การเต็มใจเสนอตัวทำงานที่ดีทุกอย่าง
1 สิ่งพิมพ์ทางโลกฉบับหนึ่งกล่าวพาดพิงถึงพยานพระยะโฮวาว่า “คงยากจะหาสมาชิกของกลุ่มอื่นใดที่ทำงานเกี่ยวกับศาสนาของตนหนักเท่าพวกพยานฯ.” ทำไมพยานพระยะโฮวาทำงานหนักและด้วยความเต็มใจอย่างนั้น?
2 เหตุผลอย่างหนึ่งคือ พวกเขาถูกกระตุ้นด้วยความรู้สึกถึงความเร่งด่วน. พระเยซูทรงตระหนักว่าพระองค์มีเวลาอันจำกัดสำหรับการทำงานของพระองค์บนแผ่นดินโลกให้สำเร็จ. (โย. 9:4) ขณะที่พระบุตรองค์ทรงสง่าราศีของพระเจ้ากำลังประสบชัยชนะในท่ามกลางศัตรูของพระองค์ในทุกวันนี้ ไพร่พลของพระยะโฮวาก็ตระหนักว่า พวกเขามีเวลาจำกัดสำหรับทำงานของเขา. ฉะนั้น พวกเขาจึงเต็มใจเสนอตัวทำงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ. (เพลง. 110:1-3) เนื่องด้วยความจำเป็นต้องมีคนงานมากขึ้นเพื่อทำการเก็บเกี่ยว พวกเขาจึงต้องพยายามอย่างไม่ลดละ. (มัด. 9:37, 38) ดังนั้น พวกเขาเพียรพยายามเลียนแบบพระเยซูผู้ทรงวางแบบอย่างอันสมบูรณ์พร้อมแห่งความเต็มพระทัยและความขยันขันแข็งในการงานของพระองค์.—โย. 5:17.
3 อีกเหตุผลหนึ่งที่พยานพระยะโฮวาทำงานเต็มที่เหมือนทำถวายพระยะโฮวาก็คือ องค์การของพวกเขาซึ่งมีอยู่ทั่วโลกนั้นแตกต่างจากกลุ่มอื่น ๆ ทั้งหมด. โดยทั่วไปแล้ว องค์การศาสนาฝ่ายโลกเรียกร้องเวลาและความพยายามเพียงเล็กน้อยจากเหล่าผู้เชื่อถือของตน. สิ่งที่พวกเขาเชื่อมีผลกระทบน้อยนิดหรือไม่มีเลยต่อชีวิตประจำวันของเขา, การปฏิบัติของเขากับคนอื่น ๆ, หรือจุดมุ่งหมายในชีวิตของเขา. เมื่อขาดพลังกระตุ้นจากความเชื่อแท้ พวกเขาจึงเรียกร้องให้ผู้บำรุงเลี้ยงของเขา ‘พูดแต่เรื่องน่าฟังกับเขา” รับรองกับพวกเขาว่า ความพยายามนิดหน่อยของเขานั้นเพียงพอแล้ว. (ยซา. 30:10) พวกนักเทศน์นักบวชของพวกเขาก็ได้ทำตามด้วยการ ‘ยอนหูของเขา’ ใส่น้ำใจแห่งความไม่แยแส และความเกียจคร้านฝ่ายวิญญาณเข้าไป.—2 ติโม. 4:3.
4 ช่างตรงกันข้ามจริง ๆ ในท่ามกลางไพร่พลของพระยะโฮวา! ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการนมัสการของเราล้วนเกี่ยวข้องกับความพยายาม, การทุ่มเทตัว, และการงาน. ทุกวันและในทุกสิ่งที่เราทำ เราปฏิบัติตามที่เราเชื่อ. ขณะที่ความจริงนำมาซึ่งความยินดีมากมาย ความจริงก็เกี่ยวข้องกับการที่เรา “ผจญเป็นอันมาก” เพื่อทำสิ่งที่ความจริงเรียกร้องให้สำเร็จ. (เทียบกับ 1 เธซะโลนิเก 2:2.) แค่การเอาใจใส่ความรับผิดชอบในชีวิตประจำวันก็พอจะทำให้ผู้คนส่วนใหญ่มีงานยุ่งอยู่แล้ว. แต่เราไม่ยอมให้ความกังวลเหล่านั้นมากีดกันเราไว้จากการจัดให้ผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรไว้ในอันดับแรก.—มัด. 6:33.
