พระธรรมเล่มที่ 9—1 ซามูเอล
ผู้เขียน: ซามูเอล, ฆาด, นาธาน
สถานที่เขียน: ยิศราเอล
เขียนเสร็จ: ประมาณ 1078 ก.ส.ศ.
ครอบคลุมระยะเวลา: ประมาณ 1180-1078 ก.ส.ศ.
1. เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่โตอะไรในการจัดระเบียบของชาติยิศราเอลในปี 1117 ก.ส.ศ. และสภาพการณ์เช่นไรบ้างติดตามมาหลังจากนั้น?
ในปี 1117 ก.ส.ศ. เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการจัดระเบียบของชาติยิศราเอล. มีการแต่งตั้งกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์! เรื่องนี้เกิดขึ้นขณะที่ซามูเอลกำลังรับใช้ในฐานะผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาในยิศราเอล. แม้ว่าพระยะโฮวาทรงทราบล่วงหน้าและบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงสู่ระบอบราชาธิปไตยตามที่ประชาชนชาวยิศราเอลเรียกร้องก็ทำให้ซามูเอลตะลึง. ด้วยท่านได้มีใจทุ่มเทแก่งานรับใช้พระยะโฮวาตั้งแต่เกิด และเปี่ยมด้วยการยอมรับด้วยความเคารพนับถือต่อฐานะกษัตริย์ของพระยะโฮวา ซามูเอลเห็นล่วงหน้าถึงผลหายนะที่จะเกิดแก่สมาชิกร่วมในชาติบริสุทธิ์ของพระเจ้า. เฉพาะเมื่อพระยะโฮวาทรงบัญชา ซามูเอลจึงยอมตามการเรียกร้องของพวกเขา. “ซามูเอลจึงได้กล่าวให้ชนนิกรฟังด้วยประเพณีแห่งแผ่นดิน, ย่อมจดลงที่สมุดเก็บไว้เฉพาะพระพักตร์พระยะโฮวา.” (1 ซามู. 10:25) ดังนั้น จึงมาถึงตอนสิ้นสุดของยุคผู้วินิจฉัย และยุคที่มีมนุษย์เป็นกษัตริย์ได้เริ่มขึ้นซึ่งจะได้เห็นชาติยิศราเอลเจริญขึ้นด้วยอำนาจและเกียรติภูมิอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วในที่สุดก็ตกลงสู่ความอัปยศและการตัดขาดจากความโปรดปรานของพระยะโฮวา.
2. ใครเขียนซามูเอลฉบับต้น และพวกเขามีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
2 ใครจะมีคุณวุฒิในการเขียนบันทึกของพระเจ้าเกี่ยวกับช่วงเวลาสำคัญนี้? เป็นการเหมาะสมที่พระยะโฮวาทรงเลือกซามูเอลผู้ซื่อสัตย์ให้เริ่มการเขียน. “ซามูเอล” หมายความว่า “พระนามของพระเจ้า” และท่านโดดเด่นจริง ๆ ในฐานะผู้ยกย่องพระนามของพระยะโฮวาในยุคนั้น. ดูเหมือนซามูเอลเขียน 24 บทแรกของพระธรรมนี้. จากนั้นพอท่านสิ้นชีวิต ฆาดและนาธานได้เขียนต่อ ซึ่งเขียนบันทึกเกี่ยวกับช่วงไม่กี่ปีหลัง ๆ ลงมากระทั่งถึงความตายของซาอูลจนแล้วเสร็จ. 1 โครนิกา 29:29 บอกถึงเรื่องนี้ไว้ มีความว่า “ฝ่ายกิจการของกษัตริย์ดาวิดทั้งหมดได้เขียนไว้ในหนังสือพงศาวดารของซามูเอลผู้สำเร็จญาณ, และของนาธานผู้พยากรณ์, และของฆาดผู้ทำนาย.” ไม่เหมือนพงศาวดารกษัตริย์และโครนิกา พระธรรมซามูเอลแทบจะไม่พูดถึงบันทึกก่อนหน้านั้น และด้วยเหตุนี้ ซามูเอล ฆาดและนาธานซึ่งอยู่ในยุคเดียวกับดาวิดจึงได้รับการรับรองฐานะเป็นผู้เขียน. คนทั้งสามนี้เป็นที่ไว้วางใจในฐานะผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาและผู้ต่อต้านการไหว้รูปเคารพที่บั่นทอนความเข้มแข็งของชาติ.
3. (ก) โดยวิธีใดที่ซามูเอลฉบับต้นกลายเป็นพระธรรมเล่มหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลที่แยกต่างหาก? (ข) พระธรรมนี้เขียนเสร็จเมื่อไร และครอบคลุมระยะเวลาใด?
3 พระธรรมซามูเอลสองเล่มนั้นแต่เดิมเป็นม้วนเดียวหรือเล่มเดียวกัน. พระธรรมซามูเอลถูกแบ่งออกเป็นสองเล่มตอนที่ส่วนนี้ของฉบับแปลกรีกเซปตัวจินต์ ถูกจัดพิมพ์ขึ้น. ในฉบับเซปตัวจินต์ ซามูเอลฉบับต้นถูกเรียกว่า ราชอาณาจักรฉบับต้น. การแบ่งเช่นนี้และชื่อพงศาวดารกษัตริย์ฉบับต้นมีการรับเข้ามาโดยฉบับลาตินวัลเกต และใช้ต่อมาในคัมภีร์ไบเบิลของนิกายคาทอลิกจนถึงทุกวันนี้. ที่ว่าแต่เดิมซามูเอลฉบับต้นและฉบับสองประกอบเป็นพระธรรมเล่มเดียวกันนั้นมีแสดงไว้โดยหมายเหตุของมาโซเรติกสำหรับ 1 ซามูเอล 28:24 ซึ่งกล่าวว่าข้อนี้อยู่ในตอนกลางของพระธรรมซามูเอล. พระธรรมนี้ปรากฏว่าเขียนเสร็จราว ๆ ปี 1078 ก.ส.ศ. ฉะนั้น เป็นไปได้ว่า ซามูเอลฉบับต้นครอบคลุมระยะเวลาประมาณร้อยกว่าปี คือตั้งแต่ราว ๆ ปี 1180 ถึงปี 1078 ก.ส.ศ.
4. ความถูกต้องแม่นยำของบันทึกในซามูเอลฉบับต้นได้รับการสนับสนุนอย่างไร?
4 มีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับความถูกต้องแม่นยำของบันทึก. สถานที่ทางภูมิศาสตร์สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่มีพรรณนาไว้. น่าสนใจ การโจมตีที่ประสบผลสำเร็จของโยนาธานต่อฐานทัพฟะลีศตีมที่มิกมาชซึ่งนำไปสู่การแตกพ่ายอย่างสิ้นเชิงของพวกฟะลีศตีมนั้นมีการทำซ้ำในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโดยนายทหารบริเตนซึ่งตามรายงานได้ตีพวกเตอร์กจนแตกพ่ายโดยการไปตามเครื่องหมายบอกต่าง ๆ ที่มีพรรณนาไว้ในบันทึกที่ซามูเอลเขียนโดยการดลใจ.—14:4-14.a
5. เหล่าผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลยืนยันอย่างไรว่าซามูเอลฉบับต้นเป็นของแท้?
