ไม้กางเขน
คำจำกัดความ: เครื่องมือที่ใช้ประหารพระเยซูมีการอ้างถึงโดยคนส่วนใหญ่ในคริสต์ศาสนจักรว่าเป็นไม้กางเขน. คำนี้มาจากคำภาษาลาติน ครูกซ์.
เหตุใดหนังสือของสมาคมว็อชเทาเวอร์แสดงภาพพระเยซูอยู่บนหลักโดยมีพระหัตถ์พาดเหนือพระเศียรแทนที่จะอยู่บนไม้กางเขนตามการเล่าสืบทอดกันมา?
คำภาษากรีกที่มีการแปลว่า “ไม้กางเขน” ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลสมัยใหม่หลายฉบับ (“เสาทรมาน” ในฉบับ ล.ม.) คือ สเตารอสʹ. ในวรรณคดีของกรีกคำนี้หมายถึงเพียงเสาที่ตั้งตรง หรือหลักไม้ปลายแหลม. ต่อมามีการใช้คำนี้เป็นหลักประหารโดยมีไม้ขวางกั้นอีกท่อนหนึ่ง. ดิ อิมพีเรียล ไบเบิล–ดิกชันนารี ยอมรับในเรื่องนี้โดยกล่าวว่า: “คำภาษากรีกสำหรับไม้กางเขน [สเตารอสʹ] หมายความอย่างถูกต้องว่าเป็น เสา, ท่อนไม้ตรง ๆ, หรือหลักไม้ปลายแหลม ซึ่งใช้เป็นที่แขวนอะไรก็ได้ หรือใช้ทำรั้วกั้นบริเวณที่ดินผืนหนึ่ง . . . ดูเหมือนว่าแม้แต่ท่ามกลางชาวโรมัน ครูกซ์ (อันเป็นที่มาของคำภาษาอังกฤษ “cross”) ดั้งเดิมคือท่อนไม้ตรง ๆ.”—เรียบเรียงโดย พี. แฟร์เบร์น (ลอนดอน, 1874), เล่ม 1, หน้า 376.
เป็นอย่างนั้นกับการประหารแห่งพระบุตรของพระเจ้าไหม? เป็นที่น่าสังเกตว่าคัมภีร์ไบเบิลใช้คำ ซึลอน เพื่อระบุสิ่งที่ใช้ในการประหาร. พจนานุกรมกรีก–อังกฤษ โดยลิดเดลล์ และสกอตให้ความหมายคำนี้ว่า: “ไม้ ที่ตัดไว้พร้อมที่จะใช้, ฟืน, ต้นไม้, และอื่น ๆ . . . ไม้ชิ้นหนึ่ง. ซุง, คาน, เสา . . . ตะบอง, ไม้พลอง . . . เสา ที่ใช้แขวนอาชญากร . . . จากไม้มีชีวิต, ต้นไม้.” ยังกล่าวอีกว่า “ในพระคริสต์ธรรมใหม่ ว่าด้วย ไม้กางเขน,” และอ้างถึงกิจการ 5:30 และ 10:39 เพื่อเป็นตัวอย่าง. (ออกซฟอร์ด, 1968, หน้า 1191, 1192) อย่างไรก็ตาม คิงส์เจมส์เวอร์ชัน, รีไวส์ สแตนดาร์ด, เจรูซาเลมไบเบิล และดูเอเวอร์ชันแปลคำ ซึลอน ในข้อเหล่านั้นว่า “ต้นไม้.” (เปรียบเทียบการแปลนี้กับฆะลาเตีย 3:13; พระบัญญัติ 21:22, 23.)
