บท 10
การเกลียดชัง “สิ่งลึกซึ้งของซาตาน”
ทิอาทิรา
1. เมืองทิอาทิราตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เกี่ยวโยงกับประชาคมอื่น ๆ อย่างไร และอยู่ในสภาพแวดล้อมทางศาสนาแบบใด?
ประมาณ 64 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของเบอร์กามา (เปอร์กาโมส์) เป็นที่ตั้งของเมืองอะคิซาร์ที่รุ่งเรืองแห่งประเทศตุรกี. เมื่อ 1,900 กว่าปีมาแล้ว เมืองทิอาทิราเคยตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้. ผู้ดูแลเดินทางสามารถไปถึงเมืองทิอาทิราได้ง่ายโดยใช้เส้นทางบกภายในประเทศจากเปอร์กาโมส์แล้วเดินทางอ้อมไปยังประชาคมต่าง ๆ ที่เหลือในวิวรณ์ บท 3 ได้แก่ซาร์ดิส, ฟีลาเดลเฟีย, และลาโอดิเคีย. ไม่เหมือนเปอร์กาโมส์ ทิอาทิราไม่มีทีท่าว่าเคยเป็นศูนย์กลางสำคัญในการบูชาจักรพรรดิ แต่เมืองนี้มีสถานบูชาและวิหารซึ่งอุทิศแด่พวกพระนอกรีต. ทิอาทิราเป็นเมืองเด่นที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้า.
2, 3. (ก) ได้มีการบันทึกอะไรก่อนหน้านั้นเกี่ยวกับชาวเมืองทิอาทิราซึ่งเข้ามาเป็นคริสเตียน? (ข) การที่พระเยซูทรงเป็น “บุตรของพระเจ้า” และที่พระองค์ทรงมี “ตาดุจเปลวไฟ” นั้นมีความหมายอย่างไรต่อชนคริสเตียนในเมืองทิอาทิรา?
2 ตอนที่เปาโลประกาศในมากะโดเนีย ท่านได้พบหญิงชาวเมืองทิอาทิราชื่อลุเดีย เป็นคนขายสีม่วง. ลุเดียพร้อมทั้งครอบครัวของเธอตอบรับข่าวสารที่เปาโลได้ประกาศด้วยความยินดีและแสดงน้ำใจต้อนรับแขกเป็นพิเศษ. (กิจการ 16:14, 15) เธอเป็นชาวทิอาทิราคนแรกที่มีบันทึกว่ายอมรับศาสนาคริสเตียน. ในเวลาต่อมา มีการตั้งประชาคมคริสเตียนที่เมืองนี้. พระเยซูได้ส่งข่าวสารยาวที่สุดไปที่นั่น “จงเขียนถึงทูตของประชาคมในเมืองทิอาทิราว่า บุตรของพระเจ้าผู้มีตาดุจเปลวไฟและเท้าดุจทองแดงเนื้อดีนั้นพูดอย่างนี้.”—วิวรณ์ 2:18, ล.ม.
3 นี่เป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่คำว่า “บุตรของพระเจ้า” ปรากฏในพระธรรมวิวรณ์ แม้ว่าในที่อื่นพระเยซูตรัสพาดพิงถึงพระยะโฮวาว่า “พระบิดาของเรา.” (วิวรณ์ 2:27; 3:5, 21) การใช้ฉายาเช่นนี้ดูเหมือนเป็นการเตือนให้คริสเตียนในเมืองทิอาทิราระลึกถึงความสนิทสนมระหว่างพระเยซูกับพระยะโฮวา. พระบุตรองค์นี้ “มีตาดุจเปลวไฟ”—เป็นการเตือนคริสเตียนในทิอาทิราว่า การพิพากษาของพระองค์จะผลาญทุกสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นว่าเสื่อมเสียภายในประชาคม. โดยตรัสเป็นคำรบสองเกี่ยวด้วยพระบาทของพระองค์ซึ่งดุจทองแดงที่สุกใส พระองค์ทรงเน้นตัวอย่างความซื่อสัตย์อันโดดเด่นของพระองค์ขณะที่ทรงดำเนินอยู่บนแผ่นดินโลก. คริสเตียนในเมืองทิอาทิราได้เชื่อฟังคำแนะนำของพระองค์อย่างไม่มีข้อสงสัย และพวกเราในทุกวันนี้ก็ต้องทำเช่นเดียวกัน!—1 เปโตร 2:21.
4, 5. (ก) ทำไมพระเยซูจึงสามารถชมเชยชนคริสเตียนในเมืองทิอาทิราได้? (ข) ประชาคมที่ทิอาทิราเป็นแบบฉบับของประชาคมแห่งพยานพระยะโฮวาในทุกวันนี้อย่างไร?
