การศึกษาพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจพร้อมด้วยภูมิหลัง
บทเรียนที่ 6—ข้อความภาษากรีกของคริสเตียนในพระคัมภีร์บริสุทธิ์
การคัดข้อความในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก; การถ่ายทอดพระคัมภีร์ในภาษากรีกและภาษาอื่น ๆ จนถึงปัจจุบัน; ความเชื่อถือได้ของข้อความในสมัยปัจจุบัน.
1. โครงการสอนของคริสเตียนเริ่มต้นอย่างไร?
คริสเตียนรุ่นแรกเป็นผู้สอนและผู้เผยแพร่ ‘พระดำรัสของพระยะโฮวา’ ที่มีเขียนไว้ไปทั่วโลก. พวกเขาเอาใจใส่อย่างจริงจังต่อคำตรัสของพระเยซูไม่นานก่อนพระองค์เสด็จสู่สวรรค์ที่ว่า “เจ้าทั้งหลายจะได้รับฤทธิ์เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์มาบนเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเรา ทั้งในเยรูซาเลมและทั่วยูเดียกับซะมาเรียและจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก.” (ยซา. 40:8; กิจ. 1:8, ล.ม.) ดังที่พระเยซูบอกไว้ล่วงหน้า สาวก 120 คนแรกได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์พร้อมกับพลังปฏิบัติงานของพระวิญญาณ. เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเพนเตคอสเต ปี ส.ศ. 33. ในวันเดียวกันนั้น เปโตรเริ่มโครงการสอนใหม่โดยให้คำพยานอย่างละเอียด ยังผลให้หลายคนตอบรับข่าวสารอย่างจริงใจและมีประมาณ 3,000 คนเข้ามาสมทบกับประชาคมคริสเตียนที่เพิ่งตั้งขึ้นนั้น.—กิจ. 2:14-42.
2. ข่าวดีอะไรที่ประกาศกันในตอนนั้น และงานให้คำพยานนี้เป็นการแสดงถึงอะไร?
2 เมื่อได้รับการกระตุ้นให้ปฏิบัติการอย่างที่ไม่มีกลุ่มอื่นใดในประวัติศาสตร์เคยได้รับ สาวกเหล่านี้ของพระเยซูคริสต์จึงเริ่มโครงการสอนซึ่งในที่สุดได้ครอบคลุมไปทั่วทุกมุมโลกที่รู้จักกันในสมัยนั้น. (โกโล. 1:23) ถูกแล้ว พยานที่เลื่อมใสเหล่านี้ของพระยะโฮวากระหายจะใช้เท้าของตนเดินไปตามบ้าน, ตามเมือง และตามประเทศต่าง ๆ ประกาศ “ข่าวดีเกี่ยวกับสิ่งดี ๆ.” (โรม 10:15, ล.ม.) ข่าวดีนี้บอกเรื่องการจัดเตรียมค่าไถ่ของพระคริสต์, ความหวังเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย และเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าตามที่มีคำสัญญาไว้. (1 โก. 15:1-3, 20-22, 50; ยโก. 2:5) คำพยานเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นไม่เคยมีการบอกเล่าแก่มนุษยชาติมาก่อน. การให้คำพยานนั้นกลายเป็น “การแสดงออกเด่นชัดถึงสิ่งที่เป็นจริง ถึงแม้ไม่ได้เห็นสิ่งนั้นก็ตาม” เป็นการสำแดงความเชื่อต่อหลายคนซึ่งบัดนี้ยอมรับพระยะโฮวาเป็นองค์บรมมหิศรโดยอาศัยเครื่องบูชาของพระเยซู.—เฮ็บ. 11:1, ล.ม.; กิจ. 4:24; 1 ติโม. 1:14-17.
3. อะไรคือลักษณะเฉพาะของคริสเตียนผู้รับใช้ในศตวรรษแรกแห่งสากลศักราช?
3 คริสเตียนผู้รับใช้ชายและหญิงเหล่านี้เป็นผู้รับใช้ที่ได้รับความสว่างจากพระเจ้า. พวกเขาอ่านออกเขียนได้. พวกเขาได้รับความรู้ในพระคัมภีร์บริสุทธิ์. พวกเขาเป็นผู้คนที่รู้เรื่องเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลก. พวกเขาคุ้นเคยกับการเดินทาง. พวกเขาเป็นเหมือนฝูงตั๊กแตนที่ไม่ยอมให้อุปสรรคใดมาขัดขวางการรุดหน้าในการเผยแพร่ข่าวดี. (กิจ. 2:7-11, 41; โยเอล 2:7-11, 25) ในศตวรรษแรกแห่งสากลศักราช พวกเขาทำงานท่ามกลางประชาชนซึ่งมีหลายประการที่คล้ายกันมากกับประชาชนสมัยปัจจุบัน.
4. ภายใต้การดลใจและการชี้นำของพระยะโฮวา การเขียนอะไรที่ได้ทำกันในสมัยประชาคมคริสเตียนรุ่นแรก?
4 ในฐานะเป็นผู้ประกาศ “พระคำแห่งชีวิต” ที่ก้าวหน้า คริสเตียนรุ่นแรกใช้ประโยชน์จากม้วนหนังสือคัมภีร์ไบเบิลเท่าที่พวกเขาอาจหาได้. (ฟิลิป. 2:15, 16; 2 ติโม. 4:13) มีสี่คนในพวกเขาคือ มัดธาย, มาระโก, ลูกา และโยฮัน ได้รับการดลใจจากพระยะโฮวาให้เขียน “ข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์.” (มโก. 1:1, ล.ม.; มัด. 1:1) พวกเขาบางคน เช่น เปโตร, เปาโล, โยฮัน, ยาโกโบ และยูดา ได้เขียนจดหมายภายใต้การดลใจ. (2 เป. 3:15, 16) ส่วนคนอื่น ๆ ได้เป็นผู้คัดสำเนาข่าวสารที่มีขึ้นโดยการดลใจ ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ท่ามกลางประชาคมต่าง ๆ ที่ทวีมากขึ้น. (โกโล. 4:16) นอกจากนั้น ภายใต้การทรงนำแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า “อัครสาวกและผู้ปกครองในกรุงยะรูซาเลม” ได้ตัดสินเรื่องคำสอนและบันทึกคำตัดสินไว้ใช้ภายหลัง. คณะกรรมการปกครองกลางนี้ยังส่งจดหมายแนะนำไปยังประชาคมที่อยู่ห่างไกลอีกด้วย. (กิจ. 5:29-32; 15:2, 6, 22-29; 16:4) และพวกเขาได้จัดบริการนำส่งเองเพื่อการนี้.
