จงวางใจในพลังแขนของพระยะโฮวาที่ให้ความคุ้มครอง
“โอ้พระยะโฮวา. . . . ขอทรงเป็นแขนอันประกอบด้วยเรี่ยวแรงให้พวกข้าพเจ้าทุก ๆ เวลาเช้า และขอเป็นความรอดของพวกข้าพเจ้าในยามทุกข์ร้อน.”—ยะซายา 33:2.
1. ที่ว่าพระยะโฮวาทรงมีแขนอันทรงพลังนั้นมีความหมายในแง่ใด?
พระยะโฮวามีพระพาหุอันทรงพลัง. แน่นอน เนื่องจาก “พระเจ้าทรงเป็นวิญญาณ” ข้อนี้ไม่หมายถึงแขนอันเป็นเนื้อหนัง. (โยฮัน 4:24) ในคัมภีร์ไบเบิล แขนในแง่เปรียบเทียบนี้หมายถึงความสามารถในการใช้อำนาจ. ดังนั้น โดยการใช้แขนโดยนัยนี้เองพระเจ้าได้ทรงช่วยไพร่พลของพระองค์ให้รอด. อันที่จริง ‘พระองค์ทรงเป็นดุจผู้เลี้ยงแกะ พระองค์ทรงอุ้มลูกแกะไว้ในพระพาหุ และทรงกอดไว้ในพระทรวง.’ (ยะซายา 40:11; บทเพลงสรรเสริญ 23:1-4) ไพร่พลของพระยะโฮวารู้สึกปลอดภัยเพียงใดเมื่อพระองค์ทรงอุ้มเขาไว้ในวงแขนอย่างรักใคร่เช่นนี้!—เทียบพระบัญญัติ 3:24.
2. คำถามอะไรที่เราพึงสนใจ?
2 แขนของพระยะโฮวาช่วยชีวิตไพร่พลของพระองค์อย่างไรทั้งในอดีตและปัจจุบัน? พระเจ้าได้ให้การช่วยเหลืออะไรแก่เขาฐานะเป็นประชาคม? และทำไมไพร่พลของพระองค์สามารถวางใจในพลังแขนที่ให้ความคุ้มครองเขาได้ในช่วงที่เขาตกอยู่ในความทุกข์ยาก?
พระพาหุของพระยะโฮวาที่ให้ความคุ้มครองในภาคปฏิบัติ
3. พระคัมภีร์อ้างถึงอะไรในการช่วยชนยิศราเอลออกมาจากอียิปต์?
3 ก่อนการช่วยชาวยิศราเอลหลุดพ้นจากฐานะเป็นทาสชาวอียิปต์เมื่อ 3,500 ปีมาแล้ว พระเจ้าได้ตรัสแก่ผู้พยากรณ์โมเซดังนี้: “จงกล่าวแก่ชาติยิศราเอลนั้นว่า ‘เราคือยะโฮวา เราจะนำหน้าเจ้าทั้งหลายให้ออกจากการเกณฑ์ของชนชาติอายฆุบโต และจะให้พ้นจากการเป็นทาสของเขา และเราจะให้เจ้ารอดด้วยกรที่เหยียดออก และด้วยการปรับโทษอันใหญ่หลวง.” (เอ็กโซโด 6:6) ตามคำกล่าวของอัครสาวกเปาโล พระเจ้าได้นำชนชาติยิศราเอลออกจากอียิปต์ “ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์.” (กิจการ 13:17) บุตรชายของโคราให้เหตุผลว่าเพราะพระเจ้า พวกเขาจึงได้ชัยชนะเข้าไปถึงแผ่นดินแห่งคำสัญญาเมื่อเขาบอกว่า “พวกยิศราเอลไม่ได้ตีเอาเมืองนั้นด้วยดาบของตน หรือช่วยตนให้รอดด้วยลำแขนของตนเอง. แต่พระหัตถ์เบื้องขวาและพระกรกับพระรัศมีพระพักตร์ของพระองค์ได้ทรงกระทำ เพราะพระองค์โปรดเขา.”—บทเพลงสรรเสริญ 44:3.
4. การวางใจในพระพาหุอันมีฤทธิ์ของพระยะโฮวาให้บำเหน็จอย่างไรในสมัยการบุกรุกของกองทัพอัสซีเรีย?
