บท 19
อุทยานบนแผ่นดินโลกจะมีมาในไม่ช้า
1, 2. (ก) ประชาชนทั่วไปปรารถนาอะไร? แต่มีอะไรเป็นอุปสรรคทำให้ไม่สมปรารถนา? (ข) สภาพการณ์เช่นไรที่จะยังความสุขเบิกบาน?
คุณอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไหม คือชีวิตเต็มที่และน่าพอใจ? คุณคงจะตอบว่าอยากให้เป็นเช่นนั้น. มีสิ่งน่าสนใจที่จะทำหลายอย่าง มีที่น่าเที่ยวน่าชมมากมายและมีสิ่งใหม่ ๆ ให้เรียนรู้.
2 กระนั้น ปัญหาที่ดูเหมือนไม่มีทางแก้ก็ยังเป็นอุปสรรคต่อความเพลิดเพลินในชีวิตของเรา. เช่น ชีวิตปัจจุบันของเราค่อนข้างจะสั้น. นอกจากนี้ ชีวิตของเรามักมีความเจ็บป่วย ความทุกข์ระทมและเดือดร้อน. ดังนั้น ที่คนเราจะเพลิดเพลินกับชีวิตได้เต็มที่ทุกด้านคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะมี (1) สภาพแวดล้อมที่เป็นเหมือนอุทยาน (2) ความปลอดภัยในทุกด้าน (3) งานที่ให้ความเพลิดเพลิน (4) สุขภาพสมบูรณ์เปล่งปลั่ง และ (5) ชีวิตที่ไม่สิ้นสุด.
3. ใครโดยเฉพาะที่สามารถนำมาซึ่งสภาพการณ์ที่ดีเลิศเช่นนั้นได้?
3 แต่จะเป็นการคาดหมายมากเกินไปหรือ? ตามแง่คิดของมนุษย์เป็นเช่นนั้นจริง ๆ. ประวัติศาสตร์เผยให้เห็นว่าลำพังมนุษย์ไม่สามารถทำให้เกิดสภาพการณ์ที่ดีเลิศเช่นนั้นได้. แต่จากทัศนะของพระผู้สร้างของเรา สิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นไปได้ แต่จะมีขึ้นอย่างแน่นอน. ทำไม? เพราะสภาพการณ์อันน่าปรารถนาเช่นนั้นเป็นพระประสงค์ดั้งเดิมของพระเจ้าสำหรับแผ่นดินโลกนี้.—บทเพลงสรรเสริญ 127:1; มัดธาย 19:26.
จะมีการฟื้นฟูอุทยาน
4. แต่เดิมทีพระเจ้าทรงมีพระประสงค์เช่นไรสำหรับแผ่นดินโลก?
4 ดังที่เราได้อ่านในบทต่าง ๆ มาแล้ว มนุษย์สองคนแรกไม่เหมือนสัตว์. เขาถูกสร้างขึ้นเป็นมนุษย์เต็มที่. เอเดน ที่อยู่ของเขาแต่เดิมทีเป็น “อุทยานแห่งความยินดี.” (เยเนซิศ 2:8, ดูเอย์ เวอร์ชัน) เขาต้อง “ทำการเพาะปลูกและดูแลรักษาสวน.” (เยเนซิศ 2:15, ล.ม.) นอกจากนี้ ภารกิจของเขาบนแผ่นดินโลกนับรวมไปถึงหน้าที่บริหารด้วย คือที่จะ “บังเกิดทวีมากขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน.” (เยเนซิศ 1:28) ขณะที่เขามีบุตรหลานเพิ่มมากขึ้น เขาย่อมมีงานขยายสวนอันสวยงามนี้ให้กว้างออกไป ทำให้แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเป็นอุทยาน. อุทยานจะยืนยงนานเท่าไร? พระคัมภีร์แจ้งให้เราทราบเสมอมาว่าแผ่นดินโลกจะดำรง “มั่นคงเป็นนิตย์.” (บทเพลงสรรเสริญ 104:5; ท่านผู้ประกาศ 1:4) ดังนั้น พระผู้สร้างทรงประสงค์จะให้แผ่นดินโลกที่เป็นอุทยานเช่นนั้นเป็นบ้านที่อำนวยความสุขสบายแก่มนุษย์สมบูรณ์ซึ่งจะอยู่ที่นั่นตลอดไป.—ยะซายา 45:11, 12, 18.
5. ทำไมเรามั่นใจได้ว่าพระประสงค์ของพระเจ้าจะต้องสัมฤทธิ์ผล?
