บัดนี้ถึงเวลาที่จะแสวงหาพระยะโฮวา
“พระยะโฮวาได้ทรงทอดพระเนตรจากสวรรค์ดูบุตรมนุษย์ ประสงค์จะเห็นว่ามีผู้ใดประพฤติการดีรอบคอบ คือได้แสวงหาพระเจ้า.”—บทเพลงสรรเสริญ 14:2.
1, 2. (ก) หลายคนมีความคิดเห็นอย่างไรเรื่องพระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้? (ข) เราทราบอย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงล่วงรู้ในความไม่แยแสของมนุษย์?
ทุกวันนี้ พระเจ้ายะโฮวาไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่นักอเทวนิยม พวกอไนยนิยม พวกที่บูชาพระเท็จ และคนนับล้านซึ่งอ้างว่าเชื่อพระเจ้า แต่บอกปัดพระองค์โดยการประพฤติของเขา. (ติโต 1:16) หลายคนมีความเชื่อเหมือนนีทซ์เช นักปรัชญาชาวเยอรมันที่ว่า “พระเจ้าสิ้นพระชนม์แล้ว.” พระยะโฮวาไม่ทรงล่วงรู้ทีเดียวหรือถึงความไม่แยแสโดยสิ้นเชิงเช่นนี้? ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะพระองค์ได้ทรงดลใจดาวิดให้จารึกดังนี้: “คนโฉดเขลากล่าวในใจของตนแล้วว่า ‘พระเจ้า [ยะโฮวา] ไม่มี.’ เขาทั้งหลายประพฤติชั่วช้าลามก กระทำการน่าเกลียด หามีคนใดที่ประพฤติดีไม่.”—บทเพลงสรรเสริญ 14:1.
2 ดาวิดกล่าวสืบไปว่า “พระยะโฮวาได้ทรงทอดพระเนตรจากสวรรค์ดูบุตรมนุษย์ ประสงค์จะเห็นว่ามีผู้ใดประพฤติการดีรอบคอบ คือได้แสวงหาพระเจ้า.” ถูกแล้ว องค์บรมมหิศรทรงรู้จักคนเหล่านั้นที่อยากรู้และรับใช้พระองค์. ดังนั้น การที่เราตั้งใจแสวงหาพระองค์ขณะนี้ นับว่าสำคัญ. เพราะจะหมายถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตนิรันดรกับการสาบสูญตลอดกาล.—บทเพลงสรรเสริญ 14:2; มัดธาย 25:41, 46; เฮ็บราย 11:6.
3. ศักยภาพในด้านใดที่มีอยู่แล้วสำหรับอนาคต?
3 ดังนั้น เราเข้าใจได้ว่าทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่เราช่วยเหลือคนอื่นให้แสวงหาพระยะโฮวาเสียเดี๋ยวนี้. ยังมีอีกหลายล้านคนซึ่งไม่เคยพบปะพยานพระยะโฮวาเลย หรือไม่เคยได้ยินได้ฟัง “ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร.” และจำนวนผู้คนที่จะเข้ามาเป็น “ชนฝูงใหญ่” จะเพิ่มขึ้นเพียงใดก่อนถึง “ความทุกข์ลำบากใหญ่” เราก็ไม่ทราบ. แต่ที่แน่ ๆ ก็คือมีความเป็นไปได้ว่าคนอีกจำนวนมากจะแสวงหาแล้วจะพบพระเจ้ายะโฮวาในอนาคตอันใกล้นี้ก่อนที่จะสายเกินไป. ปัญหาในขณะนี้คือว่า เราอาจทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยคนอีกหลายหมื่นแสนให้พบพระเจ้า?—มัดธาย 24:14; วิวรณ์ 7:9, 14.
4, 5. ในการแสวงหาพระเจ้า หลายคนพอใจกับสิ่งใด?
