คุณสามารถปรับปรุงความจำของคุณได้
“ความจำฉันไม่ดีเอาเสียเลย.” คุณเคยพูดอย่างนั้นไหม? ถ้าเคย อย่าเพิ่งหมดหวัง. ข้อแนะง่าย ๆ สองสามข้อและความพยายามสักหน่อยสามารถทำให้มีการปรับปรุงที่น่าประหลาดใจได้. อย่าประเมินสมองคุณต่ำไป. สมองคุณมีความสามารถที่น่าทึ่ง.
สมองดำเนินงานอันน่าอัศจรรย์ของมันอย่างไร? ช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีการศึกษาค้นคว้าสมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนยิ่งกว่าที่เคยทำกันมา. แต่ถึงแม้ความเข้าใจจะเพิ่มขึ้น เรายังคงรู้เพียงเล็กน้อยว่า จริง ๆ แล้วสมองทำสิ่งต่าง ๆ ที่มันได้ทำนั้นอย่างไร.
เราเรียนรู้และจดจำข้อมูลอย่างไรนั้นเป็นเรื่องไม่ชัดเจน แต่นักวิจัยทั้งหลายก็กำลังพยายามไขข้อลึกลับนี้ให้กระจ่าง. ที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วยในการเรียนรู้และการจำก็คือเซลล์ประสาท หรือนิวรอนประมาณหนึ่งหมื่นล้านถึงหนึ่งแสนล้านเซลล์ในสมอง. แต่จุดเชื่อมต่อระหว่างนิวรอนนั้นอย่างน้อยมีมากเป็นหนึ่งหมื่นเท่าของจำนวนนี้. ทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า เมื่อจุดเชื่อมต่อหรือซินเนปส์แข็งแรงขึ้นเนื่องด้วยการใช้ การเรียนรู้ก็เกิดขึ้น.
ขณะที่เรามีอายุมากขึ้น ความสามารถทางสมองอาจลดลง; ปฏิกิริยาของเราอาจช้าลง. เซลล์สมองไม่สร้างตัวเองขึ้นใหม่ และเห็นได้ชัดว่าผู้ใหญ่สูญเสียเซลล์สมองบางส่วนไปเรื่อย ๆ. แต่เราอาจรักษาความสามารถทางสมองของเราไว้นานขึ้นได้ตามขีดที่เราใช้สมองของเรา.
เจตคติทางใจของเราส่งผลกระทบสมอง. การมองโลกในแง่ดีและด้วยความเบิกบานช่วยปรับปรุงการปฏิบัติงานของสมองไม่ว่าอายุเท่าไร. ความเครียดที่มีบ้างอาจเป็นประโยชน์ แต่ความเครียดที่มากเกินไปและยืดเยื้อถ่วงประสิทธิภาพของสมอง. การออกกำลังกายสามารถช่วยบรรเทาความกดดันทางจิตใจได้.
แม้ความรู้เช่นนี้อาจให้กำลังใจ แต่เราก็อาจลืมเรื่องสำคัญ ๆ ไปไม่ว่าเราอายุเท่าไร. เราจะปรับปรุงได้ไหม? ด้านหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มีปัญหาคือในการจำชื่อคนที่เราพบปะ.
การจำชื่อผู้คน
ข้อแนะง่าย ๆ ไม่กี่ข้อจะช่วยคุณได้มากให้จำชื่อดีขึ้น. การแสดงความสนใจในคนนั้นช่วยได้. ชื่อของคนเรามีความสำคัญต่อเขา. เรามักจำชื่อไม่ได้เพราะเราฟังชื่อนั้นไม่ชัดในคราวที่ได้ยินตอนแรก. ดังนั้น เมื่อได้รับการแนะนำให้รู้จัก จงฟังชื่อให้ชัดเจน. ถ้าจำเป็นก็ขอให้เขาบอกซ้ำหรือแม้แต่ขอให้เขาสะกดชื่อให้ฟังด้วย. ใช้ชื่อนั้นบ่อย ๆ ในการสนทนาของคุณ. เมื่อคุณกล่าวลา จงพูดโดยเรียกชื่อเขา. คุณจะรู้สึกแปลกใจที่จุดต่าง ๆ ไม่กี่จุดนี้ช่วยได้เพียงไร.
ข้อแนะอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยเสริมความจำในเรื่องชื่อคนให้คุณมากขึ้นอีกได้คือ ให้เชื่อมโยงชื่อคนเข้ากับอะไรสักอย่างที่คุณนึกภาพในใจได้. ถ้าคุณนึกภาพการกระทำได้ นั่นจะช่วยมากขึ้น.