4 น่ายินดีที่พระเยซูทรงสามารถกล่าวชมพวกที่อยู่ในเมืองทิอาทิรา. พระองค์ตรัสดังนี้: “เรารู้ว่าเจ้าทำอะไร และรู้ว่าเจ้ามีความรัก ความเชื่อ ทำงานรับใช้ และเพียรอดทน อีกทั้งรู้ว่าสิ่งที่เจ้าทำในตอนหลังมีมากกว่าเมื่อก่อน.” (วิวรณ์ 2:19, ล.ม.) ไม่เหมือนชาวเอเฟโซส์ คริสเตียนผู้ถูกเจิมที่นั่นไม่ได้สูญเสียความรักซึ่งพวกเขาเคยมีต่อพระยะโฮวาในตอนแรก. ความเชื่อของเขาเข้มแข็ง. ยิ่งกว่านั้น การกระทำของเขาในตอนหลังมากกว่าในตอนก่อน และเช่นเดียวกันกับสามประชาคมที่กล่าวมาแล้ว คริสเตียนที่ประชาคมทิอาทิรากำลังเพียรอดทน. เป็นจริงเช่นกันกับประชาคมแห่งพยานทั้งหลายของพระยะโฮวาในที่ต่าง ๆ เกือบ 100,000 แห่งทั่วโลกเวลานี้! ความรักที่มีต่อพระยะโฮวาส่องแสงแจ่มจ้า ขณะที่น้ำใจกระตือรือร้นอันแรงกล้าเพื่องานรับใช้นั้นซึมซาบภายในองค์การ กระตุ้นทั้งคนหนุ่มสาวและคนสูงอายุ. จำนวนคนที่ใช้ตัวเองในฐานะไพโอเนียร์ก็มีมากขึ้น ทั้งนี้จึงเป็นการใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างฉลาดสุขุมเพื่อประกาศความหวังอันรุ่งโรจน์เกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้าที่ใกล้เข้ามา!—มัดธาย 24:14; มาระโก 13:10.
5 หลายทศวรรษทีเดียว ผู้ซื่อสัตย์จำนวนไม่น้อย ทั้งชนที่เหลือผู้ถูกเจิมและชนฝูงใหญ่ ได้แสดงความเพียรอดทนอันเป็นแบบอย่างในงานรับใช้พระเจ้า ขณะที่โลกรอบ ๆ พวกเขาจมสู่ความมืดมนสิ้นหวังลึกลงไปทุกที. แต่พวกเราจงกล้าหาญ! พระธรรมวิวรณ์ยืนยันคำพยานของเหล่าผู้พยากรณ์สมัยก่อน ๆ ของพระเจ้า “วันใหญ่แห่งพระยะโฮวาใกล้จวนเข้าแลเร็วรีบเข้ามาแล้ว.”—ซะฟันยา 1:14; โยเอล 2:1; ฮะบาฆูค 2:3; วิวรณ์ 7:9; 22:12, 13.
“อีซาเบลหญิงคนนั้น”
6. (ก) แม้จะมีลักษณะเด่นที่ควรค่าแก่การสรรเสริญก็ตาม พระเยซูทรงสังเกตเห็นปัญหาอะไรในประชาคมที่ทิอาทิราซึ่งจำเป็นต้องเอาใจใส่ทันที? (ข) ใครคืออีซาเบล และนางมีข้ออ้างที่ฟังขึ้นไหมเพื่อจะเป็นผู้พยากรณ์หญิง?
6 พระเนตรดุจเปลวไฟของพระเยซูทรงมองเห็นมากกว่านั้น. พระองค์ทรงสังเกตเห็นบางสิ่งที่จำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่ในทันที. พระองค์ตรัสแก่เหล่าคริสเตียนในเมืองทิอาทิราดังนี้: “แต่เรามีเรื่องจะว่ากล่าวเจ้า คือ เจ้าทนกับอีซาเบล หญิงคนนั้นที่เรียกตัวเองเป็นผู้พยากรณ์ นางสอนและชักนำทาสของเราให้หลงผิด ทำให้พวกเขาทำผิดประเวณีและกินของที่บูชาแก่รูปเคารพแล้ว.” (วิวรณ์ 2:20, ล.ม.) ในศตวรรษที่สิบก่อนสากลศักราช พระนางอีซาเบล มเหสีผู้นมัสการพระบาละของกษัตริย์อาฮาบแห่งอิสราเอลขึ้นชื่อในด้านฆ่าคน, การผิดประเวณี, และการที่นางได้ใช้อำนาจครอบงำ. เยฮู ผู้ซึ่งได้รับการเจิมจากพระยะโฮวา ได้สั่งประหารชีวิตนาง. (1 กษัตริย์ 16:31; 18:4; 21:1-16; 2 กษัตริย์ 9:1-7, 22, 30, 33) อีซาเบลหญิงที่ไหว้รูปเคารพคนนี้ไม่มีสิทธิในการอ้างตัวเป็นผู้พยากรณ์. นางไม่เหมือนมิระยามและดะโบรา ซึ่งได้ทำหน้าที่เป็นผู้พยากรณ์หญิงที่ซื่อสัตย์ในชาติอิสราเอล. (เอ็กโซโด 15:20, 21; ผู้วินิจฉัย 4:4; 5:1-31) และพระวิญญาณของพระยะโฮวาก็ไม่ได้ดลใจนางให้พยากรณ์ดังที่ได้กระตุ้นอันนาหญิงชราและบุตรีทั้งสี่ของฟิลิปผู้เผยแพร่กิตติคุณ.—ลูกา 2:36-38; กิจการ 21:9.
