ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ต97 8/11 น. 12-17
  • บุรุษผู้เปิดโลก

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • บุรุษผู้เปิดโลก
  • ตื่นเถิด! 1997
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • จาก​เด็ก​ใน​ราชสำนัก​เป็น​นัก​เดิน​เรือ​ใจ​กล้า
  • กษัตริย์​แห่ง​สเปน​จะ​ทรง​รับ​ฟัง​ไหม?
  • “การ​เดิน​เรือ​ครั้ง​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​ประวัติศาสตร์”
  • ประสบการณ์​ที่​เลว​ร้าย​ใน​แปซิฟิก
  • โศกนาฏกรรม—ความ​ฝัน​สลาย
  • ภัย​พิบัติ​กระหน่ำ​เที่ยว​เดิน​ทาง​กลับ
  • ชื่อ​ของ​แมกเจลแลน​ยืนยง​คง​อยู่
  • จากผู้อ่านของเรา
    ตื่นเถิด! 1998
  • การแสวงหาเครื่องเทศ, ทองคำ, คนเปลี่ยนศาสนา, และเกียรติยศ
    ตื่นเถิด! 1992
  • การกระทบกระทั่งระหว่างวัฒนธรรม
    ตื่นเถิด! 1992
  • การเดินทางข้ามเส้น
    ตื่นเถิด! 2002
ดูเพิ่มเติม
ตื่นเถิด! 1997
ต97 8/11 น. 12-17

บุรุษ​ผู้​เปิด​โลก

โดย​ผู้​สื่อ​ข่าว ตื่นเถิด! ใน​ออสเตรเลีย

เมื่อ​มนุษย์​ไป​ดวง​จันทร์​ครั้ง​แรก พวก​เขา​วาง​แผน​ด้วย​การ​คำนวณ​อย่าง​แม่นยำ​ว่า​เขา​จะ​ไป​ที่​ไหน​และ​จะ​ไป​ถึง​ที่​นั่น​โดย​วิธี​ใด. และ​เขา​สามารถ​ติด​ต่อ​สื่อสาร​กับ​แผ่นดิน​โลก​ได้. แต่​เมื่อ​เรือ​ที่​ทำ​ด้วย​ไม้​ลำ​เล็ก ๆ ห้า​ลำ​ของ​เฟอร์ดินันด์ แมกเจลแลนa—ส่วน​ใหญ่​มี​ความ​ยาว​ประมาณ 22 เมตร—ออก​จาก​ประเทศ​สเปน​ใน​ปี 1519 พวก​เขา​ได้​แล่น​ไป​ยัง​ที่​ซึ่ง​ไม่​เป็น​ที่​รู้​จัก. และ​พวก​เขา​โดด​เดี่ยว​อย่าง​สิ้นเชิง.

ใน​บรรดา​การ​เดิน​เรือ​ที่​กล้า​หาญ และ​ทรหด​อย่าง​ยิ่ง​ตลอด​ทุก​ยุค​ทุก​สมัย การ​เดิน​เรือ​ของ​แมกเจลแลน​ถือ​เป็น​แบบ​อย่าง​แห่ง​ยุค​การ​สำรวจ​ครั้ง​ยิ่ง​ใหญ่​ก็​ว่า​ได้—เป็น​ยุค​แห่ง​ความ​กล้า​หาญ​และ​ความ​กลัว, ความ​ลิง​โลด​และ​ความ​เศร้า​สลด, พระเจ้า​และ​ความ​ร่ำรวย. ดัง​นั้น ให้​เรา​ย้อน​กลับ​ไป​ประมาณ​ปี 1480 เมื่อ​เฟอร์ดินันด์ แมกเจลแลน​ถือ​กำเนิด​ทาง​ภาค​เหนือ​ของ​ประเทศ​โปรตุเกส และ​พิจารณา​บุรุษ​ผู้​กล้า​หาญ​อย่าง​น่า​ทึ่ง​ซึ่ง​ได้​เปิด​โลก​และ​การ​เดิน​ทาง​ครั้ง​ประวัติศาสตร์​ของ​เขา.

จาก​เด็ก​ใน​ราชสำนัก​เป็น​นัก​เดิน​เรือ​ใจ​กล้า

ครอบครัว​แมกเจลแลน​เป็น​ตระกูล​ขุนนาง ดัง​นั้น เป็น​ธรรมเนียม​อยู่​เอง​ที่​เฟอร์ดินันด์​ขณะ​ยัง​เป็น​เด็ก​หนุ่ม​นั้น​จะ​ถูก​เรียก​เข้า​ไป​ถวาย​การ​รับใช้​ใน​ราชสำนัก. ที่​นี่ นอก​จาก​ได้​รับ​การ​ศึกษา​แล้ว เขา​ยัง​ได้​ยิน​กับ​หู​เกี่ยว​กับ​การ​กระทำ​ที่​กล้า​หาญ​ของ​ผู้​คน อย่าง​เช่น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่ง​เพิ่ง​กลับ​จาก​ทวีป​อเมริกา​หลัง​จาก​ได้​เสาะ​หา​เส้น​ทาง​เดิน​เรือ​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ตก​ไป​สู่​หมู่​เกาะ​เครื่องเทศ​ที่​เลื่อง​ชื่อ (อินโดนีเซีย). ต่อ​มา​ไม่​นาน หนุ่ม​เฟอร์ดินันด์​ใฝ่ฝัน​ถึง​วัน​ที่​ตน​สามารถ​ได้​ยิน​เสียง​ใบ​เรือ​สะบัด​อยู่​เหนือ​ศีรษะ และ​ใบ​หน้า​สัมผัส​การ​ซัด​สาด​ของ​น้ำ​ทะเล​ซึ่ง​ยัง​ไม่​มี​การ​สำรวจ.