ยกตัวอย่าง คน ๆ หนึ่งมีปัญหาในการจำชื่อต้นของคนที่ไม่รู้จักมักคุ้นคนหนึ่ง คือ ณัฐ. ดังนั้น เมื่อเขาเห็นคน ๆ นี้ เขาคิดถึงความหมายของคำว่า “นัด” คือ “ตกลงเพื่อการใดการหนึ่งตามแต่จะกำหนด.” เขานึกภาพชายคนนี้กำลังโทรศัพท์ขอนัดเวลาที่จะมาสัมภาษณ์เขา. วิธีนี้ใช้ได้ผลเสมอ ชื่อ “ณัฐ” จะแวบเข้ามาในสมองของเขา.
หลายชื่ออาจไม่มีความหมายต่อคุณ ดังนั้น คุณคงต้องใช้คำที่คล้ายกับชื่อนั้นแทน. ถ้าคำที่คุณใช้แทนนั้นออกเสียงไม่ตรงกันกับชื่อนั้นพอดีก็ไม่เป็นไร. ความจำของคุณจะสามารถระลึกถึงชื่อนั้นได้ดีขึ้นจากสิ่งที่เชื่อมโยง. เมื่อคุณสร้างคำและภาพในใจขึ้นเอง ความประทับใจจะยิ่งฝังแน่น.
ยกตัวอย่าง คุณได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคุณฮิโรชิ นากาซามิ. คุณอาจใช้ ฮิโรชิมา นางาซากิ แทน. คุณนึกภาพเมืองฮิโรชิมาและเมืองนางาซากิที่ถูกทิ้งระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่สอง.
คุณต้องขยันฝึกการทำเช่นนี้สักระยะหนึ่ง แต่มันได้ผลจริง ๆ. แฮรี ลอเรน อธิบายวิธีการนี้ในหนังสือของเขาวิธีพัฒนาความจำที่มีประสิทธิภาพเป็นเลิศ (ภาษาอังกฤษ) และเขาได้ใช้วิธีการนี้ในหลายโอกาสที่อยู่ต่อหน้าสาธารณชน. เขาบอกว่า “บ่อยครั้งผมได้รับการแนะนำให้รู้จักผู้คนหนึ่งร้อยถึงสองร้อยคนภายในสิบห้านาทีหรือน้อยกว่านั้น โดยไม่ลืมชื่อสักคนเดียว!”
วิธีจดจำรายการต่าง ๆ
คุณจะปรับปรุงความสามารถในการจำรายการสิ่งของที่ไม่เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร? วิธีการง่าย ๆ อย่างหนึ่งเรียกว่า ระบบเชื่อมโยง. นี่คือวิธีใช้ระบบนี้: คุณนึกภาพสำหรับของแต่ละสิ่งในรายการแล้วเชื่อมโยงภาพสำหรับของสิ่งแรกกับภาพสำหรับสิ่งที่สอง แล้วก็ทำเช่นเดียวกันสำหรับสิ่งที่สองกับที่สาม และทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ.
ยกตัวอย่าง คุณต้องได้ของห้าอย่างในซูเปอร์มาร์เกต คือ นม, ขนมปัง, หลอดไฟฟ้า, หัวหอมใหญ่, และไอศกรีม. ให้เริ่มด้วยการเชื่อมโยงนมกับขนมปัง. นึกภาพการเทนมออกจากขนมปังแถว. แม้ว่าภาพนั้นอาจค่อนข้างน่าขัน แต่มันจะช่วยให้สิ่งนั้น ๆ ประทับในความจำของคุณ. นอกจากนี้ พยายามให้มีการกระทำในฉากเหตุการณ์ที่นึกในใจซึ่งมีคุณเกี่ยวข้องด้วยในการเทนมนั้น.
หลังจากเชื่อมโยงนมกับขนมปังแล้วก็ย้ายไปยังสิ่งต่อไป คือหลอดไฟฟ้า. คุณอาจเชื่อมโยงขนมปังแถวกับหลอดไฟโดยนึกภาพว่าคุณกำลังพยายามใส่ขนมปังแถวเข้าในกระจุบสวมหลอดไฟ. แล้วเชื่อมโยงหลอดไฟกับหัวหอมใหญ่ด้วยการนึกภาพตัวคุณกำลังปอกเปลือกหลอดไฟฟ้าขนาดใหญ่และร้องไห้ในขณะที่ทำอยู่. แน่นอน จะดีกว่าถ้าคุณทำการเชื่อมโยงเอง. คุณจะจัดการเชื่อมโยงระหว่างสองสิ่งสุดท้ายได้ไหม คือหัวหอมใหญ่กับไอศกรีม? บางทีคุณอาจนึกภาพการกินไอศกรีมหัวหอมใหญ่ก็ได้!
