บทเรียน 10
ความกระตือรือร้น
ความกระตือรือร้นช่วยให้คำบรรยายมีชีวิตชีวา. แม้เป็นสิ่งสำคัญที่จะมีเนื้อหาที่ให้ความรู้ แต่การบรรยายที่มีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นจะช่วยจับความสนใจของผู้ฟัง. ไม่ว่าคุณมีภูมิหลังด้านวัฒนธรรมหรือมีบุคลิกภาพเช่นไรก็ตาม คุณสามารถพัฒนาความกระตือรือร้นได้.
พูดด้วยความรู้สึก. พระเยซูตรัสกับหญิงชาวซะมาเรียว่าผู้ที่นมัสการพระยะโฮวาต้องนมัสการ “ด้วยวิญญาณและความจริง.” (โย. 4:24, ล.ม.) การนมัสการของพวกเขาต้องถูกกระตุ้นด้วยความหยั่งรู้ค่าจากหัวใจ และสอดคล้องกับความจริงที่อยู่ในพระคำของพระเจ้า. เมื่อคนเรามีความหยั่งรู้ค่าอย่างลึกซึ้งเช่นนั้น สิ่งนี้จะสะท้อนให้เห็นในวิธีที่เขาพูด. เขาจะกระตือรือร้นอยากพูดกับคนอื่น ๆ เกี่ยวกับการจัดเตรียมอันเปี่ยมด้วยความรักของพระยะโฮวา. สีหน้า, ท่าทาง, และน้ำเสียงของเขาจะสะท้อนให้เห็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา.
กระนั้น เหตุใดผู้บรรยายซึ่งรักพระยะโฮวาและเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนพูดจึงบรรยายอย่างที่ขาดความกระตือรือร้น? เขาต้องทำมากกว่าการเตรียมเรื่องที่จะพูด. เขาต้องทำให้เรื่องนั้นซึมซาบอยู่ในตัวเขาและมีความรู้สึกร่วมในเรื่องที่จะพูด. สมมุติว่าเขาได้รับมอบหมายให้บรรยายในเรื่องเกี่ยวกับเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูคริสต์. เมื่อเขาบรรยายเรื่องนี้ ความคิดของเขาต้องไม่มีแต่รายละเอียดของเรื่องเท่านั้น แต่ต้องมีความหยั่งรู้เข้าใจอย่างเต็มที่เกี่ยวกับความหมายที่เครื่องบูชาของพระเยซูมีผลต่อทั้งตัวเขาและผู้ฟัง. เขาต้องนึกถึงความรู้สึกขอบพระคุณที่เขามีต่อพระยะโฮวาพระเจ้าและพระคริสต์เยซูสำหรับการจัดเตรียมอันยอดเยี่ยมนี้. เขาต้องคิดถึงการที่ค่าไถ่เปิดโอกาสให้มนุษย์มีความหวังอันยิ่งใหญ่ของชีวิต ซึ่งก็คือความสุขถาวรพร้อมด้วยสุขภาพที่สมบูรณ์ในอุทยานบนแผ่นดินโลกที่ได้รับการฟื้นฟู! ดังนั้น เขาจำต้องบรรยายอย่างที่ออกมาจากหัวใจ.
คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงอาลักษณ์เอษราซึ่งเป็นผู้สอนในอิสราเอลว่า ท่าน “ได้สำรวมตั้งใจ [“เตรียมหัวใจ,” ล.ม.] แสวงหาในบทพระบัญญัติของพระยะโฮวาเพื่อจะได้ประพฤติตาม, และเพื่อจะได้ . . . สอนให้พวกยิศราเอลแจ่มแจ้งขึ้น.” (เอษรา 7:10) ถ้าเราทำเช่นเดียวกับเอษรา คือไม่เพียงแต่เตรียมเนื้อหาเท่านั้น แต่เตรียมหัวใจของเราด้วย เราก็จะพูดอย่างที่ออกมาจากหัวใจ. การพูดความจริงที่มาจากหัวใจเช่นนั้นจะช่วยผู้ฟังอย่างมากให้พัฒนาความรักแท้ต่อความจริง.
จงคิดถึงผู้ฟัง. ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการแสดงความกระตือรือร้นคือการมีความเชื่อมั่นว่าผู้ฟังจำต้องได้ยินได้ฟังเรื่องที่คุณจะพูด. นี่หมายความว่าเมื่อเตรียมคำบรรยาย คุณไม่ควรแค่รวบรวมเนื้อหาที่มีประโยชน์เท่านั้น แต่ควรอธิษฐานถึงพระยะโฮวาด้วยเพื่อขอการชี้นำจากพระองค์เพื่อจะใช้เรื่องนั้นให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ฟัง. (เพลง. 32:8; มัด. 7:7, 8) จงวิเคราะห์ว่าทำไมผู้ฟังต้องได้ยินได้ฟังเรื่องนั้น, เรื่องนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาในทางใด, และคุณจะบรรยายเรื่องนั้นอย่างไรเพื่อผู้ฟังจะเห็นคุณค่าของเรื่อง.
จงเตรียมคำบรรยายจนกระทั่งพบจุดที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น. อาจไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อหาใหม่ แต่คุณอาจใช้วิธีใหม่ในการอธิบายเนื้อหานั้น. ถ้าคุณเตรียมเรื่องที่จะช่วยผู้ฟังของคุณจริง ๆ ให้มีสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นขึ้นกับพระยะโฮวา, ให้หยั่งรู้ค่าการจัดเตรียมต่าง ๆ ของพระองค์, ให้รับมือกับความกดดันของชีวิตในระบบเก่านี้อย่างประสบผลสำเร็จ, หรือช่วยให้เป็นคนมีประสิทธิภาพในงานรับใช้ ครั้นแล้ว คุณก็มีเหตุผลทุกประการที่จะรู้สึกกระตือรือร้นเกี่ยวกับคำบรรยายของคุณ.
