บท 39
‘พระพรมีแด่ท่านผู้นั้นซึ่งเสด็จมาเป็นกษัตริย์’
ลูกรู้จักคำอธิษฐานขององค์พระผู้เป็นเจ้าไหม?— ลองพูดให้พ่อ (แม่) ฟังซิ.—ถ้าลูกจำไม่ได้ ก็ให้เราอ่านด้วยกันจากพระคัมภีร์ที่พระธรรมมัดธายบทหก ข้อเก้าถึงสิบสาม.
ในคำอธิษฐานนั้นบอกว่า “ขอให้แผ่นดิน [ราชอาณาจักร, ล.ม.] ของพระองค์มาตั้งอยู่.” ราชอาณาจักรคืออะไร? ลูกรู้ไหม?—
ราชอาณาจักรก็คือรัฐบาล. และลูกก็รู้ว่านั่นคืออะไรใช่ไหม?— รัฐบาลก็คือคนกลุ่มหนึ่งที่ปกครองประเทศ.
ในรัฐบาลหนึ่ง ๆ ก็มีผู้หนึ่งเป็นหัวหน้าหรือผู้ปกครอง. ในบางประเทศเรียกบุคคลผู้นี้ว่าประธานาธิบดี. แต่ลูกทราบไหมว่ามีการเรียกผู้ปกครองแห่งรัฐบาลของพระเจ้าว่าอะไร?— พระองค์คือกษัตริย์.
สำหรับราชอาณาจักรของพระเจ้านั้นพระยะโฮวาทรงเลือกกษัตริย์เอง. ลูกทราบไหมว่ากษัตริย์องค์นั้นคือใคร?— พระองค์คือพระเยซูคริสต์. พระองค์ทรงเยี่ยมกว่าผู้ปกครองคนใด ๆ ที่มนุษย์เลือกเอานั้น. และพระเยซูทรงมีอำนาจยิ่งกว่าผู้ปกครองเหล่านั้นทั้งหมด. และพระเยซูทรงรักพระเจ้าจริง ๆ ดังนั้น พระองค์จึงทรงทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ.
นานมาแล้วในประเทศยิศราเอล กษัตริย์องค์ใหม่จะประทับบนหลังลาเสด็จเข้ากรุงยะรูซาเลมเพื่อแสดงตัวแก่ประชาชน. นั่นแหละคือสิ่งที่พระเยซูได้กระทำ.
ภายนอกกรุงยะรูซาเลมนั่นเองมีหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่แห่งหนึ่ง. ขณะที่พระเยซูเสด็จมาใกล้ที่นั่น พระองค์ตรัสสั่งสาวกสองคนของพระองค์ว่า ‘จงเข้าไปยังหมู่บ้านนั้น และเจ้าจะพบลูกลาตัวหนึ่ง. จงแก้มัดมันแล้วจูงมาให้เราเถิด.’
สาวกสองคนนั้นก็ได้ทำตามที่พระเยซูสั่ง. และครั้นนำลูกลามาให้พระเยซูแล้ว พระองค์ก็ขึ้นประทับบนหลังลูกลานั้น. ขณะที่พระองค์มาใกล้จะถึงกรุงยะรูซาเลม ประชาชนหมู่ใหญ่พากันมาต้อนรับพระองค์.
ขณะที่พระเยซูประทับบนหลังลูกลาเสด็จไปตามทาง ฝูงชนส่วนมากพากันเอาเสื้อผ้าของตนปูลงที่ถนนข้างหน้าพระองค์. บ้างก็ตัดกิ่งไม้ลงมาและเอามาปูที่ถนน. โดยการทำเช่นนี้แสดงว่าเขาอยากจะให้พระเยซูเป็นกษัตริย์.
ประชาชนยินดีต้อนรับพระเยซู. เขาพากันร้องว่า ‘พระพรมีแด่ท่านผู้นั้นซึ่งเสด็จมาเป็นกษัตริย์ในพระนามของพระยะโฮวา!’
แต่ไม่ใช่ทุกคนดีใจที่พระเยซูทรงลาเข้ากรุงยะรูซาเลมเยี่ยงกษัตริย์. บางคนถึงกับทูลพระเยซูว่า ‘ขอบอกเหล่าสาวกของท่านให้เงียบลงเสียบ้าง.’—ลูกา 19:28-40.
