ความเครียด—ภัยร้ายแรงต่อสุขภาพ
“ผมทำงานนานหลายชั่วโมงโดยไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน. บ่อยครั้งผมร่วมทำการผ่าตัดในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วก็มีเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่จะฝ่าการจราจรที่ติดขัดมากไปทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง.”—นายแพทย์ปีเตอร์ สจ๊วต แอฟริกาใต้
คุณคงพอจะเข้าใจความรู้สึกของนายแพทย์สจ๊วตได้ แม้ว่าสิ่งที่ทำให้คุณเกิดความเครียดนั้นจะต่างไปอย่างสิ้นเชิง. ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตามที่ทำให้คุณเครียด จะเป็นการขับรถฝ่าการจราจรที่หนาแน่น, ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดในบ้านหรือที่ทำงาน, หรือสิ่งอื่น ๆ ความเครียดก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับมนุษย์.
กว่า 3,000 ปีที่แล้ว ทหารชำนาญศึกคนหนึ่งได้ยอมรับตรง ๆ ว่า “ความกลัว, ความหวาดสะดุ้งเข้ามาสวมทับข้าพเจ้า, และความมหันตทุกข์มาท่วมทับข้าพเจ้าไว้.” (บทเพลงสรรเสริญ 55:5) ชายผู้นี้รู้จักความเครียด. ตอนที่เขาเป็นเด็กหนุ่มเลี้ยงแกะ เขาต้องสู้กับสิงโต, หมี, และนักรบที่น่ากลัวซึ่งมุ่งจะสังหารเขา.—1 ซามูเอล 17:4-10, 23, 24, 34-36, 41-51
จริงอยู่ ความเครียดก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสียทีเดียว. มันจะเป็นตัวผลักดันให้เราเผชิญกับข้อท้าทาย. ในสภาพการณ์ที่เสี่ยงต่อความเป็นความตาย ความเครียดช่วยคนเราทำสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะทำได้. เมื่อคุณมีหน้าที่สำคัญต้องทำ ความเครียดอาจกระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลินซึ่งช่วยคุณทำงานให้เสร็จทันเวลา.a
แต่ถ้าเราเครียดบ่อย ๆ และร่างกายของเราไม่ผ่อนคลายเลย ปัญหาก็จะเกิดขึ้น. นักวิจัยคนหนึ่งพูดว่า “ความเครียดเป็นภัยร้ายแรงที่สุดต่อสุขภาพและสวัสดิภาพของเรา.” ถ้าคุณคิดว่าคุณเกือบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หรือถ้าคุณไม่อยากตกอยู่ในสภาพนั้น คุณอาจถามว่า “มีอะไรไหมที่ฉันจะทำได้เพื่อลดความเครียด?”
น่าดีใจ มีแน่นอน! ใคร ๆ ก็สามารถจะได้รับการบรรเทาอย่างที่หลายคนเคยได้รับมาแล้ว. การบรรเทาดังกล่าวมาจากแหล่งที่คุณอาจไม่คาดคิด นั่นคือคัมภีร์ไบเบิลพระคำของพระเจ้า. แม้ว่าไม่ใช่ตำราแพทย์ที่แนะวิธีแก้ปัญหาด้วยตัวเอง คัมภีร์ไบเบิลมีความรู้ในภาคปฏิบัติซึ่งช่วยเราได้. พระคัมภีร์อธิบายสาเหตุที่ความเครียดมีมากจริง ๆ ในสมัยนี้ และชี้ถึงปัจจัยที่ก่อหรือเพิ่มความเครียด. นอกจากนั้น พระคัมภีร์ยังมีคำแนะนำที่ใช้ได้ผลจริงซึ่งสามารถช่วยเราลดและควบคุมความเครียดได้.
[เชิงอรรถ]
a อะดรีนาลินเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากต่อมหมวกไตซึ่งช่วยคุณรับมือกับเหตุฉุกเฉิน.