5 ถึงแม้การกบฏในสวนเอเดนเข้ามาขัดจังหวะทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าชะงักไปชั่วคราวก็ตาม แต่พระประสงค์ของพระองค์ก็หาได้เปลี่ยนแปลงไม่. พระเจ้าทรงมีวิธีการที่จะยุติความเสียหายแล้วฟื้นฟูอุทยานให้ดีดังเดิม. เครื่องมือที่พระองค์ทรงใช้คือ ราชอาณาจักรของพระเจ้า รัฐบาลทางภาคสวรรค์ที่พระเยซูทรงจัดให้เป็นเรื่องเด่นแห่งข่าวสารที่พระองค์ประกาศแก่มนุษยชาติ. (มัดธาย 6:10, 33) และเราแน่ใจได้ว่าพระประสงค์แรกเดิมของพระเจ้าจะสำเร็จ. พระผู้สร้างองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการได้ให้คำรับรองว่า “ถ้อยคำที่ออกไปจากปากของเราจะไม่ได้กลับมายังเราโดยไร้ผล และโดยยังมิได้ทำอะไรให้สำเร็จตามความพอใจของเรา และสัมฤทธิ์ผลสมประสงค์ดังที่เราได้ใช้มันไปทำฉันนั้น.”—ยะซายา 55:11.
6, 7. (ก) เรารู้ได้อย่างไรว่าการฟื้นฟูอุทยานใกล้เข้ามาแล้ว? (ข) ใครจะได้รับการพิทักษ์ชีวิตผ่านอวสานของระบบนี้ และใครจะไม่ได้รับ?
6 สมัยนี้ เราเห็นเหตุการณ์ในโลกสมจริงกับ “สัญลักษณ์” แห่ง “ยุคสุดท้าย.” (มัดธาย 24:3-14; 2 ติโมเธียว 3:1-5) ข้อนี้บ่งชี้ว่าจวนถึงเวลาแล้วที่ “ถ้อยคำ” ของพระเจ้าจะ “สัมฤทธิ์ผลสมประสงค์.” การสัมฤทธิ์ผลนี้เป็นสิ่งแน่นอน เพราะพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์จะทรงเข้าแทรกแซงกิจธุระของมนุษย์เพื่อพระประสงค์ของพระองค์จะสัมฤทธิ์ผล. (ยิระมะยา 25:31-33) อีกไม่นาน เราคาดหมายได้ว่า คำพยากรณ์ในบทเพลงสรรเสริญจะสำเร็จสมจริงที่ว่า “ด้วยคนที่กระทำชั่วจะต้องถูกตัดขาด แต่ว่าเหล่าคนที่คอยท่าพระยะโฮวาอยู่ เขาจะได้แผ่นดินเป็นมรดก. เพราะว่ายังอีกหน่อยหนึ่ง คนชั่วจะไม่มี . . . คนสัตย์ธรรมจะได้แผ่นดินเป็นมรดก และจะอาศัยอยู่ที่นั่นต่อไปเป็นนิตย์.”—บทเพลงสรรเสริญ 37:9-11, 29; มัดธาย 5:5.
7 ฉะนั้น คนเหล่านั้นที่พอใจจะอยู่เป็นเอกเทศไม่หมายพึ่งพระผู้สร้างจะถูก “ตัดขาด.” ส่วนผู้ที่ “คอยท่าพระยะโฮวา” จะมีชีวิตผ่านอวสานของระบบนี้และเริ่มการบูรณะฟื้นฟูอุทยาน. อุทยานนั้นจะแผ่ขยายออกไปเรื่อย ๆ กระทั่งคลุมไปทั่งพิภพ. อุทยานนี้จะมีมาแน่ ดังนั้น พระเยซูจึงทรงสัญญาด้วยความมั่นใจกับโจรที่ถูกประหารเคียงข้างพระองค์ดังนี้ “แท้จริงเราบอกเจ้าวันนี้ว่า เจ้าจะอยู่กับเราในอุทยาน.”—ลูกา 23:43, ล.ม.