5 อย่างไรก็ตาม มีข้อพิสูจน์ที่หนักแน่นกว่านั้นอีกในเรื่องการเขียนโดยการดลใจและความเชื่อถือได้ของพระธรรมนี้. พระธรรมนี้บรรจุความสำเร็จเป็นจริงอันน่าตื่นใจแห่งคำพยากรณ์ของพระยะโฮวาที่ว่า ชาติยิศราเอลจะขอให้มีกษัตริย์. (บัญ. 17:14; 1 ซามู. 8:5) หลายปีต่อมา โฮเซอายืนยันบันทึกนี้โดยยกคำตรัสของพระยะโฮวามากล่าวที่ว่า “โดยความโกรธเราได้ปล่อยให้เจ้ามีกษัตริย์, แล้วโดยความกริ้วเราได้เอากษัตริย์นั้นไปเสีย.” (โฮ. 13:11) เปโตรแสดงนัยว่าซามูเอลได้รับการดลใจเมื่อท่านระบุตัวซามูเอลว่าเป็นผู้พยากรณ์ซึ่ง ‘กล่าวถึงสมัย’ ของพระเยซู. (กิจ. 3:24) เปาโลยก 1 ซามูเอล 13:14 มากล่าวในการเน้นถึงประวัติศาสตร์ของยิศราเอลอย่างสั้น ๆ. (กิจ. 13:20-22) พระเยซูเองก็ทรงยืนยันว่าบันทึกนั้นเชื่อถือได้โดยตรัสถามพวกฟาริซายในสมัยของพระองค์ว่า “ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่าน หรือว่าดาวิดได้กระทำอย่างไรเมื่อท่านกับพรรคพวกกำลังหิว?” แล้วพระองค์ทรงกล่าวถึงเรื่องที่ดาวิดขอขนมปังที่ตั้งถวาย. (มัด. 12:1-4; 1 ซามู. 21:1-6) เอษราก็ยอมรับว่าบันทึกนั้นเป็นของแท้ ดังที่กล่าวแล้ว.—1 โคร. 29:29.
6. หลักฐานอะไรภายในคัมภีร์ไบเบิลแสดงว่า ซามูเอลฉบับต้นเชื่อถือได้?
6 เนื่องจากพระธรรมนี้เป็นบันทึกต้นเรื่องเกี่ยวกับกิจต่าง ๆ ที่ดาวิดทำ การเอ่ยถึงดาวิดทุก ๆ ครั้งตลอดพระคัมภีร์ยืนยันว่า พระธรรมซามูเอลเป็นส่วนแห่งพระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจของพระเจ้า. เหตุการณ์บางตอนในพระธรรมนี้กระทั่งมีการอ้างถึงในจ่าหน้าบทของเพลงสรรเสริญของดาวิด (ดูฉบับแปลใหม่) เช่นที่บทเพลงสรรเสริญ 59 (1 ซามู. 19:11), บทเพลงสรรเสริญ 34 (1 ซามู. 21:13, 14), และบทเพลงสรรเสริญ 142 (1 ซามู. 22:1 หรือ 1 ซามู. 24:1, 3). ดังนั้น หลักฐานภายในพระคำของพระเจ้าเองจึงยืนยันอย่างปราศจากข้อกังขาในเรื่องความเชื่อถือได้ของพระธรรมซามูเอลฉบับต้น.
เนื้อเรื่องในซามูเอลฉบับต้น
7. ประวัติศาสตร์ที่บันทึกในพระธรรมเล่มนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้นำยิศราเอลคนไหนบ้าง?
7 พระธรรมเล่มนี้ครอบคลุมช่วงชีวิตบางส่วนหรือทั้งหมดของผู้นำสี่คนของชาติยิศราเอลคือ มหาปุโรหิตเอลี, ผู้พยากรณ์ซามูเอล, ซาอูลกษัตริย์องค์แรก, และดาวิดผู้ได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป.
8. สภาพการณ์เป็นเช่นไรบ้างเกี่ยวกับการเกิดของซามูเอลและตอนที่ท่านกลายเป็นผู้ “ปฏิบัติพระยะโฮวา”?
8 ตำแหน่งผู้วินิจฉัยของเอลี และซามูเอลผู้เยาว์วัย (1:1–4:22). ในตอนเริ่มเรื่อง เราได้รับการแนะนำให้รู้จักฮันนาภรรยาคนโปรดของเอ็ลคานาชาวเลวี. นางไม่มีบุตรและถูกพะนีนาภรรยาอีกคนหนึ่งของเอ็ลคานาเยาะเย้ย. ขณะที่ครอบครัวนี้ไปที่ซีโลครั้งหนึ่งในการเยือนเป็นประจำทุกปี ที่ซึ่งหีบสัญญาไมตรีของพระยะโฮวาตั้งอยู่ นางฮันนาอธิษฐานขอบุตรชายต่อพระยะโฮวาด้วยความตั้งใจแรงกล้า. นางสัญญาว่าหากคำอธิษฐานของนางได้รับคำตอบ นางจะอุทิศบุตรแก่งานรับใช้พระยะโฮวา. พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของนาง และนางได้ให้กำเนิดบุตรชาย คือซามูเอล. ทันทีที่ซามูเอลหย่านม นางนำเขาไปยังราชสำนักของพระยะโฮวาและให้อยู่ในความดูแลของเอลีมหาปุโรหิต เพื่อเป็นของ ‘ถวายแด่พระยะโฮวา.’ (1:28) แล้วนางฮันนาจึงแสดงความรู้สึกออกมาด้วยการร้องเพลงชื่นชมแสดงความขอบพระคุณและความยินดี. เด็กชายนี้ “ได้ปฏิบัติพระยะโฮวาต่อหน้าเอลีผู้ปุโรหิต.”—2:11.
9. ซามูเอลมาเป็นผู้พยากรณ์ในยิศราเอลอย่างไร?
9 เหตุการณ์ใช่ว่าดีไปเสียทั้งหมดกับเอลี. ท่านชราแล้ว และบุตรชายสองคนของท่านกลายเป็นคนเลวทรามไร้ค่าซึ่ง “มิได้นับถือพระเจ้า.” (2:12, ฉบับแปลใหม่) เขาทั้งสองใช้ตำแหน่งปุโรหิตเพื่อสนองความโลภและราคะตัณหาอันผิดศีลธรรมของตน. เอลีไม่ได้ว่ากล่าวแก้ไขพวกเขา. ฉะนั้น พระยะโฮวาจึงส่งข่าวสารของพระองค์แก่เชื้อวงศ์ของเอลี เตือนว่าจะ “หามีคนชราในวงศ์เจ้าไม่เลย” และบุตรชายทั้งสองของเอลีจะตายในวันเดียวกัน. (1 ซามู. 2:30-34; 1 กษัตริย์ 2:27) ในที่สุด พระองค์ทรงส่งเด็กชายซามูเอลไปหาเอลีพร้อมด้วยข่าวการพิพากษาที่น่าตกใจ. ด้วยวิธีนี้ซามูเอลผู้เยาว์วัยจึงได้รับเกียรติเป็นผู้พยากรณ์ในชาติยิศราเอล.—1 ซามู. 3:1, 11.
10. พระยะโฮวาทรงลงโทษตามคำพิพากษาแก่ครัวเรือนของเอลีอย่างไร?
