บท 17
ท่านจะมีชีวิตยิ่งเสียกว่าชีวิตปัจจุบันนี้ได้อย่างไร?
โดยอาศัยความรู้ทั้งหมดซึ่งระบุมาแล้วนั้น ทำให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งจริง ๆ ว่ายังมีอยู่อีกมากมายสำหรับชีวิตยิ่งเสียกว่าที่เราประสบอยู่ในเวลานี้. ขอให้เพียงแต่นึกดูเกี่ยวกับข้อนี้ก็แล้วกัน พระยะโฮวาได้ทรงกำหนดความหวังอย่างดีเยี่ยมเกี่ยวกับชีวิตทางพื้นแผ่นดินโลกนี้ภายใต้สภาพอันชอบธรรมพร้อมด้วยอิสรภาพพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บและความตายไว้เฉพาะหน้ามวลมนุษยชาติ! ท่านสามารถที่จะได้รับความพอใจเพลิดเพลินจากชีวิตเช่นนี้ได้ไม่เพียงแต่จะเป็นระยะเวลาร้อยปีหรือพันปีเท่านั้น หากแต่ตลอดไปทีเดียว. และสมัยเมื่อสภาพเช่นนี้จะมีความเป็นอยู่อันแท้จริงนั้น ก็ใกล้จะถึงอยู่แล้วจริง ๆ.
ท่านจะเป็นคนหนึ่งในจำพวกชนเหล่านั้นที่จะได้รับประโยชน์จากสภาพความเป็นจริงเป็นจังขึ้นเกี่ยวกับพระดำริอันรุ่งโรจน์ของพระเจ้าในเรื่องมนุษย์และบ้านของเขาคือแผ่นดินโลกนี้ไหม? ท่านสามารถเป็นได้อย่างแน่นอน. หากแต่ท่านจำเป็นต้องลงมือกระทำโดยไม่รีรอชักช้า. บัดนี้เรากำลังอยู่ในสมัยเมื่อคำเตือนสติที่มีอยู่ในพระคัมภีร์แสดงให้เห็นถึงความรีบด่วนที่สำคัญดังนี้: “ก่อนที่พระพิโรธอันแรงกล้าจะมาถึงท่าน ประชาชนทั้งหลาย ก่อนที่วันแห่งความกริ้วของพระยะโฮวาจะมาถึงท่านทั้งหลาย บรรดาท่านทั้งหลายที่เป็นคนสุภาพอ่อนน้อมในแผ่นดินโลก ผู้ที่ปฏิบัติตามคำตัดสินอันเป็นไปตามกฎหมายของพระองค์เอง จงแสวงหาพระยะโฮวา จงแสวงหาความชอบธรรม จงแสวงหาความอ่อนน้อมถ่อมจิต. ชะรอยท่านจะได้รับการกำบังไว้ในวันแห่งความกริ้วของพระยะโฮวา.”—ซะฟันยา 2:2, 3.
“พระพิโรธอันแรงกล้าของพระยะโฮวา” นั้นทรงมีต่อบรรดาผู้ที่ชักนำเพื่อนมนุษย์ของตนไปผิดทางโดยพูดความไม่จริงเกี่ยวกับพระเจ้าและความมุ่งหมายของพระองค์. และชนเหล่านั้นผู้ซึ่งส่งเสริมบุคคลต่าง ๆ เช่นนั้นโดยให้เข้าร่วมพิธีการทางศาสนาของเขา หรือโดยเป็นสมาชิกแห่งองค์การของเขานั้นพระองค์จะถือว่าไม่มีความผิดก็หามิได้. เวลามีเหลืออยู่นิดเดียวก่อนการบริหารพิพากษาของพระผู้เป็นเจ้า. ถ้าท่านเป็นผู้รักซึ่งความชอบธรรม ท่านก็จำเป็นต้องลงมือกระทำโดยเร็วในการเชื่อฟังปฏิบัติตามพระบัญชาซึ่งมีหลักมาจากพระคัมภีร์ ที่ให้ทำลายเครื่องผูกมัดทั้งหมดเกี่ยวกับจักรภพโลกแห่งศาสนาเทียมเท็จ. จงยึดเอาคำแนะนำที่มีในพระวจนะของพระเจ้านั้นอย่างเอาจริงเอาจังที่ว่า “ประชาชนของเราเอ๋ย จงออกมาจากเมืองนั้นเถิด ถ้าแม้นท่านไม่ปรารถนาจะมีส่วนกับการบาปของเมืองนั้น และถ้าแม้นท่านไม่ปรารถนาที่จะได้รับส่วนเกี่ยวกับภัยพิบัติแห่งเมืองนั้น.”—วิวรณ์ 18:4.
