คัมภีร์ไบเบิลเห็นชอบกับการใช้แรงงานทาสไหม? — ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์

ทัศนะของคัมภีร์ไบเบิล

คัมภีร์ไบเบิลเห็นชอบกับการใช้แรงงานทาสไหม?

การรักเพื่อนบ้านเป็นหนึ่งในคำสอนพื้นฐานของคัมภีร์ไบเบิล. แต่ความรักเข้ากันไม่ได้เลยกับการใช้ทาสอย่างกดขี่. ดังนั้น บางคนจึงสับสนที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงเรื่องทาส.

ในสมัยโบราณพระเจ้ายอมให้ประชาชนของพระองค์มีทาส. (เอ็กโซโด 20:10) แม้กระทั่งในสมัยของอัครสาวก คริสเตียนบางคนเป็นเจ้าของทาสและบางคนก็เป็นทาสด้วย. (ฟิเลโมน 15, 16) นี่หมายความว่าคัมภีร์ไบเบิลเห็นชอบกับการใช้แรงงานทาสอย่างกดขี่ไหม?

โครงสร้างทางสังคมซึ่งขัดแย้งกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล

ในช่วงที่เริ่มมีการเขียนคัมภีร์ไบเบิล มนุษย์ได้ก่อตั้งโครงสร้างทางสังคมและระบบเศรษฐกิจที่ขัดแย้งกับหลักการของพระเจ้าอยู่แล้ว. แม้ว่าพระบัญญัติของพระองค์ตำหนิการกระทำบางอย่าง แต่พระเจ้ายอมให้การกระทำบางอย่างมีอยู่ต่อไป เช่น การใช้ทาส.

สารานุกรมดิ อินเตอร์แนชันแนล สแตนดาร์ด ไบเบิล กล่าวว่า โครงสร้างทางสังคมของชาติอิสราเอลสมัยโบราณ “มีลักษณะเป็นเหมือนพี่น้องกัน ซึ่งในอุดมคติจะไม่มีคนยากจน ไม่มีการฉวยประโยชน์จากแม่ม่าย คนจรจัดหรือลูกกำพร้า.” ดังนั้น พระเจ้าไม่ใช่แค่ยอมให้โครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีอยู่แล้วคงอยู่ต่อไป แต่พระบัญญัติของพระเจ้าควบคุมการใช้แรงงานทาสเพื่อทาสจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมและด้วยความรัก หากสังคมนั้นเลือกที่จะมีทาส.

การใช้แรงงานทาสในประวัติศาสตร์ของคัมภีร์ไบเบิล

ขอพิจารณาข้อกำหนดต่อไปนี้ที่รวมอยู่ในพระบัญญัติซึ่งพระเจ้าประทานผ่านทางโมเซ:

● การลักพาตัวคนหนึ่งและนำไปขายมีโทษถึงตาย. (เอ็กโซโด 21:16) กระนั้น แม้จะมีข้อกำหนดต่าง ๆ ซึ่งป้องกันความยากจน ถ้าชาวอิสราเอลคนหนึ่งเป็นหนี้มากมายอาจจะเนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาก็ขายตัวเองเป็นทาสได้. ในบางกรณี เขาอาจถึงกับทำงานหาเงินจนไถ่ตัวเองได้.—เลวีติโก 25:47-52

● การใช้แรงงานทาสในอิสราเอลโบราณไม่ได้เป็นแบบกดขี่เหมือนที่มีอยู่ทั่วไปในหลายดินแดนตลอดประวัติศาสตร์. เลวีติโก 25:39, 40 กล่าวว่า “ถ้า . . . พี่น้องที่อยู่ใกล้เจ้าจนไป, และได้ขายตัวแก่เจ้า ๆ อย่าข่มขืนใช้เขาเหมือนทาส. แต่จงใช้เขาเหมือนลูกจ้าง, หรือเหมือนคนอาศัยอยู่ด้วย.” ดังนั้น นี่เป็นการจัดเตรียมที่เปี่ยมด้วยความรักเพื่อดูแลชาวอิสราเอลที่ยากจนมาก.

