พระธรรมเล่มที่ 10—2 ซามูเอล
ผู้เขียน: ฆาดและนาธาน
สถานที่เขียน: ยิศราเอล
เขียนเสร็จ: ประมาณ 1040 ก.ส.ศ.
ครอบคลุมระยะเวลา: 1077–ประมาณ 1040 ก.ส.ศ.
1. ซามูเอลฉบับสองเริ่มต้นเมื่อสภาพการณ์เป็นเช่นไร และเรื่องราวในพระธรรมนี้ดำเนินไปอย่างไร?
ชาติยิศราเอลตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังเนื่องด้วยภัยพิบัติที่ภูเขาฆีละโบอะและการรุกรานจากชาวฟะลีศตีมที่ได้ชัยชนะ. พวกผู้นำของยิศราเอลและเหล่าหนุ่มฉกรรจ์ต่างล้มตายเกลื่อน. ในช่วงเวลานี้แหละดาวิดบุตรยิซัย ชายหนุ่ม “ผู้ถูกเจิมของพระยะโฮวา” ได้ปรากฏตัวเต็มที่ในฉากเหตุการณ์ของชาตินี้. (2 ซามู. 19:21, ล.ม.) ดังนั้น จึงเป็นการเริ่มต้นพระธรรมซามูเอลฉบับสอง ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นหนังสือของพระยะโฮวาและดาวิด. เรื่องราวในพระธรรมนี้เต็มไปด้วยการกระทำในทุกรูปแบบ. เราจะได้ทราบเรื่องราวตั้งแต่ความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงสู่จุดสุดยอดแห่งชัยชนะ จากความทุกข์ลำบากของประเทศที่แตกแยกด้วยความขัดแย้งสู่ความรุ่งเรืองของอาณาจักรที่เป็นปึกแผ่น, จากความแข็งแรงกระฉับกระเฉงในวัยหนุ่มแน่นสู่สติปัญญาในยามมีอายุ. ในพระธรรมนี้เป็นบันทึกโดยละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของดาวิดขณะที่ท่านพยายามติดตามพระยะโฮวาด้วยสุดหัวใจ.a พระธรรมนี้เป็นบันทึกที่ควรทำให้ผู้อ่านทุกคนตรวจดูหัวใจของตนเพื่อเสริมสัมพันธภาพและฐานะของตนกับพระผู้สร้างให้มั่นคงยิ่งขึ้น.
2. (ก) ทำไมพระธรรมนี้จึงถูกเรียกว่า “ซามูเอลฉบับสอง”? (ข) ใครบ้างเป็นผู้เขียน คุณวุฒิของพวกเขาเป็นอย่างไร และพวกเขามุ่งรักษาบันทึกอะไรไว้เท่านั้น?
2 ที่จริง ไม่มีการกล่าวถึงชื่อซามูเอลด้วยซ้ำในบันทึกของพระธรรมซามูเอลฉบับสอง ที่พระธรรมนี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อท่านนั้นดูเหมือนเป็นเพราะบันทึกนี้แต่เดิมเป็นม้วนเดียวหรือเล่มเดียวกับพระธรรมซามูเอลฉบับต้น. ผู้พยากรณ์นาธานและฆาด ซึ่งเขียนพระธรรมซามูเอลฉบับต้นจนเสร็จ ได้เขียนพระธรรมซามูเอลฉบับสองต่อทั้งหมด. (1 โคร. 29:29) ทั้งสองท่านมีคุณวุฒิเหมาะกับงาน. ฆาดเคยอยู่กับดาวิดตอนถูกตามล่าในยิศราเอล และจนถึงช่วงปลายของ 40 ปีแห่งรัชกาลของดาวิด ท่านก็ยังร่วมงานกับกษัตริย์อย่างแข็งขัน. ฆาดเป็นบุคคลที่ถูกใช้ให้ประกาศถึงความไม่พอพระทัยที่พระยะโฮวามีต่อดาวิดเนื่องด้วยความไม่สุขุมที่ตรวจนับไพร่พลยิศราเอล. (1 ซามู. 22:5; 2 ซามู. 24:1-25) ช่วงเวลาที่เหลื่อมกันและเลยจากช่วงชีวิตของฆาดเป็นช่วงแห่งการงานของผู้พยากรณ์นาธาน มิตรสนิทคนหนึ่งของดาวิด. เป็นสิทธิพิเศษของท่านที่ได้แจ้งสัญญาไมตรีที่สำคัญของพระยะโฮวากับดาวิด คือสัญญาไมตรีเรื่องราชอาณาจักรถาวร. ด้วยความกล้าหาญและภายใต้การดลใจ ท่านเป็นผู้ชี้ถึงการบาปใหญ่หลวงของดาวิดอันเกี่ยวข้องกับนางบัธเซบะรวมทั้งโทษสำหรับการบาปนั้น. (2 ซามู. 7:1-17; 12:1-15) ดังนั้น พระยะโฮวาทรงใช้นาธาน ซึ่งชื่อของท่านหมายความว่า “[พระเจ้า] ทรงประทาน” และฆาด ซึ่งชื่อของท่านหมายความถึง “โอกาสที่ดี” ให้บันทึกข่าวสารที่มีขึ้นโดยการดลใจและเป็นประโยชน์ในพระธรรมซามูเอลฉบับสอง. นักประวัติศาสตร์ผู้ไม่อวดตัวทั้งสองนี้ไม่ได้พยายามทำให้ตนเองเป็นที่จดจำรำลึก เพราะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับบรรพบุรุษหรือชีวิตส่วนตัวของท่านทั้งสองให้ไว้เลย. ทั้งสองท่านมุ่งรักษาบทบันทึกที่เขียนโดยการดลใจจากพระเจ้าเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้นมัสการพระยะโฮวาในอนาคต.
3. ซามูเอลฉบับสองครอบคลุมระยะเวลาไหน และเขียนเสร็จเมื่อไร?
3 ซามูเอลฉบับสองเริ่มบรรยายประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องแม่นยำในคัมภีร์ไบเบิลภายหลังการตายของซาอูลกษัตริย์องค์แรกของยิศราเอล และดำเนินเรื่องเรื่อยมาจนใกล้จะสิ้นสุดการครองราชย์ 40 ปีของดาวิด. ดังนั้น ระยะเวลาที่ครอบคลุมคือตั้งแต่ปี 1077 ก.ส.ศ. ถึงประมาณ 1040 ก.ส.ศ. ข้อเท็จจริงที่ว่าพระธรรมนี้ไม่ได้บันทึกถึงความตายของดาวิดเป็นหลักฐานอันหนักแน่นว่า พระธรรมนี้ถูกเขียนประมาณปี 1040 ก.ส.ศ. หรือไม่นานก่อนดาวิดตายนั่นเอง.
