เมื่อกิจกรรมกลายเป็นสิ่งเสพติด
‘คำว่าสิ่งเสพติด อาจจะใช้ได้ กับพฤติกรรมที่ทำ จนติดทุกชนิด.’ ดร. เจ. แพทริค แกนนอน.
การติดสารและการติดกิจกรรมเปรียบได้กับรถไฟสองขบวนวิ่งไปในทิศทางเดียวกันบนรางเดียวกัน.a การติดแต่ละชนิดต่างก็มีจุดหมายปลายทางหรือเป้าประสงค์เดียวกันคือ: เพื่อเปลี่ยนอารมณ์และบดบังความรู้สึกปวดร้าว. ให้เราพิจารณาบางตัวอย่างของการติดกิจกรรม.
การบ้างาน
การบ้างานถูกเรียกว่าการเสพติดที่น่านับถือ. ถ้าจะว่าไปแล้ว คนบ้างานเป็นลูกจ้างที่ดีเลิศ. อย่างไรก็ดี ภายในใจ พวกเขาอาจรู้สึกไม่อิ่มใจ. งานอาจกลายเป็นสิ่งช่วยเบนความสนใจไปจากความรู้สึกปวดร้าว หรือเป็นการแสวงหาที่ถูกครอบงำด้วยความอยากเป็นที่ยอมรับ.
น้ำแข็งป้องกันนักเล่นสเกตมิให้จมน้ำ กิจกรรมป้องกันคนบ้างานมิให้จมในความรู้สึก. เช่นเดียวกับนักสเกต คนบ้างานอาจให้การแสดงผลงานอันน่าตื่นใจ. แต่ทั้งหมดอยู่ที่ผิว. อะไรมักจะซ่อนอยู่ใต้ผิว? ลินดา ที. แซนฟอร์ด ผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต เขียนว่า “เมื่อคนบ้างานไม่เอาตัวจมอยู่กับงาน เขาหรือเธออาจถูกกระหน่ำด้วยความรู้สึกอันน่าสะพึงกลัวแห่งความซึมเศร้า, ความกังวล, ความโกรธแค้น, ความหมดอาลัยและความว่างเปล่า.”
การจำต้องทำที่ฝังอยู่ภายในของคนบ้างานหลายคนชี้แนะว่านั่นคืออุปนิสัยที่มีมานาน อาจเป็นได้ว่าฝังรากระหว่างที่ผู้นั้นได้รับการเลี้ยงดู. นี่เป็นจริงกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเราให้ชื่อว่า แมรี่. ตั้งแต่วัยหกขวบ เธอพยายามจะได้ความรักจากบิดาผู้ติดแอลกอฮอล์ด้วยการทำอาหารและงานบ้าน. เธอบอกว่า “เป็นสิ่งที่จำต้องทำ. ดิฉันรู้สึกว่าถ้าดิฉันทำมากขึ้นหรือทำดีขึ้น พ่อจะรักดิฉัน. ทั้งหมดที่ดิฉันได้รับตอบแทนคือคำตำหนิ.”
เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ แมรี่ยังคงต่อสู้กับความคิดที่ผิดพลาดนี้. เธอยอมรับว่า “ดิฉันยังคงรู้สึกลึก ๆ ภายในว่าไม่มีค่า. ดิฉันยังรู้สึกว่าต้องทำเพื่อให้ได้ความรัก รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าอะไร เว้นแต่เมื่อสร้างผลงานออกมา. ณ การสังสรรค์ ดิฉันเหนื่อยล้าในการทำอาหารและบริการ ราวกับว่าดิฉันพยายามทำเพื่อแลกกับสิทธิที่จะอยู่ ณ ที่นั่น.”
สำหรับคนอย่างแมรี่ ทัศนะที่สมดุลเรื่องงานนับว่าสำคัญยิ่ง. คัมภีร์ไบเบิลชมเชยการทำงานหนัก. (สุภาษิต 6:6-8; 2 เธซะโลนิเก 3:10, 12) พระยะโฮวาพระเจ้าเองทรงมีผลงาน. (บทเพลงสรรเสริญ 104:24; โยฮัน 5:17) แต่พระองค์ไม่เคยอยู่ในสภาพที่จำต้องทำ. พระยะโฮวาทรงปลาบปลื้มยินดีในงานทรงสร้างของพระองค์ มิใช่เพียงเมื่องานเสร็จแต่กระทั่งในระหว่างขั้นตอนการทรงสร้าง.—เยเนซิศ 1:4, 12, 18, 21, 25, 31; เทียบกับท่านผู้ประกาศ 5:18.
