บทห้า
คุณจะเลือกเพื่อนแบบไหน?
1, 2. (ก) คริสเตียนต้องเผชิญปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องเพื่อน? (ข) ทำไมเราจึงควรสนใจว่ายิระมะยาห์เลือกเพื่อนแบบไหน?
คุณจะทำอย่างไรหากเพื่อนร่วมงาน, เพื่อนบ้าน, หรือเพื่อนนักเรียนเชิญคุณเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองคริสต์มาส? สมมุติว่านายจ้างสั่งให้คุณพูดโกหกหรือทำอะไรบางอย่างที่ผิดกฎหมายล่ะ? หรือจะว่าอย่างไรหากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเรียกร้องให้คุณทำอะไรที่ละเมิดความเป็นกลาง? สติรู้สึกผิดชอบคงจะบอกคุณไม่ให้ทำสิ่งใด ๆ ดังที่กล่าวมานี้ ถึงแม้การปฏิเสธอาจทำให้คุณถูกเยาะเย้ยหรือได้รับการปฏิบัติเลวร้ายยิ่งกว่านั้นอีก.
2 ดังที่เราจะได้เห็น บ่อยครั้งยิระมะยาห์ประสบปัญหาคล้ายกัน. คุณจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอนจากการพิจารณาบางคนและกลุ่มชนที่ยิระมะยาห์ได้ติดต่อเกี่ยวข้องด้วยระหว่างที่ท่านทำงานรับใช้หลายปี. บางคนในพวกเขาได้พยายามขัดขวางไม่ให้ท่านทำงานมอบหมายสำเร็จ. ยิระมะยาห์ต้องติดต่อกับพวกเขาค่อนข้างใกล้ชิด แต่คนเหล่านี้ก็ไม่ใช่เพื่อนที่ท่านเลือกคบแน่ ๆ. อย่างไรก็ดี คุณจะได้รับประโยชน์จากการสังเกตเพื่อน ๆ ที่ยิระมะยาห์เลือกก็คือคนเหล่านั้นที่ได้ช่วยเหลือท่านและสนับสนุนความตั้งใจของท่านที่จะเป็นคนซื่อสัตย์. ใช่แล้ว เราจะเรียนได้จากการตัดสินใจของยิระมะยาห์เกี่ยวกับการเลือกเพื่อน.
คุณพัฒนามิตรภาพแบบใด?
3. ซิดคียาประสงค์อะไรจากยิระมะยาห์ และยิระมะยาห์ได้ทำอย่างไร?
3 กษัตริย์ซิดคียาได้ปรึกษากับยิระมะยาห์หลายครั้งก่อนกรุงเยรูซาเลมถูกทำลาย. เพราะเหตุใด? กษัตริย์หวังจะได้รับคำตอบที่ทำให้คลายกังวลสำหรับคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับอนาคตของอาณาจักรที่ท่านปกครอง. ท่านประสงค์ให้ยิระมะยาห์ประกาศว่าพระเจ้าจะมาช่วยยูดาห์ให้รอดจากเหล่าศัตรู. ซิดคียาได้อ้อนวอนยิระมะยาห์ผ่านทางตัวแทนว่า “ขอท่านได้สืบถามแต่พระยะโฮวา, เพื่อประสงค์พวกเรา, เพราะนะบูคัศเนซัรกษัตริย์เมืองบาบูโลนกำลังทำศึกต่อสู้เราอยู่, ชะรอยพระยะโฮวาจะโปรดพวกเราตามบรรดาการงานอัศจรรย์ของพระองค์, เพื่อจะให้นะบูคัศเนซัรขึ้นไป [“ถอยทัพ,” ฉบับ R73 ] จากพวกเรา.” (ยิระ. 21:2) กษัตริย์ไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้าที่ให้สวามิภักดิ์ต่อบาบิโลน. ผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งได้เปรียบซิดคียาเหมือน “คนไข้ที่กลับไปหาหมอหลายครั้งหลายหนเพื่อให้คลายกังวล แต่ก็ไม่เต็มใจจะกินยาตามที่หมอสั่ง.” จะว่าอย่างไรกับยิระมะยาห์? ท่านอาจได้รับความโปรดปรานจากซิดคียาโดยบอกสิ่งที่กษัตริย์อยากฟัง. ถ้าเช่นนั้น ทำไมยิระมะยาห์จึงไม่เพียงแค่เปลี่ยนข่าวสารของท่านและทำให้ชีวิตท่านไม่ต้องลำบาก? ท่านไม่ยอมทำเช่นนั้นเพราะพระยะโฮวาได้บัญชาให้ท่านประกาศว่าเยรูซาเลมจะถูกพิชิต.—อ่านยิระมะยา 32:1-5
4. เราเผชิญการตัดสินใจเช่นไรเกี่ยวกับการพัฒนามิตรภาพกับคนอื่น เช่น ในที่ทำงาน?
