พระธรรมเล่มที่ 21—ท่านผู้ประกาศ
ผู้เขียน: ซะโลโม
สถานที่เขียน: ยะรูซาเลม
เขียนเสร็จ: ก่อนปี 1000 ก.ส.ศ.
1. พระธรรมท่านผู้ประกาศถูกเขียนไว้ด้วยจุดมุ่งหมายอันสูงส่งอะไร?
พระธรรมท่านผู้ประกาศถูกเขียนไว้ด้วยจุดประสงค์อันสูงส่ง. ซะโลโมซึ่งเป็นผู้นำของชาติที่ได้อุทิศแด่พระยะโฮวามีหน้าที่รับผิดชอบจะทำให้พวกเขาสามัคคีกันด้วยความซื่อสัตย์ต่อการอุทิศตัวของตน. ท่านพยายามทำหน้าที่รับผิดชอบนี้ให้สำเร็จโดยคำแนะนำอันสุขุมในพระธรรมท่านผู้ประกาศ.
2. จุดมุ่งหมายนี้มีการแสดงออกอย่างไรในชื่อภาษาฮีบรูของพระธรรมท่านผู้ประกาศ ซึ่งทำให้ชื่อนี้เหมาะกว่าชื่อในภาษากรีกและภาษาอังกฤษ?
2 ในพระธรรมท่านผู้ประกาศ 1:1 ท่านกล่าวถึงตัวเองว่าเป็น “ผู้รวบรวม.” คำนี้ในภาษาฮีบรูคือ โคเฮʹเลท และในคัมภีร์ไบเบิลภาษาฮีบรู พระธรรมนี้ได้ชื่อตามคำดังกล่าว. ฉบับแปลกรีก เซปตัวจินต์ ให้ชื่อพระธรรมนี้ว่า เอคเคลซิอาสเทสʹ ซึ่งหมายความว่า “สมาชิกแห่งเอคเคลเซีย (การชุมนุม; สภา)” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อในภาษาอังกฤษคือ เอคเคลซิแอสทิส. อย่างไรก็ตาม มีการแปล โคเฮʹเลท อย่างเหมาะเจาะว่า “ผู้รวบรวม” และชื่อเรียกนี้นับว่าเหมาะกับซะโลโมมากกว่า. ชื่อนี้บ่งวัตถุประสงค์ของซะโลโมในการเขียนพระธรรมนี้.
3. ซะโลโมเป็นผู้รวบรวมในความหมายเช่นไร?
3 กษัตริย์ซะโลโมเป็นผู้รวบรวมในความหมายใด และท่านทำการรวบรวมเพื่อจุดประสงค์อะไร? ท่านเป็นผู้รวบรวมชาวยิศราเอลประชาชนของท่านและผู้ที่สมทบกับพวกเขา คือเหล่าผู้อาศัยชั่วคราว. ท่านรวบรวมบรรดาคนเหล่านี้มายังการนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของท่าน. ก่อนหน้านั้น ท่านสร้างพระวิหารสำหรับพระยะโฮวาที่ยะรูซาเลมและ ณ การอุทิศพระวิหาร ท่านเรียกชุมนุม หรือรวบรวมคนทั้งปวงเหล่านั้นมายังการนมัสการพระเจ้า. (1 กษัต. 8:1) บัดนี้ โดยทางพระธรรมท่านผู้ประกาศ ท่านพยายามรวบรวมประชาชนของท่านสำหรับงานที่คุ้มค่าและอยู่ห่างจากงานของโลกนี้ซึ่งไม่เกิดผลและไร้ค่า.—ผู้ป. 12:8-10.
4. มีการยืนยันอย่างไรว่าซะโลโมเป็นผู้เขียน?
