บท 13
“ให้คุณทำทุกสิ่งแบบที่จะทำให้พระเจ้าได้รับการยกย่องสรรเสริญ”
ในฐานะผู้รับใช้ที่อุทิศตัวให้พระเจ้า เรามีหน้าที่ที่จะทำให้พระเจ้าได้รับการยกย่องสรรเสริญทั้งโดยคำพูดและการกระทำของเรา อัครสาวกเปาโลให้หลักการไว้ว่า “ไม่ว่าคุณจะกิน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม ให้คุณทำทุกสิ่งแบบที่จะทำให้พระเจ้าได้รับการยกย่องสรรเสริญ” (1 คร. 10:31) นั่นรวมถึงการยึดมั่นกับมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวาซึ่งสะท้อนคุณลักษณะที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ (คส. 3:10) เราต้องเลียนแบบพระเจ้า ในฐานะประชาชนที่บริสุทธิ์ของพระองค์—อฟ. 5:1, 2
2 เมื่อแนะนำคริสเตียนในเรื่องนี้ อัครสาวกเปโตรเขียนว่า “ในฐานะลูกที่เชื่อฟัง ให้พวกคุณเลิกทำตามความต้องการที่เคยมีตอนที่ยังไม่รู้เรื่องพระเจ้า แต่ให้เป็นคนบริสุทธิ์ในการกระทำทุกอย่างเหมือนพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ที่เรียกพวกคุณมา เพราะพระคัมภีร์บอกว่า ‘พวกเจ้าต้องเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์’” (1 ปต. 1:14-16) เช่นเดียวกับชาวอิสราเอลสมัยก่อน ทุกคนในประชาคมคริสเตียนต้องรักษาความบริสุทธิ์ นี่หมายความว่าพวกเขาต้องไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย และต้องหลีกเลี่ยงการทำผิดแบบโลก ดังนั้น พวกเขาจึงถูกแยกไว้ต่างหากเพื่อการรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์—อพย. 20:5
3 การยึดมั่นกับกฎหมายและหลักการของพระยะโฮวาจะช่วยให้เรารักษาความบริสุทธิ์ ซึ่งกฎหมายและหลักการเหล่านี้มีบอกไว้ชัดเจนในพระคัมภีร์บริสุทธิ์ (2 ทธ. 3:16) โดยการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล เราได้รับการสอนเกี่ยวกับพระยะโฮวาและแนวทางของพระองค์ และเราจึงใกล้ชิดพระองค์ การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลทำให้เรามั่นใจว่า เราต้องให้รัฐบาลของพระเจ้าและการทำตามความประสงค์ของพระยะโฮวาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา (มธ. 6:33; รม. 12:2) นี่ทำให้เราต้องปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่—อฟ. 4:22-24
ความสะอาดด้านการนมัสการและศีลธรรม
4 การยึดมั่นกับมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวาไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป มารซาตานศัตรูของเราพยายามหาวิธีทำให้เราทิ้งความจริง บางครั้งอิทธิพลชั่วของโลกนี้และแนวโน้มที่ผิดบาปของเราก็ทำให้สิ่งต่าง ๆ ยากขึ้น การใช้ชีวิตให้สมกับการอุทิศตัวทำให้เราต้องต่อสู้เพื่อความจริง พระคัมภีร์บอกเราว่า อย่าแปลกใจถ้าเราเจอการต่อต้านหรือการทดสอบ เราจะต้องทนทุกข์เพราะเห็นแก่ความถูกต้องชอบธรรม (2 ทธ. 3:12) เรามีความสุขได้แม้จะเจอการทดสอบ เพราะเรารู้ว่าการทดสอบนั้นพิสูจน์ว่าเรากำลังทำตามความประสงค์ของพระยะโฮวา—1 ปต. 3:14-16; 4:12, 14-16