5. (ก) โคเดกซ์คืออะไร? (ข) คริสเตียนรุ่นแรกใช้โคเดกซ์ถึงขนาดไหน และโคเดกซ์มีข้อดีกว่าอะไรบ้าง?
5 เพื่อเร่งการแจกจ่ายพระคัมภีร์ รวมทั้งจัดให้มีพระคัมภีร์ในแบบที่ค้นคว้าได้สะดวก ไม่นานเหล่าคริสเตียนรุ่นแรกจึงเริ่มใช้ฉบับสำเนาแบบโคเดกซ์แทนแบบม้วนหนังสือ. โคเดกซ์มีลักษณะคล้ายกับหนังสือในปัจจุบัน คือจะพลิกแผ่นต่าง ๆ ดูข้อความได้ทันที แทนที่จะต้องคลี่ออกมาก ๆ อย่างในกรณีของม้วนหนังสือ. ยิ่งกว่านั้น ลักษณะของโคเดกซ์ยังทำให้เย็บพระธรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้ ในขณะที่พระธรรมในรูปของม้วนหนังสือนั้นตามปกติแล้วเก็บไว้เป็นม้วน ๆ. คริสเตียนรุ่นแรกเป็นผู้บุกเบิกการใช้โคเดกซ์. พวกเขาอาจเป็นผู้ประดิษฐ์โคเดกซ์ขึ้นด้วยซ้ำ. ขณะที่นักเขียนที่ไม่ใช่คริสเตียนค่อย ๆ รับเอาโคเดกซ์ไปใช้ แต่พาไพรัสส่วนใหญ่ของคริสเตียนในศตวรรษที่สองและสามเป็นแบบโคเดกซ์.a
6. (ก) ภาษากรีกแบบคลาสสิกใช้กันในช่วงไหน และมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงนั้น และคีนิ หรือภาษากรีกสามัญเกิดขึ้นเมื่อไร? (ข) เป็นไปอย่างไรที่มีการใช้คีนิกันทั่วไป และใช้กันกว้างขวางถึงขนาดไหน?
6 คีนิ (ภาษากรีกสามัญ). สมัยที่เรียกกันว่ายุคคลาสสิกของภาษากรีกเริ่มจากศตวรรษที่เก้า ก.ส.ศ. เรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่สี่ ก.ส.ศ. นั่นเป็นสมัยของภาษาถิ่นแอททิกและไอโอนิก. ในช่วงนี้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศตวรรษที่ห้าและที่สี่ ก.ส.ศ. ซึ่งชาวกรีกหลายคนที่เป็นนักเขียนบทละคร, กวี, ปาฐก, นักประวัติศาสตร์, นักปรัชญา, และนักวิทยาศาสตร์ ต่างก็ประสบความรุ่งเรือง เช่น โฮเมอร์, เฮโรโดทุส, โสกราตีส, เพลโต และคนอื่น ๆ ต่างกลายเป็นคนมีชื่อเสียง. ช่วงเวลาตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่สี่ ก.ส.ศ. จนถึงราว ๆ ศตวรรษที่หก ส.ศ. เป็นยุคซึ่งรู้จักกันว่า คีนิ หรือภาษากรีกสามัญ. การที่ภาษานี้เกิดขึ้นมาส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะปฏิบัติการทางทหารของอะเล็กซานเดอร์มหาราชซึ่งกองทัพของเขาประกอบด้วยทหารจากทุกส่วนของกรีซ. พวกเขาพูดภาษาของถิ่นต่าง ๆ ของกรีกซึ่งไม่เหมือนกัน และเมื่อมารวมเข้าด้วยกัน คีนิหรือภาษาถิ่นสามัญจึงเกิดขึ้น และใช้กันทั่วไป. การที่อะเล็กซานเดอร์พิชิตอียิปต์ และเอเชียไปไกลถึงอินเดีย ทำให้คีนิแพร่หลายท่ามกลางชนชาติต่าง ๆ ภาษานี้จึงกลายเป็นภาษาสากลและเป็นเช่นนั้นอยู่หลายศตวรรษ. ศัพท์ภาษากรีกในฉบับเซปตัวจินต์ เป็นคีนิที่ใช้ในอะเล็กซานเดรีย อียิปต์ ระหว่างศตวรรษที่สามและสอง ก.ส.ศ.
7. (ก) คัมภีร์ไบเบิลยืนยันเรื่องการใช้คีนิในสมัยพระเยซูและเหล่าอัครสาวกของพระองค์อย่างไร? (ข) ทำไมคีนิจึงเหมาะสำหรับการถ่ายทอดพระคำของพระเจ้า?
7 ในสมัยของพระเยซูและอัครสาวกของพระองค์ คีนิเป็นภาษาสากลที่ใช้ในอาณาจักรโรมัน. คัมภีร์ไบเบิลยืนยันความจริงข้อนี้. เมื่อพระเยซูถูกตรึงกับหลัก จำเป็นต้องติดข้อความไว้เหนือพระเศียรของพระองค์ไม่เพียงในภาษาฮีบรูซึ่งเป็นภาษาของชาวยิวเท่านั้น แต่ในภาษาลาตินซึ่งเป็นภาษาราชการของประเทศนั้น และในภาษากรีกซึ่งใช้พูดกันตามท้องถนนในเมืองยะรูซาเลมมากเกือบพอ ๆ กับที่ใช้ในกรุงโรม, อะเล็กซานเดรีย, หรือในกรุงเอเธนส์เอง. (โย. 19:19, 20; กิจ. 6:1) กิจการ 9:29 แสดงว่าเปาโลประกาศข่าวดีในยะรูซาเลมแก่ชาวยิวที่พูดภาษากรีก. ในสมัยนั้นคีนิจึงเป็นภาษาที่ได้รับการพัฒนาเป็นอย่างดี มีพลัง มีชีวิต—เป็นภาษาที่ใช้ง่ายและเหมาะกับพระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาในการถ่ายทอดพระคำของพระองค์ให้กว้างไกลออกไปอีก.
ข้อความภาษากรีกและการถ่ายทอด
8. เหตุใดเราจึงตรวจสอบที่เก็บฉบับสำเนาพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก?
