พระเจ้าทรงโปรดให้เราพบพระองค์
เมื่อกษัตริย์ดาวิดพร้อมจะยกตำแหน่งกษัตริย์แก่ซะโลโมราชบุตร ท่านได้ประทานคำแนะนำแก่ราชบุตรดังนี้: “จงรู้จักพระเจ้าแห่งบิดาของเจ้า และจงปฏิบัติพระองค์ด้วยหัวใจครบถ้วน และด้วยจิตวิญญาณชื่นบาน ด้วยว่าพระยะโฮวาทรงตรวจพิจารณาหัวใจทุกคนและทรงสังเกตบรรดาแนวโน้มแห่งความคิด. ถ้าเจ้าแสวงหาพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าพบพระองค์ แต่ถ้าเจ้าละพระองค์ พระองค์จะทิ้งเจ้าตลอดไป.”—1 โครนิกา 28:9, ล.ม.
เราพบว่าเรื่องนี้เป็นความจริงในกรณีของเรา. เราแสวงหาพระเจ้า และเราพบพระองค์จนได้—แต่ก็เป็นภายหลังจากได้เปลี่ยนไปเดินในทางผิดหลายเส้นทาง. เราเชื่อว่า พระยะโฮวาทรงมองออกว่าแนวโน้มแห่งความคิดของเรามุ่งอยู่ที่พระองค์และงานรับใช้พระองค์อย่างหนักแน่นแค่ไหน และพระองค์ทรงโปรดให้เราพบพระองค์. เรื่องราวต่อจากนี้จะเผยให้เห็นว่าเป็นไปเช่นนั้นอย่างไร.
พวกเราผู้ชายสี่พี่น้องเติบโตในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา. คุณพ่อทำงานกะยาวเป็นกุ๊กเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว คุณแม่เป็นแม่บ้าน และพวกเราเด็กสี่คนทำงานตัดหญ้า, ส่งหนังสือพิมพ์—อะไรก็ได้ที่จะเพิ่มรายได้ให้ครอบครัว. คุณแม่เป็นคาทอลิก ส่วนคุณพ่อเป็นแบพติสต์. เราทุกคนเชื่อในพระเจ้าและคัมภีร์ไบเบิลแต่ก็ไม่ได้ทำตามที่เชื่อ และเราแทบไม่ได้ไปโบสถ์เลย. ระหว่างต้นทศวรรษปี 1970 นั่นเอง ที่กางเกงยีนส์ปลายขาบาน, ผมยาว, และดนตรีร็อกเป็นที่นิยมมาก. ทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบชีวิตพวกเรา.
จนมาในปี 1982 นั่นเองที่เราสองคน สกอตต์กับสตีฟ—อายุ 24 และ 17 ปีตามลำดับ—เริ่มสนใจจริงจังในคัมภีร์ไบเบิลและเกิดความห่วงใยมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อสภาพการณ์โลกที่เสื่อมลง. สกอตต์มีธุรกิจก่อสร้างของตนเอง. ธุรกิจนั้นมีกำไรดี ดังนั้นเราจึงย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนต์ด้วยกัน. เรารู้สึกเหนื่อยหน่ายกับบรรยากาศจำเจในบาร์และวิถีชีวิตแบบนั้น และรู้ว่าจะต้องมีวิถีชีวิตที่น่าสนใจและน่าพอใจยินดีกว่านั้นที่ไหนสักแห่งแน่. เราเริ่มรู้สึกหิวสิ่งฝ่ายวิญญาณ. การอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำช่วยเราให้ปรารถนาความรู้และความหยั่งเห็นเข้าใจในพระคำของพระเจ้ามากขึ้น.
