บท 24
ไม่มีอะไรจะ “ขัดขวางความรักที่พระเจ้าแสดงต่อเรา” ได้
1. ความรู้สึกในแง่ลบมีผลกับหลายคนและกับผู้รับใช้บางคนของพระเจ้ายังไง?
พระยะโฮวาพระเจ้ารักคุณเป็นส่วนตัวไหม? บางคนเชื่อว่าพระเจ้ารักมนุษย์ทุกคนเหมือนที่บอกไว้ในยอห์น 3:16 แต่เขาก็อาจรู้สึกว่า ‘พระเจ้าคงไม่รักฉันเป็นส่วนตัวหรอก’ บางครั้งผู้รับใช้ของพระยะโฮวาก็รู้สึกอย่างนั้นด้วย ผู้ชายคนหนึ่งที่ท้อใจพูดว่า “ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะเชื่อว่าพระเจ้าสนใจในตัวผม” คุณเคยรู้สึกแบบนั้นไหม?
2, 3. ใครอยากให้เราเชื่อว่าเราไม่มีค่าหรือไม่สมควรได้รับความรักจากพระยะโฮวา และเราจะมั่นใจได้ยังไงว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง?
2 ซาตานอยากให้เราเชื่อว่าพระยะโฮวาพระเจ้าไม่รักเราและมองว่าเราไม่มีค่า อย่าลืมว่าซาตานพยายามทำให้ผู้คนมีความคิดผิด ๆ (2 โครินธ์ 11:3) หลายครั้งมันทำอย่างนั้นโดยทำให้พวกเขาคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น แต่มันก็ชอบที่จะทำให้ผู้คนคิดว่าตัวเองไม่มีค่าด้วย (ยอห์น 7:47-49; 8:13, 44) ซาตานทำอย่างนี้มากขึ้นใน “สมัยสุดท้าย” ที่เป็นช่วงเวลาวิกฤติที่มีแต่ความยุ่งยากลำบาก หลายคนในทุกวันนี้โตในครอบครัวที่ “ไม่รักญาติพี่น้อง” หรือไม่มีความรักตามธรรมชาติ บางคนต้องเจอกับคนที่ดุร้าย เห็นแก่ตัว และหัวดื้อเป็นประจำ (2 ทิโมธี 3:1-5) คนที่ต้องเจอการกระทำไม่ดีแบบนั้นนานหลายปีอาจคิดว่าตัวเองไม่มีค่าและไม่มีใครรักเขาจริง ๆ
3 ถ้าคุณรู้สึกอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งหมดหวัง บางครั้งพวกเราหลายคนก็รู้สึกอย่างนั้นกับตัวเอง อย่าลืมว่าคัมภีร์ไบเบิลเขียนไว้เพื่อ “แก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบร้อย” และ “สามารถทำลายสิ่งที่ฝังรากลึกได้” (2 ทิโมธี 3:16; 2 โครินธ์ 10:4) คัมภีร์ไบเบิลยังบอกอีกว่า “เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้ารักเรา ไม่ว่าใจเราจะตำหนิตัวเองขนาดไหน พระเจ้าก็รู้จักตัวเราดีกว่าที่เรารู้จักตัวเอง และพระองค์รู้ทุกสิ่ง” (1 ยอห์น 3:19, 20) ให้เรามาดู 4 วิธีที่คัมภีร์ไบเบิลช่วยเราให้ “มั่นใจ” ได้ว่าพระยะโฮวารักเรา
พระยะโฮวามองว่าคุณมีค่า
4, 5. ตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูเรื่องนกกระจอกช่วยให้เห็นยังไงว่าเรามีค่าสำหรับพระยะโฮวา?
