ได้รับความจริงครบถ้วน!
ฟรานซิสโกออกความเห็นว่า “ผมไม่เคยเห็นชื่อนั้นในพระคัมภีร์ของผม.” มีการยกพระนามยะโฮวาขึ้นมาในการถกกับพยานพระยะโฮวาคนหนึ่ง. จริงอยู่ เขาไม่สามารถพบพระนามของพระเจ้าในพระคัมภีร์ของเขาฉบับแปลอัลมีดา ภาษาปอร์ตุเกส พิมพ์ในปี 1969. พระนามยะโฮวามิได้ปรากฏในฉบับนั้น. ในฐานะคาทอลิกชาวบราซิล พรานซิสโกเข้าร่วมพิธีมิซซาเป็นประจำในวันอาทิตย์และชอบอ่านพระคัมภีร์ที่บ้านของตน. แต่พระนามยะโฮวาทำให้เขารู้สึกทึ่ง.
ใครคือพระเจ้า?
สัปดาห์ต่อมา พยานฯนำพระคัมภีร์ฉบับแปลอัลมีดาอีกฉบับหนึ่งมาให้เขา. เขาทั้งสองเปรียบเทียบสองฉบับด้วยกันที่บทเพลงสรรเสริญ 83:18. และเขาได้พบอะไร? เอาละ ในฉบับที่พิมพ์ออกในปี 1966 ข้อนี้อ่านว่า “พระองค์ผู้เดียว ผู้มีพระนามว่ายะโฮวาทรงเป็นพระผู้สูงสุดเหนือแผ่นดินโลก”! อย่างไรก็ดี ฉบับปี 1969 นั้นมีการใช้คำ “องค์พระผู้เป็นเจ้า” แทนคำ “ยะโฮวา.” พยานฯพูดว่า “คุณดูซิ เขาเปลี่ยนอะไรบางอย่างตรงนี้” และจากนั้นเขาถามว่า “‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ ไม่ใช่ชื่อแน่ ๆ ใช่ไหม?” ฟรานซิสโกบอกว่า “ไม่ใช่.” เขาเสริมอย่างค่อนข้างจะขุ่นเคืองว่า “พวกเขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”
ทั้งนี้เปิดทางไว้สำหรับการค้นคว้าเกี่ยวกับพระนามของพระเจ้า. อาทิเช่น ฟรานซิสโกได้เรียนรู้ว่าตามเดอะ คาทอลิก เอ็นไซโคลพีเดีย (1910) นั้น ยะโฮวาเป็น “พระนามเฉพาะของพระเจ้าในพระคริสตธรรมเดิม.” เขาได้เรียนรู้ด้วยว่าใน “พระคริสตธรรมเดิม” ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการเขียนเป็นภาษาฮีบรู พระนามนั้นปรากฏเกือบ 7,000 ครั้ง. ผู้แปลไม่มีสิทธิ์จะเปลี่ยนพระนามเฉพาะยะโฮวามาเป็นบรรดาศักดิ์องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ไม่เฉพาะเจาะจง. ฟรานซิสโกต้องการทราบความจริงในเรื่องพระนามยะโฮวา และเขาก็ได้รับความจริงนั้นจากพระคัมภีร์เอง และโดยการค้นคว้าที่ได้รับการชี้นำอย่างเหมาะสม.
ฐานะของพระเยซูคืออย่างไร?
ดังที่กล่าวไว้ในบทความก่อน ศาสนาฝ่ายโลกได้ปลอมปนความจริงหลายประการ. ในการรับใช้ตามบ้านนั้น พยานพระยะโฮวามักมีโอกาสที่จะสังเกตดูสิ่งที่ประชาชนเชื่อถือ. แน่นอน อาจต่างกันไปตามที่ต่าง ๆ แต่ความเห็นบางอย่างมักได้ยินบ่อย ๆ. อาทิเช่น เมื่อถูกถามว่า ‘ใครเป็นพระเจ้า?’ เจ้าของบ้านบางคนบอกว่า ‘พระเยซู.’ เขาหมายความว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ. แต่ความคิดนี้แสดงถึงความจริงไหม?
จงคิดถึงจุดสำคัญต่อไปนี้. พระเยซูทูลอธิษฐานถึงพระบิดาของพระองค์ว่า “นี่แหละหมายถึงชีวิตนิรันดร์คือการที่เขารับเอาความรู้เกี่ยวด้วยพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และเกี่ยวด้วยผู้ที่พระองค์ทรงใช้มาคือพระเยซูคริสต์.” (โยฮัน 17:3, ล.ม.) คุณสังเกตไหมว่าพระเยซูมิได้ตรัสพาดพิงถึงพระองค์ หากแต่ตรัสถึงพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของพระองค์ในฐานะ “พระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว”? เพราะฉะนั้น สาวกรุ่นแรกของพระเยซูเป็นฝ่ายถูกเมื่อพวกเขาทูลต่อพระองค์ว่า “แท้จริง พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า.” พระเยซูเองตรัสว่า “เราเป็นบุตรของพระเจ้า.” เพราะฉะนั้น ความจริงคือว่า พระเยซูไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ หากแต่พระองค์เป็นพระบุตร ของพระยะโฮวาพระเจ้า.—มัดธาย 14:33; โยฮัน 10:36.