5 สิ่งที่เราได้รับมอบหมายให้ทำให้การรับใช้พระยะโฮวาเป็นประโยชน์และเร่งด่วนมากจนเราถูกกระตุ้นให้ “ซื้อ” เวลาจากการมุ่งติดตามสิ่งอื่น ๆ และใช้เวลานั้นให้ได้ประโยชน์มากกว่าในเรื่องฝ่ายวิญญาณ. (เอเฟ. 5:16) ด้วยรู้อยู่ว่า ความเลื่อมใสในพระเจ้าและน้ำใจสมัครทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย เราจึงมีแรงกระตุ้นอันทรงพลังที่สุดที่จะทำงานหนักของเราต่อ ๆ ไป. ด้วยพระพรอันอุดมที่เราได้รับอยู่ขณะนี้และความหวังในเรื่องชีวิตอนาคต เราจึงตั้งใจแน่วแน่จะดำเนินต่อไปในการ “ทำงานหนักและทุ่มเทตัวเอง” เพื่อผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักร.—1 ติโม. 4:10, ล.ม.
6 ความเลื่อมใสและน้ำใจเสียสละตัวเอง: ผู้คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ให้ความสนใจและความจำเป็นด้านวัตถุขึ้นหน้าสิ่งอื่นทุกสิ่ง. พวกเขารู้สึกว่ามีเหตุผลเต็มที่ในการมุ่งความสนใจอยู่ที่สิ่งซึ่งพวกเขาจะกิน, ดื่ม, หรือสวมใส่. (มัด. 6:31) เมื่อไม่อิ่มใจพอใจกับสิ่งจำเป็นต่าง ๆ พวกเขาจึงถูกกระตุ้นด้วยเป้าหมายที่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดในขณะนี้และ ‘มีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี เพื่อเขาจะหายเหนื่อย, กิน, ดื่ม, และสนุกสนาน.’ (ลูกา 12:19) สมาชิกโบสถ์โดยทั่วไปรู้สึกว่า การที่ศาสนาของเขาเรียกร้องความพยายามเป็นส่วนตัวใด ๆ นั้นเป็นการละเมิดสิทธิของเขา. แนวคิดในเรื่องการเลิกหรือแม้แต่ลดการมุ่งแสวงหาฝ่ายวัตถุหรือสละผลประโยชน์ที่น่าพอใจนั้นเป็นเรื่องน่ารังเกียจ. เมื่อความคิดของเขามุ่งอยู่ที่ตัวเอง การปลูกฝังน้ำใจเสียสละตัวเองจึงเป็นเรื่องเพ้อฝัน ทำตามไม่ได้.
7 พวกเรามองเรื่องนี้ต่างออกไป. พระคำของพระเจ้าได้ยกระดับความคิดของเราขึ้นเพื่อเราจะคิดตามแบบพระเจ้าแทนที่จะคิดตามแบบคนเหล่านั้น. (ยซา. 55:8, 9) เรามีเป้าหมายในชีวิตซึ่งเหนือกว่าการมุ่งติดตามเนื้อหนัง. การพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาและการทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์คือประเด็นสำคัญที่สุดในเอกภพทั้งสิ้น. ความสำคัญของประเด็นเหล่านี้ยิ่งใหญ่มากจนเมื่อเทียบกันแล้ว ชาติทั้งสิ้น “เปรียบเท่ากับเลขศูนย์ต่อพระพักตร์พระองค์.” (ยซา. 40:17) ความพยายามใด ๆ ที่จะดำเนินชีวิตในแบบที่ละเลยพระทัยประสงค์ของพระเจ้าพึงต้องถือว่าเป็นเรื่องโง่เขลา.—1 โก. 3:19.