หนังสือไม้กางเขนที่ไม่ใช่เป็นของคริสเตียน (ภาษาอังกฤษ) โดย เจ. ดี. พาร์สันส์ (ลอนดอน, 1896), กล่าวว่า: “ไม่มีสักประโยคเดียวในคำจารึกมากมายที่ประกอบกันเป็นพระคริสต์ธรรมใหม่ในภาษากรีกดั้งเดิมที่ชี้แม้โดยทางอ้อมว่าคำสเตารอสที่มีการใช้ในกรณีของพระเยซูเป็นอะไรที่มากไปกว่าสเตารอสธรรมดา ๆ; โดยไม่ต้องพูดถึงข้อที่ว่ามันประกอบด้วยไม้ ไม่ใช่ท่อนเดียว แต่สองท่อนที่ตอกตะปูติดกันในรูปของไม้กางเขน . . . เป็นการชักพาที่ไขว้เขวไม่น้อยเลยที่อาจารย์ของเราแปลคำสเตารอสว่า ‘ไม้กางเขน’ เมื่อแปลเอกสารของคริสต์จักรจากภาษากรีกมาเป็นภาษาท้องถิ่นของเรา และที่สนับสนุนการทำเช่นนั้นโดยใส่คำ ‘ไม้กางเขน’ ในพจนานุกรมของเราว่าเป็นคำแปลของคำสเตารอสโดยไม่มีการอธิบายอย่างถี่ถ้วนเสียก่อนว่านั่นไม่ใช่ความหมายดั้งเดิมของคำนี้ในสมัยอัครสาวก, และที่ว่านั่นไม่ได้มาเป็นความหมายสำคัญของคำนี้จนกระทั่งอีกนานต่อมาภายหลัง แล้วจึงได้มาเป็นเช่นนั้นทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานยืนยันก็เพียงเพราะว่า เนื่องด้วยเหตุผลบางประการ หรือมีการสันนิษฐานอื่น ๆ ว่าสเตารอสอันนั้นโดยเฉพาะซึ่งพระเยซูถูกประหารมีรูปทรงจำเพาะ.”—หน้า 23, 24; ดู เดอะ คอมแพนยัน ไบเบิล (ลอนดอน, 1885), ภาคผนวกหมายเลข 162 ด้วย.
ด้วยเหตุนี้ หลักฐานที่หนักแน่นแสดงว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์บนเสาตรง และไม่ใช่บนไม้กางเขนตามคำบอกเล่าสืบปากกันมานั้น.
ต้นตอทางประวัติศาสตร์ของไม้กางเขนแห่งคริสต์ศาสนจักรมีอะไรบ้าง?
“ได้มีการค้นพบวัตถุหลายอย่างที่มีอายุย้อนหลังนานก่อนยุคคริสเตียนที่มีลวดลายของไม้กางเขนหลายรูปแบบในเกือบทุกส่วนของโลกโบราณ. มีตัวอย่างจำนวนนับไม่ถ้วนในอินเดีย, ซีเรีย, เปอร์เซีย และอียิปต์ . . . การใช้ไม้กางเขนเป็นเครื่องหมายทางศาสนาในยุคก่อนสมัยคริสเตียนและท่ามกลางชนที่ไม่ใช่คริสเตียนแทบจะถือได้ว่าเป็นเรื่องสากล และในกรณีส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการนมัสการธรรมชาติรูปแบบใดแบบหนึ่ง.”—สารานุกรมบริแทนนิกา (1946), เล่ม 6, หน้า 753.
“รูปทรงของ [ท่อนไม้รูปกากบาท] มีต้นตอมาจากแคลเดียโบราณ และมีการใช้เป็นเครื่องหมายของพระทัมมูส (ในรูปของอักษรทาวอันลึกลับซึ่งเป็นชื่อย่อของพระนั้น) ในประเทศนั้นและในประเทศใกล้เคียงรวมทั้งอียิปต์. พอมาถึงกลางศตวรรษที่ 3 สากลศักราช คริสต์จักรต่าง ๆ หากไม่ละทิ้งก็ได้บิดเบือนไปจากหลักคำสอนบางอย่างของความเชื่อฝ่ายคริสเตียน. เพื่อจะเพิ่มพูนศักดิ์ศรีของระบบบาทหลวงที่ออกหากจึงมีการรับเอาชนนอกรีตเข้าสู่คริสต์จักรโดยที่พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนความคิดเนื่องจากความเชื่อ และส่วนใหญ่ก็ได้รับอนุญาตให้เก็บรักษาสัญลักษณ์และเครื่องหมายต่าง ๆ แบบนอกรีตของตนไว้. ด้วยเหตุนี้รูปแบบทาว หรือ T ในแบบที่มีการใช้มากที่สุด โดยมีการเลื่อนส่วนที่พาดขวางให้ต่ำลงนั้นก็ถูกรับเข้ามาเพื่อใช้หมายถึงไม้กางเขนของพระคริสต์.”—พจนานุกรมอรรถาธิบายคำศัพท์ในพระคริสต์ธรรมใหม่ (ภาษาอังกฤษ) (ลอนดอน, 1962), ดับเบิลยู. อี. ไวน์, หน้า 256.