อนาคตของแผ่นดินโลกคืออะไร?
จะว่าอย่างไรเกี่ยวกับอนาคตของคนรุ่นนี้และของแผ่นดินโลก? จอห์น เอฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีของสหรัฐที่ล่วงลับไปแล้วได้กล่าวในคำปราศรัยต่อที่ประชุมสมัชชาของสหประชาชาติว่า “เรามีพลังที่จะทำให้มนุษยชาติรุ่นนี้เป็นรุ่นดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก—หรือมิฉะนั้นก็ทำให้เป็นรุ่นสุดท้าย.” ผู้นำของโลกในสมัยปัจจุบันดูเหมือนจะรู้สึกอย่างเดียวกัน. สิ่งที่พยานพระยะโฮวาได้ยินอยู่เนือง ๆ ในการเผยแพร่ของเขาคือว่า ในคราวอวสานของโลก ดาวเคราะห์โลกจะถูกทำลายด้วยไฟหรือโดยสงครามนิวเคลียร์. ในการสนับสนุนความเชื่อนี้ บางคนชี้ไปยังวิวรณ์ 21:1 ซึ่งแจ้งว่า “ข้าพเจ้าได้เห็นฟ้าอากาศใหม่ และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะฟ้าอากาศเดิม และแผ่นดินโลกเดิมนั้นล่วงไปแล้ว และทะเลไม่มีต่อไปเลย.”
บ่อยครั้งพระคัมภีร์ใช้คำ “แผ่นดินโลก” ในความหมายเชิงอุปมา พาดพิงถึงมนุษยชาติ. ตัวอย่างหนึ่งพบได้ในเยเนซิศ 11:1 [ล.ม.] ซึ่งแจ้งว่า “แผ่นดินโลกทั้งสิ้น ยังคงมีภาษาเดียว และถ้อยคำชุดเดียว.” (โปรดดู 1 กษัตริย์ 2:1, 2; บทเพลงสรรเสริญ 96:1 ด้วย.) ที่วิวรณ์ 21:1 “แผ่นดินโลกเดิม” พาดพิงถึงมิใช่ดาวเคราะห์ดวงนี้ หากแต่หมายถึงสังคมมนุษย์ที่ชั่วช้าซึ่งจะถูกทำลาย. ทั้งนี้จะเปิดทางไว้สำหรับการฟื้นฟูอุทยานบนแผ่นดินโลกขึ้นใหม่. (ลูกา 23:43; 2 เธซะโลนิเก 1:6-9; วิวรณ์ 21:4) และเรื่องนี้สอดคล้องกับส่วนอื่น ๆ ทั้งหมดของพระคัมภีร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าแผ่นดินโลกตามตัวอักษรจะไม่ถูกทำลายเลย. อาทิเช่น บทเพลงสรรเสริญ 104:5 แถลงว่าพระเจ้า “ทรงประดิษฐานรากแผ่นดินโลกไว้ เพื่อจะให้มั่นคงเป็นนิตย์.” (เปรียบเทียบท่านผู้ประกาศ 1:4.) ที่จริง พระยะโฮวา ‘สร้างโลกไว้เพื่อให้เป็นที่อาศัย’ ชั่วกัลปาวสาน.—ยะซายา 45:18.
ทำไมจึงจำต้องได้รับความจริงครบถ้วน?
เรื่องที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างของความคิดอันผิดพลาดที่แพร่หลายทีเดียวในทุกวันนี้. อย่างไรก็ดี เมื่อเจ้าของบ้านเต็มใจจะหาเหตุผล ดังที่เป็นไปในกรณีของฟรานซิสโก พยานพระยะโฮวารู้สึกดีใจที่มีการเปิดทางไว้สำหรับการสนทนากันอย่างที่ทำให้รู้แจ้งเกี่ยวกับความจริงอันถูกหลักพระคัมภีร์.
การไม่ได้รับความจริงอันครบถ้วนอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าเสียใจได้. ยกตัวอย่าง: เมื่อพระเยซูอยู่บนแผ่นดินโลก หลายคนถูกโน้มน้าวให้เชื่อว่า พระองค์เป็นเพียงบุตรชายอีกคนหนึ่งของมาเรียกับโยเซฟ เป็นแค่อดีตช่างไม้จากนาซาเร็ธ. เนื่องจากเหตุนี้พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจต่อพระองค์เท่าไรนัก. เขาเป็นฝ่ายถูกอยู่บ้าง. พระเยซูเป็นบุตรของมาเรีย ที่ได้ตั้งครรภ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์. พระองค์เป็นบุตรบุญธรรมของโยเซฟ และพระองค์เคยทำงานฐานะเป็นช่างไม้จริง ๆ. (มาระโก 6:3) แต่นั่นเป็นความจริงครบถ้วนเกี่ยวกับพระองค์ไหม? ไม่! พระองค์ทรงเป็นพระมาซีฮา และจะเป็น “พระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย” ในอนาคตโดยแท้! (วิวรณ์ 17:14; ลูกา 1:32-35; กิจการ 2:36) การไม่ได้รับความจริงครบถ้วนเกี่ยวกับพระเยซูได้ทำให้หลายคนสูญเสียสิทธิพิเศษที่จะไม่มีซ้ำอีกเลย—การเพลิดเพลินกับการคบหาสมาคมเป็นส่วนตัวกับพระเยซูบนแผ่นดินโลก.
