บทส่งท้ายใน“หนังสือสงครามของพระยะโฮวา”
“ฉะนั้นจึงมีกล่าวไว้ในหนังสือสงครามของพระยะโฮวา.”—อาฤธโม 21:14, ล.ม.
1, 2. เนื่องในโอกาสอะไรในสมัยโบราณที่พระยะโฮวาสำแดงแก่ชาวอียิปต์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทำสงคราม และพระองค์สำแดงให้ประจักษ์อย่างไร?
มนุษย์สมัยนี้ไม่ค่อยจะหยั่งรู้ค่าสักเท่าไรว่า พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งคัมภีร์ไบเบิลทรงเป็นนักรบ ผู้เจนจัดการรณรงค์อย่างเฉียบขาด. ข้อเท็จจริงนี้กลายเป็นเรื่องน่าทึ่งเมื่อพระองค์ได้ทรงช่วยไพร่พลของพระองค์สมัยก่อนโน้นให้พ้นจากการกดขี่ในประเทศอียิปต์. ซาตานพญามารซึ่งเป็นศัตรูที่ไม่ประจักษ์ของไพร่พลเหล่านั้น ได้กระตุ้นฟาโรห์ให้ข่มเหงเขาถึงตาย. ครั้นตระหนักถึงการสูญเสียที่ได้ยอมปล่อยพวกยิศราเอลเป็นอิสระ ฟาโรห์พร้อมด้วยกำลังทหารจึงไล่ตามพวกเขาไป.
2 แต่ฟาโรห์ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า พระเจ้าของชาติยิศราเอลสามารถกลายเป็นพระเจ้าที่ชำนาญศึกเพื่อปลดปล่อยประชาชนของพระองค์. ขณะที่กองทัพชาติอียิปต์รุดเร่งติดตามอย่างโกรธแค้นผ่านพื้นดินแห้งในทะเล พระเจ้าของชาติยิศราเอลที่กำลังตกอยู่ในอันตรายได้ปฏิบัติการและทำให้รถรบและทหารม้าทั้งหมดจมน้ำตาย โดยได้ทรงบันดาลให้น้ำที่กั้นสูงเป็นช่องอย่างน่าอัศจรรย์เพื่อชาติยิศราเอลเดินผ่านไปนั้นทะลักทลายลงมา.—เอ็กโซโด 14:14, 24-28.
3. ในบทเพลงแห่งชัยชนะนั้น พวกยิศราเอลพรรณนาบุคลิกพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าชนิดใด แต่ประเทศชาติต่าง ๆ สมัยนี้มองข้ามข้อเท็จจริงอะไร?
3 ครั้นขึ้นฝั่งทะเลแดงด้านตะวันออกได้อย่างปลอดภัยแล้ว ชาวยิศราเอลก็ร้องเพลงแสดงความยินดีปรีดาในชัยชนะ สรรเสริญพระผู้ช่วยให้รอดของเขาผู้สถิตในสวรรค์ดังนี้ “ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา เพราะสำแดงพระองค์เป็นเลิศ. ม้าและพลม้าพระองค์ได้ทรงกวาดลงในทะเล. ยาห์ทรงเป็นกำลังและพลังสำหรับข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นความรอดของข้าพเจ้า. พระองค์นี้แหละเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์; พระเจ้าแห่งบิดาของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะยกพระองค์ไว้เบื้องสูง. พระยะโฮวาทรงเป็นนักรบองอาจ. ยะโฮวาเป็นนามของพระองค์. รถรบและพลรบของฟาโรห์พระองค์ทรงเหวี่ยงลงทะเลและนักรบชั้นยอดของฟาโรห์ก็ถูกจมลงในทะเลแดง.” (เอ็กโซโด 15:1-4, ล.ม.) ณ ทะเลแดงนั้นเอง พระยะโฮวาทรงสำแดงให้ประจักษ์ว่าพระองค์เป็นนักรบที่สามารถปฏิบัติการได้อย่างน่าตื่นตา. ข้อเท็จจริงนี้ นานาชาติแห่งแผ่นดินโลกหาได้ใส่ใจไม่.
