พระธรรมเล่มที่ 54—1 ติโมเธียว
ผู้เขียน: เปาโล
สถานที่เขียน: มาซิโดเนีย
เขียนเสร็จ: ประมาณปี ส.ศ. 61-64
1, 2. (ก) เราเห็นความแตกต่างอะไรระหว่างคำพรรณนาเรื่องการคุมขังเปาโลในพระธรรมกิจการกับในติโมเธียวฉบับสอง? (ข) ดูเหมือนพระธรรมติโมเธียวฉบับต้นเขียนขึ้นเมื่อไรและเพราะเหตุใด?
บันทึกของลูกาเกี่ยวกับชีวิตของเปาโลในพระธรรมกิจการจบด้วยตอนที่เปาโลอยู่ในกรุงโรมคอยผลการอุทธรณ์ของท่านถึงซีซาร์. มีการเผยให้เห็นว่าเปาโลอาศัยอยู่ในบ้านที่ท่านเช่าเอง ประกาศเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าแก่ทุกคนที่มาหาท่านและทำเช่นนั้น “ด้วยการพูดอย่างสะดวกใจยิ่งโดยปราศจากการขัดขวาง.” (กิจ. 28:30, 31, ล.ม.) แต่ในจดหมายฉบับที่สองที่ท่านมีไปถึงติโมเธียว เปาโลเขียนว่า “ข้าพเจ้าทนการชั่วถึงขั้นถูกจำจองดังผู้ร้าย” และท่านพูดถึงความตายของท่านว่าจวนจะถึงอยู่แล้ว. (2 ติโม. 2:9, ล.ม.; 4:6-8) ช่างต่างกันจริง ๆ! ในช่วงแรก ท่านได้รับการปฏิบัติอย่างผู้ถูกคุมขังที่มีเกียรติ แต่ในช่วงที่สองเหมือนนักโทษอุกฉกรรจ์. เกิดอะไรขึ้นระหว่างเวลาที่ลูกาอธิบายเกี่ยวกับสภาพของเปาโลในปี ส.ศ. 61 ในช่วงท้ายของสองปีที่อยู่ในโรม กับข้อความที่เปาโลเขียนถึงติโมเธียวเองเกี่ยวกับสภาพของท่าน ซึ่งดูเหมือนว่าเขียนไว้ไม่นานก่อนท่านสิ้นชีวิต?
2 ข้อยุ่งยากในการจัดให้การเขียนจดหมายของเปาโลถึงติโมเธียวและติโตเข้ากับระยะเวลาที่ครอบคลุมโดยพระธรรมกิจการทำให้ผู้อธิบายพระคัมภีร์บางคนลงความเห็นว่า เปาโลประสบความสำเร็จในการอุทธรณ์ถึงซีซาร์และถูกปล่อยตัวประมาณปี ส.ศ. 61. พจนานุกรมคัมภีร์ไบเบิลของเวสต์มินสเตอร์ฉบับใหม่ (ภาษาอังกฤษ) กล่าวว่า “ข้อสุดท้ายของพระธรรมกิจการเข้ากันดีกว่ากับความเห็นนี้ [ที่ว่าเปาโลได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกคุมขังสองปี] เมื่อเทียบกับการคาดคะเนที่ว่า การคุมขังซึ่งมีพรรณนาไว้นั้นสิ้นสุดลงในคราวการพิพากษาลงโทษและการตายของท่านอัครสาวก. ลูกาเน้นข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มีใครขัดขวางงานของท่าน ดังนั้น จึงให้แนวคิดที่ว่า ตอนสิ้นสุดของงานของท่านยังอีกไกล.”a ถ้าเช่นนั้น การเขียนพระธรรมติโมเธียวฉบับต้นก็คงเป็นในระหว่างช่วงที่ท่านถูกปล่อยตัวจากการคุมขังในโรมกับช่วงที่ท่านถูกคุมขังครั้งสุดท้ายที่นั่น หรือประมาณปี ส.ศ. 61-64.