การเปลี่ยนสภาพแผ่นดินโลก
8, 9. สภาพของแผ่นดินโลกจะได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
8 คำพรรณนาของพระคัมภีร์ที่พูดเรื่องอุทยานนั้นน่าตื่นเต้นจริง ๆ. อาทิ พระคัมภีร์พูดถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าทึ่งเกี่ยวกับสภาพแผ่นดินโลก. คุณอาจนึกถึงมนุษย์คู่แรกในตอนที่ถูกขับไล่ออกจากสวนเอเดน เขาได้รับแจ้งว่าแผ่นดินจะงอกต้นหนามขึ้นมา และด้วยเหงื่อโซมตัว เขาจะต้องเพาะปลูกพืชผลเพื่อจะได้อาหารจากแผ่นดินโลก. (เยเนซิศ 3:17-19). นับตั้งแต่ครั้งนั้นมาจนบัดนี้ บ่อยครั้งมนุษย์ต้องขับเคี่ยวกับทะเลทรายที่ขยายตัว ดินไม่ดี ความแห้งแล้ง วัชพืช แมลง โรคพืชและการเก็บเกี่ยวที่ไม่ได้ผล. บ่อยครั้งปรากฏว่าการกันดารอาหารเป็นฝ่ายชนะ.
9 อย่างไรก็ดี สภาพการณ์เช่นนี้จะกลับตรงกันข้าม: “ป่ารกและที่แห้งแล้งจะยินดี และป่าทรายจะชื่นชม จะมีดอกเหมือนดอกบัว จะมีดอกดก และชื่นชมร้องเพลงอย่างเบิกบาน. . . . เพราะน้ำจะพุขึ้นในป่ารก และจะเกิดลำธารขึ้นในป่าทราย. ทรายที่ร้อนระอุจะกลับเป็นบ่อน้ำ และดินที่แตกระแหงจะเกิดมีน้ำพลุ่งขึ้นมา.” “จะเกิดมีต้นสนแทนต้นหนามพงดอ และจะมีต้นแก้วแทนต้นหนามโคกกะสุน.” (ยะซายา 35:1, 6, 7; 55:13) ดังนั้น เมื่อพระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จย่อมหมายความว่า มนุษยชาติจะมีกิจกรรมที่น่าเพลิดเพลินเกี่ยวด้วยการเปลี่ยนสภาพแผ่นดินโลกเป็นสถานที่อันสวยงาม ซึ่งจะยังความปีติยินดีแก่พลเมืองของแผ่นดินโลกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ไม่หมายเฉพาะด้านความสวยงามเท่านั้น.
ความยากจนจะสิ้นสุดลง
10, 11. พระยะโฮวาจะกำจัดความหิวโหยอย่างไร?
10 การเปลี่ยนแปลงสภาพทะเลทรายอันกว้างไพศาลและพื้นที่อันแห้งแล้งเช่นนั้นจะหมายถึงการเพิ่มพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์. ภายใต้การเอาใจใส่ของพระผู้สร้าง ความพยายามของมนุษย์ที่จะทำให้แผ่นดินโลกเกิดดอกออกผลย่อมสำเร็จ: “พระยะโฮวาคงจะประทานสิ่งซึ่งดี . . . และแผ่นดินของพวกข้าพเจ้าจะเกิดผล.” (บทเพลงสรรเสริญ 85:12) จะมี “ธัญญาหารบริบูรณ์บนพื้นแผ่นดิน.” (บทเพลงสรรเสริญ 72:16) จะไม่มีวันที่มนุษย์หลายล้านคนต้องอดอยาก.—ยะซายา 25:6.
11 การว่างงานจะกลายเป็นอดีต จะไม่มีสภาพเช่นนั้นอีก. ทุกคนจะชื่นชมกับผลงานของตน: “เขาจะทำสวนองุ่นแล้วได้กินผลแน่นอน. . . . เขาจะไม่ปลูกแล้วคนอื่นได้กิน.” (ยะซายา 65:21, 22, ล.ม.) นั้นหมายถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจดังคำพูดในยะเอศเคล 34:27 (ฉบับแปลใหม่) ที่ว่า “ต้นไม้ในทุ่งจะบังเกิดผลและพิภพจะบังเกิดผลประโยชน์ และเขาทั้งหลายจะอยู่อย่างปลอดภัย ในแผ่นดินของเขา.”
12. ใครจะมีที่อยู่อย่างเหมาะสมในอุทยาน?