4, 5. ยิศราเอล 12 ตระกูลเหล่านั้นที่มีชัยชนะ แตกเหล่ากอมาจากใครซึ่งเป็นบรรพบุรุษร่วมของพวกเขา และท่านผู้นี้ได้กลายมาเป็นมิตรของใคร เนื่องด้วยคุณสมบัติประการใด?
4 ผู้พยากรณ์โมเซซึ่งเป็นผู้ร้องนำหมู่สำหรับบทเพลงที่รับการดลบันดาลเพลงนี้ ได้กล่าวถึงพระยะโฮวาในฐานะ “พระเจ้าแห่งบิดาของข้าพเจ้า.” อับราฮามชาวฮีบรูเป็นบรรพบุรุษที่เด่นดังแห่งชาติยิศราเอล. จากอับราฮามผ่านทางยิศฮาค แล้วก็ยาโคบและบุตรชาย 12 คนของยาโคบเป็นที่มาของยิศราเอลสิบสองตระกูล. อับราฮามได้พิสูจน์ตนเป็นบุคคลตัวอย่างสำหรับผู้นมัสการพระยะโฮวาพระเจ้า. ท่านเป็นบุรุษผู้มีความเชื่อมั่นคงถึงขนาด เมื่อพระยะโฮวารับสั่งแก่ท่านให้ออกจากเมืองอูระแขวงเมืองเคเซ็ดบ้านเกิดของท่าน โดยไม่ชักช้าท่านได้ออกเดินทางไปยังแผ่นดินที่พระยะโฮวาจะสำแดงแก่ท่าน ท่านมั่นใจว่าพระเจ้าจะยกแผ่นดินนั้นแก่ท่านและลูกหลานของท่านตามคำสัญญาของพระองค์.
5 เพราะเหตุที่ความเชื่อของอับราฮามมั่นคงเป็นเยี่ยม พระยะโฮวาได้ทรงสัญญาว่าท่านจะมี “พงศ์พันธุ์” หรือบุตรหลาน โดยทาง “พงศ์พันธุ์” นี้ทุกครอบครัวบนแผ่นดินโลก ทั้งครอบครัวมนุษย์สมัยนี้ด้วย จะได้พระพร. (เยเนซิศ 12:2, 3; 22:17, 18) อับราฮามถูกนำเข้ามาร่วมสัมพันธภาพใกล้ชิดกับพระเจ้าถึงขนาด ท่านจึงได้ชื่อว่าเป็น “มิตรของพระยะโฮวา” พระเจ้าเองทรงเรียกบรรพบุรุษผู้สัตย์ซื่อนี้ว่า “มิตรสหายของเรา.”—ยาโกโบ 2:23; ยะซายา 41:8.
6. ถึงแม้เป็นผู้เร่ร่อนอย่างคนรักความสงบในแผ่นดินแห่งคำสัญญาก็ตาม แต่อับราฮามได้พิสูจน์ตัวเองโดยวิธีใดว่าท่านเป็นนักรบที่วางใจในพระยะโฮวา?
6 ถึงแม้นอับราฮามย้ายถิ่นฐานไปในที่ต่าง ๆ เหมือนคนแปลกหน้าในแผ่นดินแห่งคำสัญญา แต่ท่านก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าท่านเป็นนักสู้ เป็นนักรบ. ณ โอกาสหนึ่งมีกษัตริย์สี่องค์จากหัวเมืองรอบนอกพากันบุกรุกแผ่นดินแห่งคำสัญญา และได้จับเอาโลตหลานชายพร้อมกับคนในครอบครัวไปด้วย. ความที่เป็นญาติสนิท อับราฮามจึงอยากช่วยเหลือ แล้วท่านจัดเตรียมใช้ผู้ชายสามร้อยสิบแปดคนพร้อมอาวุธ และผู้คนจากมิตรเพื่อนบ้านอีกสามคน คือ อาเนร เอศโคล และมัมเร ท่านได้ไล่ติดตามพวกปล้นไป. ตกกลางคืนก็บุกจู่โจมทันที อับราฮามและกองกำลังของท่านเอาชนะศัตรูที่มารุกราน แม้ว่าพวกเขามีกำลังเหนือกว่ามาก. “การฆ่าฟันกษัตริย์ทั้งหลาย” ได้เกิดขึ้น. (เฮ็บราย 7:1; เยเนซิศ 14:13-17) อับราฮามได้ช่วยโลตพร้อมทั้งครอบครัวรอดมาได้ ทั้งข้าวของที่ถูกปล้นก็ได้คืนมาหมด.