8 ดังนั้น ขณะที่วัตถุสิ่งของบางอย่างจำเป็นและสิ่งอื่น ๆ เป็นประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรมแห่งราชอาณาจักร เราก็เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ ‘สิ่งที่สำคัญกว่า’ จริง ๆ. (ฟิลิป. 1:10) เรายึดมั่นกับน้ำใจใน 1 ติโมเธียว 6:8 ในการจำกัดการมุ่งติดตามผลประโยชน์ฝ่ายวัตถุ และเพียรพยายามอย่างฉลาดเพื่อรักษาหัวใจเราให้มุ่งอยู่ที่ ‘สิ่งซึ่งมองไม่เห็นที่ยั่งยืนนิรันดร.’—2 โก. 4:18.
9 ยิ่งเราคิดตามแบบพระเจ้ามากเท่าใด เราก็ยิ่งมีความกังวลน้อยลงเท่านั้นในเรื่องสิ่งฝ่ายวัตถุ. เมื่อเราไตร่ตรองสิ่งที่พระยะโฮวาได้ทรงทำเพื่อเราและพระพรอันยอดเยี่ยมที่พระองค์ทรงสัญญาสำหรับอนาคต เราเต็มใจจะสละไม่ว่าสิ่งใดที่พระองค์ทรงเรียกร้องจากเรา. (มโก. 10:29, 30) เราเป็นหนี้ชีวิตพระองค์. หากไม่ใช่เพราะพระเมตตาและความรักของพระองค์ เราก็คงไม่มีความชื่นชมในชีวิตปัจจุบันและไม่มีอนาคตอะไรเลย. เรารู้สึกมีพันธะจะเสนอตัวเรา เพราะทุกสิ่งที่เราทำในงานรับใช้พระองค์ ‘คือสิ่งที่เราควร ทำ.’ (ลูกา 17:10) ไม่ว่าสิ่งใดที่เราถูกเรียกร้องให้ถวายคืนแด่พระยะโฮวา เราถวายด้วยความปลื้มปีติ โดยรู้ว่าเราจะ “เกี่ยวเก็บมาก.”—2 โก. 9:6, 7.
10 บัดนี้ จำเป็นต้องมีคนงานที่เต็มใจ: ตั้งแต่ตอนเริ่มต้น ประชาคมคริสเตียนก็ย่างเข้าสู่ยุคที่มีกิจกรรมมากมาย. ต้องมีการให้คำพยานอย่างทั่วถึงก่อนยะรูซาเลมล่มจมในปีสากลศักราช 70. ระหว่างเวลานั้น เหล่าสาวกของพระเยซู “ฝักใฝ่อย่างจริงจังในพระคำ.” (กิจ. 18:5, ล.ม.) การแผ่ขยายอย่างรวดเร็วทำให้จำเป็นต้องฝึกอบรมผู้เผยแพร่ข่าวดีและผู้บำรุงเลี้ยงที่ชำนาญจำนวนมากขึ้นและรับความช่วยเหลือจากพวกเขา. จำเป็นต้องมีคนที่มีประสบการณ์ในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองรวมทั้งคนที่มีความสามารถจะควบคุมดูแลการรวบรวมและการบริจาคสิ่งฝ่ายวัตถุ. (กิจ. 6:1-6; เอเฟ. 4:11) ขณะที่ไม่กี่คนรับใช้อย่างโดดเด่น ส่วนใหญ่ยังคงไม่เป็นที่สังเกตเห็นชัด. แต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็ ‘ทุ่มเทตัวเองอย่างแข็งขัน’ ทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อให้งานสำเร็จ.—ลูกา 13:24.