3, 4. (ก) เมื่อถูกปล่อยตัวจากที่คุมขัง ดูเหมือนเปาโลทำอะไร? (ข) ท่านเขียนพระธรรมติโมเธียวฉบับต้นจากที่ไหน?
3 เมื่อถูกปล่อยตัวจากที่คุมขัง ดูเหมือนว่าเปาโลร่วมกับติโมเธียวและติโตทำงานมิชชันนารีของท่านต่อ. เปาโลไปถึงสเปนอย่างที่บางคนคาดหรือไม่นั้นไม่เป็นที่แน่ชัด. เคลเมนต์แห่งโรมเขียน (ประมาณปี ส.ศ. 95) ว่า เปาโลมา “ถึงสุดเขตแดนทางตะวันตก” ซึ่งอาจรวมถึงสเปนด้วย.b
4 เปาโลเขียนจดหมายฉบับแรกถึงติโมเธียวจากที่ไหน? 1 ติโมเธียว 1:3 ระบุว่าเปาโลจัดให้ติโมเธียวเอาใจใส่เรื่องราวบางอย่างของประชาคมในเอเฟโซขณะที่ท่านเองเดินทางไปมาซิโดเนีย (มากะโดเนีย). ดูเหมือนว่าท่านเขียนจดหมายจากที่นี่กลับไปถึงติโมเธียวที่อยู่ในเอเฟโซ.
5. มีพยานหลักฐานอะไรยืนยันความเชื่อถือได้ของจดหมายที่มีถึงติโมเธียว?
5 จดหมายสองฉบับถึงติโมเธียวเป็นที่ยอมรับตั้งแต่ยุคแรก ๆ ว่าเปาโลเป็นผู้เขียนและเป็นส่วนแห่งพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ. นักเขียนคริสเตียนรุ่นแรก ๆ ซึ่งรวมถึงโพลีคาร์ป, อิกนาทิอุส, และเคลเมนต์แห่งโรม ล้วนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ และจดหมายสองฉบับนี้ถูกรวมไว้ในสารบัญพระคัมภีร์ในช่วงสองสามศตวรรษแรกในฐานะหนังสือของเปาโล. ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเขียนว่า “มีพระธรรมในพันธสัญญาใหม่ไม่กี่เล่มที่มีข้อยืนยันที่หนักแน่นกว่า . . . ดังนั้นข้อคัดค้านในเรื่องความเชื่อถือได้จึงต้องถูกถือว่าเป็นแนวคิดใหม่ในสมัยปัจจุบันซึ่งขัดกับหลักฐานอันหนักแน่นของคริสตจักรรุ่นแรก.”c
6. (ก) เปาโลเขียนพระธรรมติโมเธียวฉบับต้นเนื่องด้วยเหตุผลหลายประการอะไรบ้าง? (ข) ภูมิหลังของติโมเธียวเป็นอย่างไร และอะไรชี้ว่าท่านเป็นคนทำงานที่อาวุโส?