4 แม้ว่าไม่มีการบอกนามซะโลโมโดยเจาะจง แต่ข้อความหลายตอนก็พอจะทำให้ลงความเห็นยืนยันได้ว่าท่านเป็นผู้เขียน. ท่านผู้รวบรวมแนะนำตัวว่าเป็น “ราชบุตรของท่านดาวิด” ซึ่ง “เคยเป็นกษัตริย์ครองชนชาติยิศราเอล ณ กรุงยะรูซาเลม.” ข้อนี้ใช้ได้กับกษัตริย์ซะโลโมเท่านั้น เพราะผู้สืบตำแหน่งจากท่านในยะรูซาเลมเป็นกษัตริย์ที่ครองแผ่นดินยูดาเท่านั้น. นอกจากนั้น ดังที่ผู้รวบรวมได้เขียนว่า “ข้าฯ ได้มีความรู้มากกว่าใคร ๆ ที่เกิดก่อนข้าฯ ในกรุงยะรูซาเลม; เออ, ใจของข้าฯ ได้เข้าใจและได้ความรู้มากแล้ว.” (1:1, 12, 16) ข้อนี้จึงเหมาะกับซะโลโม. ท่านผู้ประกาศ 12:9 (ล.ม.) บอกเราว่า “ท่านได้ไตร่ตรองและทำการค้นคว้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อท่านจะได้เรียบเรียงสุภาษิตมากมายให้เข้าเป็นระเบียบ.” กษัตริย์ซะโลโมได้ตรัสสุภาษิต 3,000 ข้อ. (1 กษัต. 4:32) ท่านผู้ประกาศ 2:4-9 บอกถึงโครงการก่อสร้างของท่านผู้เขียน; สวนองุ่น, สวนและสวนสาธารณะ; ระบบชลประทาน; การจัดระเบียบคนรับใช้ชายและหญิง; การสะสมเงินและทอง; อีกทั้งความสำเร็จผลอื่น ๆ. ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ซะโลโมได้ทำจริง. เมื่อราชินีแห่งซะบาได้เห็นสติปัญญาและความเจริญรุ่งเรืองของซะโลโม นางตรัสว่า “ซึ่งข้าพเจ้าได้ยินนั้นมิได้ถึงครึ่ง.”—1 กษัต. 10:7.
5. พระธรรมท่านผู้ประกาศคงต้องถูกเขียนที่ไหนและเมื่อไร?
5 พระธรรมนี้ระบุว่ายะรูซาเลมเป็นสถานที่เขียนโดยกล่าวว่า ท่านผู้รวบรวมเป็นกษัตริย์ “ในยะรูซาเลม.” เวลานั้นจึงต้องอยู่ก่อนปี 1000 ก.ส.ศ. ซึ่งคงอยู่ในช่วงท้ายแห่งการครองราชย์ 40 ปีของซะโลโมหลังจากท่านได้ดำเนินงานหลายอย่างดังที่มีกล่าวถึงในพระธรรมนี้ แต่ก็ก่อนที่ท่านจะพลาดเข้าสู่การไหว้รูปเคารพ. ถึงตอนนั้นท่านคงได้รับความรู้กว้างขวางเกี่ยวกับการงานของโลกนี้รวมทั้งการที่โลกพยายามให้ได้มาซึ่งทรัพย์สมบัติ. เวลานั้นท่านคงยังได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าและได้รับการดลใจจากพระองค์.
6. มีการยกข้อคัดค้านอะไรขึ้นมาบ้างในเรื่องการที่พระธรรมท่านผู้ประกาศมีขึ้นโดยการดลใจ แต่อาจพิสูจน์หักล้างข้อคัดค้านเหล่านี้ได้อย่างไร?
6 เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพระธรรมท่านผู้ประกาศ “มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า”? บางคนอาจข้องใจเรื่องการมีขึ้นโดยการดลใจของพระธรรมนี้ในข้อที่ว่า ไม่มีการกล่าวถึงพระนามของพระเจ้า ยะโฮวา สักครั้งเดียว. อย่างไรก็ตาม พระธรรมนี้สนับสนุนการนมัสการแท้ต่อพระเจ้าอย่างแน่นอน และพระธรรมนี้ใช้คำ ฮาเอโลฮิมʹ ซึ่งหมายความว่า “พระเจ้าเที่ยงแท้” หลายครั้งหลายหน. ข้อค้านอีกประการหนึ่งอาจถูกยกขึ้นมาเพราะไม่มีการยกข้อความจากท่านผู้ประกาศโดยตรงไปกล่าวในพระธรรมอื่น ๆ ของคัมภีร์ไบเบิล. อย่างไรก็ตาม คำสอนที่มีให้ไว้รวมทั้งหลักการต่าง ๆ ที่วางไว้ในพระธรรมนี้ต่างสอดคล้องโดยตลอดกับส่วนอื่น ๆ ของพระคัมภีร์. อรรถาธิบาย ของคลาร์ก (ภาษาอังกฤษ) เล่มสาม หน้า 799 กล่าวว่า “พระธรรมที่ชื่อโคเฮเลท หรือท่านผู้ประกาศ เป็นที่ยอมรับทั้งโดยชาวยิวและคริสตจักรของคริสเตียนว่าถูกเขียนขึ้นภายใต้การดลใจ จากพระองค์ผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ; และได้รับการถือว่าเป็นส่วนแห่งสารบบอันศักดิ์สิทธิ์อย่างถูกต้อง.”