น่า​เสียดาย ใน​ปี 1495 กษัตริย์​จอห์น ผู้​ทรง​อุปถัมภ์​เขา ถูก​ลอบ​ปลง​พระ​ชนม์ และ​ดุ๊ก​มานูเอล​ได้​ขึ้น​ครอง​ราชย์​แทน ผู้​ซึ่ง​อยาก​ร่ำรวย แต่​ไม่​สนใจ​การ​เดิน​ทาง​สำรวจ. ด้วย​เหตุ​ผล​บาง​ประการ มานูเอล​ไม่​ชอบ​เฟอร์ดินันด์ ซึ่ง​เวลา​นั้น​อายุ 15 ปี และ​เป็น​เวลา​หลาย​ปี​ที่​พระองค์​ทรง​เมิน​เฉย​ต่อ​คำ​ขอ​ของ​เฟอร์ดินันด์​ที่​จะ​ออก​ทะเล. แต่​ครั้น​วาชคู ดา กามา กลับ​จาก​อินเดีย​พร้อม​กับ​บรรทุก​เครื่องเทศ​มา​เพียบ มานูเอล​รู้​ได้​ทันที​ว่า​ตน​มี​โอกาส​จะ​รวย​มหาศาล. ใน​ที่​สุด ปี 1505 พระองค์​ทรง​อนุญาต​ให้​แมกเจลแลน​ออก​ทะเล. แมกเจลแลน​ออก​เรือ​ไป​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ออก​ของ​แอฟริกา​และ​อินเดีย​ร่วม​กับ​กอง​เรือ​รบ​ของ​โปรตุเกส​เพื่อ​ช่วย​ใน​การ​ช่วง​ชิง​การ​ค้า​เครื่องเทศ​จาก​กลุ่ม​พ่อค้า​อาหรับ. หลัง​จาก​นั้น เขา​แล่น​เรือ​ต่อ​ไป​ทาง​ตะวัน​ออก​ถึง​มะละกา​พร้อม​ด้วย​กอง​เรือ​สำรวจ​ของ​ทหาร​อีก​กอง​หนึ่ง.

ระหว่าง​การ​ปะทะ​กัน​ประปราย​ใน​โมร็อกโก​ปี 1513 แมกเจลแลน​ได้​รับ​บาดเจ็บ​สาหัส​ที่​หัวเข่า ทำ​ให้​เขา​เดิน​กะเผลก​จน​สิ้น​ชีพ. เขา​ขอร้อง​มานูเอล​เพิ่ม​เงิน​บำนาญ​ให้​เขา. แต่​ความ​จง​เกลียด​จง​ชัง​ของ​มานูเอล​หา​ได้​ลด​หย่อน​แม้​แต่​น้อย​ไม่ ทั้ง ๆ ที่​แมกเจลแลน​เพิ่ง​ประกอบ​วีรกรรม​ด้วย​ความ​เสีย​สละ​และ​ความ​กล้า​หาญ. มานูเอล​บอก​ปัด​การ​จุนเจือ​ทุก​อย่าง จน​แมกเจลแลน​ต้อง​ดำรง​ชีวิต​อย่าง​ขุนนาง​ตก​ยาก.

ตอน​ที่​ชีวิต​ของ​แมกเจลแลน​ตก​อับ​อย่าง​ยิ่ง​นั้น จัวอาว​แห่ง​เมือง​ลิสบอน นัก​เดิน​เรือ​ที่​มี​ชื่อ​โด่งดัง​ซึ่ง​เป็น​เพื่อน​เก่า​ได้​มา​เยี่ยม​เขา. ทั้ง​สอง​ได้​หารือ​กัน​ถึง​วิธี​ที่​จะ​ไป​ให้​ถึง​หมู่​เกาะ​เครื่องเทศ​โดย​แล่น​เรือ​ไป​ทาง​ตะวัน​ตก​เฉียง​ใต้ ผ่าน​เอล ปาโซ—ช่องแคบ​ที่​เล่า​ลือ​กัน​ว่า​ตัด​ผ่าน​ทวีป​อเมริกา​ใต้ แล้ว​ข้าม​มหาสมุทร​ซึ่ง​บัลโบอา​เพิ่ง​ค้น​พบ​ไม่​นาน​ก่อน​หน้า​นั้น​ตอน​ที่​เขา​ข้าม​คอ​คอด​ปานามา. คน​ทั้ง​สอง​เชื่อ​ว่า​ฟาก​ข้าง​โน้น​ของ​มหาสมุทร​นี้​คือ​หมู่​เกาะ​เครื่องเทศ.

ตอน​นี้​แมกเจลแลน​ปรารถนา​เหลือ​เกิน​ที่​จะ​ทำ​สิ่ง​ที่​โคลัมบัส​ทำ​ไม่​ได้ คือ​ค้น​หา​เส้น​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ตก​ไป​สู่​ประเทศ​แถบ​ตะวัน​ออก ซึ่ง​เขา​เชื่อ​ว่า​ระยะ​ทาง​สั้น​กว่า​เส้น​ที่​ไป​ทาง​ตะวัน​ออก. ทว่า เขา​จำ​ต้อง​ได้​รับ​การ​สนับสนุน​ทาง​การ​เงิน. ดัง​นั้น เนื่อง​จาก​ยัง​เจ็บใจ​จาก​ความ​กริ้ว​โกรธ​ของ​มานูเอล เขา​ก็​ทำ​อย่าง​ที่​โคลัมบัส​เคย​ทำ​มา​แล้ว​เมื่อ​หลาย​ปี​ก่อน—แสวง​การ​อุปถัมภ์​จาก​กษัตริย์​แห่ง​สเปน.