4 ผู้คนมากมายในโลกทุกวันนี้กำลังแสวงหา แต่เขาเสาะหาอะไร? มีเพียงจำนวนน้อยกำลังตั้งใจแสวงหาพระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว. หลายคนมักจะเลือกพระเจ้าที่เข้ากันได้กับความปรารถนาและฉันทาคติของตัวเอง. ดังที่จอร์จ กัลลัพ จูเนียร์ นักสำรวจความเห็นประชาชนแห่งสหรัฐกล่าวว่า “จริง ๆ แล้วคุณไม่พบเห็นความต่างกันมากเท่าไรระหว่างคนเคร่งศาสนากับคนไม่ถือเคร่งในแง่การโกง การหลบเลี่ยงภาษีและการลักเล็กขโมยน้อย ส่วนใหญ่เพราะมีศาสนาเพื่อการคบค้าสมาคมอยู่มากมาย.” เขากล่าวเสริมว่า “หลายคนเพียงแต่เลือกศาสนาที่ยังความสะดวกสบายสำหรับตัวเองและทำให้ชุ่มชื่นใจ . . . บางคนเรียกการทำเช่นนี้ว่าศาสนาอะลาคาร์ท (สั่งอาหารตามใจชอบ).
5 บางคนจะบอกว่า “ศาสนาของฉันดีพอสำหรับฉัน.” ที่จริง คำถามน่าจะเป็นอย่างนี้: “ศาสนาของฉันดีพอสำหรับพระเจ้าไหม?” จริงอยู่ ผู้คนส่วนใหญ่ในคริสต์ศาสนจักรและในศาสนาฮินดูพอใจจะสักการะบูชารูปจำลองและรูปเคารพ. พวกที่อ้างตัวเป็นคริสเตียนส่วนมากเห็นว่า พระตรีเอกานุภาพนิรนามนั้นดีพออยู่แล้วสำหรับเขา. ส่วนชาวมุสลิม 900 ล้านกว่าคนเชื่อในอัลเลาะห์. ในทางกลับกัน พวกอเทวนิยมหลายล้านคนบอกว่าพระเจ้าไม่มี.
ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ
6. หลายคนที่อ่านวารสารหอสังเกตการณ์ ได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
6 แต่จะว่าอย่างไรกับพวกเราซึ่งเคยอ่านวารสารหอสังเกตการณ์ เป็นประจำ? เราได้แสวงหาพระเจ้าองค์เที่ยงแท้และได้พบพระองค์. เราได้พิสูจน์แล้วว่าถ้อยคำในยาโกโบ 4:8 เป็นความจริงที่ว่า “จงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงเข้าใกล้ท่านทั้งหลาย.” โดยการสมาคมคบหาอย่างจริงจังกับประชาคมคริสเตียน เราจึงเข้ามาใกล้พระเจ้า และเราประสบด้วยตนเองว่าพระยะโฮวาทรงเข้าใกล้พวกเรา.—โยฮัน 6:44, 65.
7. เรารู้อย่างไรว่า มีคนจำนวนไม่น้อยยังสนใจที่จะเข้ามาเอาการเอางานเกี่ยวกับความจริง?
7 อย่างไรก็ดี เรารู้ว่ายังมีหลายคนยินดีมาคบหาเป็นครั้งคราวกับไพร่พลของพระยะโฮวา แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริงจังเพื่อเข้ามาใกล้พระยะโฮวาโดยการอุทิศตัวและรับบัพติสมา. เราทราบได้อย่างไร? ในปี 1990 มีเกือบสิบล้านคนได้ร่วมประชุมอนุสรณ์ระลึกการวายพระชนม์ของพระเยซู. แต่ผู้ที่ทำงานประกาศข่าวดีแห่งราชอาณาจักรอย่างขันแข็งมีเท่าไร? เพียงสี่ล้านกว่าคน. นั้นหมายความว่าเรามีประมาณหกล้านคนซึ่งแสดงตัวเป็นมิตรต่อความจริงและบางครั้งเข้ามาคบหากับพวกเราแต่ก็ยังไม่เริ่มพูดภาษาบริสุทธิ์เกี่ยวด้วยสัจธรรมด้วยการประกาศข่าวดีแห่งราชอาณาจักร. ไม่ต้องสงสัย บางครั้งพวกเขาหลายคนพูดสนับสนุนพระยะโฮวาและการปกครองราชอาณาจักรของพระองค์. อย่างไรก็ดี คนเหล่านี้ยังไม่แสดงตัวเด่นชัดเป็นพยานพระยะโฮวา. พวกเราต้องการช่วยคนเหล่านี้เช่นกัน.—ซะฟันยา 3:9; มาระโก 13:10.