4 อย่างแรก คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าพระเจ้าเห็นค่าผู้รับใช้ของพระองค์ทุกคน ตัวอย่างเช่น พระเยซูบอกว่า “นกกระจอก 2 ตัวเขาขายกันแค่ไม่กี่บาท แต่ไม่มีสักตัวจะตกถึงดินโดยที่พระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณไม่รู้ แม้แต่ผมบนหัวของคุณ พระองค์ก็นับไว้แล้วทุกเส้น ดังนั้น อย่ากลัวเลย เพราะคุณมีค่ามากกว่านกกระจอกหลายตัวรวมกันด้วยซ้ำ” (มัทธิว 10:29-31) คุณคิดว่าคนที่ฟังพระเยซูพูดจะรู้สึกยังไง?
“คุณมีค่ามากกว่านกกระจอกหลายตัวรวมกันด้วยซ้ำ”
5 เราอาจสงสัยว่าจะมีคนซื้อนกกระจอกไปทำไม ในสมัยของพระเยซู นกกระจอกเป็นนกที่ขายเป็นอาหารและมีราคาถูกที่สุด สังเกตว่าเงินหนึ่งเหรียญที่มีค่าไม่มากก็ซื้อนกกระจอกได้ 2 ตัว พระเยซูบอกด้วยว่าถ้ามีคนจ่ายเงินสองเหรียญ เขาก็จะได้นกกระจอกไม่ใช่ 4 ตัว แต่ 5 ตัว นกตัวที่แถมให้ดูเหมือนว่าไม่มีค่าเลย เราอาจมองว่านกพวกนี้ไม่มีค่า แต่พระยะโฮวามองพวกมันยังไง? พระเยซูบอกว่า “ไม่มีสักตัวเดียว [แม้แต่ตัวที่แถมให้] ที่พระเจ้าจะลืม” (ลูกา 12:6, 7) ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าพระเยซูอยากจะสอนบทเรียนอะไรกับเรา ถ้าพระยะโฮวามองว่านกกระจอกตัวเดียวมีค่า เราก็มั่นใจได้ว่าเรามีค่ามากกว่านั้นอีก เหมือนที่พระเยซูบอก พระยะโฮวารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเรา พระองค์รู้ด้วยซ้ำว่าเรามีผมกี่เส้น
6. ทำไมเราแน่ใจได้ว่าพระเยซูไม่ได้พูดเกินจริงเมื่อบอกว่าพระยะโฮวารู้ว่าเรามีผมกี่เส้น?
6 บางคนอาจคิดว่าพระเยซูพูดเกินจริงเมื่อบอกว่าพระยะโฮวารู้ว่าเรามีผมกี่เส้น แต่ลองคิดถึงคำสัญญาของพระยะโฮวาที่จะปลุกคนตายให้ฟื้นขึ้นมา เพื่อจะทำอย่างนั้นได้พระองค์ต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเรา พระองค์มองว่าเรามีค่ามากและพระองค์จดจำแม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับเรา ตัวอย่างเช่น ดีเอ็นเอหรือรหัสพันธุกรรม ความทรงจำ และประสบการณ์ทั้งหมดในชีวิตของเราa เมื่อเทียบกับเรื่องนี้แล้วก็ง่ายมากที่พระยะโฮวาจะรู้ว่าเรามีผมกี่เส้น
ทำไมพระยะโฮวามองว่าเรามีค่า?
7, 8. (ก) เมื่อตรวจดูหัวใจผู้คน พระยะโฮวาเห็นคุณลักษณะอะไรบ้างที่ทำให้พระองค์มีความสุข? (ข) งานอะไรบ้างที่เราทำซึ่งพระยะโฮวามองว่ามีค่า?