7. (ก) โดยการกล่าวถึง “อีซาเบลหญิงคนนั้น” ดูเหมือนว่า พระเยซูทรงชี้ถึงอิทธิพลอะไร? (ข) ผู้หญิงบางคนซึ่งสมทบกับประชาคมอาจได้แก้ตัวให้กับการทำตามใจตนเองของพวกเขาอย่างไร?
7 ดังนั้น จึงประจักษ์ชัดว่า “อีซาเบลหญิงคนนั้น” ซึ่งได้อ้างตัวเป็นผู้พยากรณ์ ที่แท้แล้วเป็นคนหลอกลวง. นางไม่มีพระวิญญาณของพระเจ้าหนุนหลัง. นางเป็นใคร? นางคงจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งหรือกลุ่มผู้หญิงซึ่งแผ่อิทธิพลเสื่อมทรามไร้ยางอายในประชาคม. ผู้หญิงบางคนที่สมทบกับประชาคมอาจชักนำสมาชิกของประชาคมให้เข้าพัวพันในการผิดศีลธรรม ขณะเดียวกับที่หาข้อแก้ตัวให้แก่การประพฤติตามใจตัวเองโดยอ้างข้อคัมภีร์มาใช้อย่างผิด ๆ อย่างหน้าด้าน ๆ. ช่างเป็นการพยากรณ์จอมปลอมอะไรเช่นนั้น! พวกเขาจะชักจูงคนอื่น ๆ ให้หลงเข้าสู่แนวทางของตนเกี่ยวกับ “การล่วงประเวณี, การโสโครก, ราคะตัณหา, ความปรารถนาที่เกิดความเสียหาย, และความละโมบ, ซึ่งเป็นการไหว้รูปเคารพ.” (โกโลซาย 3:5, ล.ม.) พวกเขาจะทำให้ผู้คนในประชาคมหมกมุ่นในแบบชีวิตที่ผิดศีลธรรม แสวงแต่ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งได้รับการเห็นดีเห็นชอบในปัจจุบัน หรือทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ภายในศาสนาส่วนใหญ่แห่งคริสต์ศาสนจักร.
8. (ก) คำแถลงของพระเยซูเกี่ยวด้วย “อีซาเบล” ในประชาคมที่ทิอาทิรานั้นมีว่าอย่างไร? (ข) แรงชักจูงที่ไม่ถูกต้องของผู้หญิงได้ปรากฏออกมาอย่างไรในสมัยนี้?
8 พระเยซูทรงบอกผู้เฒ่าผู้แก่ในประชาคมทิอาทิราต่อไปดังนี้: “เราให้นางมีเวลากลับใจ แต่นางไม่ยอมกลับใจจากการผิดประเวณีของตน. เราจะโยนนางลงบนเตียงคนไข้ และทำให้คนเหล่านั้นที่เล่นชู้กับนางต้องทนทุกข์แสนสาหัส เว้นแต่ว่าพวกเขาจะกลับใจจากการทำสิ่งที่นางชักนำให้ทำ.” (วิวรณ์ 2:21, 22, ล.ม.) อีซาเบลคนเดิมเคยครอบงำอาฮาบ และสบประมาทเยฮูผู้สำเร็จโทษที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งฉันใด อาจเป็นได้ที่ผู้หญิงเหล่านี้อาจพยายามใช้อิทธิพลของตนควบคุมสามีและพวกผู้เฒ่าผู้แก่ฉันนั้น. ดูเหมือนว่า พวกผู้เฒ่าผู้แก่ในทิอาทิราทนกับอิทธิพลอันไม่บังควรเช่นนี้แบบอีซาเบล. ณ ที่นี้พระเยซูทรงให้คำเตือนอันทรงพลังแก่พวกเขา และแก่ประชาคมทั่วโลกแห่งประชาชนของพระยะโฮวาสมัยนี้เช่นกัน. ในสมัยปัจจุบัน มีผู้หญิงบางคนซึ่งมีใจแข็งได้โน้มน้าวสามีของตนให้กลายเป็นผู้ออกหาก และกระทั่งขึ้นศาลเพื่อต่อสู้ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวา.—เทียบกับยูดา 5-8, ล.ม.
9. (ก) เหตุใดถ้อยคำของพระเยซูเกี่ยวกับอีซาเบลไม่ได้หมายความว่าสตรีทุกคนในประชาคมไม่ดี? (ข) เฉพาะแต่เมื่อใดเท่านั้นที่แรงชักจูงแบบอีซาเบลเกิดขึ้น?
