มาระโก
ข้อมูลสำหรับศึกษา บท 1
มาระโก: มาจากคำละติน มาร์คัส (Marcus) มาระโกเป็นนามสกุลโรมันของ “ยอห์น” ที่พูดถึงใน กจ 12:12 แม่ของเขาชื่อมารีย์เป็นสาวกรุ่นแรกที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม ยอห์น มาระโกเป็น “ลูกพี่ลูกน้องของบาร์นาบัส” (คส 4:10) พวกเขามักเดินทางไปด้วยกัน มาระโกยังเดินทางกับเปาโลและมิชชันนารีคริสเตียนคนอื่น ๆ ในยุคแรกด้วย (กจ 12:25; 13:5, 13; 2ทธ 4:11) ถึงแม้ไม่มีที่ไหนในหนังสือข่าวดีนี้บอกว่าใครเป็นคนเขียน แต่พวกนักเขียนในศตวรรษที่ 2 และ 3 ลงความเห็นว่ามาระโกเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้
ข่าวดีที่เขียนโดยมาระโก: ไม่มีผู้เขียนคนไหนบอกว่าตัวเขาเป็นคนเขียนและดูเหมือนว่าไม่มีชื่อหนังสืออยู่ในข้อความต้นฉบับ ในบางสำเนาของหนังสือข่าวดีของมาระโกใช้ชื่อหนังสือว่า อืออางเกะลิออน คาธา มาร์คอน (“ข่าวดี [หรือ “กิตติคุณ”] ที่เขียนโดยมาระโก”) แต่ในบางสำเนาก็ใช้ชื่อแบบสั้นว่า คาธา มาร์คอน (“เขียนโดยมาระโก”) ไม่มีใครรู้ชัดเจนว่าชื่อหนังสือถูกเพิ่มเข้ามาเมื่อไรหรือเริ่มใช้ตอนไหน บางคนคิดว่าน่าจะประมาณศตวรรษที่ 2 เพราะมีการพบชื่อหนังสือแบบยาวในสำเนาของหนังสือข่าวดีที่ทำขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 2 หรือต้นศตวรรษที่ 3 นักวิชาการบางคนบอกว่า การที่หนังสือเหล่านั้นถูกเรียกว่ากิตติคุณ (แปลตรงตัวว่า “ข่าวดี”) อาจเป็นเพราะมีคำนี้อยู่ในข้อความแรกของหนังสือมาระโก (“ต่อไปนี้คือตอนเริ่มต้นของข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นลูกของพระเจ้า”) นอกจากนั้น อาจมีการใช้ชื่อหนังสือที่ระบุชื่อคนเขียนด้วยเหตุผลที่ดีบางอย่าง เช่น ทำให้รู้ชัดว่าใครเป็นคนเขียน
ข่าวดี: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:23; 24:14 และส่วนอธิบายศัพท์
ข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์: ข้อความนี้ในภาษากรีกอาจแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ข่าวดีของพระเยซูคริสต์” ซึ่งหมายถึงข่าวดีที่พระเยซูประกาศ
ลูกของพระเจ้า: แม้สำเนาพระคัมภีร์บางฉบับไม่มีข้อความ “ลูกของพระเจ้า” แต่สำเนาพระคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดหลายฉบับมีข้อความนี้
ผู้พยากรณ์อิสยาห์: ข้อความในเครื่องหมายคำพูดต่อจากนี้ยกมาจาก มลค 3:1 และ อสย 40:3 คำพยากรณ์ทั้งสองข้อพูดถึงยอห์นผู้ให้บัพติศมา มีการใช้วงเล็บเพื่อแยกข้อความของมาลาคีออกจากข้อความของอิสยาห์ในข้อ 3 ข้อความของอิสยาห์เน้นเนื้อหาของข่าวสารที่ยอห์นประกาศ ส่วนมาลาคีเน้นบทบาทของยอห์นในฐานะทูตหรือผู้ส่งข่าว การบอกว่าข้อความในเครื่องหมายคำพูดทั้งหมดมาจากผู้พยากรณ์อิสยาห์อาจเป็นเพราะเนื้อหาของอิสยาห์เป็นส่วนที่ต้องการเน้น