ลูกรู้สึกอย่างไรที่มีพระคริสต์เป็นกษัตริย์?— ถ้าแม้นลูกมีชีวิตอยู่ขณะที่พระเยซูทรงลาเสด็จเข้ากรุงยะรูซาเลมนั้น ลูกจะต้อนรับพระองค์ในฐานะผู้ซึ่งพระยะโฮวาทรงใช้ให้มาหาประชาชนของพระองค์ไหม?—
เอาละ พระเยซูไม่ได้อยู่บนแผ่นดินโลกทุกวันนี้ จริงไหม?— พระองค์อยู่ในสวรรค์. พระองค์ทรงครอบครองในฐานะเป็นกษัตริย์จากสวรรค์นั่นเอง. แม้ว่าเราไม่สามารถเห็นพระองค์ได้ก็ตาม พระองค์ทรงสามารถเห็นพวกเราทุกคนบนแผ่นดินโลก. เราจะหลอกลวงพระองค์ไม่ได้. พระองค์ทรงเห็นสิ่งที่เราทำ และพระองค์ทรงทราบแม้กระทั่งสิ่งที่เราคิดนึกนั้นเสียด้วยซ้ำ. ถ้าเรารักพระยะโฮวาอย่างแท้จริง พระองค์ก็ทรงทราบ. และถ้าเราพยายามอย่างหนักเพื่อทำตามสิ่งซึ่งพระคัมภีร์กล่าวไว้นั้น พระองค์จะทรงช่วยเรา. ลูกอยากให้พระองค์เป็นกษัตริย์ของลูกตลอดไปไหมล่ะ?—
ไม่ใช่ทุกคนปรารถนาจะให้พระคริสต์เป็นกษัตริย์. เขาอาจบอกว่าเขาเชื่อในพระเจ้า แต่ว่าเขาไม่ต้องการราชอาณาจักรของพระองค์. เขาไม่ต้องการให้พระเจ้าหรือพระคริสต์บอกเขาให้ทำอย่างนี้อย่างนั้น. เขาต้องการให้มีรัฐบาลของเขาเองที่นี่บนแผ่นดินโลกนี้. ดังนั้น ลูกรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นแก่เขา?—
พระคัมภีร์ให้คำตอบแก่เราไว้ในดานิเอลบทสอง ข้อสี่สิบสี่. ให้เราเอาพระคัมภีร์ของเราขึ้นมาและพลิกไปดูที่นั่นด้วยกัน. คัมภีร์ข้อนี้พูดถึงเรื่องสมัยของเราเมื่อบอกว่า “ในสมัยเมื่อกษัตริย์เหล่านั้นกำลังเสวยราชย์อยู่, พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์จะทรงตั้งอาณาจักรอันหนึ่งขึ้น, ซึ่งจะไม่มีวันทำลายเสียได้, หรือผู้ใดจะชิงเอาอาณาจักรนี้ไปก็หาได้ไม่; แต่อาณาจักรนี้จะทำลายอาณาจักรอื่น ๆ ลงให้ย่อยยับและเผาผลาญเสียสิ้น, และอาณาจักรนี้จะดำรงอยู่เป็นนิจ.”
ลูกเข้าใจข้อนี้ไหม?— พระคัมภีร์กล่าวว่ารัฐบาลของพระเจ้าจะทำลายรัฐบาลทางแผ่นดินโลกนี้ทั้งหมด. ทำไมล่ะ?— ก็เพราะเขาไม่ยอมเชื่อฟังผู้ซึ่งพระเจ้าทรงตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์นั่นเอง.
แผ่นดินโลกทั้งหมดเป็นของพระเจ้า. พระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลกขึ้นพร้อมกับเอกภพทั้งสิ้น. ฉะนั้น พระองค์จึงทรงสิทธิที่จะตัดสินว่ารัฐบาลชนิดใดควรปกครอง. และรัฐบาลของพระองค์ดีที่สุด. ในไม่ช้าราชอาณาจักรของพระเจ้าจะเป็นรัฐบาลเดียวเท่านั้นที่มีอยู่.
ลูกต้องการจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปภายใต้ราชอาณาจักรของพระเจ้าไหม?— พ่อ (แม่) ต้องการ. แต่ว่าเราจำเป็นต้องพิสูจน์เรื่องนั้นต่อพระเจ้า. ลูกรู้ไหมว่าจะพิสูจน์อย่างไร?— โดยการเรียนให้รู้กฎหมายของพระเจ้าแล้วปฏิบัติตามทุกวันไปทีเดียว.
พระเจ้าทรงบอกว่าราชอาณาจักรของพระองค์จะทำลายรัฐบาลทั้งหลายของมนุษย์. แต่พระองค์ทรงบอกเราหรือเปล่าว่าเราควรทำเช่นนั้น?— เปล่าเลย. พระคัมภีร์บอกว่าเราควรเชื่อฟังกฎหมายของมนุษย์ นานตราบเท่าที่พระเจ้าทรงยอมให้รัฐบาลเหล่านั้นปกครอง.
แต่ถ้าเราปรารถนาจะให้พระคริสต์เป็นกษัตริย์จริง ๆ ละก็ เราต้องทำมากกว่านั้น. เราต้องเชื่อฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่พระคริสต์สั่ง. พระองค์ตรัสว่าเราต้อง “ไม่เป็นส่วนของโลก.” ถ้าเราพยายามจะมีส่วนกับรัฐบาลต่าง ๆ ฝ่ายโลกแล้ว จะนับว่าเราเชื่อฟังพระองค์ไหม?— พระเยซูและเหล่าอัครสาวกของพระองค์ปลีกตัวจากสิ่งต่าง ๆ เช่นนั้น.—โยฮัน 17:14, ล.ม.
แทนที่จะทำเช่นนั้น พวกเขาทำอย่างไร?— พวกเขาพูดกับคนอื่น ๆ เกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า. นั่นเป็นงานสำคัญในชีวิตของพวกเขา. เราจะทำเหมือนกันนั้นได้ไหม?— ได้ และเราจะทำเช่นนั้นถ้าเราหมายความตามที่เราพูดเมื่อเราอธิษฐานขอให้ราชอาณาจักรของพระเจ้ามาตั้งอยู่.
(บัดนี้โปรดใช้เวลาอีกสักหน่อยอ่านข้อคัมภีร์เหล่านี้เพิ่มเติมซึ่งแสดงให้เห็นวิธีที่เราควรมองดูพระองค์ผู้ซึ่งพระเจ้าได้ทรงตั้งขึ้นให้เป็นกษัตริย์ที่ ยะซายา 9:6, 7; ดานิเอล 7:13, 14; โยฮัน 18:36; มัดธาย 6:33.)