12 มนุษย์ต้องการบ้านอยู่สบาย ต้องการที่ดินปลูกดอกไม้และทำสวน. ที่อยู่อาศัยเหมาะดีไหมเมื่อคนนับล้านอยู่แออัดในบ้านเช่าหลังใหญ่ อยู่ในแหล่งเสื่อมโทรม หรือเร่ร่อนนอนข้างถนน? จะไม่มีสภาพเช่นนั้นในอุทยาน เพราะพระเจ้าทรงมุ่งหมายไว้ว่า “เขาจะสร้างบ้านแล้วได้อยู่อาศัย . . . ผู้ถูกเลือกสรรของเราจะใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการงานโดยน้ำมือของเขาเอง. เขาจะไม่ทำงานหนักโดยเปล่าประโยชน์.” (ยะซายา 65:21-23, ล.ม.) ด้วยเหตุนี้ บ้านอยู่อาศัยที่ให้ความสุขสบายจะไม่ได้เป็นสิทธิพิเศษของชนกลุ่มน้อยที่ร่ำรวยเท่านั้น แต่ทุกคนที่ยอมอยู่ใต้การปกครองของพระเจ้าจะมีบ้านเป็นของตัวเอง.
ไม่มีความเจ็บป่วย ความตายอีกต่อไป
13, 14. จะเกิดอะไรขึ้นกับความเจ็บป่วย ความพิการและความตาย?
13 พระวจนะของพระเจ้ารับรองว่า สภาพการณ์ต่าง ๆ ในอุทยานซึ่งยังความพอใจนั้นจะไม่เสียความงดงามเนื่องด้วยความพิการ ความเจ็บป่วย หรือความตาย: “จะไม่มีใครที่อาศัยอยู่ที่นั่นพูดว่า ‘ข้าพเจ้าป่วยอยู่.’” (ยะซายา 33:24) “[พระเจ้า] จะทรงเช็ดน้ำตาทุก ๆ หยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีต่อไป การคร่ำครวญและร้องไห้และการเจ็บปวดอย่างหนึ่งอย่างใดจะไม่มีอีกเลย. เหตุการณ์ที่ได้มีอยู่แต่ดั้งเดิมนั้นได้ล่วงพ้นไปแล้ว.”—วิวรณ์ 21:4.
14 จงนึกภาพโลกซึ่งจะมีการรักษาคนเจ็บป่วยทุกคนให้หาย! พระวจนะของพระเจ้าบอกว่า “ขณะนั้นตาของคนตาบอดจะเห็นได้ และหูของคนหูหนวกจะยินได้. แล้วคนง่อยจะเต้นได้ดุจดังอีเก้งและลิ้นของคนใบ้จะร้องเพลง.” (ยะซายา 35:5, 6) และลองนึกภาพความหวังอันน่าทึ่งที่ว่า ชีวิตจะยืนนานตราบเท่าที่พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ นั่นคือชั่วนิรันดร! มนุษยชาติจะไม่ต้องตายอีกเลย เพราะพระเจ้า “จะทรงทำลายความตายให้สาปศูนย์.”—ยะซายา 25:8.
15. จะเกิดอะไรขึ้นกับคนชราที่รอดชีวิตผ่านอวสานของระบบนี้?
15 แต่คนที่รอดชีวิตผ่านอวสานของระบบนี้และอยู่ในวัยชราแล้วล่ะจะเป็นอย่างไร? เขาจะอยู่ในสภาพเช่นนั้นตลอดไปไหม? หามิได้ เพราะพระเจ้าทรงมีความสามารถทำให้กระบวนการแก่ลงย้อนกลับและพระองค์จะใช้ความสามารถนั้น. ดังที่พระคัมภีร์พรรณนาว่า: “เนื้อของเขาก็จะกลับเปล่งปลั่งยิ่งกว่าเนื้อของเด็ก และความหนุ่มแน่นของเขาก็จะกลับคืนมา.” (โยบ 33:25) คนชราจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นชายหญิงที่มีวุฒิภาวะสมบูรณ์เยี่ยงอาดามและฮาวาครั้งอยู่ในสวนเอเดน. กระบวนการนี้เป็นผลสืบเนื่องจาก “การสร้างขึ้นใหม่” ตามที่พระเยซูได้ตรัสไว้.—มัดธาย 19:28, ล.ม.
สันติภาพถาวรทั่วโลก
16, 17. ทำไมจะไม่มีสงครามหรือความรุนแรงในอุทยาน?
16 ความรุนแรงจะก่อความเดือดร้อนในอุทยานไหม? เป็นไปไม่ได้เมื่อ “คนตรงจะได้พำนักอยู่ในแผ่นดิน และคนดีรอบคอบจะได้ดำรงอยู่บนแผ่นดินนั้น. แต่คนบาปหยาบช้าจะถูกตัดให้สิ้นศูนย์จากแผ่นดินและผู้ประทุษร้ายทั้งหลายจะถูกถอนรากเหง้าออกเสีย.” (สุภาษิต 2:21, 22) เมื่อไม่มีตัวการทำลายสันติสุข ก็ไม่มีความรุนแรง.
