หนุ่มสาวถามว่า . . .
ฉันพร้อมจะรับบัพติสมาแล้วหรือยัง?
สมาคมว็อชเทาเวอร์ที่รัก:
หนูชื่อชารอน อายุ 13 ปี. หนูสงสัยว่าพร้อมจะบัพติสมาแล้วหรือยัง. หนูคิดว่าพร้อมแต่ก็ยังไม่แน่ใจ. หนูมั่นใจว่าสิ่งนี้คงอยู่ในใจหนุ่มสาวคริสเตียนคนอื่น ๆ ด้วย. ช่วยกรุณาลงบทความเพื่อให้หนูหายข้องใจได้ไหมคะ?
ชารอนพูดถูก. เรื่องการรับบัพติสมาอยู่ในใจของหนุ่มสาวผู้ซึ่งเกรงกลัวพระเจ้า จำนวนมากทีเดียว. ในหมู่พยานพระยะโฮวาหนุ่มสาวสำนึกว่าพวกเขาจะต้องตัดสินด้วยตนเองที่จะรับใช้พระเจ้า พ่อแม่ของพวกเขาไม่สามารถทำการตัดสินแทนได้. พวกเขาตระหนักถึงคำสั่งของพระเยซูคริสต์ด้วยที่ให้ผู้ติดตามพระองค์แสดงเครื่องหมายการอุทิศตัวต่อพระเจ้าด้วยการรับบัพติสมาในน้ำ.—มัดธาย 28:19, 20.
การประกาศอย่างเปิดเผยถึงการเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเป็นความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง. แน่นอนคุณคงไม่อยากจะรีบเร่งเร็ว ๆ เพื่อเป็นที่พอใจของเพื่อนหรือพ่อแม่. ยิ่งกว่านั้น ไม่ควรมีใครบังคับคุณให้รับบัพติสมา. (บทเพลงสรรเสริญ 110:3) อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงเตือนสติทุกคนให้ “คิดราคาดูก่อน” ในการเป็นสาวกของพระองค์. (ลูกา 14:28) สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่า คุณควรจะตรึกตรองว่าคุณต้องการเข้ามาเป็นสาวกของพระเยซูหรือไม่. เห็นชัดว่า การเข้ามาเป็นสาวกเป็นสิ่งที่ถูกต้องสมควรทำ. อย่างไรก็ดี คุณควรจะตระหนักถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเป็นพยานพระยะโฮวา.a ขั้นต่อไป คุณควรจะตัดสินว่าคุณพร้อมจะแบกความรับผิดชอบนี้หรือไม่.—เปรียบเทียบสุภาษิต 20:25.
‘ฉันอายุมากพอไหม?’
ขณะที่เด็กวัยหนุ่มสาวกำลังโตขึ้น บ่อยครั้งพวกเขารู้สึกว่าเขามีสิทธิ์ที่จะได้สิทธิพิเศษและความรับผิดชอบบางอย่าง. พวกเขารบเร้าอย่างไม่รอช้าที่จะขับรถของครอบครัว เร่งร้องเพื่อได้การอนุญาตทำงานหลังเลิกเรียน หรือคะยั้นคะยอเพื่อมีเงินใช้เป็นของตัวเอง. แต่เมื่อมาถึงการรับบัพติสมาหนุ่มสาวจำนวนมากแก้ตัวว่ายังเด็กเกินไปหรือยังไม่พร้อมสำหรับความรับผิดชอบนี้. เด็กหนุ่มชื่อแอนเดรตั้งข้อสังเกตว่า “หนุ่มสาวจำนวนมากคอยจนกระทั่งอายุ 17 หรือ 18 ปีจึงรับบัพติสมา ซึ่งก็แก่ไปนิดหน่อยแล้ว.” ทำไมล่ะ? “เพราะช่วงเวลานานก่อนหน้านั้นเขาก็มีอายุมากพอที่จะทำการตัดสินอย่างอื่นด้วยตนเองได้.”
