ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ชค บท 6 น. 62-79
  • วิญญาณที่กลับไปยังพระเจ้า

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • วิญญาณที่กลับไปยังพระเจ้า
  • ชีวิตมีแค่นี้ละหรือ?
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • การ​พิสูจน์​หลักฐาน​เกี่ยว​กับ​วิญญาณ
  • วิธี​ที่​วิญญาณ​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า
  • จะ​ว่า​อย่าง​ไร​ใน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​หรือ​การ​กลับ​ชาติ?
  • พระ​คัมภีร์​สอน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​ไหม?
  • คุณมีวิญญาณอมตะไหม?
    คุณมีวิญญาณอมตะไหม?
  • คุณมีวิญญาณที่เป็นอมตะไหม?
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2001
  • คัมภีร์ไบเบิลสอนเรื่องการกลับชาติมาเกิดไหม?
    ถาม-ตอบเรื่องคัมภีร์ไบเบิล
  • มนุษย์มีสิ่งที่มองไม่เห็นและเป็นอมตะอยู่ในตัวจริง ๆ ไหม?
    คัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริงๆ?
ดูเพิ่มเติม
ชีวิตมีแค่นี้ละหรือ?
ชค บท 6 น. 62-79

บท 6

วิญญาณ​ที่​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า

ไม่​น่า​จะ​มี​ปัญหา​เลย​ใน​จิตใจ​ของ​ผู้​ทำ​การ​ค้นคว้า​ที่​สุจริต​ใจ​ใน​เรื่อง​ที่​พระ​คัมภีร์​พูด​ถึง​ว่า “จิตวิญญาณ” ไม่​ใช่​ส่วน​ประกอบ​อัน​ไม่​รู้​จัก​ตาย​ซึ่ง​ยัง​คง​มี​ชีวิต​รู้สึก​ตัว​อยู่​ต่อ​ไป​ภาย​หลัง​ที่​คน​เรา​ตาย​ไป​แล้ว. กระนั้น​เมื่อ​ได้​มี​การ​บอก​ชี้​ถึง​พยาน​หลักฐาน​อย่าง​มาก​มาย​ใน​เรื่อง​สภาพ​ที่​แท้​จริง​ของ​จิตวิญญาณ​เช่น​นั้นแล้ว​ก็​ดี บาง​คน​ก็​ยัง​แสดง​ข้อ​แย้ง​อื่น ๆ อยู่​อีก​ด้วย​ความ​พยายาม​ที่​จะ​สนับสนุน​ความ​เชื่อ​ของ​ตน​ที่​ว่า​มี​อะไร​บาง​อย่าง​ภาย​ใน​ตัว​มนุษย์ ซึ่ง​ยัง​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ภาย​หลัง​ที่​ตาย​ไป​นั้น.

ข้อ​คัมภีร์​ข้อ​หนึ่ง​ที่​มี​การ​นำ​มา​ใช้​กัน​บ่อย ๆ คือ ท่าน​ผู้​ประกาศ 12:7 ซึ่ง​อ่าน​ว่า: “ผงคลี​จะ​กลับ​ไป​เป็น​ดิน​ตาม​เดิม และ​วิญญาณ​ก็​จะ​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า​ผู้​ทรง​ประทาน​ให้​มา​นั้น.” ใน​คอมเม็นเทรี่​ของ​เขา​นั้น แอดัม คลาร์ค นัก​ศาสนศาสตร์​แห่ง​นิกาย​เวสเลยั่น เม​ธอดิสท์ เขียน​ลง​ไว้​เกี่ยว​ด้วย​ข้อ​นี้​ว่า: “ณ ที่​นี้ ท่าน​บุรุษ​ผู้​เฉลียวฉลาด​ได้​ทำ​ให้​แล​เห็น​ความ​แตกต่าง​อย่าง​ชัด​แจ้ง​ที่​สุด​ระหว่าง​ร่าง​กาย​กับ​จิตวิญญาณ: สอง​อย่าง​นี้​หา​ใช่​อัน​เดียว​กัน​ไม่ มิ​ใช่​สสาร​ด้วย​กัน​ทั้ง​สอง​อย่าง. ร่าง​กาย​ซึ่ง​เป็น​สสาร​กลับ​ไป​เป็น​ผงคลี​ดิน​ตาม​เดิม​ของ​มัน แต่​วิญญาณ​ซึ่ง​ไม่​เป็น​สสาร​นั้น​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า. อะ คาธอลิค คอมเม็นเทรี่ ออน โฮลี่ ซคริพเจ้อร์ กล่าว​ทำนอง​เดียว​กัน​ดัง​นี้: “จิตวิญญาณ​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า.” ดัง​นี้​คำ​อธิบาย​ทั้ง​สอง​อย่าง​นี้​อ้าง​ว่า​จิตวิญญาณ​และ​วิญญาณ​ก็​อัน​เดียว​กัน​นั้น​แหละ.

อย่าง​ไร​ก็​ดี เป็น​ที่​น่า​สนใจ​ว่า​พวก​นัก​ศึกษา​ชาว​โรมัน​คาธอลิค และ​ชาว​โป​รเต็ส​แต้​นท์​อื่น ๆ แสดง​ความ​เห็น​ที่​แตกต่าง​กัน​ไป​อย่าง​แท้​จริง. ใน “คำ​อธิบาย​ศัพท์​พระ​คัมภีร์” ซึ่ง​ปรากฏ​ใน นิว อเมริกัน ไบเบิ้ล ของ​คา​ธอลิค (ได้​รับ​การ​พิมพ์​ออก​โดย พี.เจ. เค​เนดี้ และ ซัน​ส์ นิว​ยอ​ร์ค 1970) เรา​จะ​ได้​อ่าน​ดัง​ต่อ​ไป​นี้: “เมื่อ​เอา​คำ ‘วิญญาณ’ มา​ใช้​ตรง​กัน​ข้าม​กับ​คำ ‘เนื้อหนัง’ . . . จุด​มุ่ง​หมาย​มิ​ใช่​เพื่อ​จะ​แยก​สิ่ง​ที่​มี​ตัว​ตน​ออก​จาก​ส่วน​ประกอบ​อัน​ไม่​มี​ตัว​ตน​ของ​มนุษย์ . . . ‘วิญญาณ’ หา​ได้​หมาย​ถึง​จิตวิญญาณ​ไม่.” ใน​ท่าน​ผู้​ประกาศ 12:7 ฉบับ​แปล​ฉบับ​นี้​หา​ได้​ใช้​คำ “วิญญาณ”ไม่ หาก​แต่​ใช้​คำ “ลมหายใจ​แห่ง​ชีวิต.” อินเทอเพรเท่อส์ ไบเบิ้ล ของ​ชาว​โป​รเต็ส​แต้​นท์​กล่าว​เกี่ยว​กับ​นัก​เขียน​หนังสือ​ท่าน​ผู้​ประกาศ​ดัง​นี้: “โคเฮเล็ธ​หา​ได้​หมาย​ความ​ไม่​ว่า บุคลิก​ลักษณะ​ของ​มนุษย์​ยัง​คง​ดำรง​อยู่​ต่อ​ไป.” เมื่อ​พิจารณา​ถึง​ความ​เห็น​ที่​แตกต่าง​กัน​เช่น​นั้น​แล้ว เรา​จะ​แน่​ใจ​ได้​หรือ​ว่า​วิญญาณ​คือ​อะไร​จริง ๆ และ​วิญญาณ​นั้น ๆ กลับ​ยัง​พระเจ้า​โดย​ทำนอง​ไหน?

ใน​พระ​ธรรม​ท่าน​ผู้​ประกาศ 12:1-7 ได้​มี​การ​พรรณนา​ถึง​ผล​ของ​ความ​แก่​ชรา​และ​ความ​ตาย​ลง​ไว้​ด้วย​การ​ใช้​ถ้อย​คำ​แบบ​อรรถ​กวี. ภาย​หลัง​ที่​ตาย​ไป​นั้น ใน​ที่​สุด​ร่าง​กาย​ก็​เน่า​เปื่อย​แล้ว​จึง​กลาย​เป็น​ส่วน​ประกอบ​ของ​ผงคลี​ดิน​อีก. อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​นั้น​คือ “วิญญาณ​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า.” ดัง​นั้น​การ​ตาย​ของ​มนุษย์​จึง​เชื่อม​โยง​กัน​กับ​การ​ที่​วิญญาณ​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า ทั้ง​นี้​ย่อม​แสดง​ว่า​ชีวิต​ของ​มนุษย์​ขึ้น​อยู่​กับ​วิญญาณ​นั้น ๆ ไม่​ทาง​ใด​ก็​ทาง​หนึ่ง.