11 ถึงแม้มีความจำเป็นค่อนข้างน้อยในเรื่องกิจกรรมที่ทำอย่างขันแข็งในระดับทั่วโลกในช่วงหลายศตวรรษต่อจากนั้น แต่การฟื้นกิจกรรมราชอาณาจักรครั้งใหญ่เริ่มต้นเมื่อพระเยซูทรงรับขัตติยอำนาจในปี 1914. ทีแรก น้อยคนตระหนักว่า ความต้องการผู้คนที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรจะมีมากมาย ซึ่งจำต้องได้รับความช่วยเหลือจากหลายล้านคนที่เต็มใจในดินแดนต่าง ๆ ทั่วทั้งโลก.
12 ทุกวันนี้ องค์การได้เข้าเกี่ยวข้องอย่างมากกับโครงการต่าง ๆ มากมายซึ่งต้องใช้โภคทรัพย์ทั้งสิ้นเท่าที่มี. กิจกรรมราชอาณาจักรกำลังรุดหน้าในขอบเขตใหญ่โต. ความเร่งด่วนในสมัยของเรากระตุ้นให้เราทุ่มเทตัวเองและใช้ทรัพย์สินที่อยู่ในมือเพื่อทำงานซึ่งจำเป็นต้องทำให้เสร็จ. ในเมื่ออวสานแห่งระบบชั่วทั้งสิ้นคืบใกล้เข้ามาเต็มที เราจึงคาดหมายว่าจะมีกิจกรรมมากขึ้นอีกในวันข้างหน้า. ผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแล้วทุกคนของพระยะโฮวากำลังได้รับการขอให้เสนอตัวอย่างเต็มใจในงานรวบรวมอันเร่งด่วนนี้.
13 จำเป็นต้องทำอะไรบ้าง? เราสามารถพูดได้จริง ๆ ว่า มี “มีการงานมากที่จะให้ทำในงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ.” (1 โก. 15:58, ล.ม.) ในหลายเขต พืชผลสุกได้ที่ แต่คนงานมีน้อย. เราได้รับเชิญให้ทำส่วนของเราไม่เพียงในการให้คำพยานอย่างทั่วถึงยิ่งขึ้นตลอดเขตประกาศของเราเท่านั้น แต่ในการรับข้อท้าทายแห่งการรับใช้ในที่ซึ่งมีความต้องการมากกว่าด้วย.
14 น่าชมเชยที่เห็นวิธีที่พยานฯ ในทุกส่วนของแผ่นดินโลกเต็มใจเสนอตัวทำกิจกรรมแบบอื่น ๆ. กิจกรรมเหล่นี้อาจเรียงลำดับตั้งแต่การอาสาสมัครในการก่อสร้างสถานนมัสการ, การรับใช้ที่การประชุมภาค, และการช่วยเหลือในโครงการบรรเทาทุกข์ในยามที่มีภัยพิบัติกระทั่งทำความสะอาดหอประชุมเป็นประจำ. เกี่ยวกับกิจกรรมหลังนี้ มีเรื่องที่ต้องทำให้แน่ใจว่า หอประชุมอยู่ในสภาพสะอาดและมีระเบียบเสมอหลังการประชุมทุกครั้ง. การทำงานที่อาจถือกันว่าเป็นงานต่ำต้อยให้เสร็จนั้นแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอันถูกต้องเกี่ยวกับคำตรัสของพระเยซูที่ลูกา 16:10 ที่ว่า “คนที่สัตย์ซื่อในของเล็กที่สุดจะสัตย์ซื่อในของมากด้วย, และคนที่อสัตย์ในของเล็กที่สุดจะอสัตย์ในของมากด้วย.”