คอยดูนะ: คำกรีก อีดู่ ที่แปลในข้อนี้ว่า “คอยดูนะ” มักใช้เพื่อกระตุ้นให้สนใจเรื่องที่กำลังจะพูด ให้นึกภาพเหตุการณ์หรือสนใจรายละเอียดบางอย่าง และยังใช้เพื่อเน้น หรือชี้ให้เห็นว่ามีอะไรใหม่หรือน่าตื่นเต้น ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกจะพบคำแบบนี้บ่อยที่สุดในหนังสือข่าวดีของมัทธิว ลูกา และหนังสือวิวรณ์ ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูก็มักใช้คำคล้าย ๆ กันนี้ด้วย
พระยะโฮวา: ข้อความนี้ยกมาจาก อสย 40:3 ซึ่งในต้นฉบับภาษาฮีบรูมีชื่อของพระเจ้าเขียนด้วยอักษรฮีบรู 4 ตัว (ตรงกับเสียงอักษรไทย ยฮวฮ) มาระโกเชื่อมโยงคำพยากรณ์นี้กับสิ่งที่ “ยอห์นผู้ให้บัพติศมา” (มก 1:4) ทำเพื่อเตรียมทางไว้สำหรับพระเยซู—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:3; ยน 1:23
ทำทางของพระองค์ให้ตรง: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:3
ผู้ให้บัพติศมา: หรือ “คนจุ่ม” คำกรีก บาพทิโศ ในข้อนี้และที่ มก 6:14, 24 อาจแปลได้ว่า “คนที่ให้บัพติศมา” คำนี้เมื่ออยู่ในรูปคำนามจะเป็นคำว่า บาพทิสเทส ซึ่งอยู่ใน มก 6:25; 8:28 และที่หนังสือมัทธิวกับลูกาด้วย ถึงแม้ 2 คำนี้จะต่างกันเล็กน้อยแต่ก็มีความหมายเหมือนกัน จึงเป็นเหตุผลที่ในต้นฉบับภาษากรีกที่ มก 6:24, 25 มีการใช้ทั้งสองคำสลับกัน—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:1
ที่กันดาร: คือที่กันดารยูเดีย—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:1
รับบัพติศมาเพื่อแสดงการกลับใจ: การบัพติศมาไม่ได้ชำระบาปให้หมดไป แต่การที่ผู้คนมารับบัพติศมาจากยอห์นเป็นการยอมรับอย่างเปิดเผยว่าพวกเขาทำผิดกฎหมายของโมเสสและตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเองจริง ๆ การกลับใจแบบนี้ช่วยพาพวกเขาไปหาพระคริสต์ (กท 3:24) บัพติศมาของยอห์นจึงเป็นการเตรียมผู้คนให้เห็น “การช่วยให้รอด” จากพระเจ้า—ลก 3:3-6; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:2, 8, 11 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “บัพติศมา”; “กลับใจ”
ผู้คนทั่วแคว้น: คำว่า “ทั่ว” ในข้อนี้เป็นอติพจน์หรือคำพูดเกินจริง เป็นการเน้นว่ามีคนมากมายสนใจเรื่องที่ยอห์นประกาศ แต่ไม่ได้หมายความว่าประชาชนทุกคนในแคว้นยูเดียหรือในกรุงเยรูซาเล็มออกไปหายอห์นจริง ๆ
รับบัพติศมา: หรือ “ถูกจุ่ม”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:11 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “บัพติศมา”
สารภาพบาปของตัวเองอย่างเปิดเผย: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:6