9 การเช่นนี้หาได้สะท้อนในทางไม่ดีต่อเหล่าสตรีที่ซื่อสัตย์ในประชาคมคริสเตียนไม่. ทุกวันนี้ งานให้คำพยานส่วนใหญ่สำเร็จผลโดยพี่น้องฝ่ายหญิงที่ซื่อสัตย์ โดยที่พวกเธอนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตามบ้าน พวกเธอจึงกำลังนำคนใหม่ ๆ จำนวนมากเข้ามาสู่ประชาคม. พระเจ้าเองทรงอวยพระพรวิธีการเช่นนี้ ดังมีแสดงไว้ที่เพลงสรรเสริญ 68:11 (ล.ม.): “พระยะโฮวาเองทรงประทานคำพูด; พวกสตรีที่ประกาศข่าวดีเป็นกองกำลังใหญ่โต.” ฝ่ายสามีก็อาจได้รับผลกระทบในทางที่ดีเนื่องจากภรรยาประพฤติด้วยความอ่อนโยน ด้วยความนับถือ “ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากจำเพาะพระเนตรพระเจ้า.” (1 เปโตร 3:1-4) ภรรยาซึ่งมีความสามารถและความอุตสาหะได้รับการสรรเสริญโดยกษัตริย์ละมูเอล. (สุภาษิต 31:10-31) เฉพาะเมื่อผู้หญิงออกนอกลู่นอกทางโดยชักจูงผู้ชายหรือโดยท้าทายหรือไม่แยแสความเป็นประมุข ที่เกิดมีอิทธิพลแบบอีซาเบลขึ้น.—เอเฟโซ 5:22, 23; 1 โกรินโธ 11:3.
10. (ก) เพราะเหตุใดอีซาเบลกับลูก ๆ ของนางจึงถูกพิพากษา? (ข) คนเหล่านั้นที่มาเป็นลูก ๆ ของอีซาเบลตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอะไร และคนเช่นนั้นควรทำอย่างไร?
10 พระเยซูตรัสพาดพิงถึง “อีซาเบลหญิงคนนั้น” ต่อไปว่า “เราจะสังหารลูก ๆ ของนางด้วยโรคร้ายที่ทำให้ถึงตาย เพื่อทุกประชาคมจะรู้ว่าเราเป็นผู้ตรวจดูไตและหัวใจ และเราจะให้พวกเจ้าแต่ละคนตามการกระทำของพวกเจ้า.” (วิวรณ์ 2:23, ล.ม.) พระเยซูทรงให้เวลาเพื่ออีซาเบลและลูก ๆ ของนางจะกลับใจ ทว่าพวกเขายังคงดันทุรังประพฤติในแนวทางผิดศีลธรรมของตน และด้วยเหตุนี้จึงต้องถูกพิพากษา. ในที่นี้มีข่าวสารอันทรงพลังสำหรับคริสเตียนในทุกวันนี้. คนที่เอาอย่างอีซาเบล ไม่ว่าชายหรือหญิง และด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นลูกของนางโดยละเมิดหลักการในคัมภีร์ไบเบิลว่าด้วยความเป็นประมุขและหลักศีลธรรม หรือการเป็นคนหัวแข็งไม่แยแสกฎระเบียบตามระบอบของพระเจ้า อยู่ในสภาพป่วยฝ่ายวิญญาณอย่างน่าอันตราย. จริงอยู่ หากคนใดดังที่กล่าวขอร้องผู้ปกครองในประชาคมอธิษฐานเผื่อเขา “คำอธิษฐานด้วยความเชื่อจะทำให้ผู้ที่ไม่สบายหาย และพระยะโฮวาจะทรงพยุงเขาขึ้น”—ตราบเท่าที่เขาถ่อมใจปฏิบัติสอดคล้องกับคำทูลอธิษฐานเหล่านั้น. แต่อย่าให้ผู้ใดคิดว่า เขาจะหลอกพระเจ้าหรือพระคริสต์ได้โดยพยายามปกปิดการทำผิดศีลธรรมหรือโดยการแสร้งทำทีกระตือรือร้นในการรับใช้.—ยาโกโบ 5:14, 15.
11. ประชาคมต่าง ๆ ในทุกวันนี้ได้รับการช่วยเหลืออย่างไรให้ตื่นตัวต่อการแทรกซึมของแรงชักจูงอย่างผิด ๆ ของผู้หญิง?
11 น่ายินดีที่ประชาคมส่วนใหญ่ของพยานพระยะโฮวาในทุกวันนี้ตื่นตัวต่ออันตรายนี้. พวกผู้ปกครองเฝ้าระวังแนวโน้มไปในทางเจตคติที่ไม่เป็นไปตามระบอบของพระเจ้าและไปในทางสู่การกระทำผิด. ผู้ปกครองพยายามช่วยทั้งชายและหญิงซึ่งตกอยู่ในแนวทางอันตราย เพื่อคนเหล่านั้นอาจได้รับการเสริมสร้างฝ่ายวิญญาณและได้รับการปรับใหม่ก่อนจะสายเกินไป. (ฆะลาเตีย 5:16; 6:1) ด้วยความรักและด้วยความเด็ดเดี่ยว คริสเตียนผู้ปกครองเหล่านั้นจะยับยั้งความพยายามใด ๆ ของผู้หญิงที่พยายามหาสมัครพรรคพวกเพื่อส่งเสริมการเรียกร้องในทำนองเดียวกับการเรียกร้องสิทธิสตรี. ยิ่งกว่านั้น ได้มีการให้คำแนะนำที่ทันกาลเป็นระยะ ๆ ในสรรพหนังสือของพยานพระยะโฮวา.a
12. ชนจำพวกโยฮันในสมัยนี้แสดงออกซึ่งความกระตือรือร้นในทำนองเดียวกับเยฮูนั้นอย่างไร?