4. ด้วยเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้ต้องยอมรับว่าซามูเอลฉบับสองเป็นส่วนของสารบบคัมภีร์ไบเบิล?
4 เนื่องด้วยเหตุผลเดียวกับที่ให้เกี่ยวกับซามูเอลฉบับต้น ก็ต้องยอมรับว่าพระธรรมซามูเอลฉบับสองเป็นส่วนหนึ่งของสารบบคัมภีร์ไบเบิล. ความเชื่อถือได้ของพระธรรมนี้ไม่มีข้อสงสัย. ความตรงไปตรงมาอย่างมากของพระธรรมนี้ ซึ่งไม่ปิดบังแม้แต่ความบาปและข้อบกพร่องของกษัตริย์ดาวิด เป็นหลักฐานแวดล้อมที่หนักแน่นในตัวเอง.
5. อะไรเป็นเหตุผลหนักแน่นที่สุดในการยอมรับซามูเอลฉบับสองว่าเป็นพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ?
5 อย่างไรก็ดี หลักฐานหนักแน่นที่สุดในเรื่องความเชื่อถือได้ของซามูเอลฉบับสองจะพบได้ในคำพยากรณ์ต่าง ๆ ที่สำเร็จเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาไมตรีเรื่องราชอาณาจักรกับดาวิด. พระเจ้าทรงสัญญากับดาวิดว่า “ราชวงศ์และแผ่นดินของเจ้า, จะตั้งมั่นคงอยู่เป็นนิตย์, พระที่นั่งของเจ้าจะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์.” (7:16) แม้ในยามที่อาณาจักรยูดาตกต่ำ ยิระมะยากล่าวถึงความต่อเนื่องของคำสัญญานี้ที่มีต่อราชวงศ์ของดาวิดด้วยถ้อยคำว่า “พระยะโฮวาได้ตรัสดังนี้ว่า ‘ดาวิดจะไม่ขาดผู้ชายที่จะขึ้นนั่งบนบัลลังก์แห่งราชวงศ์แห่งยิศราเอล.’” (ยิระ. 33:17, ล.ม.) คำพยากรณ์นี้ไม่ได้ผ่านไปโดยไม่สำเร็จ เพราะต่อมาพระยะโฮวาได้ทรงนำ “พระเยซูคริสต์ บุตรแห่งดาวิด” ออกมาจากตระกูลยูดา ดังที่คัมภีร์ไบเบิลยืนยันไว้อย่างชัดแจ้ง.—มัด. 1:1, ล.ม.
เนื้อเรื่องในซามูเอลฉบับสอง
6. ดาวิดมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้ยินข่าวการตายของซาอูลและโยนาธาน?
6 เหตุการณ์ในตอนต้นรัชกาลของดาวิด (1:1–4:12). หลังจากการตายของซาอูลที่ภูเขาฆีละโบอะ ชาวอะมาเล็กคนหนึ่งซึ่งหนีจากการสู้รบรีบเร่งมาหาดาวิดที่เมืองซิคลัฆพร้อมกับรายงาน. ด้วยหวังจะสอพลอดาวิด เขาจึงแต่งเรื่องว่าเขาเองเป็นผู้สังหารซาอูล. แทนที่จะได้รับการชมเชย ชาวอะมาเล็กคนนั้นกลับได้รับแต่ความตายเป็นสิ่งตอบแทน เพราะเขาแจ้งความผิดของตนเองด้วยการยืนยันว่าฆ่า “ผู้ถูกเจิมของพระยะโฮวา.” (1:16, ล.ม.) ตอนนี้ดาวิดกษัตริย์องค์ใหม่จึงแต่งเพลงแห่งความโศกเศร้าชื่อ “บทเพลงธนู” ซึ่งคร่ำครวญถึงความตายของซาอูลและโยนาธาน. เพลงนี้ถึงจุดสุดยอดอันไพเราะด้วยถ้อยคำประทับใจซึ่งแสดงถึงความรักล้นเหลือที่ดาวิดมีต่อโยนาธาน ความว่า: “ข้าพเจ้ามีความทุกข์ถึงโยนาธานพระเชษฐาที่รัก, ท่านมีคุณต่อข้าพเจ้าอย่างยิ่ง, ความรักของท่านต่อข้าพเจ้าเกินขนาด, แม้ว่าความรักของสตรีก็สู้ไม่ได้. โอ้โอ๋ผู้มีกำลังยังต้องพินาศ, และเครื่องรบก็ต้องเสียหายไป!”—1:17, 18, 26, 27.
7. เหตุการณ์อะไรอื่นอีกที่เกิดขึ้นในตอนต้นรัชกาลของดาวิด?
7 โดยการทรงนำของพระยะโฮวา ดาวิดและคนของท่านย้ายครัวเรือนไปยังเมืองเฮ็บโรนในเขตยูดา. ที่นี่ผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูลนี้มาเจิมดาวิดให้เป็นกษัตริย์ในปี 1077 ก.ส.ศ. นายพลโยอาบได้มาเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญที่สุดของดาวิด. อย่างไรก็ตาม ในฐานะคู่แข่งตำแหน่งกษัตริย์ปกครองชาติ อีซะโบเซ็ธ ราชบุตรซาอูลได้รับการเจิมโดยแม่ทัพอับเนร. มีการปะทะกันเป็นระยะ ๆ ระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่าย และอับเนรฆ่าน้องชายคนหนึ่งของโยอาบ. ในที่สุดอับเนรไปเข้ากับฝ่ายดาวิด. เขาพามีคัลราชธิดาซาอูลมาหาดาวิดซึ่งได้จ่ายสินสมรสไว้ก่อนหน้านั้นนานแล้ว. อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้แค้นที่ฆ่าน้องชาย โยอาบจึงหาโอกาสฆ่าอับเนร. ดาวิดรู้สึกเป็นทุกข์มากเพราะเรื่องนี้และปฏิเสธความรับผิดชอบใด ๆ. ไม่นานหลังจากนั้นอีซะโบเซ็ธถูกลอบสังหารขณะที่ท่าน “บรรทมอยู่เวลาเที่ยง.”—4:5.