เสื้อผ้าที่ทำจากขนอูฐ: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:4
ตั๊กแตน: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:4
น้ำผึ้งป่า: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:4
ยิ่งใหญ่กว่า: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:11
รองเท้า: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:11
ให้บัพติศมาพวกคุณ: หรือ “จุ่มพวกคุณ”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:11 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “บัพติศมา”
ให้บัพติศมาพวกคุณด้วยพลังบริสุทธิ์: หรือ “จุ่มพวกคุณในพลังบริสุทธิ์” ในข้อนี้ยอห์นผู้ให้บัพติศมาประกาศว่าพระเยซูจะให้มีการบัพติศมาแบบใหม่ คือการบัพติศมาด้วยพลังบริสุทธิ์ คนที่รับบัพติศมาด้วยพลังบริสุทธิ์จะกลายเป็นลูกของพระเจ้าที่ได้รับการเจิม พวกเขามีความหวังจะมีชีวิตในสวรรค์และได้เป็นกษัตริย์ปกครองโลก—วว 5:9, 10
ในช่วงนั้น: บันทึกใน ลก 3:1-3 บอกให้รู้ว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมาเริ่มงานรับใช้ของเขา “ในปีที่ 15 ที่ซีซาร์ทิเบริอัสปกครอง” ซึ่งก็คือในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ. 29 (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 3:1) ประมาณ 6 เดือนหลังจากนั้น ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 29 พระเยซูมาหายอห์นเพื่อรับบัพติศมา—ดูภาคผนวก ก7
ทันที: นี่เป็นครั้งแรกในทั้งหมด 11 ครั้งที่มีการใช้คำกรีก อือธูส ในมาระโกบท 1 (มก 1:10, 12, 18, 20, 21, 23, 28-30, 42, 43) มีการแปลคำกรีกนี้ว่า “ทันที, ตอนนั้นเอง, อย่างรวดเร็ว, รีบ” ขึ้นอยู่กับท้องเรื่อง การที่มาระโกใช้คำนี้มากกว่า 40 ครั้งในหนังสือข่าวดีของเขาทำให้เรื่องที่เขาบันทึกดูน่าตื่นเต้นและเร่งด่วน
เห็น: จากบันทึกใน ยน 1:32, 33 ยอห์นผู้ให้บัพติศมาก็เห็นเหตุการณ์นี้ด้วย แต่ดูเหมือนบันทึกของมาระโกต้องการเน้นว่าพระเยซูเป็นคนเห็น
ท้องฟ้า: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:16
ท้องฟ้าแยกออก: ดูเหมือนตอนนี้พระเจ้าทำให้พระเยซูจำเรื่องราวตอนที่ท่านอยู่บนสวรรค์ก่อนมาเป็นมนุษย์ได้ คำพูดของพระเยซูหลังจากรับบัพติศมาแสดงให้เห็นว่าพระเยซูรู้ว่าก่อนมาเป็นมนุษย์ท่านเคยมีชีวิตในสวรรค์ โดยเฉพาะตอนที่อธิษฐานในคืนวันปัสกาปี ค.ศ. 33 ท่านใช้คำพูดที่แสดงถึงความใกล้ชิดกับพระยะโฮวามาก คำอธิษฐานนั้นยังแสดงให้เห็นด้วยว่าพระเยซูจำได้ว่าพ่อของท่านเคยพูดอะไร เคยทำอะไร และตัวท่านเคยได้รับเกียรติอย่างไรตอนที่อยู่ในสวรรค์ (ยน 6:46; 7:28, 29; 8:26, 28, 38; 14:2; 17:5) พระเจ้าคงให้ความทรงจำทั้งหมดนี้กับพระเยซูตอนที่ท่านรับบัพติศมาและได้รับการเจิม