7 อย่างที่สอง คัมภีร์ไบเบิลบอกให้รู้ว่าทำไมพระยะโฮวามองว่าผู้รับใช้ของพระองค์มีค่า พระองค์มีความสุขที่เห็นคุณลักษณะที่ดีและเห็นความพยายามของเราเพื่อทำให้พระองค์พอใจ กษัตริย์ดาวิดบอกโซโลมอนลูกของเขาว่า “พระยะโฮวาตรวจดูหัวใจและรู้ความคิดจิตใจของทุกคน” (1 พงศาวดาร 28:9) เมื่อพระยะโฮวาตรวจดูหัวใจของหลายพันล้านคนในโลกที่มีแต่ความรุนแรงและความเกลียดชัง พระองค์คงมีความสุขมากที่เห็นหลายคนมีหัวใจดี รักสันติ รักความจริง และอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง แล้วพระองค์ทำอะไรเมื่อเห็นว่ามีบางคนรักพระองค์ อยากมารู้จัก และอยากบอกเรื่องพระองค์ให้คนอื่นรู้? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวาสนใจคนแบบนี้เป็นพิเศษ พระองค์ถึงกับมี “หนังสือที่บันทึกชื่อคนที่พระองค์จดจำ” ซึ่งก็คือ “คนที่เกรงกลัวพระยะโฮวาและระลึกถึงชื่อของพระองค์” (มาลาคี 3:16) พระยะโฮวามองว่าคุณลักษณะเหล่านี้มีค่ามากสำหรับพระองค์
8 งานที่ดีอะไรบ้างที่พระยะโฮวามองว่ามีค่า? เราแน่ใจได้ว่าพระองค์เห็นค่าทุกอย่างที่เราทำเพื่อเลียนแบบพระเยซูคริสต์ลูกของพระองค์ (1 เปโตร 2:21) งานสำคัญอย่างหนึ่งที่พระเจ้ามองว่ามีค่าคือการประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระองค์ ที่โรม 10:15 บอกว่า “เท้าของคนที่ประกาศข่าวดีงดงามจริง ๆ” ปกติแล้วเราอาจไม่ได้คิดว่าเท้าของเรางดงาม แต่ในข้อนี้เท้าเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของผู้รับใช้พระยะโฮวาในการประกาศข่าวดี ซึ่งมีค่ามากสำหรับพระยะโฮวา—มัทธิว 24:14; 28:19, 20
9, 10. (ก) ทำไมเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาเห็นค่าที่เราอดทนแม้ต้องเจอปัญหาต่าง ๆ? (ข) พระยะโฮวาไม่เคยทำอะไรเมื่อตรวจดูหัวใจผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์?
9 พระยะโฮวามองว่าความอดทนของเรามีค่าด้วย (มัทธิว 24:13) อย่าลืมว่าซาตานอยากให้เราเลิกรับใช้พระยะโฮวา ทุกวันที่เราภักดีต่อพระยะโฮวาเราก็ทำให้เห็นว่าซาตานโกหก (สุภาษิต 27:11) บางครั้งการอดทนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาสุขภาพ ปัญหาเศรษฐกิจ ความเครียด และปัญหาอื่น ๆ อาจทำให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันลำบากมากขึ้น นอกจากนั้น เราอาจรู้สึกท้อเมื่อสิ่งที่เราหวังไว้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง (สุภาษิต 13:12) พระยะโฮวามองว่าการอดทนกับปัญหาเหล่านั้นมีค่ามากสำหรับพระองค์ กษัตริย์ดาวิดเข้าใจเรื่องนี้ เขาขอพระยะโฮวาให้เก็บน้ำตาของเขาไว้ใน “ถุงหนัง” ของพระองค์ และพูดด้วยความมั่นใจว่า “พระองค์นับหยดน้ำตาของผมแล้วเขียนไว้ในสมุดของพระองค์” (สดุดี 56:8) ดังนั้น เมื่อเรารักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวา พระองค์ก็เห็นค่าที่เราอดทนและไม่ลืมน้ำตาทุกหยดของเรา สิ่งเหล่านี้มีค่ามากจริง ๆ สำหรับพระยะโฮวา
พระยะโฮวาเห็นค่าที่เราอดทนกับความยากลำบาก
10 ถึงแม้จะมีหลักฐานมากมายว่าพระยะโฮวาเห็นค่าเรา แต่คุณก็อาจยังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าและอาจคิดว่า ‘ยังมีอีกหลายคนที่ดีกว่าฉัน ถ้าพระยะโฮวาเปรียบเทียบฉันกับคนอื่น พระองค์คงต้องผิดหวังแน่ ๆ’ แต่พระยะโฮวาไม่ทำอย่างนั้นและไม่เคยคาดหมายให้เราทำสิ่งที่เราทำไม่ได้ (กาลาเทีย 6:4) เมื่อพระองค์ตรวจดูหัวใจเรา พระองค์ก็เห็นค่าสิ่งดีทุกอย่างในตัวเราแม้จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำได้ก็ตาม
พระยะโฮวามองหาสิ่งดีในตัวเรา
11. เราเรียนอะไรได้จากวิธีที่พระยะโฮวาทำกับอาบียาห์?