7. ภูมิหลังอะไรของซะโลโมทำให้ท่านมีคุณสมบัติดีเยี่ยมเพื่อเขียนพระธรรมท่านผู้ประกาศ?
7 “นักวิจารณ์คัมภีร์ไบเบิล” ที่ฉลาดของโลก อ้างว่าท่านผู้ประกาศไม่ใช่งานเขียนของซะโลโมและไม่ใช่ส่วนที่แท้จริงของ “พระคัมภีร์ทุกตอน” โดยบอกว่า ภาษาและปรัชญาในพระธรรมนี้เป็นของยุคหลังจากนั้น. พวกเขาละเลยแหล่งข้อมูลมากมายที่ซะโลโมคงได้สะสมมาโดยตลอดจากการพัฒนาเป็นขั้น ๆ ในด้านการค้ากับนานาชาติและด้านอุตสาหกรรม รวมทั้งจากพวกผู้สูงศักดิ์ที่เดินทางมาและการติดต่อด้านอื่น ๆ กับโลกภายนอก. (1 กษัต. 4:30, 34; 9:26-28; 10:1, 23, 24) ดังที่ เอฟ. ซี. คุก เขียนไว้ใน อรรถาธิบายคัมภีร์ไบเบิล (ภาษาอังกฤษ) เล่มสี่ หน้า 622 ความว่า “ราชกรณียกิจประจำวันและราชกิจที่กษัตริย์ฮีบรูผู้ยิ่งใหญ่ทรงเลือกทำนั้นคงต้องได้พาท่านไปไกลจากแวดวงชีวิต, แนวคิด, และภาษาแบบธรรมดาของชาวฮีบรู.”
8. อะไรเป็นข้อพิสูจน์หนักแน่นที่สุดที่ว่าพระธรรมท่านผู้ประกาศเป็นส่วนของสารบบพระคัมภีร์?
8 อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องใช้แหล่งภายนอกจริง ๆ ไหมเพื่อพิสูจน์ว่าพระธรรมท่านผู้ประกาศเป็นส่วนของสารบบพระคัมภีร์? การตรวจสอบในพระธรรมนี้เองจะเผยให้เห็นไม่เพียงความสอดคล้องภายในพระธรรมนี้เท่านั้น แต่ความสอดคล้องกับส่วนอื่น ๆ ของพระคัมภีร์ด้วยซึ่งพระธรรมท่านผู้ประกาศเป็นส่วนหนึ่งอย่างแท้จริง.
เนื้อเรื่องในท่านผู้ประกาศ
9. ท่านผู้รวบรวมพบอะไรเกี่ยวกับการงานของบุตรหลานของมนุษย์?
9 ความไร้ค่าแห่งวิถีชีวิตของมนุษย์ (1:1–3:22). คำขึ้นต้นบอกให้ทราบอรรถบทของพระธรรมนี้ คือ “‘ไร้ค่าที่สุด!’ ท่านผู้รวบรวมได้กล่าว ‘ไร้ค่าที่สุด! สารพัดสิ่งไร้ค่า!’” มีประโยชน์อะไรเล่าจากการตรากตรำและงานหนักของมนุษย์? คนชั่วอายุต่าง ๆ มาแล้วก็ไป วัฏจักรธรรมชาติเกิดขึ้นซ้ำ ๆ บนแผ่นดินโลก และ “ภายใต้ดวงอาทิตย์หามีสิ่งใดที่นับว่าเป็นสิ่งใหม่ไม่.” (1:2, 3, 9, ล.ม.) ท่านผู้รวบรวมตั้งใจแสวงหาและวิเคราะห์สติปัญญาอันเกี่ยวกับการงานที่ก่อความทุกข์ของบุตรหลานมนุษย์ แต่ท่านพบว่าในสติปัญญาและในความโง่เขลา, ในการหาประโยชน์และในงานหนัก, ในการกินและดื่ม สารพัดสิ่ง “ไร้ค่าและเป็นการไล่ตามลม.” ท่านจึง ‘ชังชีวิต’ คือชีวิตที่เป็นทุกข์และมุ่งติดตามสิ่งฝ่ายวัตถุ.—1:14; 2:11, 17, ล.ม.