17 หลังจากพระเจ้าทรงขจัดคนชั่วออกจากแผ่นดินแล้ว ทำไมคนที่ “ดำรงอยู่” จึงได้ชื่อเป็น “คนตรง” และ “คนดีรอบคอบ”? เพราะว่าเขาได้รับการอบรมให้รู้จักมาตรฐานของพระเจ้าเพื่อดำเนินชีวิตอย่างสงบ ทั้งได้ปฏิบัติสอดคล้องกับมาตรฐานเหล่านั้นอยู่แล้ว. ความรู้ฝ่ายพระเจ้าและการเชื่อฟังปฏิบัติตามกฎหมายของพระองค์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสันติภาพในอุทยาน เพราะพระคัมภีร์แถลงว่า “เขาเหล่านั้นจะไม่ทำอันตรายหรือทำความพินาศ . . . เพราะแผ่นดินโลกจะ เต็มไปด้วยความรู้ฝ่ายพระยะโฮวา ดุจน้ำท่วมเต็มมหาสมุทร.” (ยะซายา 11:9) อนึ่ง พระเยซูตรัสว่า ” คนทั้งหลายจะเรียนรู้จากพระเจ้า” และผู้ที่ยอมรับการสั่งสอนและดำเนินชีวิตประสานกับคำสอนนั้นจะมี “ชีวิตนิรันดร์.”—โยฮัน 6:45-47.
18. ทุกวันนี้ใครได้รับการอบรมเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีสันติในอุทยาน?
18 น่ายินดี การศึกษาทางของพระเจ้าที่ดำเนินอยู่ทั่วโลกยังผลให้โลกมีสันติปรองดองกัน ปราศจากอาชญากรรม อคติและความเกลียดชัง ไม่มีการแตกแยกทางการเมืองและสงคราม. คุณประโยชน์ของการศึกษาเช่นนี้ปรากฏให้เห็นอยู่แล้วในท่ามกลางพยานพระยะโฮวาหลายล้านคนทั่วโลก. พวกเขาร่วมกันเป็นภราดรภาพที่อาศัยความรักและความนับถือต่อกันและกัน. (โยฮัน 13:34, 35) สันติภาพและเอกภาพที่มีอยู่ทั่วโลกผูกพันไว้อย่างเหนียวแน่นมั่นคง. ถึงแม้นการข่มเหงหรือสงครามโลกก็ไม่เป็นเหตุให้เขาจับอาวุธขึ้นต่อสู้เพื่อนบ้านไม่ว่าที่ไหน ๆ ในโลก. ในเมื่อสันติภาพและเอกภาพทั่วโลกดังกล่าวมีอยู่ได้ในโลกปัจจุบันที่แตกแยกกัน คงจะเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้นในอุทยานภายใต้การปกครองของพระเจ้า.—มัดธาย 26:52; 1 โยฮัน 3:10-12
19. คำพยากรณ์ข้อใดที่สำเร็จสมจริงขณะนี้และจะสำเร็จต่อ ๆ ไปในอุทยาน?
19 ดังนั้น เมื่อมีการเริ่มฟื้นฟูอุทยาน ความสงบสุขจะแผ่คลุมทั่วแผ่นดินโลก. และผู้รอดชีวิตผ่านสงครามของพระเจ้าก็จะคงปฏิบัติตามคำพยากรณ์ซึ่งพวกเขากำลังทำให้สมจริงอยู่แล้วที่ว่า “ประเทศต่อประเทศจะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กัน และเขาจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป.” ด้วยเหตุนั้นคำพยากรณ์จึงเสริมต่อไปว่า “ต่างคนก็จะนั่งอยู่ใต้ซุ้มเถาองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อเทศของตน และจะไม่มีอะไรมาทำให้เขาสะดุ้งกลัว.” (มีคา 4:3, 4) จะนานแค่ไหน? คำสัญญาซึ่งทำให้อุ่นใจว่าดังนี้ “สันติสุขจะไม่รู้สิ้นสุด.”—ยะซายา 9:7.
20. พระยะโฮวาจะทรงดำเนินการอย่างไรกับนานาชาติและอาวุธยุทธภัณฑ์ที่เขาสะสมไว้?
