ป้องกันไม่ให้นิสัยไม่ดีกลับคืนมา
“ฉันชนะแล้ว! ในที่สุดการต่อสู้ ก็สิ้นสุดเสียที!”
ถ้อยคำเหล่านั้นแสดงถึงความรู้สึกแห่งชัยชนะที่ได้ประสบโดยบุคคลซึ่งต่อสู้กับนิสัยอันไม่น่าปรารถนาและเป็นผู้ที่เอาชนะนิสัยนั้นได้.
กระนั้น บุคคลดังกล่าวจะได้รับผลกระทบทางใจเพียงไรถ้านิสัยไม่ดีนั้นปะทุขึ้นใหม่! ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ ที่จะพบว่านิสัยไม่ดีซึ่งเชื่อว่าได้เลิกไปแล้วตลอดกาลนั้นได้กลับมาอีกอย่างรุนแรงและโดยไม่ทันรู้ตัว!
บางทีคุณอาจเคยประสบกับการหวนกลับของนิสัยไม่ดีซึ่งคุณปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเอาชนะ. หากนั่นเป็นกรณีที่เกิดขึ้น คุณอาจเริ่มสงสัยความสามารถของคุณในการเลิกการกระทำสิ่งไม่พึงปรารถนานั้นอย่างถาวร. และการกระทำอันไม่พึงปรารถนานั้นอาจมีหลายประการเช่น: การรับประทานมากเกินไป, “การติด” ของหวาน, ดื่มจัด, ซื้อของโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง, สายเป็นนิสัย, การพนัน, การสูบบุหรี่, และนิสัยอื่น ๆ อีกมาก.
“ทำไมฉันจึงย้อนรอยเดิมในเมื่อเกือบชนะอยู่แล้ว?”
ดูเหมือนว่าเมื่อคุณได้ผ่านขั้นตอนแรก ๆ ของการเลิกจากนิสัยไม่ดีมาแล้ว การหลีกเลี่ยงนิสัยนั้นต่อไปคงจะง่ายขึ้น. แต่จากการศึกษาหลายรายแสดงว่ามักจะไม่เป็นเช่นนั้น.
ในหนังสือเซลฟว็อชชิง นักเขียนอาร์. ฮอดจ์สันและพี. มิลเลอร์ อธิบายว่า: “เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าการหวนกลับของนิสัยไม่ดีนั้นจะเกิดขึ้นภายในสามเดือนแรกหลังจากการรักษา. ที่จริง การศึกษารายหนึ่งชี้ให้เห็นว่าประมาณร้อยละ 66 ของผู้ที่สูบบุหรี่, ดื่มสุรา และติดยา กลับสู่นิสัยเดิมอีกภายใน 90 วันจากการตัดสินใจครั้งแรกของพวกเขาที่จะเปลี่ยนนิสัยนั้น. อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นซึ่งสามารถข่มบังคับความอยากของเขาในระหว่างช่วงสามถึงหกเดือนแรกนั้นมีโอกาสดียิ่งในการรักษาไว้ซึ่งการควบคุมบังคับตนเอง.”
เพราะเหตุใดการหวนกลับอีกของนิสัยไม่ดีนั้นจึงคุกคามเป็นเดือน ๆ—หรือบางครั้งเป็นปี ๆ—หลังจากช่วงแรก ๆ ของการงด? เหตุผลหนึ่งคือความกดดันบางอย่างในชีวิตอาจรื้อฟื้นขึ้นมาอีก และในอดีตนิสัยไม่ดีต่าง ๆ ก็เป็นแหล่งของการบรรเทาชั่วคราว. ดังนั้นแม้ว่าภายหลังจากที่คุณรู้สึกว่าคุณได้เอาชนะนิสัยอันไม่พึงปรารถนาอย่างหนึ่งแล้ว ถ้าคุณตกอยู่ภายใต้ความเครียด—เช่นที่เกิดขึ้นเพราะความล้มเหลวทางการเงิน, ปัญหาด้านสุขภาพ, ความผิดหวังนานาประการ—จงระวังระไวต่อการหวนกลับของนิสัยไม่ดี! หากคุณรู้สึกเบื่อหรือเหงา อย่ารู้สึกประหลาดใจถ้านิสัยเก่าของคุณรุมเร้าผุดขึ้นอีก.