10 เมื่อถึงเวลาอันควร พระยะโฮวาทรงลงโทษตามคำพิพากษานี้โดยพาพวกฟะลีศตีมมา. ขณะชาวยิศราเอลเสียเปรียบในการรบ พวกเขานำหีบสัญญาไมตรีจากซีโลมายังค่ายทหารพร้อมด้วยการโห่ร้องเสียงดัง. เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องและรู้ว่ามีการนำหีบสัญญาไมตรีเข้ามาในค่ายของพวกยิศราเอล ชาวฟะลีศตีมจึงเสริมกำลังและเอาชนะได้อย่างน่าตกตะลึง โดยตีพวกยิศราเอลแตกพ่ายอย่างสิ้นเชิง. หีบสัญญาไมตรีถูกยึดและบุตรชายสองคนของเอลีเสียชีวิต. พอได้ยินรายงาน เอลีใจสั่นหวั่นไหว. พอได้ยินเรื่องหีบสัญญาไมตรี ท่านก็ล้มหงายตกจากที่นั่งและคอหักตาย. การเป็นผู้วินิจฉัย 40 ปีของท่านจึงสิ้นสุดลงเช่นนี้เอง. จริงทีเดียว “สง่าราศีของชาติยิศราเอลจึงเสื่อมลง” เพราะหีบนั้นแสดงถึงการที่พระยะโฮวาประทับอยู่กับไพร่พลของพระองค์.—4:22.
11. ปรากฏให้เห็นอย่างไรว่า หีบสัญญาไมตรีไม่ใช่เครื่องรางของขลัง?
11 ซามูเอลวินิจฉัยชาติยิศราเอล (5:1–7:17). บัดนี้ ชาติฟะลีศตีมก็ต้องเรียนรู้ด้วยความเศร้าใจใหญ่หลวงเช่นกันว่า หีบของพระยะโฮวาจะนำมาใช้เป็นเครื่องรางของขลังไม่ได้. เมื่อพวกเขานำหีบสัญญาไมตรีเข้าไปไว้ในวิหารของดาโฆนที่เมืองอัศโดด พระของพวกเขาล้มคว่ำหน้าลง. ในวันต่อมาพระดาโฆนก็ล้มลงอีกตรงธรณีประตู คราวนี้ส่วนหัวและฝ่ามือทั้งสองข้างหัก. เรื่องนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการถือโชคลางของชาวฟะลีศตีมที่ “ไม่เหยียบธรณีวิหารดาโฆน.” (5:5) ชาวฟะลีศตีมจึงรีบเร่งย้ายหีบนั้นไปยังเมืองฆัธและจากนั้นก็ไปยังเมืองเอกโรน แต่ทั้งหมดไม่ได้เกิดผลดีอะไร! ความทุกข์ทรมานมาในรูปของความตื่นตระหนก, โรคฝี, และภัยพิบัติจากหนู. ในที่สุด ด้วยรู้สึกสิ้นหวังเนื่องจากจำนวนคนล้มตายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เจ้านายฟะลีศตีมจึงส่งหีบนั้นคืนแก่ชาวยิศราเอลโดยใช้เกวียนใหม่เล่มหนึ่งลากโดยแม่โคหนึ่งคู่ซึ่งยังให้นมลูกอยู่. ที่เมืองเบธเซเม็ศ เกิดภัยพิบัติแก่ชาวยิศราเอลเพราะเขาจ้องมองหีบสัญญาไมตรี. (1 ซามู. 6:19; อาฤ. 4:6, 20) ในที่สุด หีบสัญญาไมตรีก็มาอยู่ในเรือนของอะบีนาดาบในเมืองคีระยัธยะอารีมของพวกเลวี.
12. พระพรอะไรบ้างเป็นผลจากการที่ซามูเอลสนับสนุนการนมัสการอย่างถูกต้อง?
12 เป็นเวลา 20 ปีที่หีบสัญญาไมตรีอยู่ในเรือนของอะบีนาดาบ. เมื่อซามูเอลเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านกระตุ้นชาวยิศราเอลให้ละทิ้งบาละและรูปพระอัศธาโรธ (อัชโทเรท) แล้วให้รับใช้พระยะโฮวาด้วยสิ้นสุดหัวใจ. พวกเขาทำเช่นนั้น. ขณะที่พวกเขามาชุมนุมกันที่มิศพาเพื่อนมัสการ เจ้านายฟะลีศตีมถือโอกาสมาสู้รบและพวกยิศราเอลก็ไม่ทันระวังตัว. ชาวยิศราเอลร้องขอพระยะโฮวาผ่านทางซามูเอล. เสียงดังของฟ้าร้องจากพระยะโฮวาทำให้ชาวฟะลีศตีมตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน และชาวยิศราเอลซึ่งได้รับการเสริมกำลังให้เข้มแข็งเนื่องจากถวายเครื่องบูชาและคำอธิษฐานจึงได้ชัยชนะโดยเด็ดขาด. ตั้งแต่นั้นมา “พระหัตถ์พระยะโฮวาทรงปราบปรามชาติฟะลิศตีมจนซามูเอลสิ้นชีวิต.” (7:13) อย่างไรก็ตาม ไม่มีการปลดเกษียณสำหรับซามูเอล. ท่านได้ทำการวินิจฉัยชาติยิศราเอลตลอดชีวิตของท่าน เดินทางปีละรอบจากรามาซึ่งอยู่ทางเหนือของยะรูซาเลมไปยังเบธเอล, ฆีละฆาล, และมิศพา. ในเมืองรามา ท่านสร้างแท่นบูชาแท่นหนึ่งสำหรับพระยะโฮวา.
13. ยิศราเอลบอกปัดพระยะโฮวาในฐานะกษัตริย์อย่างไร และซามูเอลเตือนถึงผลอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้น?
13 ซาอูล กษัตริย์องค์แรกของยิศราเอล (8:1–12:25). ซามูเอลได้รับใช้พระยะโฮวาจนชรา แต่บุตรของท่านไม่ได้ดำเนินตามอย่างบิดา เพราะพวกเขารับสินบนและบิดเบือนการพิพากษา. มาบัดนี้ พวกผู้เฒ่าผู้แก่แห่งยิศราเอลเข้าพบซามูเอลพร้อมกับเรียกร้องว่า “ขอโปรดตั้งกษัตริย์ เพื่อจะได้ทรงพิพากษาพวกข้าพเจ้าทั้งหลายเหมือนชาวนานาประเทศ.” (8:5) ซามูเอลไม่สบายใจอย่างยิ่งและเข้าเฝ้าพระยะโฮวาในคำอธิษฐาน. พระยะโฮวาตรัสตอบว่า “เขาไม่ได้ประมาทละทิ้งท่าน, แต่ได้ประมาทละทิ้งเรา, ไม่ยอมให้เราเป็นกษัตริย์ของเขา. . . . จงฟังเสียงของเขาเถิด.” (8:7-9) แต่ก่อนอื่น ซามูเอลต้องเตือนพวกเขาถึงผลร้ายแรงจากการเรียกร้องของพวกเขาที่แสดงถึงการขืนอำนาจ กล่าวคือ การควบคุม, การเก็บภาษี, การสูญเสียเสรีภาพ, และท้ายที่สุดความโศกเศร้าและการร้องไห้อย่างขมขื่นต่อพระยะโฮวา. โดยยืนกรานในคำขอของตน ชนชาตินี้เรียกร้องให้มีกษัตริย์.
14. ซาอูลได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์อย่างไร?