4 สภาพการณ์ของคุณคล้ายกับของยิระมะยาห์ในบางประการ. คุณคงได้ติดต่อกับเพื่อนบ้าน, เพื่อนร่วมงาน, หรือเพื่อนนักเรียนซึ่งในแง่หนึ่งเป็นคนที่คุณคบหาหรือเป็นเพื่อนด้วย. แต่คุณจะสานสายสัมพันธ์ต่อไป โดยพัฒนามิตรภาพกับเขาไหมทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ได้สนใจฟังหรือปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้า? ยิระมะยาห์ไม่สามารถหลบเลี่ยงซิดคียาได้ตลอด เพราะซิดคียายังคงเป็นกษัตริย์อยู่ ถึงแม้ไม่ยอมปฏิบัติตามคำแนะนำของพระเจ้า. แต่ยิระมะยาห์ไม่มีพันธะต้องทำตามความคิดแบบผิด ๆ ของกษัตริย์หรือพยายามทำตัวให้เป็นที่โปรดปรานของท่าน. จริงอยู่ หากยิระมะยาห์ทำตามความประสงค์ของกษัตริย์ ท่านคงได้รับของกำนัลและผลประโยชน์อื่น ๆ มากมาย. ถึงอย่างไรก็ตาม ยิระมะยาห์ได้ปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อความกดดันหรือการล่อใจใด ๆ เพื่อจะเป็นคนสนิทของซิดคียา. เพราะเหตุใด? เพราะยิระมะยาห์ไม่ต้องการเปลี่ยนจุดยืนที่พระยะโฮวาทรงบัญชาให้ท่านยึดถือ. ตัวอย่างของยิระมะยาห์ควรกระตุ้นเราให้พิจารณาว่าคนเหล่านั้นที่เราเลือกเป็นเพื่อนกำลังสนับสนุนเราให้ภักดีต่อพระเจ้าหรือไม่. คุณไม่อาจหลีกเลี่ยงการติดต่อเกี่ยวข้องทุกอย่างกับคนที่ไม่ได้รับใช้พระเจ้า เช่นคนในที่ทำงาน, ที่โรงเรียน, หรือในละแวกบ้าน. (1 โค. 5:9, 10) อย่างไรก็ดี คุณตระหนักว่า หากคุณเลือกคนเช่นนั้นเป็นเพื่อน นั่นอาจก่อผลเสียหายต่อมิตรภาพของคุณกับพระเจ้า.
คุณควรคบหากับคนช่างสงสัยไหม?
5, 6. บางคนได้พยายามอย่างไรเพื่อให้ยิระมะยาห์เลิกพยากรณ์?
5 ซิดคียาใช่ว่าเป็นคนเดียวที่พยายามบังคับยิระมะยาห์ให้ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง. ปุโรหิตที่ชื่อปัศฮูรได้ “เฆี่ยน” ยิระมะยาห์ บางทีอาจเฆี่ยนถึง 39 ที. (ยิระ. 20:2; บัญ. 25:3) เจ้านายของยูดาห์บางคนได้ทำอย่างเดียวกันแล้วเอายิระมะยาห์จำไว้ใน “คุก.” ผู้พยากรณ์ถูกจำอยู่ในคุกใต้ดินภายใต้สภาพที่ย่ำแย่จนถึงกับท่านกลัวว่าจะตายหลังจากติดอยู่ที่นั่นหลายวัน. (อ่านยิระมะยา 37:3, 15, 16 ) ครั้นแล้ว หลังจากยิระมะยาห์ถูกปล่อยตัวชั่วระยะหนึ่ง เจ้านายคนอื่น ๆ ได้เร่งเร้าซิดคียาให้ประหารท่าน. ตามความคิดเห็นของพวกเขา ยิระมะยาห์ได้ทำให้กองทหารของยูดาห์เสียขวัญ ซึ่งเป็นเหตุที่ท่านถูกโยนลงไปในบ่อเก็บน้ำที่มีแต่โคลนเพื่อให้ตาย. (ยิระ. 38:1-4) คุณได้อ่านแล้วว่ายิระมะยาห์ได้รับการช่วยให้รอดจากความตายที่น่าอนาถ. กระนั้น เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านั้นที่น่าจะเชื่อถือสิ่งที่ผู้พยากรณ์ของพระเจ้ากล่าว กลับสงสัยอีกทั้งต่อต้านท่าน.