20 ชาติต่าง ๆ ได้สะสมอาวุธมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน. แต่การเช่นนั้นไม่มีความหมายสำหรับพระเจ้าผู้สร้างเอกภพด้วยพลานุภาพของพระองค์. พระองค์ทรงแจ้งว่าในไม่ช้าพระองค์จะทรงทำอย่างไรกับอาวุธของประเทศต่าง ๆ: “เชิญมาดูพระกิจจานุกิจของพระยะโฮวาเถิด พระองค์ให้มีการเริศร้างในแผ่นดินโลก. พระองค์ทรงปราบปรามการสงครามให้สงบเงียบตลอดถึงปลายแผ่นดินโลก. ทรงหักคันธนู ทรงฟาดฟันทวนเสียเป็นท่อน ๆ ทรงเผารถรบเสียในไฟ.” (บทเพลงสรรเสริญ 46:8, 9) การบดขยี้นานาชาติและกำลังทางทหารของเขาจะเตรียมทางไว้สำหรับสันติภาพถาวรในอุทยาน.—ดานิเอล 2:44; วิวรณ์ 19:11-21.
สันติสุขระหว่างมนุษย์กับสัตว์
21, 22. จะมีการฟื้นฟูความเกี่ยวพันแบบไหนระหว่างมนุษย์และสัตว์?
21 เพื่อสันติภาพแห่งอุทยานทั่วโลกจะมีบริบูรณ์ จะได้มีการฟื้นฟูสภาพอย่างที่มนุษย์กับสัตว์เคยอยู่ร่วมกันในสวนเอเดน. (เยเนซิศ 1:26-31) ทุกวันนี้ มนุษย์กลัวสัตว์หลายชนิด ขณะเดียวกันมนุษย์เป็นอันตรายต่อสัตว์. แต่ในอุทยานจะไม่เป็นเช่นนั้น. ไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตามที่พระเจ้าให้มนุษย์กับสัตว์อยู่ร่วมกันได้ในสวนเอเดน พระองค์จะทรงกระทำเช่นนั้นในอุทยาน. ด้วยเหตุนี้ การที่มนุษย์ดูแลเอาใจใส่สัตว์ด้วยความรักก็จะเป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง.
22 ในเรื่องนี้ พระผู้สร้างทรงแถลงว่า “ในกาลสมัยนั้นเราจะทำมิตรไมตรีระหว่างเขากับสัตว์ป่า กับนกในอากาศและสัตว์ที่เลื้อยคลานอยู่บนพื้นดิน.” (โฮเซอา 2:18) ผลเป็นอย่างไร? “เราจะทำสัญญาเป็นมิตรไมตรี แก่เขาทั้งปวง และเราจะบันดาลสัตว์ร้ายทั้งหลายให้ไปจากแผ่นดินนั้นจนสิ้น และเขาทั้งปวงจะอาศัยในป่าโดยสะดวกและนอนหลับในป่าดอนทั้งหลาย.”—ยะเอศเคล 34:25.
23. ยะซายาบอกล่วงหน้าถึงการเปลี่ยนแปลงแบบไหนในอาณาจักรสัตว์?
23 สันติภาพซึ่งจะมีในท่ามกลางมนุษย์ และระหว่างมนุษย์กับสัตว์จะสะท้อนให้เห็นเช่นกันภายในอาณาจักรสัตว์ “สุนัขป่าจะนอนปะปนกับลูกแกะ เสือดาวจะนอนปะปนกับลูกแพะ ลูกโคกับลูกสิงโตจะหากินอยู่ด้วยกันและเด็กเล็ก ๆ จะเป็นผู้เลี้ยงผู้นำ. และนางโคกับหมีจะเป็นเพื่อนกัน และลูกของมันจะนอนปะปนอยู่ด้วยกัน. และสิงโตจะกินฟางเป็นอาหารเหมือนโคผู้. และทารกกินนมจะเล่นอยู่ที่ปากปล่องงูเห่า และทารกหย่านมจะล้วงมือเข้าไปในรังของงูแมวเซา. สัตว์เหล่านั้นจะไม่ทำอันตราย หรือทำความพินาศทั่วไปบนภูเขาอันบริสุทธิ์ของเรา.”—ยะซายา 11:6-9.
24. เพลงสรรเสริญบท 37 พรรณนาอย่างไรเกี่ยวกับสันติภาพในอุทยาน?
24 ช่างเป็นคำพรรณนาที่น่าฟังเกี่ยวกับสันติภาพอันบริบูรณ์ซึ่งจะมีอยู่ในอุทยาน! ไม่น่าประหลาดใจเมื่อบทเพลงสรรเสริญ 37:11 กล่าวถึงชีวิตในระบบใหม่ดังนี้ “คนทั้งหลายที่มีใจถ่อมลงจะได้แผ่นดินเป็นมรดก และเขาจะชื่นชมยินดีด้วยความสงบสุขอันบริบูรณ์.”