กษัตริย์​แห่ง​สเปน​จะ​ทรง​รับ​ฟัง​ไหม?

พร้อม​กับ​การ​กาง​แผนที่ แมกเจลแลน​ได้​นำ​เสนอ​สารัตถะ​ของ​ตน​ต่อ​ชาลส์​ที่​หนึ่ง ราชา​หนุ่ม​แห่ง​สเปน​ผู้​สน​พระทัย​อย่าง​ยิ่ง​ใน​เรื่อง​เส้น​ทาง​ด้าน​ตะวัน​ตก​ของ​แมกเจลแลน​ที่​ไป​สู่​หมู่​เกาะ​เครื่องเทศ เพราะ​จะ​ไม่​ล่วง​ล้ำ​เส้น​ทาง​เดิน​เรือ​ของ​โปรตุเกส. นอก​จาก​นั้น แมกเจลแลน​ได้​ทูล​ต่อ​ราชา​ว่า โดย​แท้​แล้ว​หมู่​เกาะ​เครื่องเทศ​อาจ​จะ​อยู่​ใน​อาณา​เขต​ของ​สเปน ไม่​ใช่​ของ​โปรตุเกส!—ดู​กรอบ “สนธิสัญญา​ทอร์เดซียัส.”

ชาลส์​แห่ง​สเปน​ทรง​ยอม​เชื่อ. พระองค์​ทรง​มอบ​เรือ​เก่า​ห้า​ลำ​ให้​แมกเจลแลน​นำ​ไป​ซ่อมแซม​ใหม่​ให้​เหมาะ​สำหรับ​การ​สำรวจ​ดินแดน ตั้ง​เขา​เป็น​ผู้​บังคับ​กอง​เรือ และ​สัญญา​กับ​เขา​ว่า​จะ​แบ่ง​ผล​กำไร​จาก​เครื่องเทศ​ที่​นำ​กลับ​มา. แมกเจลแลน​เริ่ม​งาน​ทันที​ทันใด. แต่​เนื่อง​จาก​กษัตริย์​มานูเอล​พยายาม​บ่อน​ทำลาย​โครงการ​นี้​อย่าง​มี​เล่ห์​เหลี่ยม จึง​ต้อง​เสีย​เวลา​ไป​มาก​กว่า​หนึ่ง​ปี​ก่อน​ที่​กอง​เรือ​จะ​พร้อม​ออก​ทะเล​ครั้ง​ประวัติศาสตร์​ได้​ใน​ที่​สุด.

“การ​เดิน​เรือ​ครั้ง​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​ประวัติศาสตร์”

วัน​ที่ 20 กันยายน 1519 เรือ​ซาน อันโตเนียว, เรือ​กอนเซปซีออง, เรือ​วิกตอเรีย, และ​เรือ​ซานติอาโก—ใหญ่​ที่​สุด​ถึง​เล็ก​ที่​สุด​ตาม​ลำดับ—ได้​แล่น​ติด​ตาม​ตรินิดาด เรือ​ธง​ลำ​ใหญ่​อันดับ​สอง​ของ​แมกเจลแลน ขณะ​ที่​แล่น​ไป​อเมริกา​ใต้. วัน​ที่ 13 ธันวาคม พวก​เขา​ไป​ถึง​ประเทศ​บราซิล และ​มอง​เห็น​เทือก​เขา​เปา เด อะซูการ์ หรือ​ภูเขา​ชูการ์โลฟ​สูง​ตระหง่าน​อยู่​เบื้อง​หน้า พวก​เขา​ก็​ได้​เข้า​ไป​ใน​อ่าว​อัน​สวย​งาม​แห่ง​เมือง​ริโอเดอจาเนโร​เพื่อ​จัด​การ​ซ่อมแซม​และ​เตรียม​เสบียง​อาหาร. จาก​นั้น​ก็​แล่น​ต่อ​ไป​ทาง​ใต้​จน​ถึง​ดินแดน​ซึ่ง​ตอน​นี้​คือ​อาร์เจนตินา จดจ่อ​ตลอด​เวลา​กับ​การ​ค้น​หา​เอล ปาโซ​เส้น​ทาง​ซึ่ง​หา​ยาก​ที่​จะ​ไป​สู่​อีก​มหาสมุทร​หนึ่ง. ขณะ​เดียว​กัน อากาศ​หนาว​มาก​ขึ้น​ทุก​ที​และ​มี​ภูเขา​น้ำ​แข็ง​ปรากฏ​ให้​เห็น. ใน​ที่​สุด เมื่อ​วัน​ที่ 31 มีนาคม 1520 แมกเจลแลน​ก็​ตัดสิน​ใจ​หลบ​ฤดู​หนาว​ที่​ท่า​เรือ​ซาน ฮูลิออน​อัน​เย็น​ยะเยือก.

ถึง​ตอน​นี้​การ​เดิน​เรือ​ใช้​เวลา​นาน​ถึง​หก​เท่า​ของ​เวลา​ที่​โคลัมบัส​ข้าม​มหาสมุทร​แอตแลนติก​ครั้ง​แรก—และ​ยัง​ไม่​เจอ​ช่องแคบ​ใน​ทะเล! ขวัญ​กำลังใจ​เย็น​ยะเยือก​เหมือน​สภาพ​อากาศ​ที่​ซาน ฮูลิออน และ​ลูกเรือ​รวม​ทั้ง​กัปตัน​และ​เจ้าหน้าที่​ประจำ​เรือ​บาง​คน​ปรารถนา​จะ​กลับ​บ้าน​เป็น​อย่าง​ยิ่ง. ไม่​ประหลาด​ใจ​เมื่อ​ลูกเรือ​ลุก​ฮือ​ขึ้น. แต่​โดย​ปฏิบัติการ​อย่าง​รวด​เร็ว​และ​เฉียบขาด​ของ​แมกเจลแลน พวก​ที่​ลุก​ฮือ​ขึ้น​ไม่​ประสบ​สำเร็จ และ​หัว​โจก​สอง​คน​ถูก​ฆ่า.