14 ตอนนี้เราพบซาอูล บุตรชายคนหนึ่งของคิชแห่งตระกูลเบนยามินและเป็นชายรูปงามที่สุดและสูงที่สุดในยิศราเอลเวลานั้น. ท่านมาหาซามูเอลซึ่งให้เกียรติท่าน ณ การเลี้ยงอาหาร, เจิมท่าน, แล้วจึงแนะนำท่านต่อชาวยิศราเอลทั้งปวงที่ชุมนุมกันที่มิศพา. แม้ในตอนแรกซาอูลซ่อนตัวอยู่ในกองสัมภาระ แต่ในที่สุดท่านก็ได้รับการเสนอตามการเลือกของพระยะโฮวา. ซามูเอลเตือนชาวยิศราเอลอีกครั้งให้ระลึกถึงสิทธิอันชอบธรรมของฐานะกษัตริย์ โดยเขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่ง. อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งซาอูลเอาชนะชาวอัมโมนซึ่งทำให้เมืองยาเบชในฆีละอาดพ้นจากการถูกยึด ตำแหน่งกษัตริย์ของท่านจึงได้รับการเสริมให้มั่นคง ดังนั้นประชาชนจึงรับรองฐานะกษัตริย์ของท่านที่ฆีละฆาล. ซามูเอลกระตุ้นเตือนพวกเขาอีกครั้งให้เกรงกลัว, รับใช้, และเชื่อฟังพระยะโฮวา อีกทั้งทูลขอพระยะโฮวาให้ส่งหมายสำคัญมาในรูปของฟ้าร้องและฝนนอกฤดูในฤดูเก็บเกี่ยว. พระยะโฮวาทรงแสดงพระพิโรธต่อการที่พวกเขาบอกปัดพระองค์ในฐานะกษัตริย์ด้วยการสำแดงอานุภาพอันน่าสะพรึงกลัว.
15. บาปแห่งการทำอะไรโดยพลการที่นำไปสู่ความล้มเหลวของซาอูล?
15 การไม่เชื่อฟังของซาอูล (13:1–15:35). ขณะที่ชาวฟะลีศตีมยังคงรบกวนชาวยิศราเอล โยนาธานราชบุตรผู้กล้าหาญของซาอูลได้ทำลายฐานทัพฟะลีศตีม. เพื่อแก้แค้น ศัตรูได้ส่งกองทัพมหึมา “มากดุจทรายที่ชายทะเล” และตั้งค่ายที่มิกมาช. เหล่านายทหารยิศราเอลต่างกระสับกระส่าย. ‘คงจะดีถ้าซามูเอลมาให้การชี้นำจากพระยะโฮวา!’ ด้วยความไม่อดทนคอยซามูเอล ซาอูลจึงทำบาปโดยการถวายเครื่องบูชาเผาด้วยตนเองโดยพลการ. ทันใดนั้นซามูเอลก็มาถึง. โดยไม่สนใจข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นของซาอูล ท่านประกาศคำพิพากษาของพระยะโฮวา: “เดี๋ยวนี้พระราชตระกูลของท่านจะดำรงอยู่ไม่ได้, พระยะโฮวาทรงแสวงหาบุรุษผู้หนึ่งตามชอบพระทัยของพระองค์ได้แล้ว, จะทรงตั้งให้เป็นหัวหน้าไพร่พลของพระองค์ต่อไป, ด้วยท่านมิได้รักษาพระบัญญัติตามซึ่งพระยะโฮวาทรงสั่งไว้แล้ว.”—13:14.
16. ความหุนหันของซาอูลยังผลด้วยความยุ่งยากอะไรบ้าง?
16 โยนาธานผู้มีใจแรงกล้าเพื่อพระนามของพระยะโฮวาเข้าโจมตีทัพหน้าของฟะลีศตีมอีกครั้ง ครั้งนี้ท่านไปกับผู้ถือเครื่องรบเท่านั้น และสังหารราว 20 คนอย่างรวดเร็ว. แผ่นดินไหวทำให้ศัตรูสับสนยิ่งขึ้น. พวกเขาแตกหนีไปโดยมีชาวยิศราเอลไล่ตามอย่างเต็มกำลัง. อย่างไรก็ตาม ชัยชนะไม่เต็มที่เนื่องด้วยคำปฏิญาณแบบหุนหันของซาอูลที่ห้ามเหล่าทหารกินอะไรก่อนที่การรบจะเสร็จสิ้น. ทหารอิดโรยอย่างรวดเร็วและจึงได้ทำบาปต่อพระยะโฮวาด้วยการกินเนื้อสัตว์ที่ฆ่าสด ๆ โดยไม่ให้เลือดไหลออกเสียก่อน. ส่วนโยนาธานทำให้ตนเองสดชื่นด้วยรวงผึ้งก่อนได้ยินคำปฏิญาณนั้น ซึ่งท่านคัดค้านอย่างกล้าหาญว่าคำปฏิญาณนั้นเป็นอุปสรรค. ประชาชนช่วยท่านให้พ้นความตายเพราะการช่วยให้รอดอันยิ่งใหญ่ที่ท่านได้ทำแก่ชาวยิศราเอล.
17. ซาอูลถูกทอดทิ้งเช่นไรหลังจากท่านทำบาปร้ายแรงครั้งที่สอง?
17 บัดนี้ ถึงเวลาดำเนินการตามพิพากษาของพระยะโฮวาต่อชาวอะมาเล็กที่เลวทรามต่ำช้า. (บัญ. 25:17-19) พวกเขาจะต้องถูกกวาดล้างอย่างสิ้นเชิง. จะต้องไม่ไว้ชีวิตสิ่งใดไม่ว่าคนหรือสัตว์. จะต้องไม่มีการยึดทรัพย์สินใด ๆ. ต้องทำลายสิ้นทุกสิ่ง. แต่ซาอูลไม่เชื่อฟัง ได้ไว้ชีวิตอะฆาฆกษัตริย์อะมาเล็ก รวมทั้งส่วนที่ดีที่สุดของฝูงแกะและฝูงปศุสัตว์ ทำเป็นว่าจะถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระยะโฮวา. การทำเช่นนี้ทำให้พระเจ้าแห่งยิศราเอลไม่พอพระทัยอย่างมากถึงขนาดที่พระองค์ทรงดลใจซามูเอลให้บอกถึงการทอดทิ้งซาอูลเป็นครั้งที่สอง. โดยไม่คำนึงถึงข้อแก้ตัวของซาอูลที่ขอให้ไว้หน้าตน ซามูเอลประกาศว่า “พระยะโฮวาทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาเครื่องถวายเสมอเหมือนกับการเชื่อฟังพระดำรัสของพระองค์หรือ? ดูกรท่าน, การเชื่อฟังก็ประเสริฐกว่าเครื่องบูชา . . . โดยเหตุที่ท่านได้ละทิ้งพระดำรัสของพระยะโฮวาเสียพระองค์จึงทรงถอดท่านออกจากตำแหน่งกษัตริย์.” (1 ซามู. 15:22, 23) ซาอูลจึงพยายามวิงวอนซามูเอลและดึงชายเสื้อชั้นนอกของท่านจนขาด. ซามูเอลบอกให้ซาอูลแน่ใจว่าพระยะโฮวาจะทรงทำให้อาณาจักรขาดจากซาอูลอย่างแน่นอนและยกให้กับคนที่ดีกว่า. ซามูเอลหยิบดาบขึ้นประหารอะฆาฆเอง และหันหลังให้ซาอูล ไม่มาหาท่านอีกเลย.
18. พระยะโฮวาทรงเลือกดาวิดโดยอาศัยอะไร?