จะว่าอย่างไรหากส่วนที่คุณได้รับมอบหมายเป็นการอ่านต่อหน้าผู้ฟัง? เพื่อจะอ่านอย่างกระตือรือร้น แค่มีความสามารถจะอ่านคำและผูกโยงคำต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้อย่างถูกต้องนั้นยังไม่พอ. จงศึกษาเรื่องที่คุณจะอ่าน. ถ้าคุณจะอ่านส่วนหนึ่งจากคัมภีร์ไบเบิล จงค้นคว้าส่วนนั้นบ้าง. ทำความเข้าใจความหมายพื้นฐานของส่วนที่จะอ่าน. จงพิจารณาว่าเรื่องนั้นเป็นประโยชน์ต่อคุณและผู้ฟังอย่างไร และอ่านด้วยความปรารถนาจะถ่ายทอดสิ่งนั้นแก่ผู้ฟัง.
คุณกำลังเตรียมตัวเพื่อการประกาศไหม? จงทบทวนเรื่องที่จะสนทนาและข้อคัมภีร์ที่ตั้งใจจะใช้. จงพิจารณาด้วยว่าอะไรที่ประชาชนเป็นห่วง. มีข่าวอะไรบ้าง? ผู้คนกำลังประสบปัญหาอะไร? เมื่อคุณพร้อมจะแสดงให้ประชาชนเห็นว่าพระคำของพระเจ้าบอกวิธีแก้ปัญหามากมายที่พวกเขาเป็นห่วง คุณก็อยากจะทำเช่นนั้น และความกระตือรือร้นก็จะออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ.
แสดงความกระตือรือร้นโดยการบรรยายอย่างมีชีวิตชีวา. ความกระตือรือร้นจะเห็นได้ชัดที่สุดจากการบรรยายที่มีชีวิตชีวา. สิ่งนี้ควรปรากฏให้เห็นโดยทางสีหน้าของคุณ. คุณต้องพูดอย่างมั่นใจ แต่ไม่ควรพูดอย่างวางอำนาจ.
จำต้องมีความสมดุล. บางคนอาจมีแนวโน้มจะตื่นเต้นไปเสียทุกเรื่อง. พวกเขาอาจต้องได้รับการช่วยให้ตระหนักว่า เมื่อคนหนึ่งพูดแบบวางมาดหรือใส่ความรู้สึกมากเกินไป ผู้ฟังจะคิดถึงตัวเขาแทนที่จะคิดถึงเรื่องที่เขาบรรยาย. ในอีกด้านหนึ่ง คนขี้อายต้องได้รับการสนับสนุนให้แสดงความรู้สึกออกมามากขึ้น.
ความกระตือรือร้นชวนให้ผู้อื่นพลอยกระตือรือร้นไปด้วย. ถ้าคุณมีการติดต่อที่ดีกับผู้ฟังและกระตือรือร้นในการบรรยาย ผู้ฟังจะรู้สึกถึงความกระตือรือร้นนั้น. อะโปโลเป็นผู้บรรยายที่มีชีวิตชีวา และมีการพรรณนาว่าท่านเป็นผู้บรรยายที่มีโวหารดี. หากคุณรุ่งโรจน์ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า การที่คุณบรรยายอย่างมีชีวิตชีวาจะกระตุ้นผู้ฟังให้ลงมือปฏิบัติ.—กิจ. 18:24, 25; โรม 12:11.
ความกระตือรือร้นเหมาะกับเนื้อเรื่อง. คุณควรระมัดระวังที่จะไม่แสดงความกระตือรือร้นในระดับสูงตลอดคำบรรยายจนทำให้ผู้ฟังรู้สึกเหนื่อย. การกระตุ้นใด ๆ ที่ให้ปฏิบัติตามสิ่งที่ได้พิจารณาไปนั้นก็จะไม่เกิดผล. นี่เน้นว่าต้องเตรียมเนื้อหาแบบที่เปิดทางให้คุณบรรยายได้อย่างหลากหลาย. พยายามอย่าเผลอไปบรรยายแบบเนือย ๆ. ถ้าคุณเลือกเนื้อหาอย่างดี คุณก็จะมีความสนใจแรงกล้าในเรื่องนั้น. แต่โดยปกติแล้ว จะมีบางจุดที่ต้องพูดอย่างกระตือรือร้นมากกว่าจุดอื่น ๆ ในคำบรรยาย และควรให้จุดเหล่านั้นสอดประสานกันอย่างดีตลอดคำบรรยาย.
จุดสำคัญต่าง ๆ ควรจะพูดด้วยความกระตือรือร้นเป็นพิเศษ. คำบรรยายของคุณต้องมีจุดเด่นสุดยอด. เนื่องจากจุดเหล่านี้เป็นจุดสำคัญในคำบรรยายของคุณ จุดเหล่านี้จึงมักใช้เพื่อกระตุ้นผู้ฟัง. หลังจากที่ทำให้ผู้ฟังเชื่ออย่างมั่นใจแล้ว คุณต้องกระตุ้นพวกเขา และแสดงให้เขาเห็นประโยชน์ของการนำเรื่องที่พิจารณาไปใช้. ความกระตือรือร้นของคุณจะช่วยคุณเข้าถึงหัวใจผู้ฟัง. การบรรยายที่มีชีวิตชีวาไม่ควรเป็นแบบที่ฝืนทำ. ควรมีเหตุผลสำหรับการบรรยายที่มีชีวิตชีวา และเนื้อหาที่คุณเตรียมไว้จะให้เหตุผลนั้นแก่คุณ.