จงช่วยผู้คนให้ได้รับประโยชน์จากหนังสือปกแข็งของเรา
1 ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่มีกิจกรรมหลายอย่างต้องเร่งทำ แต่เราต้องไม่ละสายตาไปจากความจำเป็นในการเลียนแบบพระเยซูด้วยการฉวยทุกโอกาสเพื่อให้ข่าวดีอันก่อความสุขแก่คนอื่น. ขณะที่เราทำเช่นนี้ในเดือนมิถุนายน เราได้รับคำแนะนำให้ใช้หนังสือความสุข—จะพบได้อย่างไร?; การทำให้ชีวิตครอบครัวของท่านมีความสุข; และข่าวดีที่จะทำให้ท่านมีความสุข เพื่อเสนอความรู้ที่นำไปสู่ความสุขแก่ผู้คนในเขตทำงานของเรา.
2 จนถึงเวลานี้เราทุกคนก็คงคุ้นเคยดีแล้วกับเนื้อหาในหนังสือความสุข และหลายคนก็ได้เสนอหนังสือนี้กับผู้คนในเขตทำงานและใช้หนังสือนี้ในการนำการศึกษาพระคัมภีร์ด้วย. คุณคงเห็นด้วยว่าหนังสือความสุข มีเนื้อหาที่สามารถใช้พูดคุยได้กับผู้คนแทบทุกประเภท ทั้งคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องศาสนาและคนที่กำลังแสวงหาคำแนะนำในการดำเนินชีวิต. เช่น บท 1 ถึงบท 4 เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องศาสนา เพื่อช่วยเขาหาเหตุผล หลีกเลี่ยงการวินิจฉัยเอาเอง. บท 5 ถึงบท 10 แสดงวิธีใช้หลักการจากพระคัมภีร์เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต เช่นปัญหาเรื่องเงิน, เรื่องเพศ, สุขภาพ, และอื่น ๆ. และในบท 11 ถึงบท 20 เป็นเรื่องหลักคำสอนพื้นฐานของพระคัมภีร์ แสดงจุดยืนอันชัดเจนซึ่งอาจกระตุ้นความสนใจเจ้าของบ้านได้.
3 ในพระราชกิจของเรา ฉบับมีนาคม 1991 แนะวิธีเสนอหนังสือความสุข ในหลายแนวทางซึ่งเราอาจใช้ได้เป็นอย่างดี. นอกจากนี้ เป็นการดีที่คุณจะคิดถึงจุดน่าสนใจไว้หลาย ๆ จุดและฝึกซ้อมวิธีใช้คำนำจากการหาเหตุผล และผูกโยงเข้ากับบทหนึ่งบทใดที่คุณคิดว่าเหมาะกับคนที่คุณพบในเขตทำงานเพื่อช่วยให้เขาเห็นประโยชน์ของการอ่านหนังสือนี้. ชี้ให้เขาเห็นว่าความสุขแท้และถาวรนั้นจะหาพบได้ก็โดยการแสวงหาจากแหล่งที่ถูกต้องเท่านั้น คือพระเจ้าเที่ยงแท้ และต้องแสวงหาพระองค์เสียแต่เดี๋ยวนี้ด้วย.
4 หนังสือครอบครัว เป็นอีกเล่มหนึ่งที่เราได้ใช้เพื่อนำความสนใจของผู้คนมายังพระคำของพระเจ้าซึ่งชี้แจงหลักการเรื่องชีวิตครอบครัวที่มีความสุข. ผู้คนโดยทั่วไปย่อมคิดถึงเรื่องครอบครัวและคงเต็มใจพูดคุยในเรื่องนี้. แสดงให้เขาเห็นว่าหนังสือนี้จะช่วยได้อย่างไร แต่จงชี้แจงด้วยว่า จะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวไม่ได้ทั้งหมดจนกว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าจะกำจัดความไม่สมบูรณ์ทั้งสิ้นออกไป.
5 สิ่งหนึ่งที่พึงคำนึงถึง เมื่อคุณพูดกับผู้คนเกี่ยวกับปัญหาในชีวิตครอบครัว จงผ่อนหนักผ่อนเบา จงระมัดระวังคำพูดของคุณ อย่าให้เจ้าของบ้านรู้สึกว่าคุณคิดว่าเขากำลังมีปัญหาในครอบครัวของเขา. คงจะดีกว่าหากจะอ้างถึงปัญหาที่มีอยู่ทั่วไปในสังคมปัจจุบันนี้. และเมื่อเสนอหนังสือกับเจ้าของบ้าน อย่าลืมวางพื้นฐานสำหรับการกลับเยี่ยมเยียนคราวต่อไป.
6 เนื่องจากหนังสือปกแข็งเหล่านี้ส่วนใหญ่เราได้ใช้ในการให้คำพยานตามบ้านมาเป็นเวลานานแล้วโดยเฉพาะหนังสือครอบครัว และหนังสือข่าวดี หากเจ้าของบ้านมีหนังสือที่เราเสนอให้เขานั้นอยู่แล้ว คุณจะพูดอย่างไร? เราน่าจะใช้หลักการใน 1 โกรินโธ 3:6-9. เมล็ดถูกหว่านไว้แล้ว จงฉวยโอกาสทำการรดน้ำเพื่อให้งอกงามโดยให้คำพยานมากขึ้น. คุณอาจพูดว่า “ผม [ดิฉัน] ยินดีที่คุณมีหนังสือของเราอยู่แล้วและแน่ใจว่าคุณได้ประโยชน์จากหนังสือนี้. ถ้าเป็นได้ ผม [ดิฉัน] อยากจะแนะเพิ่มเติมบ้างถึงวิธีได้รับประโยชน์มากขึ้นอีกจากหนังสือเล่มนี้. ขอเวลาสักสองสามนาทีนะครับ [คะ]” แล้วแสดงวิธีศึกษาพระคัมภีร์โดยใช้หนังสือเล่มนั้นเป็นคู่มือ เลือกบทใดบทหนึ่งที่เห็นว่าเหมาะกับความสนใจของเขาโดยสังเกตจากการสนทนาตอนแรก. คุณอาจเริ่มการศึกษารายใหม่ได้ด้วยวิธีนี้. จำไว้ว่าจุดมุ่งหมายในการเยี่ยมของเราไม่เปลี่ยนแปลงแม้เจ้าของบ้านจะมีหนังสือของเราอยู่แล้ว นั่นคือเพื่อ “ทำคนทุกชาติให้เป็นสาวก.”—มัด. 28:19.