การ​เห็น​เรือ​แปลก ๆ เช่น​นั้น​ใน​ท่า​เรือ นับ​เป็น​เรื่อง​ปกติ​ที่​เจ้า​ถิ่น​ร่าง​กำยำ​ล่ำสัน​คง​อยาก​รู้​อยาก​เห็น. ด้วย​ความ​รู้สึก​เหมือน​เป็น​คน​แคระ​ยืน​ข้าง ๆ ยักษ์​ใหญ่​เหล่า​นี้ ผู้​มา​เยือน​จึง​เรียก​ดินแดน​แห่ง​นั้น​ว่า​ปาตาโกเนีย—มา​จาก​คำ​ภาษา​สเปน​หมาย​ถึง “เท้า​ใหญ่”—ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​ดินแดน​นั้น​จวบ​จน​ทุก​วัน​นี้. นอก​จาก​นี้ พวก​เขา​สังเกต​เห็น ‘หมา​ป่า​น้ำ​ขนาด​เท่า​ลูก​วัว อีก​ทั้ง​ห่าน​สี​ดำ​ตัด​ขาว​ที่​ดำ​น้ำ, กิน​ปลา, และ​มี​จะงอย​ปาก​เหมือน​อีกา.’ คุณ​เดา​ถูก—ก็​แมว​น้ำ​และ​นก​เพนกวิน​ไง​ล่ะ!

บริเวณ​ขั้ว​โลก​มัก​จะ​เกิด​พายุ​รุนแรง อย่าง​ฉับพลัน และ​ก่อน​สิ้น​ฤดู​หนาว กอง​เรือ​ประสบ​ความ​หายนะ​ครั้ง​แรก คือ​เรือ​ซานติอาโก​ลำ​เล็ก​อับปาง. แต่​น่า​ยินดี​ลูกเรือ​รอด​ชีวิต​จาก​ที่​เรือ​แตก​ครั้ง​นั้น. หลัง​จาก​นั้น เรือ​สี่​ลำ​ที่​เหลือ​อยู่​มี​สภาพ​เหมือน​แมลง​เม่า​เล็ก ๆ ที่​บอบช้ำ​จาก​แรง​พายุ​อัน​หนาว​เหน็บ​โหม​กระหน่ำ​อย่าง​ไม่​หยุด​ยั้ง​ฝ่า​คลื่น​ลม​ไป​ทาง​ใต้​ออกสู่​น่าน​น้ำ​อัน​เย็น​เฉียบ​มาก​ขึ้น​ทุก​ที—กระทั่ง​วัน​ที่ 21 ตุลาคม. ระหว่าง​ที่​แล่น​เรือ​ฝ่า​น้ำ​ทะเล​ที่​สาด​ขึ้น​มา​และ​หิมะ​ฝน ตา​ทุก​ดวง​จ้อง​เขม็ง​ไป​ยัง​ช่อง​ที่​จะ​ออก​สู่​ตะวัน​ตก. เอล ปาโซ​ใช่​หรือ​เปล่า? ใช่​สิ! ใน​ที่​สุด กอง​เรือ​พา​กัน​เลี้ยว​เข้า​ช่องแคบ​ซึ่ง​ภาย​หลัง​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ว่า​ช่องแคบ​แมกเจลแลน! กระนั้น แม้​แต่​ยาม​ประสบ​ชัย​ชนะ​ก็​ยัง​เกิด​ความ​ขายหน้า. เรือ​ซาน อันโตเนียว มุ่ง​ดั้น​ด้น​หลบ​หาย​ลับ​เข้า​ไป​ตาม​ทาง​อัน​ซับซ้อน​ของ​ช่องแคบ แล้ว​กลับ​ประเทศ​สเปน.

เรือ​สาม​ลำ​ที่​เหลือ​อยู่​ถูก​ขนาบ​ด้วย​อ่าว​ฟยอร์ด​และ​ยอด​เขา​ที่​มี​หิมะ​ปก​คลุม​ซึ่ง​ดู​อ้างว้าง ดั้น​ด้น​ผ่าน​ช่องแคบ​อัน​คดเคี้ยว​อย่าง​ไม่​ย่อท้อ. มอง​ไป​ทาง​ทิศ​ใต้ พวก​เขา​เห็น​กอง​ไฟ​มาก​มาย​นับ​ไม่​ถ้วน เป็น​ไป​ได้​ว่า​มา​จาก​ค่าย​ของ​พวก​อินเดียน​แดง ดัง​นั้น เขา​เรียก​ดินแดน​แห่ง​นั้น​ว่า ติแอร์รา เดล ฟูเอโก “ดินแดน​แห่ง​ไฟ.”

ประสบการณ์​ที่​เลว​ร้าย​ใน​แปซิฟิก

หลัง​จาก​ห้า​สัปดาห์​อัน​แสน​ทรมาน พวก​เขา​ก็​แล่น​เรือ​ออก​สู่​มหาสมุทร​ที่​สงบ​ราบ​เรียบ​จน​แมกเจลแลน​ตั้ง​ชื่อ​มหาสมุทร​นี้​ว่า แปซิฟิก (สงบ​เงียบ). ลูกเรือ​ต่าง​ก็​อธิษฐาน, ร้อง​เพลง​สรรเสริญ​พระเจ้า, และ​ฉลอง​ชัย​ชนะ​ของ​ตน​ด้วย​การ​ยิง​ปืน​ใหญ่. แต่​พวก​เขา​ลิง​โลด​อยู่​ไม่​นาน. ความ​วิบัติ​ใหญ่​หลวง​เกิน​กว่า​ครั้ง​ใด​ที่​เขา​เคย​ประสบ​รอ​เขา​อยู่ เพราะ​นี่​ไม่​ใช่​ทะเล​เล็ก ๆ อย่าง​ที่​คิด—มัน​แผ่​กว้าง​ออก​ไป​เรื่อย ๆ และ​บรรดา​ลูกเรือ​ต่าง​ก็​หิว​โหย​อิดโรย​และ​ล้ม​ป่วย​กัน​มาก​ขึ้น.