▪ การสนับสนุนกิจกรรมของประชาคม: ขณะที่แต่ละประชาคมดำเนินงานในฐานะเป็นส่วนขององค์การทั้งสิ้นและได้รับการชี้นำจาก “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ประชาคมก็ประกอบด้วยผู้ประกาศราชอาณาจักรเป็นรายบุคคล. (มัด. 24:45) ความสัมฤทธิผลของประชาคมส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่า พยานฯ แต่ละคนเต็มใจเพียงไรและสามารถทำได้แค่ไหน. ประชาคมมุ่งสนใจที่การให้ข่าวดีได้รับการประกาศในเขตของตน, ทำให้มีสาวกใหม่ ๆ, และจากนั้นก็เสริมพวกเขาให้เข้มแข็งฝ่ายวิญญาณ. เราแต่ละคนสามารถมีส่วนเสริมการงานนี้. อนึ่ง เราสามารถตั้งเป้าสำหรับตัวเราเองได้ในการศึกษาส่วนตัว, การมีส่วนในการประชุมอย่างมีความหมาย, และการช่วยเหลือพี่น้องที่ขัดสนในประชาคม. กิจกรรมเหล่านี้เปิดโอกาสอันดีหลายอย่างเพื่อแสดงถึงความเต็มใจของเรา.
▪ การนำหน้าในฐานะผู้ดูแล: พระยะโฮวาทรงมอบหมายการดูแลแต่ละประชาคมไว้กับผู้ปกครองที่ได้รับการแต่งตั้งของประชาคมนั้น. (กิจ. 20:28) คนเหล่านี้คือพี่น้องชายซึ่งได้บากบั่นเพื่อมีคุณวุฒิสำหรับสิทธิพิเศษนั้น. (1 ติโม. 3:1) พี่น้องชายแทบทุกคนในประชาคมมีศักยภาพบางอย่างที่ทำให้เขามีคุณวุฒิสำหรับหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น. พี่น้องชายหลายคนกำลังพัฒนาฝ่ายวิญญาณและจำเป็นต้องเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการชี้แนะและการช่วยเหลือด้วยความรักจากผู้ปกครองในประชาคม. ชายเหล่นี้ควรเป็นนักศึกษาที่ขยันศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือต่าง ๆ ของเรา. พวกเขาสามารถแสดงความเต็มใจของตนด้วยการยอมอยู่ใต้อำนาจผู้ปกครองที่ได้รับการแต่งตั้งด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์, เลียนแบบความเชื่อของเขา, และปลูกฝังคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ผู้ดูแลต้องมี.—เฮ็บ. 13:7, 17.
▪ การรับเอางานรับใช้เต็มเวลา: ประชาคมดำเนินงานเพื่อประกาศข่าวดีเป็นประการสำคัญ. (มัด. 24:14) นับเป็นพระพรจริง ๆ เมื่อผู้ที่ตั้งใจแรงกล้ามุ่งพยายามอย่างหนักด้วยการสมัครเป็นไพโอเนียร์! ตามปกติ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนในชีวิตส่วนตัว. พวกเขาอาจจำต้องมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเพื่อทำงานรับใช้ประเภทพิเศษนี้ต่อ ๆ ไป. แต่คนที่ยึดอยู่กับสิทธิพิเศษนี้แทนที่จะเลิกหลังจากปีหนึ่งหรือราว ๆ นั้นเพราะความท้อใจเป็นครั้งคราว ก็เป็นที่แน่นอนว่าจะได้รับพระพรอันอุดมจากพระยะโฮวา. ผู้ปกครองที่มีความรักและผู้ที่อาวุโสคนอื่น ๆ สามารถส่งเสริมความสำเร็จของไพโอเนียร์ได้โดยให้กำลังใจพวกเขาด้วยคำพูดและการกระทำ. ช่างเป็นน้ำใจดีเยี่ยมจริง ๆ ที่คนหนุ่มสาวแสดงให้เห็นที่เข้าสู่งานไพโอเนียร์ทันทีที่เรียนจบ! เป็นความจริงเช่นกันกับผู้ใหญ่ที่สมัครเป็นไพโอเนียร์ประจำทันทีที่พันธะของตนในทางโลกลดน้อยลง. การทำเช่นนี้นำความพึงพอใจมาสู่คริสเตียนที่อุทิศตัวแล้วสักเพียงไร ในเมื่อด้วยวิธีนี้ เขาร่วมมือกับพระยะโฮวาในการเร่งงานรวบรวม!—ยซา. 60:22.