ใช่แล้ว เพียงข้อเท็จจริงที่ว่า คุณเป็นแค่วัยรุ่นไม่ใช่ข้อแก้ตัวเพื่อ “จะขยักขย่อนอยู่ระหว่างสองฝ่าย” หรือไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นสำหรับการปฏิเสธการยึดฐานะเป็นคริสเตียน. (1 กษัตริย์ 18:21, ฉบับแปลใหม่) คัมภีร์ไบเบิลแนะนำว่า “ในปฐมวัยของเจ้าจงระลึกถึงพระองค์ผู้ได้ทรงสร้างตัวเจ้านั้น.” (ท่านผู้ประกาศ 12:1) ผู้พยากรณ์ซามูเอลเป็นคนหนึ่งที่เริ่มรับใช้พระยะโฮวาตั้งแต่เยาว์วัย. (1 ซามูเอล 3:1-18; 12:2) ดาวิดผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญสามารถกล่าวได้เช่นกันว่า “ข้าแต่พระยะโฮวาเจ้า เพราะพระองค์เป็นที่หวังใจของข้าพเจ้า พระองค์เป็นที่วางใจของข้าพเจ้าตั้งแต่เด็ก ๆ มา.”—บทเพลงสรรเสริญ 71:5.
ในทำนองเดียวกัน ปัจจุบันหนุ่มสาวคริสเตียนหลายพันคน—รวมทั้งบางคนที่กำลังย่างเข้าสู่วัยหนุ่มสาว—ได้พิสูจน์ว่าตนเองมีความรับผิดชอบเพียงพอที่จะทำการอุทิศตัวรับใช้พระเจ้า. จริงอยู่ หนุ่มสาวบางคนขาดการเอาจริงเอาจัง และขาดความรับผิดชอบอย่างมากและไม่เป็นผู้ใหญ่เพียงพอทางอารมณ์เพื่อทำการตัดสินใจซึ่งมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อการรับบัพติสมา. (สุภาษิต 22:15) แต่นี้เป็นจริงในกรณีของคุณไหม? (ไม่ต้องสงสัยว่าพ่อแม่ของคุณคงจะมีอะไรหลายอย่างที่จะบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้.) พระเจ้าไม่คาดหมายเลยว่าหนุ่มสาวจะต้องเป็นผู้ใหญ่เท่าคนอายุ 40 ปี. พระองค์รู้ดีว่าคุณคงจะประสบกับ “ความปรารถนาซึ่งมักมีในวัยหนุ่มสาว.” (2 ติโมเธียว 2:22, ล.ม.) แต่ถ้าคุณโตพอที่จะเป็นคนจริงจังและรับผิดชอบ เช่นนั้นแล้วคุณก็คงมีอายุมากพอที่จะพิจารณาเรื่องการอุทิศตัว. อย่างไรก็ตาม มีคำถามอื่น ๆ อีกที่คุณควรถามตัวเอง.
‘ฉันมีความรู้พอเพียงแล้วหรือยัง?’
หนังสือ ดิ อะโดเลเซนท์ โดย เอฟ. ฟิลิป ไรช์ ตั้งข้อสังเกตว่า “การมองผิวเผิน แนวคิดพื้น ๆ เกี่ยวกับศาสนา บ่อยครั้งจะไม่สามารถตั้งอยู่ได้ขณะถูกโจมตีหรือถูกทดลอง.” กระนั้น มร. ไรช์ให้ข้อสังเกตว่า “มีบางอย่างที่ชี้บอกว่าหนุ่มสาวในปัจจุบันไม่รู้อะไรเลย. การสำรวจความรู้เกี่ยวกับพระคัมภีร์ของนักศึกษาปีที่สองของมหาวิทยาลัยโปรเตสแตนต์และยิวเผยให้เห็นว่า เขาไม่รู้จริง ๆ เกี่ยวกับพระคัมภีร์พันธสัญญาเก่าและใหม่.”
ไม่ควรเป็นเช่นนั้นกับคนที่จะรับบัพติสมา. ก่อนอื่นเขาจะต้อง ‘รับความรู้’ เพื่อจะเป็นสาวก หรือผู้ที่ถูกสอน. (โยฮัน 17:3; มัดธาย 28:19) ดังนั้นไม่มีเหตุผลหรอกหรือที่จะคาดหมายว่าก่อนรับบัพติสมาคุณจะรู้อย่างน้อย “ประถมโอวาทตอนต้น ๆ ของพระเจ้า”? (เฮ็บราย 5:12) สิ่งนี้รวมถึงการรู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรในเรื่องจิตวิญญาณ สภาพของคนตาย การเชิดชูพระนามของพระเจ้า ราชอาณาจักร และค่าไถ่.