เราเริ่มไปยังโบสถ์ต่าง ๆ ในวันอาทิตย์. ตามโบสถ์ที่เราไปซึ่งอยู่ใกล้บ้านของเราใน เลก เวอร์ท ฟลอริดา คำเทศน์ในวันอาทิตย์จะเป็นเรื่องการบริจาคเสีย 25 นาที. “จงบริจาคด้วยใจกว้าง จงบริจาคมาก ๆ ด้วยใจเอื้อเฟื้อ” นักเทศน์จะพูดในขณะที่เขาโน้มตัวมาครึ่งหนึ่งเหนือโต๊ะบรรยาย. ในการประชุมครั้งหนึ่ง ๆ พวกเขามักจะผ่านถาดรับเงินสามรอบ ซึ่งยังผลให้หลายคนไม่มีเงินเหลือติดกระเป๋าเมื่อจากไป. เราไปตามโบสถ์หลายแห่ง แต่เราก็พบแต่การผ่านถาดเรี่ยไรและการชุมนุมสังสรรค์.
ได้รับคำเตือนเรื่องพยานพระยะโฮวา
เราได้รับการสอนในเรื่องที่เราคิดว่าเป็นคำสอนพื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิล และเรายอมรับคำสอนเหล่านั้นเพราะว่าพวกผู้สอนเป็นนักเทววิทยาผู้เชี่ยวชาญ. ชั่วโมงเรียนหนึ่งเป็นการเรียนเรื่องลัทธิต่าง ๆ ในอเมริกา และพวกแรกคือพยานพระยะโฮวา. เราได้รับคำเตือนว่า พวกเขาไม่เชื่อในพระเยซู, พวกเขามีคัมภีร์ไบเบิลของเขาเอง, พวกเขาไม่ได้ไปสวรรค์, และพวกเขาเชื่อว่าไม่มีนรก. แน่ละ ทั้งหมดนี้ทำให้เราลงความเห็นว่าพวกพยานฯ เป็นฝ่ายผิด.
ถึงตอนนี้ เรามีความกระตือรือร้นแรงกล้าแต่ไม่เป็นไปตามความรู้ถ่องแท้. (โรม 10:2) เรารู้สิ่งที่พระเยซูตรัสในมัดธาย 28:19,20 ที่ว่าเราต้องประกาศข่าวดีและทำให้คนเป็นสาวก. ในช่วงนั้นเรากำลังเข้าร่วมที่คริสตจักรหนึ่งซึ่งมีสมาชิก 2,000 คนชื่อ ไบเบิลทาวน์ ที่ซึ่งเราเป็นส่วนแห่งกลุ่มยุวชนราว 100 คน อายุระหว่าง 17 ถึง 30 ปี. สกอตต์พยายามให้พวกเขาทำการประกาศแบบใดแบบหนึ่ง แต่ก็ไร้ผล.
ดังนั้น เราจึงเริ่มการรณรงค์ประกาศของเราเอง. สกอตต์เกิดความคิดจะตั้งแผงที่ตลาดแผงลอยของเก่าและแจกแผ่นพับกับคัมภีร์ไบเบิล. นั่นแหละคือสิ่งที่เราได้ทำ. เราไปที่ร้านหนังสือ “คริสเตียน” ในท้องถิ่นและซื้อแผ่นพับกับคัมภีร์ไบเบิลจำนวนมาก, ไปที่ตลาดแผงลอยของเก่าแห่งหนึ่ง, เอาขาตั้งสองอันตั้งไว้, เอาไม้อัดแผ่นใหญ่พาดข้างบน, วางแผ่นพับกับคัมภีร์ไบเบิลของเราบนนั้น, และพยายามเป็น “ผู้ปฏิบัติตามพระคำ และไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น.”—ยาโกโบ 1:22, ล.ม.