▪ การเข้าร่วมในการก่อสร้างและการบำรุงรักษาสถานที่ประชุม: หอประชุมราชอาณาจักรอันทันสมัยหลายร้อยแห่งและหอประชุมใหญ่หลายแห่งถูกสร้างขึ้น. ที่น่าทึ่งคือ งานเกือบทั้งหมดทำโดยพี่น้องของเราซึ่งเต็มใจใช้เวลาและความชำนาญของตน. (1 โคร. 28:21) คนงานที่เต็มใจหลายพันคนรักษาอาคารเหล่านี้ให้อยู่ในสภาพดีด้วยการทำไม่ว่างานใด ๆ ที่จำเป็น. (2 โคร. 34:8) เนื่องจากงานนี้เป็นแง่หนึ่งแห่งการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ คนที่ช่วยจึงเสนอตัวด้วยความเต็มใจ ไม่ขอเงินชดเชยสำหรับการรับใช้ของตนในด้านนี้ เหมือนกับที่พวกเขาจะไม่ขอค่าจ้างสำหรับออกไปประกาศตามบ้าน, บรรยายสาธารณะในประชาคม, หรือช่วยงานการประชุมหมวดหรือการประชุมภาค. อาสาสมัครเหล่านี้เสนอการรับใช้อย่างไม่อั้นในการวางแผนงานและก่อสร้างสถานนมัสการเพื่อสรรเสริญพระยะโฮวา. พวกเขาขมีขมันช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ เช่น การจัดการเอกสารทางกฎหมาย, การทำบัญชี, ติดต่อจัดซื้อ, และคำนวณปริมาณวัสดุที่จำเป็นต้องใช้. ผู้รับใช้ที่ภักดีเหล่านี้ของพระยะโฮวาไม่บวกค่าใช้จ่ายบางอย่างหรือแสวงประโยชน์ทางวัตถุใด ๆ ไม่ว่าในทางตรงหรือทางอ้อมจากการบริการของตน เนื่องจากความสามารถและโภคทรัพย์ของตนทั้งสิ้นได้อุทิศแล้วแด่พระยะโฮวา. กิจกรรมเช่นนี้จำเป็นต้องมีคนงานซึ่งทำงานรับใช้ของตนด้วย “สิ้นสุดจิตวิญญาณเหมือนหนึ่งกระทำแด่พระยะโฮวา.”—โกโล. 3:23, ล.ม.
15 ถ้าเช่นนั้น อะไรล่ะที่ทำให้ความเต็มใจแห่งไพร่พลของพระยะโฮวาโดดเด่น? นั่นคือน้ำใจของการให้. การให้ด้วยใจกว้างของพวกเขาเกี่ยวข้องยิ่งกว่าเงินหรือสมบัติวัตถุ—พวกเขา “เสนอตัว ด้วยความเต็มใจ.” (เพลง. 110:3, ล.ม.) นี่คือแก่นแห่งการอุทิศตัวของเราแด่พระยะโฮวา. เราได้รับผลตอบแทนในแนวทางพิเศษ. เราประสบ “ความสุขยิ่งกว่า” และเรา “เกี่ยวเก็บมาก” เพราะคนอื่น ๆ หยั่งรู้ค่าสิ่งที่เราทำและตอบแทนเรา. (กิจ. 20:35, ล.ม.; 2 โก. 9:6; ลูกา 6:38) ผู้อำนวยประโยชน์องค์ใหญ่ยิ่งของเราคือพระยะโฮวาพระบิดาในสวรรค์ของเราผู้ทรง ‘รักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี.’ (2 โก. 9:7) พระองค์จะทรงตอบแทนเราร้อยเท่าด้วยพระพรซึ่งจะคงอยู่ตลอดกาล. (มลคี. 3:10; โรม 6:23) ดังนั้น เมื่อสิทธิพิเศษแห่งงานรับใช้พระยะโฮวามีพร้อมสำหรับคุณ คุณจะเต็มใจสมัครและตอบเหมือนที่ยะซายาได้ตอบไหมที่ว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ทรงใช้ข้าพเจ้าเถิด”?—ยซา. 6:8.