8 ในบทเรียนก่อน เราได้ทราบว่าพระยะโฮวาทรงเก็บรักษาน้ำแห่งความจริงของพระองค์ไว้ในที่เก็บในรูปของหนังสือ คือพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่มีขึ้นโดยการดลใจ. อย่างไรก็ตาม จะว่าอย่างไรกับพระคัมภีร์ที่เขียนโดยพวกอัครสาวกและสาวกคนอื่น ๆ ของพระเยซูคริสต์? บันทึกเหล่านั้นได้รับการเก็บรักษาไว้เพื่อพวกเราด้วยความระมัดระวังเช่นกันไหม? การตรวจดูที่เก็บฉบับสำเนาภาษากรีกและภาษาอื่น ๆ แสดงว่าเป็นเช่นนั้น. ดังที่อธิบายแล้ว ส่วนนี้ของสารบบคัมภีร์ไบเบิลประกอบด้วยพระธรรม 27 เล่ม. ขอพิจารณาเส้นทางการถ่ายทอดข้อความในพระธรรม 27 เล่มนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นวิธีที่ข้อความดั้งเดิมในภาษากรีกได้รับการรักษาไว้จนถึงสมัยปัจจุบัน.
9. (ก) พระคัมภีร์คริสเตียนเขียนด้วยภาษาอะไร? (ข) มีข้อยกเว้นอะไรกับพระธรรมมัดธาย?
9 น้ำพุแห่งฉบับสำเนาภาษากรีก. พระธรรมทั้ง 27 เล่มในสารบบของพระคัมภีร์คริสเตียนเขียนด้วยภาษากรีกสามัญในสมัยนั้น. แต่ดูเหมือนว่าทีแรกพระธรรมมัดธายเขียนด้วยภาษาฮีบรูแบบของคัมภีร์ไบเบิลเพื่อใช้กับชาวยิว. เจโรม ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลในศตวรรษที่สี่กล่าวเช่นนั้น โดยบอกว่าภายหลังจึงมีการแปลพระธรรมมัดธายเป็นภาษากรีก.b มัดธายเองอาจเป็นผู้แปล—เนื่องจากเคยเป็นข้าราชการพลเรือนของโรม คือเป็นคนเก็บภาษี ไม่ต้องสงสัยว่าท่านรู้จักภาษาฮีบรู, ภาษาลาติน และภาษากรีก.—มโก. 2:14-17.
10. พระธรรมต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลตกทอดมาถึงเราอย่างไร?
10 คริสเตียนคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิล เช่น มาระโก, ลูกา, โยฮัน, เปาโล, เปโตร, ยาโกโบ และยูดา ล้วนแต่เขียนด้วยคีนิ ภาษาสามัญที่ใช้กันอยู่ซึ่งคริสเตียนทั่วไปรวมทั้งคนอื่นส่วนใหญ่ในศตวรรษแรกต่างก็เข้าใจ. เอกสารดั้งเดิมฉบับสุดท้ายเขียนโดยโยฮันประมาณปี ส.ศ. 98. เท่าที่ทราบกัน ต้นฉบับของพระธรรม 27 เล่มที่เขียนด้วยคีนิไม่มีเหลือถึงสมัยนี้เลย. อย่างไรก็ตาม ที่ตกทอดมาถึงเราจากต้นน้ำพุดั้งเดิมก็มีสำเนาของต้นฉบับ, สำเนาของฉบับสำเนา และฉบับสำเนากลุ่มต่าง ๆ เพื่อประกอบกันเป็นแหล่งรวมมหึมาของฉบับสำเนาของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก.
11. (ก) กลุ่มฉบับสำเนาอะไรบ้างที่มีให้หาดูได้มากมายในสมัยนี้? (ข) ฉบับสำเนาเหล่านี้ต่างกันอย่างไรกับผลงานยุคคลาสสิกทั้งด้านจำนวนและอายุ?
11 แหล่งรวมฉบับสำเนามากกว่า 13,000 ฉบับ. กลุ่มฉบับสำเนาของพระธรรมทั้ง 27 เล่มในสารบบมีให้หาดูได้มากมายในสมัยนี้. สำเนาบางฉบับครอบคลุมส่วนใหญ่ของพระคัมภีร์ บางฉบับเป็นเพียงชิ้นส่วน. ตามการคำนวณคราวหนึ่ง มีฉบับสำเนาในภาษากรีกดั้งเดิมมากกว่า 5,000 ฉบับ. นอกจากนั้น ยังมีฉบับสำเนาภาษาอื่น ๆ อีกหลายภาษามากกว่า 8,000 ฉบับ—รวมกันแล้วมีมากกว่า 13,000 ฉบับ. ฉบับสำเนาเหล่านั้นซึ่งมีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ส.ศ. จนถึงศตวรรษที่ 16 ส.ศ. ล้วนแต่ช่วยในการกำหนดข้อความดั้งเดิมที่เป็นของแท้. ฉบับสำเนาที่เก่าแก่ที่สุดในสำเนาเหล่านั้นคือชิ้นส่วนพาไพรัสของกิตติคุณของโยฮันที่ห้องสมุดจอห์น ไรแลนด์ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งรู้จักกันโดยหมายเลข P52 ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงช่วงห้าสิบปีแรกของศตวรรษที่สอง อาจเป็นได้ว่าอยู่ในประมาณปี ส.ศ. 125.c ดังนั้น สำเนาฉบับนี้จึงถูกเขียนขึ้นหลังจากต้นฉบับเพียง 25 ปีหรือราว ๆ นั้น. เมื่อเราพิจารณาว่ามีฉบับสำเนาให้หาดูได้ไม่มากเพื่อตรวจดูให้แน่ใจในข้อความที่เขียนโดยนักเขียนรุ่นคลาสสิกส่วนใหญ่ และฉบับสำเนาเหล่านี้คัดขึ้นหลายศตวรรษหลังจากต้นฉบับ เราจึงรู้สึกหยั่งรู้ค่าที่มีหลักฐานมากมายเพียงไรเพื่อช่วยเราให้ทราบข้อความเดิมของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก.
12. สำเนาฉบับแรก ๆ เขียนบนอะไร?
12 ฉบับสำเนาพาไพรัส. เช่นเดียวกับสำเนารุ่นแรก ๆ ของเซปตัวจินต์ ฉบับสำเนาของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกรุ่นแรกก็เขียนบนพาไพรัส และใช้กันต่อมาจนกระทั่งศตวรรษที่สี่ ส.ศ. ดูเหมือนผู้เขียนพระคัมภีร์ก็ใช้พาไพรัสเช่นกันเมื่อเขียนจดหมายถึงประชาคมคริสเตียนในที่ต่าง ๆ.
13. พาไพรัสชุดสำคัญชุดใดถูกนำออกเปิดเผยแก่สาธารณชนในปี 1931?
