ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ผส บท 4 น. 49-72
  • ตัวของคุณไม่มีใดเหมือน!

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ตัวของคุณไม่มีใดเหมือน!
  • พระผู้สร้างผู้ใฝ่พระทัยในตัวคุณมีไหม?
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • สมอง​ที่​น่า​พิศวง​ของ​คุณ
  • จะ​ใช้​หรือ​จะ​ปล่อย​ให้​เสีย​ไป
  • สมอง​กลีบ​หน้า​ของ​คุณ
  • ความ​สามารถ​ใน​การ​สื่อ​ความ​ที่​ไม่​มี​อะไร​เทียบ​ได้
  • ความ​ทรง​จำ​และ​อื่น ๆ อีก!
  • ศิลปะ​และ​ความ​งาม
  • ค่า​นิยม​ทาง​ศีลธรรม
  • คุณ​สามารถ​คิด​ใคร่ครวญ​และ​วาง​แผน​สำหรับ​อนาคต
  • ถูก​ดึงดูด​ให้​เข้า​หา​พระ​ผู้​สร้าง
  • ความมหัศจรรย์ในตัวมนุษย์
    ชีวิต—เกิดขึ้นมาอย่างไร? โดยวิวัฒนาการหรือมีผู้สร้าง?
  • นักวิจัยสมองเล่าเรื่องความเชื่อของเขา
    ตื่นเถิด! 2017
  • คุณเห็นค่าร่างกายอันมหัศจรรย์ของคุณไหม?
    ตื่นเถิด! 2011
  • พระผู้สร้างทรงสามารถเพิ่มความหมายให้แก่ชีวิตคุณ
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1999
ดูเพิ่มเติม
พระผู้สร้างผู้ใฝ่พระทัยในตัวคุณมีไหม?
ผส บท 4 น. 49-72

บท​สี่

ตัว​ของ​คุณ​ไม่​มี​ใด​เหมือน!

ทุก ๆ เช้า​ก่อน​จะ​เริ่ม​กิจวัตร​ประจำ​วัน คุณ​ส่อง​กระจก​ดู​ว่า​ตัว​เอง​เป็น​อย่าง​ไร​ไหม? ตอน​นั้น​คุณ​คง​ไม่​มี​เวลา​คิด​ใคร่ครวญ. แต่​ขอ​ใช้​เวลา​สัก​หน่อย​ตอน​นี้​เพื่อ​คุณ​จะ​อัศจรรย์​ใจ​ใน​สิ่ง​ที่​เกี่ยว​ข้อง​อยู่​ด้วย​เมื่อ​คุณ​มอง​ดู​ตัว​เอง​เพียง​แค่​ชั่ว​ครู่.

ดวง​ตา​ของ​คุณ​ทำ​ให้​คุณ​เห็น​ตัว​เอง​เป็น​ภาพ​สี แม้​ว่า​การ​มอง​เห็น​ได้​หลาย​สี​ไม่​จำเป็น​ต่อ​ชีวิต​ก็​ตาม. หู​ของ​คุณ​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ที่​ทำ​ให้​คุณ​ได้​ยิน​เสียง​แบบ​สเตริโอ; คุณ​จึง​สามารถ​รู้​แหล่ง​ที่​มา​ของ​เสียง​ได้ อย่าง​เช่น​เสียง​ของ​คน​รัก. เรา​อาจ​คิด​ว่า​นั่น​เป็น​เรื่อง​ธรรมดา แต่​คู่มือ​สำหรับ​วิศวกร​เสียง​เล่ม​หนึ่ง​ให้​ความ​เห็น​ว่า “อย่าง​ไร​ก็​ดี เมื่อ​พิจารณา​ระบบ​การ​ได้​ยิน​ของ​มนุษย์​ใน​ราย​ละเอียด​แล้ว เป็น​เรื่อง​ยาก​ที่​จะ​หนี​ข้อ​สรุป​ที่​ว่า หน้า​ที่​และ​โครง​สร้าง​ที่​สลับ​ซับซ้อน​ของ​ระบบ​นี้​บ่ง​ชี้​ว่า​มี​ผู้​ควบคุม​ดู​แล​ที่​ใจ​ดี​ซึ่ง​ออก​แบบ​ระบบ​นี้.”

จมูก​ของ​คุณ​ก็​แสดง​ถึง​การ​ออก​แบบ​ที่​น่า​พิศวง​ด้วย. คุณ​หายใจ​เข้า​ทาง​จมูก ซึ่ง​ช่วย​ให้​คุณ​มี​ชีวิต​อยู่. นอก​จาก​นั้น จมูก​ยัง​มี​หน่วย​รับ​ความ​รู้สึก​หลาย​ล้าน​หน่วย ซึ่ง​ทำ​ให้​คุณ​รับ​รู้​กลิ่น​ต่าง ๆ ได้​ประมาณ 10,000 กลิ่น. เมื่อ​คุณ​รับประทาน​อาหาร มี​ประสาท​สัมผัส​อีก​อย่าง​หนึ่ง​เข้า​มา​เกี่ยว​ข้อง​ด้วย. ปุ่ม​รับ​รส​เป็น​พัน ๆ ปุ่ม​ทำ​ให้​คุณ​รับ​รู้​รสชาติ​ต่าง ๆ. หน่วย​รับ​ความ​รู้สึก​อื่น ๆ บน​ลิ้น​ช่วย​ให้​คุณ​รู้สึก​ว่า​ฟัน​สะอาด.

ใช่​แล้ว คุณ​มี​ประสาท​สัมผัส​ห้า​อย่าง—รูป, รส, กลิ่น, เสียง, และ​สัมผัส. จริง​อยู่ สัตว์​บาง​ชนิด​มอง​เห็น​ตอน​กลางคืน​ได้​ดี​กว่า, มี​จมูก​ไว​กว่า, หรือ​มี​หู​ดี​กว่า แต่​การ​ที่​ประสาท​สัมผัส​เหล่า​นี้​ของ​มนุษย์​มี​ความ​สามารถ​ที่​พอ​เหมาะ​พอ​ดี​ทำ​ให้​มนุษย์​เหนือ​กว่า​สัตว์​ใน​หลาย ๆ ทาง​อย่าง​แท้​จริง.

แต่​ขอ​ให้​เรา​พิจารณา​ว่า​เพราะ​เหตุ​ใด เรา​จึง​ใช้​ประโยชน์​จาก​ความ​สามารถ​เหล่า​นั้น​ได้. ความ​สามารถ​ทั้ง​หมด​นี้​อาศัย​อวัยวะ​ที่​มี​น้ำหนัก 1.4 กิโลกรัม​ใน​ศีรษะ​ของ​เรา นั่น​คือ​สมอง​ของ​เรา. สัตว์​ก็​มี​สมอง​ที่​ปฏิบัติ​งาน​ได้. แต่​สมอง​มนุษย์​เหนือ​กว่า​สมอง​สัตว์​มาก ซึ่ง​ทำ​ให้​ไม่​มี​สัตว์​ชนิด​ใด​เทียบ​กับ​เรา​ได้​เลย. เป็น​เช่น​นั้น​อย่าง​ไร? และ​การ​ที่​เรา​ไม่​มี​สิ่ง​ใด​เทียบ​ได้​นี้​เกี่ยว​ข้อง​อย่าง​ไร​กับ​ความ​สนใจ​ของ​เรา​ใน​เรื่อง​การ​มี​ชีวิต​ที่​มี​ความหมาย​และ​ยืน​นาน?

สมอง​ที่​น่า​พิศวง​ของ​คุณ

เป็น​เวลา​หลาย​ปี​ที่​มี​การ​เปรียบ​สมอง​มนุษย์​ว่า​เหมือน​กับ​คอมพิวเตอร์ กระนั้น การ​ค้น​พบ​เมื่อ​เร็ว ๆ นี้​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​การ​เปรียบ​เทียบ​เช่น​นั้น​ห่าง​ไกล​ความ​จริง​มาก. นาย​แพทย์​ริชาร์ด เอ็ม. เรสแทก ถาม​ว่า “คน​เรา​จะ​เริ่ม​เข้าใจ​ได้​อย่าง​ไร​ถึง​การ​ทำ​งาน​ของ​อวัยวะ​ที่​มี​เซลล์​ประสาท​ราว ๆ ห้า​หมื่น​ล้าน​เซลล์​และ​มี​ซินแนปส์ (จุด​เชื่อม​ต่อ​เซลล์) ประมาณ​หนึ่ง​พัน​ล้าน​ล้าน​จุด พร้อม​กับ​มี​การ​ยิง​สัญญาณ​ออก​มา​โดย​รวม​ใน​อัตรา​ถึง​หนึ่ง​หมื่น​ล้าน​ล้าน​ครั้ง​ต่อ​วินาที?” เขา​ตอบ​อย่าง​ไร? “แม้​แต่​สมรรถนะ​ของ​คอมพิวเตอร์​โครง​ข่าย​ประสาท​เทียม​ที่​ก้าว​หน้า​ที่​สุด . . . มี​ความ​สามารถ​ใน​การ​คิด​แค่​ประมาณ​หนึ่ง​ใน​หมื่น​ของ​สมอง​แมลงวัน.” ดัง​นั้น คิด​ดู​ก็​แล้ว​กัน​ว่า​คอมพิวเตอร์​ด้อย​กว่า​สัก​เพียง​ไร​เมื่อ​เทียบ​กับ​สมอง​มนุษย์​ซึ่ง​เหนือ​กว่า​มาก​อย่าง​น่า​ทึ่ง.

คอมพิวเตอร์​ที่​มนุษย์​สร้าง​ขึ้น​เครื่อง​ไหน​ที่​สามารถ​ซ่อม​ตัว​เอง, เขียน​โปรแกรม​ใหม่, หรือ​ปรับ​ปรุง​ตัว​เอง​ตาม​กาล​เวลา​ได้? เมื่อ​จำเป็น​ต้อง​มี​การ​ปรับ​ระบบ​คอมพิวเตอร์ ผู้​เขียน​โปรแกรม​ต้อง​เขียน​และ​ใส่​รหัส​คำ​สั่ง​ชุด​ใหม่​เข้า​ไป. สมอง​ของ​เรา​ทำ​งาน​นี้​โดย​อัตโนมัติ ทั้ง​ใน​ช่วง​ต้น ๆ ของ​ชีวิต​และ​ใน​วัย​ชรา. คุณ​จะ​ไม่​ได้​พูด​เกิน​จริง​หรอก​ถ้า​บอก​ว่า​คอมพิวเตอร์​ที่​ก้าว​หน้า​ที่​สุด​นั้น​เป็น​เพียง​อุปกรณ์​หยาบ ๆ เท่า​นั้น​เมื่อ​เทียบ​กับ​สมอง. นัก​วิทยาศาสตร์​เรียก​สมอง​ว่า “โครง​สร้าง​ที่​สลับ​ซับซ้อน​ที่​สุด​เท่า​ที่​รู้​จัก​กัน” และ “สิ่ง​ที่​ซับซ้อน​ที่​สุด​ใน​เอกภพ.” ขอ​พิจารณา​การ​ค้น​พบ​บาง​อย่าง​ที่​ทำ​ให้​หลาย​คน​สรุป​ว่า​สมอง​มนุษย์​เป็น​ผล​งาน​ของ​พระ​ผู้​สร้าง​ผู้​ใฝ่​พระทัย.