6 เปาโลเขียนจดหมายฉบับแรกนี้ถึงติโมเธียวเพื่อแสดงขั้นตอนการจัดระบบงานบางอย่างในประชาคมให้ชัดเจน. นอกจากนั้น ยังมีความจำเป็นที่ท่านต้องเตือนติโมเธียวให้คอยระวังคำสอนเท็จและเสริมกำลังพวกพี่น้องให้ต้านทาน ‘ความรู้เท็จ’ อีกด้วย. (1 ติโม. 6:20) นอกจากนั้น เมืองการค้าอย่างเอเฟโซยังมีการล่อใจในด้านการนิยมวัตถุและ “การรักเงิน” จึงเป็นเวลาที่เหมาะจะให้คำแนะนำบ้างในเรื่องนี้ด้วย. (6:10, ล.ม.) ติโมเธียวมีภูมิหลังที่ดีอย่างแน่นอนด้านประสบการณ์และการฝึกอบรมเพื่อจะใช้ทำงานนี้. ท่านกำเนิดจากบิดาชาวกรีกและมารดาชาวยิวผู้เกรงกลัวพระเจ้า. ท่านได้พบศาสนาคริสเตียนครั้งแรกเมื่อไรนั้นไม่เป็นที่รู้แน่ชัด. ตอนที่เปาโลเยี่ยมที่ลุศตราในการเดินทางเผยแพร่ยังต่างแดนรอบที่สอง ดูเหมือนในตอนปลายปี ส.ศ. 49 หรือต้นปี ส.ศ. 50 ติโมเธียว (อาจอยู่ในช่วงปลายวัยรุ่นหรือวัย 20 ต้น ๆ) “มีชื่อเสียงดีในท่ามกลางพวกพี่น้องที่อยู่ในเมืองลุศตราและเมืองอิโกนิอัน” อยู่แล้ว. ดังนั้น เปาโลจึงจัดการให้ติโมเธียวเดินทางร่วมกับท่านและซีลา. (กิจ. 16:1-3) มีการเอ่ยชื่อติโมเธียวในจดหมายของเปาโล 11 ฉบับใน 14 ฉบับ รวมทั้งในพระธรรมกิจการด้วย. เปาโลให้ความสนใจฉันบิดาต่อติโมเธียวเสมอและได้มอบหมายท่านในหลายโอกาสให้เยี่ยมและรับใช้ประชาคมต่าง ๆ ซึ่งเป็นหลักฐานข้อหนึ่งว่าติโมเธียวทำงานมิชชันนารีได้ดีและมีคุณวุฒิจะทำหน้าที่รับผิดชอบที่หนัก.—1 ติโม. 1:2; 5:23; 1 เธ. 3:2; ฟิลิป. 2:19.
เนื้อเรื่องในติโมเธียวฉบับต้น
7. ทำไมเปาโลสนับสนุนติโมเธียวให้อยู่ที่เอเฟโซ?
7 คำกระตุ้นเตือนให้มีความเชื่อพร้อมด้วยสติรู้สึกผิดชอบที่ดี (1:1-20). หลังจากทักทายติโมเธียวในฐานะ “บุตรแท้ในความเชื่อ” เปาโลสนับสนุนท่านให้อยู่ในเอเฟโซต่อไป. ท่านจะต้องแก้ไขคนที่สอน “หลักคำสอนที่แตกต่างไป” ซึ่งทำให้เกิดคำถามที่เปล่าประโยชน์แทนที่จะส่งเสริมความเชื่อ. เปาโลกล่าวว่า เป้าหมายของการมอบหมายนี้คือ “ความรักซึ่งเกิดจากหัวใจที่สะอาด และเกิดจากสติรู้สึกผิดชอบที่ดี และเกิดจากความเชื่ออันปราศจากความหน้าซื่อใจคด.” ท่านบอกอีกว่า “เนื่องด้วยการหันเหจากสิ่งเหล่านี้ บางคนจึงหันไปสู่การพูดเหลวไหล.”—1:2, 3, 5, 6, ล.ม.
8. การที่เปาโลได้รับความเมตตาเน้นเรื่องอะไร และการต่อสู้อันดีอะไรที่ท่านสนับสนุนติโมเธียวให้ทำ?
