“หลั่งน้ำตาด้วยความหยั่งรู้ค่า”
“ดิฉันเพิ่งอ่านบทความเรื่อง ‘วิธีช่วยคนที่ซึมเศร้าให้ประสบความยินดีอีก’ นั้นเสร็จ โดยหลั่งน้ำตาด้วยความหยั่งรู้ค่า.” (หอสังเกตการณ์ วันที่ 15 มีนาคม 1990, หน้า 21-25) หนึ่งในจดหมายหลายฉบับแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อบทความในเรื่องความซึมเศร้าที่ปรากฏในวารสารของเรางวดวันที่ 1 และ 15 มีนาคม 1990 ซึ่งสมาคมได้รับเริ่มต้นด้วยข้อความเช่นนั้น. อย่างไรก็ดี ความเห็นเช่นนี้มาจากซิสเตอร์คนหนึ่งในญี่ปุ่นซึ่งลูกชายวัยหนุ่มของเธอเป็นโรคจิตเภทเมื่อไม่นานมานี้. เธอชี้แจงว่า:
“เมื่อปลอบโยนและหนุนกำลังใจคนที่ซึมเศร้าทุก ๆ วัน บางครั้งดิฉันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเกินกว่าที่จะทำต่อไปแล้ว. เมื่อเริ่มมืด ลูกชายของดิฉันถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัวและความกระวนกระวาย. ดังนั้น ดิฉันให้ยานอนหลับแก่เขา แล้วนั่งที่ข้างเตียงเขา ลูบมือเขาแล้วเอามือของดิฉันวางบนหน้าผากของเขาจนกระทั่งเขาหลับไป. เป็นเหมือนกับการเอาทารกนอนทีเดียว และภายหลังราว ๆ หนึ่งชั่วโมง เขาก็หลับสนิทในที่สุด. เมื่อนั้นแหละที่ดิฉันรู้สึกโล่งอก แต่ขณะเดียวกัน ดิฉันก็บอกตัวเองว่า เช้าวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นอีกวันหนึ่งที่จะต้องเผชิญ.
“ลูกชายของดิฉันพูดว่า ‘ผมไม่มีอะไรดี. ผมไม่มีหวัง. ทุก ๆ วันเขาถามอย่างเศร้าสร้อยว่า ‘ผมจะรักษาหายไหม? เมื่อไรที่ผมจะไม่ต้องกินยา? ชีวิตแบบนี้จะดำเนินต่อไปอีกนานเท่าไร?’ ในเวลาเช่นนั้น ดิฉันใช้คำถามเพื่อเปลี่ยนความคิดของเขาตามที่วารสารได้แนะไว้ และทั้งนี้ช่วยเขาให้ใจคอดีขึ้นบ้าง. แต่เราสนทนาถึงเรื่องเดียวกันวันแล้ววันเล่า.
“มีบางครั้งด้วยที่ลูกชายของดิฉันโทรศัพท์เรียกผู้ปกครอง [จากประชาคมท้องถิ่น] ตอนกลางคืนเมื่อเขารู้สึกกระวนกระวายสุดขีด แล้วขอพวกเขาให้อธิษฐานเผื่อเขา. นี้ดูเหมือนเป็นการปลอบประโลมใจแก่เขามากทีเดียว และทำให้จิตใจของเขาสงบ. . . . บ่อยครั้ง อาการของลูกชายแย่ลงเมื่อสามีของดิฉัน (เป็นผู้ไม่มีความเชื่อ) ไม่อยู่เพราะเดินทางไปทำธุรกิจ. เมื่อดิฉันขอความช่วยเหลือทางโทรศัพท์ พี่น้องหลายคนก็รีบมายังบ้านของเรา.
“พี่น้องทั้งหลาย ดิฉันขอขอบคุณด้วยน้ำใสใจจริงสำหรับการที่ท่านพิมพ์บทความแบบนี้เป็นครั้งคราว และแสดงความเอาใจใส่ต่อความจำเป็นของคนอ่อนแอ..
[เซ็นชื่อ] เอ็ช. เอ็ช.