จะ​ใช้​หรือ​จะ​ปล่อย​ให้​เสีย​ไป

สิ่ง​ประดิษฐ์​ต่าง ๆ ที่​เป็น​ประโยชน์ เช่น รถยนต์​และ​เครื่องบิน​ไอพ่น โดย​พื้น​ฐาน​แล้ว​ถูก​จำกัด​โดย​กลไก​และ​ระบบ​ไฟฟ้า​ที่​ตาย​ตัว ซึ่ง​มนุษย์​ออก​แบบ​และ​ติด​ตั้ง​ลง​ไป. ตรง​กัน​ข้าม อย่าง​น้อย​ที่​สุด​สมอง​ของ​เรา​เป็น​กลไก​หรือ​ระบบ​ทาง​ชีววิทยา​ที่​มี​ความ​ยืดหยุ่น สูง. สมอง​สามารถ​เปลี่ยน​ไป​เรื่อย ๆ ตาม​วิธี​ที่​มัน​ถูก​ใช้​งาน—หรือ​ถูก​ใช้​อย่าง​ผิด ๆ. มี​ปัจจัย​หลัก ๆ สอง​ประการ​ที่​ดู​เหมือน​เป็น​ตัว​กำหนด​ว่า​สมอง​จะ​มี​การ​พัฒนา​ไป​ใน​ทาง​ใด​ตลอด​ช่วง​ชีวิต​ของ​เรา—นั่น​คือ​สิ่ง​ที่​เรา​ยอม​ให้​เข้า​สู่​สมอง​ทาง​ประสาท​สัมผัส​ต่าง ๆ และ​สิ่ง​ซึ่ง​เรา​เลือก​ที่​จะ​คิด.

แม้​ว่า​ปัจจัย​ทาง​พันธุกรรม​อาจ​มี​ผล​ต่อ​ความ​สามารถ​ทาง​ความ​คิด แต่​การ​ค้นคว้า​ใน​สมัย​ใหม่​แสดง​ว่า​สมอง​ของ​เรา​ไม่​ได้​ถูก​กำหนด​ไว้​โดย​ยีน​ตอน​ที่​ยัง​เป็น​ตัว​อ่อน​อยู่. นัก​เขียน​ผู้​ได้​รับ​รางวัล​พู​ลิต​เซอร์ โรนัลด์ คอทูลัก เขียน​ว่า “ไม่​มี​ใคร​เคย​คาด​คิด​ว่า​สมอง​จะ​สามารถ​ปรับ​เปลี่ยน​ได้​มาก​อย่าง​ที่​วิทยาศาสตร์​รู้​อยู่​ใน​ตอน​นี้.” หลัง​จาก​สัมภาษณ์​นัก​วิจัย​กว่า 300 คน เขา​สรุป​ว่า “สมอง​ไม่​ใช่​อวัยวะ​ที่​ตาย​ตัว แต่​เป็น​ก้อน​ที่​ประกอบ​ด้วย​จุด​เชื่อม​ต่อ​เซลล์​จำนวน​มหาศาล​ที่​เปลี่ยน​แปลง​อย่าง​สม่ำเสมอ​ซึ่ง​ได้​รับ​ผล​กระทบ​อย่าง​มาก​จาก​ประสบการณ์​ส่วน​ตัว.”—ภาย​ใน​สมอง (ภาษา​อังกฤษ).

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ประสบการณ์​ของ​เรา​ไม่​ใช่​สิ่ง​เดียว​เท่า​นั้น​ที่​กำหนด​พัฒนาการ​ของ​สมอง​ของ​เรา. สมอง​ยัง​ได้​รับ​ผล​กระทบ​จาก​ความ​คิด​ของ​เรา​ด้วย. นัก​วิทยาศาสตร์​พบ​ว่า สมอง​ของ​คน​ที่​ใช้​ความ​คิด​อยู่​เสมอ​มี​จุด​เชื่อม​ต่อ (ซินแนปส์) ระหว่าง​เซลล์​ประสาท (นิวรอน) มาก​กว่า​คน​ที่​ไม่​ค่อย​ใช้​ความ​คิด​ถึง 40 เปอร์เซ็นต์. นัก​วิทยาศาสตร์​ด้าน​ระบบ​ประสาท​สรุป​ว่า คุณ​ต้อง​ใช้​สมอง​ไม่​เช่น​นั้น​คุณ​จะ​เสีย​ความ​สามารถ​ของ​มัน​ไป. ส่วน​ผู้​สูง​อายุ​ล่ะ? ดู​เหมือน​ว่า​เซลล์​สมอง​จะ​สูญ​เสีย​ไป​บ้าง​ตาม​อายุ​ไข และ​อายุ​ที่​เพิ่ม​ขึ้น​อาจ​ทำ​ให้​ความ​จำ​เสื่อม​ได้. กระนั้น การ​สูญ​เสีย​นี้​มี​น้อย​กว่า​ที่​เคย​คิด​กัน. วารสาร​แนชันแนล จีโอกราฟิก รายงาน​เกี่ยว​กับ​สมอง​มนุษย์​ว่า “ผู้​สูง​อายุ . . . ยัง​มี​ความ​สามารถ​ใน​การ​สร้าง​จุด​เชื่อม​ต่อ​ใหม่ ๆ และ​ใน​การ​รักษา​จุด​เชื่อม​ต่อ​เก่า​เอา​ไว้​โดย​กิจกรรม​ทาง​ความ​คิด.”

การ​ค้น​พบ​เมื่อ​เร็ว ๆ นี้​เกี่ยว​กับ​ความ​ยืดหยุ่น​ของ​สมอง​ของ​เรา​สอดคล้อง​กับ​คำ​แนะ​นำ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. หนังสือ​แห่ง​สติ​ปัญญา​นี้​กระตุ้น​ผู้​อ่าน​ให้ ‘เปลี่ยน​แปลง​โดย​เปลี่ยน​ความ​คิด​จิตใจ​ของ​เขา​เสีย​ใหม่’ หรือ ถูก “สร้าง​ขึ้น​ใหม่” โดย​การ​รับ “ความ​รู้​ถ่องแท้” ไว้​ใน​จิตใจ. (โรม 12:2, ล.ม.; โกโลซาย 3:10, ล.ม.) พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​เห็น​สิ่ง​นี้​เกิด​ขึ้น​ขณะ​ที่​ผู้​คน​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​ใช้​คำ​แนะ​นำ​ใน​นั้น. ผู้​คน​หลาย​หมื่น​หลาย​แสน—จาก​ขอบ​เขต​อัน​กว้างขวาง​ด้าน​ภูมิ​หลัง​ทาง​สังคม​และ​การ​ศึกษา—ได้​ทำ​เช่น​นั้น. พวก​เขา​ก็​ยัง​คง​เป็น​บุคคล​ที่​มี​เอกลักษณ์​เฉพาะ​ตัว แต่​พวก​เขา​มี​ความ​สุข​และ​ความ​สมดุล​มาก​ขึ้น แสดง​ออก​ถึง​สิ่ง​ที่​นัก​เขียน​ใน​ศตวรรษ​แรก​เรียก​ว่า “สุขภาพ​จิต​ดี.” (กิจการ 26:25, ล.ม.) การ​ปรับ​ปรุง​เช่น​นี้​ส่วน​ใหญ่​เป็น​ผล​จาก​การ​ที่​คน​เรา​ใช้​ส่วน​ของ​ซีรีบรัลคอร์เทกซ์​ให้​เป็น​ประโยชน์ ส่วน​นี้​อยู่​บริเวณ​ด้าน​หน้า​ของ​ศีรษะ.

สมอง​กลีบ​หน้า​ของ​คุณ

เซลล์​ประสาท​ส่วน​ใหญ่​ของ​สมอง​ชั้น​นอก หรือ​ซีรีบรัลคอร์เทกซ์ ไม่​ได้​เชื่อม​ต่อ​โดย​ตรง​กับ​กล้ามเนื้อ​และ​อวัยวะ​รับ​ความ​รู้สึก. ตัว​อย่าง​เช่น ลอง​พิจารณา​เซลล์​ประสาท​หลาย​พัน​ล้าน​เซลล์​ซึ่ง​ประกอบ​กัน​เป็น​สมอง​กลีบ​หน้า. (ดู​ภาพ​หน้า 56.) การ​สแกน​ดู​สมอง​พิสูจน์​ว่า สมอง​กลีบ​หน้า​ทำ​งาน​เมื่อ​คุณ​คิด​เรื่อง​คำ​ศัพท์​หรือ​ทวน​ความ​จำ. สมอง​ส่วน​หน้า​มี​บทบาท​เป็น​พิเศษ​ที่​ทำ​ให้​คุณ​มี​บุคลิก​เฉพาะ​ตัว.

“พรีฟรอนทัลคอร์เทกซ์ [ส่วน​หน้า​ของ​สมอง​กลีบ​หน้า] . . . เกี่ยว​ข้อง​อย่าง​มาก​กับ​ความ​คิด​ที่​ละเอียดอ่อน, เชาวน์​ปัญญา, แรง​จูง​ใจ, และ​บุคลิกภาพ. สมอง​ส่วน​นี้​ประมวล​ประสบการณ์​ต่าง ๆ ที่​จำเป็น​เพื่อ​สร้าง​แนว​คิด​แบบ​นามธรรม, การ​ตัดสิน​ใจ, การ​ยืนหยัด, การ​วาง​แผน, การ​คำนึง​ถึง​ผู้​อื่น, และ​มโนธรรม. . . . ความ​ละเอียด​อ่อน​ของ​สมอง​ส่วน​นี้​เอง​ที่​แยก​มนุษย์​ออก​จาก​สัตว์​ชนิด​อื่น ๆ.” (อวัยวะ​และ​สรีรวิทยา​ของ​มนุษย์ โดย ​แมเรียบ [ภาษา​อังกฤษ]) เรา​เห็น​แน่ชัด​ถึง​หลักฐาน​ของ​ความ​แตกต่าง​นี้​ใน​สิ่ง​ที่​มนุษย์​ทำ​ได้​ใน​แวดวง​ต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์, ปรัชญา, และ​กฎหมาย, ซึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​พรีฟรอนทัลคอร์เทกซ์​เป็น​ส่วน​ใหญ่.

ทำไม​มนุษย์​จึง​มี​พรีฟรอนทัลคอร์เทกซ์​ที่​ใหญ่​และ​ยืดหยุ่น​ได้​ซึ่ง​ก่อ​ให้​เกิด​ปฏิบัติการ​ทาง​ความ​คิด​ที่​สูง​ส่ง​กว่า ใน​ขณะ​ที่​ส่วน​นี้​ของ​สัตว์​เป็น​แบบ​ขั้น​ต้น​หรือ​ไม่​มี​เลย? ความ​แตกต่าง​มี​มาก​ถึง​ขนาด​ที่​นัก​ชีววิทยา​ซึ่ง​อ้าง​ว่า​เรา​เกิด​ขึ้น​โดย​วิวัฒนาการ​ก็​ยัง​พูด​ถึง “ขนาด​ของ​สมอง​ที่​ใหญ่​อย่าง​น่า​ประหลาด.” เมื่อ​พูด​ถึง​การ​ขยาย​ตัว​เป็น​พิเศษ​ของ​ซีรีบรัลคอร์เทกซ์​ของ​เรา ศาสตราจารย์​ด้าน​ชีววิทยา ริชาร์ด เอฟ. ทอมป์สัน ยอม​รับ​ว่า “เรา​ยัง​ไม่​เข้าใจ​ชัดเจน​นัก​ว่า​ทำไม​สิ่ง​นี้​จึง​เกิด​ขึ้น.” เป็น​ไป​ได้​ไหม​ว่า​เหตุ​ผล​คือ​มนุษย์​ถูก​สร้าง พร้อม​กับ​ความ​สามารถ​ทาง​สมอง​ที่​ไม่​มี​อะไร​เทียบ​ได้​นี้?