4 อนึ่ง พระพาหุของพระยะโฮวาได้เข้ามามีบทบาทช่วยไพร่พลของพระองค์ในคราวที่กองทัพอัสซีเรียยกมาโจมตี. ขณะนั้นผู้พยากรณ์ยะซายาได้ทูลอธิษฐานดังนี้: “โอ้พระยะโฮวาขอทรงพระเมตตากรุณาแก่พวกข้าพเจ้า. พวกข้าพเจ้าได้รอคอยท่าพระองค์อยู่. ขอทรงเป็นแขนอันประกอบด้วยเรี่ยวแรงให้พวกข้าพเจ้าทุก ๆ เวลาเช้า และขอเป็นความรอดของพวกข้าพเจ้าในยามทุกข์ร้อน.” (ยะซายา 33:2) พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานนี้โดยส่งทูตสวรรค์ออกไปสังหารทหารในค่ายอัสซีเรียตายถึง 185,000 คน จนกษัตริย์ซันแฮริบต้องหนีไปจากยะรูซาเลม “ด้วยความอับอาย.” (2 โครนิกา 32:21; ยะซายา 37:33-37) การวางใจในพลังแขนของพระยะโฮวาที่ช่วยให้รอดนั้นย่อมได้รางวัลตอบแทนเสมอ.
5. พระพาหุอันทรงฤทธิ์ของพระยะโฮวาปฏิบัติการเช่นไรเพื่อชนคริสเตียนที่ถูกข่มเหงในตอนท้ายสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง?
5 พระพาหุอันทรงพลังของพระเจ้าได้ช่วยคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ถูกข่มเหงในตอนท้ายสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง. ปีสากลศักราช 1918 สำนักงานกลางแห่งคณะกรรมการปกครองถูกศัตรูรุกรานและพี่น้องที่เด่นหลายคนถูกจับกุมคุมขัง. ด้วยความกลัวอำนาจชาวโลก ผู้ถูกเจิมแทบเลิกงานให้คำพยานไปชั่วระยะหนึ่ง. แต่เขาได้ทูลอธิษฐานเพื่องานจะดำเนินต่อไปได้และเพื่อเขาจะรับการชำระให้พ้นผิดเนื่องจากได้เลิกการรับใช้และเป็นมลทินเพราะการกลัวหน้ามนุษย์. พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานโดยโปรดช่วยพี่น้องที่ถูกคุมขังเป็นอิสระ แล้วไม่นานหลังจากนั้นก็พ้นข้อกล่าวหา. ดังผลแห่งความจริงซึ่งแสดงออก ณ การประชุมใหญ่ของพวกเขาปี 1919 และการหลั่งพระวิญญาณของพระเจ้าที่มีพลังกระตุ้น พวกผู้ถูกเจิมได้รับการฟื้นคืนสภาพเพื่อรับใช้พระยะโฮวาโดยปราศจากความกลัว อันเป็นความสำเร็จสมจริงขั้นสุดท้ายแห่งพระธรรมโยเอล 2:28-32.—วิวรณ์ 11:7-12.
การสนับสนุนในประชาคม
6. เราทราบอย่างไรว่าอาจเป็นไปได้ที่จะทนทานต่อสภาพการณ์ยุ่งยากภายในประชาคม?
6 ดังที่พระเจ้าสนับสนุนองค์การของพระองค์โดยส่วนรวม พระพาหุของพระองค์ทรงประคองแต่ละคนไว้ในองค์การ. แน่ละ สภาพการณ์ก็ใช่ว่าสมบูรณ์พร้อมในประชาคมใดประชาคมหนึ่ง เพราะมนุษย์ทุกคนไม่สมบูรณ์. (โรม 5:12) ฉะนั้น ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาบางคนบางครั้งก็อาจประสบการทดสอบหล่อหลอมภายในประชาคม. เช่น แม้ว่าฆาโยได้ “กระทำด้วยใจสัตย์ซื่อ” เมื่อเขารับรองพี่น้องที่มาเยี่ยมด้วยใจเอื้อเฟื้อ ดิโอเตรเฟไม่ได้ต้อนรับเขา มิหนำซ้ำพยายามขับคนที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อออกจากประชาคมเสียด้วย. (3 โยฮัน 5, 9, 10) กระนั้นก็ดี พระยะโฮวาทรงสนับสนุนฆาโยและคนอื่น ๆ ให้แสดงน้ำใจเอื้อเฟื้ออยู่ต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นการส่งเสริมงานประกาศราชอาณาจักร. การวางใจในพระเจ้าพร้อมด้วยการอธิษฐานน่าจะช่วยเราทำงานอย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไป ขณะที่เรารอพระองค์แก้ไขสภาพการณ์ซึ่งอาจเป็นการทดสอบความเชื่อของเรา.
