ริวเดจาเนโร—งดงามและชวนให้หลงใหล
โดยผู้สื่อข่าว ตื่นเถิด! ในบราซิล
ริวเดจาเนโรมีครบทุกอย่าง—ชายหาด เนินเขา ทะเลสาบ ป่าเขตร้อน. “ทิวทัศน์ของเมืองนี้สวยสะดุดตาจนยากแก่การตัดสินใจว่าจะไปดูที่ไหนก่อน!” นักท่องเที่ยวรายหนึ่งกล่าวออกมาเช่นนี้. หลายคนถือว่าริวเดจาเนโร หรือเรียกแค่ริวนั้นเป็นหนึ่งในบรรดานครใหญ่ที่สวยงามที่สุดในโลก. แม้คำ “ริว” หมายความว่า “แม่น้ำ” แต่ที่แท้แล้วนครนี้ตั้งอยู่ตรงปากอ่าว.—ดูกรอบสี่เหลี่ยมหน้า 18.
แน่นอน ภายในเขตมหานครริวพร้อมด้วยประชากร 11 ล้านคนมีปัญหาต่าง ๆ ด้วย อาทิ ความรุนแรง, การว่างงาน, และการขาดแคลนที่อยู่อาศัย, นอกเหนือจากภาวะมลพิษและการจราจรที่คับคั่งยุ่งเหยิง. ทั้ง ๆ ที่เป็นอย่างนี้ ผู้คนที่อยู่ในนครริวต่างก็พูดถึงเมืองนี้ด้วยความภูมิใจว่าเป็นซิดาเด มาราวิลโยซา (เมืองวิเศษสุด). ดังที่ชาวคาริโอคาคนหนึ่งพูดว่าa “ริวเป็นนครสราญรมย์. ชายหาดและเนินเขาที่เรามองเห็นระหว่างทางทั้งไปและกลับจากที่ทำงานในวันแดดกล้านั้นทำให้เราเพลิดเพลิน.” เป็นการมองแบบเกินจริงไหม? ให้เรามาดูกัน.
อ่าว, หาดทราย, และแสงแดด
จุดเริ่มต้นของเราคืออ่าวกัวนาบารา—แหล่งกำเนิดของนครริว. เนื้อที่ 380 ตารางกิโลเมตรของอ่าวนี้ดารดาษด้วยเกาะซึ่งมีต้นไม้ปกคลุมอยู่หนาแน่น แถมยังมีเนินเขาและภูเขาล้อมรอบ ภูเขาที่ขึ้นชื่อที่สุดได้แก่คอร์โควาโด (มีความหมายว่า “หลังค่อม”) และภูเขาชูการ์โลฟ (ภาษาโปรตุเกส เปา เดอ อซุยการ์). ณ ยอดเขาคอร์โควาโดซึ่งสูงเหนืออ่าว 704 เมตรนั้นมีรูปปั้นพระคริสต์ในท่าอ้าแขน สูง 30 เมตร หนัก 1,145 ตันประดิษฐานอยู่. ภูเขาชูการ์โลฟซึ่งสูงแค่ 395 เมตร ได้ชื่อนี้จากเบ้ารูปกรวย ซึ่งเป็นของที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลทรายเคยใช้ในยุคอาณานิคม. ผู้มาเยือนสามารถขึ้นภูเขาคอร์โควาโดได้โดยนั่งรถไฟเล็กหรือรถยนต์และรถกระเช้าลำเลียงนักท่องเที่ยวไปถึงยอดเขาชูการ์โลฟ. ทัศนียภาพของนครริว ซึ่งอยู่ระหว่างทะเลลึกสีครามเข้มกับป่าเขียวชอุ่มและแนวอันคดเคี้ยวของทะเลสาบโรดริโก ดี เฟรทัส เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ.