5 แม้พระเยซูเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ แต่ท่านก็เรียนรู้การเชื่อฟังจากความยากลำบากที่ท่านเจอ ท่านไม่ยอมแพ้การล่อใจของซาตานหรือทะเยอทะยานเหมือนคนทั่วไปในโลก (มธ. 4:1-11; ยน. 6:15) ท่านไม่เคยคิดอะลุ่มอล่วย แม้ความซื่อสัตย์ของท่านทำให้โลกเกลียดชังท่านแต่ท่านก็ยึดมั่นกับมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวา ไม่นานก่อนจะเสียชีวิต ท่านเตือนสาวกว่าโลกจะเกลียดชังพวกเขาด้วย ตั้งแต่นั้นมา สาวกของพระเยซูก็เจอความยากลำบาก แต่พวกเขาก็กล้าหาญเพราะรู้ว่าลูกของพระเจ้าชนะโลกแล้ว—ยน. 15:19; 16:33; 17:16
6 เพื่อเราจะไม่เป็นคนของโลก เราต้องยึดมั่นกับมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวาเหมือนพระเยซูผู้เป็นนายของเรา นอกจากจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกทั้งในทางการเมืองและความขัดแย้งในสังคมแล้ว เราต้องต้านทานศีลธรรมที่เสื่อมทรามของโลกด้วย เราถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำตามคำแนะนำในยากอบ 1:21 ที่ว่า “ให้กำจัดความสกปรกโสโครกและการทำชั่วทุกรูปแบบออกไป แล้วน้อมรับเมื่อพระเจ้าปลูกฝังคำสอนของพระองค์ไว้ในตัวคุณ เพราะคำสอนนั้นช่วยชีวิตคุณได้” โดยการศึกษาและการเข้าร่วมการประชุม เราจะ “ปลูกฝังคำสอน” เรื่องความจริงไว้ในความคิดจิตใจและเราจะไม่นึกอยากได้สิ่งที่โลกเสนอให้ สาวกยากอบเขียนว่า “พวกคุณไม่รู้หรือว่าการเป็นมิตรกับโลกก็เท่ากับเป็นศัตรูกับพระเจ้า? ดังนั้น คนที่อยากเป็นมิตรกับโลกก็ทำตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า” (ยก. 4:4) ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์ไบเบิลจึงเตือนอย่างหนักแน่นว่าเราต้องยึดมั่นกับมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวาและอยู่ต่างห่างจากโลกต่อ ๆ ไป
7 คัมภีร์ไบเบิลเตือนเราให้ระวังการทำสิ่งที่น่าอายและผิดศีลธรรมโดยบอกว่า “อย่าพูดคุยกันในเรื่องเหล่านี้เลย คือ การผิดศีลธรรมทางเพศ การกระทำที่ไม่สะอาดทุกรูปแบบ หรือความโลภ เพราะมันไม่เหมาะกับคนบริสุทธิ์” (อฟ. 5:3) ดังนั้น เราต้องไม่ปล่อยใจให้คิดถึงสิ่งที่ลามก น่าอาย หรือต่ำทราม และเราต้องไม่พูดคุยเรื่องเหล่านี้ โดยวิธีนี้ เราจึงแสดงหลักฐานว่าเราต้องการยึดมั่นกับมาตรฐานด้านศีลธรรมที่สะอาดและถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวา
ความสะอาดด้านร่างกาย
8 นอกจากความสะอาดด้านการนมัสการและศีลธรรมแล้ว คริสเตียนยังให้ความสำคัญกับความสะอาดด้านร่างกายด้วย ในชาติอิสราเอลโบราณ พระเจ้าผู้บริสุทธิ์สั่งให้พวกเขาดูแลค่ายให้สะอาดเสมอ พวกเราก็ต้องสะอาดเพื่อพระยะโฮวา ‘จะไม่เห็นสิ่งที่น่าเกลียด’ ในตัวเรา—ฉธบ. 23:14
9 ในคัมภีร์ไบเบิล ความบริสุทธิ์และความสะอาดด้านร่างกายเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก เช่น เปาโลเขียนว่า “พี่น้องที่รัก ในเมื่อพวกเราได้รับคำสัญญาทั้งหมดนี้ ก็ให้พวกเราชำระตัวให้สะอาดจากทุกสิ่งที่ทำให้ร่างกายและจิตใจแปดเปื้อน และให้ความเกรงกลัวพระเจ้าช่วยพวกเราให้บริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อย ๆ” (2 คร. 7:1) ดังนั้น คริสเตียนชายหญิงควรพยายามดูแลร่างกายให้สะอาดโดยอาบน้ำและซักเสื้อผ้าเป็นประจำ แม้สภาพการณ์ในแต่ละประเทศอาจต่างกัน แต่ปกติแล้วเราน่าจะมีสบู่และน้ำเพียงพอที่จะชำระล้างร่างกายให้สะอาดและคอยดูแลลูก ๆ ให้สะอาดอยู่เสมอ