ขณะที่แต่ละสัปดาห์ผ่านไป งานที่เรียกกันว่างานเผยแพร่ในตลาดแผงลอยของเก่าก็เติบโตขึ้น มีการจำหน่ายจ่ายแจกหนังสือภาษาอังกฤษและสเปน. นอกจากนี้ เรามีคัมภีร์ไบเบิล, แผ่นพับ 30 ชนิด, และมีกระทั่งเข็มกลัดติดหมวกซึ่งมีข้อความว่า “พระเจ้ารักคุณ.” จากนั้นไม่นาน สกอตต์ซื้อเครื่องพิมพ์รูปลอกมาเพื่อพิมพ์ข้อความสั้น ๆ เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลลงบนเสื้อยืดคอกลม—เช่นข้อความว่า “วันนี้คุณอ่านคัมภีร์ไบเบิลแล้วหรือยัง?,” “สงสัยไหมว่าทำไมฉันยิ้ม? ฉันมีพระเยซูในหัวใจ,” และข้อความอีกหลายอย่าง. ข้อความหนึ่งกล่าวว่า “วิวรณ์” พร้อมกับภาพผู้ขี่ม้าสี่คน.
เราคิดว่า ด้วยการสวมเสื้อยืดนั้นไปทุกหนทุกแห่ง เรากำลังให้คำพยานแบบเงียบ ๆ. เราผู้เผยแพร่ในตลาดแผงลอยของเก่าปรากฏตัวทุกวันเสาร์และอาทิตย์ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงบ่ายโมง ถ้าคุณเดินผ่านลานจอดรถและเห็นแผ่นพับอยู่บนรถละก็ แสดงว่าเราได้ไปที่นั่น. หนังสือทั้งหมดให้รับโดยการบริจาค แต่มีการบริจาคน้อยมาก. ปีหนึ่งเรารวมค่าใช้จ่ายประจำปี และปรากฏว่าเป็นจำนวนกว่า 250,000 บาท.
เราพบพยานพระยะโฮวาคนหนึ่ง
ครั้งหนึ่ง ในขณะที่เราว่ายน้ำอยู่ที่หาดแห่งหนึ่งในโบนีตา สปริงส์ ชายมีอายุคนหนึ่งเข้ามาหาเราและบอกว่า เขาเห็นสติกเกอร์บนกันชนรถบรรทุกของเราและสังเกตเห็นเสื้อยืดคอกลมของเรา. เขาเริ่มคุยเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลและหาเหตุผลจากพระคัมภีร์. เขายกจุดสำคัญที่กิจการ 2:31 ขึ้นมาถามว่า “ถ้ามีนรกที่มีไฟและถ้าเฉพาะแต่คนชั่วไปที่นั่น แล้วทำไมคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเยซูอยู่ที่นั่นล่ะ?” เขาคุยต่อไป พิจารณาพระคัมภีร์อีกหลายข้อ. ในที่สุด สกอตต์พูดว่า “คุณต้องเป็นพยานพระยะโฮวาแน่เลย.” เขาตอบว่า “ใช่ ผมเป็น.” แล้วสกอตต์พูดว่า “พวกคุณไม่เชื่อในพระเยซูนี่.” ยี่สิบนาทีจากนั้น พยานฯ คนนั้นพูดเรื่องพระเยซู แต่ไม่รู้ว่าทำไมเราไม่ประทับใจ.