18 การเจิมดาวิด ความกล้าหาญของท่าน (16:1–17:58). ต่อมาพระยะโฮวาทรงนำซามูเอลให้ไปยังบ้านของยิซัยในเบธเลเฮมในเขตยูดาเพื่อเลือกและเจิมผู้ที่จะเป็นกษัตริย์ในอนาคต. บุตรชายของยิซัยเข้ามาให้พินิจดูทีละคนแต่ไม่ได้รับเลือก. พระยะโฮวาเตือนซามูเอลว่า “พระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู เพราะมนุษย์ดูสิ่งที่ปรากฏแก่ตา; แต่พระยะโฮวาทรงทอดพระเนตรดูว่าหัวใจเป็นอย่างไร.” (16:7, ล.ม.) ในที่สุด พระยะโฮวาแสดงว่าทรงพอพระทัยดาวิดบุตรคนสุดท้อง มีการพรรณนาถึงท่านว่า “มีผมแดงตางามรูปร่างน่าดู” และซามูเอลได้เจิมท่านด้วยน้ำมัน. (16:12) บัดนี้พระวิญญาณของพระยะโฮวาได้สวมทับดาวิด แต่ซาอูลกลับเพาะน้ำใจที่ไม่ดี.
19. ดาวิดได้ชัยชนะขั้นต้นอะไรในพระนามของพระยะโฮวา?
19 ชาวฟะลีศตีมบุกยิศราเอลอีก ส่งฆาละยัธยอดนักรบของพวกเขาซึ่งเป็นคนร่างยักษ์ที่สูงร่วมสามเมตรออกมา. เขารูปร่างใหญ่ถึงขนาดที่เสื้อเกราะของเขาหนักราว 57 กิโลกรัมและใบหอกของเขาหนักราว 7 กิโลกรัม. (17:4, 5, 7) ทุก ๆ วัน ฆาละยัธผู้นี้จะท้าทายชาวยิศราเอลอย่างดูหมิ่นเหยียดหยามให้เลือกคนออกไปต่อสู้ แต่ไม่มีใครตอบรับ. ซาอูลกลัวตัวสั่นอยู่ในกระโจม. อย่างไรก็ตาม ดาวิดมาและได้ยินการสบประมาทของชาวฟะลีศตีม. ด้วยความขุ่นเคืองอย่างชอบธรรมและความกล้าหาญจากการดลใจ ดาวิดได้ร้องว่า “ชาวฟะลิศตีมที่ไม่รับศีลสุหนัตคนนี้เป็นผู้ใดเล่า, จึงองอาจท้าทายกองทัพแห่งพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่?” (17:26) โดยปฏิเสธเกราะของซาอูลเพราะไม่เคยสวมมาก่อน ดาวิดออกไปสู้โดยมีแค่ไม้เท้าของคนเลี้ยงแกะ, สลิง, กับหินเกลี้ยงห้าก้อน. ด้วยถือว่าการสู้รบกับเด็กเลี้ยงแกะนี้ไม่สมกับเกียรติศักดิ์ของตน ฆาละยัธจึงแช่งด่าดาวิด. คำตอบอย่างมั่นใจดังขึ้นว่า “เจ้าเข้ามาหาเราด้วยดาบและหอกยาวหอกสั้น แต่ฝ่ายเรามาหาเจ้าด้วยนามแห่งพระยะโฮวาของพลโยธา.” (17:45) ก้อนหินที่เล็งอย่างดีถูกเหวี่ยงจากสลิงของดาวิด และยอดนักรบของชาวฟะลีศตีมล้มตึงลงบนพื้นดิน! ดาวิดวิ่งเข้าไปหาเขาท่ามกลางสายตาของกองทัพทั้งสองฝ่าย ชักดาบของคนร่างยักษ์นั้นออกมาตัดศีรษะเจ้าของดาบ. นับเป็นการช่วยให้รอดครั้งยิ่งใหญ่จริง ๆ จากพระยะโฮวา! เป็นความปีติยินดีจริง ๆ ในค่ายของยิศราเอล! พอยอดนักรบของตนตาย ชาวฟะลีศตีมก็พากันแตกหนี โดยฝ่ายยิศราเอลที่ลิงโลดยินดีพากันไล่ตามด้วยความฮึกหาญ.
20. เจตคติที่โยนาธานมีต่อดาวิดต่างกันอย่างไรกับของซาอูล?
20 ซาอูลตามล่าดาวิด (18:1–27:12). การกระทำโดยไม่หวาดกลัวของดาวิดเพื่อเห็นแก่พระนามของพระยะโฮวาทำให้ท่านได้มิตรภาพอันแสนวิเศษ. มิตรภาพนี้มีกับโยนาธานผู้เป็นราชบุตรของซาอูล และเป็นผู้ที่โดยสายเลือดแล้วจะได้ครองอาณาจักร. โยนาธาน “รักดาวิดเสมอตนเอง” ดังนั้นทั้งสองจึงทำสัญญาไมตรีต่อกัน. (18:1-3) ในขณะที่ชื่อเสียงของดาวิดเลื่องลือในยิศราเอล ซาอูลโกรธแค้นหาทางฆ่าดาวิด แม้แต่ในยามที่ยกมีคัลราชธิดาของตนให้แต่งงานกับดาวิด. ความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ที่ซาอูลมีนั้นยิ่งไร้เหตุผลขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดดาวิดต้องหนีไปโดยการช่วยเหลือด้วยความรักจากโยนาธาน. ทั้งสองร้องไห้เมื่อจากกันและโยนาธานบอกย้ำยืนยันความภักดีของท่านต่อดาวิดโดยกล่าวว่า “พระองค์ [พระยะโฮวา] จะทรงเป็นพยานฝ่ายเรากับท่าน, ทั้งเชื้อวงศ์ของเรากับเชื้อวงศ์ของท่านสืบไปเป็นนิตย์.”—20:42.
21. เกิดเหตุการณ์อะไรบ้างเมื่อดาวิดต้องหนีจากซาอูล?
21 เมื่อดาวิดหนีจากซาอูลผู้เคียดแค้น ท่านและผู้สนับสนุนที่หิวโหยกลุ่มเล็ก ๆ มาถึงเมืองโนบ. ที่นี่ปุโรหิตอะฮีเมเล็คเมื่อได้รับการรับรองจากดาวิดกับคนของท่านว่าสะอาดจากผู้หญิง จึงอนุญาตให้กินขนมปังถวาย. บัดนี้ ดาวิดพร้อมด้วยดาบของฆาละยัธก็หนีไปเมืองฆัธในเขตฟะลีศตีม ที่นั่นท่านแกล้งทำเป็นบ้า. จากนั้นท่านลงไปยังถ้ำอะดูลามแล้วจึงไปยังโมอาบ และหลังจากนั้น โดยคำแนะนำของฆาดผู้พยากรณ์จึงได้กลับไปยังยูดา. ด้วยความกลัวว่าจะมีการลุกฮือขึ้นเพื่อดาวิด ซาอูลผู้ริษยาอย่างบ้าคลั่งจึงให้โดเอฆชาติอะโดมสังหารประชากรที่เป็นปุโรหิตในเมืองโนบ เฉพาะอะบีอาธารเท่านั้นที่หนีรอดไปสมทบกับดาวิด. เขาจึงเป็นปุโรหิตประจำกลุ่มของดาวิด.
22. โดยวิธีใดที่ดาวิดสำแดงความภักดีต่อพระยะโฮวาและความนับถือต่อองค์การของพระองค์?