อันโตเนียว ปิกาเฟตตา ชาว​อิตาลี​ผู้​ทรหด​ได้​จด​บันทึก​ประจำ​วัน. เขา​เขียน​ว่า “วัน​พุธ​ที่​ยี่​สิบ​แปด พฤศจิกายน ปี 1520 พวก​เรา . . . ได้​แล่น​เรือ​เข้า​ไป​ใน​ทะเล​แปซิฟิก เรา​อยู่​ที่​นั่น​สาม​เดือน​กับ​ยี่​สิบ​วัน​โดย​ไม่​เติม​เสบียงกรัง . . . เรา​ได้​กิน​แค่​เศษ​ขนมปัง​เก่า ๆ มี​ตัว​มอด​เต็ม​ไป​หมด แถม​ยัง​เหม็น​ขี้​หนู​อีก . . . เรา​ดื่ม​น้ำ​ขุ่น ๆ ส่ง​กลิ่น​เหม็น. นอก​จาก​นั้น เรา​กิน​หนัง​วัว . . . ขี้​เลื่อย และ​หนู​ราคา​ตัว​ละ​ครึ่ง​คราวน์ แถม​ไม่​มี​หนู​พอ​ขาย​เสีย​อีก.” ด้วย​เหตุ​นั้น ขณะ​ที่​เรือ​กาง​ใบ​รับ​ลม​สินค้า​เต็ม​ที่​และ​แล่น​ไป​บน​ผิว​น้ำ​ใส​อย่าง​รวด​เร็ว​นั้น ลูกเรือ​ต่าง​ก็​นอน​ซม​ด้วย​โรค​ลักปิดลักเปิด. สิบ​เก้า​คน​เสีย​ชีวิต​ก่อน​ที่​พวก​เขา​ไป​ถึง​หมู่​เกาะ​มาเรียนา​ใน​วัน​ที่ 6 มีนาคม 1521.

แต่​ที่​นี่ เนื่อง​จาก​ชาว​เกาะ​ตั้ง​ตน​เป็น​ปฏิปักษ์ เขา​จึง​ได้​อาหาร​สด​เพียง​เล็ก​น้อย​ก่อน​แล่น​เรือ​ต่อ​ไป. ใน​ที่​สุด เมื่อ​วัน​ที่ 16 มีนาคม เขา​มอง​เห็น​เกาะ​ฟิลิปปินส์. ใน​ที่​สุด ลูกเรือ​ทั้ง​หมด​ได้​กิน​อาหาร​อิ่ม​หนำ, ได้​พักผ่อน, และ​สุขภาพ​กลับ​แข็งแรง​ดี​ดัง​เดิม.

โศกนาฏกรรม—ความ​ฝัน​สลาย

ณ ดินแดน​แห่ง​นี้ แมกเจลแลน​ผู้​เคร่ง​ศาสนา​อย่าง​จริงจัง​ได้​ทำ​ให้​ผู้​คน​ใน​ท้องถิ่น​จำนวน​มาก​และ​หัวหน้า​เผ่า​หลาย​คน​เปลี่ยน​ศาสนา​เป็น​คาทอลิก. แต่​ความ​มี​ใจ​แรง​กล้า​ของ​เขา​ก่อ​ความ​หายนะ​แก่​ตัว​เอง​เช่น​กัน. เขา​เข้า​ไป​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​การ​พิพาท​ระหว่าง​เผ่า และ​โจมตี​ชาว​พื้นเมือง​ประมาณ 1,500 คน ด้วย​กำลัง​พล​เพียง 60 นาย โดย​เชื่อ​ว่า​หน้า​ไม้, ปืน​คาบ​ศิลา, และ​พระเจ้า​เป็น​เครื่อง​รับรอง​ว่า​เขา​จะ​ประสบ​ชัย​ชนะ​อย่าง​แน่นอน. แทน​ที่​จะ​เป็น​เช่น​นั้น เขา​เอง​พร้อม​กับ​พล​พรรค​ของ​เขา​จำนวน​หนึ่ง​ถูก​ฆ่า. แมกเจลแลน​มี​อายุ​ประมาณ 41 ปี. ปิกาเฟตตา​ผู้​ภักดี​คร่ำ​ครวญ​ดัง​นี้: ‘คน​พวก​นั้น​ได้​ฆ่า​บุรุษ​ผู้​เป็น​แบบ​อย่าง, แสง​สว่าง, ผู้​ปลุก​ปลอบ​ใจ และ​ผู้​นำ​ทาง​ที่​มั่นคง​แน่วแน่​ของ​เรา.’ ไม่​กี่​วัน​หลัง​จาก​นั้น เจ้าหน้าที่​ประมาณ 27 คน​ซึ่ง​ได้​เพียง​แต่​เฝ้า​ดู​จาก​ที่​ปลอด​ภัย​ใน​เรือ​ของ​พวก​เขา​ก็​ถูก​สังหาร​โดย​พวก​หัวหน้า​เผ่า​ซึ่ง​เมื่อ​ก่อน​เคย​เป็น​มิตร.