13 มีการพบหนังสือที่เขียนบนพาไพรัสจำนวนมากที่ไฟยัม ประเทศอียิปต์. ในช่วงท้าย ๆ ของศตวรรษที่ 19 คัมภีร์ไบเบิลที่เขียนบนพาไพรัสจำนวนหนึ่งถูกนำออกมาเปิดเผย. สำเนาชุดสำคัญที่สุดชุดหนึ่งในบรรดาฉบับสำเนาที่มีในปัจจุบันคือชุดที่นำออกมาเปิดเผยแก่สาธารณชนในปี 1931. ฉบับสำเนาชุดนี้ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ของโคเดกซ์ 11 ฉบับ โดยมีส่วนต่าง ๆ ของพระธรรม 8 เล่มในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่มีขึ้นโดยการดลใจและพระธรรม 15 เล่มในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก ซึ่งทั้งหมดเขียนด้วยภาษากรีก. พาไพรัสเหล่านี้มีอายุการเขียนตั้งแต่ศตวรรษที่สองถึงศตวรรษที่สี่แห่งสากลศักราช. ส่วนต่าง ๆ ของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกที่ค้นพบนี้ส่วนใหญ่อยู่ในชุดเชสเตอร์ บีทตี และลงรายชื่อไว้เป็น P45, P46, และ P47 สัญลักษณ์ P หมายถึง “พาไพรัส.”
14, 15. (ก) ฉบับสำเนาพาไพรัสเด่น ๆ ฉบับใดบ้างของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกที่มีรายชื่อในตารางหน้า 395? (ข) จงบอกวิธีที่ฉบับแปลโลกใหม่ ใช้ฉบับสำเนาเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์. (ค) โคเดกซ์พาไพรัสฉบับแรก ๆ ยืนยันเรื่องอะไร?
14 พาไพรัสที่เด่นอีกชุดหนึ่งมีการจัดพิมพ์ในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ปี 1956 ถึงปี 1961. โดยมีชื่อว่า บอดเมอร์ พาไพรัส พาไพรัสชุดนี้รวมฉบับสำเนาฉบับแรก ๆ ของกิตติคุณสองเล่ม (P66 และ P75) ซึ่งมีอายุตั้งแต่ต้นศตวรรษที่สาม ส.ศ. ไว้ด้วย. ตารางในบทเรียนก่อนมีรายชื่อพาไพรัสคัมภีร์ไบเบิลโบราณที่เด่น ๆ บางชุดของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูและภาคภาษากรีก. ในช่องสุดท้ายของตาราง มีอ้างถึงข้อคัมภีร์ในพระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่ (ภาษาอังกฤษ) ซึ่งฉบับสำเนาของพาไพรัสเหล่านี้สนับสนุนการแปล และมีระบุเรื่องนี้ไว้ที่เชิงอรรถของข้อเหล่านั้น.
15 พาไพรัสที่ได้ค้นพบเหล่านี้ให้ข้อพิสูจน์ว่าสารบบของคัมภีร์ไบเบิลเสร็จสมบูรณ์ในยุคแรก ๆ. ในพาไพรัส เชสเตอร์ บีทตี มีโคเดกซ์สองฉบับ—ฉบับหนึ่งประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ของกิตติคุณทั้งสี่เล่มและพระธรรมกิจการ (P45) อีกฉบับหนึ่งมีจดหมาย 9 ฉบับใน 14 ฉบับของเปาโล (P46)—ซึ่งแสดงว่าพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกที่มีขึ้นโดยการดลใจถูกรวบรวมไม่นานหลังจากพวกอัครสาวกสิ้นชีวิต. เนื่องจากคงต้องใช้เวลาเพื่อให้โคเดกซ์เหล่านี้แพร่ออกไปอย่างกว้างขวางและไปถึงอียิปต์ จึงดูเหมือนว่าอย่างช้าที่สุดได้มีการรวบรวมพระคัมภีร์เหล่านี้ให้เป็นแบบมาตรฐานในศตวรรษที่สอง. ดังนั้น พอถึงปลายศตวรรษที่สอง จึงไม่มีข้อสงสัยว่าสารบบของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกครบแล้ว ทำให้สารบบของพระคัมภีร์ทั้งเล่มเสร็จสมบูรณ์.
16. (ก) ฉบับสำเนาอักษรใหญ่ฉบับใดบ้างของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกที่ยังอยู่มาจนปัจจุบัน? (ข) ฉบับแปลโลกใหม่ ใช้ฉบับสำเนาอักษรใหญ่มากถึงขนาดไหน และเพราะเหตุใด?
16 ฉบับสำเนาที่เขียนบนหนังลูกวัวและลูกแกะและบนแผ่นหนังฟอก. ตามที่เราได้ทราบในบทเรียนก่อน แผ่นหนังชั้นเยี่ยมที่ทนทานกว่าซึ่งโดยทั่วไปแล้วทำจากหนังลูกวัว, ลูกแกะ หรือหนังแพะ เริ่มถูกนำมาใช้แทนพาไพรัสในการเขียนฉบับสำเนาตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่สี่ ส.ศ. ฉบับสำเนาคัมภีร์ไบเบิลที่สำคัญมากบางฉบับที่ยังมีอยู่ในทุกวันนี้ต่างก็บันทึกบนแผ่นหนังลูกวัวและลูกแกะ. เราได้พิจารณาฉบับสำเนาที่บันทึกบนแผ่นหนังของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูไปแล้ว. ตารางในหน้า 396 ให้รายชื่อฉบับสำเนาบนแผ่นหนังบางฉบับที่เด่น ๆ ทั้งของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกและพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู. ฉบับสำเนาพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกที่ให้รายชื่อไว้นั้นเขียนด้วยอักษรใหญ่ทั้งหมดและมีการอ้างอิงถึงว่า ฉบับอักษรใหญ่. พจนานุกรมคัมภีร์ไบเบิลฉบับใหม่ (ภาษาอังกฤษ) รายงานว่ามีฉบับสำเนาของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับอักษรใหญ่ 274 ฉบับ และฉบับเหล่านั้นมีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่สี่จนถึงศตวรรษที่สิบ ส.ศ. ต่อจากนั้นก็มีฉบับสำเนาอักษรต่อเนื่องหรืออักษรเล็กอีกมากกว่า 5,000 ฉบับซึ่งเขียนตัวอักษรแบบต่อเนื่องกัน.d ฉบับสำเนาเหล่านี้ ซึ่งเขียนบนแผ่นหนังด้วย เขียนในช่วงตั้งแต่ศตวรรษที่เก้า ส.ศ. จนถึงเวลาที่เริ่มมีการพิมพ์. เนื่องจากฉบับสำเนาอักษรใหญ่อยู่ในช่วงต้น ๆ และส่วนใหญ่มีความถูกต้องแม่นยำ คณะกรรมการการแปลคัมภีร์ไบเบิลฉบับโลกใหม่จึงใช้ฉบับสำเนาเหล่านี้อย่างมากทีเดียวในการแปลจากข้อความภาษากรีกอย่างรอบคอบ. เรื่องนี้มีแสดงไว้ในตาราง “ฉบับสำเนาสำคัญ ๆ บางฉบับที่คัดบนแผ่นหนังลูกวัวหรือลูกแกะและแผ่นหนังฟอก.”