จงค้นหาความจริงครบถ้วน
เมืองเบรอยะ (ปัจจุบันมีชื่อว่า เวอโรเอีย) ในมาเซโดเนียโบราณ เป็นที่รู้จักดีสำหรับผู้อ่านพระคัมภีร์ เนื่องจากเจตคติที่น่าชมเชยของชาวเมืองนั้นในศตวรรษแรก. เจตคตินั้นคืออะไร? บันทึกแจ้งว่า “เขาได้รับรองเอาถ้อยคำ [ที่ประกาศโดยอัครสาวกเปาโล] นั้นด้วยใจกระตือรือร้นอย่างยิ่ง และตรวจค้นดูพระคัมภีร์อย่างรอบคอบทุก ๆ วัน เพื่อดูว่าข้อความนั้นจะจริงดังกล่าวหรือไม่.” ผลล่ะ? “เหตุฉะนั้นมีหลายคนในพวกเขาได้เชื่อถือ กับทั้งหญิงชายชาติเฮเลนที่เป็นคนสำคัญ ๆ ด้วย.”—กิจการ 17:11, [ล.ม.] 12.
ที่ควรแก่การยกย่องชมเชยไม่น้อยไปกว่ากันก็คือเจตคติของพวกผู้พยากรณ์ของพระเจ้าในสมัยก่อน. พวกเขาได้ทำ “การอุตส่าห์สืบสวนและค้นหาอย่างถี่ถ้วน” เกี่ยวกับความรอดที่ต้องได้ผ่านมาทางพระมาซีฮา. (1 เปโตร 1:10, ล.ม.) พระเจ้าทรงอวยพรความพยายามของเขา. ดังนั้นแล้ว ปรากฏชัดว่าไม่มีทางลัด. การค้นหาอย่างต่อเนื่องและการตรวจค้นดูคำสอนอย่างรอบคอบ—นี้เป็นวิธีที่จะได้รับความจริงครบถ้วนจากพระคัมภีร์!
คุณอาจสงสัย ‘ฉันควรเริ่มต้นตรงไหน?’ หลังจากอ่านสรรพหนังสือของคริสเตียนบางเล่มแล้ว สตรีคนหนึ่งในประเทศบราซิลเขียนจดหมายมาว่า “เรา [เธอกับสามี] ได้มาสำนึกในไม่ช้าว่าเราจำเป็นต้องมีความรู้แบบนั้นมากขึ้นเพื่อได้รับคำตอบสำหรับปัญหาหลายอย่างที่เรามีอยู่ . . . ได้โปรดเถิด ดิฉันจะได้รับพระคัมภีร์และหนังสืออื่นซึ่งจะช่วยดิฉันให้รู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเราได้อย่างไร?” เธออยู่บนวิถีทางที่ถูกต้อง: อ่านคัมภีร์ไบเบิลกับสรรพหนังสือที่เป็นความจริงซึ่งอาศัยพระคัมภีร์เป็นหลัก. หากคุณต้องการความจริงครบถ้วนด้วยเช่นกัน จงเปิดหัวใจของคุณต่อพระยะโฮวาพระเจ้า แล้วทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์. และโปรดสังเกตถ้อยคำที่หนุนกำลังใจเหล่านี้: “ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอพระเจ้าต่อ ๆ ไป เพราะพระองค์ทรงประทานแก่ทุกคนด้วยพระทัยเอื้ออารีและโดยมิได้ทรงติว่า แล้วจะทรงประทานให้แก่ผู้นั้น. แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอต่อ ๆ ไปด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย.”—ยาโกโบ 1:5, 6, ล.ม.
ประชาชนหลายล้านคนกำลังพิจารณาพระคัมภีร์กับพยานพระยะโฮวา โดยวิธีนี้จึงอุตส่าห์สืบสวนและค้นหาความจริงอย่างถี่ถ้วน. การรับความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับพระเจ้าองค์เที่ยงแท้และพระเยซูคริสต์ แล้วนำความรู้ดังกล่าวไปใช้หมายถึงชีวิตนิรันดร์. (โยฮัน 17:3) นั่นอาจเป็นพระพรอันยอดเยี่ยมของคุณได้หากคุณอุตส่าห์ค้นหาและได้รับความจริงครบถ้วน.
[รูปภาพหน้า 7]
ความจริงครบถ้วนเกี่ยวกับพระเยซูคือว่า พระองค์เป็นพระมาซีฮา ไม่ใช่เป็นเพียงช่างไม้