ตอน​ที่​แมกเจลแลน​เสีย​ชีวิต เขา​ตาย​ใน​น่าน​น้ำ​ที่​เขา​คุ้น​เคย​มา​ก่อน. เลย​ลง​ไป​ทาง​ใต้​เล็ก​น้อย​ก็​เป็น​หมู่​เกาะ​เครื่องเทศและ​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ตก​คือ​มะละกา ซึ่ง​เขา​เคย​รบ​ต่อ​สู้​ใน​ปี 1511. หาก​เขา​ได้​แล่น​เรือ​ไป​ฟิลิปปินส์​ภาย​หลัง​การ​สู้​รบ​ที่​มะละกา​อย่าง​ที่​นัก​ประวัติศาสตร์​บาง​คน​คิด เขา​ก็​ได้​เดิน​เรือ​รอบ​โลก​จริง ๆ—ถึง​แม้​ไม่​ใช่​การ​เดิน​เรือ​รอบ​เดียว​กัน. เขา​ไป​ถึง​ฟิลิปปินส์​จาก​สอง​ทาง​คือ​ทิศ​ตะวัน​ออก​และ​ตะวัน​ตก.

ภัย​พิบัติ​กระหน่ำ​เที่ยว​เดิน​ทาง​กลับ

เนื่อง​จาก​ตอน​นี้​มี​ลูกเรือ​เหลือ​อยู่​เพียง​ไม่​กี่​คน การ​จะ​ใช้​เรือ​ทั้ง​สาม​ลำ​คง​เป็น​ไป​ไม่​ได้ ดัง​นั้น พวก​เขา​จึง​จัด​การ​จม​เรือ​กอนเซปซีออง และ​ใช้​เรือ​สอง​ลำ​ที่​มี​อยู่​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​หมู่​เกาะ​เครื่องเทศ จุด​หมาย​สุด​ท้าย​ของ​เขา. ครั้น​ขน​เครื่องเทศ​ใส่​เรือ​จน​เต็ม​แปล้​แล้ว เรือ​สอง​ลำ​นั้น​ต่าง​ก็​แยก​ทาง​กัน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ลูกเรือ​บน​เรือ​ตรินิดาด​ที่​พยายาม​ต่อ​สู้​แต่​ก็​ถูก​พวก​โปรตุเกส​ยึด​และ​จับ​ขัง​คุก.

แต่​เรือ​วิกตอเรีย ภาย​ใต้​บังคับ​การ​ของ​อดีต​ผู้​ก่อ​การ​กบฏ ฮวน เซบาสเตียน เด เอลคาโน หนี​รอด​ไป​ได้. โดย​หลีก​เว้น​ท่า​เรือ​ทุก​แห่ง ยก​เว้น​แห่ง​หนึ่ง พวก​เขา​กล้า​เสี่ยง​ใช้​เส้น​ทาง​ของ​โปรตุเกส​แล่น​อ้อม​แหลม​กู๊ดโฮป. กระนั้น​การ​ไม่​แวะ​รับ​เสบียง​อาหาร เป็น​กลยุทธ์​ที่​ก่อ​การ​สูญ​เสีย. ใน​ที่​สุด​เมื่อ​พวก​เขา​กลับ​ถึง​สเปน​วัน​ที่ 6 กันยายน 1522—สาม​ปี​นับ​ตั้ง​แต่​เขา​ออก​เดิน​ทาง—ลูกเรือ​ซึ่ง​ป่วย​และ​ซูบ​ผอม​เพียง 18 คน​เท่า​นั้น​มี​ชีวิต​รอด. ถึง​กระนั้น พวก​เขา​ก็​เป็น​นัก​เดิน​เรือ​รอบ​โลก​กลุ่ม​แรก​ของ​โลก​อย่าง​ปราศจาก​ข้อ​สงสัย​ใด ๆ ทั้ง​สิ้น. และ เด เอลคาโน​เป็น​วีรบุรุษ. ไม่​น่า​เชื่อ เครื่องเทศ​หนัก 26 ตัน​บน​เรือ​วิกตอเรีย คุ้ม​กับ​ค่า​ใช้​จ่าย​ทั้ง​หมด​ใน​การ​สำรวจ​ทาง​ทะเล​ครั้ง​นั้น!

ชื่อ​ของ​แมกเจลแลน​ยืนยง​คง​อยู่

นาน​หลาย​ปี​ที่​สถานภาพ​แท้​จริง​ของ​แมกเจลแลน​ไม่​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ใน​ประวัติศาสตร์. เนื่อง​จาก​รายงาน​ที่​เบี่ยง​เบน​ของ​พวก​กัปตัน​ผู้​ก่อ​การ​กบฏ ชาว​สเปน​ได้​ใส่​ร้าย​ป้าย​สี​แก่​ชื่อเสียง​ของ​เขา กล่าว​ว่า​เขา​เป็น​คน​แข็ง​กร้าว​และ​ไม่​มี​ความ​สามารถ. ชาว​โปรตุเกส​ตรา​หน้า​เขา​เป็น​คน​ขาย​ชาติ. น่า​เศร้า บันทึก​การ​เดิน​เรือ​ของ​เขา​สูญ​หาย​ไป​พร้อม​กับ​การ​เสีย​ชีวิต​ของ​เขา อาจ​ถูก​ทำลาย​โดย​คน​เหล่า​นั้น​ที่​บันทึก​ดัง​กล่าว​จะ​เปิดโปง​พวก​เขา. แต่​เนื่อง​จาก​ปิกาเฟตตา​ผู้​ไม่​ย่อท้อ​ซึ่ง​เป็น​หนึ่ง​ใน​หมู่​นัก​เดิน​เรือ​รอบ​โลก 18 คน และ​สมาชิก​อื่น ๆ อีก​ประมาณ 5 คน​ที่​ร่วม​ใน​การ​สำรวจ​ดินแดน​ครั้ง​นี้ อย่าง​น้อย​เรา​ก็​ยัง​ได้​บันทึก​บาง​ส่วน​ของ​การ​เดิน​เรือ​ที่​ประสบ​โศกนาฏกรรม แต่​เป็น​ครั้ง​ที่​ไม่​มี​ใด​เหมือน.