10. ของประทานของพระเจ้าคืออะไร แต่มีจุดจบเช่นไรตกแก่มนุษย์ที่ผิดบาป?
10 มีวาระกำหนดสำหรับทุกสิ่ง—ถูกแล้ว พระเจ้าได้ “ทรงทำทุกสิ่งงดงามตามกาลเวลา.” พระองค์ทรงประสงค์ให้สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างได้เพลิดเพลินกับชีวิตบนแผ่นดินโลก. “ข้าฯ รู้แล้วว่าไม่มีอะไรสำหรับเขาที่จะดีไปกว่าทำใจให้ชื่นชมยินดี, และกระทำดีตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่. มนุษย์ควรจะได้กินและดื่ม, กับชื่นชมความดีความงามในบรรดาการงานของเขา, นี้แหละเป็นของประทานของพระเจ้า.” แต่อนิจจา! สำหรับมนุษยชาติที่ผิดบาปก็มีจุดจบเช่นเดียวกับสัตว์: “ฝ่ายหนึ่งตายฉันใด อีกฝ่ายหนึ่งก็ตายฉันนั้น; และทั้งหมดมีวิญญาณอย่างเดียวกัน ฉะนั้น มนุษย์ไม่เหนือกว่าสัตว์ เพราะสารพัดสิ่งไร้ค่า.”—3:1, 11-13, 19, ล.ม.
11. ท่านผู้รวบรวมให้คำแนะนำอันสุขุมอะไรแก่คนที่กลัวเกรงพระเจ้า?
11 คำแนะนำที่สุขุมสำหรับผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้า (4:1–7:29). ซะโลโมแสดงความยินดีแก่ผู้ตาย เพราะพวกเขาเป็นอิสระจาก “การข่มเหงที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์.” จากนั้น ท่านพรรณนาต่อในเรื่องงานที่ไร้ค่าและก่อผลเสียหาย. ท่านยังแนะนำอย่างฉลาดด้วยว่า “สองคนก็ดีกว่าคนเดียว” และ “เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้.” (4:1, 2, 9, 12) ท่านให้คำแนะนำอันดีเยี่ยมแก่ไพร่พลของพระเจ้าที่ชุมนุมกันว่า “จงระวังเท้าของเจ้าเมื่อเจ้าไปยังวิหารของพระเจ้า; เพราะการเข้าใกล้ชิดเพื่อจะเชื่อฟัง.” อย่าหุนหันในการพูดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า; “เจ้าจงพูดให้น้อยคำ” และจงทำตามที่เจ้าได้ปฏิญาณไว้กับพระเจ้า. “จงยำเกรงพระเจ้าเถิด.” เมื่อคนจนถูกข่มเหง จงจำไว้ว่า “ยังมีท่านผู้สูงกว่าที่คอยปกป้องรักษาอยู่; แล้วยังมีผู้ที่สูงสุดอีกชั้นหนึ่งอยู่เหนือเขาทั้งสิ้น.” ท่านสังเกตว่า คนรับใช้จะหลับสบาย แต่คนร่ำรวยกังวลใจจนเกินกว่าจะหลับได้. กระนั้น เขาได้เกิดมาในโลกตัวเปล่า และเขาจะเอาอะไรอันเป็นผลจากงานหนักทั้งสิ้นของเขาไปจากโลกไม่ได้.—5:1, 2, 4, 7, 8, 12, 15.
12. มีคำแนะนำอะไรให้ไว้ในเรื่องสำคัญ ๆ เกี่ยวกับชีวิต และเรื่องประโยชน์ของสติปัญญาซึ่งเหนือกว่าเงิน?