6 ศัตรูของยิระมะยาห์ไม่ได้มีเฉพาะแต่ผู้มีอำนาจฝ่ายบ้านเมือง. ในอีกคราวหนึ่ง ผู้ชายบางคนจากอะนาโธธบ้านเกิดของยิระมะยาห์ อาจพูดได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของท่าน ได้ขู่ว่าจะฆ่าท่านหากไม่เลิกพยากรณ์. (ยิระ. 11:21) พวกเขาไม่ชอบสิ่งที่ได้ฟังจากท่านและขู่เข็ญท่าน. แต่ยิระมะยาห์เลือกพระยะโฮวาเป็นมิตร แทนที่จะเลือกเพื่อนบ้าน. คนอื่น ๆ ไม่เพียงแค่ขู่แต่ได้ทำมากกว่านั้นอีก. เมื่อยิระมะยาห์ใช้แอกเป็นตัวอย่างประกอบเพื่อกระตุ้นชาวยิวให้เอาคอมาอยู่ใต้แอกของกษัตริย์บาบิโลนเพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ฮะนันยาได้เอาแอกไม้ออกไปจากคอยิระมะยาห์แล้วหักเสีย. ผู้พยากรณ์เท็จคนนี้อ้างว่า พระยะโฮวาได้ตรัสว่า “เราได้หักแอกของกษัตริย์เมืองบาบูโลนแล้ว.” ฮะนันยาตายในปีนั้นแหละ และคุณก็รู้ว่าผู้พยากรณ์คนไหนเชื่อถือได้. (ยิระ. 28:1-11, 17) หลังจากเยรูซาเลมถูกทำลายดังที่ยิระมะยาห์ได้บอกไว้ล่วงหน้า โยฮานานกับแม่ทัพคนอื่น ๆ ไม่ยอมฟังพระบัญชาของพระเจ้าที่ให้อาศัยอยู่ในแผ่นดินยูดาห์. พวกเขาบอกยิระมะยาห์ว่า “ท่านพูดไม่จริง, พระยะโฮวาพระเจ้าของเราไม่ได้ใช้ท่านเพื่อจะให้บอกว่า, อย่าเข้าไปในเมืองอายฆุบโตอาศัยอยู่ที่นั่น.” พวกเขาได้ขัดขืนพระยะโฮวาอีกโดยเอาตัวยิระมะยาห์และบารุคไปอียิปต์ด้วย.—ยิระ. 42:1–43:7
ยิระมะยาห์ต้องติดต่อเกี่ยวข้องกับคนแบบไหน? คุณเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของยิระมะยาห์?
7. คุณเผชิญปัญหาอะไรซึ่งเกี่ยวข้องกับความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา?