7. คริสเตียนที่ซื่อสัตย์ในประชาคมโกรินโธได้ดำเนินชีวิตสมตามการอุทิศตนแด่พระเจ้าทั้ง ๆ ที่สภาพการณ์เป็นเช่นไร?
7 สมมุติว่าคุณได้ร่วมสมาคมกับประชาคมโกรินโธในศตวรรษแรก. มีอยู่คราวหนึ่งเกิดการถือพรรคถือพวกซึ่งส่อเค้าว่าจะแตกความสามัคคี ทั้งการยอมให้การประพฤติผิดศีลธรรมคุกคามน้ำใจของประชาคม. (1 โกรินโธ 1:10, 11; 5:1-5) คนมีความเชื่อด้วยกันฟ้องร้องกันในศาล และบางคนก็ทะเลาะทุ่มเถียงกันสารพัดเรื่อง. (1 โกรินโธ 6:1-8; 8:1-13) การวิวาท การอิจฉา การโกรธ และความไม่เป็นระเบียบทำให้ชีวิตยุ่งยาก. บางคนถึงกับสงสัยอำนาจของเปาโลแถมดูถูกความสามารถในการพูดของท่านด้วยซ้ำ. (2 โกรินโธ 10:10) กระนั้น ผู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งหลายที่ร่วมกับประชาคมนั้นก็ได้ประพฤติตนสมกับที่เขาได้อุทิศตัวแด่พระเจ้าแม้ในยามยุ่งยากลำบากเช่นนั้น.
8, 9. เราควรทำประการใดถ้าเราเผชิญสภาพการณ์อันยุ่งยากในประชาคม?
8 หากเกิดสภาพการณ์ที่ยุ่งยากขึ้น เราจำเป็นต้องติดสนิทกับไพร่พลของพระเจ้า. (เทียบกับโยฮัน 6:66-69) ขอให้เรามีใจอดกลั้นต่อกันและกัน ตระหนักว่าบางคนใช้เวลานานกว่าคนอื่น ๆ เพื่อจะสวมใส่ “บุคลิกลักษณะใหม่” และประดับตัวด้วยความเมตตาสงสาร ความกรุณา ความถ่อม ความอ่อนโยนและความอดกลั้นทนนาน. เนื่องจากผู้รับใช้ของพระเจ้าก็มีพื้นเพแตกต่างกันไปเช่นกัน ฉะนั้น พวกเราทุกคนจำต้องแสดงความรักและให้อภัย.—โกโลซาย 3:10-14.
9 หลังจากได้รับใช้พระยะโฮวามาหลายปี พี่น้องคนหนึ่งพูดว่า “หากสิ่งหนึ่งมีความสำคัญยิ่งสำหรับผม สิ่งนั้นคือการอยู่ใกล้ชิดกับองค์การที่เห็นประจักษ์ของพระยะโฮวา. ประสบการณ์แรก ๆ ที่ผมได้รับทำให้ผมรู้ว่าไม่ฉลาดเลยที่จะอาศัยการหาเหตุผลอย่างมนุษย์. ครั้นผมได้รับการแก้ไขความคิดในเรื่องนี้แล้วผมจึงตั้งใจอยู่ร่วมกับองค์การที่ซื่อสัตย์. มีวิธีอื่นอีกไหมที่เราจะเป็นที่โปรดปรานของพระยะโฮวาและได้พระพร?” คุณทะนุถนอมสิทธิพิเศษของคุณไหมที่จะรับใช้พระยะโฮวาร่วมกับประชาชนของพระองค์? (บทเพลงสรรเสริญ 100:2) ถ้าเช่นนั้น คุณคงไม่ยอมให้สิ่งใด ๆ ชักนำคุณออกไปจากองค์การของพระเจ้าหรือทำลายสัมพันธภาพระหว่างคุณกับผู้ทรงมีพลังแขนซึ่งคุ้มครองทุกคนที่รักพระองค์.
การช่วยเหลือเมื่อสิ่งล่อใจรุมล้อมเราอยู่
10. (ก) การอธิษฐานช่วยไพร่พลของพระเจ้าอย่างไรเมื่อเผชิญการล่อใจ? (ข) เปาโลได้ให้การรับรองอะไรที่ 1 โกรินโธ 10:13?