10 เนื่องจากเราประกาศกับผู้คนทั่วไป ใคร ๆ ในชุมชนก็จะรู้จักเรา การดูแลบ้านให้สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอทั้งในบ้านและนอกบ้านก็ทำให้เพื่อนบ้านเห็นว่าเราใช้ชีวิตตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิลจริง ๆ นี่เป็นหน้าที่ของทุกคนในครอบครัว พี่น้องชายควรสนใจดูแลบ้านและรอบ ๆ บ้านเป็นพิเศษ โดยรู้ว่าบ้านและรอบ ๆ บ้านที่เป็นระเบียบเรียบร้อยจะทำให้คนอื่นประทับใจ การดูแลบ้านและการนำหน้าในด้านการนมัสการแสดงให้เห็นว่าหัวหน้าครอบครัวดูแลครอบครัวตัวเองได้เป็นอย่างดี (1 ทธ. 3:4, 12) พี่น้องหญิงก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการเอาใจใส่ดูแลเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องในบ้าน (ทต. 2:4, 5) เด็กที่ได้รับการฝึกอย่างดีจะทำหน้าที่ของตัวเองและดูแลห้องให้สะอาดเรียบร้อยเสมอ ดังนั้น ทั้งครอบครัวจึงร่วมมือกันในการพัฒนานิสัยรักความสะอาด ซึ่งทำให้พวกเขาเหมาะที่จะเข้าโลกใหม่ที่รัฐบาลของพระเจ้าปกครอง
11 ประชาชนของพระยะโฮวาหลายคนในทุกวันนี้ใช้รถเพื่อไปประชุม ในบางพื้นที่ รถกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการประกาศ เราควรดูแลรถให้สะอาดอยู่เสมอและซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดี บ้านและรถของเราควรแสดงให้เห็นว่าเราเป็นประชาชนที่สะอาดบริสุทธิ์ของพระยะโฮวา หลักการเดียวกันนี้ใช้กับกระเป๋าประกาศและคัมภีร์ไบเบิลของเราด้วย
12 เสื้อผ้าและการแต่งตัวของเราควรสอดคล้องกับหลักการของพระเจ้า เราคงไม่คิดจะเข้าพบบุคคลสำคัญถ้าเราแต่งตัวแบบซอมซ่อหรือไม่สุภาพ เราควรสนใจมากกว่านั้นอีกเมื่อเราเป็นตัวแทนของพระยะโฮวาในการประกาศหรือเมื่อทำส่วนบนเวที การแต่งตัวและแบบเสื้อผ้าของเราอาจส่งผลต่อวิธีที่คนอื่นมองการนมัสการพระยะโฮวา เป็นเรื่องไม่เหมาะอย่างแน่นอนที่จะแต่งตัวไม่สุภาพหรือไม่คำนึงถึงคนอื่น (มคา. 6:8; 1 คร. 10:31-33; 1 ทธ. 2:9, 10) ดังนั้น เมื่อไปประกาศ ไปประชุมประชาคม ประชุมหมวด หรือประชุมภูมิภาค เราควรจำสิ่งที่พระคัมภีร์บอกเกี่ยวกับความสะอาดด้านร่างกายและการแต่งตัวที่สุภาพ เราอยากให้เกียรติและยกย่องพระยะโฮวาเสมอ
ในฐานะผู้รับใช้ที่ได้อุทิศตัวให้พระเจ้า เรามีหน้าที่ที่จะทำให้พระเจ้าได้รับการยกย่องสรรเสริญโดยคำพูดและการกระทำของเรา
13 เราใช้หลักการเดียวกันนี้เมื่อไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่หรือสำนักงานสาขาของพยานพระยะโฮวา จำไว้ว่า ชื่อเบเธลหมายถึง “บ้านของพระเจ้า” ดังนั้น เราต้องประพฤติและแต่งตัวเหมือนกับตอนที่เราไปประชุมที่หอประชุมราชอาณาจักร
14 แม้แต่เมื่อเราไปทำกิจกรรมยามว่าง เราก็ต้องสนใจเสื้อผ้าและการแต่งตัวของเราด้วย เราอาจถามตัวเองว่า ‘เสื้อผ้าที่ฉันใส่ทำให้ฉันไม่กล้าประกาศแบบไม่เป็นทางการไหม?’