เหมือนนกเขา: นกเขาถูกใช้ในการนมัสการและยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ด้วย มีการใช้นกเขาเป็นเครื่องบูชา (มก 11:15; ยน 2:14-16) นกเขาเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ไม่มีพิษมีภัย (มธ 10:16) นกเขาที่โนอาห์ปล่อยออกไปคาบใบมะกอกกลับมาที่เรือ ทำให้รู้ว่าน้ำกำลังลดลง (ปฐก 8:11) และเวลาของการหยุดพักและความสงบสุขใกล้เข้ามาแล้ว (ปฐก 5:29) ดังนั้น ตอนที่พระเยซูรับบัพติศมา พระยะโฮวาอาจใช้นกเขาเพื่อทำให้นึกถึงบทบาทของพระเยซูลูกที่บริสุทธิ์และไม่มีบาปของพระองค์ ซึ่งเป็นเมสสิยาห์ที่จะสละชีวิตเพื่อมนุษย์และทำให้มนุษย์ได้หยุดพักและมีความสงบสุขตอนที่ท่านปกครองเป็นกษัตริย์ พลังของพระเจ้าที่ลงมาบนพระเยซูตอนที่ท่านรับบัพติศมาอาจดูเหมือนนกเขากระพือปีกอยู่ใกล้ที่เกาะ
บน: หรือ “ใน” คือเข้ามาในตัวท่าน
เสียงพูดจากฟ้า: นี่เป็นครั้งแรกจากทั้งหมด 3 ครั้งที่หนังสือข่าวดีบันทึกว่ามนุษย์ได้ยินเสียงของพระยะโฮวา—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มก 9:7; ยน 12:28
ลูก . . . ของพ่อ: ตอนเป็นทูตสวรรค์ พระเยซูเป็นลูกของพระเจ้า (ยน 3:16) ตั้งแต่ตอนที่พระเยซูมาเกิดเป็นมนุษย์ ท่านก็เป็น “ลูกของพระเจ้า” เหมือนกับอาดัมตอนที่ยังเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ (ลก 1:35; 3:38) แต่ดูเหมือนมีเหตุผลที่จะสรุปว่าคำพูดของพระเจ้าในข้อนี้ไม่ได้บอกแค่ว่าพระเยซูเป็นใคร แต่การที่พระเจ้าพูดแบบนั้นพร้อมกับให้พลังบริสุทธิ์ดูเหมือนเป็นการแสดงให้เห็นว่าพระเยซูที่เป็นมนุษย์คนนี้เป็นลูกของพระเจ้าที่ได้รับการเจิมด้วยพลังบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการ “เกิดใหม่” โดยมีความหวังจะได้กลับไปสวรรค์ และเป็นการเจิมเพื่อจะเป็นกษัตริย์และมหาปุโรหิตที่พระเจ้าแต่งตั้ง—ยน 3:3-6; 6:51; เทียบกับ ลก 1:31-33; ฮบ 2:17; 5:1, 4-10; 7:1-3
พ่อพอใจในตัวลูกมาก: หรือ “พ่อชอบลูกมาก, พ่อโปรดปรานลูกมาก” มีการใช้สำนวนคล้ายกันนี้ที่ มธ 12:18 ซึ่งยกมาจาก อสย 42:1 ที่พูดถึงเมสสิยาห์ที่สัญญาไว้หรือพระคริสต์ การที่พระเจ้าพูดแบบนี้พร้อมกับให้พลังบริสุทธิ์กับพระเยซูเป็นการบอกชัดเจนว่าพระเยซูเป็นเมสสิยาห์ที่สัญญาไว้—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:17; 12:18
พลังของพระเจ้าก็กระตุ้นพระเยซูให้เข้าไป: คำกรีก พะนือมา ที่แปลในข้อนี้ว่าพลังของพระเจ้า หมายถึงพลังที่พระเจ้าใช้เพื่อทำสิ่งต่าง ๆ เช่น กระตุ้นหรือผลักดันให้ใครคนหนึ่งทำสิ่งที่สอดคล้องกับความประสงค์ของพระองค์—ลก 4:1; ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “พลัง”