8, 9. (ก) พระยะโฮวาทรงสนับสนุนเราให้ทำอะไร? (ข) เหตุใดจึงไม่ฉลาดเลยหากเพิกเฉยต่อคำแนะนำของพระยะโฮวา?
8 เราต้องการสนับสนุนคนเหล่านี้ให้เป็นพยานพระยะโฮวาที่มีความสุขและขยันขันแข็งทำงานใหญ่ในรอบสุดท้ายซึ่งขณะนี้กำลังทำกันอยู่แล้วทั่วโลก. โปรดสังเกตการเชิญด้วยความรักของพระยะโฮวาในสุภาษิต 1:23 ที่ว่า “เจ้าจงหันมาตามคำตักเตือนของเรา. นี่แน่ะ เราจะเทวิญญาณของเราลงที่เจ้า เราจะกระทำให้เจ้าทั้งหลายรู้ถึงถ้อยคำของเรา.” (เทียบกับโยฮัน 4:14.) ช่างเป็นการชูใจเพียงใดที่รู้ว่าพระยะโฮวาทรงตอบสนองการกระทำอันแน่วแน่ของเราในอันที่จะแสดงตัวด้วยพระนามและการนมัสการพระองค์! แน่นอน เราไม่ต้องการจะถูกนับรวมอยู่ในท่ามกลางผู้ที่พระธรรมสุภาษิต 1:24, 25 พรรณนาไว้ว่า “เราได้ร้องเรียก และเจ้าได้ปฏิเสธ เราได้ยื่นมือของเราออกรับ แต่ไม่มีใครสนใจ แต่เจ้าทั้งปวงถือว่าบรรดาคำตักเตือนของเราเปล่าประโยชน์ และไม่อาจใจใส่ต่อคำตักเตือนของเรา.”
9 พวกที่เพิกเฉยต่อคำตักเตือนของพระยะโฮวาที่ให้แสวงหาพระองค์ขณะจะพบพระองค์ได้ และพวกที่เลื่อนการตัดสินใจออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาแลเห็นความทุกข์ลำบากใหญ่เริ่มขึ้นจริง ตอนนั้นเขาจะรู้ว่าตนได้รั้งรออยู่นานเกินไป. การทำเช่นนั้นย่อมแสดงถึงการขาดความเชื่อและสติปัญญา และจะเป็นการดูถูกความกรุณาอันไม่พึงได้รับของพระยะโฮวาด้วย.—2 โกรินโธ 6:1, 2.
10. ทำไมความเฉยเมยและความไม่แยแสจึงเป็นอันตราย?
10 เพื่อเปรียบเทียบความจำเป็นต้องลงมือปฏิบัติทันที คุณจะปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างมีเหตุผลของหมอเฉพาะเมื่อคุณป่วยด้วยโรคปอดบวมจนเพียบหนักเช่นนั้นหรือ? หรือปฏิบัติตามเมื่อรู้อาการตั้งแต่แรก? แล้วทำไมคุณยังจะรออยู่ต่อไปกว่าจะแยกตัวออกจากโลกที่เสื่อมทรามของซาตาน และเข้ามาเป็นฝ่ายพระยะโฮวาและฝ่ายพยานของพระองค์? ผลสืบเนื่องของความเฉยเมย ความไม่แยแสและการละเลยก็แจ้งชัดอยู่แล้วที่สุภาษิต 1:26-29 ดังนี้: “เราจะเย้ยเมื่อความกลัวของเจ้ามาสู่เจ้า คือเมื่อความกลัวบังเกิดแก่เจ้า . . . ขณะนั้นเขาทั้งปวงจะร้องเรียกหาเรา แต่เราจะไม่ขานรับ เขาทั้งปวงจะบากบั่นแสวงหาเรา แต่เขาจะไม่พบเราเพราะว่าเขาทั้งหลายได้ชังความรู้ และมิได้เลือกเอาความยำเกรงพระยะโฮวา.” ขออย่าให้เราเป็นฝ่าย ‘แสวงหาพระยะโฮวา’ เมื่อสายไปแล้ว!