7 ยิระมะยาห์ถูกห้อมล้อมด้วยคนช่างสงสัยและเหล่าศัตรูเป็นเวลาหลายปี. ขอไตร่ตรองดูแนวทางปฏิบัติของท่าน. เป็นเรื่องง่ายที่ท่านจะยอมตัวเป็นมิตรกับผู้คนที่แทบจะไม่นับถือพระเจ้าหรือพระคำของพระองค์. พวกเขาอยู่รอบตัวท่าน. สภาพการณ์ของคุณล่ะเป็นเช่นไร? คุณคงเคยติดต่อเกี่ยวข้องอยู่บ้างกับผู้ซึ่งคล้ายกับคนเหล่านั้นที่อยู่รอบตัวยิระมะยาห์. ไม่ว่าพวกเขาจะต่อต้านคุณและพระเจ้าอย่างก้าวร้าวหรือเป็นคนที่ดูเหมือนว่าน่าคบก็ตาม คุณจะเลือกเขาเป็นเพื่อนไหม? สุขุมไหมที่จะคบหากับผู้คนที่ไม่ได้ถือว่าคำพยากรณ์ของพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญ? หากยิระมะยาห์เป็นคุณ ท่านจะเลือกเพื่อนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตตามพระคำของพระเจ้าหรือเป็นคนที่วางใจในมนุษย์ไหม? (2 โคร. 19:2) พระเจ้าไม่ได้ปล่อยให้ยิระมะยาห์สงสัยเกี่ยวกับผลที่เกิดจากการวางใจมนุษย์แทนที่จะวางใจพระเจ้า. (อ่านยิระมะยา 17:5, 6 ) คุณคิดอย่างไรในเรื่องนี้?
8. จงยกตัวอย่างปัญหาที่คริสเตียนในท้องถิ่นของคุณอาจเผชิญ.
8 คริสเตียนบางคนเคยคิดว่าเขาจะส่งเสริมธุรกิจหรืองานอาชีพของตนโดยเลี้ยงรับรองลูกค้าที่เป็นชาวโลก. แต่การทำเช่นนั้นจะทำให้คริสเตียนตกเข้าสู่การคบหาที่เสื่อมทรามและอันตรายต่าง ๆ เช่น การพูดหยาบโลนหรือการดื่มจัดไหม? คุณเข้าใจดีถึงเหตุผลที่คริสเตียนหลายคนซึ่งต้องตัดสินใจในเรื่องนี้ได้เลือกที่จะเลี่ยงการคบหาสมาคมที่ไม่ดีถึงแม้นั่นหมายถึงการสละผลกำไรหรือความก้าวหน้าที่อาจได้รับตามแบบโลก. คล้ายกัน นายจ้างหรือเพื่อนร่วมงานอาจไม่ลังเลที่จะปฏิบัติกับลูกค้าอย่างไม่ซื่อสัตย์. ถึงกระนั้น คริสเตียนแท้ไม่ยอมโอนอ่อนตามคนรอบข้าง. บางครั้ง การตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอาจไม่ง่าย. เราขอบคุณที่มีตัวอย่างของยิระมะยาห์ ผู้ซึ่งยึดมั่นกับแนวทางที่ทำให้ท่านมีสติรู้สึกผิดชอบที่ดี และสำคัญยิ่งกว่านั้น มีสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้า.
9. ความต้องการจะเป็นที่นิยมชมชอบอาจเกิดผลเสียอะไร?
9 เพื่อนชาวยูดาห์บางคนได้เยาะเย้ยยิระมะยาห์เนื่องจากจุดยืนและความเชื่อมั่นของท่าน. (ยิระ. 18:18) แต่ท่านก็เต็มใจที่จะแตกต่างอย่างเด่นชัดจากคนสมัยเดียวกันซึ่งได้ติดตาม “แนวทางที่คนส่วนใหญ่ทำกัน.” (ยิระ. 8:5, 6, ล.ม.) บางครั้งยิระมะยาห์ถึงกับเต็มใจจะอยู่ตามลำพัง ‘นั่งอยู่คนเดียว.’ ท่านชอบอยู่อย่างนั้นแทนที่จะคบหากับบุคคลที่อาจโน้มน้าวท่านในทางที่ไม่ถูก. (อ่านยิระมะยา 9:4, 5; 15:17 ) คุณล่ะเป็นเช่นไร? เหมือนกับสมัยยิระมะยาห์ คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า. ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาต้องระวังมานานแล้วในเรื่องการเลือกเพื่อน. นี่ไม่ได้หมายความว่ายิระมะยาห์อยู่โดยไม่มีเพื่อน. มีบางคนได้ปกป้องและช่วยเหลือท่าน. คนเหล่านี้มีใครบ้าง? การที่คุณรู้จักพวกเขาจะเป็นประโยชน์มาก.
ยิระมะยาห์เลือกเพื่อนแบบไหน?
10, 11. (ก) ยิระมะยาห์ใช้หลักอะไรในการเลือกเพื่อน? (ข) ใครบ้างเป็นเพื่อนของยิระมะยาห์ และเราอาจถามอะไรเกี่ยวกับพวกเขา?