8. พระยะโฮวาทรงอวยพรการปกครองของดาวิดเหนือยิศราเอลทั้งปวงอย่างไร?
8 ดาวิดเป็นกษัตริย์ในยะรูซาเลม (5:1–6:23). แม้ท่านได้ปกครองเป็นกษัตริย์ในยูดาเป็นเวลาเจ็ดปีหกเดือนแล้ว แต่บัดนี้ ดาวิดมาเป็นผู้ปกครองที่ไม่มีใครคัดค้าน และตัวแทนจากตระกูลต่าง ๆ จึงเจิมท่านเป็นกษัตริย์เหนือยิศราเอลทั้งสิ้น. นี่เป็นการเจิมครั้งที่สามของท่าน (ปี 1070 ก.ส.ศ.). หนึ่งในการงานแรก ๆ ของดาวิดในฐานะผู้ปกครองอาณาจักรทั้งสิ้นคือ ยึดป้อมซีโอนในยะรูซาเลมจากผู้รุกรานชาวยะบูศ เข้าโจมตีพวกนั้นอย่างไม่ให้รู้ตัวโดยทางอุโมงค์ส่งน้ำ. จากนั้นดาวิดได้ตั้งยะรูซาเลมเป็นเมืองหลวง. พระยะโฮวาแห่งพลโยธาทั้งหลายทรงอวยพรดาวิด ทำให้ท่านเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น. แม้กระทั่งฮีรามกษัตริย์ผู้มั่งคั่งของตุโรยังส่งไม้สนซีดาร์อันมีค่ารวมทั้งคนงานมาให้ด้วยเพื่อก่อสร้างพระราชวังของกษัตริย์. ราชวงศ์ของดาวิดเพิ่มจำนวนขึ้น และพระยะโฮวาทรงทำให้รัชกาลของท่านเจริญรุ่งเรือง. มีการปะทะกันอีกสองครั้งกับพวกฟะลีศตีมที่ชอบสงคราม. ในครั้งแรก พระยะโฮวาทรงทำลายข้าศึกให้ดาวิดที่บาละพะราซิม ทำให้ดาวิดชนะ. ครั้งที่สอง พระยะโฮวาทรงทำการอัศจรรย์อีกครั้งโดยทำให้เกิด “เสียงดำเนินไปที่ยอดต้นหม่อน” แสดงว่าพระยะโฮวาทรงนำหน้าชาติยิศราเอลเพื่อตีกองทัพฟะลีศตีมให้แตก. (5:24) เป็นชัยชนะที่โดดเด่นอีกครั้งหนึ่งสำหรับพลโยธาของพระยะโฮวา!
9. จงพรรณนาเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำหีบสัญญาไมตรีมายังยะรูซาเลม.
9 ดาวิดออกเดินทางโดยนำคน 30,000 คนไปด้วยเพื่อนำหีบสัญญาไมตรีจากเมืองบาลาเขตตระกูลยูดา (คีระยัธยะอารีม) มายังยะรูซาเลม. ขณะที่นำหีบมาพร้อมกับการประโคมดนตรีและความปีติยินดี เกวียนที่บรรทุกหีบเอียงไปด้านหนึ่ง และอุซาซึ่งเดินอยู่ข้าง ๆ ได้ยื่นมือไปพยุงหีบศักดิ์สิทธิ์ไว้. “พระยะโฮวาทรงพิโรธต่ออุซา จึงทรงสังหารเสียที่นั่นเพราะการผิดเท่านั้น.” (6:7) หีบสัญญาไมตรีถูกนำมาไว้ที่บ้านโอเบ็ดอะโดม และระหว่างสามเดือนนั้น พระยะโฮวาอวยพระพรอย่างอุดมแก่ครัวเรือนของโอเบ็ดอะโดม. หลังจากสามเดือน ดาวิดได้มารับหีบสัญญาไมตรีด้วยวิธีที่ถูกต้องในระยะทางที่เหลือ. พร้อมด้วยการโห่ร้องยินดี, ดนตรี, และการเต้นรำ หีบสัญญาไมตรีถูกนำมายังเมืองหลวงของดาวิด. ดาวิดแสดงความยินดีอันมากมายของท่านออกมาด้วยการเต้นรำเฉพาะพระพักตร์พระยะโฮวา แต่มีคัลภรรยาไม่เห็นด้วยในการนี้. ดาวิดยืนยันว่า “เราจะรื่นเริงเฉพาะพระองค์.” (6:21) เนื่องจากเหตุนี้ มีคัลไม่มีบุตรจนสิ้นชีวิต.b
10. สัญญาไมตรีและคำสัญญาอะไรของพระยะโฮวาที่เราเอาใจใส่ต่อจากนี้?
10 สัญญาไมตรีของพระเจ้ากับดาวิด (7:1-29). บัดนี้เรามาถึงเหตุการณ์สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของดาวิด เป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับอรรถบทสำคัญของคัมภีร์ไบเบิล นั่นคือการทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์โดยทางราชอาณาจักรภายใต้พงศ์พันธุ์ที่ทรงสัญญาไว้. เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากความปรารถนาของดาวิดที่จะสร้างพระวิหารสำหรับหีบของพระเจ้า. เนื่องจากท่านอาศัยในราชวังอันงดงามที่สร้างด้วยไม้สนซีดาร์ ท่านแจ้งแก่นาธานว่าท่านปรารถนาจะสร้างพระวิหารสำหรับหีบสัญญาไมตรีของพระยะโฮวา. โดยผ่านทางนาธาน พระยะโฮวาทรงรับรองกับดาวิดในเรื่องความรักกรุณาที่พระองค์มีต่อชาติยิศราเอลและทรงตั้งสัญญาไมตรีกับดาวิดซึ่งจะยั่งยืนตลอดไป. อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะสร้างพระวิหารสำหรับพระนามของพระยะโฮวาไม่ใช่ดาวิด แต่เป็นพงศ์พันธุ์ของท่าน. นอกจากนั้น พระยะโฮวาทรงสัญญากับดาวิดด้วยความรักว่า “ราชวงศ์และแผ่นดินของเจ้า, จะตั้งมั่นคงอยู่เป็นนิตย์, พระที่นั่งของเจ้าจะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์.”—7:16.
11. ดาวิดแสดงการขอบพระคุณด้วยคำทูลอธิษฐานเช่นไร?