แต่ว่าการที่จะตัดสายสัมพันธ์ของเรากับองค์การต่าง ๆ ที่ยอมทนและสนับสนุนความไม่ยุติธรรมเท่านั้นหาเพียงพอไม่. พระคัมภีร์ให้ข้อสังเกตแก่เราว่า “พระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธของพระองค์จากสวรรค์ต่อบรรดาความหมิ่นประมาทพระองค์และการอธรรมทั้งปวง” จริงทีเดียว คือต่อกิจปฏิบัติต่าง ๆ และต่อคนเหล่านั้นผู้ที่ปล่อยตามใจตัวด้วยการดำเนินกิจปฏิบัติเหล่านั้นอยู่ต่อ ๆ ไป. (โรม 1:18) พระคัมภีร์มิได้ปล่อยเราไว้ให้สงสัยว่ากิจปฏิบัติเหล่านั้นคืออะไรบ้าง. พระคัมภีร์ระบุกิจปฏิบัติเหล่านั้นไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว และแนะนำให้ชนทั้งปวงผู้ที่จะคงได้รับความพึงพอพระทัยจากพระยะโฮวาให้ชำระล้างสิ่งต่าง ๆ เช่นนั้นออกเสียจากชีวิตของตน. ความรักที่มีต่อพระยะโฮวาและความกตัญญูต่อคุณงามความดีของพระองค์ย่อมจะสามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นมีทางเป็นไปได้.—เอเฟโซ 4:25–5:6; โกโลซาย 3:5, 6.
เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะพยายามหาข้อแก้ตัวโดยสันนิษฐานว่าคุณความดีที่ตนได้กระทำแต่ละวัน ๆ ไปนั้น มีค่ายิ่งกว่าพอที่จะชดเชยข้อบกพร่องต่าง ๆ ของตน. การตั้งมาตรฐานของตนเองขึ้นในเรื่องความดีและความไม่ดีนั้นได้นำไปสู่ภัยพิบัติอย่างมหันต์ในกรณีของอาดามและฮาวานั้น. และแม้แต่ในสมัยของเรานี้ พระธรรมสุภาษิตก็เป็นความจริงทีเดียวตามที่บอกว่า “มีอยู่ทางหนึ่งซึ่งบางคนดูเหมือนเห็นว่าเป็นทางถูก แต่ภายหลังปลายทางนั้นเป็นทางแห่งความตาย.” (สุภาษิต 16:25) ดังนั้นบัดนี้แหละเป็นโอกาสที่จะพึงเรียนรู้ถึงหนทางของพระยะโฮวา ที่จะแสวงหา “ความชอบธรรม.” นอกจากนี้ก็ยังเป็นโอกาสที่จะพึงเสาะแสวงหา “ความอ่อนน้อมถ่อมจิต” ด้วยเช่นกัน คือที่จะยอมจำนนต่อคำตัดสินของพระเจ้า และด้วยใจอ่อนน้อมถ่อมลงยอมรับเอาคำว่ากล่าวแก้ไขและระเบียบวินัยของพระองค์ ยอมปฏิบัติตามพระทัยประสงค์ของพระองค์. โดยการปฏิบัติเช่นนี้เท่านั้นเองย่อมทำให้มีทางเป็นไปได้ที่ท่านจะได้รับ “การกำบังไว้ในวันแห่งความกริ้วของพระยะโฮวา.”