ความ​สามารถ​ใน​การ​สื่อ​ความ​ที่​ไม่​มี​อะไร​เทียบ​ได้

ส่วน​อื่น ๆ ของ​สมอง​ก็​มี​ส่วน​ช่วย​ให้​เรา​ไม่​มี​ใด​เหมือน​ด้วย. ด้าน​หลัง​ของ​พรีฟรอนทัลคอร์เทกซ์​ของ​เรา​คือ​สมอง​ส่วน​ที่​เป็น​แถบ​ซึ่ง​อยู่​ด้าน​บน​ของ​สมอง​เรียก​ว่า มอเตอร์​คอร์เทกซ์. สมอง​ส่วน​นี้​มี​เซลล์​ประสาท​หลาย​พัน​ล้าน​เซลล์​ซึ่ง​เชื่อม​ต่อ​กับ​กล้ามเนื้อ​ของ​เรา. สมอง​ส่วน​นี้​ก็​เช่น​กัน​มี​คุณสมบัติ​ที่​ทำ​ให้​เรา​แตกต่าง​อย่าง​มาก​กับ​ลิง​หรือ​สัตว์​ชนิด​อื่น ๆ. หน้า​ที่​หลัก ๆ ของ​มอเตอร์​คอร์เทกซ์​คือ ทำ​ให้​เรา​มี “(1) ความ​สามารถ​อัน​ยอด​เยี่ยม​ที่​จะ​ใช้​มือ, นิ้ว​มือ, และ​นิ้ว​หัวแม่มือ​ทำ​งาน​ได้​อย่าง​คล่องแคล่ว และ (2) ความ​สามารถ​ที่​จะ​ใช้​ปาก, ริมฝีปาก, ลิ้น, และ​กล้ามเนื้อ​บริเวณ​ใบ​หน้า​ใน​การ​พูด.”—ตำรา​สรีรวิทยา​การ​แพทย์ ของ​กาย​ตัน (ภาษา​อังกฤษ).

ลอง​พิจารณา​สั้น ๆ ว่า มอเตอร์​คอร์เทกซ์​ส่ง​ผล​กระทบ​ต่อ​ความ​สามารถ​ใน​การ​พูด​ของ​คุณ​อย่าง​ไร. มาก​กว่า​ครึ่ง​ของ​สมอง​ส่วน​นี้​มี​หน้า​ที่​ควบคุม​อวัยวะ​ที่​ใช้​ใน​การ​สื่อ​ความ. สิ่ง​นี้​ช่วย​อธิบาย​เรื่อง​ทักษะ​ใน​การ​สื่อ​ความ​ของ​มนุษย์​ที่​ไม่​มี​อะไร​เทียบ​ได้. แม้​ว่า​มือ​ของ​เรา​มี​บทบาท​ใน​การ​สื่อ​ความ (ใน​การ​เขียน, การ​ออก​ท่า​ทาง​ตาม​ปกติ, หรือ​ภาษา​ท่า​ทาง) แต่​ตาม​ปกติ​ปาก​ทำ​หน้า​ที่​นี้​เป็น​ส่วน​ใหญ่. คำ​พูด​ของ​มนุษย์—ตั้ง​แต่​คำ​แรก​ที่​ทารก​พูด​ออก​มา​จน​ถึง​เสียง​ของ​ผู้​สูง​อายุ—เป็น​สิ่ง​มหัศจรรย์​อย่าง​ไม่​อาจ​โต้​แย้ง​ได้. มี​กล้ามเนื้อ​ประมาณ 100 มัด​ใน​ลิ้น, ริมฝีปาก, ขา​กรรไกร, ลำคอ, และ​หน้า​อก​ทำ​งาน​ประสาน​กัน​เพื่อ​จะ​เปล่ง​เสียง​นับ​ไม่​ถ้วน. ขอ​สังเกต​ความ​แตกต่าง​นี้: เซลล์​สมอง​หนึ่ง​เซลล์​สามารถ​ควบคุม​ใย​กล้ามเนื้อ​น่อง​ของ​นัก​กรีฑา​ได้ 2,000 เส้น แต่​เซลล์​สมอง​ที่​ควบคุม​กล่อง​เสียง​อาจ​ควบคุม​ใย​กล้ามเนื้อ​เพียง 2 หรือ 3 เส้น​เท่า​นั้น. นี่​ไม่​ได้​บ่ง​ชี้​หรือ​ว่า​สมอง​ของ​เรา​ถูก​เตรียม​ไว้​สำหรับ​สื่อ​ความ​เป็น​พิเศษ?

วลี​สั้น ๆ แต่​ละ​วลี​ที่​คุณ​เอ่ย​ออก​มา​จำเป็น​ต้อง​มี​รูป​แบบ​เฉพาะ​ของ​การ​เคลื่อน​ไหว​ของ​กล้ามเนื้อ. ความหมาย​ของ​คำ​พูด​คำ​หนึ่ง​อาจ​เปลี่ยน​ไป​ขึ้น​อยู่​กับ​ว่า กล้าม​เนื้อ​หลาย​สิบ​มัด​เคลื่อน​ไหว​มาก​น้อย​แค่​ไหน​ใน​ช่วง​เสี้ยว​วินาที​นั้น. นาย​แพทย์​วิลเลียม เอช. เพอร์คินส์ ผู้​เชี่ยวชาญ​ทาง​การ​พูด​อธิบาย​ว่า “ใน​อัตรา​ความ​เร็ว​ปกติ เรา​เปล่ง​เสียง​ออก​มา​ราว ๆ 14 เสียง​ต่อ​วินาที. นี่​เร็ว​กว่า​กัน​ถึง​สอง​เท่า เมื่อ​เทียบ​กับ​การ​ที่​เรา​แยก​บังคับ​ลิ้น ริมฝีปาก ขากรรไกร​หรือ​อวัยวะ​ส่วน​อื่น ๆ ใน​กลไก​การ​พูด​เมื่อ​เรา​ขยับ​อวัยวะ​เหล่า​นั้น​ที​ละ​อย่าง. แต่​เมื่อ​ให้​ทุก​ส่วน​ทำ​งาน​ร่วม​กัน​เพื่อ​จะ​พูด อวัยวะ​เหล่า​นี้​ก็​จะ​ทำ​งาน​ได้​เช่น​เดียว​กับ​นิ้ว​ของ​นัก​พิมพ์ดีด​ที่​ชำนาญ​หรือ​นัก​เล่น​เปียโน​คอนเสิร์ต. การ​เคลื่อน​ไหว​ของ​อวัยวะ​เหล่า​นี้​ประสาน​กลมกลืน​กัน​ใน​จังหวะ​ที่​แม่นยำ​อย่าง​ไม่​ผิด​พลาด.”

ข้อมูล​จริง​ที่​จำเป็น​สำหรับ​การ​ถาม​คำ​ถาม​ง่าย ๆ อย่าง​เช่น “วัน​นี้​คุณ​สบาย​ดี​ไหม?” ถูก​เก็บ​ไว้​ใน​ส่วน​ของ​สมอง​กลีบ​หน้า​ของ​คุณ​ที่​เรียก​ว่า บริเวณ​โบรคา ซึ่ง​บาง​คน​ถือ​ว่า​ส่วน​นี้​เป็น​ศูนย์​ควบคุม​การ​พูด​ของ​คุณ. เซอร์​จอห์น เอคเคิลส์ นัก​วิทยาศาสตร์​ด้าน​ระบบ​ประสาท​ผู้​ได้​รับ​รางวัล​โนเบล​เขียน​ว่า “ไม่​มี​การ​พบ​ส่วน​ใด​ที่​เหมือน​กับ . . . บริเวณ​โบรคา​ที่​เกี่ยว​กับ​การ​พูด​ใน​ลิง.” ถึง​จะ​มี​การ​พบ​บริเวณ​คล้าย ๆ กัน​นั้น​ใน​สัตว์ ความ​จริง​ก็​คือ นัก​วิทยาศาสตร์​ไม่​สามารถ​สอน​ลิง​ให้​เปล่ง​เสียง​ได้​มาก​ไป​กว่า​คำ​ง่าย ๆ ไม่​กี่​คำ. กระนั้น คุณ​สามารถ​พูด​ภาษา​ที่​สลับ​ซับซ้อน​ได้. คุณ​ทำ​เช่น​นั้น​โดย​เรียบเรียง​คำ​ต่าง ๆ ตาม​หลัก​ไวยากรณ์​ใน​ภาษา​ของ​คุณ. บริเวณ​โบรคา​ช่วย​คุณ​ให้​ทำ​เช่น​นั้น​ทั้ง​ใน​การ​พูด​และ​ใน​การ​เขียน.

แน่​ล่ะ คุณ​ไม่​สามารถ​แสดง​ความ​มหัศจรรย์​ของ​การ​พูด​เว้น​เสีย​แต่​ว่า​คุณ​รู้​ภาษา​อย่าง​น้อย​หนึ่ง​ภาษา​และ​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​คำ​ภาษา​นั้น ๆ. นี่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ส่วน​ที่​พิเศษ​อีก​ส่วน​หนึ่ง​ของ​สมอง​คุณ​ซึ่ง​รู้​จัก​กัน​ว่า บริเวณ​เวอร์นิเค. ที่​นี่ เซลล์​ประสาท​หลาย​พัน​ล้าน​เซลล์​แยกแยะ​ความหมาย​ของ​คำ​ต่าง ๆ ที่​พูด​หรือ​เขียน. บริเวณ​เวอร์นิเค​ช่วย​คุณ​ให้​เข้าใจ​ประโยค​ต่าง ๆ และ​เข้าใจ​สิ่ง​ที่​คุณ​ได้​ยิน​หรือ​อ่าน โดย​วิธี​นี้​คุณ​จึง​สามารถ​เรียน​ข้อมูล​ต่าง ๆ และ​สามารถ​ตอบ​สนอง​ได้​อย่าง​สม​เหตุ​ผล.

ยัง​มี​ปัจจัย​อื่น​อีก​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ที่​คุณ​พูด​ได้​อย่าง​คล่องแคล่ว. เพื่อ​เป็น​ตัว​อย่าง: คำ​พูด​ที่​ว่า “สวัสดี” อาจ​ถ่ายทอด​ความหมาย​ได้​หลาย​อย่าง. น้ำ​เสียง​ของ​คุณ​สะท้อน​ว่า​คุณ​กำลัง​อารมณ์​ดี, ตื่นเต้น, เบื่อ​หน่าย, เร่ง​รีบ, ไม่​พอ​ใจ, เสียใจ, หรือ​หวาด​กลัว และ​อาจ​บ่ง​ถึง​ระดับ​ของ​อารมณ์​เหล่า​นี้​ด้วย​ซ้ำ. อีก​บริเวณ​หนึ่ง​ใน​สมอง​ของ​คุณ​ให้​ข้อมูล​ด้าน​อารมณ์​ใน​การ​พูด. ดัง​นั้น มี​หลาย​ส่วน​ใน​สมอง​ของ​คุณ​ที่​เกี่ยว​ข้อง​เมื่อ​คุณ​สื่อ​ความ.

มี​การ​สอน​ภาษา​ท่า​ทาง​ไม่​กี่​ท่า​ให้​แก่​ลิง​ชิมแปนซี แต่​พวก​มัน​สามารถ​ทำ​ได้​แค่​ท่า​ง่าย ๆ เพื่อ​ขอ​อาหาร​หรือ​สิ่ง​จำเป็น​อื่น ๆ. ดร. เดวิด เพรแมก ซึ่ง​ได้​สอน​ลิง​ชิมแปนซี​ให้​สื่อ​ความ​โดย​การ​ออก​ท่า​ทาง​ง่าย ๆ สรุป​ว่า “ภาษา​ของ​มนุษย์​ก่อ​ความ​ยุ่งยาก​ให้​แก่​ทฤษฎี​วิวัฒนาการ​เพราะ​ภาษา​ของ​มนุษย์​มี​พลัง​เกิน​กว่า​ที่​ใคร ๆ จะ​อธิบาย​ได้​มาก​นัก.”