การพักผ่อนหย่อนใจและความบันเทิงที่ดี
15 เราจำเป็นต้องมีเวลาสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจบ้าง ครั้งหนึ่งพระเยซูชวนสาวกไปที่ที่สงบเงียบเพื่อ “พักสักหน่อย” (มก. 6:31) การพักผ่อนหย่อนใจและความบันเทิงที่ดีจะทำให้ผ่อนคลายและสดชื่นเพื่อจะสามารถทำงานประจำวันต่อไปได้
16 เนื่องจากทุกวันนี้มีการพักผ่อนหย่อนใจหลายรูปแบบ คริสเตียนต้องเลือกอย่างฉลาด แม้การพักผ่อนหย่อนใจจะมีประโยชน์แต่ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เราได้รับคำเตือนว่าใน “สมัยสุดท้าย” ผู้คนจะ “รักสนุกมากกว่ารักพระเจ้า” (2 ทธ. 3:1, 4) หลายอย่างที่ผู้คนเรียกกันว่าการพักผ่อนหย่อนใจและความบันเทิงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้สำหรับคนที่ยึดมั่นกับมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวา
17 คริสเตียนยุคแรกต้องต้านทานโลกที่เสื่อมทรามที่คนส่วนใหญ่สนใจแต่ความสนุกสนาน ในสมัยโรมัน ผู้คนสนุกที่ได้ดูคนอื่นทุกข์ทรมาน พวกเขาชอบไปโรงละครซึ่งมีการแสดงที่รุนแรง นองเลือด และผิดศีลธรรมทางเพศ แต่คริสเตียนยุคแรกไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น ทุกวันนี้ ความบันเทิงในโลกก็คล้าย ๆ กันและสนองความต่ำทรามของมนุษย์ เราต้อง “คอยระวังไว้ให้ดี” โดยหลีกเลี่ยงความบันเทิงที่เสื่อมทราม (อฟ. 5:15, 16; สด. 11:5) และถึงแม้ความบันเทิงนั้นจะไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่การไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นก็อาจไม่เหมาะสม—1 ปต. 4:1-4
18 มีการพักผ่อนหย่อนใจและความบันเทิงที่ดีหลายอย่างที่คริสเตียนเลือกได้ หลายคนได้รับประโยชน์จากการทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลและคำแนะนำที่สมดุลในหนังสือของเรา
19 บางครั้ง หลายครอบครัวอาจเชิญพี่น้องคริสเตียนมาที่บ้าน พี่น้องชายหญิงหลายคนอาจได้รับเชิญไปงานแต่งงานหรืองานสังสรรค์อื่น ๆ (ยน. 2:2) เจ้าภาพควรถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงเป็นความรับผิดชอบของเขา มีคำเตือนที่ชัดเจนเมื่อจัดงานเลี้ยงเป็นกลุ่มใหญ่ บรรยากาศที่ผ่อนคลายในงานเลี้ยงอาจทำให้คริสเตียนบางคนทำตัวไม่เหมาะสม เช่น กินหรือดื่มมากเกินไปและถึงกับทำผิดร้ายแรง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คริสเตียนที่ฉลาดจะจำกัดจำนวนคนและระยะเวลาที่ใช้ในการสังสรรค์ ถ้ามีการเสิร์ฟเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ก็ควรจัดอย่างพอประมาณ (ฟป. 4:5) ถ้าเราพยายามเต็มที่ที่จะให้งานเลี้ยงเป็นแบบที่ดีงามและสดชื่น อาหารและเครื่องดื่มก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด
20 การต้อนรับกันและกันเป็นสิ่งที่ดี (1 ปต. 4:9) เมื่อเชิญพี่น้องคริสเตียนมาที่บ้านเพื่อกินอาหาร กินขนม พักผ่อน และสังสรรค์ เราต้องนึกถึงคนที่ยากจนด้วย (ลก. 14:12-14) ถ้าพี่น้องเชิญเราไปที่บ้าน เราควรทำตามคำแนะนำในมาระโก 12:31 เราต้องแสดงว่าเห็นค่าน้ำใจของคนอื่นเสมอ