เราทำงานเผยแพร่ในตลาดแผงลอยของเก่าต่อไปในวันสุดสัปดาห์. เราได้ทำงานนี้เป็นเวลาสามปีแล้ว—โดยเชื่ออยู่ตลอดเวลาว่าเรามีความจริงและกำลังทำสิ่งที่ถูก. เรายังคงไปเยือนตามโบสถ์ต่าง ๆ ทุกวันอาทิตย์คืนละแห่ง และไม่เคยพอใจสักแห่งเดียวที่เราไปเยือน. เรากำลังจะไม่มีโบสถ์ที่จะไปอีกแล้ว ดังนั้นในคืนหนึ่งเราตัดสินใจจะไปยัง “โบสถ์ของพวกพยานพระยะโฮวา” ตามที่เราเรียกนั้นสักแห่ง. เราจะไปประกาศเรื่องพระเยซูแก่พวกเขา. เราพบที่อยู่ในสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์และไปที่นั่นในตอนเย็นวันอาทิตย์. เมื่อรู้ว่าพวกเขาไม่มีการประชุมในตอนเย็นวันอาทิตย์เหมือนโบสถ์อื่น ๆ เราจึงลงความเห็นว่าพวกเขาไม่เชื่อในพระเยซูจริง ๆ. เราเห็นบนป้ายแสดงเวลาประชุมว่ามีการศึกษาหนังสือปกแข็งในค่ำวันจันทร์. ดังนั้น เรากลับมาอีกโดยเอาคัมภีร์ไบเบิลของเรามาด้วยและสวมเสื้อยืดคอกลมของเรา. เราจำได้ว่าใช้สองสามนาทีเพื่อตัดสินใจว่าจะสวมเสื้อยืดตัวไหน—ตัวไหนจะให้คำพยานได้ดี. เราไปถึงก่อนเวลาประชุมเล็กน้อย และพี่น้องสองสามคนเข้ามาหาเรา. พวกเขาอบอุ่นเป็นมิตร. ทันทีนั้นเอง เราเข้าสู่การพิจารณาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพระธรรมวิวรณ์. พวกเขาเชิญเราให้อยู่ร่วมประชุม. เขาให้หนังสือพร้อมเพรียงกันนมัสการแก่เรา ดังนั้น เราจึงนั่งลง.a พี่น้องคนหนึ่งเปิดการประชุมด้วยการอธิษฐาน.
เราตั้งใจฟัง. ในตอนจบเขาพูดว่า “ในพระนามของพระเยซู. อาเมน.” เรามองตากันด้วยความตกตะลึง. “เราได้ยินเขาถูกหรือเปล่า? เขาอธิษฐานในพระนามของพระเยซู!” ณ เวลานั้น มันดูราวกับว่าตาของเราถูกเปิดและเกล็ดหนา ๆ หลุดออกมา. หากหัวใจเราถูกต้อง นี่แหละคือเวลาที่จะฟัง. พี่น้องคนนั้นขอให้ทุกคนเปิดไปที่บท 21 ของหนังสือพร้อมเพรียงกันนมัสการฯ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูและการไม่เป็นส่วนของโลก. ไม่มีการศึกษาใด ๆ ดีกว่านี้ที่จะไปนั่งฟัง. นั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตและงานรับใช้ของพระเยซู, สมัยสุดท้าย, และความเป็นกลาง. เราได้ยินเด็ก ๆ ออกความเห็นในหลายจุดที่เราไม่เคยรู้. ครั้นแล้ว อีกครั้งหนึ่งในตอนสิ้นสุดการประชุม พี่น้องชายคนนั้นอธิษฐานในพระนามของพระเยซู!
เราได้รับการเลี้ยงฝ่ายวิญญาณ
เราได้เดินเข้าไปในหอประชุมด้วยความกระหายต่อความจริง และความจริงมีอยู่ที่นั่น ไม่ไกลเลย. เราจากมาโดยรู้ว่าเราได้รับการเลี้ยงฝ่ายวิญญาณแล้ว และเราไม่เคยย่างเข้าไปในโบสถ์อีกเลย. คืนต่อมา ขณะที่ซักเสื้อผ้าของเราในร้านซักรีดแบบบริการด้วยตนเอง เราสังเกตเห็นวารสารหอสังเกตการณ์กับตื่นเถิด! กองใหญ่ข้างตู้ขายน้ำอัดลมแบบหยอดเหรียญ—อย่างน้อยก็สัก 150 เล่ม. เราไม่เคยคิดจะอ่านวารสารพวกนั้นมาก่อน แต่ตอนนี้เรามัดวารสารนั้นไปด้วยเพราะเราสนใจหลายหัวเรื่อง.
