นายอำเภอขอขมา
ทอม วิล เลน เป็นนายอำเภอที่เอดเวิร์ด มิคฮัลเลคกล่าวถึงใน “ตื่นเถิด!” ฉบับ 8 มกราคม 1997 ในบทความ “ได้รับการเสริมให้เข้มแข็งที่จะเผชิญความยากลำบากซึ่งมีอยู่ข้างหน้า.” ในเรื่องนั้น มิคฮัลเลคเล่าว่า
“นายอำเภอเมืองวอร์ทัน รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา แสดงอาการฉุนเฉียวเอามาก ๆ. ขณะเขาพาผมเข้าคุกเป็นครั้งที่สี่ เขาตะเบ็งเสียงลั่นว่า ‘ทำไมคุณไม่รักษากฎข้อบังคับ?’
ผมตอบทันควันว่า “‘ผมมีสิทธิเต็มที่ที่จะทำงานนี้.’ คำตอบดังกล่าวยิ่งทำให้นายอำเภอโกรธจัด เขาใช้กระบองโลหะหุ้มหนังตีผม. นายตำรวจคนอื่น ๆ ก็ร่วมกลุ้มรุม โดยเอาด้ามปืนตีผม.”
เมื่อไม่นานมานี้ แมรี เปเรส สตรีคนหนึ่งซึ่งเคยทำงานกับนายอำเภอเลน ตอนต้นทศวรรษ 1960 เขียนว่า “เขารู้ว่าดิฉันเป็นพยานพระยะโฮวาคนหนึ่ง. เขาเล่าให้ดิฉันฟังว่าเขาได้ประทุษร้ายเอด มิคฮัลเลคอย่างไร. เขาขอให้ดิฉันบอกกับพยานฯ คนอื่นว่าเขาเสียใจกับการกระทำของตน. เขาบอกว่าเขาไม่รู้เลยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าพยานฯ เป็นคนดีและเชื่อฟังกฎหมาย. เขาเสียใจอย่างแท้จริง.”
แมรีเสริมว่า “แม้นายอำเภอเสียชีวิตหลายปีแล้ว ดิฉันหวังว่าจดหมายนี้จะถ่ายทอดคำขอขมาของเขา.”
ต่อจากนั้นเธออธิบายว่าเธอได้เข้ามาเป็นพยานฯ อย่างไร: “การข่มเหงบราเดอร์มิคฮัลเลคเกิดขึ้นในตอนต้นทศวรรษ 1940. เพราะเหตุนี้ ดิฉันจึงตั้งใจฟังพวกพยานฯ เมื่อเขามายังประตูบ้านของดิฉัน. ไม่นานเราก็เริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. ดิฉันกับสามีรับบัพติสมาในปี 1949.”
นี่เป็นเพียงอีกตัวอย่างหนึ่งซึ่งแสดงถึงผลกระทบกว้างไกลที่การยืนหยัดของคนเราต่อหลักการคริสเตียนอาจมีต่อชีวิตของคนอื่น. ตัวอย่างเช่น มีกี่คนที่รู้สึกซาบซึ้งใจโดยการยืนหยัดอย่างกล้าหาญของเปโตรและอัครสาวกคนอื่นในศตวรรษแรก?—กิจการ 5:17-29.
[รูปภาพหน้า 31]
เอด มิคฮัลเลค และแมรี เปเรส ในทศวรรษ 1940