เรา​อาจ​ครุ่น​คิด​ว่า ‘ทำไม​มนุษย์​มี​ทักษะ​อัน​น่า​ทึ่ง​นี้​ใน​การ​ถ่ายทอด​ความ​คิด​และ​ความ​รู้สึก ใน​การ​ถาม​และ​ตอบ?’ สารานุกรม​ภาษา​และ​ภาษา​ศาสตร์ (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ว่า “ภาษา [ของ​มนุษย์] เป็น​สิ่ง​พิเศษ” และ​ยอม​รับ​ว่า “การ​สืบ​หา​สิ่ง​ที่​ส่อ​ถึง​ภาษา​ของ​มนุษย์​ใน​การ​สื่อ​ความ​ของ​สัตว์​ไม่​ได้​ช่วย​อะไร​เลย​ใน​การ​เชื่อม​ช่อง​ว่าง​มหึมา​ที่​แยก​ภาษา​และ​คำ​พูด​ของ​มนุษย์​ออก​จาก​พฤติกรรม​ของ​สัตว์.” ศาสตราจารย์​ลุดวิก เคอเลอร์ สรุป​ความ​แตกต่าง​นั้น​ว่า “ภาษา​ของ​มนุษย์​เป็น​ความ​ลึกลับ เป็น​ของ​ประทาน​จาก​สวรรค์ เป็น​การ​อัศจรรย์.”

การ​ที่​ลิง​ใช้​ท่า​ทาง​ต่าง ๆ ช่าง​แตกต่าง​กัน​เสีย​จริง​กับ​ความ​สามารถ​ทาง​ภาษา​อัน​ซับซ้อน​ของ​เด็ก! เซอร์​จอห์น เอคเคิลส์ กล่าว​ถึง​สิ่ง​ที่​พวก​เรา​ส่วน​ใหญ่​ก็​ได้​สังเกต​ด้วย นั่น​คือ​ความ​สามารถ​ที่ “สำ​แดง​ออก​มา​แม้​แต่​ใน​เด็ก​อายุ 3 ขวบ​พร้อม​กับ​คำ​ถาม​ของ​ตน​ที่​พรั่งพรู​ออก​มา​ใน​ความ​ปรารถนา​ที่​จะ​เข้าใจ​โลก​ของ​ตน.” เขา​เพิ่ม​เติม​ว่า “ตรง​กัน​ข้าม ลิง​ไม่​ตั้ง​คำ​ถาม.” ใช่​แล้ว มนุษย์​เท่า​นั้น​ที่​ตั้ง​คำ​ถาม รวม​ทั้ง​คำ​ถาม​เกี่ยว​กับ​ความหมาย​ของ​ชีวิต.

ความ​ทรง​จำ​และ​อื่น ๆ อีก!

เมื่อ​ส่อง​กระจก คุณ​อาจ​นึก​ถึง​หน้า​ตา​ของ​คุณ​ตอน​เป็น​หนุ่ม​สาว หรือ​กระทั่ง​เปรียบ​เทียบ​ว่า​รูป​ร่าง​หน้า​ตา​คุณ​จะ​เป็น​อย่าง​ไร​เมื่อ​แก่​ตัว​ลง หรือ​หน้า​ตา​คุณ​จะ​เป็น​อย่าง​ไร​ถ้า​ใช้​เครื่อง​สำอาง. ความ​คิด​เหล่า​นี้​เกิด​ขึ้น​ได้​โดย​แทบ​ไม่​รู้​ตัว กระนั้น มี​บาง​อย่าง​ที่​พิเศษ​มาก​กำลัง​เกิด​ขึ้น ซึ่ง​ไม่​มี​สัตว์​ชนิด​ใด​สามารถ​ประสบ​ได้.

ไม่​เหมือน​สัตว์ ซึ่ง​คำนึง​ถึง​และ​ทำ​ตาม​ความ​จำเป็น​ใน​ปัจจุบัน​เป็น​ส่วน​ใหญ่ มนุษย์​สามารถ​คิด​ใคร่ครวญ​อดีต​และ​วาง​แผนการ​เพื่อ​อนาคต. ปัจจัย​สำคัญ​ที่​ทำ​ให้​คุณ​ทำ​อย่าง​นั้น​ได้​ก็​คือ​ความ​สามารถ​ของ​สมอง​ใน​การ​จด​จำ​ที่​แทบ​ไม่​มี​ขีด​จำกัด. จริง​อยู่ สัตว์​ก็​มี​ความ​จำ​ใน​ระดับ​หนึ่ง พวก​มัน​จึง​หา​ทาง​กลับ​บ้าน​ได้​หรือ​จำ​ได้​ว่า​อาหาร​อยู่​ที่​ไหน. ความ​ทรง​จำ​ของ​มนุษย์​นั้น​ยอด​เยี่ยม​กว่า​มาก. นัก​วิทยาศาสตร์​คน​หนึ่ง​ประมาณ​ว่า สมอง​ของ​เรา​สามารถ​เก็บ​ข้อมูล​ที่ “จะ​บรรจุ​ใน​หนังสือ​ประมาณ​ยี่​สิบ​ล้าน​เล่ม มาก​เท่า​กับ​ที่​มี​ใน​ห้อง​สมุด​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​โลก.” นัก​วิทยาศาสตร์​ด้าน​ระบบ​ประสาท​บาง​คน​ประมาณ​ว่า ใน​ช่วง​ชีวิต​โดย​เฉลี่ย คน​เรา​ใช้​ความ​สามารถ​เก็บ​ข้อมูล​ของ​สมอง​เพียง​เศษ 1 ส่วน 100 ของ 1 เปอร์เซ็นต์ (.0001) ของ​ความ​สามารถ​ที่​คาด​ว่า​มี​อยู่. คุณ​อาจ​ถาม​ว่า ‘ทำไม​เรา​ถึง​มี​สมอง​ที่​มี​ความ​สามารถ​เก็บ​ข้อมูล​มาก​ขนาด​นั้น​ทั้ง ๆ ที่​เรา​ใช้​แทบ​ไม่​ถึง​เศษ​เสี้ยว​ของ​ความ​สามารถ​นั้น​ตลอด​ช่วง​ชีวิต​ปกติ​ของ​เรา?’

แต่​สมอง​ของ​เรา​ก็​ไม่​ได้​เป็น​เพียง​ที่​เก็บ​ข้อมูล​ขนาด​มหึมา​เหมือน​กับ​ซูเปอร์​คอมพิวเตอร์​เท่า​นั้น. ศาสตราจารย์​ด้าน​ชีววิทยา โรเบิร์ต ออร์นสไตน์ และ ริชาร์ด เอฟ. ทอมป์สัน เขียน​ว่า “ความ​สามารถ​ของ​จิตใจ​มนุษย์​ใน​การ​เรียน​รู้—เก็บ​และ​เรียก​ข้อมูล—เป็น​ปรากฏการณ์​ที่​น่า​ทึ่ง​ที่​สุด​ใน​โลก​ของ​ชีววิทยา. ทุก​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​เรา​เป็น​มนุษย์—เช่น ภาษา, ความ​คิด, ความ​รู้, วัฒนธรรม—เป็น​ผล​จาก​ความ​สามารถ​อัน​พิเศษ​ยิ่ง​นี้.”

ยิ่ง​กว่า​นั้น คุณ​มี​จิต​สำนึก. ข้อ​ความ​นี้​อาจ​ดู​เหมือน​ไม่​มี​อะไร แต่​นี่​เป็น​ข้อ​สรุป​ของ​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​คุณ​ไม่​มี​ใด​เหมือน​อย่าง​ไม่​ต้อง​สงสัย. จิตใจ​ได้​รับ​การ​พรรณนา​ว่า​เป็น “สิ่ง​ที่​เข้าใจ​ได้​ยาก​ซึ่ง​เป็น​แหล่ง​แห่ง​เชาวน์​ปัญญา, การ​ตัดสิน​ใจ, การ​รับ​รู้, ความ​สำนึก​และ​การ​รู้​ว่า​คุณ​คือ​ใคร.” สาย​น้ำ, ลำธาร, และ​แม่น้ำ​ไหล​ลง​สู่​ทะเล​ฉัน​ใด ความ​ทรง​จำ, ความ​คิด, มโนภาพ, เสียง, และ​ความ​รู้สึก​ไหล​เข้า​ไป​หรือ​ผ่าน​จิตใจ​ของ​เรา​อย่าง​ไม่​ขาด​สาย​ฉัน​นั้น. คำ​จำกัดความ​หนึ่ง​บอก​ว่า จิต​สำนึก​คือ “การ​รับ​รู้​ถึง​สิ่ง​ที่​ผ่าน​เข้า​มา​ใน​จิตใจ​มนุษย์.”

นัก​วิจัย​สมัย​ใหม่​ได้​ก้าว​หน้า​ไป​มาก​ใน​การ​เข้าใจ​ส่วน​ประกอบ​ทาง​กายภาพ​ของ​สมอง​และ​ขบวนการ​ทาง​เคมี​ไฟฟ้า​บาง​อย่าง​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​สมอง. พวก​เขา​สามารถ​อธิบาย​เกี่ยว​กับ​วงจร​และ​การ​ทำ​งาน​ของ​คอมพิวเตอร์​รุ่น​ใหม่ ๆ ได้​ด้วย. อย่าง​ไร​ก็​ดี มี​ความ​แตกต่าง​อย่าง​มาก​มาย​ระหว่าง​สมอง​และ​คอมพิวเตอร์. โดย​สมอง​ของ​คุณ คุณ​มี​สติ​และ​รู้​ถึง​การ​ดำรง​อยู่​ของ​ตัว​คุณ แต่​คอมพิวเตอร์​ไม่​เป็น​เช่น​นั้น​เลย. ทำไม​จึง​ต่าง​กัน?

พูด​ตรง ๆ จิต​สำนึก​เกิด​ขึ้น​จาก​กระบวนการ​ทาง​กายภาพ​ใน​สมอง​ของ​เรา​ได้​อย่าง​ไร​และ​ทำไม​จึง​เกิด​ขึ้น​นั้น​ยัง​เป็น​เรื่อง​ลึกลับ. นัก​ชีววิทยา​ทาง​ประสาท​คน​หนึ่ง​ออก​ความ​เห็น​ว่า “ผม​ไม่​เห็น​ว่า​มี​วิทยาศาสตร์​สาขา​ใด​สามารถ​อธิบาย​สิ่ง​นี้​ได้.” และ​ศาสตราจารย์​เจมส์ เทรฟิล​ตั้ง​ข้อ​สังเกต​ว่า “การ​มี​จิต​สำนึก​มี​ความหมาย​อะไร​จริง ๆ สำหรับ​มนุษย์​นั้น . . . เป็น​คำ​ถาม​สำคัญ​ข้อ​เดียว​ใน​วงการ​วิทยาศาสตร์​ที่​เรา​ไม่​รู้​แม้​แต่​ว่า​จะ​ถาม​คำ​ถาม​นี้​อย่าง​ไร.” สาเหตุ​หนึ่ง​ก็​คือ นัก​วิทยาศาสตร์​ใช้​สมอง​เพื่อ​พยายาม​จะ​เข้าใจ​สมอง. และ​เพียง​แค่​การ​ศึกษา​สรีรวิทยา​ของ​สมอง​เท่า​นั้น​อาจ​ยัง​ไม่​พอ. ดร. เดวิด ชาลเมอส์​สังเกต​ว่า จิต​สำนึก​เป็น “หนึ่ง​ใน​ความ​ลึกลับ​ที่​ล้ำ​ลึก​ที่​สุด​ของ​การ​ดำรง​อยู่ แต่​เพียง​แค่​รู้​เกี่ยว​กับ​การ​ทำ​งาน​ของ​สมอง​ไม่​อาจ​ช่วย​ให้ [นัก​วิทยาศาสตร์] เข้า​ถึง​ก้นบึ้ง​ของ​ความ​ลึกลับ​นั้น​ได้.”

