บท 46
วิธีมีชีวิตอยู่ตลอดไป
พระยะโฮวาได้ทรงจัดให้เรามีของประทานอันยอดเยี่ยมหลายอย่าง. ของประทานอันดียิ่งอย่างหนึ่งที่พระองค์ทรงประทานแก่เราคือชีวิต. ถ้าไม่มีชีวิต เราก็จะทำอะไรไม่ได้เลย ใช่ไหม?— แต่ถ้าเราต้องการจะรักษาของประทานนั้นไว้ละก็ มีบางสิ่งบางอย่างที่เราต้องทำ.
ขณะนี้ลูกกำลังทำหนึ่งอย่างในสิ่งเหล่านั้นอยู่. พ่อ (แม่) ก็กำลังทำอยู่. เราทำสิ่งนั้นตลอดวันตลอดคืน แม้กระทั่งขณะที่เราหลับอยู่. ถ้าเราหยุด เราจะตายทันที. ลูกรู้ไหมว่านั่นคืออะไร?— ใช่แล้ว เรากำลังหายใจนั่นเอง.
ยังมีสิ่งอื่น ๆ อีกที่เราทำอยู่ทุก ๆ วันเพื่อมีชีวิตอยู่. ลูกจะบอกสิ่งเหล่านั้นได้บ้างไหม?— เรารับประทานอาหาร. เราดื่มน้ำ. และเรานอนหลับ. พระเจ้าทรงสร้างเราอย่างที่เราจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้โดยปราศจากสิ่งเหล่านี้.
ไม่ยากเลยที่จะทำสิ่งเหล่านั้น. ที่จริง พ่อ (แม่) ก็ชอบรับประทานอาหาร. ลูกชอบไหมล่ะ?— แต่อาหารทำให้เรามีชีวิตได้อย่างไร? ลูกรู้ไหม? เกิดอะไรขึ้นกับอาหารหลังจากที่กลืนเข้าไป?—
ร่างกายของเราย่อยอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ. แล้วเลือดก็นำอาหารเหล่านี้ไปยังทุกส่วนในร่างกายของเรา. อาหารเหล่านี้ถูกนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างน่าประหลาดในการสร้างกระดูกใหม่ เนื้อหนังใหม่ ผมใหม่ เล็บ ตา และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย. ลูกรู้เรื่องนั้นไหม?—
ลูกอาจสงสัยก็ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับส่วนเก่า ๆ ของร่างกาย? ส่วนต่าง ๆ นั้นค่อย ๆ ตายไปทีละเล็กละน้อย แล้วก็ถูกขจัดออกไปเป็นของเสีย. ของใหม่เข้ามาแทนที่.
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นทุกส่วนในร่างกายของเรา. การสร้างร่างกายใหม่ทั้งหมดนั้นใช้เวลาไม่นานนัก. พระยะโฮวาทรงสร้างให้ร่างกายของเราทำเช่นนี้. พระองค์ทรงสร้างร่างกายขึ้นเพื่อให้ทำเช่นนี้ได้ตลอดไป. ถูกแล้ว พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นเพื่อที่จะให้มีชีวิตอยู่ตลอดไป.
แต่ผู้คนก็ตาย. ทำไมล่ะ?— เพราะเหตุที่อาดามได้กระทำบาปต่อพระเจ้า. และเราได้รับบาปมาจากอาดาม. เขาได้ทำลายสายสัมพันธ์อันดีของมนุษย์กับพระเจ้าเสีย. และชีวิตของเราต้องพึ่งพาอาศัยพระเจ้า.
เพื่อจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป เราต้องการมากกว่าอากาศและน้ำและอาหารและการนอนหลับ. เราจำเป็นต้องมีฐานะอันถูกต้องกับพระเจ้า.
ไม่มีหมอคนใดสามารถทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป. ไม่มียาวิเศษชนิดใดจะทำให้เราพ้นจากความตายได้. วิธีเดียวเท่านั้นที่เราจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปก็คือการเข้ามาใกล้ชิดกับพระเจ้า. ครูผู้ยิ่งใหญ่ทรงบอกให้เราทราบวิธีทำเช่นนั้น.
ให้เราเอาพระคัมภีร์ของเราออกมาและเปิดไปที่โยฮันบท 17 ข้อ 3. ที่นี่เราพบถ้อยคำของพระเยซูซึ่งบอกว่า “นี่แหละเป็นชีวิตนิรันดร์, คือว่าให้เขารู้จักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว, และรู้จักผู้ที่พระองค์ทรงใช้มาคือพระเยซูคริสต์.”
ครูผู้ยิ่งใหญ่ตรัสว่า เราจำเป็นต้องทำประการใดจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป?— เราจำต้องรับเอาความรู้. นั่นหมายความว่าเราจำเป็นต้องเรียนรู้. นั่นแหละคือเหตุผลที่เราศึกษาพระคัมภีร์.