หาดทรายขาวละเอียดและแสงแดดกล้าทำให้นครริวเป็นความใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยว. ดังที่คุณอาจคาดหมาย ด้วยอุณหภูมิในฤดูร้อนที่ขึ้นถึง 40 องศาเซลเซียส ชายหาด 70 กว่าแห่งตามชายฝั่งทะเลยาว 90 กิโลเมตรของนครริวนั้นมีผู้คนไปกันล้นหลาม. ชายหาดไหนดีที่สุด? คำตอบก็ขึ้นอยู่กับคนที่ไปเที่ยว. สำหรับชาวคาริโอคา ชายหาดเป็นสถานตากอากาศ, ห้องอ่านหนังสือ, สนามฟุตบอล, สนามวอลเลย์บอล, ร้านขายเครื่องดื่ม, ร้านอาหาร, สนามเด็กเล่น, ห้องแสดงดนตรี, โรงยิม, และสำนักงาน รวมถึงที่ที่ไปว่ายน้ำ. ทุกเช้า ทางเดินริมชายหาดของนครริวเต็มไปด้วยนักวิ่งออกกำลังกายและนักปั่นจักรยาน. และในวันที่แดดจ้า ผู้คนมักจะพากันมาเต็มชายหาดเสมอ. อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาดูเหมือนเรียบง่าย แต่ชาวคาริโอคาต้องทำงานหนักเพื่อจะได้อยู่อย่างมีความสุขที่นั่น.
จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 19 นครริวมีผู้คนอยู่กันอย่างคับคั่งรอบชายหาดของอ่าวกัวนาบารา. ครั้นแล้ว อุโมงค์ต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมอ่าวกับชายฝั่งทะเลก็ได้เปิดทางให้ความเจริญเติบโตของเมืองนี้ขยายลงไปทางใต้. ในปี 1923 เมื่อมีพิธีเปิดโรงแรมโคพาคาบานา พาเลซ หนึ่งในบรรดาโรงแรมแรก ๆ ที่สุดหรูในอเมริกาใต้ ชายหาดแห่งแรกที่มีชื่อเสียงคือ โคพาคาบานา “เจ้าหญิงองค์น้อยแห่งทะเล.” ต่อมา ในช่วงทศวรรษ 1960 หาดอีพาเนมากลายเป็นที่ชุมนุมของเหล่าปัญญาชนและศิลปินที่กล้าแสดงออกอย่างไม่แยแสกับอะไรทั้งสิ้น. หากจะมีอะไรที่ถือว่าไม่ทันสมัยที่อีพาเนมา สิ่งนั้นจะไม่ทันสมัยเอาเลยไม่ว่าที่ใด. ชายหาดล่าสุดและใหญ่ที่สุดของนครริวซึ่งต้องได้รับการพัฒนาได้แก่บาร์รา ดา ทิจูคา (ยาว 18 กิโลเมตร) เรียกเล่น ๆ ว่า หาดไมอามีแห่งบราซิล. ที่นี่เป็นแหล่งชอปปิงที่ใหญ่ที่สุดของนครนี้ อีกทั้งเป็นแหล่งของอาคารที่พักอาศัยใหม่ ๆ.
นครล้อมป่า
ความเขียวขจีเป็นส่วนสำคัญของทิวทัศน์ในนครริว และสวนพฤกษศาสตร์ที่สงบร่มรื่นบนเนื้อที่ 775 ไร่ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางนคร อยู่ห่างจากความจอแจของชายหาดต่าง ๆ เพียงไม่กี่นาที. มีการสร้างสวนเหล่านี้ขึ้นในศตวรรษที่ 19 เวลานี้มีพืชและต้นไม้เขตร้อนมากกว่า 6,200 ชนิด.
สถานที่พักผ่อนอีกแห่งหนึ่งในเขตนครแห่งนี้ได้แก่ป่าทิจูคา อยู่ห่างจากใจกลางนครริวไปประมาณ 20 กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 100 ตารางกิโลเมตร บางทีอาจเป็นป่าชานเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้. ป่านี้เป็นส่วนหนึ่งของป่าแอตแลนติกซึ่งเคยแผ่ออกไปตามแนวชายฝั่งบราซิล. ผู้มาเยือนสามารถมองเห็นดอกเจคีทีบาสีชมพูที่สง่างาม อีกทั้งต้นคาเนลัส-ซานตัส ที่ออกดอกเหลืองงามสะพรั่ง. นอกจากนั้นยังมีผีเสื้อพันธุ์มอร์โฟ สีน้ำเงินสวยสะดุดตา. ส่วนนกที่มีสีสันสวยงามซึ่งพบเห็นอยู่ทั่วไปได้แก่นกแทนิเจอร์หัวเขียวหรือนกแทนิเจอร์คอแดง.