11 อย่างที่สาม พระยะโฮวามองหาคุณลักษณะที่ดีในตัวเรา ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาบอกว่าจะกำจัดผู้ชายทุกคนในตระกูลของกษัตริย์เยโรโบอัมที่ชั่วร้าย แต่พระองค์สั่งให้ฝังศพอาบียาห์ลูกคนหนึ่งของเขา ทำไมพระองค์ถึงบอกแบบนั้น? “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลเห็นว่ามีความดีอยู่บ้าง” ในตัวเขา (1 พงศ์กษัตริย์ 14:1, 10-13) ที่จริง พระยะโฮวาตรวจดูหัวใจของอาบียาห์อย่างละเอียดแล้วเห็นว่าเขามี “ความดีอยู่บ้าง” ถึงแม้ความดีที่เขามีจะน้อยแค่ไหน แต่พระยะโฮวาก็ยังให้เขียนเรื่องนี้ไว้ในคัมภีร์ไบเบิล พระองค์ถึงกับแสดงความเมตตากับเขาโดยให้มีการฝังศพอย่างมีเกียรติ
12, 13. (ก) ถึงแม้เราจะทำผิดพลาด แต่เรื่องของกษัตริย์เยโฮชาฟัทแสดงให้เห็นยังไงว่าพระยะโฮวามองหาสิ่งดีในตัวเรา? (ข) พระยะโฮวามองคุณลักษณะที่ดีและสิ่งที่เราทำเพื่อพระองค์ยังไง และพระองค์ไม่มีวันที่จะทำอะไร?
12 อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือกษัตริย์เยโฮชาฟัท ตอนที่เขาทำผิดพลาด ผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาบอกเขาว่า “เพราะอย่างนี้พระยะโฮวาจึงโกรธท่านมาก” นี่เป็นคำเตือนที่น่าตกใจมาก แต่ผู้พยากรณ์ก็บอกเขาด้วยว่า “พระเจ้าเห็นว่าท่านยังมีความดีอยู่” (2 พงศาวดาร 19:1-3) ถึงแม้พระยะโฮวาจะโกรธเยโฮชาฟัท แต่พระองค์ก็ยังเห็นคุณลักษณะที่ดีในตัวเขา นี่ต่างกันมากกับมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ เมื่อเราโกรธใครสักคนเราก็มักจะมองแต่สิ่งไม่ดีในตัวเขา และเมื่อทำบาปเราอาจรู้สึกท้อ อับอาย และรู้สึกผิดจนมองไม่เห็นข้อดีของตัวเอง แต่อย่าลืมว่าถ้าเรากลับใจและพยายามเต็มที่ที่จะไม่ทำผิดซ้ำอีก พระยะโฮวาก็จะให้อภัยเรา
13 เหมือนกับคนที่ขุดหาพลอยจะร่อนเศษกรวดทิ้งไปและเก็บเฉพาะพลอยที่มีค่าไว้ พระยะโฮวาก็เลือกมองข้ามจุดอ่อนและมองหาสิ่งดีในตัวเรา พระยะโฮวามองว่าคุณลักษณะที่ดีและสิ่งดีที่เราทำเป็นเหมือน “พลอย” และเหมือนกับที่พ่อแม่บางคนเก็บภาพวาดหรือของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ลูกให้ไว้นานหลายปี พระยะโฮวาก็เป็นพ่อที่รักลูก ๆ ของพระองค์มาก ถ้าเราซื่อสัตย์กับพระองค์เสมอ พระองค์ก็จะไม่มีวันลืมสิ่งที่เราทำเพื่อพระองค์และคุณลักษณะที่ดีของเรา ที่จริง พระยะโฮวามองว่าการลืมสิ่งเหล่านั้นเป็นการทำชั่ว (ฮีบรู 6:10) นอกจากนั้น ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่พระยะโฮวามองหาข้อดีในตัวเราด้วย
14, 15. (ก) ทำไมพระยะโฮวามองว่าเรามีค่าทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ? ขอยกตัวอย่าง (ข) พระยะโฮวาจะทำอะไรกับคุณลักษณะดี ๆ ที่พระองค์เห็นในตัวเรา และพระองค์รู้สึกยังไงกับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์?