นายช่างผู้ชำนาญของพระเจ้ายะโฮวาคือพระบุตรของพระองค์ได้สะท้อนความพอใจเป็นส่วนตัวในงานของพระองค์. (สุภาษิต 8:30, 31) พระเยซูทรงสัญญากับผู้ติดตามพระองค์ว่าพวกเขาเช่นกันจะได้ความสดชื่นในการทำงานกับพระองค์. พวกเขามีส่วนร่วมกันในงานมอบหมายที่อยู่อันดับต้น ๆ ของความสำคัญ. แต่ทั้งนี้มิได้กีดกันพวกเขาไว้จากการผักผ่อน.—มัดธาย 11:28-30; มาระโก 6:31; เทียบกับท่านผู้ประกาศ 4:6.
บางที บิดามารดาพูดเป็นเชิงว่า คุณค่าของคุณขึ้นอยู่กับการทำงานของคุณ หรือว่าความรักจะถูกยับยั้งไว้จนกว่าสมควรจะได้รับ. คุณจะโล่งใจเมื่อรู้ว่านี่มิใช่ทัศนะของพระยะโฮวาที่มีต่อการทำหน้าที่บิดามารดาอย่างถูกต้อง. พระวจนะของพระองค์ให้คำแนะนำดังนี้: “ฝ่ายบิดาก็อย่ายั่วบุตรของตนให้ขัดเคืองใจ เกรงว่าเขาจะท้อใจ [“รู้สึกด้อยลง” ดิแอมปลิไฟด์ไบเบิล].” (โกโลซาย 3:21) พระยะโฮวามิใช่ผู้ซึ่งยับยั้งความรักไว้จนกว่าจะมีการทำให้สมกับความรักนั้น. ความรักของพระองค์มิใช่อะไรบางอย่างที่พระองค์ประทานเฉพาะหลังจากใครคนหนึ่งเริ่มรักและรับใช้พระองค์. จริงทีเดียว คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า “พระองค์ทรงรักเราก่อน” ถูกแล้ว กระทั่ง “ขณะเมื่อเราเป็นคนบาป” พระเจ้าทรงริเริ่มแสดงความรักต่อเรา. (1 โยฮัน 4:19; โรม 5:6-8) ยิ่งกว่านั้น พระยะโฮวาไม่ทรงตำหนิวิจารณ์ความพยายามอย่างจริงใจของเราที่จะกระทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์. เพราะฉะนั้น การรับใช้ของเราต่อพระองค์จึงกลายเป็นการแสดงความรักอย่างจริงใจต่อพระองค์.
การติดโทรทัศน์
บางคนเรียกการดูทีวีมากเกินไปว่าการติดทีวี. แมรี่ วินน์ เขียนไว้ในหนังสือชื่อยาเสียบปลั๊ก (ภาษาอังกฤษ) ว่า “ไม่ต่างจากยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ประสบการณ์ทางโทรทัศน์เปิดโอกาสให้ผู้ชมลบโลกแห่งความจริงออกไป แล้วเข้าสู่สภาวะทางจิตใจที่เพลิดเพลินเฉยชา.”
แน่ละ ไม่มีอะไรผิดกับการเบนความสนใจไปจากความรับผิดชอบในชีวิต—ชั่วขณะหนึ่ง. แต่ผู้ชมบางคนไม่กลับมาสู่ความเป็นจริงเลย. สามีคนหนึ่ง ซึ่งไม่อาจดูทีวีได้เพราะเครื่องรับเสีย ยอมรับว่า “ผมรู้สึกว่าจิตใจของผมห่อเหี่ยวสิ้นเชิงตลอดหลายปีที่ผ่านมา. ผมจมปลักอยู่หน้าเจ้าเครื่องนั้น และไม่อาจหลุดออกมาได้.” เด็กหนุ่มชื่อไก่พรรณนาถึงแรงเร้าให้ต้องทำในลักษณะคล้ายคลึงกันดังนี้: “ผมไม่ต้องการดูโทรทัศน์มากอย่างที่ผมทำอยู่ แต่ผมอดไม่ได้. มันเร้าให้ผมต้องดู.”
การดูทีวีมากเกินไป ทำให้ความสามารถในการคิดชะงักงัน. คัมภีร์ไบเบิลแนะนำให้รำพึงไตร่ตรอง ซึ่งต้องอาศัยการอยู่ลำพังบ้าง. (ยะโฮซูอะ 1:8; บทเพลงสรรเสริญ 1:2, 3; 145:5; มัดธาย 14:23; ลูกา 4:42; 5:16; 1 ติโมเธียว 4:15) การอยู่ลำพังนี้ทำให้หลายคนผวากลัว. พวกเขารู้สึกประหม่าเมื่อถูกแวดล้อมด้วยความเงียบ. พวกเขากลัวการอยู่ลำพังกับความคิดของตัวเอง. พวกเขาตาลีตาเหลือกค้นหาอะไรบางอย่างเพื่อกลบความว่างเปล่านี้. ทีวีกลายเป็นตัวดับกระหายรวดเร็วทันใจ. แต่ อย่างดีที่สุด ทีวีก็เป็นได้แค่สิ่งแทนชีวิตจริงเท่านั้น.