กระนั้น​ก็​ตาม เรา​แต่​ละ​คน​มี​จิต​สำนึก. ตัว​อย่าง​เช่น ความ​ทรง​จำ​อัน​ชัดเจน​ของ​เรา​เกี่ยว​กับ​เหตุ​การณ์​ใน​อดีต​ไม่​ใช่​แค่​ข้อมูล​ที่​ถูก​เก็บ​ไว้ เหมือน​กับ​ข้อมูล​ใน​คอมพิวเตอร์. เรา​สามารถ​คิด​ใคร่ครวญ​ประสบการณ์​ของ​เรา, เรียน​บทเรียน​จาก​ประสบการณ์​นั้น, และ​ใช้​เพื่อ​วาง​แผน​ใน​อนาคต​ของ​เรา. เรา​สามารถ​คิด​ถึง​เหตุ​การณ์​สมมุติ​ต่าง ๆ หลาย​เรื่อง​ใน​อนาคต​และ​ประเมิน​ผล​กระทบ​ของ​แต่​ละ​เรื่อง. เรา​มี​ความ​สามารถ​ที่​จะ​วิเคราะห์, สร้าง, หยั่ง​รู้​ค่า, และ​รัก. เรา​สามารถ​ชื่นชม​กับ​การ​สนทนา​ที่​น่า​เพลิดเพลิน​เกี่ยว​กับ​อดีต, ปัจจุบัน, และ​อนาคต. เรา​มี​ค่า​นิยม​ทาง​ศีลธรรม​เกี่ยว​กับ​การ​ประพฤติ​ปฏิบัติ​และ​สามารถ​ใช้​ค่า​นิยม​นั้น​ใน​การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​อาจ​ก่อ​ประโยชน์​ใน​ทัน​ที​หรือ​ไม่​ก่อ​ประโยชน์​ใน​ทันที. ความ​งาม​ใน​ศิลปะ​และ​ศีลธรรม​เป็น​สิ่ง​ดึง​ดูด​ใจ​เรา. ใน​ใจ​ของ​เรา เรา​สามารถ​หล่อ​หลอม​และ​กลั่นกรอง​แนว​คิด​และ​คาด​เดา​ว่า​คน​อื่น ๆ จะ​มี​ปฏิกิริยา​อย่าง​ไร​หาก​เรา​ทำ​ตาม​แนว​คิด​เหล่า​นั้น.

ปัจจัย​เหล่า​นี้​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​สำนึก​ซึ่ง​ทำ​ให้​มนุษย์​ต่าง​ไป​จาก​สิ่ง​มี​ชีวิต​อื่น ๆ บน​แผ่นดิน​โลก. ถ้า​สุนัข, แมว, หรือ​นก​มอง​ดู​ตัว​เอง​ใน​กระจก​มัน​จะ​มี​ปฏิกิริยา​เช่น​เดียว​กับ​เมื่อ​มัน​เห็น​สัตว์​ชนิด​เดียว​กับ​มัน​อีก​ตัว​หนึ่ง. แต่​เมื่อ​คุณ​ส่อง​กระจก คุณ​รู้​ว่า​ตัว​คุณ​เป็น​บุคคล​ที่​มี​ความ​สามารถ​ต่าง ๆ ที่​ได้​กล่าว​ถึง​ก่อน​หน้า​นี้. คุณ​สามารถ​คิด​ถึง​คำ​ถาม​ที่​ตอบ​ยาก อย่าง​เช่น ‘ทำไม​เต่า​บาง​ชนิด​มี​อายุ​ถึง 150 ปี​และ​ต้น​ไม้​บาง​ชนิด​อายุ​ยืน​ถึง 1,000 ปี แต่​ถ้า​มนุษย์​ที่​มี​เชาว์​ปัญญา​คน​ใด​มี​อายุ​ยืน​ถึง 100 ปี​ก็​จะ​กลาย​เป็น​ข่าว?’ นาย​แพทย์​ริชาร์ด เรสแทก​กล่าว​ว่า “สมอง​มนุษย์ และ​สมอง​มนุษย์​เท่า​นั้น​ที่​มี​ความ​สามารถ​ใน​การ​ไตร่ตรอง, สำรวจ​การ​ทำ​งาน​ของ​ตน​เอง, และ​จึง​บรรลุ​ความ​สามารถ​เกิน​กว่า​ประสบการณ์​ธรรมดา. ที่​จริง ความ​สามารถ​ที่​จะ​ปรับ​เปลี่ยน​แผนการ​และ​ปรับ​ตัว​เข้า​กับ​โลก​รอบ​ข้าง​คือ​สิ่ง​ที่​แยก​เรา​ออก​จาก​สิ่ง​มี​ชีวิต​อื่น ๆ ทั้ง​หมด​ใน​โลก.”

จิต​สำนึก​ของ​มนุษย์​ทำ​ให้​บาง​คน​ฉงน. ถึง​แม้​จะ​ชอบ​คำ​อธิบาย​เรื่อง​นี้​ใน​แบบ​ชีววิทยา​เท่า​นั้น​ก็​ตาม หนังสือ​ไลฟ์ แอสเซนดิง ยอม​รับ​ว่า “เมื่อ​เรา​วิเคราะห์​ดู​ว่า ขบวนการ [วิวัฒนาการ] ซึ่ง​เป็น​เหมือน​เกม​เสี่ยง​โชค ที่​มี​การ​ลง​โทษ​อย่าง​แรง​สำหรับ​ผู้​แพ้ จะ​ก่อ​ให้​เกิด​คุณลักษณะ​ต่าง ๆ เช่น ความ​รัก​ใน​ความ​สวย​งาม​และ​ใน​ความ​จริง, ความ​เห็น​อก​เห็น​ใจ, เสรีภาพ, และ​ที่​สำคัญ ความ​สามารถ​ล้น​เหลือ​ของ​จิตใจ​มนุษย์​ได้​อย่าง​ไร​นั้น เรา​รู้สึก​ฉงน. ยิ่ง​เรา​คิด​ถึง​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า เรา​มี​ความ​สามารถ​ที่​จะ​รับ​รู้​ค่า​นิยม​ทาง​ศาสนา เรา​ก็​ยิ่ง​ฉงน​ขึ้น​ไป​อีก.” นั่น​จริง​ที​เดียว. ด้วย​เหตุ​นี้ เรา​อาจ​ทำ​ให้​มุม​มอง​ของ​เรา​เรื่อง​ความ​ไม่​มี​ใด​เหมือน​ของ​มนุษย์​ครบ​ถ้วน​โดย​ข้อ​พิสูจน์​ไม่​กี่​ข้อ​เรื่อง​จิต​สำนึก​ที่​ให้​ความ​กระจ่าง​ว่า​ทำไม​หลาย​คน​จึง​เชื่อ​ว่า​ต้อง​มี​ผู้​ออก​แบบ​ที่​มี​เชาวน์​ปัญญา พระ​ผู้​สร้าง ซึ่ง​ใฝ่​พระทัย​ใน​ตัว​เรา.

ศิลปะ​และ​ความ​งาม

ศาสตราจารย์​ไมเคิล เลย์ตัน​ถาม​ใน​หนังสือ​สมมาตร, ความ​สัมพันธ์​ของ​เหตุ​และ​ผล, จิตใจ (ภาษา​อังกฤษ) ว่า “ทำไม​ผู้​คน​จึง​มุ่ง​ติด​ตาม​ศิลปะ​อย่าง​กระตือรือร้น?” เขา​อธิบาย​ใน​หนังสือ​ของ​เขา​ว่า บาง​คน​อาจ​พูด​ว่า​กิจกรรม​ด้าน​การ​คิด เช่น คณิตศาสตร์ ให้​ประโยชน์​แก่​มนุษย์​อย่าง​เห็น​ได้​ชัด แต่​ศิลปะ​ล่ะ? เลย์ตัน​ยก​ตัว​อย่าง​โดย​กล่าว​ว่า ผู้​คน​เดิน​ทาง​แสน​ไกล​ไป​ยัง​งาน​แสดง​ศิลปะ​และ​การ​แสดง​คอนเสิร์ต. ประสาท​สัมผัส​ภาย​ใน​อัน​ไหน​ล่ะ​ที่​เกี่ยว​ข้อง? คล้าย ๆ กัน ผู้​คน​ทั่ว​โลก​แขวน​รูป​ภาพ​หรือ​ภาพ​เขียน​ที่​สวย​งาม​บน​ผนัง​ใน​บ้าน​หรือ​ใน​สำนักงาน​ของ​ตน. หรือ​ลอง​คิด​ถึง​ดนตรี​ก็​ได้. ผู้​คน​ส่วน​ใหญ่​ชอบ​ฟัง​ดนตรี​บาง​ประเภท​ที่​บ้าน​และ​ใน​รถ. ทำไม​ล่ะ? แน่นอน ไม่​ใช่​เพราะ​ดนตรี​เคย​ช่วย​ตัว​ที่​แข็งแรง​ที่​สุด​ให้​รอด​ชีวิต​อยู่​ได้. เลย์ตัน​กล่าว​ว่า “ศิลปะ​อาจ​เป็น​ปรากฏการณ์​ของ​มนุษย์​ที่​อธิบาย​ได้​ยาก​ที่​สุด.”

กระนั้น เรา​ทุก​คน​ก็​ยัง​รู้​ว่า​การ​ชื่นชม​กับ​ศิลปะ​และ​ความ​งาม​เป็น​ส่วน​ของ​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​เรา​รู้สึก​ว่า​เป็น “มนุษย์.” สัตว์​อาจ​นั่ง​บน​เนิน​เขา​และ​มอง​ดู​ท้องฟ้า​ที่​มี​สี​สัน​สวย​งาม แต่​ความ​สวย​งาม​ดึงดูด​ใจ​มัน​อย่าง​นั้น​ไหม? เรา​ดู​สาย​น้ำ​ที่​ไหล​ลง​มา​จาก​ภูเขา​ส่อง​ประกาย​ระยิบระยับ​เมื่อ​ต้อง​แสง​อาทิตย์, มอง​ดู​ความ​หลาก​หลาย​ที่​น่า​ตื่น​ตา​ใน​ป่า​ดง​ดิบ, ชม​ชาย​ทะเล​ที่​มี​ต้น​มะพร้าว​เรียง​ราย, หรือ​อัศจรรย์​ใจ​กับ​ดวง​ดาว​ดารดาษ​ทั่ว​ท้องฟ้า​ที่​มืด​มิด. หลาย​ครั้ง​เรา​รู้สึก​พิศวง​มิ​ใช่​หรือ? ความ​งดงาม​เช่น​นั้น​ทำ​ให้​เรา​อิ่มเอิบ​เบิกบาน​ใจ. เพราะ​เหตุ​ใด?

ทำไม​เรา​มี​ความ​ปรารถนา​ที่​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด​ซึ่ง​จริง ๆ แล้ว​เป็น​สิ่ง​ที่​แทบ​ไม่​มี​ความ​สำคัญ​มาก​นัก​ต่อ​ความ​อยู่​รอด​ของ​เรา? ค่า​นิยม​ทาง​สุนทรียภาพ​เกิด​มา​จาก​ไหน? ถ้า​เรา​ปฏิเสธ​เรื่อง​ที่​ว่า​มี​พระ​ผู้​สร้าง​ที่​ปลูกฝัง​ค่า​นิยม​เหล่า​นี้​ไว้​ใน​ตอน​ที่​สร้าง​มนุษย์​แล้ว​ล่ะ​ก็ คำ​ถาม​เหล่า​นี้​ก็​ไม่​มี​คำ​ตอบ​ที่​น่า​พอ​ใจ. นี่​เป็น​จริง​กับ​ความ​งาม​ทาง​ศีลธรรม​ด้วย.