สาเหตุอื่นของการหวนกลับของนิสัยไม่ดีอาจเป็นความกดดันทางสังคม, ความขัดแย้งกับผู้คน, ความรู้สึกในแง่ลบ, และการตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีการล่อใจรุนแรง.
การป้องกันการหวนกลับ
แม้กระทั่งภายหลังจากช่วงแรก ๆ ของการต่อสู้กับนิสัยไม่ดีอย่างประสบผลสำเร็จ เป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะยังคงใช้กลยุทธ์เดิมซึ่งได้ช่วยคุณให้ละทิ้งนิสัยนั้นในตอนแรก. กลยุทธ์เหล่านั้นอาจใช้ได้เรื่อยไป หรือในบางกรณีอาจเพียงพอที่จะนำมาใช้เป็นครั้งคราว ดังเช่นในช่วงของความเครียดหรือการล่อใจที่รุนแรง.
ยกตัวอย่าง คุณอาจเก็บบันทึกเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าของคุณ เช่นบันทึกทุกวันหรือทุกสัปดาห์ขณะที่คุณพยายามลดน้ำหนัก. การทำเช่นนี้เป็นประโยชน์ในการเลิกนิสัยบางอย่าง และไม่ควรเลิกทำแม้กระทั่งเมื่อคุณเชื่อว่าอันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว.
เช่นกัน คุณอาจเคยมีวิธีการบางอย่างในการให้รางวัลตัวเองเมื่อใดก็ตามที่คุณทำสำเร็จในการต้านทานนิสัยไม่ดีซึ่งคุณกำลังพยายามจะเอาชนะอยู่นั้น. วิธีการให้รางวัลแบบใหม่ อาจมีประโยชน์ในการป้องกันการกำเริบของนิสัยไม่ดีได้. หรือในการเลิกนิสัยบางอย่างนั้น คุณได้แสวงหาการช่วยเหลือจากเพื่อนสักคนไหม? ยอมให้คนนั้นช่วยคุณในการรักษาตัวให้พ้นจากนิสัยไม่ดีที่ได้เลิกแล้วนั้น.
มีกลยุทธ์อื่น ๆ อีกไหมที่จะช่วยคุณให้ต้านทานการถอยกลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีความกดดัน?
ต้านทานโดยการทดแทน
ดร. อาร์. สจ๊วต ผู้อำนวยการด้านจิตวิทยาแห่งเวท วอทเชอส์ อินเตอร์เนชันแนล ให้คำแนะนำดังต่อไปนี้แก่คนเหล่านั้นที่พยายามจะลดน้ำหนัก: “จงครุ่นคิด อยู่แต่ในขอบเขตแห่งกิจกรรมที่ดึงดูดความสนใจ. งานฝีมือก็ช่วยได้ดี และงานอดิเรกก็เช่นกัน. ถ้าเป็นได้ มีเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ อยู่ใกล้มือและที่ทำงานซึ่งจัดไว้เรียบร้อย เพื่อคุณจะสามารถทำกิจกรรมของคุณได้ในทันทีที่คุณสนใจอยากจะทำ.” บางทีกลเม็ดเช่นนี้อาจช่วยคุณได้.
ถูกแล้ว จงทดแทนนิสัยเก่าที่ไม่ดีของคุณด้วยกิจกรรมที่มีประโยชน์. จำไว้ว่า คงเป็นได้ว่านิสัยนั้นได้ให้การผ่อนคลายแก่คุณในบางระดับคราวที่ชีวิตมีแต่ความเครียด ดังนั้น จงเลือกสิ่งที่จะทำแทนซึ่งเกิดผลในจุดประสงค์เดียวกัน. คุณอาจอ่านหนังสือ, เล่นดนตรี, วาดรูป หรือเยี่ยมเพื่อน ๆ. จงเริ่มเสียแต่เดี๋ยวนี้โดยเขียนรายการกิจกรรมที่จะทำแทนซึ่งอาจมีทางทำได้. เน้นกิจกรรมที่คุณคิดจะติดตามจนสำเร็จ. ทำกิจกรรมเหล่านั้นซ้ำหลาย ๆ ครั้งดังที่คุณเคยทำกับสิ่งที่เป็นนิสัยเดิมของคุณ. การทำเช่นนี้จะทำให้ง่ายขึ้นในการพึ่งกิจกรรมเหล่านั้นเมื่อคุณรู้สึกเครียด. อันที่จริง กิจกรรมที่ทำแทนเหล่านี้จะกลายมาเป็นนิสัยแท้จริงของคุณ—นิสัยที่ดี!