12 มนุษย์อาจได้รับทรัพย์สมบัติมากมายและเกียรติยศ แต่จะมีประโยชน์อะไรจากการมีชีวิตนานถึง “พันปีคูณด้วยสอง” ถ้าเขาไม่ได้เห็นสิ่งดีใด ๆ? การใส่ใจในเรื่องสำคัญ ๆ เกี่ยวกับชีวิตและความตายย่อมดีกว่าจะคบหากับคนโง่ “ในเรือนที่มีการสนุกสนาน” ถูกแล้ว การได้รับคำว่ากล่าวจากคนมีปัญญาย่อมดีกว่า เพราะ “มีเสียงกุ๊กกิ๊กของเรียวหนามใต้หม้อฉันใด, เสียงหัวเราะของคนโฉดเขลาก็ฉันนั้น.” สติปัญญามีประโยชน์. “ด้วยว่าสติปัญญาเป็นเครื่องปกป้องกันฉันใด, เงินก็เป็นเครื่องปกป้องกันฉันนั้น; แต่ความประเสริฐซึ่งมีอยู่ในความรู้นั้นคือมีปัญญารู้รักษาชีวิตของเจ้าของความรู้นั้นให้รอด.” ถ้าเช่นนั้น เพราะเหตุใดวิถีของมนุษย์จึงเป็นวิถีที่ก่อความทุกข์? “พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นคนสัตย์ซื่อ, แต่ มนุษย์ทั้งหลายได้ค้นคว้าเอาความฉลาดแกมโกงออกมา.”—6:6; 7:4, 6, 12, 29.
13. ท่านผู้รวบรวมแนะนำอะไรและชมชอบอะไร และท่านพูดอย่างไรเกี่ยวกับที่ที่มนุษย์จะไป?
13 จุดจบอย่างเดียวสำหรับทุกคน (8:1–9:12). ท่านผู้รวบรวมแนะนำว่า “ให้ถือรักษาพระบัญชาของกษัตริย์”; แต่ท่านสังเกตว่าเพราะมิได้มีการลงโทษต่อการชั่วโดยเร็วตามคำตัดสินนั่นเอง “ใจของบุตรมนุษย์จึงปลงแน่วจะทำชั่ว.” (8:2, 11) ท่านผู้รวบรวบเองก็ชมชอบความชื่นชมยินดี แต่ยังมีสิ่งก่อความทุกข์อีกประการหนึ่ง! คนทุกชนิดไปทางเดียวกัน คือไปสู่ความตาย! คนเป็นย่อมรู้ว่าตนจะตาย “แต่คนตายแล้วก็ไม่รู้อะไรเลย . . . เมื่อมือไม้ของเจ้าจับการอันใดทำ, จงกระทำการอันนั้นด้วยกำลังวังชาของเจ้าเถิด; เพราะว่าไม่มีการงาน, หรือโครงการ, หรือความรู้หรือสติปัญญาในเมืองผี [เชโอล] ที่เจ้าจะไปนั้น.”—9:5, 10.
14. (ก) ท่านผู้รวบรวมเน้นสติปัญญาอะไรที่ใช้ได้จริง? (ข) บทสรุปของเรื่องคืออะไร?
14 สติปัญญาที่ใช้ได้จริงและพันธะของมนุษย์ (9:13–12:14). ท่านผู้รวบรวมพูดถึงความทุกข์ชนิดอื่น ๆ เช่น “คนโฉดเขลา . . . ในตำแหน่งสูงใหญ่.” นอกจากนี้ ท่านยังแต่งสุภาษิตหลายข้อเกี่ยวกับสติปัญญาที่ใช้ได้จริง และท่านแถลงว่าแม้แต่ “วัยหนุ่มและปฐมวัยแห่งชีวิตไร้ค่า” เว้นแต่จะเอาใจใส่สติปัญญาแท้. ท่านกล่าวว่า “บัดนี้ จงระลึกถึงพระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของเจ้าในช่วงวัยหนุ่มของเจ้า.” มิฉะนั้น วัยชราก็มีแต่จะทำให้เขากลับเป็นผงคลีดิน มีถ้อยคำของท่านผู้รวบรวมกล่าวควบคู่มาที่ว่า “ไร้ค่าที่สุด! . . . สารพัดสิ่งไร้ค่า.” ท่านเองได้สอนความรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพราะ “ถ้อยคำของบรรดาผู้มีสติปัญญาเป็นดุจประตัก” กระตุ้นให้เกิดการงานที่สมควร แต่ท่านเตือนเกี่ยวกับสติปัญญาของโลกนี้ว่า “การจะทำหนังสือมากนั้นไม่มีที่สิ้นสุด และการทุ่มเทกับหนังสือเหล่านั้นทำให้เนื้อหนังอิดโรยไป.” จากนั้น ท่านผู้รวบรวมนำพระธรรมนี้มาถึงจุดสุดยอดอันยิ่งใหญ่ โดยสรุปทุกสิ่งที่ท่านได้พูดเกี่ยวกับความไร้ค่าและสติปัญญาว่า “บทสรุปของเรื่อง เมื่อได้ฟังทุกสิ่งแล้ว คือ: จงเกรงกลัวพระเจ้าเที่ยงแท้และถือรักษาพระบัญชาของพระองค์. เพราะนี่คือพันธะทั้งสิ้นของมนุษย์. เพราะพระเจ้าเที่ยงแท้จะทรงนำการงานทุกประการมาสู่การพิพากษาเกี่ยวพันกับทุกสิ่งที่ซ่อนไว้ เพื่อดูว่าเป็นการดีหรือการชั่ว.”—10:6; 11:1, 10; 12:1, 8-14, ล.ม.