ค่า​นิยม​ทาง​ศีลธรรม

หลาย​คน​ยอม​รับ​ว่า​ความ​งดงาม​รูป​แบบ​ที่​สูง​ส่ง​ที่​สุด​คือ​การ​ทำ​ดี. ตัว​อย่าง​เช่น การ​ภักดี​ต่อ​หลักการ​แม้​จะ​เผชิญ​การ​กดขี่, การ​บรรเทา​ความ​ทุกข์​ยาก​ของ​คน​อื่น​อย่าง​ไม่​เห็น​แก่​ตัว, และ​การ​ให้​อภัย​คน​ที่​ทำ​ให้​เรา​เจ็บใจ​ต่าง​ก็​เป็น​การ​กระทำ​ที่​ดึงดูด​ค่า​นิยม​ทาง​ศีลธรรม​ของ​ผู้​ที่​รู้​จัก​คิด​ทุก​หน​แห่ง. นี่​เป็น​ความ​งดงาม​อย่าง​ที่​มี​กล่าว​ถึง​ใน​สุภาษิต​โบราณ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ว่า “ความ​หยั่ง​เห็น​ของ​คน​ย่อม​ทำ​ให้​เขา​ช้า​ใน​การ​โกรธ และ​ที่​เขา​มอง​ข้าม​การ​ล่วง​ละเมิด​ไป​ก็​เป็น​ความ​งด​งาม​ของ​เขา.” หรือ​อย่าง​ที่​สุภาษิต​อีก​ข้อ​หนึ่ง​กล่าว​ไว้ “สิ่ง​ที่​น่า​ปรารถนา​ใน​ปุถุชน​คือ​ความ​รัก​กรุณา.”—สุภาษิต 19:11, 22, ล.ม.

เรา​ทุก​คน​รู้​ว่า​บาง​คน​หรือ​กระทั่ง​กลุ่ม​บุคคล เมิน​เฉย​หรือ​เหยียบ​ย่ำ​ศีลธรรม​ที่​สูง​ส่ง แต่​ผู้​คน​ส่วน​มาก​ไม่​ได้​ทำ​เช่น​นั้น. ค่า​นิยม​ทาง​ศีลธรรม​ที่​พบ​ใน​แทบ​ทุก​หน​แห่ง​และ​ตลอด​ทุก​ยุค​สมัย​นั้น​มา​จาก​แหล่ง​ไหน? ถ้า​ไม่​มี​ต้น​กำเนิด​ของ​ศีลธรรม ไม่​มี​พระ​ผู้​สร้าง สิ่ง​ที่​ถูก​และ​สิ่ง​ที่​ผิด​เพียง​แต่​เกิด​มา​จาก​ผู้​คน มา​จาก​สังคม​มนุษย์​เท่า​นั้น​ไหม? ลอง​พิจารณา​ตัว​อย่าง​หนึ่ง: ปัจเจกบุคคล​และ​กลุ่ม​บุคคล​ส่วน​ใหญ่​ถือ​ว่า​ฆาตกรรม​นั้น​ผิด. แต่​คน​เรา​อาจ​ถาม​ว่า ‘ผิด​เมื่อ​เทียบ​กับ​อะไร?’ เห็น​ได้​ชัด​ว่า​มี​ความ​สำนึก​ทาง​ศีลธรรม​บาง​อย่าง​ที่​เป็น​พื้น​ฐาน​ของ​สังคม​มนุษย์​ทั่ว​ไป​และ​รวม​อยู่​ใน​กฎหมาย​ของ​หลาย​ประเทศ. อะไร​คือ​แหล่ง​ที่​มา​ของ​มาตรฐาน​ทาง​ศีลธรรม​นี้? ไม่​ใช่​พระ​ผู้​สร้าง​ที่​มี​เชาวน์​ปัญญา​ผู้​มี​ค่า​นิยม​ทาง​ศีลธรรม​และ​ผู้​ที่​ใส่​ความ​สามารถ​เกี่ยว​กับ​จิต​สำนึก, หรือ​ความ​สำนึก​ด้าน​จริยธรรม​ใน​ตัว​มนุษย์​หรอก​หรือ?—เทียบ​กับ​โรม 2:14, 15.

คุณ​สามารถ​คิด​ใคร่ครวญ​และ​วาง​แผน​สำหรับ​อนาคต

แง่​มุม​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ของ​จิต​สำนึก​ใน​มนุษย์​คือ​ความ​สามารถ​ใน​การ​คิด​เกี่ยว​กับ​อนาคต. เมื่อ​ถูก​ถาม​ว่า​มนุษย์​มี​คุณสมบัติ​ใด​ที่​แยก​พวก​เขา​ออก​จาก​สัตว์​หรือ​ไม่ ศาสตราจารย์​ริชาร์ด ดอว์กินส์ ยอม​รับ​ว่า มนุษย์​มี​คุณสมบัติ​ที่​ไม่​มี​อะไร​เทียบ​ได้​อย่าง​แท้​จริง. หลัง​จาก​กล่าว​ถึง “ความ​สามารถ​ใน​การ​วาง​แผน​ล่วง​หน้า​โดย​ใช้​จิต​สำนึก, สร้าง​จินตนาการ​ถึง​สิ่ง​ที่​ยัง​ไม่​เกิด​ขึ้น” ดอว์กินส์​เสริม​ว่า “ผล​ประโยชน์​ระยะ​สั้น​ถือ​ว่า​สำคัญ​ใน​ทฤษฎี​วิวัฒนาการ​เสมอ; ผล​ประโยชน์​ระยะ​ยาว​ถือ​ว่า​ไม่​มี​ค่า​เลย. ไม่​เคย​มี​การ​พัฒนา​บาง​สิ่ง​ขึ้น​หาก​มัน​จะ​ก่อ​ผล​เสีย​ใน​ระยะ​สั้น​ต่อ​สิ่ง​มี​ชีวิต​นั้น. มัน​เป็น​ไป​ได้​ที่​อย่าง​น้อย​บาง​คน​จะ​บอก​อย่าง​ที่​ไม่​เคย​บอก​มา​ก่อน​ว่า ‘อย่า​สนใจ​แต่​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​คุณ​สามารถ​ทำ​กำไร​ใน​ระยะ​สั้น​ได้​โดย​การ​ตัด​ไม้​ใน​ป่า​นี้ แล้ว​ผล​ประโยชน์​ระยะ​ยาว​ล่ะ?’ ตอน​นี้​ผม​คิด​ว่า ความ​สามารถ​ใน​การ​คิด​ล่วง​หน้า​นี้​เป็น​สิ่ง​ใหม่​และ​ไม่​มี​อะไร​เทียบ​ได้​โดย​แท้.”

นัก​วิจัย​คน​อื่น ๆ ก็​ยืน​ยัน​ความ​สามารถ​ของ​มนุษย์​ใน​เรื่อง​จิต​สำนึก, การ​วาง​แผน​ระยะ​ยาว​อย่าง​ที่​ไม่​มี​อะไร​เทียบเท่า. นัก​สรีรวิทยา​ด้าน​ระบบ​ประสาท วิลเลียม เอช. แคลวิน​กล่าว​ว่า “นอก​จาก​การ​ผสม​พันธุ์​และ​การ​เตรียม​การ​สำหรับ​ฤดู​หนาว​ซึ่ง​ถูก​กระตุ้น​จาก​ฮอร์โมน​แล้ว หลักฐาน​ที่​ว่า​สัตว์​มี​การ​วาง​แผน​ไม่​กี่​นาที​ล่วง​หน้า​นั้น​มี​น้อย​มาก​อย่าง​น่า​ประหลาด​ใจ.” สัตว์​อาจ​สะสม​อาหาร​ก่อน​ฤดู​หนาว​มา​ถึง แต่​มัน​ไม่​ได้​คิด​ถึง​สิ่ง​ต่าง ๆ อย่าง​ถี่ถ้วน​และ​วาง​แผน. ตรง​กัน​ข้าม มนุษย์​คิด​ถึง​อนาคต กระทั่ง​อนาคต​ไกล ๆ. นัก​วิทยาศาสตร์​บาง​คน​คิด​ใคร่ครวญ​ถึง​สิ่ง​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​เอกภพ​อีก​หลาย​ล้าน​ปี​จาก​นี้​ไป. คุณ​เคย​สงสัย​ไหม​ว่า ทำไม​มนุษย์​สามารถ​คิด​เกี่ยว​กับ​อนาคต​และ​วาง​แผน​อย่าง​ละเอียด​ล่วง​หน้า​ซึ่ง​แตกต่าง​จาก​สัตว์​อย่าง​มาก?

คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ถึง​มนุษย์​ว่า “แม้​แต่​เวลา​ที่​ไม่​มี​กำหนด [พระ​ผู้​สร้าง] ก็​ทรง​ใส่​ไว้​ใน​หัวใจ​ของ​พวก​เขา.” (ท่าน​ผู้​ประกาศ 3:11, ล.ม.) ฉบับ​รีไวส์ สแตนดาร์ด เวอร์ชัน แปล​ข้อ​นี้​ว่า “พระองค์​ได้​ทรง​บรรจุ​นิรันดร​กาล​ไว้​ใน​จิตใจ​ของ​มนุษย์.” เรา​ใช้​ความ​สามารถ​ที่​โดด​เด่น​นี้​ทุก​วัน แม้​แต่​ใน​การ​ทำ​สิ่ง​ธรรมดา ๆ อย่าง​เช่น การ​ส่อง​กระจก​และ​นึก​ภาพ​ว่า​เรา​จะ​เป็น​อย่าง​ไร​ใน​อีก 10 หรือ 20 ปี​ข้าง​หน้า. และ​เรา​ยืน​ยัน​สิ่ง​ที่​กล่าว​ไว้​ใน​พระ​ธรรม​ท่าน​ผู้​ประกาศ 3:11 เมื่อ​ความ​คิด​ใน​เรื่อง​ความ​ไม่​รู้​จบ​ของ​เวลา​และ​อวกาศ​แวบ​ผ่าน​เข้า​มา​ใน​ความ​คิด​ของ​เรา. เพียง​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​เรา​มี​ความ​สามารถ​นี้​ก็​สอดคล้อง​กับ​ข้อ​คิด​เห็น​ที่​ว่า​พระ​ผู้​สร้าง​ได้​ทรง​ใส่ “นิรันดร​กาล​ไว้​ใน​จิตใจ​ของ​มนุษย์.”

ถูก​ดึงดูด​ให้​เข้า​หา​พระ​ผู้​สร้าง

อย่าง​ไร​ก็​ตาม หลาย​คน​ไม่​อิ่ม​ใจ​เต็ม​ที่​กับ​การ​ได้​ชื่นชม​กับ​ความ​งาม, การ​ทำ​สิ่ง​ดี​ต่อ​เพื่อน​มนุษย์, และ​การ​คิด​เกี่ยว​กับ​อนาคต​เท่า​นั้น. ศาสตราจารย์ ซี. สตีเฟน เอแวนส์ กล่าว​ว่า “น่า​แปลก แม้​แต่​ใน​ชั่ว​ขณะ​ที่​เรา​ได้​รับ​ความ​รัก​ซึ่ง​ทำ​ให้​มี​ความ​สุข​และ​รู้สึก​มี​ค่า​ที่​สุด บ่อย​ครั้ง เรา​ก็​ยัง​รู้สึก​ว่า​มี​อะไร​ขาด​ไป. เรา​พบ​ว่า​ตัว​เอง​ต้องการ​มาก​กว่า​นั้น​แต่​ก็​ไม่​รู้​ว่า​เรา​ต้องการ​อะไร.” ที่​จริง มนุษย์​ที่​มี​จิต​สำนึก—ไม่​เหมือน​กับ​สัตว์​ที่​อยู่​ร่วม​โลก​กับ​เรา—รู้สึก​ต้องการ​อีก​สิ่ง​หนึ่ง.