10 ในฐานะผู้ซื่อสัตย์ที่ร่วมสมาคมกับองค์การของพระเจ้า เราย่อมได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์ยามที่มีความทุกข์ยาก. อาทิ พระองค์ทรงช่วยเรารักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระองค์เมื่อเราถูกรุมล้อมด้วยสิ่งล่อใจ. แน่นอน เราควรอธิษฐานประสานกับคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “ขออย่านำพวกข้าพเจ้าเข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย “คือซาตานพญามาร. (มัดธาย 6:9-13) อันที่จริง เรากำลังทูลขอพระเจ้าที่จะไม่ปล่อยให้เราแพ้ขณะเราถูกทดลองไม่ให้เชื่อฟังพระองค์. อนึ่ง พระองค์ตอบคำอธิษฐานของเราที่ขอสติปัญญาเพื่อจะเอาชนะการทดลอง. (ยาโกโบ 1:5-8) และผู้รับใช้ของพระยะโฮวาย่อมแน่ใจในเรื่องการช่วยเหลือจากพระองค์ เพราะเปาโลพูดว่า “ไม่มีการล่อใจใด ๆ มาถึงท่านทั้งหลายเว้นไว้แต่การล่อใจซึ่งมนุษย์เคยประสบมา. แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ และพระองค์จะไม่ทรงให้ท่านถูกล่อใจเกินที่ท่านจะทนได้ และเมื่อทรงยอมให้ท่านถูกล่อใจนั้นพระองค์จะจัดทางออกด้วยเพื่อว่าท่านจะสามารถทนได้.” (1 โกรินโธ 10:13, ล.ม.) อะไรคือที่มาของการล่อใจดังกล่าว และพระเจ้าจะทรงจัดทางออกโดยวิธีใด?
11, 12. ชาติยิศราเอลถลำเข้าสู่การล่อใจแบบไหน และเราอาจได้ประโยชน์อย่างไรจากประสบการณ์ของชาตินั้น?
11 การล่อใจมาจากสภาพการณ์ที่อาจโน้มน้าวเราประพฤติไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า. เปาโลกล่าวว่า “เหตุการณ์เหล่านั้นได้กลายเป็นตัวอย่างสำหรับเราเพื่อเราไม่เป็นคนปรารถนาสิ่งที่ก่อความเสียหายเหมือนที่พวกเขา [ชาวยิศราเอล] ได้ปรารถนานั้น. ทั้งไม่เป็นผู้ไหว้รูปเคารพ ดังที่บางคนในพวกเขาได้กระทำ; ตามที่เขียนไว้ว่า ‘ไพร่พลนั่งลงกินและดื่ม แล้วก็ลุกขึ้นสนุกสนานกัน.’ ทั้งอย่าให้เราประพฤติผิดประเวณีดังที่บางคนในพวกเขาได้ประพฤติผิดประเวณี แล้วก็ล้มตายในวันเดียวสองหมื่นสามพันคน. ทั้งอย่าให้เราลองดีพระยะโฮวา ดังที่บางคนในพวกเขาได้ลองดี [พระองค์] แล้วก็พินาศด้วยงูพิษ. ทั้งอย่าเป็นคนช่างบ่นดังที่บางคนในพวกเขาได้บ่น แล้วก็พินาศโดยผู้ประหาร.”—1 โกรินโธ 10:6-10, ล.ม.
12 ชาติยิศราเอลปรารถนาสิ่งซึ่งก่อความเสียหายเมื่อเขายอมแพ้การล่อใจให้กลายเป็นคนมักได้ เมื่อเขาเก็บรวบรวมแล้วกินนกกระทาซึ่งพระเจ้าจัดเตรียมให้เขาอย่างน่าอัศจรรย์. (อาฤธโม 11:19, 20, 31-35) ก่อนหน้านั้น พวกเขาได้กลายเป็นผู้ไหว้รูปเคารพเมื่อการที่โมเซไม่อยู่เป็นเหตุให้มีการล่อใจให้บูชารูปปั้นโค. (เอ็กโซโด 32:1-6) หลายพันคนต้องพินาศเพราะแพ้ต่อการล่อใจและประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศกับหญิงชาวโมอาบ. (อาฤธโม 25:1-9) เมื่อชาวยิศราเอลจำนนต่อการล่อใจและได้บ่นเรื่องการล้างผลาญโครา ดาธาน อะบีราม และพรรคพวกทั้งสิ้นที่ทรยศ พระเจ้าทรงบันดาลให้ 14,700 คนล้มตายด้วยโรคร้าย. (อาฤธโม 16:41-49) เราสามารถจะรับประโยชน์จากประสบการณ์ดังกล่าวถ้าเราตระหนักว่า ไม่มีการล่อใจใด ๆ หนักหนาถึงขนาดชาวยิศราเอลจะต้านทานไม่ได้. พวกเขาสามารถต้านทานได้ถ้าเขาแสดงความเชื่อ ถ้าเขาสำนึกบุญคุณของพระเจ้าที่ทรงดูแลพวกเขาด้วยความรัก และถ้าเขาหยั่งรู้ค่าความถูกต้องแห่งกฎหมายของพระองค์. เมื่อนั้นแหละพลังแขนของพระยะโฮวาจะให้ความคุ้มครองแก่เขาได้เหมือนที่พลังแขนของพระองค์คุ้มครองพวกเราได้ด้วย.