เหตุที่เป็นประโยชน์
15. ซะโลโมแยกความแตกต่างระหว่างการงานที่ก่อความทุกข์กับงานที่คุ้มค่าอย่างไร?
15 พระธรรมท่านผู้ประกาศไม่ใช่พระธรรมที่มองโลกในแง่ร้ายเลย แต่ประดับด้วยอัญมณีอันสุกใสแห่งสติปัญญาของพระเจ้า. เมื่อกล่าวถึงความสำเร็จผลหลายอย่างที่ท่านระบุว่าไร้ค่า ซะโลโมไม่ได้หมายรวมถึงการก่อสร้างพระวิหารของพระยะโฮวาบนภูเขาโมรียาในยะรูซาเลม หรือการนมัสการที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวา. ท่านไม่ได้พรรณนาถึงชีวิตอันเป็นของประทานจากพระเจ้าว่าไร้ค่า แต่ท่านแสดงว่าชีวิตมีเพื่อให้มนุษย์ชื่นชมยินดีและทำการดี. (3:12, 13; 5:18-20; 8:15) การงานที่ก่อความทุกข์คือการงานที่ไม่คำนึงถึงพระเจ้า. บิดาอาจสร้างสมความมั่งคั่งให้บุตรชาย แต่ภัยพิบัติทำลายทุกสิ่งและไม่มีอะไรเหลือไว้สำหรับเขาเลย. คงดีกว่ามากถ้าจะให้มรดกที่ยั่งยืนแห่งความมั่งคั่งฝ่ายวิญญาณ. เป็นความทุกข์ที่ได้ครอบครองสิ่งของมากมายและไม่อาจชื่นชมกับสิ่งเหล่านั้นได้. ความทุกข์ไล่ทันทุกคนที่มั่งคั่งฝ่ายโลกเมื่อเขา “กลับไป” ในความตายโดยไม่ได้เอาอะไรไปด้วย.—5:13-15; 6:1, 2.
16. โคเฮʹเลท หรือท่านผู้ประกาศสอดคล้องกับคำสอนของพระเยซูอย่างไร?
16 ที่มัดธาย 12:42 พระคริสต์เยซูตรัสถึงพระองค์เองว่าเป็น “ผู้ใหญ่กว่าซะโลโม.” เนื่องจากซะโลโมเป็นภาพเล็งถึงพระเยซู เราได้พบไหมว่าถ้อยคำของซะโลโมในพระธรรม โคเฮʹเลท สอดคล้องกับคำสอนของพระเยซู? เราพบความคล้ายกันหลายตอน! ยกตัวอย่าง พระเยซูทรงเน้นขอบเขตอันกว้างใหญ่แห่งราชกิจของพระเจ้าโดยตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงทำงานเรื่อยมาถึงบัดนี้ และเราก็ทำงานเรื่อยไป.” (โย. 5:17, ล.ม.) ซะโลโมก็กล่าวถึงราชกิจของพระเจ้าด้วยว่า “แล้วข้าฯ จึงเห็นพระกิจธุระของพระเจ้าว่ามนุษย์จะค้นหาความเข้าใจในพระกิจธุระที่บังเกิดอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์หาได้ไม่; เพราะว่ามนุษย์จะออกแรงค้นหาสักปานใดก็ยังจะค้นหาให้พบไม่ได้; และอีกประการหนึ่ง, มาตรแม้นว่านักปราชญ์คนใดนึกเอาว่าเขาจะเข้าใจแล้ว, เขาก็ยังหาได้สามารถพบปะไม่.”—ผู้ป. 8:17.