11 ด้วยความซาบซึ้งในคุณความดีของพระยะโฮวา ดังที่แสดงออกโดยทางสัญญาไมตรีเรื่องราชอาณาจักร ดาวิดกล่าวสำแดงความขอบพระคุณต่อความรักกรุณาทั้งสิ้นของพระเจ้าว่า “ชาวประเทศใดทั่วโลกจะเหมือนพวกยิศราเอลพลไพร่ของพระองค์ประเทศเดียว, ซึ่งพระองค์ทรงไถ่ไว้เพื่อเป็นพลไพร่ของพระองค์, เพื่อพระนามของพระองค์จะมีเกียรติยศ, และเพื่อจะทำกิจการใหญ่การอัศจรรย์น่ากลัว . . . ขอพระองค์ได้ทรงโปรดเป็นพระเจ้าของชนเหล่านั้น.” (7:23, 24) ด้วยความตั้งใจแรงกล้า ท่านอธิษฐานขอให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ และขอให้ราชวงศ์ดาวิดตั้งมั่นคงเฉพาะพระพักตร์พระองค์.
12. ดาวิดทำสงครามอะไร และท่านแสดงความกรุณาเช่นไรต่อราชวงศ์ของซาอูล?
12 ดาวิดขยายอาณาจักรยิศราเอล (8:1–10:19). อย่างไรก็ดี ดาวิดไม่ได้ปกครองด้วยความสงบสุข. ยังจะต้องทำสงครามต่อไปอีก. ดาวิดดำเนินการสังหารชาวฟะลีศตีม, ชาวโมอาบ, ชาวโซบา, ชาวซีเรีย, และชาวอะโดม ขยายเขตแดนของยิศราเอลไปจนถึงขอบเขตที่พระเจ้าทรงกำหนดให้. (2 ซามู. 8:1-5, 13-15; บัญ. 11:24) จากนั้น ด้วยเห็นแก่โยนาธาน ท่านหันมาเอาใจใส่ราชวงศ์ของซาอูลเพื่อท่านจะได้แสดงความรักกรุณาต่อผู้ที่ยังเหลืออยู่. ซีบา คนรับใช้ของซาอูลได้แจ้งแก่ดาวิดเรื่องบุตรของโยนาธานชื่อมะฟีโบเซ็ธซึ่งเท้าเป็นง่อย. ดาวิดสั่งให้คืนทรัพย์สินทั้งสิ้นของซาอูลแก่มะฟีโบเซ็ธทันทีและให้ซีบากับคนรับใช้เพาะปลูกในที่ดินของซาอูลเพื่อจัดหาอาหารให้ครัวเรือนของมะฟีโบเซ็ธ. อย่างไรก็ตาม ตัวมะฟีโบเซ็ธเองจะรับประทานที่โต๊ะของดาวิด.
13. โดยชัยชนะอะไรอีกที่พระยะโฮวาแสดงว่าพระองค์สถิตกับดาวิด?
13 เมื่อกษัตริย์ของชาวอัมโมนสิ้นชีพ ดาวิดส่งทูตไปหาฮานูนราชบุตรของกษัตริย์พร้อมกับราชดำรัสแสดงความรักกรุณา. แต่พวกที่ปรึกษาของฮานูนกล่าวหาดาวิดว่าส่งทูตมาสอดแนมดูแผ่นดิน พวกเขาจึงทำให้พวกทูตอับอายและส่งกลับในสภาพครึ่งเปลือย. ด้วยความโกรธเนื่องจากการเหยียดหยามนี้ ดาวิดส่งโยอาบกับกองทัพไปแก้แค้นการผิดนั้น. โดยการแบ่งกำลัง โยอาบสามารถตีพวกอัมโมนและชาวซีเรียที่มาช่วยจนแตกพ่ายไปอย่างง่ายดาย. ชาวซีเรียรวมกำลังกันอีกครั้ง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้อีกโดยกองทัพของพระยะโฮวาภายใต้การบัญชาการของดาวิดและสูญเสียรถรบ 700 คันกับทหารม้า 40,000 คน. นี่เป็นหลักฐานเพิ่มเติมในเรื่องความโปรดปรานและพระพรของพระยะโฮวาที่มีแก่ดาวิด.
14. ดาวิดทำบาปประการใดบ้างกับบัธเซบะ?
14 ดาวิดทำบาปต่อพระยะโฮวา (11:1–12:31). ในฤดูใบไม้ผลิปีถัดมา ดาวิดได้ส่งโยอาบไปอัมโมนอีกครั้งเพื่อล้อมเมืองราบาในขณะที่ตัวเองยังอยู่ที่ยะรูซาเลม. เย็นวันหนึ่ง จากดาดฟ้าราชวัง ท่านบังเอิญสังเกตเห็นบัธเซบะภรรยาผู้งดงามของอูรียาชาวเฮธ ขณะที่นางกำลังอาบน้ำ. ดาวิดนำเธอมายังราชวัง มีเพศสัมพันธ์กับนาง และนางตั้งครรภ์. ดาวิดพยายามปิดบังเรื่องโดยให้อูรียากลับจากการศึกที่ราบาและส่งเขากลับบ้านเพื่อทำให้ตัวสดชื่น. อย่างไรก็ดี อูรียาปฏิเสธการทำให้ตนเองพอใจและมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาในขณะที่หีบสัญญาไมตรีและกองทัพยัง “อยู่ในกะท่อม.” ด้วยความผิดหวัง ดาวิดส่งอูรียากลับไปหาโยอาบพร้อมกับจดหมายที่มีความว่า “จงตั้งอูรียาให้เป็นกองหน้า, ให้เข้าไปยังที่ที่ข้าศึกแข็งแรง, แล้วท่านทั้งหลายจงถอยหลังปล่อยให้ถูกฆ่าฟันตาย.” (11:11, 15) อูรียาจึงตายด้วยวิธีนี้. หลังจากช่วงแห่งการไว้ทุกข์ของบัธเซบะผ่านไป ดาวิดพานางเข้าวังทันที นางจึงได้มาเป็นภรรยาของท่าน และบุตรของเขาทั้งสองจึงกำเนิดมาเป็นบุตรชาย.
15. นาธานแจ้งคำพิพากษาเชิงพยากรณ์แก่ดาวิดอย่างไร?