ลองดูซิว่าคุณจะจำรายการของนั้นได้หรือไม่. แล้วทดสอบความจำของคุณด้วยรายการที่คุณคิดเอง. คิดรายชื่อของให้ยาว ๆ ตามที่คุณชอบ. อย่าลืมว่า เพื่อทำให้การเชื่อมโยงจำได้ง่ายขึ้น คุณจะทำให้เรื่องดูตลกหรือไร้เหตุผลหรือมีสัดส่วนไม่เหมาะสมกันก็ได้. พยายามนึกภาพการกระทำ และเอาของสิ่งหนึ่งมาแทนอีกสิ่งหนึ่ง.
บางคนอาจค้านว่าวิธีการนี้ใช้เวลานานกว่าการเพียงแต่ท่องจำรายการของนั้น. อย่างไรก็ตาม การอธิบายย่อมนานกว่าการใช้. เมื่อคุณได้หัดใช้บ้าง คุณจะสร้างการเชื่อมโยงอย่างรวดเร็ว และความสามารถนึกออกของคุณ รวมทั้งความเร็วในการเรียนรู้ จะดีกว่าที่คุณพยายามเรียนรู้โดยไม่มีระบบมาก. เมื่อขอให้ 15 คนจำรายชื่อสิ่งของ 15 อย่างที่มีหลายชนิดปนกัน เฉลี่ยจำนวนของที่พวกเขาจำได้คือ 8.5. เมื่อใช้ระบบการเชื่อมโยงภาพกับรายการสิ่งของอีกรายการหนึ่ง กลุ่มเดียวกันนั้นมีเฉลี่ยจำนวนของที่จำได้ 14.3. แน่ละ ถ้าคุณไม่ลืมเอารายการของที่เขียนไว้ไปด้วยเมื่อคุณไปซื้อของ คุณย่อมได้คะแนนเต็ม 15—คือ 100 เปอร์เซ็นต์!
การจำเรื่องที่คุณอ่าน
ในยุคที่อุดมไปด้วยข้อมูลนี้ อีกด้านหนึ่งที่พวกเราส่วนมากจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือคือในการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ. การศึกษาเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งในการเรียน, ในธุรกิจ, เพื่อการปรับปรุงเป็นส่วนตัว, และในการเตรียมการบรรยายสาธารณะ. นอกจากนี้ คริสเตียนต้องจัดเวลาต่างหากสำหรับการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นส่วนตัว.—โยฮัน 17:3.
คุณอาจบอกว่า ‘แต่ฉันมีปัญหาในการจำสิ่งที่ฉันเรียนไปแล้ว.’ จะทำอะไรได้บ้าง? การเรียนรู้วิธีทำให้เวลาเรียนเกิดประโยชน์ที่สุดสามารถช่วยคุณให้จำสิ่งที่คุณอ่าน. นี่เป็นข้อแนะบางอย่าง.
เมื่อคุณศึกษา การจัดระเบียบส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ. จัดหนังสือ, เครื่องเขียน, และกระดาษไว้ในที่ที่หยิบได้ง่าย. พยายามศึกษาในที่สบาย ๆ ซึ่งมีสิ่งทำให้วอกแวกน้อยและมีแสงสว่างพอเหมาะ. ปิดวิทยุและโทรทัศน์.
จงมีเวลาสำหรับการศึกษาเป็นประจำ. สำหรับบางคน การศึกษาช่วงสั้น ๆ ทุกวันอาจได้ผลยิ่งกว่าการใช้เวลาเรียนครั้งละนาน ๆ. ดีที่จะแบ่งเวลาของคุณเป็นช่วง ๆ. แทนที่จะศึกษาติดต่อกันสองชั่วโมง คงดีกว่าถ้าจะแบ่งเวลาเป็นช่วง ช่วงละ 25 ถึง 40 นาที มีช่วงพักสั้น ๆ สองสามนาทีระหว่างแต่ละช่วงการศึกษา. การวิจัยแสดงว่าการทำเช่นนี้ช่วยเสริมระดับความจำให้สูงขึ้น.
จงกำหนดว่าคุณต้องการพิจารณาเรื่องอะไรระหว่างช่วงการศึกษาของคุณ. การทำเช่นนี้ช่วยเสริมการเอาใจจดจ่อ. ก่อนเริ่มหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่ง ใช้เวลาสักหน่อยเพื่อดูหนังสือนั้นอย่างคร่าว ๆ. ดูที่ชื่อหนังสือ. ตรวจดูสารบัญ ซึ่งสรุปเนื้อหาหนังสือ. แล้วอ่านอารัมภบทหรือคำนำ. ในที่นี้อาจมีกล่าวถึงจุดมุ่งหมายและความเห็นของผู้ประพันธ์.