สิ่งสำคัญในการต่อสู้ความท้อแท้ใจ
เนื่องจากการล่อใจให้กลับสู่นิสัยเดิมที่ไม่ดีนั้นอาจรุนแรงเป็นพิเศษเมื่อคุณตกอยู่ใต้ความกดดัน คุณอาจจะปรับเปลี่ยนสถานการณ์บางอย่างในชีวิตของคุณได้ไหมเพื่อลดความกดดันนั้น? แม้ในคราวที่มีปัญหาบางอย่างซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คุณสามารถเรียนรู้ถึงการควบคุมความรู้สึกต่าง ๆ เพื่อว่าจะไม่ท้อแท้ใจมากเกินไป.
พลังของความท้อแท้ใจนั้นมักประเมินค่ากันต่ำไป. ในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า: “จิตของคนจะประคองตนไว้ในเวลาที่เขาอ่อนกำลัง แต่เมื่อมีจิตใจชอกช้ำใครเล่าจะทนได้?” (สุภาษิต 18:14) นั่นเป็นความจริงสักเพียงไร! บ่อยครั้งไม่ใช่ตัวปัญหา แต่ความท้อแท้ใจที่เกิดขึ้นต่างหากที่ทำให้เราอ่อนกำลัง.
สุภาษิตในคัมภีร์ไบเบิลอีกข้อหนึ่งมีบอกไว้อย่างนี้: “เจ้าแสดงตัวท้อแท้ในวันที่มีความทุกข์ยากหรือ? กำลังของเจ้าจะมีน้อย.” (สุภาษิต 24:10, ล.ม.) ความรู้สึกในแง่ไม่ดีที่ขาดการควบคุมจะทำให้คุณอ่อนแอ. ความรู้สึกเหล่านั้นจะทำให้คุณอ่อนแอจนกลับสู่นิสัยเดิมได้โดยง่าย อาจกดดันคุณให้กลับสู่นิสัยเก่า เพื่อการผ่อนคลาย. ฉะนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จะพึงต่อสู้กับความท้อแท้ใจ!
แต่จะเป็นอย่างไร หากแม้ว่าคุณพยายามแล้วก็ตาม คุณก็ยังพบว่าคุณกำลังเริ่มถอยหลัง?
การถอยชั่วคราวเทียบกับการหวนกลับเต็มที่
ง่ายสักเพียงไรที่จะคิดว่า: ‘ฉันล้มเหลวแล้ว ฉะนั้น ฉันขอยอมแพ้ดีกว่า.’ จงต่อสู้อารมณ์เช่นนั้น. จงอย่ายอมให้มีการถอยชั่วครั้งชั่วคราว หรือแม้แต่หลายครั้งหลายคราว ทำให้คุณพ่ายแพ้.
ลองพิจารณาการเปรียบเทียบนี้: ถ้าคุณกำลังเดินขึ้นบันไดและสะดุดถอยหลังสักขั้นหรือสองขั้น คุณจะคิดไหมว่า ‘ฉันจะต้องเดินกลับไปที่ตีนบันไดและเริ่มขึ้นใหม่?’ ไม่แน่ ๆ! ฉะนั้น ทำไมคุณจะนำการคิดหาเหตุผลอย่างผิด ๆ นี้มาใช้กับการต่อสู้นิสัยที่ไม่ดีล่ะ?