11. การช่วยเหลือแบบไหนซึ่งมีไว้สำหรับผู้ที่ปรารถนาจะรับใช้พระเจ้า?
11 บางคนซึ่งอ่านวารสารของเรา อาจอยู่ในระหว่างแสวงหาพระเจ้าเที่ยงแท้. พวกเรายินดีที่คุณเองบากบั่นแสวงหา. พวกเราอธิษฐานเพื่อว่าความรู้ด้านพระคัมภีร์ที่คุณได้เรียนนั้นจะเป็นแรงกระตุ้นคุณให้ปฏิบัติขั้นต่อไปเพื่อยืนหยัดมั่นคงในความจริง. จงมั่นใจเถอะว่าประชาคมคณะพยานพระยะโฮวาทุกแห่งพร้อมจะช่วยเหลือคุณในการแสวงหา.—ฟิลิปปอย 2:1-4.
เวลาสำหรับความกระตือรือร้นและปฏิบัติการ
12, 13. ทำไมเราจำต้องลงมือปฏิบัติเมื่อมาถึงเรื่องการนมัสการแท้?
12 เหตุใดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราทุกคนพึงลงมือกระทำเพื่อแสดงตนอยู่ฝ่ายพระเจ้ายะโฮวาและการนมัสการแท้ของพระองค์? เพราะสถานการณ์ของโลกกำลังจะถึงขั้นสุดยอด. หน้าประวัติศาสตร์โลกพลิกผ่านจนอ่านแทบไม่ทัน. บัดนี้จะมัวเป็นคนสองจิตสองใจอยู่ไม่ได้. พระเยซูได้ตรัสไว้ชัดเจนว่า “ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็ต่อสู้เรา และผู้ใดไม่ส่ำสมไว้กับเราก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป.” ทั้งทรงกล่าวด้วยว่า “เพราะว่าถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะผู้นั้นเมื่อพระองค์จะเสด็จมาด้วยสง่าราศีของพระองค์เอง ของพระบิดาและของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์.”—มัดธาย 12:30; ลูกา 9:26.
13 บัดนี้เป็นเวลาสำหรับความกระตือรือร้นและปฏิบัติการ! เรารู้ว่า เหตุการณ์โลกกำลังเคลื่อนไปทิศทางใด และอาร์มาเก็ดดอนก็ปรากฏให้เห็นราง ๆ อยู่แล้ว. ดังนั้น คำเชิญชวนคือจงแสวงหาพระยะโฮวาเสียขณะนี้เมื่อยังจะพบพระองค์ได้ ก่อน ‘วันที่พระองค์จะทรงพิโรธ.’ ในคราวความทุกข์ลำบากใหญ่นั้นจะสายเกินไป.—ซะฟันยา 2:2, 3; โรม 13:11, 12; วิวรณ์ 16:14, 16.
14. เรามีเหตุผลอะไรในการแสวงหาพระเจ้า?