7-9. (ก) อับราฮามได้เข้าเฝ้าปุโรหิตคนไหน และท่านได้รับพระพรประการใด? (ข) อับราฮามแสดงให้เห็นอย่างไรว่าท่านปรารถนาความอุดมมั่งคั่งที่มาจากพระเจ้าองค์ใหญ่ยิ่งเท่านั้น? (ค) ดังที่ได้รับคำยืนยันจากมัลคีเซเด็ค ใครช่วยอับราฮามมีชัยในการรบด้วยกำลังพล?
7 อับราฮามตระหนักแล้วว่า การสู้รบได้ผลเช่นนั้นก็โดยการสนับสนุนของพระเจ้ายะโฮวา และขณะที่ท่านเดินทางกลับบ้านอย่างผู้มีชัย ท่านสามารถจะประกาศการรับรู้ข้อเท็จจริงนี้อย่างเปิดเผย. ท่านทราบว่าท่านจะพบปุโรหิตซึ่งพระเจ้าทรงชอบพระทัยนั้นได้ในเมืองซาเล็ม. ฉะนั้นท่านจึงไปที่เมืองนั้น. ตอนท้ายของพระธรรมเยเนซิศบท 14 แจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เราได้ทราบดังนี้:
8 “มัลคีเซเด็คผู้เป็นเจ้าเมืองซาเลมทั้งปุโรหิตของพระเจ้าผู้สูงสุดนำขนมกับเหล้าองุ่นมาให้อับราม. แล้วอวยพรแก่อับรามว่า ‘ขอพระเจ้าที่สูงสุด ผู้เป็นเจ้าของสวรรค์และแผ่นดิน จงบันดาลให้ท่านมีความสุขเถิด และสาธุโมทนาพระคุณพระเจ้าผู้สูงสุด ซึ่งได้มอบศัตรูทั้งหลายไว้ในมือของท่าน!’ อับรามก็ได้ยกสิบลดแต่บรรดาของที่ตนได้นั้นถวายแก่กษัตริย์มัลคีเซเด็ค. ฝ่ายเจ้าเมืองซะโดมตรัสแก่อับรามว่า ‘ผู้ที่เป็นเชลยนั้นท่านจงให้แก่เรา สิ่งของทั้งปวงนั้นท่านจงเอาไปเถิด.’ อับรามจึงกล่าวแก่เจ้าเมืองซะโดมว่า ‘ข้าพเจ้าได้ยกมือสาบานตัวเฉพาะพระยะโฮวาพระเจ้าผู้สูงสุด ผู้เป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกว่า แม้เส้นด้ายหรือสายรัดรองเท้า ข้าพเจ้าจะไม่รับสักสิ่งหนึ่งเลยที่เป็นของของท่านเพื่อท่านจะมิได้อวดอ้างว่า ‘เราได้บำรุงอับรามให้มั่งมี! เว้นแต่เสบียงอาหารที่คนหนุ่มได้กินเท่านั้น กับส่วนของอาเนร เอศโคล และของมัมเรผู้ไปด้วยข้าพเจ้านั้น ให้เขารับส่วนของเขาเถิด.’”—เยเนซิศ 14:18-24.
9 ดังที่ข้อเหล่านี้แสดงให้เห็น มัลคีเซเด็คซึ่งเป็นปุโรหิตและเวลาเดียวกันเป็นเจ้าเมืองซาเลม ได้ยืนยันความเชื่อมั่นของอับราฮามว่า พระเจ้าองค์สูงสุดทรงต่อสู้เพื่อท่านและเพื่อกองกำลังรบของท่าน และให้ท่านชนะ. กษัตริย์มัลคีเซเด็คซึ่งเป็นปุโรหิตด้วยก็หาได้มองข้ามบทบาทของพระยะโฮวาไม่.
หนังสือสงครามของพระยะโฮวา
10. ที่ไหนในคัมภีร์ไบเบิลที่พูดเป็นครั้งแรกถึงเรื่องสงคราม? และทำไมสงครามนั้นเป็นเพียงการเริ่มต้นสงครามต่าง ๆ ซึ่งพระยะโฮวาเป็นฝ่ายชนะโดยตลอด?