21 เราที่เป็นคริสเตียนชื่นชมยินดีกับของขวัญที่พระเจ้าให้ เราดีใจที่รู้ว่าเราสามารถ “กินและดื่ม และมีความสุขที่ได้ทำงานหนัก” (ปญจ. 3:12, 13) เมื่อเรา “ทำทุกสิ่งแบบที่จะทำให้พระเจ้าได้รับการยกย่องสรรเสริญ” ทั้งเจ้าภาพและแขกจะนึกถึงงานเลี้ยงที่ผ่านไปอย่างมีความสุขและรู้สึกสดชื่น
กิจกรรมในโรงเรียน
22 เด็กที่เป็นพยานพระยะโฮวาได้รับประโยชน์จากการศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อไปโรงเรียน พวกเขาตั้งใจเรียนเพื่อจะอ่านออกเขียนได้อย่างดี วิชาอื่น ๆ ที่สอนในโรงเรียนอาจเป็นประโยชน์ต่อหนุ่มสาวในการตั้งเป้าหมายที่จะรับใช้พระเจ้า ในช่วงที่ยังเรียนอยู่ พวกเขาต้องพยายาม “คิดถึงผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่” โดยให้เรื่องนี้สำคัญที่สุดในชีวิต—ปญจ. 12:1
23 ถ้าคุณเป็นหนุ่มสาวคริสเตียนที่ยังเรียนอยู่ คุณต้องไม่สนิทกับเพื่อนที่โรงเรียนมากเกินไป (2 ทธ. 3:1, 2) พระยะโฮวาจัดให้มีการปกป้องที่จำเป็นซึ่งช่วยให้คุณปลอดภัยจากสิ่งไม่ดีรอบตัวเรา (สด. 23:4; 91:1, 2) ดังนั้น ขอให้คุณปกป้องตัวเองโดยรับประโยชน์จากการจัดเตรียมของพระยะโฮวา—สด. 23:5
24 เพื่อจะอยู่ต่างหากจากโลกตอนที่เรียนในโรงเรียน เด็กพยานฯส่วนใหญ่จะไม่ทำกิจกรรมนอกหลักสูตร เพื่อนนักเรียนและครูอาจไม่เข้าใจคุณ แต่การทำให้พระยะโฮวาพอใจสำคัญที่สุด นี่หมายความว่าคุณต้องใช้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ได้รับการฝึกตามหลักคัมภีร์ไบเบิลและตั้งใจว่าจะไม่เข้าร่วมในการแข่งขันต่าง ๆ และกิจกรรมที่เป็นการแสดงความรักชาติ (กท. 5:19, 26) ถ้าคุณที่เป็นหนุ่มสาวฟังคำแนะนำตามหลักพระคัมภีร์จากพ่อแม่ที่เลื่อมใสพระเจ้าและคบเพื่อนดี ๆ ในประชาคม คุณก็จะยึดมั่นกับมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวาได้
งานอาชีพและการคบเพื่อน
25 หัวหน้าครอบครัวมีหน้าที่ตามหลักพระคัมภีร์ที่จะเลี้ยงดูครอบครัว (1 ทธ. 5:8) แม้จะเป็นอย่างนั้น ในฐานะผู้รับใช้พระเจ้า พวกเขารู้ว่าผลประโยชน์ของรัฐบาลของพระเจ้าสำคัญกว่างานอาชีพ (มธ. 6:33; รม. 11:13) เมื่อพวกเขาเลื่อมใสพระเจ้าและพอใจกับอาหารและเสื้อผ้าที่มีอยู่ พวกเขาจะไม่กังวลและติดกับดักของชีวิตที่แสวงหาความร่ำรวย—1 ทธ. 6:6-10
26 คริสเตียนทุกคนที่อุทิศตัวแล้วซึ่งทำงานอาชีพ ควรคิดถึงหลักการในพระคัมภีร์เสมอ การทำมาหากินอย่างซื่อสัตย์หมายความว่า เราจะไม่ทำผิดกฎหมายของพระเจ้าหรือผิดกฎหมายบ้านเมือง (รม. 13:1, 2; 1 คร. 6:9, 10) เราต้องจำไว้เสมอว่าการคบหาที่ไม่ดีเป็นอันตรายขนาดไหน ในฐานะทหารของพระคริสต์ เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการค้าที่ขัดกับมาตรฐานของพระเจ้า รักษาความเป็นกลางของคริสเตียน และไม่ทำสิ่งที่ทำลายความเชื่อของเรา (อสย. 2:4; 2 ทธ. 2:4) และเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับ “บาบิโลนใหญ่” ซึ่งเป็นศัตรูของพระเจ้า—วว. 18:2, 4; 2 คร. 6:14-17
