โลกแห่งแนวปะการังอันเต็มไปด้วยสีสัน
โดยผู้เขียน ตื่นเถิด! ในปาปัวนิวกินี
แนวปะการังเรียงรายอยู่เกือบตลอดชายฝั่งของปาปัวนิวกินี. ในอดีต คนเรือถือว่าแนวปะการังเป็นเพียงแค่ภัยอันตรายอย่างหนึ่ง. แต่สำหรับผู้ที่ได้สำรวจท้องน้ำที่ห้อมล้อมแนวปะการังแล้ว พืดหินเหล่านี้เป็นประตูสู่โลกที่สวยงาม เปี่ยมด้วยสีสัน และสงบเงียบอย่างยิ่ง—ราวกับมองกล้องคาไลโดสโคปใต้น้ำ!
การพยายามบันทึกภาพโลกใต้น้ำนี้ลงบนฟิล์มนับว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างแท้จริง. ประการหนึ่งนั้น วัตถุใต้น้ำปรากฏให้เห็นอยู่ใกล้กว่าประมาณสามในสี่ของระยะห่างจริง; การโฟกัสภาพจึงทำได้ยาก. น้ำดูดกลืน, กระจาย, และทำให้แสงหักเห. สีก็อาจแตกต่างอย่างมากตามสภาวะอากาศ, มุมของแสงอาทิตย์, การที่มีสาหร่ายและแพลงตอน, ความลึกของน้ำ, รวมทั้งชนิดและสีของท้องทะเล. เรื่องที่ทำให้ยากหนักเข้าไปอีกคือ น้ำ, สิ่งที่ต้องการถ่ายภาพ, และตัวคนถ่ายภาพเองมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด!
ถึงกระนั้น ช่างภาพบางคนประสบผลสำเร็จจากการถ่ายภาพแบบนี้ในระดับหนึ่ง. ภาพที่คุณเห็นในที่นี้ถ่ายระหว่างการท่องเที่ยวใต้น้ำ. ขอเราแนะนำให้คุณรู้จักสิ่งมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์สี่ชนิดที่บันทึกภาพกันใต้คลื่น.
ภาพที่ 1 คือสิ่งมีชีวิตที่งดงามแห่งทะเลลึกซึ่งมีชื่อเรียกว่าหอยเบี้ยโป่งลายเสือ (Cypraea tigris). ชื่อนี้นับว่าแปลกเมื่อคิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเปลือกของมันมีลายเป็นจุดงดงาม ไม่ใช่ลายริ้ว. หอยเบี้ยโป่งลายเสืออาศัยอยู่ที่นี่ เนื่องจากมันหาอาหารกินอยู่ตามปะการังและฟองน้ำ. ชาวจีนโบราณประทับใจหอยนี้มากจนได้ใช้เปลือกหอยชนิดนี้เป็นเงินตราแบบหนึ่ง. ในปาปัวนิวกินีเอง หอยเบี้ยโป่งลายเสือยังคงใช้กันเป็นเงินปลีกในตลาดพื้นเมืองบางแห่ง. อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วคนในท้องถิ่นเก็บสะสมหอยพวกนี้ไว้เพียงเพราะความสวยเป็นเงางามของมัน.
ภาพที่ 2 คือหนอนท่อซึ่งมีสีสันสวยงาม (Spirobranchus giganteus). มันอาจอาศัยอยู่บนปะการังที่ตายแล้วหรือซ่อนตัวอยู่ในปะการังที่ยังมีชีวิตอยู่. ขณะอยู่นิ่ง ๆ มันดูคล้ายดอกไม้. แต่เมื่อหิวขึ้นมา มันก็จะควงหนวดของมันอย่างเร็วให้เป็น “ตาข่าย” เพื่อคว้าเกี่ยวเศษอาหารที่ผ่านมาเอาไว้อย่างรวดเร็ว. โดยที่หนวดเหล่านี้ซึ่งมีลักษณะคล้ายขนเคลื่อนไหวไปมา จึงมองดูคล้ายแถวของนักเต้นรำตัวจิ๋วกำลังโบกพัดของตน. ตัวที่เห็นอยู่นี้มีขนาดความกว้างเพียงแค่ 10 มิลลิเมตร. แต่ช่างภาพต้องระวังไม่เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน. ทันทีที่มีเค้าของอันตราย เจ้าตัวจิ๋วที่น่ารักนี้จะถอยปราดเข้าไปอยู่ในบ้านโครงหินปะการังของมันในชั่วพริบตา.