10 พระธรรมเยเนซิศบท 14 ได้พรรณนาเรื่องการบุกรุกแผ่นดินแห่งคำสัญญา และเรื่องอับราฮามปราบผู้รุกรานที่ใช้อาวุธ นับว่าเป็นการเอ่ยครั้งแรกถึงการทำศึกสงครามในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์. ดังนั้น นานกว่าสี่ศตวรรษก่อนชัยชนะที่ทะเลแดงพระยะโฮวาทรงแสดงให้ประจักษ์แล้วว่าพระองค์ทรงเป็นนักรบ “นับรบที่องอาจ.” อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเพียงการเริ่มต้น. ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก ทั้งเกริกก้องกว่าครั้งนั้นยังจะติดตามมาอีก รวมทั้งชัยชนะครั้งสุดท้าย “คราวอวสานแห่งระบบของสิ่งต่าง ๆ.”—มัดธาย 24:3.
11. “หนังสือสงครามของพระยะโฮวา” คืออะไร แต่มีที่ใดอีกซึ่งกล่าวหลายเรื่องถึงการสู้รบของพระองค์?
11 ตามที่กล่าวในพระธรรมอาฤธโม 21:14 ว่า ได้มีการเขียน “หนังสือสงครามของพระยะโฮวา.” บันทึกหรือประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้นี้พูดถึงสงครามของพระยะโฮวาเพื่อไพร่พลของพระองค์ บางทีเริ่มด้วยเรื่องสงครามนี้เพื่อเห็นแก่อับราฮามผู้ซื่อสัตย์. โมเซรู้จักหนังสือเล่มนี้แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม. เพราะฉะนั้น เรามิได้รับการบอกกล่าวเสียทุกอย่างที่พระยะโฮวาทรงแสดงตนเป็นนักรบระหว่างช่วงเวลาที่มีการเขียนหนังสือสงครามของพระยะโฮวา. แต่ตั้งแต่มีการกล่าวถึงหนังสือนั้น ส่วนสำคัญแห่งคัมภีร์ไบเบิลได้รับการจารึกขึ้นมา ทั้งนี้ทำให้เราได้รู้เรื่องมากมายเกี่ยวด้วยผลการรบของพระยะโฮวาที่เลื่องลือเกริกก้อง.
ผู้ยิ่งใหญ่กว่ามัลคีเซเด็ค—เป็นนักรบ
12. มัลคีเซเด็คเป็นภาพเล็งถึงผู้ปฏิบัติการยิ่งใหญ่กว่าคนไหนของพระยะโฮวาพระเจ้าองค์สูงสุด และดาวิดได้แต่งบทเพลงอะไรกล่าวถึงท่านผู้นี้ฐานะเป็นปุโรหิตและนักรบ?
12 หลังจากอับราฮามชนะกษัตริย์คะดาระลาโอเม็รและกษัตริย์องค์อื่นที่ทำไมตรีต่อกันแล้ว มัลคีเซเด็คได้อวยพรท่าน. ในเชิงพยากรณ์ มัลคีเซเด็คซึ่งเป็นทั้งกษัตริย์และปุโรหิต จึงเล็งถึงผู้หนึ่งซึ่งจะดำรงตำแหน่งมหาปุโรหิตของพระผู้สูงสุด และเป็นนักรบเก่งกล้าซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้าแห่งสกลโลก. เพลงสรรเสริญบท 110 ประพันธ์โดยดาวิด กษัตริย์ชาตินักรบที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า กล่าวเล็งถึงท่านองค์นี้โดยเฉพาะ ซึ่งยิ่งใหญ่กว่ามัลคีเซเด็คแห่งซาเลมที่ว่า “พระยะโฮวาจะทรงส่งไม้ทัณฑกรแห่งอำนาจของท่านออกจากเมืองซีโอนโดยตรัสว่า ‘จงออกไปปราบในท่ามกลางศัตรูของเจ้า.’ พระยะโฮวาทรงปฏิญาณแล้ว (และพระองค์จะไม่กลับพระทัย) ว่า ‘เจ้าเป็นปุโรหิตถึงเวลาไม่กำหนดตามอย่างมัลคีเซเด็ค!’ พระยะโฮวาเองที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของท่านจะทรงฟาดฟันกษัตริย์ทั้งหลายให้ย่อยยับในวันพิโรธของพระองค์.”—บทเพลงสรรเสริญ 110:2, 4, 5, ล.ม.