การเยือนใจกลางเมือง
ใจกลางนครริวคับคั่งด้วยผู้คนซึ่งต่างก็เดินกันอย่างเร่งรีบทุกหนแห่งอีกทั้งมีเสียงจ้อกแจ้กจอแจสารพัดและอากาศร้อน. คนเดินเท้าต้องเบียดกับพวกเร่ขายของซึ่งมีสินค้าเกือบทุกอย่าง นับตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้านำเข้ากระทั่งเสื้อผ้า, เครื่องเทศ, และยาแก้ตาปลา. คุณอาจเพลิดเพลินกับการนั่งรถรางผ่านซุ้มโค้ง 42 ซุ้มที่ทำด้วยหินแกรนิตล้วน ๆ รู้จักกันในชื่ออาร์คอส ดา ลาพา. พวกอินเดียนแดงกับพวกทาสได้สร้างขึ้นระหว่างปี 1712 ถึง 1750 เดิมทีใช้เป็นสะพานส่งน้ำเข้าสู่ใจกลางนครริว. อย่างไรก็ดี ปี 1896 หน่วยงานบริการรถรางเริ่มเดินรถบนสะพานส่งน้ำ จึงเป็นการเปลี่ยนสะพานส่งน้ำเป็นสะพานลอยฟ้า.
ในใจกลางเมืองได้รวมเอาสิ่งซึ่งเป็นส่วนของยุโรปเข้าไปด้วย. พิพิธภัณฑสถานวิจิตรศิลป์แห่งชาติ สร้างขึ้นระหว่างปี 1906 ถึง 1908 มีสิ่งตกแต่งภายนอกที่ชวนให้นึกถึงพิพิธภัณฑสถานลุฟร์ในนครปารีส มีลูกฟักบานประตูเป็นสีและโมเสกซึ่งเป็นสิ่งเตือนให้นึกถึงยุคเรเนซองซ์ของอิตาลี. อาคารสำคัญอีกหลังหนึ่งได้แก่โรงละครเทศบาล ซึ่งทำพิธีเปิดในปี 1909 จุผู้เข้าชม 2,357 ที่นั่ง และถอดแบบจากโรงละครโอเปราแห่งปารีส.
ฟุตบอลและแซมบา
ชาวคาริโอคาชอบการแข่งฟุตบอลนัดดี ๆ และเมื่อใดที่มีการแข่งขันนัดสำคัญ สนามกีฬามาราคานังจะกลายเป็นจุดรวมความสนใจ. สนามแห่งนี้ซึ่งขึ้นชื่อฐานะเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้ต้อนรับผู้เข้าชมการแข่งขันมากถึง 200,000 คน. เวลานี้ สนามดังกล่าวถูกจำกัดให้จุผู้ชมได้มากที่สุดไม่เกิน 100,000 ที่นั่งด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับแฟนบอล.