8 แม้เปาโลเคยเป็นคนหมิ่นประมาทและคนกดขี่ข่มเหง ถึงกระนั้น พระกรุณาอันไม่พึงได้รับขององค์พระผู้เป็นเจ้า “อุดมเหลือล้นพร้อมด้วยความเชื่อและความรักอันเกี่ยวเนื่องด้วยพระคริสต์เยซู” ท่านจึงได้รับความเมตตา. ท่านเคยเป็นคนบาปตัวเอ้; และดังนั้น ท่านจึงได้มาเป็นตัวอย่างแสดงถึงความอดกลั้นทนนานของพระคริสต์เยซูซึ่ง “เข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอด.” พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเจริญนิรันดร์ทรงคู่ควรจะได้รับเกียรติยศและสง่าราศีตลอดกาลจริง ๆ! เปาโลสั่งติโมเธียวให้ทำการต่อสู้อย่างดี “โดยรักษาความเชื่อและสติรู้สึกผิดชอบอันดี.” ท่านต้องไม่เป็นเหมือนคนที่ ‘ความเชื่อของเขาอับปาง’ เช่น ฮุเมนายและอะเล็กซันดะโรซึ่งเปาโลได้ตีสอนเนื่องด้วยการหมิ่นประมาท.—1:14, 15, 19, ล.ม.
9. (ก) เราต้องอธิษฐานเรื่องอะไร และเพราะเหตุใด? (ข) มีการกล่าวถึงผู้หญิงในประชาคมอย่างไร?
9 คำแนะนำเรื่องการนมัสการและการจัดระเบียบในประชาคม (2:1–6:2). ต้องอธิษฐานเพื่อคนทุกชนิด รวมทั้งผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูง ด้วยความมุ่งหมายจะให้คริสเตียนดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า. พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดทรงมีพระทัยประสงค์ให้ “คนทุกชนิดได้ความรอดและบรรลุความรู้อันถ่องแท้เรื่องความจริง. เพราะว่ามีพระเจ้าองค์เดียว และมีคนกลางผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษยชาติคือพระคริสต์เยซูมนุษย์ผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งประทานพระองค์เองเป็นค่าไถ่อันมีค่าเท่าเทียมกันสำหรับคนทั้งปวง.” (2:4-6, ล.ม.) เปาโลได้รับการแต่งตั้งเป็นอัครสาวกและผู้สอนสิ่งเหล่านี้. ดังนั้น ท่านจึงขอให้พวกผู้ชายอธิษฐานด้วยความภักดี และให้พวกผู้หญิงแต่งกายอย่างสุภาพและพอเหมาะพอควร สมกับเป็นผู้ยำเกรงพระเจ้า. ผู้หญิงต้องนิ่งฟังและไม่แสดงอำนาจเหนือผู้ชาย “ด้วยว่าทรงปั้นอาดามก่อน ครั้นแล้วก็ฮาวา.”—2:13, ล.ม.
10. ผู้ดูแลและผู้ช่วยงานรับใช้ต้องมีคุณวุฒิอะไรบ้าง และเหตุใดเปาโลเขียนถึงเรื่องเหล่านี้?
10 ชายที่พยายามเพื่อจะเป็นผู้ดูแลก็ปรารถนางานที่ดี. ต่อจากนั้น เปาโลกล่าวถึงคุณวุฒิของผู้ดูแลและผู้ช่วยงานรับใช้. ผู้ดูแลต้องเป็นคน “ไม่มีใครติเตียนได้, เป็นสามีของภรรยาคนเดียว, เป็นคนรู้จักประมาณตนในนิสัยต่าง ๆ, มีสุขภาพจิตดี, มีระเบียบ, มีน้ำใจต้อนรับแขก, มีคุณวุฒิที่จะสั่งสอน, ไม่เป็นนักเลงสุรา, ไม่เป็นนักเลงหัวไม้, แต่มีเหตุผล, ไม่เป็นคนชอบทะเลาะ, ไม่เป็นคนรักเงิน, เป็นคนที่ปกครองครอบครัวของตนเองอย่างดีงาม, ให้ลูก ๆ อยู่ใต้อำนาจด้วยความจริงจังทุกอย่าง . . . ไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้ามาเชื่อถือ . . . เขาควรจะมีคำพยานที่ดีจากคนภายนอก.” (3:2-7, ล.ม.) มีข้อเรียกร้องคล้ายคลึงกันสำหรับผู้ช่วยงานรับใช้ และพวกเขาควรได้รับการทดสอบความเหมาะสมก่อนจะทำหน้าที่. เปาโลเขียนสิ่งเหล่านี้เพื่อให้ติโมเธียวทราบว่าควรจะประพฤติตนอย่างไรในประชาคมของพระเจ้า ซึ่ง “เป็นหลักและรากแห่งความจริง.”—3:15, ล.ม.