บทความหนึ่งในวารสารนั้นถามว่า “คุณเชื่อตรีเอกานุภาพไหม?” อีกบทความหนึ่งถามว่า “นรกมีจริง ๆ ไหม?” ในตื่นเถิด! ฉบับหนึ่งมีบทความเกี่ยวกับรูปเคารพ. คืนนั้นสตีฟอ่านบทความเรื่องตรีเอกานุภาพ, ค้นคว้ามากมาย, เปิดดูข้อพระคัมภีร์ทุกข้อ, และปลุกสกอตต์ขึ้นตอนเที่ยงคืนครึ่งเพราะสิ่งที่เขาเรียนรู้. วันถัดมาคือวันพุธ หลังเลิกงาน สตีฟอ่านบทความเรื่องนรก. บทความนั้นหาเหตุผลเกี่ยวกับโยฮัน 11:11 ซึ่งพระเยซูตรัสว่าลาซะโรนอนหลับอยู่. พอสตีฟเจอสกอตต์ เขาบอกว่า “คัมภีร์ไบเบิลของผมไม่ได้สอนว่ามีนรกที่มีไฟ.” หลังจากอ่านตื่นเถิด! เรื่องเกี่ยวกับรูปเคารพและไม้กางเขนรูปแบบต่าง ๆ แล้ว เราจึงโยนของเราไปบนรถขยะและจ้องดูขณะที่ของพวกนั้นถูกขนไป. เรามองตากัน สั่นศีรษะ และยิ้ม. เรารู้ว่าเราได้พบสิ่งสุดวิเศษแล้ว นั่นคือความจริง.
วันต่อมามีกล่องสองใบส่งมาถึง. ในกล่องพวกนั้นคือแผ่นพับ 5,000 ใบที่กล่าวว่า ถ้าคุณไม่กลับใจ คุณจะตกนรก. บัดนี้เรารู้ว่าแผ่นพับเหล่านี้หลายอย่างไม่ถูกต้องตามคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล. ด้วยความสับสนนิดหน่อย เราเข้าร่วมการศึกษาหนังสือปกแข็งอีกในคืนวันจันทร์และเอาแผ่นพับของเราไปด้วยหลายแบบ. เราถามว่า “แผ่นนี้ใช้ได้ไหม?” คืนหนึ่งเราตรวจดูแผ่นพับทั้งหมด. ไม่นานแผ่นพับก็เรียงรายบนพื้น ไม่มีสักแผ่นเดียวลงรอยกับคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล. เรากำจัดแผ่นพับนั้นทั้งหมด. เรารู้ว่าความเชื่อที่เพิ่งพบนี้หมายถึงชีวิตเราและชีวิตของผู้ที่เราได้ประกาศให้เขาฟัง. เราอยากไปไกล ๆ เพื่อศึกษาคัมภีร์ไบเบิลโดยไม่มีอะไรมารบกวนใจ.
เราย้ายไปอะลาสกา. ณ การประชุมครั้งแรกของเราที่นั่น เราถามผู้ปกครองคนหนึ่งว่า เขาจะศึกษากับเราทุกวันได้ไหม? ผมคิดว่าทุกคนที่เข้าร่วมประชุมได้ยินเราขอ. เราก้าวหน้าอย่างดี, ศึกษาหนังสือชีวิตตลอดไป จบ, และต้องการรับบัพติสมาที่การประชุมหมวดสองวันแห่งหนึ่ง. แต่เราต้องรอสักหน่อย. เป้าหมายของเราคือเป็นไพโอเนียร์. โดยไม่คาดคิด คุณพ่อของเราล้มป่วย และเราต้องกลับไปฟลอริดาเพื่อให้ความช่วยเหลือ.