การเต้นรำที่ชาวคาริโอคาชื่นชอบมากคือการเต้นแซมบา ซึ่งแต่เดิมทีมาจากแอฟริกา. โรงเรียนสอนเต้นแซมบามีอยู่ทั่วเมือง ดึงดูดนักเต้นนับพัน ๆ คนทีเดียว—ทั้งผู้ชาย, ผู้หญิง, และเด็ก ๆ—ซึ่งมักจะมาจากละแวกเดียวกัน. ระหว่างเทศกาลคาร์นิวาล ไม่กี่วันก่อนการถือศีลอดอาหาร โรงเรียนสอนเต้นรำเหล่านี้—แต่ละโรงมีนักเต้นถึง 5,000 คน—เดินเรียงแถวสู่ซามโบโดรโม สนามใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นทางที่ขบวนแห่จะเดินผ่านโดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ระหว่างอัฒจันทร์คอนกรีตมหึมาที่ขนานกันสองอัฒจันทร์ซึ่งสามารถจุผู้ชมได้ถึง 100,000 คน. น่าเศร้าเทศกาลคาร์นิวาลเป็นที่เลื่องลือกันในด้านความเลยเถิด นับตั้งแต่การขับรถขณะมึนเมาไปจนถึงการใช้สารเสพย์ติดให้โทษ และการสำส่อนทางเพศ.
นครริวเจอปัญหาหลายอย่าง
ริวเดจาเนโรเคยเป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมของบราซิลเป็นเวลานานหลายสิบปี กระทั่งถูกเซาเปาลู แซงขึ้นหน้าในทศวรรษ 1950. ความใฝ่ฝันอยากจะมีสภาพเป็นอยู่ที่ดีขึ้นทำให้หลายคนละจากชีวิตในชนบทแล้วย้ายสู่นครริว ยังผลให้ประชากรส่วนหนึ่งของนครนี้อยู่อย่างแออัดในตึกแบ่งเช่าเป็นห้อง ๆ ส่วนคนที่ไม่มีโอกาสได้อยู่แบบนั้นก็เริ่มยึดเนินเขาและสร้างที่พักอาศัยอย่างง่าย ๆ อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนแออัดหรือที่เรียกว่า ฟาเวลัส. ทีแรก ที่อยู่อาศัยเหล่านี้ทำขึ้นจากกล่องและปี๊บที่แผ่เป็นแผ่น และมุงด้วยแผ่นสังกะสี. ไม่มีไฟฟ้า, ท่อระบายน้ำ, หรือน้ำประปา แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มีที่อาศัยอยู่ใกล้ที่ทำงาน ทำให้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยสะดวกขึ้น. เวลานี้ ชุมชนแออัดขยายคลุมพื้นที่ไหล่เขาเคียงข้างไปกับอาคารบ้านเช่าที่สวยงามรอบโคพาคาบานาและอีพาเนมา. มีเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่เสนอภาพความแตกต่างอย่างชัดแจ้งเช่นนี้ระหว่างคนร่ำรวยกับคนยากจน.
มาตอนหลังนี้ ชุมชนแออัดเหล่านั้นสร้างด้วยอิฐ. โดยการสร้างถนนและติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ผู้วางผังเมืองพยายามจะทำการแก้ไขปรับปรุง; แต่นี่ไม่ใช่งานง่าย ๆ. ตามการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ ประชาชนไม่ต่ำกว่า 900,000 คนอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด 450 กว่าแห่งในนครริว. โรซินยาชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุด มีผู้อาศัยอยู่ถึง 150,000 คน. “เหมือนเมืองซ้อนเมืองทีเดียว” เป็นคำกล่าวของอันโตเนียวซึ่งอยู่ที่นั่นแต่ไปทำงานที่ธนาคารในอีพาเนมา. ประชาชนในย่านนั้นได้ดูเคเบิลทีวี ฟังวิทยุท้องถิ่น และมีสถานีวิทยุระบบคลื่นเอฟเอ็ม อีกทั้งทีมฟุตบอลอาชีพและโรงเรียนสอนเต้นแซมบาด้วย. แต่ชีวิตในชุมชนแออัดมีความน่ากลัวอยู่ด้วย. ฝนฤดูร้อนอาจเป็นเหตุให้ดินบนเนินเขาถล่ม ทำให้ผู้คนได้รับบาดเจ็บและถึงกับเสียชีวิตด้วยซ้ำ. เมื่อเร็ว ๆ นี้โครงการปลูกป่าขึ้นใหม่ได้ย้ายบ้านเรือนออกไปจากพื้นที่อันตรายบางแห่ง จึงช่วยให้สภาพการณ์ดีขึ้น.