จริงอยู่ คุณได้รู้บางสิ่งเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลแล้วจากการเข้าร่วมประชุมคริสเตียนพร้อมกับพ่อแม่ของคุณ. แต่ความรู้ที่ได้รับโดยทางนี้อาจจะผิวเผินและอาจไม่ ‘คงทนต่อการโจมตีและการทดลอง.’ คุณต้องสามารถให้คำตอบแก่คนอื่นว่า คุณ “มีความหวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด.”—1 เปโตร 3:15.
เทอร์รี่กล่าวว่าเธอเชื่อความจริงในพระคัมภีร์. กระนั้นเธอสารภาพว่า “ฉันไม่เคยทำให้ตัวเองจุใจโดยถามคำถามในใจแล้วตอบคำถามเหล่านั้น. เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันเริ่มทำสิ่งนี้.” การจัดระเบียบเพื่อศึกษาพระคัมภีร์เช่นนั้นได้ผลอย่างไร? “ความเชื่อของฉันกำลังเพิ่มมากขึ้นและเดี๋ยวนี้ฉันพบว่าสามารถพูดกับผู้คนด้วยความมั่นใจอย่างแท้จริง. ฉันบอกหนุ่มสาวพยานฯ ทุกคนว่าไม่ต้องกลัวที่จะถามตนเองว่านี่เป็นความจริงหรือเปล่า. ค้นดูซิ! โดยค้นคว้าและศึกษา. ‘จงรู้แน่ในทุกสิ่ง.’ เมื่อนั้นคุณสามารถอุทิศตัวอย่างสุดหัวใจต่อพระยะโฮวา.”—1 เธซะโลนิเก 5:21, ล.ม.
“ผู้ปฏิบัติตามพระคำ”
อย่างไรก็ตาม เราจะต้อง “เป็นผู้ที่ปฏิบัติตามพระคำ ไม่ใช่เป็นแต่ผู้ฟังเท่านั้น.” (ยาโกโบ 1:22, ล.ม.) คุณไม่สามารถเสนอตัวเพื่อรับบัพติสมาและ “เป็นคนมารยา” โดยปกปิดความผิดร้ายแรง. (บทเพลงสรรเสริญ 26:4, ฉบับแปลใหม่) ความผิดเช่นนั้นรวมถึงการผิดศีลธรรมทางเพศ การเมาเหล้า การใช้ยาเสพติด หรือความผิดอื่น ๆ ที่กล่าวใน 1 โกรินโธ 6:9, 10. ถ้าคุณมีปัญหาในทำนองนี้ ทำไมไม่เตรียมการกับคุณพ่อคุณแม่เพื่อคุยกับคริสเตียนผู้ปกครองบางคน? คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการสงเคราะห์ด้วยความกรุณา.—ยาโกโบ 5:14, 15.
อาจจะมีความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงบางอย่างด้วยในการปฏิบัติต่อพ่อแม่ของคุณหรือในทัศนะต่อคำแนะนำที่มาจากคริสเตียนผู้ปกครอง แม้แต่ในการเลือกเพื่อน. (สุภาษิต 6:20, 13:20; 1 โกรินโธ 15:33; เฮ็บราย 13:17) อาจไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น แต่สุภาษิต 11:19 เตือนเราว่า “บุคคลผู้แน่แน่วในความชอบธรรมจะได้ชีวิตและบุคคลผู้ติดตามความชั่วย่อมทำให้เกิดความตายแก่ตนเอง.”
พระยะโฮวาเรียกร้องความสมบูรณ์จากคุณไหม? ไม่เลย. สุภาษิต 20:9 ถามว่า “ใครจะว่าได้ว่า ‘ข้าได้ชำระใจของข้าให้สะอาดแล้ว ข้าบริสุทธิ์ปราศจากบาปทุกอย่าง’?” เนื่องจากความไม่สมบูรณ์เรายังคงมีแนวโน้มจะทำผิด. แต่เนื่องด้วยค่าไถ่ของพระเยซู เราสามารถอยู่ในฐานะอันดีจำเพาะพระเจ้า. (1 โยฮัน 2:1, 2) ยกตัวอย่าง หนุ่มสาวที่ต่อสู้กับนิสัยไม่ดีของตัวเองอย่างหนัก เช่น กิจปฏิบัติที่ไม่สะอาดในเรื่องการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ไม่ต้องรู้สึกว่าเขาหรือเธอไม่มีคุณสมบัติสำหรับการรับบัพติสมาเสมอไป.b ที่จริง โดยการพากเพียรต้านทานความอธรรม คนเราสามารถทำให้พระทัยของพระยะโฮวาเกิดความยินดี!—สุภาษิต 27:11.