10 ยิระมะยาห์คงได้สร้างมิตรภาพกับใคร? ภายใต้การชี้นำของพระยะโฮวา หลายครั้งหลายหนท่านได้กล่าวโทษคนเหล่านั้นที่ชั่วช้า, หลอกลวง, ไม่ยุติธรรม, รุนแรง, ไม่สนใจไยดี, และผิดศีลธรรม คือคนที่ได้ละทิ้งการนมัสการบริสุทธิ์ไปสนับสนุนการไหว้รูปเคารพ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นโสเภณีทางฝ่ายวิญญาณ. ท่านได้กระตุ้นเตือนเพื่อนร่วมชาติชาวยูดาห์ว่า “พวกเจ้าจงหันกลับจากความชั่วของตัวทุกตัวคน, แลจงกระทำให้ทางทั้งหลายของพวกเจ้า, แลการประพฤติทั้งปวงของพวกเจ้าให้ดีเถิด.” (ยิระ. 18:11) แม้หลังจากเยรูซาเลมถูกทำลายแล้ว ยิระมะยาห์ได้ยกย่อง “พระกรุณาคุณ” ของพระเจ้า “ความเมตตา” และ “ความสัตย์ธรรม” ของพระองค์. (ทุกข์. 3:22-24) ผู้ที่ยิระมะยาห์ต้องการเป็นเพื่อนก็มีเฉพาะแต่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาเท่านั้น.—อ่านยิระมะยา 17:7
11 ใช่ว่าเราจะไม่รู้อะไรเสียเลยเกี่ยวกับคนที่ยิระมะยาห์เลือกเป็นเพื่อนสนิท. มีชายหลายคนเป็นเพื่อนที่ให้ความช่วยเหลืออย่างเห็นได้ชัด เช่น เอเบ็ดเมเล็ก, บารุค, ซะรายะ, และเหล่าบุตรของซาฟาน. เราอาจถามว่า ผู้ชายเหล่านี้เป็นคนแบบไหน? พวกเขามีความสัมพันธ์เช่นไรกับยิระมะยาห์? พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีในแง่ใด? และพวกเขาได้ช่วยยิระมะยาห์ให้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงโดยวิธีใด? เมื่อเราพิจารณาเรื่องเหล่านี้ ขอให้นึกถึงสภาพการณ์ของเราเอง.
12. (ก) ยิระมะยาห์กับบารุคที่เห็นในภาพหน้า 58 มีอะไรที่เหมือนกัน? (ข) ซะรายะเป็นใคร และเราทราบอะไรเกี่ยวกับเขา?
12 เพื่อนสนิทที่สุดของผู้พยากรณ์ยิระมะยาห์ดูเหมือนจะเป็นบารุค บุตรเนรียา. ยิระมะยาห์มั่นใจในตัวเขาจึงได้มอบหมายหน้าที่ให้เขียนคำแถลงของพระยะโฮวาตามคำบอกของท่าน แล้วให้อ่านม้วนหนังสือที่เขียนนั้นด้วยเสียงดัง ทีแรกอ่านต่อประชาชน และจากนั้นก็อ่านให้พวกเจ้านายของยูดาห์ฟัง. (ยิระ. 36:4-8, 14, 15) บารุคมีความเชื่อและความมั่นใจเหมือนยิระมะยาห์ว่าสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงบอกไว้ล่วงหน้าจะเกิดขึ้น. คนทั้งสองมีประสบการณ์คล้ายกันระหว่างช่วง 18 ปีสุดท้ายที่วุ่นวายของอาณาจักรยูดาห์. ทั้งสองใช้เวลามากในการทำงานที่พระเจ้ามอบหมายให้ทำด้วยกัน. ต่างก็ประสบความลำบากและจำเป็นต้องซ่อนตัวให้พ้นจากศัตรู. และทั้งสองได้รับการหนุนกำลังใจเป็นส่วนตัวจากพระยะโฮวา. บารุคดูเหมือนอยู่ในครอบครัวอาลักษณ์ที่มีชื่อเสียงในยูดาห์. พระคัมภีร์เรียกเขาว่า “เลขานุการ” และซะรายะน้องชายของเขาเป็นเจ้าหน้าที่สำคัญของรัฐ. เช่นเดียวกับบารุค ต่อมาซะรายะได้ทำงานร่วมกับยิระมะยาห์เพื่อประกาศคำพยากรณ์ของพระยะโฮวา. (ยิระ. 36:32, ล.ม.; 51:59-64) การที่บุตรชายสองคนของเนรียาเต็มใจทำงานร่วมกับยิระมะยาห์ในช่วงที่ยากลำบากเช่นนั้นคงต้องเสริมกำลังและหนุนใจท่าน. คุณก็สามารถได้รับกำลังและการหนุนใจจากคนที่ทำงานเคียงข้างคุณอย่างซื่อสัตย์ในการรับใช้พระยะโฮวาด้วยเช่นกัน.