ข้อ​คัมภีร์​ท่าน​ผู้​ประกาศ 12:7 ใน​ภาษา​เดิม​นั้น คำ​ภาษา​ฮีบรู​ที่​เอา​มา​แปล​ว่า “วิญญาณ” หรือ “ลม​หายใจ​แห่ง​ชีวิต” นั้น​ได้​แก่​คำ​รูอาหห์. คำ​ภาษา​กรีก​ที่​มี​ความ​หมาย​ตรง​กัน​คือ​นิวมา. ขณะ​ที่​ชีวิต​ของ​เรา​ต้อง​พึ่ง​อาศัย​การ​หายใจ คำ “ลม​หายใจ” (ดัง​ที่​ผู้​แปล​เป็น​จำนวน​มาก​มัก​แปล​คำ รูอาหห์ ​และ​นิวมา ​นั้น) ไม่​เหมาะ​เสมอ​ไป​ที่​จะ​นำ​มา​ใช้​แทน “วิญญาณ.” ยิ่ง​ไป​กว่า​นั้น คำ​ภาษา​ฮีบรู​และ​กรีก​อื่น ๆ กล่าว​คือ เนะชาม่าห์ (ฮีบรู) และ​โนเอ้ (กรีก) ก็​แปล​ว่า “ลม​หายใจ” เช่น​กัน. (โปรด​ดู​เยเนซิศ 2:7 และ​กิจการ 17:25.) แต่​กระนั้น​ก็​เป็น​ที่​น่า​สังเกต​ว่า ใน​การ​ที่​เอา​คำ “ลม​หายใจ” มา​ใช้​แทน “วิญญาณ” นั้น บรรดา​ผู้​แปล​ก็​ย่อม​เผย​ให้​เห็น​ว่า​คำ​ภาษา​เดิม​นั้น​ใช้​หมาย​ถึง​อะไร​บาง​อย่าง​ที่​ไม่​มี​บุคลิก​ลักษณะ หาก​แต่​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​สำหรับ​ความ​เป็น​อยู่​ของ​ชีวิต.

การ​พิสูจน์​หลักฐาน​เกี่ยว​กับ​วิญญาณ

การ​ที่​ชีวิต​มนุษย์​ต้อง​อาศัย​วิญญาณ (รูอาหห์ หรือ​นิวมา) นั้น​ก็​ได้​มี​แถลง​ไว้​อย่าง​แน่นอน​ใน​พระ​คัมภีร์. ดัง​ที่​เรา​จะ​อ่าน​ต่อ​ไป​นี้: “ถ้า​พระองค์ [พระ​ยะโฮวา] เอา​วิญญาณ [รูอาหห์] ไป​เสีย มัน​ก็​ตาม และ​กลับ​เป็น​ผงคลี​ดิน.” (บทเพลง​สรรเสริญ 104:29) “ร่าง​กาย​ที่​ปราศจาก​วิญญาณ [นิวมา] ก็​ตาม​แล้ว.” (ยาโกโบ 2:26) ดัง​นี้​วิญญาณ​จึง​ได้​แก่​สิ่ง​ซึ่ง​ทำ​ให้ ร่าง​กาย​มี​ชีวิต.

แต่​ว่า​พลัง​อัน​ทำ​ให้​มี​ชีวิต​เช่น​นี้​หา​ใช่​ลม​หายใจ​เฉย ๆ ไม่. เพราะ​เหตุ​ใด? เพราะ​เหตุ​ที่​ชีวิต​ยัง​คง​มี​อยู่​ใน​เซลล์​ของ​ร่าง​กาย​ชั่ว​ระยะ​เวลา​อัน​สั้น ภาย​หลัง​ที่​การ​หายใจ​หยุด​ลง​แล้ว. ด้วย​เหตุ​นี้​เอง ความ​พยายาม​ใน​การ​แก้ไข​ให้​ฟื้น​อีก​จึง​บรรลุ​ผล​สำเร็จ นอก​จาก​นี้​ก็​ยัง​สามารถ​ย้าย​อวัยวะ​แห่ง​ร่าง​กาย​จาก​บุคคล​ผู้​หนึ่ง​ใส่​ลง​ไป​ใน​ร่าง​กาย​ของ​อีก​ผู้​หนึ่ง​ได้. แต่​ว่า​สิ่ง​เหล่า​นี้​จำ​ต้อง​ได้​มี​การ​กระทำ​โดย​เร็ว. ถ้า​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ออก​ไป​จาก​เซลล์​แห่ง​ร่าง​กาย​เสีย​แล้ว ความ​พยายาม​ใน​อัน​ที่​จะ​ยืด​ชีวิต​ให้​ยาว​ต่อ​ไป​อีก ย่อม​จะ​ไม่​ได้​ผล. ลม​หายใจ​ทั้ง​หมด​ใน​โลก​นี้​ก็​จะ​ไม่​สามารถ​ทำ​ให้​ฟื้น​ได้​อีก​แม้​แต่​เซลล์​เดียว. เมื่อ​มอง​ดู​ตาม​แง่​คิด​เช่น​นี้​แล้ว ย่อม​แล​เห็น​ได้​ชัด ๆ ว่า “วิญญาณ” ก็​คือ​พลัง​แห่ง​ชีวิต​อัน​ไม่​เป็น​ที่​ประจักษ์​ด้วย​ตา ดำเนิน​กิจ​อยู่​ภาย​ใน​เซลล์​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​ทุก​เซลล์​แห่ง​ร่าง​กาย​ของ​มนุษย์.

พลัง​แห่ง​ชีวิต​นี้​ดำเนิน​กิจ​อยู่​ใน​ตัว​มนุษย์​เท่า​นั้น​หรือ? สิ่ง​ที่​มี​แถลง​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์​ไบเบิ้ล​ย่อม​สามารถ​ช่วย​ให้​เรา​ลง​ความ​เห็น​ที่​ถูก​ต้อง​ได้​ใน​เรื่อง​นี้. เกี่ยว​กับ​การ​ทำลาย​ล้าง​ชีวิต​มนุษย์​และ​สัตว์ ด้วย​มหา​อุทกภัย​ทั่ว​โลก​นั้น พระ​คัมภีร์​รายงาน​ดัง​นี้: “ทุก​สิ่ง​ซึ่ง​ลม​หายใจ [เนะชาม่า] ของ​พลัง [รูอาหห์ วิญญาณ] แห่ง​ชีวิต​โดย​การ​หายใจ​เข้า​ออก​ทาง​จมูก กล่าว​คือ บรรดา​สัตว์​ที่​อยู่​บน​บก​ก็​ตาย​ทั้ง​สิ้น.” (เยเนซิศ 7:22) พระ​ธรรม​ท่าน​ผู้​ประกาศ 3:19 ก็​ได้​ให้​หลัก​สำคัญ​อย่าง​เดียว​กัน​ใน​เรื่อง​ซึ่ง​เกี่ยว​กับ​ความ​ตาย​ดัง​นี้: “มี​กรณี​อัน​ใด​เกิด​ขึ้น​กับ​บุตร​ทั้ง​หลาย​ของ​มนุษย์​และ​กรณี​นั้น​ก็​เกิด​ขึ้น​กับ​สัตว์​เดียรัจฉาน​ด้วย และ​ทั้ง​สอง​ก็​มี​กรณี​อย่าง​เดียว​กัน. ฝ่าย​หนึ่ง​ตาย​ไป​ฉัน​ใด อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​ก็​ตาย​ไป​ฉัน​นั้น และ​ทั้ง​หมด​มี​วิญญาณ [รูอาหห์] อย่าง​เดียว​กัน​ดัง​นั้น​มนุษย์​จึง​ไม่​มี​อะไร​ดี​ยิ่ง​ไป​กว่า​สัตว์​เดียรัจฉาน.” ฉะนั้น​มนุษย์​จึง​ไม่​ดี​ยิ่ง​ไป​กว่า​สัตว์​เมื่อ​พูด​ถึง​เรื่อง​ที่​ว่า​วิญญาณ​ทำ​ให้​ร่าง​กาย​ของ​เขา​มี​ชีวิต​อยู่. วิญญาณ​อย่าง​เดียว​กัน​ที่​ไม่​ประจักษ์​แก่​ตา​หรือ​พลัง​แห่ง​ชีวิต​นั้น​มี​อยู่​ด้วย​กัน​ทั้ง​สอง​ประเภท.