ยุคแห่งการวิจารณ์ข้อความและการขัดเกลา
17. (ก) เหตุการณ์สองอย่างอะไรที่ทำให้มีการศึกษาข้อความภาษากรีกของคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น? (ข) เอราสมุสมีชื่อเสียงด้วยผลงานอะไร? (ค) ข้อความต้นฉบับถูกทำขึ้นมาอย่างไร?
17 ข้อความของเอราสมุส. ตลอดยุคมืดที่ยาวนานหลายศตวรรษ เมื่อภาษาลาตินเป็นภาษาหลักและยุโรปตะวันตกอยู่ในการควบคุมอย่างเข้มงวดของคริสตจักรโรมันคาทอลิก การศึกษาและการเรียนรู้อยู่ในภาวะตกต่ำ. อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ชาวยุโรปคิดค้นการพิมพ์จากตัวเรียงขึ้นในศตวรรษที่ 15 อีกทั้งการปฏิรูปในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 เสรีภาพจึงมีมากขึ้น และความสนใจภาษากรีกก็เกิดขึ้นอีก. เป็นในช่วงต้น ๆ ของการฟื้นฟูการศึกษานี้เองที่ผู้คงแก่เรียนชาวดัตช์ที่มีชื่อคือ เดสิเดริอุส เอราสมุส ได้ผลิตต้นฉบับข้อความภาษากรีกของ “พันธสัญญาใหม่” ฉบับพิมพ์ครั้งที่หนึ่งออกมา. (ข้อความต้นฉบับที่พิมพ์ออกมานั้นมีการเตรียมอย่างระมัดระวังโดยเทียบฉบับสำเนาหลายฉบับและใช้ถ้อยคำที่ฉบับสำเนาส่วนใหญ่ต่างก็เห็นด้วยว่าเป็นแบบเดิม ซึ่งบ่อยครั้ง ในเชิงอรรถมักรวมเอาข้อสังเกตเกี่ยวกับวิธีอ่านต่าง ๆ กันในฉบับสำเนาบางฉบับไว้ด้วย.) ฉบับพิมพ์ครั้งที่หนึ่งพิมพ์ในบาเซล สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 1516 ก่อนการปฏิรูปในเยอรมนีหนึ่งปี. ฉบับพิมพ์ครั้งที่หนึ่งมีข้อผิดพลาดมาก แต่ในฉบับพิมพ์ต่อ ๆ มาในปี 1519, 1522, 1527, และ 1535 มีข้อความที่ปรับปรุงแล้ว. เอราสมุสมีฉบับสำเนาอักษรต่อเนื่องฉบับหลัง ๆ ให้หาดูได้ไม่กี่ฉบับเพื่อใช้เปรียบเทียบและเตรียมต้นฉบับของเขา.
18. ข้อความของเอราสมุสทำให้อะไรเป็นไปได้ และใครใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้?
18 ข้อความภาษากรีกที่ขัดเกลาแล้วของเอราสมุสกลายเป็นพื้นฐานสำหรับฉบับแปลที่ดีขึ้นในภาษาของยุโรปตะวันตกหลายภาษา. ทั้งนี้จึงทำให้เป็นไปได้สำหรับการผลิตฉบับแปลที่ดีกว่าฉบับที่เคยแปลกันมาก่อนจากฉบับลาตินวัลเกต. คนแรกที่ใช้ข้อความของเอราสมุสคือมาร์ติน ลูเทอร์ ในเยอรมนี ซึ่งแปลพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกเป็นภาษาเยอรมันเสร็จในปี 1522. ต่อมา วิลเลียม ทินเดล ชาวอังกฤษ ซึ่งประสบการกดขี่ข่มเหงมากมาย ได้แปลข้อความของเอราสมุสเป็นภาษาอังกฤษ โดยแปลเสร็จขณะพลัดถิ่นอยู่บนทวีปยุโรปในปี 1525. อันโตนีโอ บรูชีโอลี ชาวอิตาลี แปลข้อความของเอราสมุสเป็นภาษาอิตาลีในปี 1530. การกำเนิดของข้อความภาษากรีกของเอราสมุสจึงเป็นการเปิดศักราชของการวิจารณ์ข้อความ. การวิจารณ์ข้อความเป็นวิธีการที่ใช้เพื่อปรับปรุงและฟื้นฟูข้อความดั้งเดิมของคัมภีร์ไบเบิล.
19. ประวัติการแบ่งคัมภีร์ไบเบิลเป็นบทและข้อเป็นอย่างไร และการแบ่งนั้นทำให้อะไรเป็นไปได้?
19 การแบ่งเป็นบทและข้อ. โรแบร์ เอสเตียน หรือสเตฟานุส มีชื่อเสียงเด่นในปารีสฐานะเป็นผู้พิมพ์และบรรณาธิการในศตวรรษที่ 16. เนื่องจากเป็นบรรณาธิการ เขาจึงเห็นประโยชน์ของการใช้ระบบจัดเป็นบทและข้อเพื่อใช้อ้างอิงได้ทันที และจึงนำระบบนี้มาใช้ในพันธสัญญาใหม่ภาษากรีก-ลาตินซึ่งเขาพิมพ์เมื่อปี 1551. มีการใช้การแบ่งเป็นข้อ ๆ กับพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูก่อนโดยพวกมาโซเรต แต่พระคัมภีร์ภาษาฝรั่งเศสของสเตฟานุสปี 1553 เป็นฉบับแรกที่แสดงการแบ่งคัมภีร์ไบเบิลครบชุดตามแบบปัจจุบัน. ต่อมาคัมภีร์ไบเบิลภาษาอังกฤษก็ได้ทำตามและทำให้การจัดทำศัพท์สัมพันธ์สำหรับคัมภีร์ไบเบิลเป็นไปได้ เช่นศัพท์สัมพันธ์ของอะเล็กซานเดอร์ ครูเด็นในปี 1737 และศัพท์สัมพันธ์ที่ละเอียดสองเล่มสำหรับคัมภีร์ไบเบิลภาษาอังกฤษฉบับออโทไรซ์ เวอร์ชัน ของโรเบิร์ต ยัง จัดพิมพ์ครั้งแรกในเอดินบะระเมื่อปี 1873 และของเจมส์ สตรอง พิมพ์ในนิวยอร์ก เมื่อปี 1894.