14 เมื่อพระยะโฮวามองเรา พระองค์ไม่ได้สนใจข้อผิดพลาดของเรา แต่พระองค์มองว่าเราเป็นคนที่ดีขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีภาพวาดชิ้นหนึ่งเสียหาย คนที่รักงานศิลปะจะพยายามเต็มที่เพื่อซ่อมภาพวาดนั้น เช่น ในหอศิลป์แห่งชาติที่ลอนดอน มีคนยิงภาพวาดของเลโอนาร์โด ดา วินชี ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ตอนที่เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่มีใครบอกให้ทิ้งภาพนี้ แต่พวกเขาเริ่มงานซ่อมภาพวาดนี้ทันที เพราะอะไร? เพราะภาพนั้นเป็นสิ่งมีค่ามากสำหรับคนที่รักงานศิลปะ ถึงแม้เราเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบและบางครั้งอาจรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า แต่สำหรับพระเจ้า เรามีค่ามากกว่าภาพวาดอีก (สดุดี 72:12-14) พระยะโฮวาพระเจ้าผู้สร้างตัวเราจะทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขผลเสียหายที่เกิดจากบาปและช่วยทุกคนที่รักและเชื่อฟังพระองค์ให้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบได้—กิจการ 3:21; โรม 8:20-22
15 พระยะโฮวาเห็นสิ่งดีในตัวเราที่เราอาจมองไม่เห็น และถ้าเรารับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไป พระองค์ก็จะช่วยเราให้เป็นคนที่ดีขึ้นและในที่สุดเราก็จะเป็นคนสมบูรณ์แบบ ถึงแม้โลกของซาตานจะทำเหมือนว่าเราไม่มีค่า แต่พระยะโฮวามองว่าผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์มีค่ามาก—ฮักกัย 2:7
พระยะโฮวาทำหลายอย่างที่แสดงว่าพระองค์รักเรา
16. อะไรเป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงว่าพระยะโฮวารักเรา และเรารู้ได้ยังไงว่าพระเยซูสละชีวิตเพื่อเราเป็นส่วนตัว?
16 อย่างที่สี่ พระยะโฮวาทำหลายอย่างที่แสดงว่าพระองค์รักเรา ค่าไถ่ของพระเยซูเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดสำหรับคำโกหกของซาตานที่ว่าเราไม่มีค่าและไม่สมควรได้รับความรักจากพระเจ้า อย่าลืมว่าพระเยซูต้องเจ็บปวดมากขนาดไหนตอนที่ท่านถูกตรึงบนเสาทรมาน และพระยะโฮวารู้สึกเจ็บปวดมากกว่านั้นอีกตอนที่เห็นลูกที่รักของพระองค์ตาย ทั้งหมดนี้แสดงว่าพระยะโฮวากับพระเยซูรักเรามากจริง ๆ แต่หลายคนกลับรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อว่าพระเยซูสละชีวิตเพื่อเขาเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควร ขอให้คิดถึงอัครสาวกเปาโล ถึงแม้เขาเคยข่มเหงสาวกของพระคริสต์ แต่ภายหลังเขาเขียนว่า “ลูกของพระเจ้า . . . รักผมและสละชีวิตเพื่อผม”—กาลาเทีย 1:13; 2:20
17. พระยะโฮวาทำยังไงเพื่อชักนำเราให้มาหาพระองค์และลูกของพระองค์?
