จงพยายามช่วยคู่สมรสที่ไม่เป็นพยานฯ
1 เป็นความยินดีอย่างยิ่งเมื่อคู่สมรสเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการนมัสการแท้. อย่างไรก็ตาม มีหลายครอบครัวที่สามีหรือภรรยาเพียงคนเดียวรับเอาแนวทางแห่งความจริง. เราจะเข้าถึงคู่สมรสที่ไม่เป็นพยานฯ เหล่านี้และสนับสนุนเขาให้นมัสการพระยะโฮวาด้วยกันกับเราได้อย่างไร?—1 ติโม. 2:1-4.
2 จงเข้าใจความคิดของเขา: แม้ว่าคู่สมรสที่ไม่เป็นพยานฯ บางคนอาจต่อต้าน แต่ส่วนใหญ่แล้วปัญหาอยู่ที่ความไม่สนใจหรือความเข้าใจผิด. เขาอาจรู้สึกถูกละเลยหรืออิจฉาความสนใจฝ่ายวิญญาณที่คู่สมรสเพิ่งจะได้พบ. สามีคนหนึ่งเล่าว่า “เมื่ออยู่คนเดียวที่บ้าน ผมรู้สึกถูกทอดทิ้ง.” อีกคนบอกว่า “ผมรู้สึกเหมือนกับว่าภรรยาและลูก ๆ กำลังจะทิ้งผมไป.” ผู้ชายบางคนอาจคิดว่าเขากำลังจะสูญเสียครอบครัวให้กับศาสนาหนึ่ง. (ดูหอสังเกตการณ์ 15 สิงหาคม 1990 หน้า 29-32.) ด้วยเหตุนั้น จึงนับว่าดีที่สุดที่จะให้สามีร่วมด้วยกับภรรยาในการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตั้งแต่แรกเลย หากเป็นไปได้.
3 จงทำงานเป็นทีม: คู่สมรสพยานฯ คู่หนึ่งทำงานด้วยกันในการช่วยเหลือคนที่สมรสแล้วให้เข้ามาในความจริง. หลังจากพี่น้องหญิงได้เริ่มศึกษากับผู้เป็นภรรยาแล้ว พี่น้องชายก็จะไปเยี่ยมผู้เป็นสามี. บ่อยครั้งเขาสามารถเริ่มการศึกษากับคนที่เป็นสามีได้.
4 จงเป็นมิตรและเอื้ออาทร: ครอบครัวทั้งหลายในประชาคมสามารถช่วยได้โดยสนใจในครอบครัวที่ยังไม่เป็นเอกภาพในการนมัสการแท้. การไปเยี่ยมด้วยไมตรีจิตบ้างในบางโอกาสอาจช่วยคู่สมรสที่ไม่เป็นพยานฯ เห็นว่า พยานพระยะโฮวาเป็นคริสเตียนที่เอาใจใส่และอบอุ่น สนใจในสวัสดิภาพของทุกคน.
5 เป็นครั้งคราว ผู้ปกครองอาจทบทวนความพยายามต่าง ๆ ที่ได้ทำไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ในการเข้าถึงคู่สมรสที่ไม่เป็นพยานฯ และตกลงกันว่าจะทำอะไรได้อีก โดยหวังว่าจะสามารถเอาชนะใจพวกเขาให้เข้ามาหาพระยะโฮวา.—1 เป. 3:1, เชิงอรรถ, ล.ม.