20. เท็กซ์ทุส เรเซ็พทุส คืออะไร? และได้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับอะไร?
20 เท็กซ์ทุส เรเซ็พทุส. สเตฟานุสยังได้ออก“พันธสัญญาใหม่” ภาษากรีกอีกหลายฉบับ. ส่วนใหญ่แล้วฉบับเหล่านั้นอาศัยข้อความของเอราสมุส ซึ่งได้รับการแก้ไขโดยอาศัยฉบับคอมพลูเทนเชียน โพลีกลอตต์ ปี 1522 รวมทั้งฉบับสำเนาอักษรต่อเนื่อง 15 ฉบับหลัง ๆ ของไม่กี่ศตวรรษก่อนหน้านั้น. การพิมพ์ข้อความภาษากรีกฉบับพิมพ์ครั้งที่สามของสเตฟานุสในปี 1550 กลายเป็น เท็กซ์ทุส เรเซ็พทุส (ภาษาลาตินหมายถึง “ข้อความที่ได้รับ”) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับฉบับแปลต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 16 และ ฉบับคิง เจมส์ ที่ออกในปี 1611.
21. ข้อความที่ขัดเกลาแล้วฉบับใดบ้างที่มีการจัดทำขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และถูกใช้อย่างไร?
21 ข้อความภาษากรีกที่ขัดเกลาแล้ว. ต่อมา ผู้คงแก่เรียนด้านภาษากรีกได้ผลิตข้อความที่ขัดเกลาแล้วเพิ่มขึ้น. ที่เด่นคือข้อความที่จัดทำโดย เจ. เจ. กรีสบัคซึ่งมีโอกาสได้ค้นดูฉบับสำเนาภาษากรีกหลายร้อยฉบับซึ่งมีให้หาดูได้ตอนใกล้ปลายศตวรรษที่ 18. ฉบับพิมพ์ดีที่สุดของข้อความภาษากรีกทั้งหมดของกรีสบัคมีการจัดพิมพ์ในปี 1796-1806. ข้อความต้นฉบับของเขาได้มาเป็นพื้นฐานสำหรับฉบับแปลภาษาอังกฤษของชาร์ปในปี 1840 และเป็นข้อความภาษากรีกที่ลงพิมพ์ใน ดิ เอ็มฟาติก ไดอะกลอตต์ ซึ่งพิมพ์เสร็จครั้งแรกในปี 1864. ข้อความที่ดีเยี่ยมฉบับอื่น ๆ มีการจัดทำโดยคอนสแตนติน ฟอน ทิเชนดอร์ฟ (1872) และเฮอร์มานน์ ฟอน โซเดน (1910) ซึ่งฉบับหลังเป็นพื้นฐานสำหรับฉบับแปลภาษาอังกฤษของมอฟฟัตต์ในปี 1913.
22. (ก) ข้อความภาษากรีกฉบับใดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง? (ข) ข้อความนี้ถูกใช้เป็นพื้นฐานสำหรับฉบับแปลภาษาอังกฤษฉบับใดบ้าง?
22 ข้อความของเวสต์คอตต์และฮอร์ต. ข้อความต้นฉบับภาษากรีกซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางคือฉบับที่จัดทำโดยผู้คงแก่เรียนของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ชื่อ บี. เอฟ. เวสต์คอตต์ และ เอฟ. เจ. เอ. ฮอร์ต ในปี 1881. คณะกรรมการตรวจทานของบริเตน ซึ่งเวสต์คอตต์และฮอร์ตเป็นสมาชิกอยู่ด้วย ได้พิจารณาข้อความภาษากรีกของเวสต์คอตต์และฮอร์ต สำหรับ “พันธสัญญาใหม่” ฉบับปรับปรุงของพวกเขาในปี 1881. ข้อความที่เป็นแบบฉบับนี้เป็นข้อความที่ใช้เป็นหลักในการแปลพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกเป็นภาษาอังกฤษในฉบับแปลโลกใหม่. ข้อความฉบับนี้ยังเป็นพื้นฐานสำหรับฉบับแปลต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษดังต่อไปนี้ด้วยคือ ดิ เอมฟาไซสด์ ไบเบิล, อเมริกัน สแตนดาร์ด เวอร์ชัน, แอน อเมริกัน ทรานสเลชัน (สมิท-กูดสปีด) และรีไวสด์ สแตนดาร์ด เวอร์ชัน.e ฉบับหลังนี้ก็ใช้ข้อความของเนสต์เลด้วย.
23. มีการใช้ข้อความฉบับใดอีกบ้างสำหรับฉบับแปลโลกใหม่?
23 คณะกรรมการการแปลคัมภีร์ไบเบิลฉบับโลกใหม่ก็ใช้ข้อความภาษากรีกของเนสต์เล (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 18 ปี 1948) เพื่อใช้เปรียบเทียบเช่นกัน. นอกจากนี้ คณะกรรมการนี้ยังอ้างอิงถึงข้อความของผู้คงแก่เรียนชาวคาทอลิกนิกายเยสุอิต ชื่อโฮเซ เอ็ม. โบเวอร์ (1943) และเอากุสตินุส เมิร์ก (1948). มีการค้นดูข้อความของสหสมาคมพระคริสตธรรม ปี 1975 และของเนสต์เล-อะลันด์ ปี 1979 เพื่อให้เชิงอรรถของฉบับพิมพ์ที่มีข้ออ้างอิง ปี 1984 ทันสมัยขึ้น.f
24. ฉบับแปลโลกใหม่ อ้างอิงถึงฉบับแปลโบราณอะไรอีกบ้าง? มีตัวอย่างอะไรบ้าง?
24 ฉบับแปลโบราณจากภาษากรีก. นอกจากฉบับสำเนาภาษากรีก ปัจจุบัน ยังมีสำเนามากมายของฉบับแปลพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกที่แปลเป็นภาษาอื่น ๆ ให้หาดูเพื่อศึกษาได้อีกด้วย. มีฉบับสำเนา (หรือชิ้นส่วน) ของฉบับแปลภาษาลาตินโบราณกว่า 50 ฉบับ และฉบับสำเนาลาติน วัลเกต ของเจโรมอีกหลายพันฉบับ. คณะกรรมการการแปลคัมภีร์ไบเบิลฉบับโลกใหม่อ้างอิงถึงฉบับสำเนาเหล่านี้ รวมทั้งฉบับแปลคอปติก, อาร์เมเนียน, และซีริแอกด้วย.g
25. ฉบับแปลภาษาฮีบรูที่มีการอ้างอิงถึงในฉบับแปลโลกใหม่ มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ?