“เป็นเรื่องแปลก แต่ก็เป็นความจริงอย่างไม่อาจสงสัยได้ว่าในยุคต่าง ๆ นานก่อนการประสูติของพระคริสต์ และตั้งแต่นั้นมา ในดินแดนต่าง ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสคำสอนของคริสต์จักรต่าง ๆ ก็มีการใช้ไม้กางเขนเป็นเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์ . . . พระแบ็กคุสของชาวกรีก พระทัมมูสของชาวตุโร, พระเบลของชาวแคลเดียน เทพโอดินของชาวนอร์สล้วนมีสัญลักษณ์รูปเครื่องหมายกางเขนสำหรับศาสนิกชนของตน.”—ไม้กางเขนในพิธีกรรม, สถาปัตยกรรม, และศิลปะ (ภาษาอังกฤษ) (ลอนดอน, 1900), จี. เอส. ไทแย็ก, หน้า 1.
“พวกพระสงฆ์ และสังฆราชชาวอียิปต์จะถือไม้กางเขนในรูปของ ‘ครุกซ์ แอนซาตา’ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงอำนาจของพวกเขาในฐานะเป็นเหล่าพระสงฆ์ของพระอาทิตย์ และถูกเรียกว่า ‘เครื่องหมายของชีวิต.’”—การนมัสการคนตาย (ภาษาอังกฤษ) (ลอนดอน, 1904), พันเอก เจ. กานีเออร์, หน้า 226.
“มีการพบไม้กางเขนแบบต่าง ๆ ทุกแห่งที่อนุสาวรีย์และหลุมฝังศพของชาวอียิปต์ และนักวิชาการหลายคนถือว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของลึงค์ [อวัยวะเพศชาย] หรือไม่ก็ของการร่วมประเวณี . . . ในหลุมฝังศพของชาวอียิปต์ก็มีการพบครุกซ์ แอนซาตา [ไม้กางเขนที่มีวงกลม หรือมีด้ามอยู่ข้างบน] วางคู่กันกับรูปลึงค์.”—ประวัติการบูชาเพศโดยสังเขป (ภาษาอังกฤษ) (ลอนดอน, 1940), เอช. คัตเนอร์, หน้า 16, 17; ดูหนังสือ ไม้กางเขนที่ไม่ใช่เป็นของชนคริสเตียน (ภาษาอังกฤษ), หน้า 183 ด้วย.
“มีการใช้ไม้กางเขนเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของสุริยภาพของชาวบาบูโลน, ◯, และเห็นครั้งแรกบนเหรียญของจูเลียส ซีซาร์ปี 100–144 ก.ส.ศ. และบนเหรียญผู้สืบตำแหน่งต่อจากซีซาร์ (เอากุสตุส) ปี 20 ก.ส.ศ. บนเหรียญต่าง ๆ ของคอนสแตนติน สัญลักษณ์ที่พบมากที่สุดก็คือ D; แต่มีการใช้สัญลักษณ์อันเดียวกันนี้โดยตัดวงกลมที่อยู่รอบ ๆ ออก และมีเส้นยาวเท่ากันอยู่ในแนวตั้งและแนวนอนสี่เส้น; และนี่เป็นสัญลักษณ์ที่มีการเคารพนับถือเป็นพิเศษว่าเป็น ‘วงล้อพระอาทิตย์’. ควรกล่าวว่าคอนสแตนตินเองเป็นผู้นมัสการสุริยเทพคนหนึ่ง และไม่ยอมเข้าร่วมกับ ‘คริสต์จักร’ จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณยี่สิบห้าปีหลังจากเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับการที่เขาได้เห็นไม้กางเขนดังกล่าวในสวรรค์.”—เดอะ คอมแพนยัน ไบเบิล, ภาคผนวก หมายเลข 162; ดู ไม้กางเขนที่ไม่ใช่เป็นของชนคริสเตียน (ภาษาอังกฤษ), หน้า 133–141 ด้วย.
การเคารพไม้กางเขนเป็นการกระทำที่เป็นไปตามหลักพระคัมภีร์ไหม?
1 โกรินโธ 10:14: “ดูก่อนพวกที่รักของข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายจงหลีกเลี่ยงจากการไหว้รูปเคารพ.” (รูปเคารพคือรูปปั้น หรือสัญลักษณ์ที่ได้รับความเลื่อมใสอันแรงกล้า การเคารพนับถือ หรือการนมัสการ.)