22 ในฐานะผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวา ดาวิดทำการรบแบบกองโจรกับพวกฟะลีศตีมอย่างได้ผล. อย่างไรก็ตาม ซาอูลยังคงพยายามปฏิบัติการทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตัวดาวิด โดยการรวบรวมทหารและล่าดาวิด “ที่ป่าเอนฆะดี.” (24:1) ดาวิดผู้ที่พระยะโฮวาทรงรักมักดำเนินการให้ล้ำหน้าฝ่ายตามล่าก้าวหนึ่งเสมอ. ครั้งหนึ่งท่านมีโอกาสสังหารซาอูล แต่ท่านยั้งไว้ เพียงแต่ตัดชายเสื้อชั้นนอกของซาอูลเพื่อเป็นหลักฐานว่าท่านได้ไว้ชีวิตซาอูล. แม้แต่การกระทำที่ไม่ก่ออันตรายเช่นนี้ก็ยังทำให้ดาวิดสะเทือนใจ เพราะท่านรู้สึกว่าได้ต่อสู้ผู้ถูกเจิมของพระยะโฮวา. นับว่าท่านมีความนับถือต่อการจัดระเบียบของพระยะโฮวาอย่างแท้จริง!
23. โดยวิธีใดที่อะบีฆายิลสร้างสันติกับดาวิดและในที่สุดมาเป็นภรรยาของท่าน?
23 แม้ว่าช่วงนี้จะบันทึกเรื่องความตายของซามูเอล (25:1) ผู้เขียนต่อจากท่านก็ยังทำให้เรื่องดำเนินต่อไป. ดาวิดขอร้องนาบาลแห่งมาโอนในยูดาให้จัดหาอาหารเป็นการตอบแทนที่ท่านกับคนของท่านเป็นมิตรกับคนเลี้ยงแกะของเขา. แต่นาบาลกลับ ‘ดุว่า’ คนของดาวิด และดาวิดจึงยกไปจะลงโทษเขา. (25:14) ด้วยตระหนักถึงอันตราย อะบีฆายิลภรรยานาบาลจึงแอบเตรียมข้าวของให้ดาวิดและทำให้ท่านมีใจสงบ. ดาวิดอวยพรเธอสำหรับการกระทำที่สุขุมเช่นนั้นและส่งนางกลับไปอย่างสันติ. พออะบีฆายิลแจ้งนาบาลให้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น หัวใจนาบาลก็สลาย และสิบวันต่อมาเขาก็ตาย. ดาวิดจึงแต่งงานกับอะบีฆายิลผู้มีน้ำใจดีและงดงาม.
24. ดาวิดไว้ชีวิตซาอูลอีกครั้งหนึ่งอย่างไร?
24 เป็นครั้งที่สามที่ซาอูลตามล่าดาวิดอย่างบ้าคลั่ง และได้รับความเมตตาจากดาวิดอีกครั้งหนึ่ง. “พระยะโฮวาทรงบันดาลให้หลับสนิท” ทั้งซาอูลและทหาร. ทั้งนี้ทำให้ดาวิดสามารถเข้าไปในค่ายและหยิบหอกของซาอูล แต่ท่านยั้งใจไว้ไม่ยื่นออก “ต่อสู้ผู้ที่พระยะโฮวาทรงชะโลมแล้ว.” (26:11, 12) ดาวิดถูกบีบให้ต้องหนีไปหาชาวฟะลีศตีมเป็นครั้งที่สองเพื่อลี้ภัย และพวกเขาให้เมืองซิคลัฆเป็นที่อาศัยแก่ท่าน. จากที่นี่ดาวิดยังคงโจมตีศัตรูอื่น ๆ ของยิศราเอลต่อไป.
25. บาปร้ายแรงครั้งที่สามของซาอูลคืออะไร?
25 จุดจบด้วยการฆ่าตัวตายของซาอูล (28:1–31:13). พวกเจ้านายของชาวฟะลีศตีมยกกองทัพร่วมมายังซูเนม. ซาอูลยกไปต่อต้าน ตั้งมั่นที่ภูเขาฆีละโบอะ. ท่านแสวงหาการนำทางด้วยความรุ่มร้อนใจแต่ไม่อาจได้รับคำตอบจากพระยะโฮวา. ถ้าติดต่อซามูเอลได้ก็คงจะดี! ซาอูลทำบาปร้ายแรงอีกครั้งเมื่อท่านปลอมตัวไปหาคนทรงที่เมืองเอนโดร์หลังแนวค่ายฟะลีศตีม. เมื่อพบนาง ท่านขอนางติดต่อซามูเอลให้. ด้วยความกระวนกระวายด่วนลงความเห็น ซาอูลสันนิษฐานว่าร่างที่ปรากฏเป็นซามูเอลที่ตายไปแล้ว. อย่างไรก็ตาม “ซามูเอล” ไม่มีข่าวที่ทำให้สบายใจสำหรับกษัตริย์. พรุ่งนี้ท่านจะตาย และก็จริงตามคำตรัสของพระยะโฮวา อาณาจักรจะต้องถูกเอาไปจากท่าน. ในค่ายของอีกฝ่ายหนึ่ง พวกเจ้านายของฟะลีศตีมก็กำลังจะยกมารบ. เมื่อเห็นดาวิดกับคนของท่านอยู่ท่ามกลางพวกเขา พวกเขาเกิดความระแวงและส่งพวกท่านกลับ. คนของดาวิดกลับซิคลัฆทันเวลาพอดี! กองโจรอะมาเล็กที่เข้าโจมตีได้กวาดเอาครอบครัวและทรัพย์สมบัติของดาวิดกับพรรคพวกไป แต่ดาวิดกับพรรคพวกไล่ตามไปและเอาคืนมาได้หมดโดยไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ.
26. การครองราชย์ที่ก่อความหายนะของกษัตริย์ยิศราเอลองค์แรกสิ้นสุดลงอย่างไร?
26 ตอนนี้สงครามเกิดขึ้นที่ภูเขาฆีละโบอะ ยิศราเอลประสบความพ่ายแพ้ยับเยิน และชาวฟะลีศตีมควบคุมเขตยุทธศาสตร์ของดินแดนนั้นไว้. โยนาธานและราชบุตรคนอื่น ๆ ของซาอูลถูกฆ่า ซาอูลผู้บาดเจ็บสาหัสได้ฆ่าตัวตายด้วยดาบของตนเอง นั่นเป็นอัตวินิบาตกรรม. ชาวฟะลีศตีมที่ได้ชัยได้แขวนร่างของซาอูลและราชบุตรทั้งสาม ณ กำแพงเมืองเบธชาน แต่ผู้ชายจากเมืองยาเบชฆีละอาดได้ย้ายศพลงจากที่อันไร้เกียรตินั้น. การครองราชย์ที่ก่อความหายนะของกษัตริย์องค์แรกแห่งยิศราเอลได้ถึงจุดจบด้วยภัยพิบัติ.
เหตุที่เป็นประโยชน์
27. (ก) เอลีและซาอูลล้มเหลวในด้านไหน? (ข) ซามูเอลและดาวิดเป็นตัวอย่างที่ดีในด้านใดแก่ผู้ดูแลและผู้รับใช้วัยเยาว์?