ตาม​เหตุ​ผล​แล้ว วิญญาณ​หรือ​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ที่​ดำเนิน​อยู่​ใน​สัตว์ และ​ทั้ง​มนุษย์​ด้วย​นั้น​อาจ​จะ​เอา​มา​เปรียบ​ได้​กับ​กระแส​อี​เล​คต​รอน หรือ​ไฟฟ้า​ที่​ผ่าน​เข้า​ไป​ใน​เครื่องจักร​หรือ​เครื่อง​ใช้. อาจ​มี​การ​เอา​กระแส​ไฟฟ้า​อัน​ไม่​เป็น​ที่​ประจักษ์​แก่​ตา​มา​ใช้​ใน​กิจการ​ต่าง ๆ หลาย​อย่าง​สุด​แล้ว​แต่​จะ​ให้​เกิด​พลัง​ตาม​ชนิด​ของ​เครื่องจักร​หรือ​เครื่อง​ใช้. เตา​อบ​ถูก​สร้าง​ขึ้น​เพื่อ​ใช้​ประโยชน์​ใน​การ​ให้​กำเนิด​ซึ่ง​ความ​ร้อน พัด​ลม​ก็​เพื่อ​ทำ​ให้​มี​ลม คอ​มพิวเต้อ​ร์​เพื่อ​ใช้​ประโยชน์​ใน​การ​แก้​ปัญหา​ต่าง ๆ เครื่อง​วิทยุ​โทรทัศน์​เพื่อ​ใช้​ใน​การ​แสดง​ภาพ เสียง​พูด​เสียง​ร้อง​และ​เสียง​อื่น ๆ. พลัง​อย่าง​เดียว​กัน​อัน​ไม่​ประจักษ์​แก่​ตา​ที่​ก่อ​ให้​เกิด​เสียง​ใน​เครื่อง​ใช้​อย่าง​หนึ่ง​ย่อม​สามารถ​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​ร้อน​ใน​เครื่อง​ใช้​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ได้ สามารถ​ทำ​การ​คำนวณ​ทาง​คณิตศาสตร์​ใน​เครื่อง​ใช้​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ได้. แต่​ว่า​กระแส​ไฟฟ้า​รับ​เอา​ลักษณะ​ซับซ้อน​ของ​เครื่องจักร​หรือ​เครื่อง​ใช้​ซึ่ง​กระแส​ไฟฟ้า​นั้น​ดำเนิน​กิจ หรือ​ปฏิบัติงาน​ใน​เครื่อง​เหล่า​นั้น​ไหม? เปล่า​เลย. กระแส​ไฟฟ้า​นั้น​ก็​ยัง​คง​เป็น​ไฟฟ้า​อยู่​ต่อ​ไป—คือ​เพียง​แต่​เป็น​พลัง​ชนิด​หนึ่ง​เท่า​นั้น.

ทำนอง​เดียว​กัน ทั้ง​มนุษย์​หรือ​สัตว์​ด้วย “มี​วิญญาณ​อัน​เดียว​กัน” คือ​พลัง​งาน​อัน​เดียว​กัน. วิญญาณ​หรือ​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ที่​ทำ​ให้​มนุษย์​สามารถ​ปฏิบัติการ​เกี่ยว​กับ​ชีวิต​ให้​ลุ​ล่วง​ไป​ได้. ไม่​แตกต่าง​กัน​ใน​ประการ​ใด​เลย​จาก​วิญญาณ​ที่​ทำ​ให้​สัตว์​สามารถ​กระทำ​เช่น​นั้น​ได้. วิญญาณ​นั้น ๆ จะ​ไม่​เก็บ​ไว้​ซึ่ง​ลักษณะพิเศษ​ต่าง ๆ ของ​เซลล์​แห่ง​ร่าง​กาย​ที่​ตาย​ไป​แล้ว. ยก​ตัว​อย่าง​เช่น ใน​กรณี​เกี่ยว​กับ​เซลล์​ของ​สมอง วิญญาณ​นั้น​จะ​ไม่​เก็บ​ความ​รู้​ที่​มี​สะสม​อยู่​ที่​นั่น​ไว้​แล้ว​เอา​มา​ใช้​ปฏิบัติ​ใน​การ​คิด​นึก​ต่อ​ไป​ต่าง​หาก​จาก​เซลล์​เหล่า​นี้. พระ​คัมภีร์​บอก​เรา​ดัง​นี้: “เมื่อ​วิญญาณ [รูอาหห์] ของ​เขา​ออก​ไป เขา​ก็​กลับ​ไป​สู่​ดิน​ใน​วัน​นั้น​ที​เดียว​ความ​คิด​ของ​เขา​ก็​สูญ​สิ้น​ไป.”—บทเพลง​สรรเสริญ 146:4.

รูป​การ​เป็น​เช่น​นี้ การ​ที่​รูอาหห์ ​หรือ​วิญญาณ​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า​นั้น​จะ​หมาย​ความ​ตรง ๆ ถึง​การ​มี​ชีวิต​รู้​สำนึก​ตัว​อยู่​ต่อ​ไป​เช่น​นั้น​ไม่​ได้. วิญญาณ​จะ​ไม่​ดำเนิน​การ​คิด​นึก​ของ​มนุษย์​ต่อ ๆ ไป. วิญญาณ​นั้น​เป็น​เพียง​แต่​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ที่​ไม่​มี​ความ​รู้​สำนึก​ตัว​ใน​ความ​เป็น​อยู่​ต่าง​หาก​จาก​ร่าง​กาย.

วิธี​ที่​วิญญาณ​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า

ดัง​นั้น​พลัง​อัน​ไม่​มี​ตัว​ตน​ไม่​เป็น​ที่​ประจักษ์​แก่​ตา​หรือ​วิญญาณ​นี้​จะ​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า​โดย​วิธี​ใด? วิญญาณ​นี้​จะ​กลับ​ไป​ยัง​ที่​ประทับ​อย่าง​แท้​จริง​ของ​พระองค์​ใน​สวรรค์​กระนั้น​ไหม?

วิธี​ที่​พระ​คัมภีร์​ใช้​คำ “กลับ” นั้น​ไม่​จำเป็น​ที่​เรา​จะ​ต้อง​คิด​นึก​ถึง​อาการ​เคลื่อน​ไหว​อย่าง​แท้​จริง​จาก​ที่​หนึ่ง​ไป​ยัง​อีก​ที่​หนึ่ง​ใน​ทุก​กรณี. ยก​อุทาหรณ์​เช่น ชน​ชาติ​ยิศราเอล​ที่​ไม่​ซื่อ​สัตย์​ได้​รับ​คำ​สั่ง​ดัง​นี้: “พระ​ยะโฮวา​จอม​พล​โยธา​ตรัส​ว่า: ‘จง​กลับ​มา​หา​เรา และ​เรา​จะ​กลับ​ไป​หา​เจ้า​ทั้ง​หลาย.’” (มาลาคี 3:7) ปรากฏ​ชัด​ว่า​ข้อ​นี้​หา​ได้​หมาย​ความ​ว่า​ชน​ชาติ​ยิศราเอล​จำ​ต้อง​ออก​จาก​แผ่นดิน​โลก​นี้​แล้ว​เข้า​ไป​สู่​สถาน​ที่​ประทับ​จริง ๆ ของ​พระเจ้า​ไม่​หรอก ทั้ง​หา​ได้​หมาย​ความ​ไม่​ว่า พระเจ้า​จะ​เสด็จ​จาก​ที่​มั่น​ของ​พระองค์​ซึ่ง​อยู่​ใน​สวรรค์​แล้ว​เริ่ม​ประทับ​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก​นี้​กับ​ชน​ชาติ​ยิศราเอล. ถ้า​จะ​พูด​ให้​ถูก การ​ที่​ชน​ชาติ​ยิศราเอล “กลับ” ไป​หา​พระ​ยะโฮวา​นั้น ย่อม​หมาย​ถึง การหัน​กลับ​จาก​วิถี​ทาง​ที่​ผิด แล้ว​ยอม​ปฏิบัติ​ตาม​แนว​ทาง​ที่​ชอบธรรม​ของ​พระเจ้า​และ​การ​ที่​พระ​ยะโฮวา “กลับ” ไป​หา​ชน​ยิศราเอล​นั้น​ก็​หมาย​ถึง​การ​ที่​พระองค์​กลับ​ใฝ่​พระทัย​สงเคราะห์​พลไพร่​ของ​พระองค์​อีก​ครั้ง​หนึ่ง. ใน​กรณี​ทั้ง​สอง​นี้ การ​กลับ​ย่อม​หมาย​ถึง​ทัศนะ หา​ได้​หมาย​ถึง​การ​เคลื่อน​ย้าย​อย่าง​แท้​จริง​จาก​ทำเล​หนึ่ง​ใน​ทาง​ภูมิศาสตร์​ไป​ยัง​อีก​ทำเล​หนึ่ง​ไม่.

ที่ว่าการ​กลับ​เกี่ยว​กับ​อะไร​บาง​อย่าง​ซึ่ง​ไม่​จำเป็น​เลย​ที่​จะ​ต้อง​มี การ​เคลื่อน​ย้าย​อย่าง​แท้​จริง​นั้น​อาจ​จะ​เอง​มา​อธิบาย​ประกอบ​เป็น​ตัว​อย่าง​ได้​ด้วย​สิ่ง​ซึ่ง​อุบัติ​ขึ้น​ใน​ธุรกิจ​หรือ​ทรัพย์​สมบัติ​ที่​ต้อง​มี​การ​โยกย้าย​ถ่าย​โอน​จาก​การ​ควบคุม​ของ​คณะ​หนึ่ง​ไป​ให้​อีก​คณะ​หนึ่ง. อาทิ​เช่น ใน​ประเทศ​หนึ่ง​รถไฟ​อาจ​ถูก​โยกย้าย​จาก​อำนาจ​แห่ง​กิจการ​งาน​ส่วน​ตัว​ไป​ให้​กับ​อำนาจ​แห่ง​รัฐบาล. เมื่อ​การ​โอน​เช่น​นั้น​เกิด​ขึ้น เครื่อง​ประกอบ​เกี่ยว​กับ​ทาง​รถไฟ และ​แม้​แต่​เอกสาร​ต่าง ๆ ก็​คง​อยู่​ที่​เดิม. อำนาจ​บังคับ​บัญชา​เท่า​นั้น​ที่​เปลี่ยน​ไป.