● คนที่ถูกจับได้ว่าขโมยแต่ไม่มีเงินชดใช้เต็มจำนวนตามที่กฎหมายกำหนด ก็อาจถูกขายเป็นทาสและโดยวิธีนี้เขาจะใช้หนี้ได้. (เอ็กโซโด 22:3) เมื่อเขาทำงานใช้หนี้หมดแล้ว เขาก็จะเป็นอิสระ.

● พระบัญญัติของพระเจ้าสำหรับชาวอิสราเอลไม่อนุญาตให้กดขี่หรือทำร้ายทาส. นายสามารถลงโทษทาสได้ แต่ห้ามลงโทษรุนแรงเกินไป. จะต้องมีการแก้แค้นแทนทาสที่ถูกนายฆ่า. (เอ็กโซโด 21:20) ถ้าทาสถูกนายทำร้ายจนพิการ ฟันหลุดหรือตาบอด เขาก็จะได้เป็นอิสระ.—เอ็กโซโด 21:26, 27

● ชาวอิสราเอลอาจเป็นทาสได้นานที่สุดหกปี. (เอ็กโซโด 21:2) ทาสชาวฮีบรูจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระในปีที่เจ็ดของการเป็นทาส. พระบัญญัติกำหนดว่าทุก 50 ปี ทาสชาวอิสราเอลทั้งหมดจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นทาสมาแล้วนานแค่ไหนก็ตาม.—เลวีติโก 25:40, 41

● เมื่อทาสได้รับอิสระ นายจะต้องแสดงน้ำใจต่อทาส. พระบัญญัติ 15:13, 14 กล่าวว่า “เมื่อเจ้าจะปล่อยเขาไปจากเจ้า, ก็อย่าให้เขาไปมือเปล่า: แต่เจ้าจงให้สิ่งของจากฝูงสัตว์และจากลานข้าว, และจากที่บีบน้ำองุ่นมากพอสมควร.”

ต่อมา ในสมัยของพระเยซูและอัครสาวก มีการใช้ทาสทั่วไปในจักรวรรดิโรมัน. ขณะที่ศาสนาคริสเตียนแพร่หลายไป เลี่ยงไม่ได้ที่ทาสและคนที่เป็นเจ้าของทาสจะได้ยินข่าวดีและเข้ามาเป็นคริสเตียน. พระเยซูคริสต์และอัครสาวกไม่ได้สอนว่าคนที่ยอมรับข่าวดีควรพยายามเปลี่ยนแปลงสังคม หรือปฏิรูประบบที่มีอยู่แล้ว. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ทั้งทาสและเจ้าของทาสได้รับคำแนะนำให้รักกันฐานะเป็นพี่น้องร่วมความเชื่อ.—โกโลซาย 4:1; 1 ติโมเธียว 6:2

การใช้แรงงานทาสจะหมดสิ้นไป

ประเด็นเรื่องการใช้แรงงานทาสก็เป็นเช่นเดียวกับประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล คือเราต้องพิจารณาดูภูมิหลังของเรื่องด้วย. การพิจารณาพระคัมภีร์อย่างละเอียดแสดงว่าพระเจ้าเศร้าพระทัยเมื่อมนุษย์ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม.

การพิจารณาเช่นนั้นยังแสดงว่าประชาชนของพระเจ้าในสมัยคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้ใช้ทาสอย่างกดขี่หรือทำร้ายทาสตามที่ผู้คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้คิดกัน. และคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเจ้าจะปลดปล่อยเราจากการเป็นทาสทุกรูปแบบเมื่อถึงเวลา. ตอนนั้น มนุษยชาติจะชื่นชมกับอิสรภาพที่แท้จริง.—ยะซายา 65:21, 22

คุณเคยสงสัยไหม?

● คัมภีร์ไบเบิลเห็นชอบกับการใช้แรงงานทาสอย่างกดขี่ไหม?—เลวีติโก 25:39, 40

● คริสเตียนควรปฏิบัติกับทาสอย่างไร?—⁠โกโลซาย 4:1

[คำโปรยหน้า 29]

พระเจ้าเศร้าพระทัยเมื่อมนุษย์ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

[ที่มาของภาพหน้า 29]