ซาตาน: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:10
สัตว์ป่า: ในสมัยพระเยซูมีสัตว์ป่าอยู่ในอิสราเอลมากกว่าที่มีในปัจจุบัน ที่กันดารเป็นแหล่งอาศัยของหมูป่า ไฮยีนา เสือดาว สิงโต และหมาป่า มาระโกเป็นผู้เขียนหนังสือข่าวดีคนเดียวที่บอกว่ามีสัตว์ป่าอยู่ในบริเวณนั้น ดูเหมือนว่าหลัก ๆ แล้วเขาเขียนหนังสือข่าวดีเพื่อผู้อ่านที่ไม่ใช่ชาวยิว ซึ่งรวมถึงชาวโรมันและคนอื่น ๆ ที่อาจไม่คุ้นเคยกับลักษณะภูมิประเทศของอิสราเอล
ตอนนี้เป็นเวลาที่กำหนดไว้: ในท้องเรื่องนี้ “เวลาที่กำหนดไว้” (คำกรีก ไคร็อส) หมายถึงช่วงเวลาที่บอกไว้ล่วงหน้าในพระคัมภีร์ว่าพระเยซูจะเริ่มทำงานรับใช้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนเชื่อข่าวดีจากพระเจ้า มีการใช้คำกรีกเดียวกันนี้เมื่อพูดถึง “สมัย” หรือ “เวลา” ที่พระเจ้าพิพากษาซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พระเยซูทำงานรับใช้ (ลก 12:56; 19:44) และ “เวลาที่กำหนดไว้” ว่าท่านจะเสียชีวิต—มธ 26:18
รัฐบาลของพระเจ้า: ในข้อความต้นฉบับมีการใช้คำนี้ 14 ครั้งในหนังสือข่าวดีของมาระโก ส่วนในหนังสือมัทธิวใช้คำนี้แค่ 4 ครั้ง (มธ 12:28; 19:24; 21:31, 43) แต่มัทธิวใช้คำที่มีความหมายเหมือนกันคือ “รัฐบาลสวรรค์” ประมาณ 30 ครั้ง (เทียบ มก 10:23 กับ มธ 19:23, 24) พระเยซูให้รัฐบาลของพระเจ้าเป็นเรื่องหลักในการประกาศของท่าน (ลก 4:43) มีการพูดถึงรัฐบาลของพระเจ้ามากกว่า 100 ครั้งในหนังสือข่าวดีทั้ง 4 เล่ม และคนที่พูดเรื่องนี้มากที่สุดก็คือพระเยซู—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:2; 4:17; 25:34
ทะเลสาบกาลิลี: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:18
ชาวประมง: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:18
ทอดแห: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:18
หาคนแทนที่จะหาปลา: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:19
ตามท่านไป: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:20
ยากอบกับยอห์น: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:21
เศเบดี: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:21
กับลูกจ้าง: มาระโกเป็นคนเดียวที่บอกว่าเศเบดีกับลูกชายของเขามี “ลูกจ้าง” ที่ช่วยทำประมงด้วย อาจเป็นได้ว่ามาระโกได้ข้อมูลนี้มาจากเปโตรซึ่งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจประมงของเศเบดีและได้เห็นเหตุการณ์เกือบทั้งหมดที่มาระโกบันทึกไว้ (ลก 5:5-11; ดู “บทนำของหนังสือมาระโก” ด้วย) การที่เศเบดีกับลูกชายของเขามีลูกจ้างและมีเรือมากกว่า 1 ลำตามที่ลูกาบันทึกไว้แสดงให้เห็นว่าธุรกิจของพวกเขาไปได้ดี—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:18