แต่ว่าการเรียนรู้เรื่องพระยะโฮวาจะช่วยเราอย่างไรให้มีชีวิตอยู่ตลอดไป?— จงจำไว้ว่าชีวิตทั้งสิ้นมาจากพระองค์. เพื่อจะได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ เราต้องนมัสการพระองค์ในฐานะพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว. แต่ว่าเราจะนมัสการพระองค์ด้วยวิธีที่ถูกต้องไม่ได้นอกจากเราจะยอมรับฟังสิ่งที่พระองค์ทรงบอก. เราต้องรับประทานอาหารทุกวันฉันใด เราก็ต้องเรียนรู้เรื่องพระยะโฮวาทุกวันฉันนั้น. สิ่งนี้จะทำให้เราใกล้ชิดพระองค์. พระคัมภีร์บอกว่า ‘มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ด้วยอาหารสิ่งเดียวก็หามิได้ แต่ด้วยบรรดาโอวาทซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระยะโฮวา.’—มัดธาย 4:4.
นอกจากพระเจ้า เรายังต้องรับเอาความรู้เกี่ยวกับอีกผู้หนึ่งด้วย. ผู้นั้นคือใคร?— พระเยซูคริสต์นั่นเอง. ทั้งนี้ก็เพราะพระเจ้าทรงส่งพระเยซูมาเพื่อยกความผิดบาปไป. พระองค์ทรงสามารถเอาความเสียหายที่อาดามได้ก่อไว้เมื่ออาดามกระทำบาปต่อพระเจ้านั้นออกไปได้. พระเยซูทรงสามารถช่วยให้เรากลับคืนสู่สายสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้าได้อีก. และสิ่งนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยวิธีใดอื่นอีกเลย.
นั่นคือเหตุผลที่พระคัมภีร์บอกว่า “ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย.” ถ้าเราอยากจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป เราต้องเรียนรู้เรื่องพระเยซู. และถ้าเรามีความเชื่อในพระองค์อย่างแท้จริงแล้ว เราก็จะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป. ครั้นพระองค์นำเอาสภาพที่ดีต่าง ๆ มาสู่ทั่วแผ่นดินโลก พระองค์จะทรงช่วยเราให้มีชีวิตอยู่ตลอดไปและมีความสุข. นี่เป็นสิ่งแน่นอน. เหตุฉะนั้นพระคัมภีร์จึงบอกว่า “ผู้ที่แสดงความเชื่อในพระบุตรก็มีชีวิตนิรันดร์.”—กิจการ 4:12; โยฮัน 3:36, ล.ม.
ที่ว่า ‘แสดงความเชื่อ’ ในพระเยซูนั้นหมายความอย่างไร?— หมายความว่าเราเชื่ออย่างแท้จริงว่าเราจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้โดยปราศจากพระองค์. เราเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงประทานชีวิตนิรันดร์แก่เราโดยทางพระเยซู. ลูกเชื่ออย่างนั้นไหม?—
‘การแสดงความเชื่อ’ ในพระเยซูหมายถึงอีกสิ่งหนึ่งด้วย. หมายความว่าเราเชื่อพระองค์ถึงขนาดที่เราทำตามที่พระองค์ตรัส. เราจะทำไม่เพียงบางสิ่งบางอย่างแล้วไม่ทำสิ่งอื่น ๆ. เราจะทำทุกสิ่งที่พระองค์ตรัส. และเราทำสิ่งเหล่านั้นก็เพราะเราปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะทำ. นั่นคือสิ่งที่ลูกอยากจะทำใช่ไหม?—
สิ่งหนึ่งที่ครูผู้ยิ่งใหญ่ทรงบอกให้เราทำคือการพูดกับคนอื่นถึงเรื่องพระเจ้า และราชอาณาจักรของพระองค์. พระเยซูเองก็ทรงทำการนี้เพื่อแสดงให้เราเห็นวิธีทำ. ฉะนั้น ถ้าเราได้เรียนรู้จากพระเยซูอย่างแท้จริงแล้ว นั่นคือสิ่งที่เราจะทำ. ลูกทำอย่างนั้นไหม?—
แต่ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น. เราควรจะทำสิ่งที่พระคัมภีร์บอกว่าถูกต้องทุกวัน. เราต้องระมัดระวังไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ. เราควรแสดงว่าเรารักกันและกันอย่างแท้จริง.
ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ ก็ย่อมแสดงให้เห็นว่าเรารับฟังครูผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ.
(สาวกแท้ของพระเยซูคริสต์จะมีชีวิตอยู่ตลอดไปด้วยความสุขบนแผ่นดินโลกนี้ได้จริง ๆ. เชิญอ่านข้อความซึ่งพระคัมภีร์บอกไว้ถึงเรื่องนี้ในบทเพลงสรรเสริญ 37:29, 34; มัดธาย 19:16-21 และโรม 6:23.)