15 นี่เป็นการชั่วในสายพระเนตรของพระยะโฮวา. พระองค์ส่งผู้พยากรณ์นาธานไปหาดาวิดพร้อมด้วยข่าวการพิพากษา. นาธานเล่าเรื่องชายเศรษฐีและชายยากจนให้ดาวิดฟัง. คนหนึ่งนั้นมีฝูงสัตว์มากมาย แต่อีกคนหนึ่งมีเพียงลูกแกะตัวเมียเพียงตัวเดียวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงภายในบ้านและ “เหมือนเป็นบุตรสาว.” อย่างไรก็ตาม เมื่อจะจัดงานเลี้ยง ชายเศรษฐีไม่ได้เอาแกะจากฝูงของตน แต่เอาลูกแกะตัวเมียของชายผู้ยากจน. ด้วยความโกรธเคืองเมื่อได้ยินเช่นนี้ ดาวิดจึงออกปากกล่าวว่า “พระยะโฮวาทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, ผู้ทำการเช่นนี้ควรจะตายแน่ฉันนั้น.” นาธานย้อนตอบด้วยคำพูดว่า “ท่านเองเป็นคนนั้นแหละ.” (12:3, 5, 7) แล้วท่านแจ้งคำพิพากษาเชิงพยากรณ์ว่า นางสนมของดาวิดจะถูกชายอีกคนหนึ่งข่มขืนต่อหน้าธารกำนัล ราชวงศ์ของท่านจะประสบวิบัติด้วยการต่อสู้กันเอง และบุตรของท่านที่เกิดกับนางบัธเซบะจะตาย.
16. (ก) ชื่อราชบุตรองค์ที่สองของดาวิดซึ่งเกิดกับนางบัธเซบะมีความหมายอย่างไรบ้าง? (ข) ผลสุดท้ายของการโจมตีเมืองราบาเป็นอย่างไร?
16 ด้วยความเสียใจและการกลับใจอย่างแท้จริง ดาวิดยอมรับอย่างเปิดเผยว่า “เราทำผิดเฉพาะพระยะโฮวาแล้ว.” (12:13) จริงตามคำตรัสของพระยะโฮวา บุตรที่เกิดจากการผิดประเวณีตายหลังจากป่วยได้เจ็ดวัน. (ต่อมา ดาวิดมีบุตรชายอีกคนหนึ่งกับบัธเซบะ; ทั้งสองตั้งชื่อบุตรคนนี้ว่าซะโลโม ซึ่งชื่อนี้มาจากรากศัพท์ที่หมายถึง “สันติสุข.” อย่างไรก็ตาม พระยะโฮวาส่งข่าวผ่านนาธานให้ตั้งชื่อบุตรคนนี้ด้วยว่า “ยะดิดะยา” ซึ่งหมายความว่า “ที่รักของพระยะโฮวา.”) หลังจากประสบการณ์ที่สะเทือนใจคราวนี้ ดาวิดได้รับคำขอจากโยอาบให้มายังราบา ซึ่งการโจมตีขั้นเด็ดขาดสุดท้ายได้รับการเตรียมไว้พร้อมแล้ว. เมื่อยึดแหล่งน้ำของเมืองไว้แล้ว โยอาบถวายเกียรติยศแห่งการยึดเมืองนั้นแด่กษัตริย์ด้วยความนับถือ.
17. ความยุ่งยากภายในอะไรบ้างเริ่มเกิดขึ้นกับราชวงศ์ของดาวิด?
17 ความยุ่งยากในราชวงศ์ของดาวิด (13:1–18:33). ความยุ่งยากในราชวงศ์ของดาวิดเริ่มต้นเมื่ออัมโนน ราชบุตรคนหนึ่งของดาวิดตกหลุมรักธามาร์ น้องสาวของอับซาโลมผู้เป็นน้องชายต่างมารดาของตน. อัมโนนแสร้งป่วยและขอให้ส่งธามาร์ผู้งดงามมาดูแลตน. เขาข่มขืนธามาร์และภายหลังกลับเกลียดชังนางอย่างรุนแรง ดังนั้นเขาจึงไล่นางไปให้ได้รับความอับอาย. อับซาโลมวางแผนแก้แค้นและคอยเวลา. ประมาณสองปีต่อมา อับซาโลมจัดงานเลี้ยงซึ่งอัมโนนและราชบุตรคนอื่นทั้งหมดต่างได้รับเชิญ. เมื่ออัมโนนเพลิดเพลินใจกับเหล้าองุ่น เขาจึงไม่ระวังตัวและถูกสังหารตามคำสั่งของอับซาโลม.
18. อับซาโลมถูกรับกลับมาจากการเนรเทศโดยอุบายอะไร?
18 ด้วยเกรงความไม่พอพระทัยของกษัตริย์ อับซาโลมจึงหนีไปยังเมืองฆะซูรที่ที่เขาอาศัยอย่างกึ่งถูกเนรเทศเป็นเวลาสามปี. ระหว่างเวลานั้น โยอาบแม่ทัพของดาวิดก็วางแผนให้ดาวิดกับอับซาโลมคืนดีกัน. โยอาบจัดให้หญิงฉลาดแห่งเมืองธะโคอาเข้าเฝ้ากษัตริย์เล่าเรื่องที่แต่งขึ้นเกี่ยวกับการแก้แค้น, การเนรเทศ, และการลงโทษ. เมื่อกษัตริย์ให้คำพิพากษา หญิงนั้นก็เปิดเผยเหตุผลที่แท้จริงสำหรับการเข้าเฝ้าของนาง ในเรื่องที่อับซาโลมราชบุตรของกษัตริย์ต้องอยู่นอกประเทศที่เมืองฆะซูร. ดาวิดตระหนักว่าโยอาบเป็นผู้วางแผนเรื่องนี้ แต่ก็ประทานอนุญาตให้ราชบุตรของตนกลับสู่ยะรูซาเลม. กว่ากษัตริย์จะยอมพบอับซาโลมก็เป็นเวลาอีกสองปี.
19. บัดนี้แผนร้ายอะไรเป็นที่เปิดเผย และส่งผลเช่นไรแก่ดาวิด?