14 จริง ๆ แล้ว เวลานี้แหละปวงมนุษย์โลกควรแสวงความโปรดปรานของพระเจ้า. อัครสาวกเปาโลได้กล่าวถ้อยแถลงอย่างเหมาะสมทีเดียวที่กิจการ 17:26-28 ดังนี้: “พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ทั้งโลกให้สืบสายโลหิตอันเดียวกันให้อยู่ทั่วพิภพโลก และได้ทรงกำหนดเวลาและเขตแดนที่อยู่ให้เขา เพื่อเขาจะได้แสวงหาพระเจ้า หากเขาจะคลำหาก็จะได้พบพระองค์ ด้วยพระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย. ด้วยว่าเรามีชีวิต และไหวตัวและเป็นอยู่ในพระองค์.” คำกล่าวตอนท้ายที่ว่า “ด้วยว่าเรามีชีวิตและไหวตัวและเป็นอยู่ในพระองค์” นี้แหละให้เหตุผลพอเพียงแก่เราสำหรับการแสวงหาพระเจ้า. เนื่องด้วยพระกรุณาอันไม่พึงได้รับของพระยะโฮวา เรามีชีวิตอยู่ในอาณาเขตแคบ ๆ แต่สำคัญที่มีชีวิตอยู่ได้บนแผ่นดินโลกอันเล็กกระจ้อยร่อย. ไม่สมควรหรือที่เราจะขอบคุณองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพนี้? ไม่สมควรหรือที่เราพึงสำนึกในพระคุณของพระองค์ในภาคปฏิบัติ?—กิจการ 4:24.
15. (ก) อาร์โนลด์ ทอยน์บีนักประวัติศาสตร์รู้สึกว่าวัตถุประสงค์ของศาสนาที่เจริญนั้นเป็นเช่นไร? (ข) เราต้องทำอะไรเพื่อจะสามารถถวายเกียรติยศแด่พระเจ้าได้?
15 อาร์โนลด์ ทอยน์บี นักประวัติศาสตร์เคยบันทึกไว้ว่า “วัตถุประสงค์อันแท้จริงของศาสนาที่เจริญนั้นคือแพร่คำแนะนำและสัจธรรมเกี่ยวกับฝ่ายวิญญาณซึ่งเป็นแก่นของศาสนาไปถึงปุถุชนทั้งหลายให้มากเท่าที่ไปถึงได้ เพื่อว่าโดยวิธีนี้ในส่วนตัวของปุถุชนจะสามารถทำหน้าที่แท้จริงในชีวิตของตนได้สำเร็จ. หน้าที่แท้จริงในชีวิตของมนุษย์ก็คือถวายเกียรติยศพระเจ้า และทำให้พระองค์พอพระทัยตลอดไป.” (การวิจารณ์ศาสนาโดยนักประวัติศาสตร์ [ภาษาอังกฤษ] หน้า 268, 269) ที่จะถวายเกียรติยศแด่พระเจ้า ก่อนอื่นเราต้องแสวงหาพระองค์ และสืบเสาะหาความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำเกี่ยวด้วยพระองค์และพระประสงค์ของพระองค์. ด้วยเหตุนั้น การเชิญชวนของยะซายานับว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่ว่า “จงแสวงหาพระยะโฮวา ขณะเมื่อจะหาพระองค์พบได้. จงทูลขอต่อพระองค์ ขณะเมื่อพระองค์ทรงอยู่ใกล้. ให้คนชั่วละทิ้งความประพฤติของตน และคนอธรรมละทิ้งความคิดของตน และให้เขากลับมาหาพระยะโฮวา เพื่อพระองค์จะได้ทรงเมตตาแก่เขา และให้เขากลับมาหาพระเจ้า เพราะพระองค์จะทรงให้อภัยแก่เขาที่เขาทำบาปทั้งปวง.”—ยะซายา 55:6, 7.
เราจะเสนอการช่วยเหลืออะไรได้ที่เป็นประโยชน์จริง ๆ?
16. (ก) ประชาคมคริสเตียนเผชิญการท้าทายอะไร? (ข) เราอาจจะใช้วิธีที่ได้ผลดีอะไรช่วยคนอื่น ๆ ให้รับใช้พระยะโฮวา?