13. ในพระธรรมเฮ็บราย บท 7 และ 8 มีการระบุถึงใครซึ่งยิ่งใหญ่กว่ามัลคีเซเด็คคราวโบราณ และผู้นี้ได้เข้าไปในสถานอันสูงส่งอะไรพร้อมด้วยเครื่องบูชาชนิดใด?
13 ผู้เขียนพระธรรมเฮ็บรายโดยการดลใจได้เปิดเผยเอกลักษณ์ของผู้นั้น ซึ่งโดยแท้แล้วถ้อยคำเหล่านั้นมุ่งไปที่พระองค์เมื่อท่านบอกว่า “ผู้นำหน้าได้เสด็จเข้าไปเผื่อเราแล้ว คือพระเยซูผู้ทรงเป็นมหาปุโรหิตเป็นนิตย์ตามอย่างมัลคีเซเด็ค.” (เฮ็บราย 6:20) ในบทถัดไปของพระธรรมเฮ็บรายเป็นคำอธิบายเรื่องความประเสริฐของมัลคีเซเด็คสมัยโบราณ. กระนั้นก็ดี ความประเสริฐแห่งปุโรหิตนั้นไม่เท่ากับความประเสริฐของพระเยซูคริสต์ที่คืนพระชนม์แล้วรับสง่าราศี ผู้ซึ่งมัลคีเซเด็คเป็นภาพเล็งถึง ผู้ซึ่งเสด็จเข้าไปในที่บริสุทธิ์จำเพาะพระเจ้ายะโฮวาพร้อมด้วยคุณค่าแห่งเครื่องบูชาซึ่งวิเศษยิ่งกว่าทุกสิ่งซึ่งกษัตริย์—ปุโรหิตมัลคีเซเด็คแห่งเมืองซาเลมเคยจัดถวาย.—เฮ็บราย 7:1-8:2.
14. ผู้ยิ่งใหญ่กว่ามัลคีเซเด็คเคยให้อำนาจแก่นักศาสนาแห่งคริสต์ศาสนจักร เพื่อมีส่วนร่วมในการรบของประเทศชาติต่าง ๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียนไหม?
14 มัลคีเซเด็คซึ่งเป็นกษัตริย์และปุโรหิตได้อวยพรอับราฮามนักรบผู้มีชัย. แต่จะว่าอย่างไรกับท่านองค์นั้นซึ่งยิ่งใหญ่กว่ามัลคีเซเด็ค ผู้วางรากศาสนาคริสเตียนแท้? นักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักรอ้างว่าเขาเป็นตัวแทนพระเยซูคริสต์เมื่อเขาอวยชัยให้พรกองทัพชาติต่าง ๆ ที่เรียกตัวเองเป็นคริสเตียนและอธิษฐานเผื่อกองทัพเหล่านั้น. แต่มหาปุโรหิตของพระยะโฮวาที่สถิตในสวรรค์ทรงให้การสนับสนุนด้านนี้แก่นักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักรไหม? พระองค์ทรงรับรองไว้ไหมว่า พระองค์เป็นต้นเหตุของการรบราฆ่าฟันกันเท่าที่เป็นมาตลอดสมัยที่เรียกว่ายุคคริสเตียน อีกทั้งการนองเลือดระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง? ไม่เป็นอย่างนั้นเลย! พระองค์ไม่เคยให้อำนาจแก่สาวกแท้ไม่ว่าสมัยใดเพื่อเขาจะเข้าเป็นส่วนของโลกนี้ และร่วมสมทบกับพวกนิยมการทำให้โลหิตตก.
พระเจ้าผู้ทรงเป็นนักรบสร้างพระนามอันงดงามสำหรับพระองค์เอง
15, 16. พระยะโฮวาได้สร้างสิ่งใดสำหรับพระองค์เองเมื่อทรงต่อสู้เพื่อช่วยไพร่พลของพระองค์ออกจากอียิปต์?