คุณจะเรียนอะไรได้จากยิระมะยาห์เมื่อนึกถึงเพื่อน ๆ ที่ท่านเลือกคบ?
13. ดังภาพหน้า 63 เอเบ็ดเมเล็กพิสูจน์ตัวอย่างไรว่าเป็นเพื่อนที่ดีของยิระมะยาห์?
13 เอเบ็ดเมเล็กเป็นเพื่อนที่เด่นอีกคนหนึ่งของยิระมะยาห์. เมื่อพวกเจ้านายที่โกรธแค้นโยนยิระมะยาห์ลงในบ่อเก็บน้ำที่ว่างเปล่าเพื่อให้ตาย บุรุษที่กล้าปกป้องท่านเป็นคนต่างประเทศชื่อเอเบ็ดเมเล็กชาวเอธิโอเปีย. เขาเป็นขันที นั่นคือข้าราชการในราชสำนักของกษัตริย์. เขาได้เข้าเฝ้าซิดคียาอย่างเปิดเผย ซึ่งประทับอยู่ที่ประตูเบ็นยามิน. เอเบ็ดเมเล็กได้ทูลขออนุญาตซิดคียาอย่างกล้าหาญเพื่อช่วยยิระมะยาห์ให้ออกมาจากบ่อน้ำที่มีแต่โคลน. เขาได้พาผู้ชาย 30 คนไปด้วยเพื่อทำงานนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเอเบ็ดเมเล็กอาจคาดหมายว่าเหล่าศัตรูของยิระมะยาห์คงจะขัดขวางพวกเขา. (ยิระ. 38:7-13) เราไม่ทราบว่าเอเบ็ดเมเล็กกับยิระมะยาห์คบหากันมากน้อยแค่ไหน. แต่โดยอาศัยมิตรภาพที่ทั้งสองมีกับพระยะโฮวา เป็นเรื่องสมเหตุผลที่จะสรุปว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน. เอเบ็ดเมเล็กรู้ว่ายิระมะยาห์เป็นผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวา. เขาบอกว่าพวกเจ้านายได้ทำการ “ชั่ว” และเขาเต็มใจเสี่ยงที่จะสูญเสียตำแหน่งของตนเพื่อจะทำสิ่งที่ถูกต้อง. ใช่แล้ว เอเบ็ดเมเล็กเป็นคนดี. เรื่องนี้ปรากฏชัดเนื่องจากพระยะโฮวาเองทรงรับรองกับเขาว่า “เราจะให้ตัวเจ้าได้รอดใน [วันแห่งความหายนะของเยรูซาเลม] . . . เพราะว่าเจ้าได้วางใจในเรา.” (อ่านยิระมะยา 39:15-18 ) เป็นคำชมเชยที่ดีจริง ๆ! คุณต้องการเพื่อนแบบนี้มิใช่หรือ?
14. เราทราบอะไรบ้างเกี่ยวกับครอบครัวของซาฟานและความสัมพันธ์ของพวกเขากับยิระมะยาห์?