11. (ก) จะมีปัญหาอะไรปรากฏขึ้นหลังจากนั้น? (ข) ติโมเธียวควรเอาใจใส่เรื่องอะไร และเพราะเหตุใด?
11 ในเวลาต่อมาบางคนจะถอยห่างจากความเชื่อโดยคำสอนของผีปิศาจ. คนหน้าซื่อใจคดที่พูดโกหกจะห้ามการสมรสและสั่งให้งดเว้นอาหารที่พระเจ้าทรงสร้างไว้ให้รับประทานด้วยการขอบพระคุณ. ในฐานะผู้รับใช้ที่ดี ติโมเธียวต้องบอกปัดเรื่องเท็จและ ‘นิทานของหญิงชรา.’ อีกด้านหนึ่ง ท่านควรฝึกฝนตนเองโดยมีความเลื่อมใสในพระเจ้าเป็นเป้าหมาย. เปาโลกล่าวว่า “เพื่อจุดมุ่งหมายนี้เราจึงทำงานหนักและทุ่มเทตัวเอง เพราะเราได้ฝากความหวังไว้กับพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ผู้ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของคนทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งของคนซื่อสัตย์.” ดังนั้น ติโมเธียวต้องสั่งและสอนสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ. ท่านต้องไม่ให้ใครดูหมิ่นความหนุ่มแน่นของท่าน แต่ต้องเป็นแบบอย่างในการประพฤติและการรับใช้พระเจ้า. ท่านจะต้องฝังตัวในสิ่งเหล่านี้และเอาใจใส่ตัวท่านเองและคำสอนของท่านอยู่เสมอ เพราะโดยการจดจ่ออยู่กับสิ่งเหล่านี้ ท่านจะ “ช่วยตัวเองและคนที่ฟังท่านให้รอด.”—4:7, 10, 16, ล.ม.
12. มีการให้คำแนะนำอะไรเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อหญิงม่ายและคนอื่น ๆ ในประชาคม?
12 เปาโลแนะนำติโมเธียวในเรื่องวิธีปฏิบัติกับแต่ละบุคคลคือ กับชายผู้สูงอายุเหมือนเป็นบิดา, กับชายที่อายุน้อยกว่าเหมือนเป็นน้องชาย, กับสตรีมีอายุเหมือนเป็นมารดา, และกับผู้หญิงอายุน้อยกว่าเหมือนเป็นน้องสาว. จะต้องจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่เป็นม่ายจริง ๆ อย่างเหมาะสม. แต่ถ้าเป็นได้ ครอบครัวของหญิงม่ายควรเอาใจใส่นาง. การไม่ทำสิ่งนี้ย่อมเป็นการปฏิเสธความเชื่อ. เมื่ออายุอย่างน้อย 60 ปี หญิงม่ายอาจได้รับการจดชื่อไว้ถ้ามี “คำพยานยืนยันการงานที่ดีของนาง.” (5:10, ล.ม.) อีกด้านหนึ่ง หญิงม่ายที่อายุน้อยซึ่งปล่อยให้แรงกระตุ้นทางเพศครอบงำ ควรถูกปฏิเสธ. แทนที่จะเตร่ไปมาและซุบซิบนินทา ให้พวกนางสมรสและให้กำเนิดบุตร เพื่อจะไม่เปิดช่องแก่ผู้ต่อต้าน.
13. ควรแสดงการคำนึงถึงผู้เฒ่าผู้แก่อย่างไร ควรจัดการกับคนที่ทำบาปเป็นอาจิณอย่างไร และทาสมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร?