ก่อนเริ่มอ่านบทหนึ่ง ๆ ดูบทนั้นก่อนอย่างคร่าว ๆ. ดูหัวเรื่องย่อยต่าง ๆ, ภาพประกอบ, แผนภูมิ, บทสรุป, และวรรคต้นกับวรรคท้าย. อ่านผ่าน ๆ ประโยคแรกของแต่ละวรรค. ประโยคเหล่านี้มักมีแนวหลักของการหาเหตุผล. หาแนวคิดทั่วไปให้ได้. ถามตัวเองว่า ‘ผู้เขียนตั้งใจจะพิสูจน์เรื่องอะไร? ฉันจะได้รับอะไรจากเรื่องนี้? อะไรคือสาระสำคัญของเรื่อง?’
การเอาใจจดจ่อเป็นสิ่งสำคัญ. คุณควรหมกมุ่นเต็มที่. เคล็ดลับคือ การทำให้เวลาศึกษาของคุณมีชีวิตชีวาเท่าที่จะทำได้. จงเร้าความกระตือรือร้นด้วยการพิจารณาแง่ที่ใช้ได้ผลจริงของความรู้นั้น. นึกภาพ. ใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ด้วยการนึกถึงกลิ่น, รส, และการสัมผัส หากเรื่องนั้นเหมาะกับวิธีนี้.
เมื่อคุณเข้าใจความหมายที่แฝงในเนื้อเรื่อง คุณก็พร้อมจะจดโน้ต. การจดโน้ตอย่างมีประสิทธิภาพสามารถทำให้คุณมีความเข้าใจและทำให้การนึกข้อมูลนั้นออกเร็วขึ้น. โน้ตนั้นไม่ต้องจดทั้งประโยคแต่ควรจดคำหรือวลีกุญแจซึ่งช่วยคุณให้นึกถึงแนวคิดสำคัญ ๆ.
การเข้าใจข้อมูลไม่จำเป็นต้องหมายความว่า คุณจะสามารถนึกข้อมูลนั้นออกทั้งหมดในอนาคต. ความจริงคือว่า ภายใน 24 ชั่วโมงของการเรียนรู้ มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของข้อมูลนั้นอาจถูกลืมไปได้ อย่างน้อยก็ชั่วคราว. เรื่องนี้ฟังดูน่าท้อใจ แต่บางส่วนหรือหลายส่วนของความรู้ 80 เปอร์เซ็นต์นั้นสามารถเรียกกลับมาใหม่โดยการทบทวนเนื้อเรื่อง. หลังการศึกษาแต่ละช่วง ให้ทบทวนอย่างสั้น ๆ. ถ้าเป็นได้ ทบทวนอีกครั้งในวันถัดไป แล้วก็อีกสัปดาห์หนึ่งหลังจากนั้น แล้วก็อีกเดือนหนึ่งต่อจากนั้น. การที่คุณทำตามข้อแนะเหล่านี้อาจช่วยคุณให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเวลาศึกษาอันล้ำค่าของคุณและจดจำสิ่งที่คุณได้อ่าน.
ดังนั้น อย่าประเมินสมองคุณต่ำไป. ความสามารถของคุณในการจำเรื่องต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้. นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งกล่าวถึงสมองว่าเป็น “สิ่งซับซ้อนที่สุดเท่าที่เราค้นพบกันมาในเอกภพของเรา.” สมองเป็นสิ่งหนึ่งที่สำแดงพระสติปัญญาและฤทธิ์อำนาจอันน่าครั่นคร้ามแห่งพระผู้สร้างสมอง พระยะโฮวา.—บทเพลงสรรเสริญ 139:14.
[แผนภูมิหน้า 27]
เพื่อจะจำรายการสิ่งต่าง ๆ จงใช้ระบบเชื่อมโยง: นึกภาพสำหรับของแต่ละสิ่งในรายการ. แล้วเชื่อมโยงภาพสำหรับสิ่งแรกกับภาพสำหรับสิ่งที่สองและต่อ ๆ ไป
รายการของที่จะซื้อ:
1. นม เชื่อมโยง 1 กับ 2
2. ขนมปัง เชื่อมโยง 2 กับ 3
3. หลอดไฟ เชื่อมโยง 3 กับ 4
4. หัวหอมใหญ่ เชื่อมโยง 4 กับ 5
5. ไอศกรีม