เราก้าวหน้าสู่ความอาวุโสฝ่ายวิญญาณ
ในฟลอริดาเราก้าวหน้าอย่างดี ศึกษาหนังสือพร้อมเพรียงกันนมัสการจบ แล้วจึงรับบัพติสมาในปี 1987. เป็นเวลา 11 เดือนนับตั้งแต่เราเริ่มศึกษาครั้งแรก. เราเป็นไพโอเนียร์สมทบทันทีเป็นเวลาหกเดือนแล้วก็เป็นไพโอเนียร์ประจำ. เพียงปีครึ่งต่อจากนั้นเราทั้งสองก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รับใช้. สองปีหลังจากรับบัพติสมา เราก็รับใช้ที่เบเธลบรุกลิน ที่ซึ่งสกอตต์ยังคงรับใช้อยู่ในทุกวันนี้และได้เรียนภาษาจีนเป็นเวลาสองปีแล้ว. เดี๋ยวนี้สตีฟรับใช้ในมอสโก รัสเซีย ในฐานะไพโอเนียร์ประจำ. เราทั้งสองได้พบความจริง และการแสวงหาความจริงนั้นเป็นเหมือนที่สุภาษิต 2:1-5 พรรณนาไว้: “ศิษย์ของเราเอ๋ย, ถ้าเจ้าจะรับคำของเรา, และจะรักษาบัญญัติของเราไว้กับเจ้า; ยอมที่จะตะแคงหูของเจ้าลงฟังพระปัญญา, และน้อมใจของเจ้าลงเพื่อความเข้าใจ; เออ, ถ้าเจ้าจะร้องหาความรู้, และส่งเสียงของเจ้าวอนหาความเข้าใจ; ถ้าเจ้าจะเสาะหาพระปัญญาเหมือนหาเงิน, และขุดค้นหาพระปัญญาเหมือนหนึ่งทรัพย์ที่ซ่อนอยู่นั้น; เมื่อนั้นเจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระยะโฮวา, และจะพบความรู้ของพระเจ้า.”
วิธีที่สตีฟไปลงเอยที่มอสโก
เมื่ออยู่ในนิวยอร์ก ที่ซึ่งการรู้ภาษาอื่นเพิ่มอีกสักภาษาจะทำให้งานประกาศน่าสนใจมากขึ้น—และโดยที่คิดว่าพระยะโฮวาคงจะเปิดประตูสู่รัสเซียในไม่ช้า—สตีฟจึงตัดสินใจเรียนภาษารัสเซีย. ในเวลานั้น ขณะที่รับใช้ที่เบเธลบรุกลิน ผมเริ่มเข้าร่วมการศึกษาหนังสือปกแข็งภาษารัสเซีย. มีกลุ่มการศึกษาหนังสือปกแข็งภาษารัสเซียเพียงกลุ่มเดียวที่ประชุมกันในวันศุกร์. เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มเข้าร่วมมากขึ้นในกลุ่มภาษารัสเซีย. ผมร่วมกับพวกเขาในกิจกรรมประกาศ ซึ่งน่าเพลิดเพลินมากเนื่องจากความอบอุ่นเป็นมิตรของชาวรัสเซีย. ผมเขียนถึงแผนกการรับใช้ขอย้ายไปกลุ่มภาษารัสเซีย. ผมดีใจที่พวกเขาตกลง.
วันหนึ่งที่การนมัสการตอนเช้าของเบเธล นายกสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ มิลตัน จี. เฮนเชล แจ้งแก่ครอบครัวเบเธลว่าจะมีรายงานพิเศษ. แล้วท่านประกาศว่า พยานพระยะโฮวาได้รับการยอมรับตามกฎหมายแล้วในรัสเซีย บัดนี้ พี่น้องของเราจะมีเสรีภาพในการนมัสการ. ผมไม่คิดว่าใครในเบเธลเช้าวันนั้นจะลืมความรู้สึกชื่นชมยินดีของเราเมื่อได้ยินข่าวที่ยอดเยี่ยมนั้น. ขณะนั้นเองผมคิดว่า คงเป็นสิทธิพิเศษอันใหญ่หลวงที่จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งแห่งเขตประกาศใหม่อันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น.