12 อย่างไรก็ดี ที่ไหนที่มีการประพฤติผิดศีลธรรมอย่างต่ำช้า และโดยเฉพาะเมื่อสิ่งนี้กลายเป็นการทำเป็นนิสัย ผู้กระทำผิดที่ไม่กลับใจต้องถูกตัดสัมพันธ์. เราระลึกถึงความตั้งใจแรงกล้าของเยฮูเมื่อท่านได้กำจัดร่องรอยทุกอย่างของอิทธิพลของอีซาเบลในชาติอิสราเอล. เช่นเดียวกัน ชนจำพวกโยฮันในสมัยนี้ก็ปฏิบัติอย่างเด็ดเดี่ยว จึงวางแบบอย่างสำหรับสหายของตนคือชนจำพวก “โยนาดาบ” และด้วยการแสดงตัวแตกต่างกันลิบจากพวกนักเทศน์นักบวชที่ปล่อยตามใจแห่งคริสต์ศาสนจักร.—2 กษัตริย์ 9:22, 30-37; 10:12-17.
13. จะเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านั้นซึ่งยอมแพ้อิทธิพลอันไม่ถูกต้องของผู้หญิง?
13 ในฐานะผู้ส่งข่าวและผู้พิพากษาของพระยะโฮวา พระบุตรของพระเจ้าทรงปฏิบัติการอย่างถูกต้องเมื่อทรงระบุตัวอีซาเบลสมัยปัจจุบันและที่ทรงโยนนางลงบนเตียงคนไข้ เพราะการเจ็บป่วยฝ่ายวิญญาณของนางเรื้อรัง. (มาลาคี 3:1, 5) คนเหล่านั้นที่ได้ยอมแพ้ต่ออิทธิพลอันไม่ถูกต้องแบบนี้ของผู้หญิงก็จะทนรับความทุกข์ลำบากมากเช่นกัน ได้แก่ความเศร้าโศกที่ถูกตัดสัมพันธ์ ถูกตัดจากประชาคมคริสเตียนเสมือนหนึ่งตายแล้ว. ถ้าเขาไม่กลับใจ หันกลับ และถูกรับกลับเข้ามาในประชาคมอีก เขาก็จะประสบกับความตายจริง ๆ “ด้วยโรคร้ายที่ทำให้ถึงตาย” อย่างช้าที่สุด ในความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่. ระหว่างนี้ เป็นไปได้ที่จะได้รับการฟื้นฟูหากพวกเขากลับใจจริงจากการกระทำผิดของตน.—มัดธาย 24:21, 22; 2 โกรินโธ 7:10.
14. (ก) พระเยซูทรงใช้พวกผู้ปกครองอย่างไรในการจัดการกับปัญหาบางอย่าง ดังเช่นแรงชักจูงใด ๆ แบบอีซาเบล? (ข) ประชาคมควรสนับสนุนผู้ปกครองซึ่งจัดการกับปัญหาเช่นนั้นอย่างไร?
14 “ทุกประชาคม” ต้องเรียนรู้ว่า พระเยซูทรงพิเคราะห์ “ไต” คือความรู้สึกในส่วนลึกที่สุด และ “หัวใจ” คือบุคคลภายใน ซึ่งรวมถึงเจตนาที่แฝงอยู่. เพื่อเป้าหมายนี้ พระองค์ทรงใช้ดาวที่ไว้ใจได้ คือพวกผู้ปกครอง ให้จัดการปัญหาบางประการ เช่น อิทธิพลใด ๆ แบบอีซาเบลที่ปรากฏขึ้น. (วิวรณ์ 1:20) หลังจากผู้ปกครองเหล่านี้ได้ตรวจสอบเรื่องแบบนี้อย่างถี่ถ้วนและดำเนินการตัดสินแล้ว ก็ไม่สมควรที่ใคร ๆ จะสืบสาวเรื่องราวว่า ทำไมหรือมีมูลเหตุอะไรจึงตัดสินเช่นนั้น. ทุกคนควรถ่อมใจยอมรับวิธีจัดการเรื่องราวของคณะผู้ปกครอง และให้การสนับสนุนดาวเหล่านี้ภายในประชาคมต่อ ๆ ไป. ความภักดีต่อพระยะโฮวาและต่อการจัดเตรียมต่าง ๆ ทางองค์การของพระองค์ย่อมได้รับบำเหน็จ. (บทเพลงสรรเสริญ 37:27-29; เฮ็บราย 13:7, 17) สำหรับส่วนของคุณ ขอให้ส่วนที่คุณได้รับนั้นเป็นพระพรเมื่อพระเยซูประทานแก่ทุกคนตามการกระทำของแต่ละคน.—ฆะลาเตีย 5:19-24; 6:7-9.
“จงยึดมั่นกับสิ่งที่พวกเจ้ามีอยู่”
15. (ก) พระเยซูตรัสอะไรกับคนเหล่านั้นที่ไม่ได้เป็นมลทินเนื่องด้วยนางอีซาเบล? (ข) อะไรแสดงว่า ไม่ใช่ทุกคนซึ่งอ้างว่าเป็นคริสเตียนเมื่อย้อนหลังไปในปี 1918 นั้นถูกทำให้เป็นมลทินไปโดยพวกคริสต์ศาสนจักรที่ออกหาก?