13 ควรถือว่าผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานอย่างดีนั้นสมควรได้รับเกียรติเป็นสองเท่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่พากเพียรในการพูดและการสั่งสอน.” (5:17, ล.ม.) ข้อกล่าวหาต่อผู้เฒ่าผู้แก่จะไม่ได้รับการยอมรับเว้นแต่มีหลักฐานจากพยานสองหรือสามปาก. ผู้ที่ทำบาปเป็นอาจิณจะต้องถูกว่ากล่าวต่อหน้าคนทั้งปวงที่เฝ้าดู แต่จะต้องไม่ด่วนตัดสินหรือลำเอียงในเรื่องเหล่านี้. ทาสพึงนับถือนายของตน โดยรับใช้อย่างดี โดยเฉพาะกับพี่น้องซึ่งเป็น “ผู้ที่มีความเชื่อและเป็นที่รัก.”—6:2, ฉบับแปลใหม่.
14. เปาโลพูดอะไรเกี่ยวกับการอวดทะนงตนและการรักเงินเมื่อพูดถึง “ความเลื่อมใสในพระเจ้าประกอบกับสันโดษ”?
14 คำแนะนำเรื่อง “ความเลื่อมใสในพระเจ้าประกอบกับสันโดษ” (6:3-21). ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับถ้อยคำที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นคนอวดทะนงตัวและจิตใจเสื่อมด้วยการซักถาม ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ. อีกด้านหนึ่ง “ความเลื่อมใสในพระเจ้าประกอบกับสันโดษเป็นทางที่ได้กำไรมาก.” คนเราควรอิ่มใจกับเครื่องอุปโภคบริโภค. การมุ่งจะร่ำรวยเป็นบ่วงแร้วซึ่งนำไปสู่ความพินาศ และการรักเงินเป็น “รากแห่งสิ่งที่ก่อความเสียหายทุกชนิด.” เปาโลกระตุ้นติโมเธียวในฐานะเป็นคนของพระเจ้าให้หนีจากสิ่งเหล่านี้, ให้มุ่งติดตามความดีงามแบบคริสเตียน, ให้ต่อสู้อย่างดีเพื่อความเชื่อและให้ “ยึดมั่นอยู่กับชีวิตนิรันดร์.” (6:6, 10, 12, ล.ม.) ติโมเธียวต้องปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านี้ “อย่างที่ปราศจากด่างพร้อยและพ้นจากติเตียน” จนกระทั่งการปรากฏของพระเยซูคริสต์เจ้า. คนที่ร่ำรวยควร “ฝากความหวังของตนไม่ใช่กับทรัพย์ที่ไม่แน่นอน แต่กับพระเจ้า” เพื่อยึดเอาชีวิตจริง ๆ ไว้. ในตอนท้าย เปาโลสนับสนุนติโมเธียวให้รักษาหลักคำสอนที่ฝากไว้กับท่านและให้หลีกหนีจากคำพูดไม่สะอาดและจาก “ข้อขัดแย้งของสิ่งที่เรียกกันผิด ๆ ว่า ‘ความรู้.’”—6:14, 17, 20, ล.ม.
เหตุที่เป็นประโยชน์
15. มีการให้คำเตือนอะไรในเรื่องการคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาและการโต้เถียงกัน?
15 จดหมายนี้ให้คำเตือนที่แรงแก่คนที่คาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาและถกเถียงกันเรื่องปรัชญาโดยเปล่าประโยชน์. คนที่ “โต้เถียงกันเรื่องถ้อยคำ” ก็เป็นพวกทะนงตัวและพึงต้องหลีกเลี่ยง เพราะเปาโลบอกเราว่าคนพวกนี้ขัดขวางความเจริญของคริสเตียน มีแต่จะ “ก่อคำถามให้ค้นคว้า แทนที่จะได้รับอะไร ๆ จากพระเจ้าอันเกี่ยวเนื่องกับความเชื่อ.” (6:3-6, ล.ม.; 1:4, ล.ม.) พร้อมกับการของเนื้อหนัง ถ้อยคำทุ่มเถียงกันเหล่านี้ “ขัดกับคำสอนที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพตามข่าวดีอันรุ่งโรจน์ของพระเจ้าผู้มีความสุข.”—1:10, 11, ล.ม.