ผมเริ่มเขียนจดหมายติดต่อกับพี่น้องรัสเซียชื่อ โวลอดเยีย ซึ่งอยู่ในคราสโนดาร์ รัสเซีย. เขาเชิญผมไปเยือนรัสเซีย. ดังนั้น ในเดือนมิถุนายน 1992 ผมจัดกระเป๋าเสื้อผ้าและเดินทางไปมอสโก. เมื่อไปถึง ผมดีใจมากที่เห็นบราเดอร์โวลอดเยียคอยอยู่ที่สนามบิน. ผมพักกับบราเดอร์ สเตฟัน เลวินสกี ซึ่งอยู่ในความจริง 45 ปี. เขาเป็นพยานฯ คนแรกที่ผมพบในมอสโก และเขาติดคุกอยู่หลายปีเพราะการที่เขายืนหยัดอยู่ฝ่ายความจริง. น้ำใจต้อนรับของพวกพี่น้องดีเยี่ยมจริง ๆ.
ดังนั้น ผมจึงอยู่ในมอสโก โดยไม่ค่อยรู้ภาษาที่นี่มากเท่าไร. เวลานั้นมีแค่สี่ประชาคม และดูเหมือนว่าเรารู้จักพี่น้องทุกคน. นับแต่นั้น โดยทดลองวิธีต่าง ๆ ผมจึงต่ออายุวีซ่าของผมได้เรื่อย ๆ. ผมสามารถทำงานเป็นระยะ ๆ เพื่อมีเงินใช้จ่าย. ปัญหาใหญ่ที่สุดที่ผมมีคือการเรียนภาษารัสเซียให้มากพอจะสื่อความและได้รับการเลี้ยงฝ่ายวิญญาณที่การประชุม. ผมก้าวหน้าอย่างช้า ๆ และแน่นอน ผมยังคงพยายามเรียนอยู่.
ผมได้รับสิทธิพิเศษให้เข้าร่วมการประชุมภาคหลายแห่งและได้รู้เห็นความเจริญเติบโตที่น่าพิศวงและจำนวนผู้รับบัพติสมามากเป็นประวัติการณ์. การเห็นความกระตือรือร้นอันแรงกล้าด้วยความบริสุทธิ์ใจของพี่น้องของเราที่นี่เป็นประสบการณ์ที่เสริมความเชื่อให้เข้มแข็งอย่างมากมาย. ผมไม่มีวันแลกสิ่งนี้ไม่ว่ากับอะไรก็ตาม. หลายคนในพวกพี่น้องที่ผมพบซึ่งเพิ่งศึกษาหรือเพิ่งรับบัพติสมาในช่วงที่ผมมานั้นบัดนี้รับใช้เต็มเวลาประเภทไพโอเนียร์ หรือผู้รับใช้ที่ได้รับการแต่งตั้ง หรือเป็นสมาชิกเบเธลที่ซอลเยชนอยเย ใกล้เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย.