ปัญหาใหญ่อีกประการหนึ่งคืออาชญากรรมแบบองค์การ. คนกลุ่มหลักที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมประเภทนี้คือเยาวชนที่ขายยาเสพย์ติดเป็นอาชีพ. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ค้ายาเสพย์ติดกับประชาชนถูกควบคุมโดยกฎเกณฑ์บางอย่าง. เชาซึ่งอาศัยในชุมชนแออัดมาร่วม 40 ปีบอกว่า “แทบจะไม่มีการลักขโมย ไม่มีการดักจี้ หรือข่มขืนในชุมชนแออัด. ไม่มีใครกล้าเสี่ยงก่ออาชญากรรมเหล่านี้. ประชาชนรู้ว่าถ้าเขาขืนทำ จะต้องถูกตัดสินลงโทษ.” ผู้ค้ายาเสพย์ติดลงโทษการกระทำผิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติดก็เพื่อจะได้การสนับสนุนและความเห็นใจจากประชาชน. เชาพูดเสริมว่า “ถึงแม้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นเรื่องปกติของคนที่อาศัยในย่านนี้จะขอให้ผู้ค้ายาเสพย์ติดจ่ายค่างานศพ ค่ายาและค่าอาหาร ชำระค่าเช่าที่ติดค้าง หรือจ่ายสำหรับความบันเทิง.”
ข้อท้าทายอื่น ๆ
เนื่องจากนครริวตั้งอยู่ระหว่างทะเลกับภูเขา เมืองจึงเติบโตขยายตัวบนที่ลุ่มน้ำขัง ซึ่งเป็นทำเลที่แทบจะไม่เอื้อต่อการพัฒนาเมืองใหญ่. ตลอดเวลาหลายปี จึงจำเป็นต้อง “ต่อสู้กับสภาพแวดล้อมสามอย่างคือ ที่ลุ่มน้ำขัง, ทะเล, และภูเขา” ดังคำอธิบายในหนังสือ ริวเดจาเนโร—ซิดาเด อี เรชีออง (ริวเดจาเนโร—นครและปริมณฑล). เพื่อจะชนะการต่อสู้นี้ จึงได้ทำการเจาะอุโมงค์ดินและถมที่ลุ่มต่ำหลายจุดจนนับไม่ถ้วนเชื่อมกับบริเวณใกล้เคียง. อนึ่ง ทางรถไฟก็มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มจำนวนผู้คนแถบชานเมือง แม้การเดินทางโดยรถไฟเวลานี้เป็นการผจญภัยก็ตาม. เซอร์ชีโอซึ่งต้องขึ้นรถไฟนอกเมืองตอนตีห้าเพื่อจะถึงที่ทำงานเจ็ดโมงเช้าบอกว่า “มีผู้คนมากมายจริง ๆ พยายามขึ้นรถไฟ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องออกแรง. ฝูงชนจะรุนจะผลักคุณขึ้นไปเอง.” รถไฟเต็มจนถึงขนาดที่บ่อยครั้งไม่สามารถปิดประตูได้เมื่อรถไฟออกจากสถานี และผู้โดยสารต่างก็ห้อยโหนกันไป. ชาวคาริโอคาที่ใจกล้าหน่อยถึงกับขึ้นไปนั่งบนหลังคารถ โต้คลื่นตามที่เรียกกัน. หากพลาดท่าขณะหลบสายไฟก็แทบปางตายเลยทีเดียว.