17. ความคล้ายกันอะไรอื่นอีกที่พบในคำตรัสของพระเยซูและของซะโลโม?
17 ทั้งพระเยซูและซะโลโมต่างสนับสนุนผู้นมัสการแท้ให้ชุมนุมกัน. (มัด. 18:20; ผู้ป. 4:9-12; 5:1) ความเห็นของพระเยซูในเรื่อง “ช่วงอวสานของระบบนี้” (ล.ม.) และ “เวลากำหนดของคนต่างประเทศ” สอดคล้องกับคำกล่าวของซะโลโมที่ว่า “มีวาระกำหนดไว้สำหรับทุกสิ่งและมีวาระสำหรับโครงการทุกอย่างภายใต้ฟ้า.”—มัด. 24:3; ลูกา 21:24; ผู้ป. 3:1.
18. พระเยซูและสาวกของพระองค์ร่วมกับซะโลโมในการให้คำเตือนอะไรบ้าง?
18 ที่สำคัญ พระเยซูและสาวกของพระองค์ร่วมกับซะโลโมในการเตือนเรื่องหลุมพรางของการนิยมวัตถุ. สติปัญญาเป็นเครื่องปกป้องแท้ เพราะสติปัญญา “รักษาชีวิตของเจ้าของความรู้นั้นให้รอด” ตามที่ซะโลโมตรัส. พระเยซูตรัสว่า “ดังนั้น จงแสวงหาราชอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนเสมอไป แล้วสิ่งอื่นเหล่านี้ทั้งหมดจะเพิ่มเติมให้แก่ท่าน.” (ผู้ป. 7:12; มัด. 6:33, ล.ม.) ที่ท่านผู้ประกาศ 5:10 (ล.ม.) มีเขียนไว้ว่า “คนรักแต่เงินจะไม่อิ่มใจกับเงิน และคนรักความมั่งคั่งจะไม่อิ่มใจกับรายได้. นี่ก็ไร้ค่าเช่นกัน.” คล้ายกันมากทีเดียวกับคำแนะนำของเปาโลที่ 1 ติโมเธียว 6:6-19 (ล.ม.) ที่ว่า “การรักเงินเป็นรากแห่งสิ่งที่ก่อความเสียหายทุกชนิด.” มีข้อความเปรียบเทียบที่คล้ายกันอีกหลายข้อในประเด็นอื่น ๆ เกี่ยวกับคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล.—ผู้ป. 3:17—กิจ. 17:31; ผู้ป. 4:1—ยโก. 5:4; ผู้ป. 5:1, 2—ยโก. 1:19; ผู้ป. 6:12—ยโก. 4:14; ผู้ป. 7:20—โรม 3:23; ผู้ป. 8:17—โรม 11:33.
19. เราชุมนุมกันนมัสการพระยะโฮวาในสมัยนี้ด้วยความหวังอะไรที่ทำให้มีความสุข?
19 การครองราชย์โดยพระเยซูคริสต์พระบุตรที่รักของพระเจ้า ผู้ซึ่งขณะอยู่ในสภาพเนื้อหนังทรงเป็นเชื้อสายของกษัตริย์ซะโลโมผู้ชาญฉลาด จะก่อตั้งสังคมใหม่บนแผ่นดินโลก. (วิ. 21:1-5) สิ่งที่ซะโลโมเขียนไว้เพื่อชี้นำพลเมืองในอาณาจักรของท่านอันเป็นแบบอย่างนั้นเป็นสิ่งพึงสนใจยิ่งสำหรับทุกคนซึ่งขณะนี้ฝากความหวังไว้กับราชอาณาจักรของพระเจ้าภายใต้พระคริสต์เยซู. ภายใต้การปกครองแห่งราชอาณาจักร มนุษยชาติจะดำเนินชีวิตตามหลักการอันสุขุมเช่นเดียวกับหลักที่ท่านผู้รวบรวมวางไว้และจะมีความยินดีตลอดกาลในชีวิตที่มีความสุขอันเป็นของประทานจากพระเจ้า. เดี๋ยวนี้เป็นเวลาที่จะมาชุมนุมกันเพื่อการนมัสการพระยะโฮวา เพื่อจะประสบความชื่นชมยินดีกับชีวิตภายใต้ราชอาณาจักรของพระองค์จริง ๆ.—ผู้ป. 3:12, 13; 12:13, 14.