ประชาคมที่ผมเข้าร่วมเต็มแน่นด้วย 530 คนทุกวันอาทิตย์ และเฉลี่ยแล้วทุกเดือนเรามีผู้ประกาศใหม่ที่ยังไม่ได้รับบัพติสมา 12 คน. การนับครั้งสุดท้ายคือมีผู้ประกาศ 380 คน, ผู้ปกครอง 3 คน, และผู้รับใช้ที่ได้รับการแต่งตั้ง 7 คน. ประชาคมเรารายงานการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตามบ้าน 486 ราย. ในเดือนกุมภาพันธ์ 1995 ผมได้รับสิทธิพิเศษให้เยี่ยมกลุ่มการศึกษาหนังสือปกแข็ง 29 กลุ่มเพื่อบรรยายเกี่ยวกับการรับใช้. ผมเยี่ยมสัปดาห์ละสี่กลุ่ม. นอกจากนี้ ก่อนการประชุมภาคแต่ละครั้งเรามีงานมากในการพิจารณาคำถามสำหรับผู้จะรับบัพติสมา. ในเดือนพฤษภาคม 1995 เรามีการประชุมพิเศษวันเดียวซึ่ง 30 คนจากประชาคมเราได้รับบัพติสมา. ทั้งหมดมีผู้รับบัพติสมา 607 คนพร้อมกับผู้เข้าร่วมประชุม 10,000 คน. ที่การประชุมภาคในฤดูร้อน 24 คนจากประชาคมเราอยู่ในหมู่ผู้รับบัพติสมา 877 คน! เรามีไพโอเนียร์ประจำ 13 คนในประชาคมเราและไพโอเนียร์พิเศษ 3 คน. พวกเขารายงานการศึกษา 110 ราย! ปัจจุบัน เรามีผู้ประกาศที่ยังไม่ได้รับบัพติสมา 132 คน.
ณ การประชุมอนุสรณ์ในปี 1995 เรามีผู้เข้าร่วม 1,012 คน! สมาคมฯ เพิ่งส่งพี่น้องชาวโปแลนด์คนหนึ่งมายังประชาคมเรา คือ มาทีช. เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนฝึกอบรมเพื่อการรับใช้และจะช่วยได้มากทีเดียว. ขณะนี้เรามีผู้ปกครองสามคน. ดังนั้น จะมีการตั้งประชาคมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งประชาคม และเขตประกาศของเราซึ่งมีประชากรเกือบหนึ่งล้านคนจะถูกแบ่งครึ่ง. แต่ละประชาคมจะมีผู้ประกาศราว 200 คน. ประชาคมหนึ่งจะมีผู้ปกครองสองคน และอีกประชาคมหนึ่งมีผู้ปกครองหนึ่งคน. เรากำลังจะมีการประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ขณะนี้เรากำลังพิจารณาคำถามสำหรับผู้จะรับบัพติสมา 44 คนซึ่งจะพร้อมสำหรับการรับบัพติสมาในคราวนั้น. ดูไม่น่าเชื่อ! นับเป็นอุทยานฝ่ายวิญญาณจริง ๆ! เรื่องนี้น่าอัศจรรย์! พระหัตถ์ของพระยะโฮวาดำเนินงานอยู่จริง ๆ. ราชรถของพระองค์ดูเหมือนแล่นผ่านรัสเซียอย่างรวดเร็วอยู่ในขณะนี้. ในเดือนตุลาคม 1995 มีราว 40 ประชาคมในมอสโก. จำนวนประชาคมอาจเป็นสองเท่าได้ไม่ยากหากมีผู้ปกครองมากพอ.
สมัยที่เราเป็นผู้เผยแพร่ในตลาดแผงลอยของเก่านั้นผ่านมานานแล้ว. ขณะนี้สกอตต์อยู่ที่เบเธลบรุกลิน สตีฟรับใช้เป็นผู้ปกครองในประชาคมหนึ่งในมอสโก—เราทั้งสองรู้สึกขอบพระคุณพระเจ้าเหลือเกินที่ทรงโปรดให้เราได้พบพระองค์. เราอธิษฐานขอให้อีกหลายล้านคนจะแสวงหาพระองค์ และขอพระเจ้าทรงโปรดให้พวกเขาได้พบพระองค์.—เล่าโดยสกอตต์และสตีฟ เดวิส.
[เชิงอรรถ]
a พิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์แห่งนิวยอร์ก.
[รูปภาพหน้า 12]
สกอตต์
[รูปภาพหน้า 13]
สตีฟ
[รูปภาพหน้า 15]
ประชาคมหนึ่งในมอสโกมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 530 คนทุกวันอาทิตย์