คาเปอร์นาอุม: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:13
ที่ประชุมของชาวยิว: ดูส่วนอธิบายศัพท์
วิธีสอนของพระเยซู: ข้อความนี้ไม่ได้หมายถึงวิธีการสอนของพระเยซูเท่านั้น แต่รวมถึงคำสอนของท่านด้วย
ไม่ได้สอนเหมือนพวกครูสอนศาสนา: แทนที่จะอ้างคำสอนของพวกรับบีที่ผู้คนนับถือเหมือนที่ครูสอนศาสนาชอบทำกัน พระเยซูพูดในฐานะตัวแทนของพระยะโฮวาแบบคนที่ได้รับอำนาจจากพระเจ้า ท่านสอนโดยใช้พระคัมภีร์เป็นหลัก—ยน 7:16
ปีศาจ: หรือ “ทูตสวรรค์ชั่ว” แปลตรงตัวว่า “วิญญาณที่ไม่สะอาด” คำว่า ‘ไม่สะอาด’ เน้นให้เห็นว่าพวกทูตสวรรค์ชั่วไม่สะอาดทางด้านศีลธรรมและการนมัสการ และยังทำให้มนุษย์ที่อยู่ใต้อิทธิพลของพวกมันไม่สะอาดด้วย
ตะโกน: ตอนที่ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนตามที่บันทึกในข้อ 24 พระเยซูบอกให้ปีศาจหยุดพูดเพราะมันทำให้ผู้ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมา—มก 1:25; ลก 4:35
มายุ่งกับพวกเราทำไม?: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 8:29
พวกเรา . . . เรา: ในภาษาเดิมคำว่า “พวกเรา” อยู่ในรูปพหูพจน์ ส่วนคำว่า “เรา” อยู่ในรูปเอกพจน์ เนื่องจากมีการพูดถึงปีศาจแค่ตนเดียวในข้อ 23 ดังนั้น คำว่า “พวกเรา” ที่ปีศาจใช้ในข้อนี้น่าจะหมายถึงตัวมันกับเพื่อนปีศาจ และคำว่า “เรา” น่าจะหมายถึงตัวมันเอง
เงียบ!: ถึงแม้ปีศาจจะรู้ว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์หรือเมสสิยาห์และเรียกท่านว่า “ผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า” (ข้อ 24) แต่พระเยซูไม่ยอมให้มันเป็นพยานยืนยันว่าท่านเป็นใคร—มก 1:34; 3:11, 12
แม่ยายของซีโมน: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 4:38
ป่วยเป็นไข้: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 4:38
หลังดวงอาทิตย์ตกแล้ว: ดวงอาทิตย์ตกเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าวันสะบาโตสิ้นสุดลง (ลนต 23:32; มก 1:21; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 8:16; 26:20) ชาวยิวทุกคนเลยสามารถพาคนป่วยมาให้พระเยซูรักษาได้โดยไม่ต้องกลัวจะถูกต่อว่า—เทียบกับ มก 2:1-5; ลก 4:31-40
ป่วยและถูกปีศาจสิง: บางครั้งปีศาจก็ทำให้ผู้คนที่อยู่ภายใต้อำนาจของมันเจ็บป่วยได้ (มธ 12:22; 17:15-18) แต่คัมภีร์ไบเบิลแยกให้เห็นความแตกต่างระหว่างความเจ็บป่วยแบบปกติกับการถูกปีศาจสิง และไม่ว่าผู้คนจะเจ็บป่วยเพราะอะไร พระเยซูสามารถรักษาพวกเขาได้—มธ 4:24; 8:16; มก 1:34