ต่อ​มา ประวัติศาสตร์​ได้​ทบทวน​การ​ลง​ความ​เห็น​เสีย​ใหม่ และ​เวลา​นี้​ชื่อ​แมกเจลแลน​ได้​รับ​เกียรติ​อย่าง​เหมาะ​สม. ช่องแคบ​ก็​ตั้ง​ตาม​ชื่อ​ของ​เขา เช่น​เดียว​กับ​กลุ่ม​เมฆ​แมกเจลแลน ซึ่ง​หมาย​ถึง​สอง​กาแล็กซี​ที่​ปรากฏ​ให้​เห็น​ราง ๆ ทาง​ขั้ว​โลก​ใต้​ซึ่ง​ลูกเรือ​ของ​เขา​ได้​พรรณนา​ไว้​เป็น​ครั้ง​แรก และ​ยาน​สำรวจ​อวกาศ​แมกเจลแลน. และ​แน่นอน เรา​เป็น​หนี้​แมกเจลแลน​สำหรับ​ชื่อ​มหาสมุทร​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​โลก​คือ แปซิฟิก.

อัน​ที่​จริง “ไม่​มี​การ​เดิน​ทาง​ของ​มนุษย์​ที่​มี​ความ​สำคัญ​ขนาด​นั้น​จน​กระทั่ง 447 ปี​ต่อ​มา​เมื่อ​ยาน​อวกาศ​อะพอลโล 11 ไป​ลง​ดวง​จันทร์” ริชาร์ด ฮัมเบิล​เขียน​ใน​หนังสือ​การ​เดินเรือ​ของ​แมกเจลแลน (ภาษา​อังกฤษ). ทำไม​การ​เดิน​เรือ​ครั้ง​นั้น​จึง​สำคัญ​ถึง​เพียง​นั้น? ประการ​แรก เป็น​การ​พิสูจน์​ว่า​ทวีป​อเมริกา​เหนือ​และ​ใต้​ไม่​ใช่​ส่วน​ใด​ส่วน​หนึ่ง​ของ​ทวีป​เอเชีย​หรือ​ใกล้​กับ​ทวีป​เอเชีย อย่าง​ที่​โคลัมบัส​เคย​คิด. ประการ​ที่​สอง เมื่อ​การ​เดิน​เรือ​เสร็จ​สิ้น วัน​ที่​ซึ่ง​ไม่​ตรง​กัน​หนึ่ง​วัน​บ่ง​ชี้​ถึง​ความ​จำเป็น​ต้อง​มี​เส้น​แบ่ง​เขต​วัน​ที่ระหว่าง​ประเทศ. และ​ประการ​สุด​ท้าย แสดง​ให้​เห็น​ว่า​โลก​มี​สัณฐาน​ทรง​กลม ตาม​ที่​ไอซิก อาซิมอฟ นัก​เขียน​เรื่อง​ทาง​วิทยาศาสตร์​กล่าว. จริง ๆ แล้ว ใน​ประการ​หลัง​นี้ แมกเจลแลน​แสดง​ให้​เห็น​ใน​เชิง​ปฏิบัติ​ถึง​สิ่ง​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​เอง​ได้​กล่าว​ไว้​นาน​ถึง 2,250 ปี. (ยะซายา 40:22, ล.ม.; เทียบ​กับ​โยบ 26:7.) ไม่​ต้อง​สงสัย บุรุษ​ผู้​เคร่ง​ศาสนา​อย่าง​จริงจัง​ซึ่ง​ได้​เปิด​โลก​คง​รู้สึก​ปลื้ม​ปีติ​กับ​สิ่ง​นั้น.

[เชิงอรรถ]

a ชื่อ​ของ​เขา​ใน​ภาษา​โปรตุเกส​คือ ฟือร์​เนา ดือ มากาลยัยช์.

[กรอบ​หน้า 14]

สนธิสัญญา​ทอร์เดซียัส

โดย​มี​โลก​กว้าง​ไพศาล​เปิด​อยู่​ตรง​หน้า​พวก​เขา โปรตุเกส​และ​สเปน​ได้​ตก​ลง​กัน​โดย​สนธิสัญญา​แบ่ง​เขต​การ​ค้า​และ​สิทธิ​ใน​อำนาจ​อธิปไตย​เหนือ​แผ่นดิน​ใหม่. ดัง​นั้น ภาย​ใต้​การ​ชี้​นำ​ของ​โปป​อะเล็กซานเดอร์​ที่​หก และ​โปป​จูเลียส​ที่​สอง ประเทศ​ทั้ง​สอง​ลาก​เส้น​ลองจิจูด​ผ่าน​ดินแดน​ซึ่ง​เวลา​นี้​ได้​แก่​บราซิล. ดินแดน​ที่​ค้น​พบ​ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​เส้น​แบ่ง​นี้​จะ​เป็น​ของ​โปรตุเกส ส่วน​ที่​เหลือ​นอก​นั้น​เป็น​ของ​สเปน. แมกเจลแลน​ได้​เสนอ​แนะ​กษัตริย์​มานูเอล​แห่ง​โปรตุเกส​โดย​ขาด​ดุลพินิจ​ว่า เมื่อ​เส้น​แบ่ง​นี้​ลาก​ผ่าน​ขั้ว​โลก​ไป​อีก​ซีก​หนึ่ง​ของ​ลูก​โลก หมู่​เกาะ​เครื่องเทศ​ที่​แท้​จริง​อาจ​ตก​เป็น​อาณา​เขต​ของ​สเปน. ข้อ​สังเกต​ที่​จริง​ใจ​นี้​ซึ่ง​อาศัย​ความ​เข้าใจ​ที่​มี​อย่าง​แพร่​หลาย​ว่า มหาสมุทร​แปซิฟิก​มี​ขนาด​เล็ก​กว่า​มาก​จึง​ทำ​ให้​เขา​ถูก​ตำหนิ​อย่าง​แรง. แปลก​แต่​ก็​จริง ผล​ปรากฏ​ว่า​แมกเจลแลน​พิสูจน์​ว่า​ตน​เอง​เป็น​ฝ่าย​ผิด. ถึง​กระนั้น สิ่ง​ที่​เขา​เชื่อ​ทำ​ให้​เขา​มี​เหตุ​ผล​มาก​ขึ้น​ที่​จะ​แสวง​หา​การ​อุปถัมภ์​จาก​กษัตริย์​สเปน.