14 เพื่อนคนอื่น ๆ ของยิระมะยาห์ก็มีบุตรชายสามคนของซาฟานรวมทั้งหลานชายอีกคนหนึ่งของเขา. พวกเขาอยู่ในครอบครัวของผู้มีตำแหน่งสูง ซาฟานเคยรับใช้ฐานะเลขานุการของกษัตริย์โยซียาห์. ตอนแรกที่ศัตรูต้องการฆ่ายิระมะยาห์ “มือของอะฮีคามบุตรชายของซาฟานได้อยู่ด้วยยิระมะยา, สงเคราะห์ไม่ให้เขาส่งตัวยิระมะยาให้เข้าในเงื้อมมือของไพร่พล.” (ยิระ. 26:24) อะฮีคามมีน้องชายชื่อคะมาระยา. เมื่อบารุคอ่านคำพิพากษาของพระเจ้าในที่สาธารณะ มิคายาบุตรของคะมาระยาได้ยิน จึงได้เตือนบิดาของตนและเจ้านายคนอื่น ๆ ให้ทราบ. เพราะเป็นห่วงเรื่องปฏิกิริยาของยะโฮยาคิม พวกเจ้านายได้แนะนำยิระมะยาห์และบารุคให้ไปซ่อนตัว. และเมื่อกษัตริย์ปฏิเสธข่าวสารของพระเจ้า คะมาระยาอยู่ในบรรดาคนที่ได้อ้อนวอนกษัตริย์มิให้เผาม้วนหนังสือ. (ยิระ. 36:9-25) นอกจากนั้น ยิระมะยาห์ได้มอบหมายให้เอลาซาซึ่งเป็นบุตรชายอีกคนหนึ่งของซาฟานส่งจดหมายที่มีคำพยากรณ์ถึงชาวยิวซึ่งเป็นเชลยในบาบิโลน. (ยิระ. 29:1-3) ดังนั้น แค่ครอบครัวของซาฟานครอบครัวเดียวก็มีหลายคนที่ช่วยเหลือผู้พยากรณ์ของพระเจ้า คือบุตรชายสามคนและหลานชายหนึ่งคน. คิดดูสิว่ายิระมะยาห์คงต้องรู้สึกขอบคุณคนเหล่านั้นสักเพียงไร! พวกเขาเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เพราะมีรสนิยมเหมือนกันในเรื่องอาหารหรือเครื่องดื่ม หรือเนื่องจากชอบความบันเทิงหรืองานอดิเรกแบบเดียวกัน. มิตรภาพไม่ได้เกิดจากสิ่งดังกล่าวเท่านั้น.
จงเลือกเพื่อนอย่างสุขุม
15. ยิระมะยาห์วางตัวอย่างที่ดีเช่นไรในการเลือกเพื่อน?
15 คุณสามารถเรียนได้จากวิธีที่ยิระมะยาห์ปฏิบัติกับคนสมัยเดียวกัน ทั้งคนดีและคนไม่ดี. กษัตริย์, เจ้านาย, ผู้พยากรณ์เท็จ, และแม่ทัพหลายคนได้กดดันท่านให้เปลี่ยนแปลงข่าวสาร. แต่ยิระมะยาห์ไม่ยอม. คนเหล่านั้นไม่ชอบยิระมะยาห์เพราะจุดยืนของท่าน ซึ่งยิระมะยาห์ก็ไม่ต้องการมีมิตรภาพกับพวกเขาอยู่แล้ว. พระยะโฮวาทรงเป็นมิตรดีที่สุดของท่านตลอดมา. หากการซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าทำให้ยิระมะยาห์ได้รับความเกลียดชังจากคนบางกลุ่ม ท่านก็เต็มใจยอมรับ. (อ่านบทเพลงร้องทุกข์ของยิระมะยา 3:52-59 ) ถึงกระนั้น ดังที่เราได้เห็นแล้ว ยิระมะยาห์ใช่ว่าเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ตั้งใจมุ่งมั่นรับใช้พระยะโฮวา.
16, 17. (ก) ผู้รับใช้พระยะโฮวาจะได้รับความช่วยเหลือเช่นไรจากเพื่อนที่ดี? (ข) ไม่ว่าคุณอยู่ในประเทศใด คุณจะพบเพื่อนดีที่สุดได้ที่ไหน?