25 อย่างน้อยตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา มีการจัดทำฉบับแปลพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกเป็นภาษาฮีบรู. ฉบับแปลเหล่านี้น่าสนใจเนื่องจากหลายฉบับได้ใส่พระนามของพระเจ้าไว้ที่เดิมในพระคัมภีร์คริสเตียน. ฉบับแปลโลกใหม่ อ้างอิงหลายครั้งถึงฉบับแปลภาษาฮีบรูเหล่านี้ด้วยอักษรย่อ “J” ที่มีตัวเลขกำกับข้างบน. สำหรับรายละเอียด โปรดดูคำนำของ พระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง (ภาษาอังกฤษ) หน้า 9-10 และภาคผนวก 1D “พระนามของพระเจ้าในคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก.”
ความแตกต่างของข้อความและความหมายของความแตกต่างเหล่านั้น
26. ความแตกต่างของข้อความและฉบับสำเนากลุ่มต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างไร?
26 ในฉบับสำเนาพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกมากกว่า 13,000 ฉบับ มีความแตกต่างของข้อความอยู่มากทีเดียว. เฉพาะแต่ฉบับสำเนา 5,000 ฉบับในภาษากรีกภาษาเดียวก็แสดงให้เห็นความแตกต่างดังกล่าวมากมาย. เราเข้าใจได้ดีว่าสำเนาแต่ละฉบับที่คัดจากฉบับสำเนารุ่นแรก ๆ ย่อมมีข้อผิดพลาดในการคัดอันเป็นลักษณะเฉพาะ. ขณะที่ฉบับสำเนารุ่นแรก ๆ ถูกส่งไปใช้ในบริเวณใด ข้อผิดพลาดเหล่านั้นก็ย่อมถูกคัดซ้ำอีกในสำเนาที่ใช้กันในบริเวณนั้น และจึงกลายมาเป็นลักษณะเฉพาะของฉบับสำเนาอื่น ๆ ของที่นั่น. โดยวิธีนี้ กลุ่มของฉบับสำเนาที่คล้ายคลึงกันจึงเกิดขึ้น. ดังนั้น น่าจะถือว่าข้อผิดพลาดในการคัดนับพันแห่งนั้นเป็นสัญญาณเตือนมิใช่หรือ? ข้อผิดพลาดเหล่านั้นมิได้บ่งชี้ถึงการขาดความซื่อสัตย์ในการถ่ายทอดข้อความหรอกหรือ? เปล่าเลย!
27. เราได้รับความมั่นใจอะไรเกี่ยวกับความถูกต้องตรงตามต้นฉบับของข้อความภาษากรีก?
27 เอฟ. เจ. เอ. ฮอร์ต ซึ่งเป็นผู้ร่วมผลิตข้อความของเวสต์คอตต์และฮอร์ตเขียนดังนี้: “ถ้อยคำส่วนใหญ่ในพันธสัญญาใหม่โดดเด่นเหนือกระบวนการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เที่ยงธรรมทั้งมวล เพราะถ้อยคำเหล่านั้นปราศจากความแตกต่าง และที่จำเป็นก็เพียงแต่ต้องมีการคัดเท่านั้น. . . . ถ้าข้อแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ . . . มีการมองข้ามไป ถ้อยคำซึ่งยังคงเป็นที่สงสัยกันตามความเห็นของเราก็คงมีไม่มากไปกว่าหนึ่งในพันของพันธสัญญาใหม่ทั้งเล่ม.”h
28, 29. (ก) การประเมินผลที่ชัดเจนของเราในเรื่องข้อความภาษากรีกที่ขัดเกลาแล้วคงต้องเป็นอย่างไร? (ข) เรามีคำรับรองอะไรในเรื่องนี้จากผู้เชี่ยวชาญ?
28 การประเมินค่าการถ่ายทอดข้อความ. จะว่าอย่างไรกับการประเมินผลที่ชัดเจนในเรื่องความถูกต้องตามต้นฉบับและความเชื่อถือได้ของข้อความหลังจากมีการถ่ายทอดมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ? ไม่เพียงแต่มีฉบับสำเนาหลายพันฉบับให้เปรียบเทียบได้เท่านั้น แต่ฉบับสำเนาคัมภีร์ไบเบิลเก่าแก่กว่าซึ่งค้นพบในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านไปทำให้ข้อความภาษากรีกนั้นมีอายุย้อนหลังไปจนถึงปี 125 ส.ศ. แค่ยี่สิบกว่าปีหลังจากอัครสาวกโยฮันสิ้นชีวิตประมาณในปี ส.ศ. 100. หลักฐานฉบับสำเนาเหล่านั้นให้การรับรองอันหนักแน่นว่า ในตอนนี้เรามีข้อความภาษากรีกแบบที่ขัดเกลาแล้วซึ่งไว้ใจได้. ขอให้สังเกตการประเมินผลที่เซอร์เฟรเดอริก เคนยอน อดีตผู้อำนวยการและบรรณารักษ์พิพิธภัณฑสถานอังกฤษ กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้:
29 “ช่วงห่างระหว่างเวลาเรียบเรียงข้อความดั้งเดิมกับหลักฐานเก่าแก่ที่สุดเท่าที่มีอยู่ปรากฏว่าน้อยมากถึงขนาดที่มองข้ามไปได้ และมูลเหตุสุดท้ายของข้อสงสัยในเรื่องที่ว่าพระคัมภีร์ตกทอดมาถึงเราอย่างครบถ้วนในสาระสำคัญดังที่มีการเขียนไว้หรือไม่นั้นบัดนี้ถูกขจัดไปแล้ว. ทั้งความเชื่อถือได้ และความถูกต้องตามต้นฉบับโดยทั่วไป ของพระธรรมต่าง ๆ ในพันธสัญญาใหม่อาจถือได้ว่าได้รับการพิสูจน์แล้วในที่สุด. อย่างไรก็ตาม ความถูกต้องโดยทั่วไปตามต้นฉบับเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนความแน่นอนในรายละเอียดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง.”i
30. เหตุใดเราจึงมั่นใจได้ว่าฉบับแปลโลกใหม่ ให้ “คำตรัสของพระยะโฮวา” ที่ถูกต้องแก่ผู้อ่าน?