17 พระยะโฮวาแสดงให้เห็นว่าพระองค์รักเราโดยช่วยเราแต่ละคนให้รับประโยชน์จากค่าไถ่ พระเยซูบอกว่า “ไม่มีใครจะมาหาผมได้ นอกจากพระเจ้าผู้เป็นพ่อที่ใช้ผมมาจะชักนำเขา” (ยอห์น 6:44) พระยะโฮวาชักนำเราเป็นส่วนตัวให้มาหาลูกของพระองค์และให้มีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป พระองค์ทำอย่างนั้นโดยให้มีคนมาประกาศกับเรา พระองค์ใช้พลังบริสุทธิ์เพื่อช่วยเราให้เข้าใจคัมภีร์ไบเบิลและเอาสิ่งที่ได้เรียนไปใช้ได้ทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น พระยะโฮวาพูดกับเราเหมือนที่พระองค์พูดกับชาวอิสราเอลว่า “เรารักเจ้าและจะรักตลอดไป เพราะเรามีความรักที่มั่นคง เราจึงทำให้เจ้าเข้ามาใกล้เรา”—เยเรมีย์ 31:3
18, 19. (ก) พระยะโฮวาแสดงว่ารักเราโดยให้เราทำอะไรเพื่อจะสนิทกับพระองค์เป็นส่วนตัว และอะไรแสดงว่าพระองค์สนใจเรื่องนี้มาก? (ข) คัมภีร์ไบเบิลทำให้เรามั่นใจยังไงว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ฟังที่เห็นอกเห็นใจ?
18 พระยะโฮวารักเรามากและอยากให้เราอธิษฐานถึงพระองค์ การอธิษฐานจะทำให้เราสนิทกับพระองค์เป็นส่วนตัว คัมภีร์ไบเบิลบอกให้เรา “อธิษฐานเป็นประจำ” (1 เธสะโลนิกา 5:17) พระองค์จะฟังแน่นอน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระองค์เป็น “ผู้ฟังคำอธิษฐาน” (สดุดี 65:2) แม้แต่พระเยซูก็ไม่ได้ทำหน้าที่นี้เพราะพระยะโฮวาจะฟังคำอธิษฐานของเราด้วยตัวเอง ลองคิดดูสิ ผู้สร้างเอกภพเชิญเราให้อธิษฐานและระบายความในใจกับพระองค์ได้ แล้วพระยะโฮวาเป็นผู้ฟังที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก และไม่สนใจเราไหม? ไม่ใช่อย่างนั้นแน่ ๆ
19 พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เห็นอกเห็นใจ แต่ความเห็นอกเห็นใจคืออะไร? พี่น้องสูงอายุที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งบอกว่า “ความเห็นอกเห็นใจคือความเจ็บปวดของคุณในหัวใจของผม” พระยะโฮวารู้สึกอย่างนั้นกับความเจ็บปวดของเราด้วยไหม? ขอให้สังเกตว่าพระยะโฮวารู้สึกยังไงตอนที่ชาวอิสราเอลประชาชนของพระองค์ลำบาก คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ในช่วงที่พวกเขาทนทุกข์ พระเจ้าก็ทนทุกข์ด้วย” (อิสยาห์ 63:9) พระยะโฮวาไม่เพียงแค่เห็นความลำบากของพวกเขาเท่านั้น แต่พระองค์ยังรู้สึกเจ็บปวดกับพวกเขาด้วย พระยะโฮวาแสดงว่าเห็นอกเห็นใจพวกเขามากโดยบอกว่า “ใครที่แตะต้องเจ้าก็เท่ากับแตะต้องดวงตาของเรา”b (เศคาริยาห์ 2:8) ถ้ามีใครเอามือมาจิ้มตาเรา เราคงจะเจ็บมากจริง ๆ พระยะโฮวาเห็นอกเห็นใจเรา ดังนั้น เมื่อเราเจ็บปวด พระองค์ก็เจ็บปวดด้วย
20. เพื่อจะทำตามคำแนะนำที่อยู่ในโรม 12:3 เราต้องหลีกเลี่ยงความคิดแบบไหน?