“ศาสนา​หยั่ง​ราก​ลึก​ใน​ธรรมชาติ​ของ​มนุษย์​และ​ความ​รู้สึก​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้​มี​อยู่​ใน​ทุก​ระดับ​ฐานะ​ทาง​เศรษฐกิจ​และ​ภูมิ​หลัง​ทาง​การ​ศึกษา.” นี่​เป็น​ข้อ​สรุป​ของ​งาน​วิจัย​ที่​ศาสตราจารย์​อะลิซเตอร์ ฮาร์ดี เสนอ​ใน​หนังสือ​ธรรมชาติ​ของ​ความ​คิด​จิตใจ​มนุษย์ (ภาษา​อังกฤษ). ข้อ​สรุป​นั้น​ยืน​ยัน​สิ่ง​ที่​การ​ศึกษา​วิจัย​อื่น ๆ มาก​มาย​ยอม​รับ​นั่น​คือ มนุษย์​สำนึก​ถึง​พระเจ้า​ตั้ง​แต่​เกิด. แม้​ว่า​มี​บาง​คน​อาจ​เป็น​นัก​อเทวนิยม แต่​ก็​ไม่​ใช่​ทั้ง​ชาติ. หนังสือ​พระเจ้า​คือ​ความ​เป็น​จริง​อย่าง​เดียว​หรือ? (ภาษา​อังกฤษ) ตั้ง​ข้อ​สังเกต​ว่า “การ​แสวง​หา​ทาง​ศาสนา​เพื่อ​จะ​หา​ความหมาย . . . เป็น​ประสบการณ์​ที่​พบ​เห็น​ทั่ว​ไป​ใน​ทุก​วัฒนธรรม​และ​ใน​ทุก​ยุค​ทุก​สมัย​ตั้ง​แต่​มี​มนุษยชาติ​เกิด​ขึ้น.”

ความ​สำนึก​ใน​เรื่อง​พระเจ้า​ที่​ดู​เหมือน​มี​มา​แต่​กำเนิด​นี้​มา​จาก​ไหน? หาก​มนุษย์​เป็น​เพียง​แต่​การ​รวม​ตัว​กัน​โดย​บังเอิญ​ของ​กรด​นิวคลิอิก​และ​โมเลกุล​โปรตีน ทำไม​โมเลกุล​เหล่า​นี้​จึง​พัฒนา​ความ​รัก​ใน​ศิลปะ​และ​ความ​งาม, ความ​เชื่อ​ใน​ศาสนา, และ​การ​คิด​ใคร่ครวญ​เรื่อง​นิรันดร​กาล?

เซอร์​จอห์น เอคเคิลส์​สรุป​ว่า คำ​อธิบาย​ทาง​ทฤษฎี​วิวัฒนาการ​เรื่อง​การ​ดำรง​อยู่​ของ​มนุษย์ “ล้มเหลว​ใน​แง่​มุม​ที่​สำคัญ​ที่​สุด. วิวัฒนาการ​ไม่​สามารถ​อธิบาย​เรื่อง​การ​ดำรง​อยู่​ของ​เรา​แต่​ละ​คน​ใน​ฐานะ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ที่​มี​ความ​รู้สึก​ถึง​สภาวะ​การ​เป็น​อยู่​ของ​ตน​เอง​ที่​ไม่​มี​ใด​เหมือน.” ยิ่ง​เรา​เรียน​เกี่ยว​กับ​การ​ทำ​งาน​ของ​สมอง​และ​จิตใจ​ของ​เรา​มาก​เท่า​ใด ก็​ยิ่ง​ง่าย​ขึ้น​ที่​จะ​เข้าใจ​ว่า​ทำไม​ผู้​คน​หลาย​ล้าน​คน​ได้​สรุป​ว่า​การ​ที่​มนุษย์​มี​จิต​สำนึก​เป็น​ข้อ​พิสูจน์​ว่า​มี​พระ​ผู้​สร้าง​ผู้​ใฝ่​พระทัย​ใน​ตัว​เรา.

ใน​บท​ถัด​ไป เรา​จะ​ได้​เข้าใจ​ว่า​ทำไม​ผู้​คน​จาก​ทุก​วงการ​จึง​พบ​ว่า​ข้อ​สรุป​ที่​สม​เหตุ​ผล​นี้​วาง​พื้น​ฐาน​ไว้​สำหรับ​การ​พบ​คำ​ตอบ​ที่​จุ​ใจ​สำหรับ​คำ​ถาม​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​ที่​ว่า ทำไม​เรา​อยู่​ที่​นี่, และ​เรา​กำลัง​จะ​ไป​ที่​ไหน?

[กรอบ​หน้า 51]

แชมป์​หมากรุก​ปะทะ​คอมพิวเตอร์

เมื่อ​คอมพิวเตอร์​รุ่น​ใหม่​ที่​ชื่อ ดีป บลู เอา​ชนะ​แชมป์​หมากรุก​โลก​ได้ จึง​มี​คำ​ถาม​เกิด​ขึ้น​ว่า “เรา​จะ​ไม่​ถูก​บังคับ​ให้​ลง​ความ​เห็น​หรือ​ว่า ดีป บลู​ต้อง​มี​จิตใจ?”

ศาสตราจารย์​เดวิด เกเลิร์นเตอร์ จาก​มหาวิทยาลัย​เยล​ตอบ​ว่า “ไม่. ดีป บลู​เป็น​เพียง​เครื่องจักร. มัน​ไม่​มี​จิตใจ​มาก​ไป​กว่า​กระถาง​ต้น​ไม้​อัน​หนึ่ง. . . . นัย​สำคัญ​ใน​เรื่อง​นี้​คือ มนุษย์​เป็น​ผู้​ชนะ​เลิศ​ใน​การ​สร้าง​เครื่องจักร.”

ศาสตราจารย์​เกเลิร์นเตอร์​ชี้​ถึง​ความ​แตกต่าง​สำคัญ​นี้​ว่า “สมอง​เป็น​เครื่องจักร​ที่​สามารถ​สร้าง ‘ความ​สำนึก​รู้​ตัว.’ สมอง​สามารถ​สร้าง​โลก​แห่ง​จินตนาการ คอมพิวเตอร์​ทำ​ไม่​ได้.”

เขา​สรุป​ว่า “ช่อง​ว่าง​ระหว่าง​มนุษย์​และ [คอมพิวเตอร์] นั้น​มี​อยู่​ถาวร​และ​จะ​ไม่​มี​วัน​หมด​ไป. เครื่องจักร​จะ​ยัง​คง​ทำ​ให้​ชีวิต​สะดวก​ขึ้น, สุขภาพ​ดี​ขึ้น, น่า​สนใจ​มาก​ขึ้น​และ​น่า​ฉงน​มาก​ขึ้น. และ​มนุษย์​จะ​ยัง​คง​สนใจ โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง ใน​สิ่ง​เดียว​ที่​พวก​เขา​สนใจ​ตลอด​มา​คือ สนใจ​ตน​เอง, สนใจ​กัน​และ​กัน, และ​สำหรับ​หลาย​คน สนใจ​ใน​พระเจ้า. ใน​แง่​มุม​เหล่า​นี้ เครื่องจักร​ไม่​เคย​ทำ​ให้​เรื่อง​ราว​เปลี่ยน​ไป. และ​จะ​ไม่​มี​วัน​ทำ​ได้.”

[กรอบ​หน้า 53]

ซูเปอร์​คอมพิวเตอร์​เทียบเท่า​กับ​หอย​ทาก

“คอมพิวเตอร์​ใน​ปัจจุบัน​เทียบ​ไม่​ได้​เลย​แม้​แต่​กับ​มนุษย์​อายุ 4 ขวบ​ใน​ความ​สามารถ​ด้าน​การ​มอง​เห็น, การ​พูด, การ​เคลื่อน​ไหว, หรือ​การ​ใช้​สามัญสำนึก. แน่​ล่ะ สาเหตุ​หนึ่ง​คือ​ความ​สามารถ​ใน​การ​คำนวณ. ประมาณ​กัน​ว่า ความ​สามารถ​ใน​การ​ประมวล​ผล​ข้อมูล​แม้​แต่​ของ​ซูเปอร์​คอมพิวเตอร์​ที่​มี​ประสิทธิภาพ​ที่​สุด​นั้น เทียบ​ได้​กับ​ระบบ​ประสาท​ของ​หอย​ทาก​เท่า​นั้น—ซึ่ง​เป็น​เศษ​เสี้ยว​ของ​พลัง​ความ​สามารถ​ที่​มี​อยู่​ใน​ซูเปอร์​คอมพิวเตอร์​ที่​อยู่​ใน​กะโหลก​ศีรษะ [ของ​เรา].”—สตีเวน พิงเกอร์ ผู้​อำนวย​การ​ศูนย์วิท-​ยาศาสตร์​ด้าน​ระบบ​ประสาท​รับ​รู้​ที่​สถาบัน​เทคโนโลยี​แมสซาชูเซตส์.

[กรอบ​หน้า 54]

“สมอง​ของ​มนุษย์​ประกอบ​ด้วย [ซีรีบรัล] คอร์เทกซ์​เกือบ​ทั้ง​หมด. ตัว​อย่าง​เช่น​สมอง​ของ​ลิง​ชิมแปนซี​ก็​มี​คอร์เทกซ์​ด้วย แต่​ใน​สัดส่วน​ที่​เล็ก​กว่า​มาก. คอร์เทกซ์​ทำ​ให้​เรา​สามารถ​คิด, จำ, สร้าง​จินตนาการ. โดย​แท้​แล้ว เรา​เป็น​มนุษย์​ก็​เพราะ​คอร์เทกซ์​ของ​เรา.”—เอโดอาร์โด บอนชีเนลลี ผู้​อำนวย​การ​งาน​วิจัย​ชีววิทยา​ระดับ​โมเลกุล เมือง​มิลาน อิตาลี.

[กรอบ​หน้า 55]

จาก​ฟิสิกส์​ของ​อนุภาค​จน​ถึง​สมอง​ของ​คุณ

ศาสตราจารย์​พอล เดวีส์​แสดง​ความ​คิด​เห็น​เรื่อง​ความ​สามารถ​ของ​สมอง​ใน​การ​จัด​การ​กับ​คณิตศาสตร์​ที่​เป็น​นามธรรม. “คณิตศาสตร์​ไม่​ใช่​สิ่ง​ที่​คุณ​จะ​พบ​ได้​ทั่ว​ไป. มัน​เกิด​จาก​จิตใจ​มนุษย์. กระนั้น หาก​เรา​ถาม​ว่า จะ​ประยุกต์​ใช้​คณิตศาสตร์​ได้​ดี​ที่​สุด​ใน​ทาง​ไหน นั่น​ก็​คือ​ใน​ฟิสิกส์​ของ​อนุภาค​และ​ดาราศาสตร์​ฟิสิกส์ ซึ่ง​เป็น​วิทยาศาสตร์​พื้น​ฐาน​ที่​ไม่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ชีวิต​ประจำ​วัน​เลย​แม้​แต่​น้อย.” ข้อ​เท็จ​จริง​นี้​บ่ง​ถึง​อะไร? “สำหรับ​ผม มัน​บ่ง​ชี้​ว่า​จิต​สำนึก​และ​ความ​สามารถ​ของ​เรา​ใน​การ​คำนวณ​ไม่​ได้​มี​ขึ้น​โดย​บังเอิญ ไม่​ใช่​ส่วน​ปลีกย่อย​ที่​ไม่​มี​ความหมาย ไม่​ใช่​ผลพลอยได้​ที่​ไม่​มี​ความ​สำคัญ​จาก​วิวัฒนาการ.”—หนังสือ​ชื่อ​เรา​อยู่​เพียง​ลำพัง​ไหม? (ภาษา​อังกฤษ)

[กรอบ/รูปภาพ​หน้า 56, 57]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​หนังสือ)

มอเตอร์​คอร์เทกซ์

สมอง​กลีบ​หน้า

พรีฟรอนทัล​คอร์เทกซ์

บริเวณ​โบรคา

บริเวณ​เวอร์นิเค

● ซีรีบรัลคอร์เทกซ์​คือ​ส่วน​พื้น​ผิว​ของ​สมอง​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เชาวน์​ปัญญา​มาก​ที่​สุด. หาก​แผ่​ซีรีบรัลคอร์เทกซ์​ของ​มนุษย์​ออก ก็​จะ​มี​ขนาด​เท่า​กับ​กระดาษ​พิมพ์ดีด​สี่​แผ่น; สมอง​ส่วน​นี้​ของ​ลิง​ชิมแปนซี​จะ​มี​ขนาด​เท่า​กับ​กระดาษ​หนึ่ง​แผ่น​เท่า​นั้น; ส่วน​ของ​หนู​ก็​จะ​เท่า​กับ​แสตมป์​ดวง​หนึ่ง.—ไซเยนติฟิก อเมริกัน.