อย่าลงความเห็นอย่างที่บางคนได้กระทำมาแล้วว่าวิธีการดำเนินชีวิตของท่านนั้นเลวร้ายเกินกว่าที่พระเจ้าจะให้อภัยท่านได้. แทนที่จะคิดเช่นนั้น จงนึกถึงถ้อยคำปลอบใจที่มีให้ไว้กับชนยิศราเอลสมัยก่อนโน้นผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ดังนี้: “จงให้คนชั่วร้ายละทิ้งทางของตนเสียและให้คนชั่วอธรรมละทิ้งความคิดของตน และให้เขากลับมาหาพระยะโฮวาผู้ซึ่งจะทรงมีพระเมตตาแก่เขา และกลับมาหาพระเจ้าของเราเพราะพระองค์จะทรงให้อภัยอย่างเป็นการใหญ่.” (ยะซายา 55:7) นอกจากนี้ จงได้รับการหนุนกำลังใจในคำมั่นสัญญาของพระองค์อีกเช่นกันที่ว่า “แม้บาปของเจ้าจะแดงเหมือนสีแดงเลือดนก บาปนั้นก็จะขาวเหมือนหิมะ แม้บาปของเจ้าจะแดงเหมือนผ้าสีแดงเข้ม บาปนั้นก็จะขาวเหมือนขนแกะ.”—ยะซายา 1:18.
พระยะโฮวาพระเจ้าไม่ทรงยินดีพอพระทัยในการที่พิพากษาลงโทษผู้ใด หากแต่ทรงปรารถนาจะให้ทุกคนได้รับความพอใจเพลิดเพลินจากชีวิต. (2 เปโตร 3:9) แม้กระนั้น พระยะโฮวาจะทรงยอมให้ความอสัตย์อธรรมไม่ได้และก็จะไม่กระทำเช่นนั้น. เนื่องจากเหตุนี้จึงจำเป็นสำหรับทุกคนผู้ที่ปรารถนาจะได้รับความพอพระทัยจากพระองค์ ให้กลับตัวกลับใจจากวิธีการดำเนินชีวิตแต่ก่อน ๆ ของตน และเปลี่ยนแนวทางต่าง ๆ ของตนเสีย แล้วยอมปฏิบัติตามน้ำพระทัยอันชอบธรรมของพระองค์.—ยะซายา 55:6.
สิ่งที่จะพึงกระทำในขณะนี้ก็คือเริ่มลงมือเรียนให้รู้จากสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกร้องเอาจากท่าน ยอมรับอาความรู้อันสำคัญยิ่งที่มีบรรจุในพระวจนะของพระองค์เข้าไว้ และครั้นแล้วจึงลงมือปฏิบัติอย่างที่ลงรอยกันกับความรู้นั้น ๆ. นี่แหละคือหนทางนำไปสู่ชีวิตถาวร. (โยฮัน 17:3) บรรดาคริสเตียนพยานของพระยะโฮวายินดีให้ความช่วยเหลือท่านเป็นส่วนตัวในการที่จะให้ได้มาซึ่งความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำเกี่ยวกับพระคัมภีร์โดยไม่คิดค่าป่วยการใด ๆ เลย. พวกเขายินดีต้อนรับท่านเช่นกันที่หอประชุมของเขาอันเป็นสถานที่ซึ่งพวกเขาพิจารณาพระวจนะของพระเจ้าเป็นประจำ.
แนวทางที่เป็นคุณประโยชน์อย่างแท้จริง
โดยการตอบรับเอาสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านได้เรียนรู้จากพระคัมภีร์นั้น ท่านก็จะผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เป็นคุณประโยชน์ในชีวิตของท่าน. ท่านจะแลเห็นว่าการนำเอาหลักการต่าง ๆ แห่งพระคัมภีร์ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ย่อมจะทำให้ความสัมพันธ์ภายในบ้าน ที่ทำงาน และในการติดต่อประจำวันกับเพื่อนมนุษย์ดีขึ้น. (โรม 12:17-21; 13:8-10; เอเฟโซ 5:22–6:4; 1 เปโตร 3:1-7) เช่นนี้ย่อมจะมีส่วนช่วยเหลือสนับสนุนได้มากในเรื่องการทำให้ชีวิตของท่านมีความสุขยิ่งขึ้น ทำให้ได้รับความพอใจและทำให้มีความหมายยิ่งขึ้นแม้แต่ในเวลานี้เสียด้วยซ้ำ.