15 นะเฮมยา 9:10, (ล.ม.) กล่าวถึงพระยะโฮวาที่ทรงช่วยชนยิศราเอลสิบสองตระกูลพ้นอำนาจของอียิปต์ดังนี้ “พระองค์ทรงกระทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต้านฟาโรห์และปวงข้าราชการตลอดทั้งปวงชนในแผ่นดินของฟาโรห์ เพราะพระองค์ทรงทราบว่าพวกเขาได้ประพฤติอย่างโอหังต่อบรรพบุรุษ [ชาติยิศราเอล] แล้วพระองค์ทรงสร้างพระนามให้พระองค์เช่นทุกวันนี้.”—เทียบกับเอ็กโซโด 14;18.
16 ผู้พยากรณ์ยะซายาอ้างอิงถึงคุณสมบัติของพระนามนี้เมื่อท่านพูดถึงพระยะโฮวาฐานะที่ทรงเป็น “ผู้ให้พระกรอันทรงงดงามของพระองค์ไปเคียงมือขวาของโมเซ; ผู้ที่ได้แยกน้ำทะเลต่อหน้าพวกเขาเพื่อจะให้สร้างพระนามนิรันดร์แด่พระองค์.” และเมื่อพูดกับพระยะโฮวา ท่านพูดดังนี้ “ด้วยเหตุนี้ พระองค์นำไพร่พลของพระองค์ไปก็เพื่อสร้างพระนามอันงดงามแด่พระองค์เอง.” (ยะซายา 63:12-14, ล.ม.) ด้วยคำร้องขอต่อพระยะโฮวาให้ปฏิบัติการอีกครั้งหนึ่งเพื่อไพร่พลของพระองค์ ดานิเอลได้ทูลขอพระองค์ดังนี้ “ผู้ได้ทรงนำพลเมืองของพระองค์ออกมาจากประเทศอายฆุบโตด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์และได้พระนามอุโฆษมาจนทุกวันนี้.”—ดานิเอล 9:15; ยิระมะยา 32:20.
17. พระยะโฮวาจะส่งผู้ใดออกไปรบในนามของพระองค์ และด้วยเหตุนี้พระองค์จะทรงสำแดงอะไรให้ประจักษ์แก่นานาชาติทั้งปวงสมัยนี้?
17 ครั้นถึงเวลาแล้ว พระเจ้ายะโฮวาจะส่งพระเยซูคริสต์ผู้ยิ่งใหญ่กว่ามัลคีเซเด็คออกไปในฐานะนักรบที่แกล้วกล้า. โดยทางพระเยซูนี้แหละพระยะโฮวาจะสร้างพระนามแด่พระองค์เองให้ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีในอดีต ที่พรรณนาไว้ในหนังสือสงครามของพระยะโฮวาหรือในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ภาคภาษาฮีบรู. ในพระธรรมเล่มก่อนเล่มสุดท้ายแห่งคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูได้กล่าวล่วงหน้าถึงการที่นานาชาติจะโจมตีกรุงยะรูซาเลม. ครั้นแล้ว ตามที่บันทึกในซะคาระยาบท 14:3 ว่า “แลพระยะโฮวาจะเสด็จไปรบประเทศเหล่านี้เหมือนเมื่อพระองค์ได้ทำศึกในวันสงครามครั้งหนึ่ง.” ด้วยวิธีนี้ พระเจ้าผู้บันดาลให้มีคัมภีร์ไบเบิลจะทรงสำแดงให้นานาชาติสมัยนี้เห็นว่า พระองค์ยังคงเป็นพระเจ้านักรบเหมือนที่เคยเป็นมาแล้วในสมัยยิศราเอลโบราณ.
18, 19. ยะรูซาเลมไหนจะเป็นเป้าหมายที่นานาชาติจะโจมตีทุกด้าน?