27 เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งจริง ๆ ที่มีอยู่ในซามูเอลฉบับต้น! พระธรรมนี้ซื่อตรงอย่างยิ่งในทุกรายละเอียด พร้อมกับเปิดเผยทั้งความอ่อนแอและความเข้มแข็งของชาติยิศราเอล. ในพระธรรมนี้มีกล่าวถึงผู้นำสี่คนของยิศราเอล สองคนปฏิบัติตามกฎหมายของพระเจ้าและสองคนไม่ปฏิบัติตาม. ขอสังเกตวิธีที่เอลีและซาอูลเป็นผู้ล้มเหลว: คนแรกละเลยไม่ปฏิบัติ ส่วนคนหลังปฏิบัติโดยพลการ. อีกด้านหนึ่ง ซามูเอลและดาวิดแสดงความรักต่อวิถีทางของพระยะโฮวาตั้งแต่เยาว์วัย และด้วยเหตุนั้นท่านทั้งสองจึงได้เจริญรุ่งเรือง. เป็นบทเรียนที่ทรงคุณค่าจริง ๆ สำหรับผู้ดูแลทุกคน! นับว่าจำเป็นสักเพียงไรที่พวกเขาจะเป็นคนหนักแน่น, ระวังระไวเรื่องความสะอาดและความเป็นระเบียบในองค์การของพระยะโฮวา, นับถือการจัดเตรียมของพระองค์, ไม่หวั่นกลัว, มีอารมณ์มั่นคง, กล้า, และคำนึงถึงผู้อื่นด้วยความรัก! (2:23-25; 24:5, 7; 18:5, 14-16) ให้สังเกตด้วยว่า สองคนที่ประสบผลสำเร็จมีข้อได้เปรียบตรงที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างดีตามระบอบของพระเจ้าตั้งแต่วัยเด็ก และท่านทั้งสองกล้าหาญตั้งแต่อายุยังน้อยในการบอกข่าวสารของพระยะโฮวาและระวังดูแลผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่มอบหมายไว้กับพวกท่าน. (3:19; 17:33-37) ขอให้ผู้นมัสการวัยเยาว์ของพระยะโฮวาทุกคนในสมัยนี้เป็นอย่างหนุ่มน้อย “ซามูเอล” และ “ดาวิด”!
28. มีการเน้นเรื่องการเชื่อฟังอย่างไร และคำแนะนำอะไรในซามูเอลฉบับต้นที่ได้รับการกล่าวซ้ำในภายหลังโดยผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลคนอื่น ๆ?
28 เห็นได้ชัดว่า ที่พึงจดจำในบรรดาถ้อยคำที่เป็นประโยชน์ของพระธรรมนี้คือ ถ้อยคำที่พระยะโฮวาทรงดลใจซามูเอลให้กล่าวพิพากษาซาอูลเนื่องจากความผิดของเขาที่ไม่ “ทำลายล้างผลาญชื่อเสียงของพวกอะมาเลคจากใต้ฟ้า.” (บัญ. 25:19) บทเรียนที่ว่า “การเชื่อฟังก็ประเสริฐกว่าเครื่องบูชา” ได้รับการกล่าวซ้ำในหลายเหตุการณ์ที่โฮเซอา 6:6, มีคา 6:6-8, และมาระโก 12:33. (1 ซามู. 15:22) เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราในสมัยนี้ได้รับประโยชน์จากบันทึกที่มีขึ้นโดยการดลใจนี้ด้วยการเชื่อฟังพระดำรัสของพระยะโฮวาพระเจ้าของเราอย่างเต็มที่และครบถ้วน! มีการชี้ให้เราเอาใจใส่การเชื่อฟังด้วยการยอมรับความศักดิ์สิทธิ์ของเลือดที่ 1 ซามูเอล 14:32, 33. การกินเนื้อโดยไม่ได้หลั่งเลือดอย่างถูกต้องถือเป็นการ “ล่วงละเมิดต่อพระยะโฮวา.” กฎนี้ยังใช้ได้กับประชาคมคริสเตียนด้วย ดังที่มีอธิบายชัดเจนที่กิจการ 15:28, 29.
29. ซามูเอลฉบับต้นแสดงถึงผลแห่งความผิดอะไรของชาติยิศราเอล พร้อมด้วยคำเตือนอะไรสำหรับคนที่เอาแต่ใจตัวเอง?
29 พระธรรมซามูเอลฉบับต้นแสดงให้เห็นชัดถึงความผิดอันน่าสังเวชของชาติที่ถือว่าการปกครองของพระเจ้าที่มาจากสวรรค์ใช้ไม่ได้. (1 ซามู. 8:5, 19, 20; 10:18, 19) หลุมพรางและความไร้ประโยชน์ของการปกครองโดยมนุษย์ได้มีแสดงให้เห็นภาพในแบบที่เป็นจริงเป็นจังและในเชิงพยากรณ์. (8:11-18; 12:1-17) มีการเผยให้เห็นว่าในตอนแรกว่าซาอูลเป็นคนเจียมตนซึ่งมีพระวิญญาณของพระเจ้า (9:21; 11:6) แต่การวินิจฉัยของท่านมืดไปและหัวใจท่านกลับกลายเป็นขมขื่นขณะที่ความรักต่อความชอบธรรมและความเชื่อในพระเจ้าเสื่อมคลาย. (14:24, 29, 44) บันทึกความมีใจแรงกล้าของท่านตอนต้น ๆ ถูกลบล้างไปด้วยการกระทำในภายหลังที่ทำไปโดยพลการ, ไม่เชื่อฟัง, และขาดความภักดีต่อพระเจ้า. (1 ซามู. 13:9; 15:9; 28:7; ยเอศ. 18:24) การที่ท่านขาดความเชื่อก่อความรู้สึกไม่ปลอดภัย, ซึ่งทวีขึ้นเป็นความอิจฉา, ความเกลียด, และฆาตกรรม. (1 ซามู. 18:9, 11; 20:33; 22:18, 19) ท่านตายอย่างที่ท่านมีชีวิตอยู่ คือเป็นคนที่ผิดต่อพระเจ้าและต่อพลเมืองของตน และเป็นคำเตือนแก่ใคร ๆ ก็ตามที่อาจกลายเป็นคน “เอาแต่ใจตัวเอง” อย่างที่ท่านได้ทำ.—2 เป. 2:10-12, ล.ม.
30. คุณสมบัติอะไรบ้างของซามูเอลที่ผู้รับใช้สมัยปัจจุบันอาจปลูกฝังพร้อมด้วยผลประโยชน์ที่จะได้?
30 อย่างไรก็ตาม มีข้อแตกต่างในด้านดี. ยกตัวอย่าง ให้สังเกตแนวทางของซามูเอลผู้ซื่อสัตย์ซึ่งรับใช้ชาวยิศราเอลตลอดชีวิตโดยปราศจากการฉ้อฉล, ความลำเอียง, หรือการเลือกที่รักมักที่ชัง. (1 ซามู. 12:3-5) ท่านปรารถนาแรงกล้าที่จะเชื่อฟังตั้งแต่ยังเป็นเด็ก (3:5), สุภาพและให้ความนับถือ (3:6-8), ไว้วางใจได้ในการทำงานตามหน้าที่ของตน (3:15), ไม่หวั่นไหวในการอุทิศตนและความเลื่อมใส (7:3-6; 12:2), เต็มใจรับฟัง (8:21), อยู่พร้อมจะสนับสนุนการตัดสินของพระยะโฮวา (10:24), มั่นคงในการตัดสินโดยไม่คำนึงถึงตัวบุคคล (13:13), หนักแน่นในเรื่องการเชื่อฟัง (15:22), และเด็ดเดี่ยวในการทำงานมอบหมายให้สำเร็จ (16:6, 11). นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้ที่คนอื่น ๆ พูดถึงด้วยความชมชอบ. (2:26; 9:6) งานรับใช้ในวัยเยาว์ของท่านไม่เพียงแต่น่าจะหนุนกำลังใจเยาวชนให้เลือกเอางานรับใช้ในสมัยนี้เท่านั้น (2:11, 18) แต่การที่ท่านทำต่อเนื่องโดยไม่หยุดเลิกจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตก็ควรชูใจคนที่เหน็ดเหนื่อยเนื่องด้วยอายุมาก.—7:15.