16 ผู้สนใจมากมายหลายล้านซึ่งยังไม่เป็นผู้ประกาศที่แข็งขันเป็นสิ่งท้าทายสำหรับพวกเราทุกคน. ในฐานะผู้ปกครอง ผู้รับใช้ที่รับการแต่งตั้ง ไพโอเนียร์ และผู้ประกาศ พวกเราทำอะไรบ้างในแนวทางที่เป็นประโยชน์จริง เพื่อช่วยคนเหล่านั้นซึ่งแสดงความเป็นมิตรต่อสัจธรรมให้เขามีส่วนร่วมการนมัสการแท้อย่างขันแข็งกับพวกเรา? วิธีหนึ่งคือเสนอการช่วยเหลือซึ่งใช้การได้จริงตามความจำเป็น คือเยี่ยมเขาที่บ้านและพาเขามาร่วมประชุมที่หอประชุมราชอาณาจักร ทั้งนี้เพื่อพวกเขาเช่นกันจะได้รับประโยชน์อย่างสม่ำเสมอจากพระวิญญาณของพระยะโฮวา. คำแนะนำซึ่งเปาโลให้แก่ชาวฮีบรูดังปรากฏที่บท 10 ข้อ 24, 25 นั้น นับว่าเป็นสิ่งเร่งด่วนในเวลานี้เหมือนที่เคยเป็นมาแล้วครั้งกระโน้น ที่ว่า “จงให้เราพิจารณาดูกันและกัน เพื่อเป็นเหตุให้บังเกิดใจรักซึ่งกันและกันและกระทำการดี ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้หยุด เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น แต่จงเตือนสติกัน และให้มากยิ่งขึ้นเมื่อท่านเห็นวันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว.” พวกเราสนับสนุนทุกคนซึ่งประสงค์จะรับความโปรดปรานของพระยะโฮวาให้เข้ามาสมทบกับพยานพระยะโฮวาเป็นประจำ ณ หอประชุมในท้องถิ่นนั้น ๆ.
17. หากเราจะช่วยนักศึกษาพระคัมภีร์ให้ก้าวหน้าในงานแสวงหาพระยะโฮวา คำถามอะไรบ้างที่ควรได้รับคำตอบ?
17 ถ้าเรานำการศึกษาพระคัมภีร์กับบางคนซึ่งร่วมประชุมเป็นประจำ เราจะช่วยเขาให้มีคุณวุฒิเป็นผู้ประกาศข่าวดีได้ไหม? (โปรดดูจากหนังสือจัดให้เป็นระเบียบเพื่อสัมฤทธิ์ผลในงานรับใช้ของเรา หน้า 127-130.) ครั้นเขาเป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติสมา เราเชิญชวนเขาให้รวมกับเราเป็นประจำออกไปประกาศตามบ้านและไปร่วมการศึกษาและการกลับเยี่ยมเยียนบางรายกับเราไหม? (โปรดดูวารสารหอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 ธันวาคม 1989 หน้า 31.) หรืออีกนัยหนึ่ง เมื่อคนใหม่เหล่านั้นมีคุณวุฒิพร้อมแล้ว เราสนับสนุนเขาโดยพาเขาออกไปเห็นด้วยตาของเขาเองไหมเกี่ยวกับผลงานในทางบวกจากกิจกรรมด้านการประกาศของเรา?—มัดธาย 28:19, 20.
สมควรที่จะแสวงหาพระยะโฮวา
18. พระยะโฮวาได้ทรงแสดงความเมตตาต่อมนุษย์อย่างไร?
18 เนื่องจากเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูคริสต์ พระยะโฮวามิได้ทรงระลึกถึงบาปของเราในอดีตหรือการที่เราเคยอยู่เฉย ๆ หากเราสำนึกผิดกลับใจและแสดงออกซึ่งความเชื่อ. โปรดพิจารณาคำกล่าวของดาวิดที่ว่า “พระองค์ไม่ทรงกระทำแก่พวกข้าพเจ้าตามการผิดและมิได้ทรงปรับโทษตามความอสัตย์อธรรมของพวกข้าพเจ้านั้น. ด้วยฟ้าสวรรค์สูงจากพื้นดินมากเท่าใด พระองค์ทรงพระกรุณาแก่คนที่ยำเกรงพระองค์มากเท่านั้น. ทิศตะวันออกไกลจากทิศตะวันตกมากเท่าใด พระองค์ได้ทรงถอนเอาการล่วงละเมิดของพวกข้าพเจ้าไปให้ห่างไกลมากเท่านั้น. บิดาเมตตาบุตรของตนมากฉันใด พระยะโฮวาทรงพระเมตตาคนที่ยำเกรงพระองค์มากฉันนั้น. เพราะพระองค์ทรงทราบร่างกายของพวกข้าพเจ้าแล้ว พระองค์ทรงระลึกอยู่ว่าพวกข้าพเจ้าเป็นแต่ผงคลีดิน.”—บทเพลงสรรเสริญ 103:10-14; เฮ็บราย 10:10, 12–14.