ใน​กรณี​เกี่ยว​กับ​วิญญาณ​หรือ​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ก็​เช่น​เดียว​กัน. ขณะ​ที่​ตาย​ไป​นั้น การ​เคลื่อน​ย้าย​อย่าง​แท้​จริง​จาก​แผ่นดิน​โลก​ไป​ยัง​อาณาจักร​ทาง​ภาค​สวรรค์​นั้น​ไม่​จำเป็น​ต้อง​เกิด​ขึ้น​เพื่อ​ที่​วิญญาณ​นั้น​จะ ‘กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า.’ แต่​ว่า​ของ​ประทาน​หรือ​การ​อนุญาต​ให้​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​มนุษย์​ผู้​ประกอบ​ด้วย​ปัญญา​ไหว​พริบ ซึ่ง​บุคคล​ผู้​ที่​ตาย​ไป​ได้​เคย​มี​มา​ครั้ง​หนึ่ง​นั้น ใน​ตอน​นี้​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า​ตาม​เดิม. สิ่ง​ซึ่ง​จำเป็น​ใน​การ​ทำ​ให้​บุคคล​นั้น​มี​ชีวิต​อยู่ กล่าว​คือ​วิญญาณ​หรือ​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ก็​อยู่​ใน​พระ​หัตถ์​ของ​พระเจ้า.—บทเพลง​สรรเสริญ 31:5; ลูกา 23:46.

อาจ​เอา​สถานการณ์​มา​เทียบ​ก็​ได้​กับ​สถานการณ์​ของ​ชาย​ผู้​เป็น​จำเลย​คน​นั้น ผู้​ซึ่ง​บอก​กับ​ผู้​พิพากษา​ว่า ‘ชีวิต​ของ​ผม​อยู่​ใน​กำ​มือ​ของ​ท่าน​แล้ว.’ เขาหมาย​ความ​ว่า​สิ่ง​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​ชีวิต​ของ​เขา​นั้น​อยู่​กับ​ผู้​พิพากษา. ผู้​เป็น​จำเลย​ไม่​มี​ทาง​เลือก​เสีย​เลย​ใน​เรื่อง​นั้น. ชีวิต​อยู่​นอก​ออก​ไป​จาก​กำ​มือ​ของ​ของ​ตน​แล้ว.

ทำนอง​เดียว​กัน​คือ​ใน​กรณี​ของ​คน​ที่​ตาย​แล้ว เขา​ไม่​มี​อำนาจ​ควบคุม​วิญญาณ​หรือ​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ของ​เขา. วิญญาณ​นั้น​ได้​กลับ​ไป​ยัง​พระเจ้า​แล้ว​ตาม​ความ​หมาย​ที่​ว่า​พระองค์​ทรง​ควบคุม​ความ​หวัง​ใน​เรื่อง​ชีวิต​อนาคต​ของ​บุคคล​ผู้​นั้น. สุด​แล้ว​แต่​พระเจ้า​ที่​จะ​ทำ​การ​ตัดสิน​ใน​เรื่อง​ที่​ว่า พระองค์​จะ​คืน​วิญญาณ​หรือ​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ให้​แก่​ผู้​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​นั้น​หรือ​ไม่.

ทั้ง​นี้​จะ​เป็น​การ​ปิด​ประตู​ทำ​ให้​ไม่​มี​ทาง​อื่น​ใด​ที่​พอ​จะ​เป็น​ไป​ได้ ใน​เรื่อง​ชีวิต​ภาย​หลัง​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​กระนั้น​หรือ? ไม่​มี​อะไร​อื่น​อีก​หรือ​ที่​จะ​คำนึง​ถึง​ได้?

จะ​ว่า​อย่าง​ไร​ใน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​หรือ​การ​กลับ​ชาติ?

ประชาชน​หลาย ๆ ล้าน​คน ที่​มี​ความ​เชื่อถือ​ทาง​ศาสนา​ต่าง ๆ หลาย​ชนิด​ที่​เรียก​ว่า​คริสเตียน​หรือ​ที่​ไม่​ใช่​คริสเตียน​ก็​ดี​นั้น เชื่อ​ว่า​มนุษย์​เคย​มี​ชีวิต​มา​แล้ว​ก่อน​ชีวิต​ปัจจุบัน​ของ​ตน​และ​ก็​จะ​ดำรง​ชีพ​อยู่​ต่อ ๆ ไป​ภาย​หลัง​ที่​เขา​ตาย​ไป. แม้​ว่า​แนว​ความ​คิด​ของ​พวก​เขา​จะ​แตกต่าง​กัน​อย่าง​มาก​มาย​ก็​ตาม พวก​เขา​มี​ความ​เชื่อ​ร่วม​กัน​ที่​ว่า​ส่วน​ประกอบ​บาง​ส่วน​ของ​มนุษย์​นั้น มี​การ​เกิด​ใหม่​หรือ​เข้า​สิง​อยู่​ใน​ร่าง​ใหม่​อีก​ร่าง​หนึ่ง.

ใน​การ​เสนอ​แนว​แห่ง​เหตุ​ผล​อย่าง​หนึ่ง​เพื่อ​สนับสนุน​ความ​เชื่อถือ ใน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่ อะ แมนยัวล์ ออฟ บูดดิสม์ แถลง​ดัง​นี้: “บาง​ครั้ง​เรา​ได้​รับ​ประสบการณ์​แปลก ๆ ซึ่ง​ไม่​สามารถ​จะ​นำ​มา​อธิบาย​ได้​เว้น​แต่​โดย​การ​เกิด​ใหม่. บ่อย​ครั้ง​เรา​มัก​จะ​พบ​บุคคล​ผู้​ซึ่ง​เรา​ไม่​เคย​ได้​พบ​เห็น​มา​ก่อน​เลย และ​กระนั้น​ก็​ยัง​คง​รู้สึก​อยู่​ใน​ใจ​ว่า เขา​เป็น​คน​ที่​เรา​เคย​รู้​จัก​มา​แล้ว​มิ​ใช่หรือ? บ่อย​ครั้ง​เรา​ไป​เยี่ยม​สถาน​ที่​ต่าง ๆ และ​กระนั้น​ก็​ยัง​รู้สึก​ประทับใจ​ว่า เรา​ได้​คุ้น​เคย​กับ​สิ่ง​แวด​ล้อม​ต่าง ๆ ของ​สถาน​ที่​เหล่า​นั้น​มา​แล้ว​เป็น​อย่าง​ดี​มิ​ใช่​หรือ?”

ท่าน​เคย​มี​ประสบการณ์​เกี่ยว​กับ​อะไร​ต่อ​อะไร​เช่น​นั้น​ไหม? หลัง​จาก​ที่​พบ​กับ​บุคคล​คน​หนึ่ง ท่าน​เคย​มี​ความ​รู้สึก​ว่า​ท่าน​รู้​จัก​กับ​เขา​มา​แล้ว​เป็น​เวลา​นาน​กระนั้น​ไหม? จะ​ให้​เหตุ​ผล​ประการ​ใด​ใน​เรื่อง ประสบการณ์​เช่น​นั้น?

มี​ความ​คล้ายคลึง​กัน​หลาย​อย่าง​ใน​ตัว​คน​เรา บาง​ที​หลัง​จาก​ที่​ใช้​ความ​คิด​ไตร่ตรอง​ดู​บ้าง​แล้ว ท่าน​เอง​จึง​สำนึก​ขึ้น​มา​ว่า บุคคล​ผู้​นั้น​มี​บุคลิก​ลักษณะ​และ​ลักษณะ​ที่​เด่น​ต่าง ๆ ทาง​ร่าง​กาย​ซึ่ง​คล้ายคลึง​กัน​กับ​ผู้​เป็น​ญาติ หรือ​เพื่อน​คน​ใด​คน​หนึ่ง.

เช่น​เดียว​กัน​ท่าน​อาจ​เคย​อาศัย​อยู่​ใน​จังหวัด​หนึ่ง​โดย​เฉพาะ​หรือ​ไม่​ก็​ได้ เคย​เห็น​ภาพ​ของ​จังหวัด​นั้น​มา​แล้ว. ครั้น​แล้ว​ขณะ​ที่​ไป​เยี่ยม​อีก​จังหวัด​หนึ่ง ท่าน​ก็​อาจ​สังเกต​เห็น​ความ​คล้ายคลึง​กัน​บาง​อย่าง​จน​ถึง​กับ​ทำ​ให้​ท่าน​รู้สึก​ว่า​ท่าน​หา​ได้​อยู่​จริง ๆ ท่ามกลาง​บรรดา​สิ่ง​แวด​ล้อม​ที่​ต่าง​ออก​ไป​และ​ที่​ไม่​คุ้น​เคย​นั้น​ไม่.