16. เปาโลให้คำแนะนำอะไรในเรื่องการนิยมวัตถุ?
16 ปรากฏว่าชนคริสเตียนในเมืองที่หิวเงินอย่างเอเฟโซจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำเรื่องการต่อสู้ลัทธิวัตถุนิยมและสิ่งล่อใจจากลัทธินี้. เปาโลให้คำแนะนำนั้น. ชาวโลกยกถ้อยคำของท่านไปกล่าวบ่อย ๆ ที่ว่า “การรักเงินเป็นรากแห่งสิ่งที่ก่อความเสียหายทุกชนิด” แต่น้อยคนนักที่ใส่ใจถ้อยคำของท่าน! ในทางตรงข้าม คริสเตียนแท้จำเป็นต้องเอาใจใส่คำแนะนำนี้ตลอดเวลา. นั่นหมายถึงชีวิตสำหรับพวกเขา. พวกเขาจำเป็นต้องหนีจากบ่วงแร้วแห่งการนิยมวัตถุที่ก่อความเสียหาย โดยฝากความหวังของตน “ไม่ใช่กับทรัพย์ที่ไม่แน่นอน แต่กับพระเจ้าผู้ทรงจัดให้สิ่งสารพัดแก่เราอย่างบริบูรณ์เพื่อความชื่นชมยินดีของเรา.”—6:6-12, 17-19, ล.ม.
17. คำแนะนำอะไรที่ให้แก่ติโมเธียวซึ่งเหมาะกับเวลาสำหรับผู้รับใช้หนุ่ม ๆ ทั้งปวงที่มีใจแรงกล้าในทุกวันนี้?
17 จดหมายของเปาโลแสดงว่าติโมเธียวเองเป็นตัวอย่างอันดีของสิ่งที่คริสเตียนหนุ่มสาวพึงเป็น. แม้อายุไม่มากเท่าไร แต่ท่านก็อาวุโสด้านการเติบโตฝ่ายวิญญาณ. ท่านได้พยายามเพื่อจะมีคุณวุฒิเป็นผู้ดูแลและได้รับพระพรมากมายด้วยสิทธิพิเศษต่าง ๆ. แต่ก็เหมือนกับผู้รับใช้หนุ่ม ๆ ที่มีใจแรงกล้าในสมัยนี้ทุกคน ท่านจำเป็นต้องไตร่ตรองและฝังตัวในสิ่งเหล่านั้นเสมอเพื่อจะก้าวหน้าต่อ ๆ ไป คำแนะนำของเปาโลนับว่าเหมาะกับเวลาสำหรับทุกคนที่แสวงหาความยินดีอย่างต่อเนื่องในการทำความก้าวหน้าแบบคริสเตียน: “จงเอาใจใส่ตัวท่านและการสอนของท่านอยู่เสมอ. จงจดจ่ออยู่กับสิ่งเหล่านี้ เพราะด้วยการกระทำอย่างนี้ท่านจะช่วยตัวเองและคนที่ฟังท่านให้รอด.”—4:15, 16, ล.ม.
18. มีการชี้แจงอย่างชัดเจนในเรื่องการจัดเตรียมอะไรอย่างเป็นระเบียบภายในประชาคม และเปาโลใช้พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูสนับสนุนอย่างไร?