13, 14. พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมทางออกโดยวิธีใดเมื่อผู้รับใช้ของพระองค์เผชิญการล่อใจ?
13 ในฐานะคริสเตียน เราเผชิญการล่อใจต่าง ๆ อย่างมนุษย์ทั่วไปเคยประสบ. กระนั้น เราสามารถคงความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าได้โดยทูลอธิษฐานขอความช่วยเหลือและพยายามต้านทานการล่อใจ. พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ และพระองค์จะไม่ปล่อยให้เราถูกทดลองหนักเกินกว่าที่เราจะทนได้. ถ้าเราซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา เราจะมองเห็นช่องทางอันเป็นไปได้ที่จะกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์. พระองค์ทรงจัดทางออกแก่เราด้วยการเสริมความเข้มแข็งเพื่อต้านทานการล่อใจ. ยกตัวอย่าง เมื่อได้รับการกดขี่ข่มเหง เราอาจนึกอยากจะอะลุ้มอล่วยด้วยคาดหมายจะเลี่ยงการทนทรมานหรือจะไม่ต้องเสียชีวิต. แต่ถ้าเราวางใจในแขนอันประกอบด้วยเรี่ยวแรงของพระยะโฮวา การทดลองจะไม่หนักหนาถึงขีดที่พระองค์ไม่สามารถปกป้องความเชื่อของเรา และทรงให้เรามีกำลังมากพอจะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงไว้ได้. ดังที่อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “เราถูกขนาบรอบข้าง แต่ก็ยังไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว เราจนปัญญา แต่ก็ยังไม่ถึงกับหมดมานะ เราถูกเขารุกไล่ แต่ก็ยังไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือเขา เราถูกตีลงแล้ว แต่ก็ยังไม่ตาย.”—2 โกรินโธ 4:8, 9.
14 อนึ่ง พระยะโฮวาทรงค้ำจุนไพร่พลของพระองค์โดยการใช้พระวิญญาณเตือนความจำและเป็นครู. พระวิญญาณทำให้เรานึกข้อคัมภีร์ขึ้นมาได้ และช่วยให้เข้าใจว่าจะใช้จุดต่าง ๆ เหล่านั้นต้านทานการล่อใจอย่างไร. (โยฮัน 14:26) ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาเข้าใจประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการล่อใจและเขาไม่หลงกลติดตามแนวทางที่ผิด. พระเจ้าจัดทางออกโดยทรงประทานกำลังเพื่อเขาจะอดทนได้แม้กระทั่งต้องเสียชีวิตโดยมิต้องพ่ายแพ้การทดลอง. (วิวรณ์ 2:10) นอกจากทรงช่วยผู้รับใช้ของพระองค์โดยทางพระวิญญาณ พระยะโฮวายังทรงใช้พวกทูตสวรรค์ปฏิบัติการเพื่อองค์การของพระองค์ด้วย.—เฮ็บราย 1:14.
การช่วยในเรื่องส่วนตัว
15. การช่วยเหลืออะไรเป็นส่วนตัวซึ่งเราจะพบได้ในบทเพลงไพเราะของกษัตริย์ซะโลโม?