เช่น​นั้น​แล้ว​ก็​ไม่​มี​เหตุ​ผล​หรอก​หรือ​ที่​จะ​ลง​ความ​เห็น​ว่า​ความ​รู้สึก​ต่าง ๆ ใน​เรื่อง​ความ​คุ้น​เคย​เกี่ยว​กับ​คน​และ​สถาน​ที่​ที่​ไม่​เคย​รู้สึก​มา​แต่​ก่อน​นั้น หา​ใช่​ผล​แห่ง​ชีวิต​ใน​ครั้ง​อดีต​ไม่ แต่​เป็น​ผล​แห่ง​ประสบการณ์​ต่าง ๆ ใน​ชีวิต ปัจจุบัน​ต่าง​หาก? ตาม​ความ​จริง​นั้น ถ้า​คน​เรา​ทั้ง​หมด​เคย​มี​ชีวิต​มา​แต่​ก่อน​อย่าง​แท้​จริง​แล้ว เขา​ก็​น่า​จะ​ทราบ​กัน​ทุก​คน​ถึง​ข้อ​นี้​มิ​ใช่​หรือ? เช่น​นั้น​แล้ว​ก็​ไฉน​เล่า​หลาย ๆ ล้าน​คน​จึง​ไม่​มี​การ​รู้​สำนึก​หรือ​มี​ความ​คิด​นึก​เลย​แม้​แต่​น้อย​ถึง​การ​ดำเนิน​ชีวิต​มา​ใน​ตอน​แรก ๆ. ยิ่ง​กว่า​นั้น ใคร ๆ ก็​ดี​จะ​สามารถ​หลีก​เลี่ยงความ​ผิด​พลาด​ต่าง ๆ แห่ง​ชีวิต​ใน​ตอน​เยาว์​วัย​นั้น​ได้​อย่าง​ไร หาก​เขา​ไม่​สามารถ​แม้​แต่​จะ​รำลึก​ถึง​ความ​ผิด​พลาด​เหล่า​นั้น​ได้? ชีวิต​แต่​ก่อน ๆ เช่น​นั้น​จะ​เป็น​ประโยชน์​อะไร?

บาง​คน​อาจ​จะ​ให้​คำ​อธิบาย​ว่า ถ้า​คน​เรา​ทราบ​ราย​ละเอียด​เกี่ยว​กับ​ความ​เป็น​อยู่​แต่​ก่อน ๆ ของ​ตน​แล้ว​ชีวิต​ย่อม​จะ​เป็น​ภาระ​หนัก. นั่น​คือ​วิธี​ที่​โมฮานดัส เค. คันธี​แสดง​ความ​คิด​เห็น​โดย​กล่าว​ดัง​นี้: “การ​ที่​เรา​จด​จำ​รำลึก​ถึง​การ​กำเนิด​ใน​ครั้ง​ที่​ล่วง​แล้ว​มา​ไม่​ได้​นั้น​นับ​ว่า​เป็น​ความ​กรุณา​แห่ง​ธรรมชาติ​ที​เดียว. ประโยชน์​จะ​มี​ตรง​ไหน​กัน​ใน​การ​ที่​ทราบ​ราย​ละเอียด​แห่ง​การ​กำเนิด​อัน​นับ​ครั้ง​ไม่​ถ้วน​ที่​เรา​ได้​เคย​ผ่าน ๆ มา​นั้น? ชีวิต​ย่อม​จะ​เป็น​ภาระ​หนัก หาก​เรา​ต้อง​บรรจุ​เอา​ไว้​ซึ่ง​ความ​ทรง​จำ​อย่าง​มาก​มาย​ก่ายกอง​เช่น​นั้น. คน​ที่​ฉลาด​รอบคอบ​ย่อม​จงใจ​ลืม​อะไร​ต่อ​อะไร​ต่าง ๆ เสีย​หลาย​อย่าง ทนาย​ความ​มัก​จะ​ลืม​เสีย​ซึ่ง​คดี​ต่าง ๆ และ​ราย​ละเอียด​ของ​คดี​เหล่า​นั้น​ทันที​ที่​ปฏิบัติการ​เสร็จ​สิ้น​ลง​แล้ว.” นั่น​เป็น​คำ​อธิบาย​ที่​น่า​สนใจ​ก็​จริง แต่​ว่า​คำ​อธิบาย​นั้น​อาศัย​รากฐาน​ที่​หนักแน่น​มั่นคง​เป็น​หลัก​หรือ​เปล่า?

ส่วน​ความ​สามารถ​ใน​การ​รำลึก​ถึง​หลาย​สิ่ง​หลาย​อย่าง​ที่​เรา​ได้​มี​ประสบการณ์​มา​แล้ว​นั้น​อาจ​จะ​จำกัด​ก็​ได้ แน่นอน​สมอง​ของ​เรา​มิ​ใช่​จะ​ว่าง​เปล่า​ไป​เสีย​ทั้ง​หมด​ใน​เรื่อง​ประสบการณ์​เหล่า​นั้น. ทนาย​ความ​อาจ​จะ​ลืม​ราย​ละเอียด​เกี่ยว​กับ​บาง​คดี​ไป​เสีย​ก็​ได้ แต่​ว่า​ประสบการณ์​ที่​เขา​ได้​รับ​ใน​การ​จัด​การ​กับ​คดี​เหล่า​นั้น​ก็​นับ​ว่า​เป็น​ทุน​สำรอง​ของ​เขา​ใน​เรื่อง​ความ​รู้. หาก​เขา​ลืม​ไป​เสีย​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​จริง ๆ ละ​ก็ เขา​คง​จะ​ต้อง​อยู่​ใน​ฐานะ​ที่​เสีย​เปรียบ​ที​เดียว. นอก​จาก​นี้​แล้ว อย่าง​ไหน​ที่​ทำ​ให้​คน​เรา​ได้​รับ​ความ​เดือดร้อน​มาก​กว่า—ความ​ทรง​จำ​ไม่​ดี​หรือ​ความ​ทรง​จำ​ดี? คน​สูง​อายุ​ผู้​ที่​มี​ความ​จด​จำสามารถ​รำลึก​ถึง​ความ​รู้​และ​ประสบการณ์​อัน​เป็น​ทุน​สำรอง​ของ​ตน​ได้​ดี ย่อม​อยู่​ใน​ฐานะ​ที่​ดี​กว่า​คน​สูง​อายุ​ผู้​ซึ่ง​ลืม​อะไร ๆ ไป​เสีย​เกือบ​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​นั้น​มิ​ใช่​หรือ?

แท้​จริง​แล้ว จะ​เป็น “ความ​กรุณา” อย่าง​ไร​กัน​ใน​การ​ที่​จะ​ต้อง​มา​เรียน​ให้​รู้​จัก​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​คน​เรา​ได้​เรียน​รู้​จัก​มา​แล้ว​ใน​ระหว่าง​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​แต่​ก่อน ๆ นั้น​อีก? ท่าน​จะ​ถือ​ว่า​นั่น​เป็น “ความ​กรุณา​แห่ง​ธรรมชาติ” หรือ​ถ้า​แม้น​ทุก ๆ สิบ​ปี​แห่ง​ชีวิต​ของ​ท่าน​นั้น ท่าน​ลืม​เกือบ​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง ที่​ท่าน​ได้​เรียน​รู้​มา​นั้น​และ​ต้อง​มา​ได้​เริ่ม​ต้น​เรียน​ภาษา​อีก และ​ครั้น​แล้ว​จึง​เริ่ม​ก่อ​ร่าง​สร้าง​ความ​รู้​และ​ประสบการณ์​ขึ้น​ไว้​เป็น​ทุน​สำรอง​อัน​เพียง​แต่​จะ​ต้อง​ถูก​ขจัด​ล้าง​ไป​เสีย​อีก​เช่น​นั้น? เช่น​นี้​แล้ว​จะ​มิ​เป็น​การ​ทำ​ให้​รู้สึก​สิ้น​ท่า​หมด​หวัง​หรอก​หรือ? ทั้ง​นี้​จะ​มิ​เป็น​การ​ลงเอย​ด้วย​ความ​ปราชัย​อย่าง​สุด​ประมาณ​ที​เดียว​ละ​หรือ? ดัง​นั้น​แล้ว ทำไม​จึง​คิด​ว่า​สิ่ง​นั้น​เกิด​ขึ้น​ทุก ๆ เจ็ด​สิบ​หรือ​แปด​สิบ​ปี? ท่าน​จินตนาการ​ได้​หรือ​ว่า​พระเจ้า​องค์​ประกอบ​ด้วย​ความ​รักใคร่​จะ​เอา​การ​เกิด​ใหม่​เช่น​นั้น​เข้า​มา​เป็น​ส่วน​ประกอบ​แห่ง​วัตถุ​ประสงค์​ของ​พระองค์​สำหรับ​มนุษย์?

