้วแม่เหล็กโลกเหนือ.
หินกลมหลายลูกพบที่ดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำดีกีส. นอกนั้นพบใกล้ ๆ เมืองต่าง ๆ ทางภาคใต้ เช่น พัลมาร์ ซูร์, บูเอโนสไอเรส, และโกลฟีโต รวมทั้งในแคว้นกวานาคาสเต ทางภาคเหนือและในหุบเขาภาคกลาง. งานหัตถศิลป์หลายชิ้นที่พบอยู่ใกล้ ๆ หินเหล่านี้ให้ร่องรอยอันมีค่ายิ่งแก่การระบุอายุ. นักโบราณคดีกะประมาณว่า หินลึกลับเหล่านี้บางลูกมีอายุย้อนหลังไปถึงปี ส.ศ. 400. ส่วนมากจะถูกทำขึ้นระหว่างปี ส.ศ. 800 ถึง 1200. บางลูกพบใกล้ ๆ แหล่งที่ดูเหมือนว่าเป็นที่อยู่อาศัย หรือไม่ก็อยู่ใกล้กับหลุมฝังศพ. ในช่วงต่าง ๆ ที่ผ่านมา หินบางลูกถูกคนทุบทำลายโดยหวังว่าจะพบสมบัติซ่อนอยู่ภายใน. กระนั้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคอสตาริกาก็มีแค็ตตาล็อกหินเหล่านี้ราว ๆ 130 ลูก. แต่ยังมีอีกมากที่ไม่ได้ลงในแค็ตตาล็อก. เป็นการยากที่จะรู้จำนวนหินโบราณเหล่านี้ เพราะหลายลูกถูกเคลื่อนย้ายจากที่อยู่เดิมและนำไปประดับไว้ในที่ส่วนบุคคลต่าง ๆ เช่น สวนและโบสถ์. ไม่ต้องสงสัย มีอีกหลายลูกที่ยังค้นไม่พบ—บ้างก็อยู่ใต้ดิน บ้างก็อยู่ในป่าทึบ.
หินเหล่านี้ทำกันอย่างไร? ยังเป็นเรื่องลึกลับ. ดูเหมือนว่าจำเป็นต้องใช้ขั้นตอนทางกลศาสตร์บางอย่างเพื่อจะได้ความประณีตเช่นนี้. โดยวิเคราะห์จากรูปแกะสลักหลายรูปในยุคนั้นทำให้เรารู้ว่าผู้ทำหินเหล่านี้จะต้องเป็นช่างแกะสลักที่มีความชำนาญ. นอกจากนี้ งานหัตถศิลป์ที่ทำด้วยทองซึ่งมีอายุย้อนหลังไปถึงปี ส.ศ. 800 ให้หลักฐานว่าพวกเขามีประสบการณ์ในการทำงานที่ใช้ความร้อนสูง. ทฤษฎีหนึ่งคือ การแกะสลักหินกลมอาจเกี่ยวข้องกับการใช้ความร้อนสูงตามด้วยความเย็นเพื่อให้ผิวนอกของหินกะเทาะออกไป. ชิ้นงานอาจตกแต่งขั้นสุดท้ายโดยการขัดด้วยทรายหรือหนังสัตว์.
นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งชี้แจงว่าหินทรงกลมขนาดใหญ่ “เป็นผลิตผลจากช่างฝีมือชั้นยอด และ [หินเหล่านี้] แทบจะกลมดิกถึงขนาดที่เมื่อวัดเส้นผ่าศูนย์กลางด้วยสายวัดและลูกดิ่งไม่ว่าจากแนวไหนก็เท่ากันหมด.” ความประณีตแม่นยำนี้ชี้ให้เห็นความสามารถด้านคณิตศาสตร์, ความรู้ที่ล้ำหน้าเรื่องการแกะสลักหิน, และวิธีใช้เครื่องมือของผู้คนชาวพื้นเมือง. อย่างไรก็ดี เนื่องจากผู้คนเหล่านี้ดูเหมือนไม่มีภาษาเขียน จึงไม่มีบันทึกที่บอกแน่ชัดว่าพวกเขาทำหินกลมอย่างไร.
หินเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำจากหินคล้ายแกรนิต. บ่อหินแกรนิตซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดเท่าที่ทราบนั้นอยู่บนภูเขาห่างจากดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำดีกีสประมาณ 40 ถึง 50 กิโลเมตร. ช่างแกะสลักเคลื่อนย้ายหินที่หนักอึ้งเช่นนั้นด้วยวิธีใด? ถ้ามีการแกะสลักหินกลมที่บ่อหิน ช่างแกะสลักคงต้องพยายามกลิ้งหินนั้นลงมาด้วยความระมัดระวัง. คุณนึกภาพออกไหมว่าเป็นการท้าทายเพียงไรที่จะเคลื่อนย้ายของที่หนักอึ้งจากที่ห่างไกลเช่นนั้นโดยไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย? จริง ๆ แล้วหินกลมเหล่านั้นหนักเท่าไร? บางก้อนหนักกว่า 16 ตัน!
หากมีการขุดเจาะหินแกรนิตและเคลื่อนย้ายลงมาก่อนจะทำการแกะสลัก ก็จะต้องใช้หินขนาด 2.7 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 24 ตัน สำหรับทำลูกกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.4 เมตร! ชาวพื้นเมืองคงจะต้องถางป่าหนาทึบเพื่อสร้างถนนที่กว้างและเรียบเพื่อให้ลำเลียงได้. เป็นงานช้าง! หินกลมอื่น ๆ ทำจากโคคีนาซึ่งเป็นวัสดุที่คล้ายหินปูนมาก พบได้ตามหาดทรายใกล้ปากแม่น้ำดีกีส. สิ่งนี้อาจบ่งชี้ว่ามีการลำเลียงหินดังกล่าวทวนกระแสน้ำขึ้นไปถึง 50 กิโลเมตร. หินกลมบางลูกพบที่เกาะคาโญซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกราว ๆ 20 กิโลเมตร.
ไม่มีใครอธิบายได้อย่างแน่ชัดว่า แรกเริ่มเดิมทีหินเหล่านี้ทำขึ้นด้วยจุดมุ่งหมายอะไร. อาจเป็นเครื่องแสดงฐานะตำแหน่ง หรือไม่ก็อาจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหัวหน้าเผ่าหรือหมู่บ้าน. อาจเป็นไปได้เช่นกันว่า เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาหรือพิธีการ. สักวันหนึ่งการศึกษาค้นคว้าทางโบราณคดีในอนาคตอาจจะเผยความลึกลับของหินกลมแห่งคอสตาริกาก็ได้.
[แผนที่หน้า 22, 23]
คอสตาริกา
[ที่มาของภาพ]
Mountain High Maps® Copyright © 1997 Digital Wisdom, Inc.
[รูปภาพหน้า 23]
หัวรถจักรข้างหลังหินกลมช่วยบ่งบอกขนาด
[ที่มาของภาพ]
Courtesy of National Museum of Costa Rica
[รูปภาพหน้า 24]
หินกลมในบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคอสตาริกา
หินกลมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่พบในเวลานี้ วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ 2.5 เมตร
[ที่มาของภาพ]
Courtesy of National Museum of Costa Rica