31. โยนาธานเป็นตัวอย่างที่ดีในด้านไหน?
31 ต่อจากนั้น มีตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของโยนาธาน. ท่านไม่ได้แสดงความรู้สึกไม่พอใจกับข้อเท็จจริงที่ว่าดาวิดถูกเจิมไว้สำหรับตำแหน่งกษัตริย์ที่ท่านอาจจะได้รับสืบทอด. แทนที่จะไม่พอใจท่านยอมรับคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของดาวิดและทำสัญญามิตรภาพกับดาวิด. ความเป็นเพื่อนแบบที่ไม่เห็นแก่ตัวเช่นนั้นย่อมเสริมสร้างและให้กำลังใจได้มากที่สุดท่ามกลางผู้ที่รับใช้พระยะโฮวาด้วยความซื่อสัตย์ในทุกวันนี้.—23:16-18.
32. อุปนิสัยที่ดีอะไรบ้างที่พึงสังเกตในสตรีอย่างฮันนาและอะบีฆายิล?
32 สำหรับสตรี มีตัวอย่างของนางฮันนาซึ่งไปกับสามีของนางเป็นประจำยังสถานที่นมัสการพระยะโฮวา. นางเป็นสตรีที่เอาจริงจังและถ่อมใจซึ่งยอมสละความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุตรชายเพื่อรักษาคำพูดและแสดงความหยั่งรู้ค่าพระกรุณาของพระยะโฮวา. นางได้รับบำเหน็จอันยอดเยี่ยมที่ได้เห็นเขาเริ่มปฏิบัติงานรับใช้พระยะโฮวาตลอดชีวิตอย่างที่บังเกิดผล. (1:11, 21-23, 27, 28) นอกจากนั้น มีตัวอย่างของอะบีฆายิลซึ่งสำแดงความอ่อนน้อมอย่างสตรีและความสามารถสังเกตเข้าใจซึ่งทำให้ได้รับคำยกย่องจากดาวิด ซึ่งต่อมาภายหลังนางได้มาเป็นภรรยาของท่าน.—25:32-35.
33. ความรักที่ปราศจากความกลัวและความภักดีของดาวิดควรกระตุ้นเราสู่แนวทางใด?
33 ความรักที่ดาวิดมีต่อพระยะโฮวามีแสดงไว้อย่างเร้าใจในเพลงสรรเสริญที่ดาวิดประพันธ์ขณะถูกตามล่าในถิ่นทุรกันดารโดยซาอูล “ผู้ที่พระยะโฮวาทรงชโลมไว้” ที่ถอยหลังไปทำผิด. (1 ซามู. 24:6; เพลง. 34:7, 8; 52:8; 57:1, 7, 9) และด้วยความหยั่งรู้ค่าจากหัวใจจริง ๆ ที่ดาวิดทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ขณะที่ท่านร้องท้าฆาละยัธผู้หมิ่นประมาท! “เรามาหาเจ้าด้วยนามแห่งพระยะโฮวาของพลโยธา . . . วันนี้แหละพระยะโฮวาจะทรงมอบเจ้าไว้ในมือของเรา . . . ชาวโลกจะได้รู้ว่า, ชาติยิศราเอลมีพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย. ทั้งบรรดาที่ประชุมนี้จะได้รู้ว่า, พระยะโฮวาทรงช่วยให้รอด, โดยมิได้ใช้กระบี่หรือหอก, เพราะว่าการสงครามนั้นเป็นของพระยะโฮวา, พระองค์จะทรงมอบเจ้าทั้งหลายไว้ในมือของเรา.” (1 ซามู. 17:45-47) ดาวิด “ผู้ชโลม” ของพระยะโฮวาผู้กล้าหาญและภักดี ยกย่องพระยะโฮวาว่าทรงเป็นพระเจ้าแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้นและเป็นแหล่งแท้แหล่งเดียวแห่งความรอด. (2 ซามู. 22:51) ขอให้เราติดตามตัวอย่างอันปราศจากความกลัวนี้เสมอไป!
34. พระประสงค์ของพระยะโฮวาเรื่องราชอาณาจักรเปิดเผยมากขึ้นอย่างไรอันเกี่ยวข้องกับดาวิด?
34 ซามูเอลฉบับต้นกล่าวเช่นไรเกี่ยวกับความคืบหน้าของพระประสงค์ของพระเจ้าเรื่องราชอาณาจักร? เรื่องนี้นำเราสู่จุดเด่นที่แท้จริงของพระธรรมนี้ในคัมภีร์ไบเบิล! ที่นี่เองที่เราพบดาวิด ซึ่งชื่อของท่านคงหมายความว่า “เป็นที่รัก.” ดาวิดเป็นที่รักของพระยะโฮวาและถูกเลือกเป็นผู้ที่ “ชอบพระทัยของพระองค์” เป็นผู้ที่เหมาะจะเป็นกษัตริย์แห่งยิศราเอล. (1 ซามู. 13:14) ดังนั้น อาณาจักรจึงตกทอดแก่ตระกูลยูดา สอดคล้องกับคำอวยพรของยาโคบที่เยเนซิศ 49:9, 10 และตำแหน่งกษัตริย์จะต้องคงอยู่ในตระกูลยูดาจนกว่าผู้ปกครองที่ประชาชนทั้งปวงยอมเชื่อฟังจะมา.
35. ชื่อของดาวิดเกี่ยวข้องอย่างไรกับชื่อของพงศ์พันธุ์แห่งราชอาณาจักร และคุณสมบัติประการใดบ้างของดาวิดที่พงศ์พันธุ์นั้นจะสำแดง?
35 ยิ่งกว่านั้น ชื่อของดาวิดเกี่ยวพันกับชื่อของพงศ์พันธุ์แห่งราชอาณาจักรซึ่งเกิดที่เบธเลเฮ็มเช่นกันและอยู่ในเชื้อวงศ์ของดาวิด. (มัด. 1:1, 6; 2:1; 21:9, 15) ผู้นั้นคือพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสง่าราศี “สิงโตแห่งตระกูลยูดา รากของดาวิด” และ “รากและเชื้อสายของดาวิดและดาวประจำรุ่งอันสุกใส.” (วิ. 5:5; 22:16, ล.ม.) “เชื้อสายของดาวิด” ผู้นี้ซึ่งครองราชย์ด้วยขัตติยอำนาจจะแสดงให้เห็นถึงการยืนหยัดมั่นคงและความกล้าหาญทั้งหมดที่มีภาพแสดงไว้ล่วงหน้านั้นในการต่อสู้ศัตรูของพระเจ้าจนพวกมันพินาศและทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ทั่วทั้งแผ่นดินโลก. เรามั่นใจอย่างหนักแน่นจริง ๆ ในพงศ์พันธุ์ราชอาณาจักรองค์นี้!
[เชิงอรรถ]
a เดอะ โรแมนซ์ ออฟ เดอะ ลาสต์ ครูเสด, (ภาษาอังกฤษ) 1923 พันตรี วิเวียน กิลเบิร์ต หน้า 183-186.