ข้อท้าทายอีกอย่างคือการพิทักษ์อ่าวกัวนาบารา สัญลักษณ์แห่งความงามของนครนี้. ธนาคารโลกรายงานว่า บางช่วงน้ำในอ่าว “แทบไม่ต่างไปจากน้ำเน่า เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมได้ปล่อยน้ำเสียและน้ำทิ้งที่ไม่ผ่านการบำบัด (หรือบำบัดเพียงบางส่วน) ออกมาเป็นจำนวนมาก.” ความเสียหายมีมหาศาลและรวมถึงจำนวนพันธุ์ปลาหลายชนิดก็ลดน้อยลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวประมง 70,000 คนที่อาศัยอ่าวนั้นเป็นที่ทำมาหากิน. ภาวะมลพิษตามชายหาดต่าง ๆ ทำให้นักท่องเที่ยวขยาดไม่อยากไป. ทางรัฐบาลพยายามขยายระบบกำจัดน้ำเสียและควบคุมดูแลด้านอุตสาหกรรม. โครงการรณรงค์ต้านภาวะมลพิษแห่งนครริวได้ใช้สัญลักษณ์ปลาโลมาสองตัว. ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการบอกล่วงหน้าว่า ก่อนถึงปี 2025 ฝูงปลาโลมาจะแหวกว่ายอยู่ในอ่าวกัวนาบารา!
นครริวยังคงสวยงามเช่นเดิม!
หลังจากที่ได้มองนครริวแวบหนึ่ง คุณมีความคิดเห็นอย่างไร? สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่และชาวคาริโอคา นครริวยังสวยงามเช่นเดิม! และปัญหาต่าง ๆ ล่ะจะว่าอย่างไร? คงจะดีหากแก้ไขได้. แต่กว่าจะถึงวันนั้น สิ่งที่ชาวคาริโอคาสามารถทำได้คือการปรับตัวให้เข้ากับปัญหาต่าง ๆ ของนครนี้เท่าที่ทำได้ และชื่นชมกับสภาพแวดล้อมที่สวยงาม. นั่นคือสิ่งที่เขาเรียนที่จะทำพร้อมด้วยพลังสร้างสรรค์ควบกับการมีอารมณ์ขัน.
[เชิงอรรถ]
a “คาริโอคา” เป็นคำที่ใช้เรียกคนพื้นเมืองหรือคนที่อาศัยอยู่ในริวเดจาเนโร.
[กรอบ/ภาพหน้า 18]
เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของนครริว
ปี 1502: วันที่ 1 มกราคม อันเดร กองซาลวิส กะลาสีชาวโปรตุเกส สำคัญผิดไปว่าทางเข้าปากอ่าวกัวนาบาราคือปากน้ำและตั้งชื่อลำน้ำว่า ริวเดจาเนโร (แม่น้ำแห่งเดือนมกราคม).
ปี 1565: อิสตาซิว ดี ซา ผู้บัญชาการทหารโปรตุเกสก่อตั้งนิคมขนาดย่อมขึ้นระหว่างเนินเขาของภูเขาชูการ์โลฟกับคารา ดี เคา เพื่อสู้รบกับฝรั่งเศส ซึ่งก็ได้อ้างสิทธิครอบครองภูมิภาคนี้เช่นกัน. นิคมแห่งนี้จึงกลายเป็นนครริว.
ปี 1763: เพื่อจะควบคุมปริมาณทองคำและเพชรจำนวนมากซึ่งส่งจากรัฐมีนัสเจไรส์ที่อยู่ใกล้ ๆ ผ่านท่าเรือไปยังประเทศโปรตุเกส ชาวโปรตุเกสจึงยกฐานะเมืองริวเป็นนครหลวง. การค้าทาสชาวแอฟริกาเริ่มทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน.
ปี 1808: ข้าราชสำนักจากโปรตุเกสมาที่นี่ หลบหนีจากการถูกนโปเลียนที่ 1 รุกราน เมืองริวจึงกลายเป็นที่ตั้งชั่วคราวของระบอบราชาธิปไตยของโปรตุเกส. นครริวเป็นเมืองหลวงสืบต่อมาจนกระทั่งมีการสร้างเมืองบราซิลเลียในปี 1960.
[ที่มาของภาพ]
FOTO: MOURA
[รูปภาพหน้า 16, 17]
หาดบาร์รา ดา ทิจูคา
[รูปภาพหน้า 17]
มาราคานัง สนามฟุตบอล ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
[รูปภาพหน้า 18]
อาร์คอส ดา ลาพา สะพานส่งน้ำ ที่กลายเป็นสะพานลอยฟ้า