‘ฉันทำให้พระเจ้าเป็นเพื่อนของฉันไหม?’
กระนั้น บางทีคำถามที่สำคัญที่สุดนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า. จงจำไว้ว่า คุณอุทิศตัวไม่ใช่สำหรับการงาน อุดมการณ์ หรือแม้แต่องค์การ แต่ต่อพระเจ้าเอง. พระเจ้าดูประหนึ่งว่าไม่มีตัวตนหรือห่างไกลไหม? หรือคุณได้มารู้จักและรักพระองค์ในฐานะเป็นบุคคลไหม? (เอ็กโซโด 34:6, 7) ถ้าเช่นนั้น คุณจะพบว่าคุณคุยกับพระองค์บ่อย ๆ ไม่ใช่เหมือนเครื่องจักร แต่จากหัวใจ.—บทเพลงสรรเสริญ 62:8.
คุณจะพบเช่นกันว่าคุณจำต้องพูดกับคนอื่น ๆ เกี่ยวกับพระเจ้า. (เปรียบเทียบ 2 โกรินโธ 5:14.) สุภาษิต 15:7 กล่าวว่า “ริมฝีปากของคนมีปัญญาย่อมเผยแพร่ความรู้.” คุณทำการประกาศแก่คนอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอไหม? หรือคุณปล่อยให้การหย่อนใจ ความบันเทิง หรือแม้แต่ ความขี้เกียจเหนี่ยวรั้งคุณจากการช่วยเหลือคนอื่นให้มารู้จักพระเจ้า?—สุภาษิต 19:24.
ใช่แล้ว เพื่อการบัพติสมาจะมีความหมาย คุณจำต้องมีพระเจ้าเป็นเพื่อนสนิทที่สุด. (เปรียบเทียบยาโกโบ 2:23.) หากไม่เป็นเช่นนั้นในขณะนี้ ก็ไม่ใช่ความผิดของพระเจ้า เพราะพระองค์เชื้อเชิญทุกคนอย่างอบอุ่นให้แสวงหาพระองค์. (กิจการ 17:27) และโดยบากบั่นในการศึกษาส่วนตัว การอธิษฐาน และการคบค้ากับพลไพร่ของพระองค์ ในไม่ช้าคุณจะรู้สึกใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น. (โรม 12:12; 1 ติโมเธียว 4:15; เฮ็บราย 10:24, 25) การบัพติสมาจะเป็นผลสืบเนื่องจากการ “เข้าใกล้พระเจ้า.”—ยาโกโบ 4:8, ล.ม.
ลองพิจารณาตัวอย่างของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ ซินดี. เธอเขียนว่า “ฉันรับบัพติสมาเมื่ออายุ 14 ปี. ฉันรู้ว่า การลังเลใจในการกระทำเช่นนั้นเป็นอย่างไร. แต่ฉันอยากจะบอกว่านั้นเป็นสิ่งวิเศษที่สุดที่คุณทำได้. คิดดูซิ การที่รู้ว่าพระยะโฮวาทรงยอมรับคุณและที่ว่าพระองค์ “จะไม่ละท่านไว้เลยหรือจะไม่ทิ้งท่านเสียเลย”! (เฮ็บราย 13:5, ล.ม.) ถ้ามีใคร ๆ ถามฉันว่าเขาควรอุทิศตัวต่อพระเจ้าไหม ฉันจะตอบว่า ควร! แต่ไม่ควรทำเพื่อให้คนอื่นพอใจ. จงทำเพราะคุณต้องการจะทำ.”
[เชิงอรรถ]
a ดูบทความเรื่อง “ทำไมฉันต้องรับบัพติสมา?” ในอะเวค! ฉบับวันที่ 22 มีนาคม 1990. (ภาษาอังกฤษ)
b ดูบทที่ 25, 26 ของหนังสือปัญหาที่หนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ใช้ได้ผล พิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็ค ออฟ นิวยอร์ก. (ภาษาอังกฤษ)
[รูปภาพหน้า 16]
หนุ่มสาวจำนวนมากมีคุณสมบัติสำหรับการรับบัพติสมา. คุณล่ะ?