คนตายจะฟื้นขึ้น
25, 26. (ก) พระวจนะของพระเจ้าให้คำสัญญาอะไรเกี่ยวกับคนตาย? (ข) ทำไมการรำลึกถึงบรรดาผู้ที่ตายไปแล้วจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับพระผู้สร้าง?
25 ผลประโยชน์ที่จะหลั่งไหลเข้าสู่อุทยานนั้นไม่ใช่มีเฉพาะสำหรับพวกที่รอดผ่านอวสานของระบบปัจจุบันนี้เท่านั้น. ภายใต้การปกครองของพระเจ้าโดยทางราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์นั้นจะเกิดมีชัยชนะที่น่าอัศจรรย์ที่สุด—นั่นคือชัยชนะเด็ดขาดเหนือความตาย. เพราะไม่เพียงแต่จะชนะความตายที่สืบทอดกันมาเท่านั้น แต่คนเหล่านั้นที่ล่วงลับไปจะฟื้นคืนชีพอีกและมีโอกาสจะได้อยู่ในอุทยาน! พระวจนะของพระเจ้ารับรองว่า “คนทั้งปวง ทั้งคนชอบธรรมและคนที่ไม่ชอบธรรมจะเป็นขึ้นมาจากตาย.” (กิจการ 24:15) นับว่าเป็นวาระที่น่าปลาบปลื้มยินดีจริง ๆ เมื่อคนที่เรารักถูกเรียกให้คืนชีพขึ้นมาจากหลุมฝังศพ รุ่นแล้วรุ่นเล่า!—ลูกา 7:11-16; 8:40-56; โยฮัน 11:38-45.
26 พระเยซูตรัสว่า “เวลาจะมาเมื่อบรรดาคนที่อยู่ในอุโมงค์ฝังศพจะได้ยินเสียงของพระองค์ และจะได้เป็นขึ้นมา ผู้ที่ได้ประพฤติดีจะเป็นขึ้นมาสู่ชีวิต แต่ผู้ที่ได้ประพฤติชั่วจะเป็นขึ้นมาสู่การพิพากษา.” (โยฮัน 5:28, 29) ถูกแล้ว บุคคลที่อยู่ในความทรงจำของพระเจ้าจะกลับฟื้นคืนชีพ. และเราไม่ควรคิดว่างานนี้เกินความสามารถของพระเจ้า. จงจำไว้ว่า พระองค์ได้ทรงสร้างดวงดาวหลายพันล้านล้านดวง. และพระคัมภีร์ระบุว่าพระองค์ทรงเรียกดาวทุกดวง “ตามชื่อ.” (ยะซายา 40:26) ถ้านับผู้คนที่เคยมีชีวิตอยู่แล้วตายไปก็เป็นแต่จำนวนน้อยนิดเมื่อเทียงกับดวงดาวทั้งปวง. ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่คนเหล่านี้และรูปแบบชีวิตของเขาอยู่ในความทรงจำของพระเจ้า.
27. ทุกคนจะมีโอกาสทำอะไรในอุทยาน?
27 ทุกคนที่กลับเป็นขึ้นจากตายจะได้รับการศึกษาอบรมให้รู้จักมาตรฐานอันชอบธรรมของพระเจ้าในสภาพแวดล้อมที่เป็นอุทยาน. ความชั่ว ความทุกข์ทรมานหรือความอยุติธรรมจะไม่ขัดขวางเขาอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต. หากเขารับรองเอาการปกครองของพระเจ้าและปฏิบัติตามมาตรฐานของพระองค์ เขาจะได้รับการพิจารณาว่า คู่ควรกับการดำรงชีวิตตลอดไป. (เอเฟโซ 4:22-24) ฉะนั้น หากโจรที่ถูกตรึงเคียงข้างพระเยซูจะอยู่ในอุทยานต่อไป เขาต้องเปลี่ยนนิสัยโจรแล้วกลับใจเป็นคนซื่อสัตย์. ส่วนคนที่ต่อต้านการปกครองอันชอบธรรมของพระเจ้า พระองค์จะไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่เพื่อทำลายความสุขของผู้อื่น. เขาจะถูกพิพากษาลงโทษ. ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงมีโอกาสเต็มที่เพื่อแสดงว่า เขาหยั่งรู้ค่าชีวิตในแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน ซึ่ง “ความชอบธรรมจะดำรงอยู่.”—2 เปโตร 3:13.