15 คำตรัสต่อไปของพระเยซูนำมาซึ่งคำปลอบโยน: “แต่สำหรับพวกเจ้าที่เหลือซึ่งอยู่ในเมืองทิอาทิรา คือทุกคนที่ไม่ถือตามคำสอนนี้ คนที่ไม่รู้จักสิ่งที่เขาเรียกกันว่า ‘สิ่งลึกซึ้งของซาตาน’ เราบอกว่า เราจะไม่ให้พวกเจ้าแบกภาระหนักอื่นอีก. ไม่ว่าอย่างไร พวกเจ้าจงยึดมั่นกับสิ่งที่พวกเจ้ามีอยู่จนกว่าเราจะมา.” (วิวรณ์ 2:24, 25, ล.ม.) มีคนซื่อสัตย์ในทิอาทิราซึ่งไม่ถูกอีซาเบลชักจูง. ทำนองเดียวกัน นาน 40 ปีก่อนปี 1918 และตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ประกาศตัวเป็นคริสเตียนได้ยอมต่อแนวทางอันผิดศีลธรรมและทุจริตซึ่งแพร่หลายมากในคริสต์ศาสนจักร. นักศึกษาพระคัมภีร์กลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งบัดนี้เป็นที่รู้จักกันว่าพยานพระยะโฮวา ที่ได้พยายามช่วยพวกสมาชิกโบสถ์ให้เห็นต้นกำเนิดหลักคำสอนต่าง ๆ แห่งคริสต์ศาสนจักรที่ไม่เป็นแบบคริสเตียน ได้ทำการขจัดข้อเชื่อและกิจปฏิบัติแบบบาบิโลนซึ่งได้รับมาจากคริสต์ศาสนจักรที่ออกหากออกไปทั้งหมด. ทั้งนี้รวมถึงคำสอนตามอำเภอใจของ “อีซาเบลหญิงคนนั้น” ด้วย.
16. ถึงแม้พระเยซูและคณะกรรมการปกครองคริสเตียนในศตวรรษแรกไม่ได้เพิ่มภาระใด ๆ ให้อีกก็ตาม มีสิ่งใดบ้างที่พึงต้องหลีกเว้น?
16 ชนจำพวกโยฮันสมัยนี้ยังได้สนับสนุนเพื่อนร่วมงานของเขา คือชนฝูงใหญ่ ให้ระวังแรงชักจูงที่ผิดศีลธรรม เช่นที่มีในโลกที่ต่ำทรามแห่งการบันเทิง. ไม่จำเป็นต้องดูหรือทดลองการเสื่อมทรามนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นหรือเพื่อเรียนรู้สิ่งที่พึงหลีกเลี่ยง. เป็นแนวทางแห่งสติปัญญาที่จะอยู่ห่างไกลจาก “สิ่งลึกซึ้งของซาตาน” ดังพระเยซูได้ตรัสดังนี้: “เราจะไม่ให้พวกเจ้าแบกภาระหนักอื่นอีก.” เรื่องนี้เตือนเราให้ระลึกถึงคำตัดสินของคณะกรรมการปกครองแห่งคริสเตียนในศตวรรษแรกที่ว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์และข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นชอบที่จะไม่เพิ่มภาระให้ท่านอีก นอกจากสิ่งจำเป็นเหล่านี้คือ ละเว้นเสมอจากสิ่งของซึ่งเขาได้บูชาแก่รูปเคารพและจากเลือดและจากสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และจากการผิดประเวณี. ถ้าท่านทั้งหลายละเว้นจากสิ่งเหล่านี้อย่างระมัดระวังเสมอ ท่านจะเจริญ.” (กิจการ 15:28, 29, ล.ม.) เพื่อความเจริญฝ่ายวิญญาณ จงหลีกศาสนาเท็จ การใช้เลือดในทางผิด (เช่น การถ่ายเลือด) และการผิดศีลธรรม! และสุขภาพร่างกายของคุณคงจะได้รับการคุ้มครองเช่นเดียวกัน.
17. (ก) ซาตานได้ล่อใจผู้คนในสมัยนี้ด้วย “สิ่งลึกซึ้ง” อย่างไร? (ข) เราควรมีทัศนะอย่างไรต่อ “สิ่งลึกซึ้ง” แห่งโลกอันเหลวแหลกของซาตาน?
17 ซาตานยังมี “สิ่งลึกซึ้ง” อื่น ๆ ในทุกวันนี้ เช่น การคาดคะเนและหลักปรัชญาที่ซับซ้อนซึ่งยกยอปอปั้นความสามารถในการคิด. นอกจากการอ้างเหตุผลตามอำเภอใจอย่างผิดศีลธรรม สิ่งเหล่านี้ยังรวมถึงลัทธิผีปิศาจ และทฤษฎีวิวัฒนาการด้วย. พระผู้สร้างองค์ฉลาดรอบรู้ทรงมีทัศนะเช่นไรต่อ “สิ่งลึกซึ้ง” เหล่านี้? อัครสาวกเปาโลได้ยกคำตรัสของพระองค์มากล่าวดังนี้: “เราจะทำลายปัญญาของคนมีปัญญา.” ในทางตรงกันข้าม “สิ่งลึกซึ้งของพระเจ้า” เป็นสิ่งเรียบง่าย ชัดเจน และทำให้หัวใจอบอุ่น. คริสเตียนที่มีปัญญาบอกปัด “สิ่งลึกซึ้งทั้งหลาย” แห่งโลกอันสลับซับซ้อนของซาตาน. จงจำไว้ว่า “โลกกับความปรารถนาของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าจะดำรงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์.”—1 โกรินโธ 1:19; 2:10, ล.ม.; 1 โยฮัน 2:17, ล.ม.