เอ็ก. 20:4, 5, (เจรูซาเลม ไบเบิล): “ท่านต้องไม่ทำรูปปั้นสำหรับตน หรือรูปที่มีสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่อยู่ในสวรรค์ หรือที่อยู่บนแผ่นดินโลกเบื้องล่าง หรือที่อยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน; ท่านต้องไม่กราบไหว้ หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น.” (จงสังเกตว่าพระเจ้าทรงบัญชาไพร่พลของพระองค์ไม่ให้แม้แต่ที่จะ ทำรูปปั้น ซึ่งผู้คนจะก้มกราบ.)
ข้อคิดเห็นดังปรากฏใน สารานุกรมคาทอลิกฉบับใหม่ ก็น่าสนใจเช่นกันที่ว่า “เครื่องหมายที่แสดงถึงการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์เพื่อการไถ่บาป ณ โฆละโฆธาไม่มีปรากฏอยู่ในศิลปะที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ของคริสเตียนสมัยศตวรรษแรก. เนื่องจากชนคริสเตียนรุ่นแรกได้รับผลกระทบจากกฎหมายห้ามเรื่องการทำรูปเคารพในพระคัมภีร์เดิม พวกเขาจึงไม่ยอมแม้แต่จะวาดภาพหลักทรมานขององค์พระผู้เป็นเจ้า.”—(1967), เล่ม 4, หน้า 486.
เกี่ยวด้วยชนคริสเตียนในศตวรรษแรก หนังสือ ประวัติศาสตร์แห่งคริสต์จักร (ภาษาอังกฤษ) กล่าวว่า “ไม่มีการใช้กางเขน และวัตถุใด ๆ ที่เป็นตัวแทนไม้กางเขน.”—(นิวยอร์ก, 1897), เจ. เอฟ. เฮิสต์, เล่ม 1, หน้า 366.
มีข้อแตกต่างจริง ๆ ไหมหากคนหนึ่งเพียงแต่ทะนุถนอมไม้กางเขน แต่ไม่ได้นมัสการไม้กางเขนนั้น?
คุณจะรู้สึกอย่างไรหากเพื่อนที่คุณรักมากที่สุดคนหนึ่งถูกประหารเนื่องจากข้อกล่าวหาผิด ๆ? คุณจะทำรูปจำลองเครื่องมือที่ใช้ประหารนั้นไหม? คุณจะทะนุถนอม หรือจะรังเกียจเครื่องมือนั้น?
ในยิศราเอลโบราณ ชนยิศราเอลที่ไม่ซื่อสัตย์ได้ร่ำไห้เนื่องจากการตายของธามูศพระเท็จ. พระยะโฮวาทรงกล่าวถึงสิ่งที่พวกเขาทำนั้นว่าเป็น ‘สิ่งน่าสะอิดสะเอียน.’ (ยเอศ. 8:13, 14 ล.ม.) ตามประวัติศาสตร์ ธามูศคือพระของชาวบาบูโลน และมีการใช้ไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์แทน. ตั้งแต่ตอนแรกเริ่มในสมัยนิมโรด เมืองบาบูโลนต่อต้านพระยะโฮวาและเป็นปรปักษ์ต่อการนมัสการแท้. (เย. 10:8–10; ยิระ. 50:29) ดังนั้น ใครก็ตามที่ทะนุถนอมไม้กางเขนก็กำลังให้เกียรติต่อสัญลักษณ์แห่งการนมัสการซึ่งต่อต้านพระเจ้าองค์เที่ยงแท้.
ดังที่แถลงไว้ในยะเอศเคล 8:17, ชาวยิวที่ออกหากได้ ‘ถือกิ่งไม้อ่อนจะมาตำจมูกของพระยะโฮวา.’ พระองค์ทรงมองการกระทำเช่นนี้ว่าเป็นสิ่ง ‘น่าสะอิดสะเอียน’ และ “ร้ายกาจ.” เพราะเหตุใด? นักวิจารณ์บางคนอธิบายว่า “กิ่งไม้อ่อน” นี้เคยเป็นสัญลักษณ์ของอวัยวะเพศชายซึ่งมีการใช้ในการนมัสการเพศ. ดังนั้นแล้ว พระยะโฮวาจะทรงมองดูการใช้ไม้กางเขนอย่างไรซึ่งดังที่เราได้เห็นมาแล้วว่ามีการใช้เป็นสัญลักษณ์ในการนมัสการเพศ?