เคล็ดลับที่ 7 รากฐานที่มั่นคง
เรื่องนี้หมายความอย่างไร? ครอบครัวไม่อาจเข้มแข็งได้เอง เช่นเดียวกับบ้านซึ่งไม่อาจตั้งอยู่ได้หลายสิบปีด้วยตัวมันเอง. โครงสร้างจะแข็งแรงได้ต้องมีฐานรากที่มั่นคง ครอบครัวที่เข้มแข็งก็เป็นเช่นเดียวกัน. ครอบครัวจะประสบความสำเร็จได้ถ้าพวกเขามีคำแนะนำที่ดีจากแหล่งที่ไว้ใจได้.
เรื่องนี้สำคัญอย่างไร? มีคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวจากหนังสือ, นิตยสาร, และรายการทีวี. บางคนที่ให้คำปรึกษาชีวิตสมรสอาจสนับสนุนคู่สมรสที่มีปัญหาให้อยู่ด้วยกันต่อไป แต่บางคนก็สนับสนุนให้แยกกัน. บางครั้ง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็อาจเปลี่ยนความคิดได้เมื่อเวลาผ่านไป. ตัวอย่างเช่น ในปี 1994 นักบำบัดที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งซึ่งเชี่ยวชาญด้านปัญหาวัยรุ่น เขียนว่าตอนที่เธอเริ่มอาชีพนี้ เธอรู้สึกว่า “ถ้าเด็กอยู่กับพ่อหรือแม่ฝ่ายเดียวที่มีความสุขก็ดีกว่าอยู่กับทั้งพ่อและแม่ที่ไม่มีความสุข. ดิฉันเคยคิดว่าการหย่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการทนอยู่กับชีวิตสมรสที่ย่ำแย่.” แต่หลังจากผ่านประสบการณ์มาร่วมยี่สิบปี เธอก็เปลี่ยนความคิด. เธอบอกว่า “การหย่าทำร้ายจิตใจเด็กหลายคนอย่างแสนสาหัส.”
ความเห็นของคนเราอาจเปลี่ยนไปได้ แต่คำแนะนำที่ดีที่สุดต้องสอดคล้องกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล พระคำของพระเจ้า. เมื่ออ่านบทความชุดนี้ คุณอาจสังเกตว่ามีหลักการจากคัมภีร์ไบเบิลพิมพ์ไว้ที่ด้านบนของหน้า 3-8. หลักการดังกล่าวได้ช่วยหลายครอบครัวให้ประสบความสำเร็จที่แท้จริง. พวกเขาก็มีปัญหาเช่นเดียวกับครอบครัวอื่น ๆ แต่คัมภีร์ไบเบิลทำให้พวกเขามีรากฐานที่มั่นคงสำหรับชีวิตสมรสและครอบครัว. เราน่าจะคาดหมายได้ว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นเช่นนั้นจริง เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ประพันธ์คัมภีร์ไบเบิลเป็นผู้ก่อตั้งครอบครัว.—2 ติโมเธียว 3:16, 17
ลองวิธีต่อไปนี้. ทำรายการข้อคัมภีร์ที่ยกขึ้นมากล่าวด้านบนของหน้า 3 ถึงหน้า 8. เพิ่มข้อคัมภีร์อื่น ๆ ที่ได้ช่วยคุณลงไปด้วย. เก็บรายการข้อคัมภีร์นี้ไว้ในที่ที่เห็นได้สะดวก และอ่านบ่อย ๆ.
คุณต้องทำอะไร? ตั้งใจนำเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ในชีวิตครอบครัวของคุณ.
[ภาพหน้า 8, 9]
โดยอาศัยรากฐานที่มั่นคงจากพระคัมภีร์ ครอบครัวของคุณสามารถยืนหยัดต้านแรงพายุได้