20 คริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่จะไม่รู้สึกภูมิใจในตัวเองมากเกินไปหรือมองว่าเขาดีกว่าคนอื่นเพราะพระยะโฮวารักและมองว่าเขามีค่า อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “ผมได้รับความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ ผมจึงขอบอกพวกคุณทุกคนว่า อย่าคิดถึงตัวเองมากเกินไป แต่ให้คิดอย่างสมเหตุสมผลตามขนาดของความเชื่อที่พระเจ้าให้แต่ละคน” (โรม 12:3) ดังนั้น ให้เรามีความสุขกับความรักที่อบอุ่นของพ่อในสวรรค์ และจำไว้เสมอว่าเราไม่ควรคิดว่าเราต้องได้รับความรักจากพระเจ้าเป็นการตอบแทน—ลูกา 17:10
21. เราต้องไม่หลงเชื่อคำโกหกอะไรของซาตาน แต่เราควรเชื่อคำรับรองอะไรจากพระยะโฮวา?
21 ขอให้เราทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อจะไม่หลงเชื่อคำโกหกของซาตาน รวมทั้งคำโกหกที่ว่าเราไม่มีค่าหรือไม่สมควรได้รับความรัก ถ้ามีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้นที่ทำให้รู้สึกว่าคุณไม่ดีพอที่พระเจ้าจะรัก หรือคิดว่าสิ่งดี ๆ ที่คุณทำไม่มีค่าสำหรับพระองค์ หรือคุณอาจทำบาปร้ายแรงและรู้สึกว่าค่าไถ่ของพระเยซูไม่สามารถไถ่ความผิดนั้นได้ ถ้าคุณคิดอย่างนั้น คุณก็กำลังถูกซาตานหลอก อย่าไปเชื่อคำโกหกเหล่านั้น ขอให้มั่นใจว่าคำพูดที่พระยะโฮวาดลใจให้เปาโลเขียนจะใช้กับเราได้ด้วย เขาเขียนว่า “ผมมั่นใจว่า ไม่ว่าความตาย หรือชีวิต หรือทูตสวรรค์ หรือรัฐบาล หรือสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ หรือสิ่งที่จะมีในอนาคต หรืออำนาจ หรือความสูง หรือความลึก หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ถูกสร้างมา จะไม่มีทางขัดขวางความรักที่พระเจ้าแสดงต่อเราผ่านทางพระคริสต์เยซูผู้เป็นนายของเราได้”—โรม 8:38, 39
a หลายครั้งคัมภีร์ไบเบิลเชื่อมโยงความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายกับความจำของพระยะโฮวา โยบผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์พูดกับพระยะโฮวาว่า “ถ้าพระองค์ . . . กำหนดเวลาให้ผม แล้วคิดถึงผมอีก” (โยบ 14:13) พระเยซูก็พูดถึงการฟื้นขึ้นจากตายของ “ทุกคนซึ่งอยู่ในอุโมงค์ฝังศพ” หรือ “อุโมงค์รำลึก” นี่แสดงว่าพระยะโฮวาจดจำทุกคนที่พระองค์อยากจะปลุกให้ฟื้นจากตาย—ยอห์น 5:28, 29
b คัมภีร์ไบเบิลบางฉบับบอกว่าข้อนี้หมายถึงคนที่แตะต้องประชาชนของพระเจ้าก็แตะต้องตาของตัวเองหรือตาของชาวอิสราเอล ไม่ใช่ของพระเจ้า ความคิดที่ผิด ๆ นี้มาจากบางคนที่คัดลอกคัมภีร์ไบเบิล พวกเขารู้สึกว่าข้อความนี้ไม่แสดงความนับถือพระเจ้า ดังนั้นพวกเขาเลยเปลี่ยนข้อความนี้ การทำแบบนี้ทำให้ภาพที่น่าประทับใจที่พระยะโฮวาแสดงความเห็นอกเห็นใจกับประชาชนของพระองค์หายไป