หลาย​คน​ผู้​ซึ่ง​รับรอง​เอา​หลัก​คำ​สอน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​นั้น เชื่อ​ว่า​พวก​เหล่า​นั้น​ที่​ดำเนิน​ชีวิต​ไม่​ดี​ก็​จะ​มา​เกิด​ใหม่​ใน​วรรณะ​ที่​ต่ำ​กว่า หรือ​มิ​ฉะนั้น​ก็​เป็น​แมลง​ต่าง ๆ นก​หรือ​สัตว์​เดรัจฉาน​ต่าง ๆ. กระนั้น​แล้ว​ก็​เหตุ​ไฉน​จึง​ได้​มี​จำนวน​มนุษย์​เพิ่ม​ขึ้น​อย่าง​มาก​มาย​ใน​ยาม​เมื่อ​อาชญากรรม​และ​ความ​รุนแรง​เพิ่ม​พูน​ขึ้น​ด้วย​อัตรา​ที่​ไม่​มี​แบบ​อย่าง​มา​ก่อน​เช่น​นั้น​เล่า? นอก​จาก​นั้น​ทำไม​คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​ใน​วรรณะ​ต่ำ​ที่​สุด​ก็​ยัง​สามารถ​ทำ​ได้​ดี​มาก​เสีย​ด้วย​ซ้ำ​ใน​เมื่อ​มี​การ​ให้​โอกาส​ใน​การ​ศึกษา? ยก​ตัว​อย่าง​เช่น หนังสือ​พิมพ์ ​นิว​ยอร์ค ไทมส์​ลง​วัน​ที่ 26 ตุลาคม 1973 รายงาน​ว่า​เด็ก​หญิง​อายุ​สิบ​หก​ปี จาก​วรรณะ​ต่ำคน​หนึ่ง​เป็น​เด็ก​ที่​ฉลาด​ที่​สุด​ใน​โรง​เรียน​ที่​แค​ลลิ​ปา​ฌิม ประเทศ​อินเดีย. เธอ​ปราดเปรื่อง​ยิ่ง​เสีย​กว่า​เด็ก​หญิง​คน​หนึ่ง จาก​วรรณะ​สูง​ที่​สุด​คือ​พราหมณ์​นั้น​ที​เดียว. จะ​ให้​คำ​อธิบาย​เกี่ยว​กับ​ข้อ​นี้​ได้​อย่าง​ไร? ไม่​เป็น​ความ​จริง​หรอก​หรือ​ว่า​หลัก​คำ​สอน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​หรือ​การ​กลับ​ชาติ​นั้น​ไม่​สามารถ​จัด​ให้​มี​คำ​อธิบาย​อัน​จะ​ทำ​ให้​เป็น​ที่​พอ​ใจ​ใน​เรื่อง​สิ่ง​ต่าง ๆ เช่น​นั้น​ได้.

โปรด​คิด​นึก​ดู​ด้วย​เช่น​กัน​ถึง​ผล​ซึ่ง​คำ​สั่ง​สอน​เช่น​นั้น​ได้​ก่อ​ให้​เกิด​ขึ้น. คำ​สั่ง​สอน​นั้น​ได้​ตัด​สิทธิ์​กีด​กัน​มนุษย์​เป็น​จำนวน​มาก​ไว้​เสีย​จาก​ฐานะ​อัน​ทำ​ให้​มี​เกียรติ​นั้น​เสีย​ที​เดียว โดย​ขับ​เคี่ยว​กวดขัน​เขา​ให้​ต้อง​เข้า​รับ​ทำ​งาน​อย่าง​ทาส​ภาย​ใต้​สภาพ​การ​งาน​แบบ​ที่​ต่ำต้อย​พร้อม​ด้วย​มี​ทาง​พอ​จะ​เป็น​ไป​ได้​เพียง​เล็ก​น้อย ใน​อัน​ที่​จะ​ส่ง​เสริม​ชะตากรรม​ใน​ชีวิต​ของ​ตน​ให้​ดี​ขึ้น​ได้ โดย​การ​ศึกษา​เช่น​นั้น​มิ​ใช่​หรอก​หรือ?

พระ​คัมภีร์​สอน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​ไหม?

แน่​ที​เดียว บาง​คน​อาจ​จะ​ชี้​ให้​ดู​ว่า​การ​ลง​ความ​เห็น​โดย​พิจารณา​ตาม​เหตุ​ผล​ต่าง ๆ นั้น ไม่​จำเป็น​จะ​ต้อง​หมาย​ความ​ว่า​การ​เกิด​ใหม่​ไม่​มี​ทาง​ที่​จะ​เป็น​ไป​ได้. คำ​ตอบ​ของ​เขา​สำหรับ​เหตุ​ผล​สนับสนุน​ที่​กล่าว​มา​แล้ว​ข้าง​ต้น อาจ​เป็น​ดัง​นี้: ‘แม้​แต่​พระ​คัมภีร์​ก็​ยัง​สอน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​เสีย​ด้วย​ซ้ำ. นี้​เป็น​เพียง​เรื่อง​หนึ่ง​ใน​หลาย ๆ เรื่อง​ที่​มนุษย์​ไม่​สามารถ​อธิบาย​ได้​อย่าง​เต็ม​ที่’

โดย​เหตุ​ที่​พวก​ซึ่ง​เชื่อถือ​ใน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​ได้​นำ​เอา​พระ​คัมภีร์​เข้า​มา​สู่​การ​สนทนา เรา​จึง​ปรารถนา​ที่​จะ​พิจารณา​สิ่ง​ที่​พระ​คัมภีร์​กล่าว​ถึง​นั้น. มี​พยาน​หลักฐาน​อะไร​ใน​พระ​คัมภีร์​สำหรับ​ความ​เชื่อถือ​ใน​เรื่อง การ​เกิด​ใหม่? หนังสือ ว็อท อิส บูดดิสม์? ให้​คำ​ตอบ​ดัง​นี้: “สำหรับ​ผู้​อ่าน​ที่​เป็น​คริสเตียน เรา​ใคร่​จะ​ชี้​ให้​ดู​ว่า [หลัก​คำ​สอน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่] มี​ปรากฏ​ชัดเจน​ใน​คำ​สอน​ของ​พระ​คริสต์​เท่า​ที่​ยัง​มี​อยู่​นั้น​เป็น​ชิ้น​เป็น​ส่วน​ไม่​ครบ​ถ้วน. อาทิ​เช่น ขอ​ให้​คำนึง​ถึง​ข่าว​เล่า​ลือ​ที่​แพร่​หลาย​ไป​อย่าง​กว้างขวาง​ว่า พระองค์​เป็น​โยฮัน​บัพติสโต เป็น​ยิระมะยา หรือ​เอลียา​ที่​กลับ​มา​อีก (มัดธาย 16:13-16). แม้​แต่​เฮโรด​ก็​ดู​เหมือน​คิด​ว่า​พระองค์​คือ ‘โยฮัน​บัพติสโต​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย.’”

จะ​ว่า​อย่าง​ไร​กับ​ข้อ​อ้าง​เหตุ​ผล​สนับสนุน​เช่น​นั้น? พระ​เยซู​คริสต์​เอง​อ้าง​สิทธิ​ว่า​เป็น​โยฮัน​บัพติสโต เป็น​ยิระมะยา หรือ​เอลียา กระนั้น​ไหม? เปล่า​เลย คำ​อ้าง​เหล่า​นี้​เป็น​คำ​อ้าง​ที่​ถูก​ปรุง​แต่ง​ขึ้น​โดย​บรรดา​ชน ผู้​ซึ่ง​ไม่​ยอม​รับรอง​เอา​พระ​เยซู​ใน​ฐานะ​ที่​พระองค์​เป็น​อยู่​อย่าง​แท้​จริง กล่าว​คือ พระ​มาซีฮา​หรือ​พระ​คริสต์​ตาม​ที่​ทรง​สัญญา​เอา​ไว้​นั้น. พระ​เยซู​จะ​เป็น​โยฮัน​บัพติสโต​ไม่​ได้ เพราะ​เมื่อ​มี​อายุ​ราว ๆ สาม​สิบ​ปี พระ​เยซู​ผู้​มี​อายุ​อ่อน​กว่า​ได้​รับ​บัพติสมา​โดย​โยฮัน​ผู้​ซึ่ง​แก่​กว่า. (มัดธาย 3:13-17; ลูกา 3:21-23) กษัตริย์​เฮโรด​ได้​มา​ลง​ความ​เห็น​อย่าง​ไม่​ใช้​วิจารณญาณ​ที่​ว่า​พระ​เยซู​คือ​โยฮัน​ซึ่ง​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​นั้น ก็​เนื่อง​จาก​ความ​รู้สึก​ของ​เขา​เกี่ยว​กับ​ความ​ผิด​อัน​ร้ายแรง​ใน​การ​ประหาร​ชีวิต​โยฮัน​นั้น​ต่าง​หาก.