19 ทั้ง ๆ ที่ได้รับความรักกรุณาจากดาวิด ไม่ช้าอับซาโลมก็วางแผนชิงบัลลังก์จากราชบิดาของตน. อับซาโลมเป็นคนรูปงามโดดเด่นท่ามกลางบรรดาชายนักรบของยิศราเอล และสิ่งนี้ทำให้เขายิ่งทะเยอทะยานและหยิ่งยโส. แต่ละปีเขาตัดผมที่ดกหนาออกซึ่งหนักราว 2.3 กิโลกรัม. (2 ซามู. 14:26, ล.ม., เชิงอรรถ) โดยอุบายที่แนบเนียนหลายประการ อับซาโลมเริ่มชนะใจชาวยิศราเอล. ในที่สุด แผนของเขาก็เผยออกมาอย่างโจ่งแจ้ง. เมื่อได้รับราชานุญาตให้ไปยังเฮ็บโรน อับซาโลมจึงประกาศแผนกบฏที่นั่นและขอให้ชาวยิศราเอลทั้งปวงสนับสนุนเขาในการตั้งตนขึ้นต่อต้านดาวิด. เนื่องจากฝูงชนจำนวนมากเข้าข้างราชบุตรผู้กบฏของตน ดาวิดจึงหนีออกจากยะรูซาเลมพร้อมกับผู้สนับสนุนที่ภักดีไม่กี่คน. คนหนึ่งที่เด่นคืออิธัยชาวเมืองฆัธซึ่งประกาศว่า “พระยะโฮวาทรงพระชนม์อยู่และพระเจ้าแผ่นดินมีพระชนมายุอยู่แน่ฉันใด, ถึงตายก็ดีเป็นก็ดี, พระเจ้าแผ่นดินจะประทับอยู่ตำบลใด ๆ, ข้าพเจ้าคงจะอยู่ตำบลนั้น ๆ ด้วย.”—15:21.
20, 21. (ก) เกิดเหตุการณ์อะไรบ้างระหว่างการหนีของดาวิด และคำพยากรณ์ของนาธานสำเร็จเป็นจริงอย่างไร? (ข) อะฮีโธเฟลผู้ทรยศมาถึงจุดจบอย่างไร?
20 ขณะที่หนีจากยะรูซาเลม ดาวิดได้ทราบถึงการทรยศของที่ปรึกษาคนหนึ่งที่ท่านเคยไว้ใจมากที่สุดคือ อะฮีโธเฟล. ท่านอธิษฐานดังนี้: “ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงโปรดให้คำปรึกษาของอะฮีโธเฟลฟั่นเฟือนไป.” (15:31) ซาโดคและอะบีอาธาร ปุโรหิตที่ภักดีต่อดาวิด รวมทั้งฮูซัยชาวอะระคีถูกส่งกลับไปยังยะรูซาเลมเพื่อคอยดูและรายงานความเคลื่อนไหวของอับซาโลม. ระหว่างเวลานั้น ดาวิดพบซีบาคนรับใช้ของมะฟีโบเซ็ธในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งเขารายงานว่าตอนนี้นายของตนกำลังคาดหมายว่าอาณาจักรจะกลับคืนสู่ราชวงศ์ของซาอูล. ขณะที่ดาวิดเดินทางผ่าน ซิมอีซึ่งเป็นคนในราชวงศ์ของซาอูลมาแช่งดาวิดและขว้างก้อนหินใส่ท่าน แต่ดาวิดยับยั้งคนของตนไม่ให้ลงมือแก้แค้น.
21 ย้อนมาที่ยะรูซาเลม โดยคำแนะนำของอะฮีโธเฟล อับซาโลมผู้ชิงอำนาจได้สังวาสกับบรรดาสนมของพระบิดา “ต่อหน้าอิสราเอลทั้งสิ้น.” นี่เป็นความสำเร็จเป็นจริงตามคำพิพากษาเชิงพยากรณ์ของนาธาน. (16:22, ฉบับแปลใหม่; 12:11) นอกจากนี้ อะฮีโธเฟลยังแนะนำอับซาโลมให้ยกกำลัง 12,000 คนไปล่าดาวิดในถิ่นทุรกันดาร. แต่ฮูซัยซึ่งสามารถทำให้อับซาโลมไว้เนื้อเชื่อใจกลับเสนอแนะอีกวิธีหนึ่ง. และดังที่ดาวิดได้อธิษฐานขอ คำแนะนำของอะฮีโธเฟลจึงตกไป. เหมือนยูดา อะฮีโธเฟลผู้ผิดหวังกลับบ้านและแขวนคอตาย. ฮูซัยลอบรายงานแผนการของอับซาโลมแก่ปุโรหิตซาโดคและอะบีอาธาร ซึ่งส่งข่าวต่อถึงดาวิดในถิ่นทุรกันดาร.
22. ความโศกเศร้าในเรื่องใดที่ทำให้ชัยชนะของดาวิดด้อยความหมาย?
22 ข่าวนี้ทำให้ดาวิดข้ามแม่น้ำยาระเดนได้และเลือกสนามรบในป่ามะหะนาอิม. ณ ที่นั่น ท่านจัดวางกำลังทหารและสั่งพวกเขาให้ปฏิบัติต่ออับซาโลมอย่างนุ่มนวล. พวกกบฏประสบความพ่ายแพ้ยับเยิน. ขณะที่อับซาโลมขี่ล่อหนีผ่านป่าไม้ที่หนาแน่น ศีรษะเขาติดกับกิ่งที่อยู่ล่าง ๆ ของต้นไม้ใหญ่ เขาจึงห้อยอยู่กลางอากาศ. เมื่อพบอับซาโลมในสภาพนั้น โยอาบจึงฆ่าเขาโดยไม่นำพาต่อบัญชาของกษัตริย์. ความโศกเศร้าสุดแสนของดาวิดเมื่อได้ยินถึงการตายของราชบุตรนั้นสะท้อนให้เห็นในการคร่ำครวญของท่านที่ว่า “โอ้ อับซาโลมบุตรของเรา, บุตรเราเอ๋ย, อับซาโลมบุตรเราเอ๋ย, เราจะใคร่สิ้นชีพแทนเจ้า; อับซาโลมบุตรของเรา, บุตรเราเอ๋ย.”—18:33.
23. มีการจัดการเรื่องอะไรบ้างเมื่อดาวิดกลับมาเป็นกษัตริย์?
23 เหตุการณ์ช่วงปลายรัชกาลของดาวิด (19:1–24:25). ดาวิดยังคงคร่ำครวญอย่างขมขื่นจนกระทั่งโยอาบเร่งเร้าท่านให้กลับไปดำรงตำแหน่งอันชอบธรรมในฐานะกษัตริย์อีกครั้ง. ถึงตอนนี้ดาวิดแต่งตั้งอะมาซาเป็นแม่ทัพใหญ่แทนโยอาบ. ขณะที่ดาวิดกลับไป ประชาชนรวมทั้งซิมอีที่ดาวิดได้ไว้ชีวิตพากันต้อนรับท่าน. มะฟีโบเซ็ธก็มาร้องทุกข์กรณีของตน และดาวิดให้แบ่งมรดกเท่า ๆ กันกับซีบา. ชาวยิศราเอลทั้งปวงและยูดาได้สามัคคีกันอีกครั้งหนึ่งภายใต้ดาวิด.
24. เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีกบ้างซึ่งพัวพันกับตระกูลเบนยามิน?
24 อย่างไรก็ตาม ความยุ่งยากยังมีอีก. ซะบาชาวเบนยามินประกาศตนเป็นกษัตริย์และชักจูงหลายคนให้ตีจากดาวิด. อะมาซาซึ่งได้รับบัญชาจากดาวิดให้รวบรวมผู้คนไปปราบการกบฏ ได้พบโยอาบและถูกโยอาบสังหารโดยใช้เล่ห์เหลี่ยม. แล้วโยอาบจึงคุมทัพแทนและติดตามซะบาถึงเมืองอาเบลในแขวงเบธมาคาและล้อมเมืองไว้. โดยทำตามคำแนะนำของสตรีผู้มีปัญญาคนหนึ่งในเมือง เหล่าราษฎรจึงประหารซะบาและโยอาบถอนทัพกลับ. เนื่องจากซาอูลสังหารชาวฆิบโอนและความผิดฐานทำให้โลหิตตกนั้นยังไม่ได้รับการแก้แค้น จึงเกิดกันดารอาหารในยิศราเอลเป็นเวลาสามปี. เพื่อเพิกถอนความผิดฐานทำให้เลือดตกนี้ บุตรชายเจ็ดคนในครัวเรือนซาอูลจึงถูกประหาร. ต่อมา ในสงครามกับชาวฟะลีศตีมอีกครั้ง อะบีซัยหลานดาวิดได้ช่วยชีวิตท่านไว้อย่างหวุดหวิด. คนของดาวิดให้คำปฏิญาณว่า ท่านจะต้องไม่ออกศึกกับพวกเขาอีก “เพื่อจะมิให้แสงสว่างของพวกยิศราเอลดับศูนย์หาย.” (21:17) แล้วสามคนในเหล่าทหารกล้าของดาวิดได้สำแดงฝีมือโดดเด่นด้วยการฆ่าคนร่างยักษ์ชาวฟะลีศตีม.
25. มีการแสดงถึงอะไรในบทเพลงของดาวิดซึ่งมีการบันทึกไว้ต่อจากนั้น?
25 ถึงช่วงนี้ ผู้เขียนเริ่มบันทึกด้วยบทเพลงของดาวิดแด่พระยะโฮวา ซึ่งเหมือนกับบทเพลงสรรเสริญบท ที่ 18 และแสดงการขอบพระคุณสำหรับการช่วยให้รอด “พ้นมือบรรดาศัตรู, พ้นมือซาอูล.” ท่านประกาศด้วยความยินดีว่า “พระยะโฮวาเป็นศิลา, เป็นป้อม, และเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอด; พระองค์เป็นป้อมความรอดแก่กษัตริย์ของพระองค์; และทรงแสดงพระกรุณาแก่ผู้ชโลมของพระองค์, คือดาวิดและพงศ์พันธุ์ของท่านสืบไปเป็นนิตย์.” (22:1, 2, 51) ต่อจากนั้นก็ตามด้วยเพลงบทสุดท้ายของดาวิด ซึ่งท่านได้ยอมรับว่า “พระวิญญาณของพระยะโฮวาทรงตรัสแก่ข้าพเจ้า, และพระดำรัสของพระองค์อยู่ที่ลิ้นของข้าพเจ้า.”—23:2.
26. มีการกล่าวถึงทหารกล้าของดาวิดอย่างไร และท่านแสดงให้เห็นอย่างไรถึงความนับถือที่ท่านมีต่อโลหิตอันหมายถึงชีวิตของพวกเขา?
26 ย้อนมายังบันทึกทางประวัติศาสตร์ เราอ่านพบรายชื่อของเหล่าผู้กล้าซึ่งเป็นคนของดาวิด มีสามคนที่เด่น. คนเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อชาวฟะลีศตีมตั้งทัพที่เบธเลเฮม บ้านเกิดของดาวิด. ดาวิดบอกความปรารถนาดังนี้: “ใครจะส่งน้ำจากบ่อริมประตูเมืองเบธเลเฮ็มมาให้เราดื่ม!” (23:15) ครั้งนั้น ผู้กล้าทั้งสามได้ฝ่าเข้าไปในค่ายฟะลีศตีม ตักน้ำจากบ่อนั้นและนำมาให้ดาวิด. แต่ดาวิดไม่ยอมดื่มน้ำนั้น. ท่านกลับเทน้ำลงพื้นดิน กล่าวว่า “ขอพระยะโฮวาทรงห้ามปรามไว้, อย่าให้ข้าพเจ้ากระทำสิ่งนี้เลย: (คือดื่ม) โลหิตของผู้ที่สละชีวิตของตนในภัยอันตราย.” (23:17) สำหรับดาวิด น้ำนี้มีค่าเท่ากับโลหิตที่พวกเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้น้ำนั้นมา. ต่อจากนั้นมีรายชื่อของผู้กล้าที่สุด 30 คนในกองทัพของท่านรวมทั้งวีรกรรมของพวกเขา.
27. ดาวิดทำบาปประการสุดท้ายอะไร? โดยวิธีใดโรคระบาดจึงยุติ?
27 ท้ายสุด ดาวิดทำบาปด้วยการนับจำนวนประชากร. เมื่อวิงวอนขอความเมตตาจากพระเจ้า พระองค์ให้ท่านเลือกการลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่งในสามประการคือ กันดารอาหารเจ็ดปี, แพ้รบสามเดือน, หรือโรคห่าสามวันในแผ่นดิน. ดาวิดทูลตอบว่า “จงให้พวกเราตกอยู่ในพระหัตถ์ของพระยะโฮวาเถิด; เหตุว่าพระเมตตาของพระองค์ก็ล้นเหลือ: แต่อย่าให้เราตกอยู่ในมือมนุษย์เลย.” (24:14) โรคระบาดหนักทั่วประเทศทำให้ 70,000 คนตาย และหยุดระบาดเมื่อดาวิดปฏิบัติตามคำแนะนำของพระยะโฮวาผ่านทางฆาดที่ให้ซื้อลานนวดข้าวอะราวนา ที่ซึ่งท่านถวายเครื่องบูชาเผาและเครื่องบูชาสมานไมตรีแด่พระยะโฮวาที่นั่น.