18 นี้คือเหตุการณ์ที่เรายังจะประสบในวันข้างหน้า. แต่ยะรูซาเลมไหนล่ะจะถูกโจมตีรอบด้านอย่างนั้น? คำพยากรณ์นั้นไม่ได้สำเร็จเป็นจริงกับยะรูซาเลมสมัยซะคาระยา. กรุงนี้ถูกกองทัพโรมันทำลายเรียบในปีสากลศักราช 70. อย่างไรก็ดี กรุงยะรูซาเลมก็ได้รับการบูรณะและทุกวันนี้คริสต์ศาสนจักรและชนชาติยิศราเอลฝ่ายเนื้อหนังถือว่าเป็นนครศักดิ์สิทธิ์. สงครามหกวันเมื่อปี 1967 ชาวอิสราเอลฝ่ายเนื้อหนังได้ยึดครองเขตแดนยะรูซาเลมที่สร้างขึ้นใหม่ไว้ทั้งหมด. แต่ไม่มีหลักฐานแสดงให้เห็นเลยว่าพระเจ้ายะโฮวาได้มีส่วนร่วมในการรบครั้งนั้น. พระมหากษัตริย์เยซูคริสต์ซึ่งพระองค์แต่งตั้งก็หาได้ทำการปกครองนครเยรูซาเลมทางโลกนี้ไม่ และนครนี้ก็ใช่ว่าจะเป็น “ราชธานีของพระมหากษัตริย์” หรือของพระยะโฮวาอีกต่อไป.—มัดธาย 5:35.
19 นครหลวงของชาติยิวอย่างเป็นทางการแห่งนี้ซึ่งเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติจึงไม่ใช่ยะรูซาเลมตามที่กล่าวในคำพยากรณ์ของซะคาระยา. แต่ซะคาระยากล่าวพาดพิงถึงยะรูซาเลมซึ่งมีกล่าวถึงในพระธรรมเฮ็บราย. ที่นั่นเปาโลกล่าวต่อคริสเตียนผู้ถูกเจิมว่า “ท่านทั้งหลายมาถึงภูเขาซีโอน และมาถึงเมืองของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ คือเมืองยะรูซาเลมแห่งสวรรค์ และมาถึงพวกทูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับประมาณได้.” (เฮ็บราย 12:22) ยะรูซาเลมแห่งสวรรค์ไม่ใช่อะไรอื่นแต่เป็นราชอาณาจักรมาซีฮาของพระเจ้า ซึ่งในทุกวันนี้มีคริสเตียนผู้ถูกเจิมจำนวนเล็กน้อยเป็นตัวแทนอยู่บนแผ่นดินโลก ผู้ซึ่งชื่นชมกับความหวังที่ได้เป็นผู้ร่วมปกครองราชอาณาจักรนี้กับพระเยซูคริสต์. คนเหล่านี้จะเป็นเป้าของการโจมตีดังที่ได้พยากรณ์ไว้.
20. กษัตริย์ฮีศคียาได้ตรัสถ้อยคำอะไรเพื่อให้กำลังใจแก่พลเมืองของพระองค์ซึ่งถูกข่มขู่ และพยานพระยะโฮวาสมัยนี้ได้สำรวมใจของตนโดยรับฟังคำตรัสของกษัตริย์องค์ใดซึ่งยิ่งใหญ่กว่าฮีศคียา?
20 อย่างไรก็ดี ชนเหล่านี้หรือคริสเตียนชนกลุ่มใหญ่ซึ่งมีความหวังทางแผ่นดินโลกและได้ออกมาจากนานาชาติเพื่อสมทบกับผู้ถูกเจิมเหล่านั้นในการนมัสการอันบริสุทธิ์ จะไม่ต้องหวั่นกลัวการโจมตีที่จะมีมาในครั้งนี้. เมื่อกองทัพอันน่าครั่นคร้ามของซันเฮริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ยกมารุกรานยะรูซาเลมในรัชกาลฮีศคียา ชาติยิศราเอลที่ตกอยู่ในอันตรายก็ได้รับการบอกกล่าวจากกษัตริย์ฮีศคียาเตือนพวกเขาให้ตั้งอยู่ในความสงบดังนี้ “ฝ่ายเขามีแต่กำลังเนื้อหนัง แต่ฝ่ายเรามีพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทรงสถิตกับเราที่ทรงช่วยเราและสู้รบฝ่ายเรา.” ผลก็คือ “ประชาชนก็วางใจในพระดำรัสของเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดา.” (2 โครนิกา 32:8, ฉบับแปลใหม่) พยานพระยะโฮวาสมัยนี้ เมื่อถูกข่มขู่คุกคามโดยชาติต่าง ๆ แห่งระบบของโลกนี้ย่อมจะวางใจคำตรัสทำนองเดียวกันของพระเยซูคริสต์ผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ฮิศคียา.