18 จดหมายที่เขียนโดยการดลใจฉบับนี้ก่อความหยั่งรู้ค่าต่อการจัดเตรียมอย่างเป็นระเบียบของพระเจ้า. จดหมายนี้แสดงให้เห็นวิธีที่ทั้งชายและหญิงจะทำส่วนของตนเพื่อธำรงความกลมเกลียวกันตามระบอบของพระเจ้าในประชาคม. (2:8-15) ต่อจากนั้นจดหมายนี้กล่าวถึงคุณวุฒิของผู้ดูแลและผู้ช่วยงานรับใช้. ด้วยวิธีนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ระบุข้อเรียกร้องต่าง ๆ ที่ผู้ซึ่งรับใช้ในหน้าที่พิเศษต่าง ๆ จะต้องบรรลุ. นอกจากนั้น จดหมายนี้ยังสนับสนุนผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแล้วทุกคนให้บรรลุมาตรฐานเหล่านี้ โดยกล่าวว่า “ถ้าชายคนใดเอื้อมแขนออกไปเพื่อจะได้ตำแหน่งผู้ดูแล เขาก็ปรารถนาการงานที่ดี.” (3:1-13, ล.ม.) มีการชี้แจงอย่างเหมาะสมในเรื่องเจตคติที่ถูกต้องซึ่งผู้ดูแลพึงมีต่อคนต่างวัยและต่างเพศในประชาคม เช่นเดียวกับเรื่องการจัดการกับข้อกล่าวหาต่อหน้าพยาน. เพื่อเน้นว่าผู้เฒ่าผู้แก่ที่ทำงานหนักในการพูดและการสอนสมควรได้รับเกียรติสองเท่า เปาโลยกพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูมากล่าวยืนยันสองครั้งดังนี้: “เพราะข้อพระคัมภีร์กล่าวว่า ‘เจ้าต้องไม่เอาตะกร้อสวมปากโคเมื่อมันนวดข้าวอยู่’; และ ‘คนงานสมควรได้ค่าจ้างของตน.’”—1 ติโม. 5:1-3, 9, 10, 19-21, 17, 18, ล.ม.; บัญ. 25:4; เลวี. 19:13.
19. มีการให้ความสำคัญอย่างไรแก่ความหวังเรื่องราชอาณาจักร และมีการให้คำกระตุ้นเตือนอะไรโดยอาศัยเรื่องนี้?
19 หลังจากให้คำแนะนำที่ดีเหล่านี้ เปาโลเสริมว่า ควรปฏิบัติตามคำสั่งนั้นอย่างที่ปราศจากด่างพร้อยและพ้นจากคำตำหนิ ‘จนถึงการปรากฏแห่งพระเยซูคริสต์เจ้าในฐานะจอมกษัตริย์แห่งชนเหล่านั้นผู้ซึ่งปกครองเป็นกษัตริย์ และองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งชนที่ปกครองเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า.’ โดยอาศัยความหวังเรื่องราชอาณาจักร จดหมายนี้จบลงด้วยคำกระตุ้นเตือนอันทรงพลังให้คริสเตียน “ทำการดี, ให้ร่ำรวยด้วยการงานอันดี, ให้เป็นคนใจกว้าง, พร้อมจะแบ่งปัน, โดยสะสมทรัพย์ประเสริฐอย่างปลอดภัยไว้สำหรับตนให้เป็นรากฐานอันดีสำหรับอนาคต เพื่อเขาจะยึดเอาชีวิตแท้ให้มั่น.” (1 ติโม. 6:14, 15, 18, 19, ล.ม.) คำสั่งสอนอันดีทั้งปวงในพระธรรมติโมเธียวฉบับต้นนับว่าเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง!
[เชิงอรรถ]
a 1970 เรียบเรียงโดย เอช. เอส. เกห์แมน หน้า 721.
b นักเขียนคริสเตียนก่อนการประชุมที่ไนเซีย (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 6 “จดหมายฉบับแรกของเคลเมนต์ถึงชาวโกรินโธ” บท 5.
c พจนานุกรมคัมภีร์ไบเบิลฉบับใหม่ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับพิมพ์ครั้งที่สอง 1986 เรียบเรียงโดย เจ. ดี. ดักลาส หน้า 1203.