ภาพที่ 3 คือฟองน้ำ. มันแทบไม่มีส่วนคล้ายกับฟองน้ำสังเคราะห์ที่ลอยอยู่ในอ่างอาบน้ำของคุณ. ที่จริง ฟองน้ำเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์ ไม่ใช่พืช. มันเป็นมวลของเซลล์ซึ่งมีลักษณะเป็นรูพรุนที่ทำหน้าที่ร่วมกันอย่างแปลกประหลาดเป็นที่สุด. หนังสือซึ่งมีชื่อว่า ใต้ทะเล (ภาษาอังกฤษ) กล่าวว่า เซลล์ทั้งหลายของฟองน้ำ “ไม่ประสานกันอย่างแนบแน่น อีกทั้งไม่พึ่งพาอาศัยกันด้วย. ด้วยเหตุนี้ หากฟองน้ำที่ยังมีชีวิตถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ในที่สุดแต่ละส่วนก็จะก่อตัวเป็นฟองน้ำใหม่. แม้กระทั่งเมื่อแต่ละเซลล์ถูกแยกจากกัน เซลล์เหล่านี้จะคลานกระดืบไปคล้ายอะมีบาจนกระทั่งเข้ามาอยู่รวมกันและก่อรูปก่อร่างขึ้นเป็นฟองน้ำทั้งตัวอีกครั้งหนึ่ง.”
ไม่เหมือนกับพืชซึ่งผลิตอาหารเอง ฟองน้ำ “ล่าเหยื่อ” เป็นอาหาร. มันสูบน้ำที่อยู่รอบตัวมันเข้ามาและกรองเอาอินทรียวัตถุ. เช่นเดียวกับสัตว์อื่น มันย่อยอาหารและขับถ่ายของเสีย. คุณจะพบฟองน้ำติดอยู่ตามก้อนหินหรือเปลือกหอยต่าง ๆ ที่ท้องทะเล.
สุดท้าย ภาพที่ 4 คือหอยกาบผู้ต่ำต้อย. มันอาศัยอยู่กับที่และสามารถหาพบได้ง่ายในหินปะการังหรือไม่ก็อยู่ตามท้องทะเล. ส่วนใหญ่หอยกาบกินอาหารโดยกรองเอาแพลงตอนจากน้ำ. หอยกาบจัดอยู่ในประเภทหอยสองฝา เพราะมันมีฝาเปลือกสองชิ้นประกบกัน. ฝาเปลือกทั้งสองนี้ถูกยึดไว้ด้วยกันโดยเอ็น และเปิดปิดโดยอาศัยกล้ามเนื้อที่ทรงพลังสองมัด. เมื่อหอยกาบต้องการเคลื่อนที่ มันจะเผยอฝาเปลือกให้เปิดออกและส่วนขาของมันที่เป็นเนื้อจะโผล่ออกมาเล็กน้อย. แต่หากมีศัตรูเข้ามาใกล้ มันจะถอยกลับเข้าเปลือกและ ‘ปิดกาบแน่น’!
ภาพเหล่านี้ให้ภาพเพียงเสี้ยวหนึ่งของทัศนียภาพอันวิจิตรตระการตาที่สามารถชมดูได้ในทะเลที่มีปะการัง—สถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งแสดงพระสติปัญญาในการสร้างสรรค์ของพระยะโฮวา.—โรม 1:20.
[รูปภาพหน้า 16, 17]
1. หอยเบี้ยโป่งลายเสือ ยังคงใช้เป็นเงินกันอยู่
2. “ดอกไม้” ที่เห็นนี้ที่จริงได้แก่หนอนท่อ
3. ฟองน้ำเป็นสัตว์ ไม่ใช่พืช
4. หอยกาบกินแพลงตอนเป็นอาหาร (ที่เห็นคือปาก)