21. (ก) เหตุใดเราจะระลึกถึงคำพูดของยะฮะซีเอลในคราวที่จะมีการโจมตียะรูซาเลมฝ่ายสวรรค์? (ข) ผลของการต่อสู้ในการสงครามครั้งนั้นจะเป็นประการใด?
21 ในเวลานั้น คงจะนึกถึงถ้อยคำของยะฮะซีเอลจากตระกูลเลวีซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้มีความเชื่อที่ว่า “ในการนี้ ท่านทั้งหลายไม่ต้องสู้รบ แต่จงยืนนิ่งอยู่กับที่ แล้วท่านทั้งหลายคงจะได้เห็นความสงเคราะห์ช่วยเหลือของพระยะโฮวาซึ่งทรงสถิตอยู่ด้วย โอพวกยูดาและชาวกรุงยะรูซาเลมเอ๋ย อย่ากลัว อย่าตกใจเลย พรุ่งนี้จงพากันออกไปสู้พวกนั้นเถิด เพราะพระยะโฮวาจะทรงสถิตอยู่ด้วย.” (2 โครนิกา 20:17) ใช่แล้ว ในช่วงเวลาอันวิกฤติเช่นนั้น พระยะโฮวาจะสถิตกับพลไพร่ของพระองค์. ความปลอดภัยและการคุ้มครองย่อมขึ้นอยู่กับการที่พระองค์สู้รบเพื่อเขา. และพระองค์จะสู้รบโดยทางกษัตริย์นักรบของพระองค์คือพระเยซูคริสต์! ผลเป็นอย่างไร? องค์การที่เห็นประจักษ์ของพญามารบนแผ่นดินโลกจะประสบความหายนะโดยสิ้นเชิง.—วิวรณ์ 19:11-21.
22. (ก) หนังสือสงครามของพระยะโฮวาจะมีบทส่งท้ายอะไรที่จะกล่าวถึงชัยชนะ และการเช่นนี้พระยะโฮวาจะสร้างอะไรสำหรับพระองค์เอง? (ข) ผู้รักพระนามของพระยะโฮวาจะถูกกระตุ้นให้ทำอะไรเนื่องด้วยชัยชนะ ของพระองค์?
22 พระเจ้าจะทรงสร้างพระนามอันงดงามสักเพียงไรสำหรับพระองค์เองโดยชัยชนะอันก่อความครั่นคร้ามใน “วันสงครามแห่งวันใหญ่แห่งพระเจ้าองค์ทรงฤทธิ์” ณ ฮาร์มาเก็ดดอน! (วิวรณ์ 16:14, 16) หนังสือสงครามของพระยะโฮวาจะมีเสมือนการเพิ่มบทใหม่เข้าไปอีก. มันคงจะเป็นบทส่งท้ายอย่างมีชัยว่าด้วยระบบแห่งสิ่งต่าง ๆ. แล้วหนังสือนี้ตลอดเล่มจะแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าองค์ทรงฤทธิ์ไม่เคยพ่ายแพ้การสงคราม. หลังจากนั้นบรรดาผู้รักพระนามของพระยะโฮวาจะแซ่ซ้องร้องถวายชัยพระองค์อย่างเกริกก้องเพียงใด! ครั้นแล้วข้อสุดท้ายแห่งพระธรรมบทเพลงสรรเสริญจะกลายเป็นจริงอย่างแน่นอนที่ว่า “ให้สรรพสัตว์ที่มีลมหายใจสรรเสริญพระยะโฮวา. ท่านทั้งหลายจงสรรเสริญพระยะโฮวาเถิด!”—บทเพลงสรรเสริญ 150:6.
คำถามทบทวน
▫ มนุษย์สมัยนี้แทบจะไม่คำนึงถึงอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวาพระเจ้าแห่งคัมภีร์ไบเบิล?
▫ อับราฮามได้ทำสงครามกับใคร และใครช่วยท่านรบชนะ?
▫ “หนังสือสงครามของพระยะโฮวา” คืออะไร?
▫ อะไรจะเป็นบทส่งท้ายใน “หนังสือสงครามของพระยะโฮวา” และจะมีผลเป็นประการใด?