19. คนที่อาจถอยห่างไปจากความจริงได้รับการหนุนใจอย่างไร?
19 พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ทรงคุณความดีและเปี่ยมด้วยความเมตตา. ถ้าเราถ่อมใจเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยสำนึกผิด พระองค์จะทรงอภัยบาปของเราและไม่ระลึกถึงอีกเลย. พระองค์ไม่ทรงถือโทษเสมอไปโดยการทรมานในไฟนรกชั่วกาลนาน. ไม่เป็นเช่นนั้นเลย ดังพระยะโฮวาตรัสว่า “เรา เราเองนะเป็นผู้ที่ลบล้างการล่วงละเมิดของเจ้า เพราะเห็นแก่ตัวเราเอง และเราจะไม่จดจำบาปของเจ้าไว้เลย.” ช่างเป็นการหนุนใจเสียจริงสำหรับใครก็ตามซึ่งอาจถอยห่างจากความจริงและละเลยความสัมพันธ์ที่ตนเคยมีกับพระยะโฮวา! บุคคลดังกล่าวก็เช่นกันได้รับการสนับสนุนให้แสวงหาพระยะโฮวาเสียแต่บัดนี้ แล้วกลับเข้ามาร่วมสมาคมอย่างจริงจังกับประชาชนที่ถือพระนามพระองค์.—ยะซายา 43:25.
20, 21. (ก) เรามีตัวอย่างอะไรในแผ่นดินยูดาสมัยโบราณซึ่งเป็นการหนุนใจ? (ข) พลเมืองในแผ่นดินยูดาต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับพระพรจากพระยะโฮวา?
20 เรื่องนี้เรามีตัวอย่างที่หนุนใจจากกรณีของกษัตริย์อาซาแห่งแผ่นดินยูดาโบราณ. ท่านได้รื้อทำลายการนมัสการเท็จให้หมดไปจากแผ่นดิน กระนั้น ยังมีร่องรอยศาสนานอกรีตเหลืออยู่. บันทึกที่ 2 โครนิกาบท 15 ข้อ 2 ถึง 4 บอกเราถึงสิ่งที่ผู้พยากรณ์อะซาระยากล่าวเตือนใจอาซาดังนี้: “พระยะโฮวาทรงสถิตอยู่ฝ่ายพวกท่านเมื่อท่านอยู่ฝ่ายพระองค์ ถ้าพวกท่านแสวงหาพระองค์ พระองค์จะทรงโปรดให้พวกท่านประสบ แต่ถ้าพวกท่านละทิ้งพระองค์ พระองค์จะละทิ้งพวกท่านเสีย. พวกยิศราเอลได้ขาดจากพระเจ้าเที่ยงแท้ . . . แต่ครั้นพวกนั้นได้กลับหันหาพระยะโฮวาพระเจ้าของยิศราเอลในคราวทุกข์ยากลำบาก [และแสวงหาพระองค์ ] พระองค์ทรงโปรดให้เขาประสบพระองค์.”