ความรู้สึกผิดมักจะสืบเนื่องมาจากการถอยหลัง. คุณอาจทำให้ความรู้สึกนี้รุนแรงขึ้นโดยการลงความเห็นว่าคุณเป็นคนไม่ดีเอาเสียเลย หรือว่าคุณเป็นคนมีลักษณะแย่และไม่เหมาะสมจะได้สิ่งดีอะไรเลย. อย่ายอมให้ตัวคุณหมกมุ่นในความรู้สึกผิดจนเกินไปเช่นนั้น. นั่นจะทำให้คุณสูญเสียกำลัง ซึ่งคุณจำต้องใช้ในการต่อสู้ครั้งใหม่. และจงจำสิ่งนี้ไว้: มนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีบนโลกนี้ พระเยซูคริสต์ ทรงมาเพื่อไถ่คนบาป ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์. ฉะนั้น ไม่มีใครเลยในพวกเราที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมในเวลานี้.
จุดสำคัญอีกจุดหนึ่งที่จะพิจารณาก็คือว่า ความรู้สึกผิดอาจเปิดทางสะดวกให้เราทำสิ่งเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีก. ในหนังสือยู แคนต์ แอฟฟอร์ด เดอะ ลักเซอรี ออฟ อะ เนกาตีฟ ธอทของ พี. แม็กวิลเลียมส์ และ เจ. โรเจอร์ อธิบายถึงผลลัพธ์ที่อาจเป็นไปได้นี้ว่า: “ความรู้สึกผิด . . . ยอมให้เราทำสิ่งนั้นซ้ำอีก. เมื่อเรา ‘ได้ชดใช้ตามราคา’ แห่ง ‘การผิด’ ของเราแล้ว เราก็มีอิสระจะทำสิ่งนั้นอีกตราบเท่าที่เราเต็มใจจะชดใช้ตามราคานั้น. ราคาอะไร? ก็คือความรู้สึกผิดจากการทำผิดอีกนั่นเอง.”
คุณไม่ต้องปล่อยให้การถอยหลังชั่วคราวเปลี่ยนไปเป็นการหวนกลับเต็มที่. จงระลึกเสมอว่า ในที่สุดการเอาชนะนิสัยนั้นต่างหากคือสิ่งที่มีความหมาย ไม่ใช่ที่คุณประสบการถอยหลังในช่วงเวลานั้นหรือไม่.
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นการฉลาดสุขุมที่จะคิดไว้ก่อนถึงกลยุทธ์ที่คุณควรจะใช้ถ้าพบว่าตนลื่นถอยกลับสู่นิสัยเดิม. แผนการสำรองเช่นนั้นจะทำให้คุณพร้อมที่จะต่อสู้การถอยหลังตั้งแต่แรก.
คุณทำได้—และคุ้มค่า!
การต่อสู้กับนิสัยไม่ดีนั้นต้องทำมากกว่าการอดทนในช่วงแรก ๆ ของการถอนตัวที่ยากลำบาก. แต่รวมถึงการดำเนินชีวิตผ่านความผิดหวังต่าง ๆ โดยไม่หวนกลับสู่นิสัยไม่ดีอย่างถาวร.
ยากไหม? ใช่ แต่ก็ทำได้แน่นอน. กลยุทธ์ที่ได้ช่วยคุณให้เลิกนิสัยนั้นในตอนแรก ถ้ายึดต่อ ๆ ไป จะช่วยป้องกันหรือเอาชนะการหวนกลับของนิสัยนั้น. ผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ที่สุดน่ะหรือ? การนับถือตัวเอง—รางวัลที่คุ้มค่าในตัวเอง. และอาจเป็นได้ว่าคุณจะได้รับการยกย่องนับถือมากขึ้นจากคนเหล่านั้นที่รู้จักคุณ.
[รูปภาพหน้า 16]
การพลาดถอยหลังสองสามขั้นไม่ได้เรียกร้องให้เริ่มใหม่อีกจากขั้นแรก
[รูปภาพหน้า 17]
การคุกคามจากการหวนกลับของนิสัยเดิมถูกทำให้ลดลงโดยการง่วนอยู่กับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ดึงดูดใจ