27 การทำตามมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวาจะป้องกันเราไม่ให้ฉวยประโยชน์จากเพื่อนคริสเตียนทั้งด้านธุรกิจและส่วนตัว เป้าหมายของการคบหากับเพื่อนร่วมความเชื่อที่การประชุมคริสเตียน การประชุมหมวด และการประชุมภูมิภาคก็เพื่อนมัสการพระยะโฮวา เราได้รับอาหารที่โต๊ะของพระองค์และมีความสุขที่ได้ “ให้กำลังใจกันและกัน” (รม. 1:11, 12; ฮบ. 10:24, 25) การคบหานี้ควรเน้นที่การทำให้ความเชื่อเข้มแข็ง
การอยู่ร่วมกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแบบคริสเตียน
28 มาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวาบอกว่าประชาชนของพระองค์ต้อง “เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วยพลังของพระเจ้า และมีสันติสุขที่ผูกพันคนเราให้เป็นหนึ่งเดียว” (อฟ. 4:1-3) แทนที่จะเอาแต่คิดถึงตัวเอง แต่ละคนต้องพยายามทำดีต่อคนอื่น (1 ธส. 5:15) ไม่ต้องสงสัยว่าคุณได้เห็นน้ำใจแบบนี้ในประชาคมของคุณ ไม่ว่าเราจะมีเชื้อชาติหรือสัญชาติอะไร มีฐานะทางสังคมหรือฐานะทางการเงินอย่างไร หรือมีการศึกษาแบบไหน เราก็อยู่ภายใต้มาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมอย่างเดียวกัน แม้แต่คนที่ไม่ใช่พยานฯก็ยังสังเกตเห็นคุณลักษณะที่โดดเด่นนี้—1 ปต. 2:12
29 เพื่อเน้นเรื่องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “มีประชาคมเดียว และมีพลังของพระเจ้าพลังเดียว เหมือนที่พระเจ้าเรียกพวกคุณให้มามีความหวังอย่างเดียวกัน มีผู้เป็นนายผู้เดียว ความเชื่ออย่างเดียว บัพติศมาแบบเดียว มีพระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นพ่อของทุกคน พระองค์อยู่เหนือทุกคน ทำงานผ่านทางทุกคน และพลังของพระองค์ทำงานในตัวทุกคน” (อฟ. 4:4-6) นี่หมายถึงเราต้องเข้าใจคำสอนพื้นฐานของคัมภีร์ไบเบิลอย่างเดียวกันและเข้าใจคำสอนที่ลึกซึ้งกว่าเรื่องการยอมรับสิทธิการปกครองของพระยะโฮวา ที่จริงพระยะโฮวาให้ภาษาบริสุทธิ์ของความจริงแก่ประชาชนของพระองค์ ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถรับใช้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน—ศฟย. 3:9
30 ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและสันติสุขในประชาคมคริสเตียนเป็นแหล่งของความสดชื่นสำหรับทุกคนที่นมัสการพระยะโฮวา เราได้เห็นการเกิดขึ้นจริงของคำสัญญาของพระยะโฮวาที่ว่า “เราจะให้พวกเขาอยู่ด้วยกันเหมือนแกะในคอก” (มคา. 2:12) เราอยากรักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันและสันติสุขโดยยึดมั่นกับมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวา
31 คนที่ได้เข้ามาอยู่ในประชาคมที่สะอาดของพระยะโฮวาจะมีความสุข การที่เราถูกเรียกตามชื่อของพระยะโฮวาคุ้มค่ากับการเสียสละทุกอย่างของเรา เมื่อเรารักษาความสัมพันธ์ที่ล้ำค่ากับพระยะโฮวา เราจะพยายามต่อไปที่จะยึดมั่นกับมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระองค์และบอกคนอื่นให้ทำด้วย—2 คร. 3:18