แน่ทีเดียว ทั้งนี้หาได้หมายความไม่ว่าท่านจะได้รับความคุ้มกันไว้จากบรรดาปัญหาและความกดดันต่าง ๆ ของโลก. ท่านก็ยังจะคงมีชีวิตอยู่ในท่ามกลางประชาชนผู้ซึ่งไม่มีความรักในเรื่องความชอบธรรม และไม่ต้องสงสัยว่าบางคนในพวกเหล่านั้นจะพยายามกีดกันท่านไว้จากการเรียนรู้ และจากการใช้พระคัมภีร์ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตของท่าน. (2 ติโมเธียว 3:12; 1 เปโตร 4:4) แต่ว่าขณะที่ท่านเพิ่มพูนขึ้นในความรู้เกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้านั้น ท่านก็สำนึกว่าท่านสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ แห่งชีวิตอย่างที่บังเกิดผล ยิ่งกว่าคนเหล่านั้นผู้ซึ่งอาศัยการอ้างเหตุผลอันเพียงแต่เป็นของมนุษย์เท่านั้นได้อย่างไกลลิบ. แทนที่จะรู้สึกขมขื่นเนื่องจากความอยุติธรรมเหล่านั้นแล้วก็จะมีความมั่นใจว่าในไม่ช้าราชอาณาจักรของพระเจ้าโดยพระคริสต์ก็จะขจัดล้างทำลายสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทั้งหมดที่ทำให้ความพอใจเพลิดเพลินจากชีวิตอย่างเต็มที่ลดน้อยลงนั้น.—2 เปโตร 3:11-13.
ขณะที่ท่านได้มาซึ่งความเชื่อศรัทธาในการจัดเตรียมของพระเจ้านั้นอันประกอบด้วยความรักใคร่เพื่อชีวิตถาวร ท่านก็จะได้รับอิสรภาพพ้นจาอิทธิพลอันทำให้หนักใจเนื่องจากทัศนะในเรื่องความตายที่มีขึ้นกับมวลมนุษยชาตินั้น. ความไม่จริงต่าง ๆ ที่มีการนำมาสอนอันเกี่ยวด้วยความตายก็จะไม่ทำลายความสนุกเพลิดเพลินจากชีวิตอีกต่อไป. ทัศนะคติแบบสายตาสั้นที่ว่าชีวิตทั้งหมดมีแค่นี้นั้นก็จะไม่มีอิทธิพลอีกต่อไปที่จะล่อให้ท่านละทิ้งหลักการอันถูกต้องต่าง ๆ และสติรู้สึกผิดชอบที่ดีเสียโดยพยายามที่จะขึ้นหน้าไปในโลก. ความมั่นใจในการที่พระเจ้าสามารถกระทำ และจะทรงนำเอาคนตายกลับคืนมาสู่ชีวิตนั้นย่อมจะทำให้ท่านสามารถได้รับอิสรภาพพ้นจากความหวั่นกลัวในเรื่องความตายทีเดียว. ความเชื่อซึ่งอาศัยความรู้อันถูกต้องแม่นยำเกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้า ย่อมทำให้มีทางเป็นไปได้ในการที่ท่านจะได้รับความพอใจเพลิดเพลินจากชีวิตเวลานี้อย่างที่ไม่เคยได้รับมาแต่ก่อน และที่จะได้ชื่นชมยินดีในความหวังอันยอดเยี่ยมเกี่ยวกับอนาคต คือชีวิตนิรันดร์ในระเบียบใหม่อันชอบธรรมของพระเจ้า.
ขอให้ความหยั่งรู้สำนึกถึงคุณค่าแห่งการจัดเตรียมต่าง ๆ อันประกอบด้วยความรักที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อมนุษยชาตินั้นก่อให้เกิดความปรารถนาอันแรงกล้าขึ้นในตัวท่านในอันที่จะเรียนให้รู้จักและกระทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์. ขอให้ความปรารถนานั้น ๆ กระตุ้นท่าน พร้อมด้วยหัวใจอันสุจริตซื่อตรงในการที่จะสมทบกับท่านผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญผู้ซึ่งกราบทูลดังนี้: “ข้าแต่พระยะโฮวา ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้ารู้จักหนทางของพระองค์ ขอทรงฝึกสอนข้าพเจ้าถึงพระมรคาของพระองค์เอง. ขอให้ข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในความจริงของพระองค์และโปรดสอนข้าพเจ้า เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า.”—บทเพลงสรรเสริญ 25:4, 5.