21 พระยะโฮวาหาได้เล่นซ่อนหากับกษัตริย์อาซาไม่ แต่ “พระองค์ทรงโปรดให้พวกท่านประสบ.” กษัตริย์มีท่าทีอย่างไรต่อข่าวนี้? พระธรรมบทเดียวกันที่ข้อ 8 และ 12 ตอบว่า “ครั้นอาซาได้สดับคำทำนายเหล่านั้น . . . ก็มีพระทัยกล้าขึ้น จึงทำลายของอันน่าเกลียดเหล่านั้นกวาดเอาไปเสียจากเขตยูดา . . . และท่านได้ซ่อมแซมแท่นบูชาของพระยะโฮวาที่อยู่หน้าเฉลียงโบสถ์วิหารของพระยะโฮวา. เขา [ยูดา] ได้ทำคำสัตย์สาบานว่าจะแสวงหาพระยะโฮวา พระเจ้าแห่งปู่ย่าตายายด้วยสุดใจสุดวิญญาณจิต.” ใช่แล้ว ด้วยความจริงใจพวกเขาแสวงหาพระยะโฮวา “ด้วยสุดใจสุดวิญญาณจิต” ทีเดียว. มีผลอะไรตกอยู่กับชาตินั้น? ข้อ 15 บอกว่า “บรรดาชนชาวแผ่นดินยูดาก็ยินดีด้วยคำสัตย์สาบานนั้น เพราะว่าได้ทำสัตย์สาบานด้วยใจสุจริต และได้แสวงหาพระองค์ ด้วยความเต็มอกเต็มใจ พระองค์จึงทรงโปรดให้เขาประสบพระองค์ และพระยะโฮวาทรงโปรดให้แผ่นดินมีความสุขสำราญทั่วตลอดไป.”
22. เวลานี้อะไรหนุนใจเราให้เข้มแข็งในงานรับใช้พระยะโฮวา?
22 เรื่องนี้เป็นสิ่งหนุนใจพวกเราทุกวันนี้มิใช่หรือที่จะลงมือปฏิบัติด้วยความแน่ใจเมื่อเกี่ยวข้องกับการนมัสการที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวา? เรารู้ว่ามีทางเป็นไปได้ที่อีกหลายล้านคนสามารถจะมาร่วมกันสรรเสริญพระยะโฮวา. อย่างไม่สงสัย ในจำพวกคนเหล่านี้มีหลายคนได้ทำการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตน เพื่อจะบรรลุข้อเรียกร้องตามหลักการคัมภีร์ไบเบิลสำหรับงานรับใช้พระยะโฮวา. บางคนก็เจริญเติบโตด้านการหยั่งเห็นเข้าใจและความเชื่อและกำลังแสวงหาพระยะโฮวา ในไม่ช้าก็จะได้รับการกระตุ้นให้พูดภาษาบริสุทธิ์กับผู้อื่นโดยถ่ายทอดความเข้าใจอันลึกซึ้งในด้านความจริงเรื่องพระยะโฮวาและจุดมุ่งหมายของพระองค์เกี่ยวกับราชอาณาจักร. ทำไมจึงสำคัญเสียเหลือเกินที่พวกเราทั้งหมดแสวงหาพระยะโฮวาเวลานี้เมื่อจะหาพระองค์พบได้? เพราะโลกใหม่ตามคำสัญญาของพระองค์กำลังจะมาถึง!—ยะซายา 65:17-25; ลูกา 21:29-33; โรม 10:13-15.
คุณจำได้ไหม?
▫ ใครแสดงความไม่แยแสต่อพระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้?
▫ ศาสนามักจะกระทบกระเทือนความประพฤติถึงขนาดไหน?
▫ มีศักยภาพอะไรสำหรับการเพิ่มพูนจำนวนพยานฯที่เอาการเอางาน?
▫ ทำไมเวลานี้เป็นเวลาที่พึงกระตือรือร้นและลงมือกระทำ?
▫ ทำไมพระยะโฮวาคู่ควรกับการแสวงหา?
[รูปภาพหน้า 10]
มีช่องทางเป็นไปได้สำหรับมิตรสหายทั้งหลายของพยานพระยะโฮวาซึ่งได้ร่วมประชุมอนุสรณ์จะเข้ามาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า
ผู้ร่วมฉลองอนุสรณ์ ปี 1990:9,950,058 คน
ยอดผู้ประกาศ ปี 1990:4,017,213 คน
[รูปภาพหน้า 12]
สมัยกษัตริย์อาซา ชนในชาติหันกลับมาหาพระยะโฮวา