เหตุที่เป็นประโยชน์
28. คำเตือนที่ชัดแจ้งอะไรบ้างที่มีบันทึกไว้ในซามูเอลฉบับสอง?
28 มีหลายอย่างในซามูเอลฉบับสองที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านยุคปัจจุบัน! มีการพรรณนาอย่างชัดเจนที่สุดถึงอารมณ์มนุษย์เกือบทุกรูปแบบจากชีวิตจริง. ด้วยวิธีนี้ เราจึงได้รับการเตือนด้วยถ้อยคำที่ชัดแจ้งเกี่ยวกับผลหายนะจากความทะเยอทะยานและการแก้แค้น. (3:27-30), จากราคะตัณหาที่ผิดต่อคู่สมรสของผู้อื่น (11:2-4, 15-17; 12:9, 10), จากการคิดคดทรยศ (15:12, 31; 17:23), จากความรักอันเนื่องมาจากความลุ่มหลงเท่านั้น (13:10-15, 28, 29), จากการด่วนตัดสิน (16:3, 4; 19:25-30), และจากการขาดความนับถือต่อการกระทำด้วยความเลื่อมใสของผู้อื่น.—6:20-23.
29. แบบอย่างยอดเยี่ยมอะไรบ้างอันเกี่ยวกับการประพฤติและการกระทำที่ถูกต้องที่พบในซามูเอลฉบับสอง?
29 อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์สูงสุดจากซามูเอลฉบับสองมีอยู่ในด้านที่ดี ด้วยการเอาใจใส่ตัวอย่างอันดีเยี่ยมหลายอย่างของการประพฤติและการกระทำที่ถูกต้อง. ดาวิดเป็นแบบอย่างในความเลื่อมใสโดยเฉพาะของท่านต่อพระเจ้า (7:22), ความถ่อมใจเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า (7:18), การยกย่องพระนามของพระยะโฮวา (7:23, 26), ทัศนะที่ถูกต้องในยามตกอยู่ในสภาพเลวร้าย (15:25), การกลับใจจากบาปอย่างจริงใจ (12:13), ความซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาของตน (9:1, 7), การรักษาความสมดุลภายใต้การทดลอง (16:11, 12), การพึ่งพาพระยะโฮวาอย่างไม่ละลด (5:12, 20), และความนับถืออย่างสุดซึ้งของท่านต่อการจัดเตรียมและการแต่งตั้งที่มาจากพระยะโฮวา (1:11, 12). ไม่แปลกที่ดาวิดถูกเรียกว่า “บุรุษผู้เป็นที่ชอบพระทัยของ [พระยะโฮวา]”!—1 ซามู. 13:14, ล.ม.
30. หลักการอะไรบ้างที่มีการทำตามและมีแสดงไว้ในซามูเอลฉบับสอง?
30 ในซามูเอลฉบับสองก็มีหลักการหลายอย่างเช่นกันที่นำไปใช้ได้. ในหลักการเหล่านี้มีหลักเกี่ยวกับความรับผิดชอบของชุมชน (2 ซามู. 3:29; 24:11-15), เจตนาดีไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อกำหนดของพระเจ้า. (6:6, 7), ตำแหน่งประมุขในการจัดเตรียมตามระบอบของพระเจ้าควรได้รับความนับถือ (12:28), เลือดต้องได้รับการถือว่าศักดิ์สิทธิ์ (23:17), การไถ่โทษจำเป็นสำหรับความผิดฐานทำให้เลือดตก (21:1-6, 9, 14), คนมีปัญญาคนเดียวสามารถช่วยคนหมู่มากให้พ้นภัยพิบัติ (2 ซามู. 20:21, 22; ผู้ป. 9:15), และต้องธำรงความภักดีต่อองค์การของพระยะโฮวาและตัวแทนขององค์การ “ถึงตายก็ดีเป็นก็ดี.”—2 ซามู. 15:18-22.
31. ซามูเอลฉบับสองให้ภาพล่วงหน้าถึงราชอาณาจักรของพระเจ้าอย่างไร ดังที่มีการยืนยันถึงเรื่องนี้ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก?
31 ที่สำคัญที่สุด ซามูเอลฉบับสองชี้ไปยังและให้ภาพล่วงหน้าอันรุ่งโรจน์เกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงตั้งไว้ในพระหัตถ์แห่งพระเยซูคริสต์ “เชื้อสายของดาวิด.” (มัด. 1:1) คำปฏิญาณที่พระยะโฮวาทรงให้ไว้กับดาวิดเกี่ยวกับความมั่นคงถาวรแห่งราชอาณาจักรของท่าน (2 ซามู. 7:16) มีการอ้างถึงที่กิจการ 2:29-36 พร้อมกับพาดพิงถึงพระเยซู. เฮ็บราย 1:5 แสดงว่าคำพยากรณ์ “เราจะเป็นบิดาของผู้นั้น, และผู้นั้นจะเป็นบุตรของเรา” (2 ซามู. 7:14) นั้นแท้จริงแล้วชี้ไปยังพระเยซู. เรื่องนี้ยังได้รับการยืนยันอีกด้วยโดยพระสุรเสียงของพระยะโฮวาจากสวรรค์: “ท่านนี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก.” (มัด. 3:17; 17:5) ท้ายที่สุด สัญญาไมตรีเรื่องราชอาณาจักรที่ทำกับดาวิดนั้นมีการกล่าวถึงโดยฆับริเอลในถ้อยคำที่ท่านกล่าวกับมาเรียอันเกี่ยวกับพระเยซูที่ว่า “บุตรนั้นจะเป็นใหญ่, และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของผู้สูงสุด. พระเจ้าจะประทานพระที่นั่งของดาวิดบิดาของท่านให้แก่ท่าน. และท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบ ๆ ไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่รู้สิ้นสุดเลย.” (ลูกา 1:32, 33) คำสัญญาเรื่องพงศ์พันธุ์แห่งราชอาณาจักรปรากฏอย่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ ขณะที่แต่ละขั้นตอนเปิดเผยต่อสายตาของเรา!
[เชิงอรรถ]
a การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 745-747.
b การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 373-374.