[กรอบ/รูป​ภาพ​หน้า 15]

ประสบการณ์​ที่​ลำบาก​แสน​เข็ญ​ของ​ลูกเรือ​สมัย​โน้น

โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​การ​เดิน​ทะเล​อัน​ยาว​นาน​เพื่อ​การ​สำรวจ—ซึ่ง​มัก​จะ​ใช้​เวลา​หลาย​ปี—ชีวิต​ใน​การ​ท่อง​ทะเล​สำหรับ​ลูกเรือ​ที่​ต่ำต้อย​นั้น​ไม่​น่า​รื่นรมย์​เอา​เสีย​เลย. ต่อ​ไป​นี้​เป็น​เพียง​การ​ยก​ตัว​อย่าง​เกี่ยว​กับ​สภาพ​ชีวิต​ของ​นัก​เดิน​เรือ:

• ห้อง​พัก​คับแคบ​จน​น่า​สมเพช​และ​ไม่​มี​ความ​เป็น​ส่วน​ตัว

• บ่อย​ครั้ง ถูก​ลง​โทษ​อย่าง​ทารุณ​ขึ้น​อยู่​กับ​อารมณ์​ชั่ว​แล่น​ของ​กัปตัน

• เป็น​โรค​ลักปิดลักเปิด​และ​ตาย​เนื่อง​จาก​ขาด​วิตามิน​ซี

• ตาย​เนื่อง​จาก​เรือ​แตก, อดอยาก, ขาด​น้ำ, ภยันตราย​จาก​ฟ้า​ฝน​และ​ลม​กระหน่ำ, ชน​พื้นเมือง

• เป็น​โรค​บิด​หรือ​ไข้​รากสาด​น้อย​เนื่อง​จาก​น้ำ​ดื่ม​สกปรก​และ​มี​กลิ่น​เหม็น

• อาหาร​เป็น​พิษ​เนื่อง​จาก​อาหาร​หมักหมม​จน​บูด​เน่า

• เป็น​โรค​ติด​เชื้อ ติด​ต่อ​ถึง​คน​โดย​ถูก​หนู​ที่​อดอยาก​กัด​แทะ

• เป็น​ไข้​รากสาด​ใหญ่ เกิด​จาก​ตัว​โลน​มาก​มาย​ที่​อาศัย​อยู่​ตาม​ร่าง​กาย​และ​เสื้อ​ผ้า​ที่​สกปรก

• ส่วน​ใหญ่​แล้ว โอกาส​มี​เพียง​ครึ่ง​ต่อ​ครึ่ง​เท่า​นั้น​ที่​จะ​มี​ชีวิต​รอด​กลับ​ถึง​บ้าน

[ที่​มา​ของ​ภาพ

Century Magazine

[แผนที่/รูป​ภาพ​หน้า 16, 17]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​วารสาร)

การ​เดิน​เรือ​ของ​แมกเจลแลน​ปี 1519-1522

⇦••• เส้น​ทาง​เดิน​เรือ ◻ จุด​เริ่ม​ต้น​และ​จุด​สิ้น​สุด​ของ​การ​เดิน​เรือ

เฟอร์ดินันด์ แมกเจลแลน

แมกเจลแลน​ถูก​ฆ่า​ใน​เกาะ​ฟิลิปปินส์

การ​เดิน​เรือ​ช่วง​สุด​ท้าย​โดย ฮวน เซบาสเตียน เด เอลคาโน

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Magellan: Giraudon/Art Resource, NY; world map: Mountain High Maps® Copyright © 1995 Digital Wisdom, Inc.; astrolabe: Courtesy of Adler Planetarium

[รูป​ภาพ​หน้า 16]

ช่องแคบ​แมกเจลแลน

[รูป​ภาพ​หน้า 16]

“วิกตอเรีย” เรือ​ลำ​แรก​ที่​เดิน​ทาง​รอบ​โลก. ใน​จำนวน​เรือ​ห้า​ลำ ลำ​นี้​มี​ขนาด​ใหญ่​อันดับ​สี่​และ​มี​ลูกเรือ 45 นาย. ความ​ยาว​ของ​เรือ​ประมาณ 22 เมตร

[รูป​ภาพ​หน้า 17]

อุปกรณ์​เกี่ยว​กับ​การ​เดิน​ทะเล: นาฬิกา​ทราย​วัด​เวลา ใน​ขณะ​ที่​แอสโตรเลบ​วัด​ระยะ​เส้น​รุ้ง เพื่อ​รู้​ตำแหน่ง​ของ​เรือ

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์