[กรอบ​หน้า 58]

ทุก​คน​ต่าง​ก็​มี

ตลอด​ประวัติศาสตร์ เมื่อ​ใด​ก็​ตาม​ที่​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​พบ​กับ​คน​อีก​กลุ่ม​หนึ่ง แต่​ละ​กลุ่ม​ต่าง​ก็​พบ​ว่า​อีก​กลุ่ม​หนึ่ง​มี​ภาษา​พูด. หนังสือ​สัญชาตญาณ​ทาง​ภาษา (ภาษา​อังกฤษ) ให้​ความ​เห็น​ว่า “ไม่​เคย​มี​การ​พบ​เผ่า​ใบ้​เลย และ​ไม่​มี​หลักฐาน​ที่​แสดง​ว่า​มี​ภูมิภาค​ใด​เป็น ‘แหล่ง​กำเนิด’ ของ​ภาษา​พูด ซึ่ง​จาก​ที่​นั่น​ภาษา​ได้​แพร่​ไป​ถึง​กลุ่ม​ที่​ไม่​มี​ภาษา​มา​ก่อน. . . . การ​ที่​มี​ภาษา​อัน​ซับซ้อน​อยู่​ทุก​หน​แห่ง​เป็น​การ​ค้น​พบ​ที่​ทำ​ให้​นัก​ภาษา​ศาสตร์​ตะลึง และ​เป็น​เหตุ​ผล​ประการ​แรก​ที่​จะ​เชื่อ​ว่า ภาษา​เป็น . . . ผล​จาก​สัญชาตญาณ​พิเศษ​ของ​มนุษย์.”

[กรอบ​หน้า 59]

ภาษา​และ​เชาวน์​ปัญญา

ทำไม​เชาวน์​ปัญญา​ของ​มนุษย์​จึง​เหนือ​กว่า​สัตว์​อย่าง​เช่น​ลิง​มาก​นัก? สาเหตุ​สำคัญ​ก็​คือ​เรา​ใช้​โครง​สร้าง​ประโยค​ซึ่ง​ก็​คือ การ​นำ​เสียง​ต่าง ๆ มา​รวม​กัน​เพื่อ​สร้าง​คำ​และ​นำ​คำ​ต่าง ๆ มา​สร้าง​เป็น​ประโยค. ดร. วิลเลียม เอช. แคลวิน นัก​สรีรวิทยา​ทาง​ประสาท​ทฤษฎี​อธิบาย​ว่า

“ลิง​ชิมแปนซี​ป่า​ใช้​ประมาณ​สาม​สิบ​กว่า​เสียง​เพื่อ​ถ่ายทอด​ประมาณ​สาม​สิบ​กว่า​ความหมาย. มัน​อาจ​จะ​ออก​เสียง​ซ้ำ ๆ เพื่อ​เน้น​ความหมาย แต่​มัน​ไม่​เคย​เอา​สาม​เสียง​มา​ประกอบ​กัน​เพื่อ​สร้าง​คำ​ใหม่​ใน​คำ​ศัพท์​ของ​มัน.

“คน​เรา​ใช้​ประมาณ​สาม​สิบ​กว่า​เสียง​เช่น​กัน ที่​เรียก​ว่า​ปัจจัย​เสียง. กระนั้น เฉพาะ​เมื่อ​ผสม​เสียง​เหล่า​นี้​เข้า​ด้วย​กัน​เท่า​นั้น​จึง​จะ​มี​ความหมาย กล่าว​คือ เรา​ผูก​เสียง​ต่าง ๆ ที่​ไม่​มี​ความหมาย​รวม​กัน​เป็น​คำ​ที่​มี​ความหมาย.” ดร. แคลวิน​สังเกต​ว่า “ยัง​ไม่​มี​ใคร​อธิบาย” เรื่อง​การ​กระโดด​ข้าม​จาก “หนึ่ง​เสียง/หนึ่ง​ความหมาย” ของ​สัตว์ ไป​เป็น​ความ​สามารถ​อัน​ไม่​มี​ใด​เหมือน​ของ​มนุษย์​เรา​ใน​การ​ใช้​โครง​สร้าง​ประโยค.

[กรอบ​หน้า 60]

คุณ​สามารถ​เขียน​ได้​มาก​กว่า​เส้น​ขยุกขยิก

“มนุษย์ หรือ​โฮโม ซาเปียน เท่า​นั้น​ไหม​ที่​มี​ความ​สามารถ​ใน​การ​สื่อสาร​โดย​ภาษา? เห็น​ได้​ชัด​ว่า​คำ​ตอบ​ขึ้น​อยู่​กับ​ว่า ‘ภาษา’ หมาย​ถึง​อะไร—เพราะ​สัตว์​ชั้น​สูง​ทั้ง​มวล​ย่อม​สื่อสาร​กัน​ด้วย​สัญลักษณ์​หลาก​หลาย​รูป​แบบ เช่น ท่า​ทาง, กลิ่น, เสียง​กู่​ร้อง, และ​เสียง​ร้อง​เป็น​เพลง, และ​กระทั่ง​การ​เต้น​ของ​ผึ้ง. กระนั้น สัตว์​อื่น ๆ นอก​จาก​มนุษย์​ไม่​ปรากฏ​ว่า​มี​ภาษา​ที่​มี​โครง​สร้าง​ทาง​ไวยากรณ์. และ​ที่​อาจ​ถือ​ว่า​สำคัญ​ยิ่ง​ก็​คือ​สัตว์​ไม่​วาด​รูป​เชิง​ศิลปะ. อย่าง​ดี​มัน​ก็​เขียน​ได้​แค่​เส้น​ขยุกขยิก.”—ศาสตราจารย์ อาร์. เอส. และ ดี. เอช. เฟาตส์.

[กรอบ​หน้า 61]

ศาสตราจารย์ เอ. โนอัม ชอมสกี กล่าว​ว่า “เมื่อ​เรา​หัน​ไป​ดู​จิตใจ​มนุษย์ เรา​ก็​พบ​โครง​สร้าง​ที่​ละเอียด​ของ​ความ​ซับซ้อน​อัน​มหัศจรรย์​เช่น​กัน. ภาษา​เป็น​ตัว​อย่าง​หนึ่ง แต่​ไม่​ใช่​สิ่ง​เดียว. ลอง​คิด​ถึง​ความ​สามารถ​ใน​การ​ใช้​แนว​คิด​ที่​เป็น​นามธรรม​เกี่ยว​กับ​ระบบ​ตัว​เลข [ซึ่ง​ดู​เหมือน​ว่า] มนุษย์​เท่า​นั้น​ที่​ทำ​ได้.”

[กรอบ​หน้า 62]

“ความ​สามารถ​ตาม​ธรรมชาติ” ที่​จะ​ถาม

นัก​ฟิสิกส์ ลอว์เรนซ์ เคราส์ เขียน​เกี่ยว​กับ​อนาคต​ของ​เอกภพ​ของ​เรา​ว่า “เรา​กล้า​ที่​จะ​ถาม​คำ​ถาม​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​เรา​อาจ​ไม่​เคย​เห็น​โดย​ตรง​เพราะ​เรา​มี​ความ​สามารถ ที่​จะ​ถาม. สัก​วัน​หนึ่ง​ลูก​ของ​เรา หรือ​ลูก​ของ​ลูก​เรา ก็​จะ​ตอบ​คำ​ถาม​เหล่า​นั้น. เรา​เกิด​มา​พร้อม​ด้วย​ความ​สามารถ​ตาม​ธรรมชาติ​ที่​จะ​สร้าง​จินตนาการ.”

[กรอบ​หน้า 69]

ถ้า​เอกภพ​และ​การ​ที่​เรา​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​เอกภพ​นี้​เป็น​ความ​บังเอิญ ชีวิต​ของ​เรา​ก็​ไม่​อาจ​มี​ความหมาย​ที่​ยืน​นาน ได้. แต่​ถ้า​ชีวิต​ของ​เรา​ใน​เอกภพ​เกิด​จาก​การ​ออก​แบบ ก็​จะ​ต้อง​มี​ความหมาย​ที่​น่า​พอ​ใจ.

[กรอบ​หน้า 72]

เกิด​จาก​การ​วิ่ง​หนี​เสือ​เขี้ยว​ดาบ​หรือ?

จอห์น พอลกิงฮอร์น แห่ง​มหาวิทยาลัย​เคมบริดจ์ ประเทศ​อังกฤษ​ตั้ง​ข้อ​สังเกต​ว่า

“นัก​ฟิสิกส์​ทฤษฎี​ชื่อ พอล ดิแรก ค้น​พบ​บาง​สิ่ง​ที่​เรียก​ว่า​ทฤษฎี​สนาม​ควอนตัม​ซึ่ง​เป็น​พื้น​ฐาน​ของ​ความ​เข้าใจ​ใน​โลก​ฟิสิกส์. ผม​ไม่​เชื่อ​ว่า​ความ​สามารถ​ของ​ดิแรก​ใน​การ​ค้น​พบ​ทฤษฎี​นั้น หรือ​ความ​สามารถ​ของ​ไอน์สไตน์​ใน​การ​ค้น​พบ​ทฤษฎี​ทั่ว​ไป​แห่ง​สัมพัทธภาพ เป็น​ผล​มา​จาก​การ​ที่​บรรพบุรุษ​ของ​เรา​ต้อง​วิ่ง​หนี​เสือ​เขี้ยว​ดาบ. มี​บาง​สิ่ง​ที่​ลึกซึ้ง​กว่า ลึกลับ​กว่า กำลัง​ดำเนิน​อยู่. . . .

“เมื่อ​เรา​มอง​ดู​ระเบียบ​อัน​มี​เหตุ​มี​ผล​และ​ความ​งาม​ที่​เห็น​ได้​ชัด​ของ​โลก​ทาง​กายภาพ ซึ่ง​เผย​ออก​มา​โดย​วิทยาศาสตร์​กายภาพ เรา​เห็น​โลก​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​สิ่ง​ที่​บ่ง​บอก​ถึง​เชาวน์​ปัญญา. สำหรับ​ผู้​ที่​เลื่อมใส​ใน​ศาสนา นั่น​คือ​เชาวน์​ปัญญา​ของ​พระ​ผู้​สร้าง​ที่​อาจ​เห็น​ได้​ใน​วิธี​นั้น.”—คอมมอนวีล.

[รูปภาพ​หน้า 63]

มนุษย์​เท่า​นั้น​ที่​ตั้ง​คำ​ถาม. บาง​คำ​ถาม​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความหมาย​ของ​ชีวิต

[รูปภาพ​หน้า 64]

ไม่​เหมือน​สัตว์ มนุษย์​มี​ความ​สำนึก​รู้​จัก​ตัว​เอง​และ​คิด​ถึง​อนาคต

[รูปภาพ​หน้า 70]

มนุษย์​เท่า​นั้น​ที่​หยั่ง​รู้​ค่า​ความ​งาม, คิด​เกี่ยว​กับ​อนาคต, และ​ถูก​ดึงดูด​ให้​เข้า​หา​พระ​ผู้​สร้าง

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์