คนทั้งเมือง: คล้ายกับคำว่า “ทั่ว” ที่อยู่ใน มก 1:5 การใช้คำว่า “ทั้ง” ในข้อนี้เป็นอติพจน์หรือคำพูดเกินจริงที่เน้นให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากมาหาพระเยซู
พวกมันรู้ว่าท่านเป็นพระคริสต์: สำเนาพระคัมภีร์ภาษากรีกบางฉบับบอกว่า “พวกมันรู้จักท่าน” ซึ่งอาจแปลได้ว่า “พวกมันรู้ว่าท่านเป็นใคร” ส่วนในบันทึกเหตุการณ์เดียวกันที่ ลก 4:41 บอกว่า “พวกมันรู้ว่าท่านเป็นพระคริสต์”
ทุกคน: ดูเหมือนเป็นอติพจน์หรือคำพูดเกินจริงที่เน้นว่ามีคนมากมายกำลังตามหาพระเยซู
ประกาศ . . . ทั่วแคว้นกาลิลี: นี่คือจุดเริ่มต้นการเดินทางประกาศรอบแรกของพระเยซูในแคว้นกาลิลี ท่านเดินทางไปพร้อมกับสาวก 4 คนที่เพิ่งถูกเลือก คือ เปโตร อันดรูว์ ยากอบ และยอห์น—มก 1:16-20; ดูภาคผนวก ก7
คนโรคเรื้อน: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 8:2 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “โรคเรื้อน”
คุกเข่า: ในประเทศแถบตะวันออกกลางสมัยโบราณ การคุกเข่าเป็นท่าทางที่แสดงความนับถือโดยเฉพาะตอนที่กำลังอ้อนวอนคนที่มีฐานะหรือตำแหน่งสูงกว่า มาระโกเป็นผู้เขียนหนังสือข่าวดีคนเดียวที่พูดถึงการคุกเข่าในเหตุการณ์นี้
รู้สึกสงสาร: (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 9:36) คัมภีร์ไบเบิลสมัยใหม่บางฉบับแปลประโยคนี้ว่า “รู้สึกโกรธ” แต่การแปลว่า “รู้สึกสงสาร” พบได้ในสำเนาพระคัมภีร์โบราณส่วนใหญ่ รวมถึงสำเนาที่เก่าแก่และน่าเชื่อถือที่สุด นอกจากนั้น ท้องเรื่องก็สนับสนุนแนวคิดที่ว่าพระเยซูรู้สึกสงสาร ไม่ใช่โกรธ
สัมผัสตัวเขา: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 8:3
ผมอยากช่วย: ดู ข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 8:3
อย่าพูดเรื่องนี้กับใคร: พระเยซูอาจให้คำสั่งนี้เพราะไม่ต้องการให้ผู้คนมายกย่องชื่อเสียงของท่านแทนที่จะสนใจพระยะโฮวาพระเจ้าและข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระองค์ การทำแบบนี้ทำให้คำพยากรณ์ที่ อสย 42:1, 2 เกิดขึ้นจริงที่บอกว่า ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจะ “ไม่ส่งเสียงดังให้ผู้คนได้ยินตามถนน” ซึ่งหมายความว่าเขาจะไม่ทำสิ่งที่เรียกร้องความสนใจ (มธ 12:15-19) ความถ่อมของพระเยซูทำให้ผู้คนสดชื่น ไม่เหมือนกับพวกคนเสแสร้งที่พระเยซูตำหนิ เพราะพวกเขาชอบอธิษฐาน “ตามมุมถนนใหญ่เพื่ออวดคนอื่น” (มธ 6:5) ดูเหมือนพระเยซูอยากให้คนเชื่อว่าท่านเป็นพระคริสต์โดยอาศัยหลักฐานที่หนักแน่น ไม่ใช่ข่าวลือที่น่าตื่นเต้นเรื่องการอัศจรรย์ของท่าน
ไปให้ปุโรหิตตรวจดู: ตามกฎหมายของโมเสส ปุโรหิตต้องตรวจดูว่าคนที่เป็นโรคเรื้อนหายจากโรคแล้วหรือไม่ คนที่หายโรคต้องไปที่วิหารเพื่อถวายเครื่องบูชาตามที่กฎหมายของโมเสสสั่งไว้ใน ลนต 14:2-32