การเล่นพนันชนิดเลิกไม่ได้
การพนันฝังรากอยู่ในความละโมบ. แต่การเล่นพนันชนิดเลิกไม่ได้มักมีสิ่งที่มากยิ่งกว่าเงินเกี่ยวข้องอยู่.b ไนเกล บอกว่า “ผมต้องการความรู้สึก ‘เคลิบเคลิ้ม’ เพื่อหลบหนีจากความเป็นจริง. มันเหมือนการเสพยาทีเดียว.” สำหรับนักพนันที่ติดจนเลิกไม่ได้ ขั้นตอนในการเล่นพนันก็เป็นรางวัลในตัวเองอยู่แล้ว. ผลได้ผลเสียเป็นเรื่องนอกประเด็น. ไนเกลเสียเพื่อน. คนอื่น ๆ สูญเสียครอบครัว. หลายคนสูญเสียสุขภาพ. และเกือบทุกคนสูญเสียเงินของตน. แต่ไม่กี่คนเลิกเล่นพนัน เนื่องจากการชนะหรือแพ้มิใช่ประเด็นสำคัญ. การเล่นพนัน—ขั้นตอน—ซึ่งเปลี่ยนอารมณ์และทำให้เคลิบเคลิ้มเหมือนยาเสพติดนั้นต่างหาก.
การพนันอาจเป็นวิธีเบนจากปัญหาชีวิต แต่จะไม่ทำให้ปัญหาชีวิตหมดไป. คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องการมากกว่ายาบรรเทาความเจ็บปวด. บาดแผลของเขาต้องรับการรักษา. ถ้ามีบาดแผลซึ่งชักนำเขาให้เล่นการพนัน เขาควรระบุออกมาและรักษาให้หาย. สิ่งนี้อาศัยความกล้าหาญ แต่ในที่สุดให้ผลคุ้มค่า.
จงเลิกสิ่งเสพติด
เพื่อจะเลิกจากสิ่งเสพติดใด ๆ ความปวดร้าวภายในซึ่งมักจะก่อให้เกิดการเสพติดนั้น ไม่อาจจะมองข้ามได้. ผู้เสพติดต้องพยายามแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ. นับเป็นข้อท้าทาย. ผู้ที่เคยเสพติดคนหนึ่งบอกว่า “คนที่ติดยาและแอลกอฮอล์มา 30 ปี ไม่ใช่จะเลิกได้ง่าย ๆ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเสพติดนั้นอำพรางปัญหาซึ่งฝังลึก.”
กระนั้น การเลิกจากสิ่งเสพติดคุ้มกับความเพียรพยายาม. แมรี่คนบ้างานที่เอ่ยถึงตอนต้น พรรณนาได้อย่างเหมาะเจาะ. เธอพูดว่า “นานนับปีที่ดิฉันวิ่งหนีจากสิ่งที่ตัวเองไม่กล้าเผชิญ. แต่บัดนี้เมื่อดิฉันได้เผชิญสิ่งเหล่านั้น น่าอัศจรรย์จริง ๆ ที่สิ่งนั้นกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย.”
นี่เป็นประสบการณ์ของหลายคนซึ่งได้เอาชนะการเสพติดอย่างเป็นผลสำเร็จ. แทนที่จะดำเนินต่อไปอย่าง “ทาสของนิสัยที่ก่อความหายนะ” พวกเขาอธิษฐานขอ “พลังเหนือกว่าปกติ” เพื่อจะเผชิญการท้าทายให้เอาชนะนิสัยเสพติดได้อย่างสำเร็จผล.—2 เปโตร 2:19, ทูเดยส์ อิงลิช เวอร์ชัน; 2 โกรินโธ 4:7.
[เชิงอรรถ]
a มีการถกเถียงกันมากในเรื่อง อะไรจะเรียกได้และอะไรจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นการเสพติด. บางคนชอบเรียกกิจกรรมที่ทำจนติดว่า “การจำต้องทำ.” ในบทความเหล่านี้ เราได้ตรวจสอบดูบทบาทของการเสพติดในฐานะ “เส้นทางหนี” ทางอารมณ์. เนื่องจากกิจกรรมต่าง ๆ อาจใช้เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน ณ ที่นี้เราจะใช้คำว่า “การเสพติด.”
b เมื่อเทียบกับการงานและการดูโทรทัศน์ คริสเตียนหลีกเลี่ยงการพนันทุกรูปแบบโดยเด็ดขาด. (เทียบกับยะซายา 65:11.) เพื่อได้ข้อมูลเพิ่มเต็ม ดูอะเวค! ฉบับ 8 มิถุนายน 1992 หน้า 3-11.
[รูปภาพหน้า 10]
สำหรับคนบ้างาน งานดูเหมือนจะสำคัญยิ่งกว่าครอบครัว
[รูปภาพหน้า 10]
การพนันอาจเปลี่ยนอารมณ์ของคนเรา และก่อให้เกิดความเคลิบเคลิ้มเหมือนยาเสพติด