30 คำกล่าวของ ดร. ฮอร์ต ที่ยกมาในวรรค 27 ให้คำตอบสำหรับข้อสังเกตตอนท้ายเกี่ยวกับ “ความแน่นอนในรายละเอียด” ไว้. เป็นงานของผู้ขัดเกลาข้อความที่จะแก้ไขรายละเอียด และพวกเขาได้ทำงานดังกล่าวไปแล้วเป็นส่วนใหญ่. ด้วยเหตุนี้ ข้อความภาษากรีกที่ขัดเกลาแล้วของเวสต์คอตต์และฮอร์ตจึงเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นข้อความที่ดีเยี่ยม. พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกของฉบับแปลโลกใหม่ ซึ่งอาศัยข้อความภาษากรีกที่ดีเยี่ยมดังกล่าว จึงสามารถให้ผู้อ่านได้รับ “คำตรัสของพระยะโฮวา” ที่ถูกต้อง เนื่องจากคำตรัสนี้ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับเราในที่เก็บฉบับสำเนาภาษากรีก.—1 เป. 1:24, 25, ล.ม.
31. (ก) สิ่งที่ค้นพบในสมัยปัจจุบันแสดงให้เห็นอะไรเกี่ยวกับข้อความในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก? (ข) แผนภูมิในหน้า 389 แสดงอย่างไรถึงแหล่งข้อมูลสำคัญที่สุดสำหรับพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกใน ฉบับแปลโลกใหม่ และแหล่งข้อมูลรองลงมามีอะไรบ้าง?
31 สิ่งที่น่าสนใจต่อไปอีกคือความเห็นของเซอร์เฟรเดอริก เคนยอน ในหนังสือของเขาชื่อ คัมภีร์ไบเบิลของเราและฉบับสำเนาโบราณ (ภาษาอังกฤษ) ปี 1962 หน้า 249 ที่ว่า “เราต้องพอใจที่ทราบว่าความถูกต้องโดยทั่วไปของข้อความในพันธสัญญาใหม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเด่นชัดจากการค้นพบในปัจจุบันซึ่งทำให้ช่วงห่างระหว่างการเขียนดั้งเดิมกับฉบับสำเนาแรก ๆ ที่เรามีอยู่ลดลงไปมากทีเดียว และความแตกต่างของข้อความ แม้ว่าน่าสนใจ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบหลักคำสอนพื้นฐานแห่งความเชื่อแบบคริสเตียน.” ดังที่ได้แสดงไว้ในแผนภูมิหน้า 389 “แหล่งข้อมูลสำหรับข้อความในฉบับแปลโลกใหม่—พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก” เอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่อจัดทำข้อความภาษาอังกฤษที่แปลอย่างถูกต้อง. เชิงอรรถที่มีค่าสนับสนุนคำแปลที่ซื่อตรงทั้งหมดนั้น. คณะกรรมการการแปลคัมภีร์ไบเบิลฉบับโลกใหม่ได้ใช้ผลงานที่ดีที่สุดของการศึกษาด้านคัมภีร์ไบเบิลที่พัฒนามาตลอดหลายศตวรรษเพื่อผลิตฉบับแปลที่ดีเยี่ยมออกมา. ปัจจุบัน เราไว้วางใจได้จริง ๆ ว่าพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกอย่างที่เราหาได้ในขณะนี้บรรจุ “แบบแผนแห่งถ้อยคำที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ” จริง ๆ ดังที่เขียนไว้โดยเหล่าสาวกที่ได้รับการดลใจของพระเยซูคริสต์. ขอให้เรายึดมั่นกับถ้อยคำอันมีค่าเหล่านี้ต่อ ๆ ไปด้วยความเชื่อและความรัก!—2 ติโม. 1:13, ล.ม.
32. เหตุใดจึงใช้เนื้อที่มากเพื่อพิจารณาเรื่องฉบับสำเนาและข้อความของพระคัมภีร์บริสุทธิ์ และยังผลอะไรที่น่าพอใจ?
32 ทั้งบทเรียนนี้และบทเรียนก่อนเป็นการพิจารณาเรื่องฉบับสำเนาและข้อความแห่งพระคัมภีร์บริสุทธิ์. เหตุใดจึงพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียด? วัตถุประสงค์ก็คือเพื่อแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ข้อความทั้งในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูและภาคภาษากรีก ตรงกับข้อความดั้งเดิมที่เชื่อถือได้ซึ่งพระยะโฮวาทรงดลใจผู้ที่ซื่อสัตย์ในสมัยโบราณให้บันทึกไว้. ข้อความดั้งเดิมเหล่านั้นมีขึ้นโดยการดลใจ. พวกอาลักษณ์ซึ่งแม้จะชำนาญ แต่ก็ไม่ได้รับการดลใจ. (เพลง. 45:1; 2 เป. 1:20, 21; 3:16) ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องค้นคว้าให้ทั่วแหล่งรวมมหึมาของฉบับสำเนาต่าง ๆ เพื่อจะบอกได้ชัดเจนและไม่มีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับน้ำบริสุทธิ์แห่งความจริงขณะที่ไหลออกมาจากต้นน้ำพุอันยิ่งใหญ่ คือพระยะโฮวา. เราขอบพระคุณพระยะโฮวาสำหรับพระคำของพระองค์อันเป็นของประทานที่ยอดเยี่ยม คือคัมภีร์ไบเบิลที่มีขึ้นโดยการดลใจ รวมทั้งข่าวสารที่ทำให้สดชื่นเรื่องราชอาณาจักรซึ่งไหลผ่านทางหน้าต่าง ๆ ของคัมภีร์ไบเบิล!
[เชิงอรรถ]
a การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 354-355.
b ดูหน้า 219 วรรค 6.
c การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 323; พจนานุกรมคัมภีร์ไบเบิลฉบับใหม่ ฉบับพิมพ์ครั้งที่สอง 1986 เจ. ดี. ดักลาส หน้า 1187.
d พจนานุกรมคัมภีร์ไบเบิลฉบับใหม่ ฉบับพิมพ์ครั้งที่สอง หน้า 1187.
e ดูแผนภูมิ “ฉบับแปลคัมภีร์ไบเบิลที่เด่น ๆ บางฉบับในเจ็ดภาษาหลัก” หน้า 406.
f พระคัมภีร์ภาคภาษากรีกฉบับแปลเดอะ คิงดอม อินเตอร์ลิเนียร์ (ภาษาอังกฤษ) 1985 หน้า 8-9.
g ดูเชิงอรรถที่ลูกา 24:40; โยฮัน 5:4; กิจการ 19:23; 27:37; และวิวรณ์ 3:16.
h พันธสัญญาใหม่ในภาษากรีกที่ใช้เขียนต้นฉบับ (ภาษาอังกฤษ) 1974 เล่ม 1 หน้า 561.
i คัมภีร์ไบเบิลและโบราณคดี (ภาษาอังกฤษ) 1940 หน้า 288-289.