18. พระเยซูทรงสัญญาพระพรอะไรกับชนคริสเตียนผู้ถูกเจิมซึ่งรักษาความซื่อสัตย์จนกระทั่งอวสาน และคนเหล่านี้ซึ่งได้เป็นขึ้นจากตายจะมีสิทธิพิเศษอะไร ณ อาร์มาเก็ดดอน?
18 บัดนี้ พระเยซูทรงกล่าวถ้อยคำที่ยังความอุ่นใจแก่เหล่าคริสเตียนในทิอาทิรา. ถ้อยคำเหล่านั้นยังหนุนใจคริสเตียนผู้ถูกเจิมในทุกวันนี้ด้วย: “แล้วเราจะให้ผู้ที่มีชัยและทำตามอย่างเราจนถึงที่สุดมีอำนาจเหนือชาติต่าง ๆ อย่างที่เราได้รับอำนาจจากพระบิดาของเรา และเขาจะปกครองประชาชนด้วยคทาเหล็กเพื่อทำให้พวกเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ ดุจภาชนะดินเหนียว.” (วิวรณ์ 2:26, 27, ล.ม.) ช่างเป็นสิทธิพิเศษอันยอดเยี่ยมจริง ๆ! อำนาจนี้ซึ่งผู้ถูกเจิมที่มีชัยได้รับเมื่อพวกเขาถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายคือการร่วมกับพระเยซูเหวี่ยง “คทาเหล็ก” แห่งการทำลายล้างบรรดาประเทศที่กบฏ ณ อาร์มาเก็ดดอน. อย่างเก่งที่สุด พลังนิวเคลียร์ของประเทศเหล่านั้นจะพุ่งออกมาเสมือนประทัดเปียก เมื่อพระคริสต์ทรงตีทำลายเหล่าศัตรูของพระองค์แตกกระจายประหนึ่งพระองค์ทรงทุบภาชนะที่ทำด้วยดินเหนียว.—บทเพลงสรรเสริญ 2:8, 9; วิวรณ์ 16:14, 16; 19:11-13, 15.
19. (ก) ใครคือ “ดาวรุ่ง” และจะมีการมอบท่านแก่คนเหล่านั้นที่มีชัยโดยวิธีใด? (ข) ชนฝูงใหญ่รับการหนุนใจอะไร?
19 พระเยซูตรัสต่อไปอีกว่า “และเราจะให้ดาวรุ่งแก่เขา.” (วิวรณ์ 2:28, ล.ม.) ต่อมา พระเยซูเองทรงอธิบายว่าดาวนี้คืออะไร โดยตรัสว่า “เราเป็นรากและเชื้อสายของดาวิดและเป็นดาวรุ่งอันสุกใส.” (วิวรณ์ 22:16, ล.ม.) ถูกแล้ว พระเยซูทรงเป็นผู้ที่ทำให้สำเร็จตามคำพยากรณ์ที่พระยะโฮวาทรงบังคับบีละอัมพูดโดยไม่เต็มใจที่ว่า “ดวงดาวหนึ่งจะขึ้นมาจากตระกูลยาโคบ แลธารพระกรอันหนึ่งจะขึ้นจากพวกยิศราเอล” (อาฤธโม 24:17) พระเยซูจะทรงประทาน “ดาวรุ่ง” แก่เหล่าผู้มีชัยโดยวิธีใด? ปรากฏชัดว่า โดยทรงประทานพระองค์เองแก่พวกเขาโดยทรงนำเขาเข้ามามีสัมพันธภาพใกล้ชิดที่สุด สนิทสนมที่สุดกับพระองค์. (โยฮัน 14:2, 3) เป็นการจูงใจให้เพียรอดทนอันทรงพลังจริง ๆ! อนึ่ง เป็นการกระตุ้นใจชนฝูงใหญ่เช่นกันที่ทราบว่าในไม่ช้า “ดาวรุ่งอันสุกใส” จะทรงใช้ขัตติยอำนาจของพระองค์เพื่อฟื้นฟูอุทยานขึ้นบนแผ่นดินโลก!
จงธำรงไว้ซึ่งความซื่อสัตย์มั่นคง
20. สิ่งใดที่เกิดขึ้นในคริสต์ศาสนจักรเตือนเราให้นึกถึงจุดอ่อนแอบางประการในประชาคมที่ทิอาทิรา?