แต่​ว่า​ไม่​มี​คำ​แถลง​โดย​ตรง​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​หรอก​หรือ​ซึ่ง​บาง​คน​ถือ​ว่า​สนับสนุน​ความ​เชื่อ​ใน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​หรือ​การ​กลับ​ชาติ​นั้น? ใช่​แล้ว​มี​อยู่​ตอน​หนึ่ง​จริง. ณ โอกาส​หนึ่ง​พระ​เยซู​คริสต์​ได้​เอา​โยฮัน​บัพติสโต มา​เกี่ยว​โยง​กับ​เอลียา​ผู้​พยากรณ์​ชาติ​ฮีบรู​สมัย​ก่อน​โน้น โดย​บอก​ดัง​นี้: “เอลียา​ก็​มา​แล้ว​และ​เขา​หา​รู้​จัก​ท่าน​ไม่ แต่​ได้​กระทำ​แก่​ท่าน​ตาม​ความ​ปรารถนา​ของ​ตน . . . ดัง​นั้น​พวก​สาวก​จึง​เข้าใจ​ว่า​พระองค์​ตรัส​แก่​เขา​เล็ง​ถึง​โยฮัน​ผู้​ให้​รับ​บัพติสมา.” (มัดธาย 17:12, 13) ใน​การ​ที่​แจ้ง​ว่า “เอลียา​ได้​มา​แล้ว” เช่น​นั้น​พระ​เยซู​ทรง​หมาย​ความ​หรือ​ว่า​โยฮัน​บัพติสโต​เป็น​เอลียา ซึ่ง​มา​เกิด​ใหม่​นั้น?

การ​ตอบ​ปัญหา​ข้อ​นี้​จำ​ต้อง​ได้​มี​การ​ตัดสิน​ด้วย​ยึด​เอา​สิ่ง​ที่​พระ​คัมภีร์​บอก​ไว้​รวม​ด้วย​กัน​ทั้ง​หมด​นั้น​มา​เป็น​หลัก. พวก​ยิว​หลาย​คน​ใน​สมัย​แห่ง​การ​เป็น​มนตรี​ของ​พระ​เยซู​ทาง​พื้น​โลก​นี้​คิด​ว่า เอลียา​จะ​กลับ​มา​ตาม​ตัว​อักษร. และ​คำ​พยากรณ์​ของ​มาลาคี​ชี้​ล่วง​หน้า​ไป​ถึง​สมัย​เมื่อ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​จะ​ส่ง​เอลียา​ผู้​พยากรณ์​มา. (มาลาคี 4:5) อย่าง​ไร​ก็​ดี​โยฮัน​บัพติสโต​หา​ได้​มอง​ดู​ตน​เอง​ใน​ฐานะ​เป็น​เอลียา​หรือ​เป็น​ผู้​พยากรณ์​ชาว​ฮีบรู​คน​นั้น​ซึ่ง​กลับ​ชาติ​มา​ไม่. คราว​หนึ่ง​พวก​ยิว​บาง​คน​ถาม​ท่าน​ว่า “ท่าน​เป็น​เอลียา​หรือ?” โยฮัน​ตอบ​ว่า “มิ​ใช่.” (โยฮัน 1:21) อย่าง​ไร​ก็​ดี ได้​มี​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า​ว่า โยฮัน​จะ​จัด​เตรียม​หน​ทาง​ไว้​ข้าง​หน้า​พระ​มาซีฮา “โดย​น้ำใจ และ​ฤทธิ์​เดช​ของ​เอลียา.” (ลูกา 1:17) ฉะนั้น​เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​เอา​โยฮัน​บัพติสโต​มา​เกี่ยว​โยง​กับ​เอลียา​นั้น พระองค์​เพียง​แต่​เผย​ให้​เห็น​ถึง​การ​ที่​คำ​พยากรณ์​มา​สำเร็จ​เป็น​ขึ้น​สม​จริง​ด้วย​โยฮัน ผู้​ซึ่ง​กระทำ​การ​งาน​เช่น​เดียว​กัน​กับ​เอลียา​ใน​สมัย​ก่อน​โน้น​เท่า​นั้น​เอง.

ข้อ​คัมภีร์​อีก​ข้อ​หนึ่ง​ที่​พวก​ซึ่ง​เชื่อถือ​ใน​เรื่อง​การ​กลับ​ชาติ​นั้น​อ้าง​ถึง ก็​คือ​โรม 9:11-13 ที่​ว่า “เมื่อ [เอซาว​และ​ยาโคบ] ยัง​ไม่​ได้​บังเกิด และ​ยัง​ไม่​ได้​กระทำ​ดี​หรือ​ชั่ว เพื่อ​ว่า​พระ​ดำริ​ของ​พระเจ้า​ใน​การ​ทรง​เลือก​นั้น​จะ​ตั้ง​มั่นคง​อยู่ ไม่​ใช่​ตาม​การ​ประพฤติ แต่​ตาม​ซึ่ง​พระองค์​ผู้​ทรง​เรียก​นั้น​จึง​ได้​มี​คำ​ตรัส​แก่ (ริบะคา) ว่า: ‘พี่​จะ​เป็น​ทาส​ของ​น้อง.’ ดัง​ที่​มี​คำ​จารึก​ไว้ [ใน​มาลาคี 1:2, 3] ว่า: ว่า ‘ยาโคบ​นั้น​เรา​ได้​รัก แต่​เอซาว​เรา​ได้​ชัง.’” ข้อ​ความ​ตอน​นี้​เผย​ให้​เห็น​ว่า​การ​ทรง​เลือก​ของ​พระเจ้า​นั้น​ขึ้น​อยู่​กับ​สิ่ง​ที่ยาโคบ​และ​เอซาว​ได้​กระทำ​ใน​ระหว่าง​ชีวิต​ที่​เขา​เคย​มี​มา​ก่อน​ที่​มา​เอา​กำเนิด​กับ​นาง​ริบะคา​นั้น​นั้น​มิ​ใช่​หรอก​หรือ?

ไฉน​จึง​ไม่​อ่าน​ดู​อีก? โปรด​สังเกต​ดู​ว่า​ข้อ​ความ​นั้น​บอก​อย่าง​แน่นอน​ว่า พระเจ้า​ทรง​ทำ​การ​คัดเลือก​เอา​ก่อน​ที่​คน​ใด​คน​หนึ่ง​กระทำ​ดี​หรือ​ชั่ว. ดัง​นั้น การ​เลือก​สรร​ของ​พระเจ้า​จึง​หา​ได้​อาศัย​บันทึก​เกี่ยว​กับ​การ​งาน​ที่​ล่วง​แล้ว​มา​ใน​ชีวิต​ตอน​ก่อน ๆ ไม่.

ดัง​นั้น​แล้ว พระเจ้า​ทรง​ทำ​การ​เลือก​สรร​ก่อน​การ​กำเนิด​ของ​เด็ก​ชาย​ทั้ง​สอง​นั้น​โดย​ยึด​ถือ​เอา​อะไร​เป็น​เกณฑ์? พระ​คัมภีร์​เผย​ให้​เห็น​ว่า​พระเจ้า​สามารถ​มอง​เห็น​ทารก​ที่​กำลัง​ก่อ​ตัว​อยู่​ใน​ครรภ์​ได้ เพราะ​ฉะนั้น​พระองค์​จึง​ทรง​ทราบ​ลักษณะ​ของ​ยีน​หรือ​หน่วย​ถ่าย​พันธุ์​ของ​มนุษย์​ก่อน​การ​กำเนิด. (บทเพลง​สรรเสริญ 139:16) โดย​ทรง​ใช้​พระ​ปรีชา​ญาณ​ของ​พระองค์ พระเจ้า​จึง​หยั่ง​รู้​เล็ง​เห็น​ได้​ว่า​เด็ก​สอง​คน​นี้​จะ​เป็น​อย่าง​ไร​ใน​เรื่อง​อารมณ์ และ​บุคลิก​ลักษณะ และ​ด้วย​เหตุ​นี้​พระองค์​จึง​สามารถ​ทำ​การ​เลือก​สรร​เอา​ผู้​ซึ่ง​จะ​ใช้​การ​ได้​เหมาะ​สม​กว่า​ใน​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​พระ​พร​ที่​ดี​กว่า. ประวัติ​ซึ่ง​เด็ก​สอง​คน​นั้น​ทำ​เอา​ไว้​ใน​ชีวิต ย่อม​ยืน​ยัน​พระ​สติ​ปัญญา​ใน​เรื่อง การ​เลือก​สรร​ของ​พระเจ้า. ขณะ​เดียว​กัน​กับ​ที่​ยาโคบ​แสดง​ความ​สนใจ​ใน​สิ่ง​ฝ่าย​วิญญาณ​และ​ความ​เชื่อ​ศรัทธา​ใน​คำ​ทรง​สัญญา​ของ​พระเจ้า​นั้น เอซาว​แสดง​ให้​เห็น​ถึง​การ​มี​ใจ​โอนเอียง​ไป​ใน​สิ่ง​ซึ่ง​เป็น​ตัว​ตน​มอง​เห็น​ได้​ด้วย​ตา และ​การ​ไม่​มี​ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​แห่ง​สิ่ง​ศักดิ์สิทธิ์​ต่าง ๆ.—เฮ็บราย 11:21; 12:16, 17.