28. ดังนั้น มีอะไรรอเราอยู่เบื้องหน้า ใกล้ ๆ นี้เอง?
28 ครั้นแล้ว คนตายที่ถูกปลุกขึ้นมา พร้อมด้วยผู้ที่รอดชีวิตผ่านอาร์มาเก็ดดอนจะมีชีวิตอันน่าพอใจไม่รู้สิ้นสุด. สมองของมนุษย์ที่สมบูรณ์ พร้อมศักยภาพที่ใฝ่หาความรู้ในขอบข่ายกว้างขวางก็จะได้รับข้อมูลได้ตลอดไป. จงนึกถึงสิ่งที่เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับแผ่นดินโลกและเอกภพที่น่าเกรงขามพร้อมด้วยแกแลคซีหลายพันล้านแกแลคซี! ขอให้นึกถึงงานที่ท้าทายและน่าพอใจด้านการก่อสร้าง งานจัดตกแต่งสวน งานเพาะปลูก งานสั่งสอน ศิลปะ ดนตรีและงานอื่น ๆ อีกหลายอย่าง! ฉะนั้น ชีวิตจะไม่น่าเบื่อหน่ายหรือไม่ก่อประโยชน์. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ดังที่พระคัมภีร์บอกไว้ แต่ละวันผู้คนในอุทยานจะ “ชื่นชมยินดีด้วยความสงบสุขอันบริบูรณ์.” (บทเพลงสรรเสริญ 37:11) ฉะนั้น สิ่งที่มีอยู่เบื้องหน้าคือยุคใหม่ที่น่าพิศวง.
[คำโปรยหน้า 232]
มนุษย์ไม่สามารถจะทำให้สภาพต่าง ๆ ดีพร้อมทุกอย่าง แต่พระเจ้าทรงทำได้
[คำโปรยหน้า 236]
บนแผ่นดินโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าประหลาดใจ
[คำโปรยหน้า 242]
การบดขยี้นานาชาติและกำลังทหารของเขาเป็นการเตรียมทางเพื่อสันติภาพทั่วโลก
[คำโปรยหน้า 244]
เขาจะ “ชื่นชมยินดีด้วยความสงบสุขอันบริบูรณ์”
[คำโปรยหน้า 246]
ยุคใหม่ที่น่าพิศวงรอเราอยู่เบื้องหน้า
[ภาพหน้า 233]
สภาพที่ดีพร้อมเช่นนั้นจะช่วยให้เราเพลิดเพลินกับชีวิตเต็มที่
ที่แวดล้อมเป็นอุทยาน
ความปลอดภัยทุกด้าน
งานที่น่าพอใจ
สุขภาพสมบูรณ์
ชีวิตที่ไม่สิ้นสุด
[ภาพหน้า 234]
พวกที่พอใจอยู่เป็นเอกเทศ ไม่หมายพึ่งพระผู้สร้างจะถูกกำจัดให้สิ้น
[ภาพหน้า 235]
“เหล่าคนที่คอยท่าพระยะโฮวาอยู่” จะรอด
[ภาพหน้า 236, 237]
มนุษยชาติจะมีงานที่ยังความเพลิดเพลินเมื่อทำให้แผ่นดินโลกเป็นอุทยาน
[ภาพหน้า 238]
จะมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสำหรับทุกคน
[ภาพหน้า 239]
จะไม่มีความทุพพลภาพ ความเจ็บป่วย หรือความตายในอุทยาน
[ภาพหน้า 240]
“เนื้อของเขาก็จะกลับเปล่งปลั่งยิ่งกว่าเนื้อของเด็ก และความหนุ่มแน่นของเขาก็จะกลับคืนมา.”—โยบ 33:25
[ภาพหน้า 241]
จะไม่มีสงครามหรือความรุนแรงในอุทยาน. อาวุธทุกชนิดจะถูกทำลาย.—ยะเอศเคล 39:9, 10
[ภาพหน้า 243]
จะมีการกู้สภาพให้มนุษย์กับสัตว์อยู่ร่วมกันได้
[ภาพหน้า 245]
ความตายจะฟื้นคืนชีพและมีโอกาสจะอยู่ในอุทยาน! พระวจนะของพระเจ้ารับรองว่า “ทั้งคนชอบธรรมและคนที่ไม่ชอบธรรมจะเป็นขึ้นจากความตาย”