20 ข่าวสารนี้คงต้องได้หนุนใจพวกคริสเตียนในทิอาทิราเป็นอย่างยิ่ง. ลองวาดมโนภาพดูก็แล้วกัน—พระบุตรของพระเจ้าที่ได้รับสง่าราศีแล้วในสวรรค์ได้ตรัสเป็นการส่วนตัวกับคริสเตียนในทิอาทิราเกี่ยวด้วยปัญหาบางอย่างของเขา! แน่นอน อย่างน้อยมีบางคนในประชาคมตอบรับการบำรุงเลี้ยงด้วยความรักเช่นนั้น. ข่าวสารที่ยาวที่สุดนี้ในข่าวสารเจ็ดฉบับยังช่วยพวกเราระบุประชาคมคริสเตียนแท้ในปัจจุบันด้วย. ในปี 1918 เมื่อพระเยซูเสด็จยังพระวิหารของพระยะโฮวาเพื่อพิพากษา องค์การส่วนใหญ่ที่อ้างว่าเป็นคริสเตียนล้วนแต่เปื้อนมลทินเพราะการไหว้รูปเคารพและการผิดศีลธรรมฝ่ายวิญญาณ. (ยาโกโบ 4:4) บางองค์การยึดกับความเชื่อที่อาศัยคำสอนของพวกผู้หญิงหัวแข็งแห่งศตวรรษที่ 19 เช่น เอลเลน ไวต์ แห่งนิกายเซเวนเดย์ แอดเวนติสต์ และแมรี เบเกอร์ เอดดี แห่งนิกายคริสเตียน ไซเยนติสต์ ยิ่งในระยะหลังนี้มีผู้หญิงหลายคนขึ้นเทศน์จากธรรมาสน์. (เทียบกับ 1 ติโมเธียว 2:11, 12.) ท่ามกลางรูปแบบต่าง ๆ ในลัทธิคาทอลิก บ่อยครั้งมาเรียได้รับเกียรติยิ่งกว่าพระเจ้าและพระคริสต์. พระเยซูหาได้ยกย่องนางอย่างนั้นไม่. (โยฮัน 2:4; 19:26) จริง ๆ แล้ว องค์การต่าง ๆ ที่ยอมรับอิทธิพลของผู้หญิงอย่างไม่ถูกต้องเช่นนั้นจะถูกยอมรับว่าเป็นคริสเตียนได้ไหม?
21. มีบทเรียนอะไรสำหรับแต่ละบุคคลในข่าวสารที่พระเยซูทรงมีไปถึงประชาคมที่ทิอาทิรา?
21 คริสเตียนเป็นรายบุคคล ไม่ว่าเป็นจำพวกโยฮันหรือเป็นแกะอีกฝูงหนึ่ง ควรให้ความเอาใจใส่ต่อข่าวสารนี้. (โยฮัน 10:16) บางคนอาจถูกล่อใจให้ติดตามแนวทางที่ง่ายเช่นเดียวกับเหล่าสาวกของอีซาเบลในทิอาทิรา. นอกจากนี้ยังมีการล่อใจให้อะลุ่มอล่วย. ในทุกวันนี้ เราต้องเผชิญกับประเด็นต่าง ๆ เช่น การรับประทานผลิตภัณฑ์จากเลือดหรือการรับการถ่ายเลือด. บางคนอาจรู้สึกว่า ความกระตือรือร้นอย่างแรงกล้าในงานประกาศหรือการบรรยายทำให้เขาไม่ต้องเคร่งครัดในเรื่องอื่น ๆ เช่น การดูภาพยนตร์และวีดิทัศน์ที่รุนแรงหรือลามก หรือดื่มสุราเกินควร. คำเตือนที่พระเยซูทรงให้แก่คริสเตียนในทิอาทิราบอกให้เรารู้ว่า เราต้องไม่ถือสิทธิ์ทำเช่นนั้น. พระยะโฮวาทรงปรารถนาให้เราเป็นบุคคลที่สะอาด, อุทิศตัวสิ้นสุดชีวิต, ไม่แบ่งแยก ดังคริสเตียนหลายคนในทิอาทิรา.
22. พระเยซูทรงเน้นความสำคัญของการมีหูที่ฟังนั้นอย่างไร?
22 ในที่สุด พระเยซูทรงแถลงดังนี้: “ผู้มีหูจงฟังสิ่งซึ่งพระวิญญาณตรัสกับประชาคมทั้งหลายเถิด.” (วิวรณ์ 2:29, ล.ม.) พระเยซูทรงกล่าวย้ำถ้อยคำอันทำให้ตื่นตัวนี้เป็นหนที่สี่ และยังจะสรุปด้วยถ้อยคำนี้อีกในข่าวสารสามเรื่องที่ยังจะตามมา. คุณมีหูซึ่งตอบรับเช่นนั้นไหม? ถ้าอย่างนั้น ก็จงตั้งใจฟังขณะที่พระเจ้าโดยพระวิญญาณของพระองค์ ยังทรงจัดให้มีคำแนะนำผ่านช่องทางของพระองค์ต่อ ๆ ไป.
[เชิงอรรถ]
a เพื่อเป็นตัวอย่าง โปรดดูบทความ “สตรีคริสเตียนที่ซื่อสัตย์—ผู้นมัสการพระเจ้าที่มีค่ายิ่ง” ในหอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 พฤศจิกายน 2003.
[ภาพหน้า 51]
ทุกวันนี้ พี่น้องหญิงที่ซื่อสัตย์ทำงานให้คำพยาน เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่พวกเธอสนับสนุนผู้มีอำนาจ ตามระบอบของพระเจ้าอย่างเสงี่ยมเจียมตัว