ส่วน​คำ​พูด​ของ​อัครสาวก​เปาโล ซึ่ง​ยก​ขึ้น​มา​กล่าว​จาก​พระ​ธรรม​มาลาคี​เกี่ยว​ด้วย​การ​ที่ ‘พระเจ้า​ทรง​รัก​ยาโคบ’ และ ‘ทรง​เกลียด​ชัง​เอซาว’ นั้น ข้อ​นี้​ก็​เหมือน​กัน​คือ เกี่ยว​พัน​ไป​ถึง​การ​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​มอง​ดู​บุคคล​ทั้ง​สองโดย​มี​การ​ถือ​เอา​ลักษณะ​ของ​ยีน​หรือ​หน่วย​ถ่าย​พันธุ์​ของ​เขา​นั้น​เป็น​หลัก. ถึง​แม้​ว่า มาลาคี​ได้​บันทึก​เรื่อง​ราว​นี้​ไว้​หลาย​ร้อย​ปี ภาย​หลัง​ชีวิต​ของ​เด็ก​ทั้ง​สอง​นั้น​ก็​ตาม คำ​แถลง​นั้น​ก็​รับรอง​เรื่อง​ที่​พระเจ้า​ทรง​บ่ง​ชี้​เอา​ไว้​เกี่ยว​ด้วย​เขา​ทั้ง​สอง​ก่อน​การ​กำเนิด​ของ​เขา​ที​เดียว.

ปัญหา​ที่​พวก​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ยก​ขึ้น​ถาม​นั้น ก็​ยัง​เป็น​อีก​ตัว​อย่าง​หนึ่ง​ซึ่ง​บาง​คน​นำ​ขึ้น​มา​กล่าว​เพื่อ​สนับสนุน​เรื่อง​การ​กลับ​ชาติ. ใน​เรื่อง​ชาย​คน​หนึ่ง​ตา​บอด​มา​ตั้ง​แต่​กำเนิด พวก​สาวก​ถาม​ดัง​นี้: “ใคร​ได้​ทำ​ผิด คน​นี้​หรือ​ว่า​บิดา​มารดา​ของ​เขา ดัง​นั้น​เขา​จึง​เกิด​มา​ตา​บอด?” (โยฮัน 9:2) ถ้อย​คำ​เหล่า​นี้​เผย​ให้​เห็น​ว่า​ชาย​คน​นั้น​คง​ต้อง​ได้​มี​ชีวิต​มา​แต่​ก่อน​มิ​ใช่​หรือ?

หา​ไม่​เลย! พระ​เยซู​มิ​ได้​ดำเนิน​ความ​ไป​กับ​ข้อ​ชวน​คิด​ใด ๆ ที่​ว่า​เด็ก​ซึ่ง​เติบโต​ขึ้น​ใน​ครรภ์​มารดา​นั้น​ได้​กระทำ​ผิด​ก่อน​ที่​เกิด​มา. พระ​เยซู​ตรัส​ดัง​นี้: “มิ​ใช่​คน​นี้​ได้​ทำ​ผิด มิ​ใช่​บิดา​มารดา​ของ​เขา แต่​การณ์​นี้​ได้​เกิด​ขึ้น​เพื่อ​ที่​การ​งาน​ของ​พระเจ้า​จะ​ได้​ปรากฏ​ใน​กรณี​ของ​เขา.” (โยฮัน 9:3) กล่าว​คือ​ความ​ไม่​สมบูรณ์ และ​ข้อ​บกพร่อง​เสียหาย​ต่าง ๆ ของ​มนุษย์ ดัง​เช่น​อาการ​ตา​บอด​ของ​ชาย​ผู้​นี้​ได้​เปิด​โอกาส​ให้​การ​งาน​ของ​พระเจ้า​ปรากฏ​ด้วย​วิธี​การ​บำบัด​รักษา​อัน​น่า​อัศจรรย์. หาก​ไม่​มี​ผู้​ใด​เลย​เกิด​มา​ตา​บอด มนุษย์​ก็​คง​จะ​มิ​ได้​เรียน​รู้​ว่า​พระเจ้า​สามารถ​ทำ​ให้​คน​ที่​ตา​บอด​มา​แต่​กำเนิด​มอง​เห็น​ได้. ใน​การ​ทรง​ยอม​ให้​มนุษย์​ชาติ​ที่​ผิด​บาป​มี​ชีวิต​อยู่​เช่น​นี้ พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ทรง​ใช้​ความ​ไม่​สมบูรณ์ และ​ข้อ​บกพร่อง​เสียหาย​ของ​เขา​เพื่อ​แสดง​ให้​เห็น​สิ่ง​ซึ่ง​พระองค์​สามารถ​กระทำ​เพื่อ​เขา​ได้.

ดัง​นั้น ขณะ​ที่​อาจ​จะ​มี​ข้อ​คัมภีร์​ซึ่ง​ทำ​ให้​บาง​คน​คิด​ว่า​สนับสนุน​แนว​ความ​เห็น​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​นั้น การ​พิจารณา​ตรวจ​สอบ​ดู​อย่าง​ละเอียด​ยิ่ง​ขึ้น​ย่อมจะ​แสดง​ให้​เห็น​ตรง​กัน​ข้าม. อัน​ที่​จริง เรา​ไม่​พบ​ตอน​ไหน​เลย​ใน​พระ​คัมภีร์​ที่​กล่าว​ถึง​การ​เกิด​ใหม่​หรือ​การ​ที่​จิตวิญญาณ วิญญาณ​หรือ​อะไร​อื่น​อีก​ที่​ยัง​คง​มี​อยู่​ต่อ​ไป​หลัง​จาก​ที่​ร่าง​กาย​ตาย​ไป​นั้น แล้ว​ผ่าน​จาก​ร่าง​เดิม​ไป​สู่​ที่​อื่น. บาง​คน​ก็​ได้​พยายาม​ทำ​เสมือน​หนึ่ง​ว่า​พระ​คัมภีร์​บริสุทธิ์​สนับสนุน​ซึ่ง​ความ​คิด​เห็น​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่​หรือ​การ​กลับ​ชาติ. นั่น​หา​ใช่​หลัก​คำ​สอน​ของ​พระ​คัมภีร์​ไบเบิล​ไม่.

พระ​คัมภีร์​แสดง​ให้​เห็น​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​การ​มี​ชีวิต​อยู่​พร้อม​ด้วย​ความ​รู้สึก​หา​ได้​ดำเนิน​อยู่​ต่อ​ไป​โดย​จิตวิญญาณ​หรือ​วิญญาณ​ที่​ออก​จาก​ร่าง​กาย​ขณะ​ที่​ตาย​ไป​นั้น​ไม่. เมื่อ​ทรง​พิพากษา​วาง​โทษ​มนุษย์​คน​แรก​ให้​ถึง​แก่​ความ​ตาย​เพราะ​การ​ไม่​เชื่อ​ฟัง​นั้น พระเจ้า​หา​ได้​กำหนด​ความ​หวัง​ขึ้น​ไว้​ต่อ​หน้า​เขา​ใน​เรื่อง​การ​เกิด​ใหม่ หรือ​การ​กลับ​ชาติ​ไม่. พระองค์​ตรัส​แก่​อาดาม​ดัง​นี้: “เจ้า​จะ​หา​กิน​ด้วย​เหงื่อ​อาบ​หน้า​จน​กระทั่ง​เจ้า​กลับ​เป็น​ดิน​ไป เพราะ​เรา​สร้าง​เจ้า​มา​จาก​ดิน. ด้วย​ว่า​เจ้า​เป็น​แต่​ผงคลี​ดิน​และ​ก็​จะ​ต้อง​กลับ​เป็น​ผงคลี​ดิน​อีก.” (เยเนซิศ 3:19) จริง​ที​เดียว มนุษย์​ต้อง​กลับ​คืน​สู่​ผงคลี​ดิน อัน​ปราศจาก​ชีวิต​นั้น​อีก.

ดัง​นั้น​แล้ว เรา​จำ​ต้อง​ได้​เข้าใจ​ว่า​ชีวิต​มี​แค่​นี้​จริง ๆ หรือ? หรือ​ว่า​มี​การ​จัด​เตรียม​ขึ้น​ไว้​สำหรับ​ชีวิต​อนาคต​อัน​ยัง​จะ​หา​ได้​อยู่​อีก ด้วย​วิธี​อื่น​บ้าง​ไหม? การ​จัด​เตรียม​เช่น​นี้​ทำ​ให้​มี​ความ​จำเป็น​ใน​การ​ที่​คน​เป็น​จะ​ต้อง​ได้​ช่วยเหลือ​คน​ตาย​กระนั้น​ไหม หรือ​ว่า​คน​ตาย​อยู่​นอก​เหนือ​ความ​ช่วยเหลือ​ใด ๆ ทั้ง​สิ้น​จาก​คน​เป็น?

[รูป​ภาพ​หน้า 67]

วิญญาณ​คล้าย ๆ กับ​ไฟฟ้า ซึ่ง​กระตุ้น​หลาย​สิ่ง​หลาย​อย่าง แต่​กระนั้น​ก็​ไม่​ได้​รับ​เอา​คุณลักษณะ​ของ​สิ่ง​เหล่า​นั้น

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์