16 สิ่งที่ทำให้เอเบ็ดเมเล็กเป็นเพื่อนที่ดีคือความเชื่อและความไว้วางใจพระยะโฮวา. ชายคนนี้มีความกล้าหาญที่จะลงมือช่วยชีวิตยิระมะยาห์. บารุคเต็มใจใช้เวลามากกับยิระมะยาห์และช่วยท่านประกาศข่าวสารของพระยะโฮวา. เหมือนกับชายเหล่านี้ เพื่อนที่ดีในประชาคมคริสเตียนทุกวันนี้มีค่ามากสำหรับเรา. คาเมรอน ไพโอเนียร์ประจำวัย 20 ปีรู้สึกขอบคุณคาราซึ่งก็เป็นไพโอเนียร์ด้วยที่มีอิทธิพลที่ดีต่อเธอ. คาเมรอนกล่าวว่า “คาราได้สนับสนุนดิฉันให้จัดพระยะโฮวาไว้เป็นอันดับแรกในชีวิตเสมอ ทั้งโดยตัวอย่างและคำพูดของเธอ.” พี่น้องหญิงสองคนนี้อยู่ค่อนข้างห่างไกลกัน แต่คาราจะโทรศัพท์หรือเขียนจดหมายถึงคาเมรอนเป็นประจำเพื่อจะรู้ว่าเพื่อนของเธอเป็นอย่างไรบ้างและเพื่อหนุนใจกัน. คาเมรอนเล่าว่า “เธอรู้สภาพการณ์ทุกอย่างในครอบครัวดิฉัน. เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวของดิฉันและดิฉันเป็นทุกข์มากแค่ไหนเมื่อพี่สาวไม่ยอมฟังใครและออกจากความจริง. เธอพร้อมเสมอที่จะช่วยดิฉันในช่วงนั้น ดิฉันคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรหากเธอไม่ได้สนับสนุนและช่วยเหลือดิฉัน. เธอช่วยดิฉันอย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ.”
17 คุณจะพบเพื่อนที่ดีได้ในประชาคมคริสเตียน ไม่ว่าเขาจะอยู่ในวัยเดียวกับคุณหรือไม่. พี่น้องชายหญิงมีความเชื่อ, ค่านิยม, ความรักต่อพระยะโฮวา, ความหวังเช่นเดียวกับคุณ และคงได้ประสบการทดสอบต่าง ๆ คล้ายกับคุณ. คุณสามารถทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขาในงานเผยแพร่ของคริสเตียน. พวกเขาจะสามารถหนุนใจคุณเมื่อประสบความยุ่งยากลำบาก และคุณก็จะหนุนใจเขาได้เช่นกัน. พวกเขาจะยินดีกับคุณเมื่อคุณมีความสุขในการรับใช้พระยะโฮวา. ยิ่งกว่านั้น มิตรภาพดังกล่าวอาจยั่งยืนไปจนถึงอนาคตที่ไม่สิ้นสุด.—สุภา. 17:17; 18:24; 27:9
18. คุณได้บทเรียนอะไรจากยิระมะยาห์ในการเลือกเพื่อน?
18 บทเรียนที่เราได้จากยิระมะยาห์ในการเลือกเพื่อนเข้าใจได้ไม่ยาก. ขอจดจำความจริงซึ่งปฏิเสธไม่ได้ที่ว่า คุณไม่อาจแสวงหามิตรภาพกับคนที่เชื่อสิ่งที่ขัดกับคำสอนของคัมภีร์ไบเบิล แล้วยังคงซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่เราเชื่อ. การปฏิบัติสอดคล้องกับความจริงข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบันไม่น้อยไปกว่าในสมัยของยิระมะยาห์. เพื่อจะทำงานมอบหมายให้สำเร็จอย่างซื่อสัตย์พร้อมกับได้รับพระพรจากพระยะโฮวา ยิระมะยาห์เต็มใจที่จะต่างจากคนส่วนใหญ่ในสมัยนั้น. คุณก็เต็มใจเป็นเช่นนั้นมิใช่หรือ? ยิระมะยาห์เลือกเพื่อนที่มีความเชื่อเหมือนท่านและเป็นผู้สนับสนุนท่านในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย. ใช่แล้ว คริสเตียนที่ซื่อสัตย์ทุกคนในทุกวันนี้สามารถเรียนได้จากยิระมะยาห์ในการเลือกเพื่อนอย่างสุขุม!—สุภา. 13:20; 22:17
คุณจะนำตัวอย่างของยิระมะยาห์ไปใช้ได้อย่างไรในการเลือกคนที่คุณจะคบหรือไม่คบเป็นเพื่อน?