15 ผู้ที่ได้สมาคมคบหากับองค์การของพระยะโฮวาได้รับการช่วยเหลือเป็นส่วนตัวจากพระองค์. อาทิ บางคนอาจตั้งใจหาคู่ครองที่เป็นคริสเตียน. (1 โกรินโธ 7:39) ถ้าไม่ได้สมหวัง ก็น่าจะได้ประโยชน์หากไตร่ตรองเรื่องกษัตริย์ซะโลโมแห่งชาติยิศราเอล. ท่านไม่ประสบความสำเร็จที่จะได้แต่งงานกับหญิงสาวชูลามิท เพราะเธอได้รักชายเลี้ยงแกะผู้ต่ำต้อย. บันทึกเรื่องนี้ของกษัตริย์อาจเรียกว่าเป็นเพลงรักไม่สมหวังของซะโลโม. เราอาจหลั่งน้ำตาก็ได้ถ้าคราวหนึ่งการฝากรักของเราถูกปฏิเสธ แต่กษัตริย์ซะโลโมหักใจได้ เราก็ทำได้เช่นกัน. พระวิญญาณของพระเจ้าสามารถช่วยเราให้สำแดงการรู้จักบังคับตนและคุณลักษณะอื่น ๆ เยี่ยงพระเจ้า. พระวจนะของพระองค์ช่วยให้เรายอมรับข้อเท็จจริงซึ่งยังความปวดร้าวบ่อย ๆ ที่ว่า คนเราไม่อาจจะมีความรักใคร่ดูดดื่มต่อใคร ๆ ก็ได้. (เพลงไพเราะ 2:7; 3:5) กระนั้น บทเพลงของซะโลโมแสดงให้เห็นว่าอาจเป็นไปได้ที่เราจะเจอเพื่อนร่วมความเชื่อที่รักเราอย่างสุดซึ้ง. สำคัญยิ่งกว่านั้น “เพลงไพเราะ” นี้สมจริงในความรักที่พระเยซูคริสต์ ผู้เลี้ยงที่ดีมีต่อ “เจ้าสาว” ของพระองค์ ซึ่งได้แก่สาวกผู้ถูกเจิมจำนวน 144,000 คน.—เพลงไพเราะ 1:1; วิวรณ์ 14:1-4; 21:2, 9; โยฮัน 10:14.
16. “ความยุ่งยากลำบากใจ” ซึ่งคู่สมรสคริสเตียนประสบมานั้นอาจนับรวมเอาสิ่งใดเข้าไปด้วย?
16 แม้ผู้ที่สมรสกับผู้มีความเชื่อก็ยัง “ยุ่งยากลำบากใจ.” (1 โกรินโธ 7:28) ความกังวลความห่วงใยที่มีต่อกันระหว่างสามีภรรยาและบุตรย่อมเกิดขึ้นได้. (1 โกรินโธ 7:32-35) ความเจ็บป่วยอาจเป็นภาระและทำให้เกิดความเครียด. การข่มเหงหรือความยากลำบากทางเศรฐกิจอาจทำให้คริสเตียนผู้เป็นบิดามีปัญหาในการจัดหาปัจจัยที่จำเป็นสำหรับครอบครัวของตน. บิดามารดากับลูกอาจพลัดพรากจากกันเนื่องจากถูกคุมขัง และบางคนอาจถูกทรมานหรือถูกทำร้ายถึงตายเสียด้วยซ้ำ. แต่ในทุกสภาพการณ์ดังกล่าว เราสามารถต้านทานการทดลองที่ให้ปฏิเสธความเชื่อหากเราวางใจเต็มที่ในพลังแขนของพระยะโฮวาที่ให้ความคุ้มครอง.—บทเพลงสรรเสริญ 145:14.
17. ปัญหาครอบครัวแบบใดที่พระเจ้าทรงให้กำลังแก่ยิศฮาคกับริบะคาเพื่อจะทนได้?
17 เราอาจจะต้องทนความทุกข์ยากบางประการเป็นเวลานาน. เช่นบุตรชายอาจทำให้บิดามารดาผู้เลื่อมใสในพระเจ้าต้องเศร้าเสียใจ โดยที่เขาสมรสกับคนไม่มีความเชื่อ. เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวของยิศฮาคบรรพบุรุษกับริบะคาภรรยาของท่าน. เอซาวบุตรชายอายุ 40 ปี ได้หญิงชาติเฮธสองคนเป็นภรรยา ซึ่งทำให้ “ยิศฮาคกับนางริบะคามีใจโศกเศร้านัก.” ที่จริง “นางริบะคาจึงบอกยิศฮาคว่า ‘ฉันเบื่อหน่ายด้วยบุตรสาวชาติเฮธนั้น. ถ้าแม้นยาโคบ [ลูกชายอีกคนหนึ่ง] จะรับบุตรสาวชาติเฮธคือหญิงชาวเมืองเป็นภรรยาแล้ว ฉันจะมีชีวิตต่อไปเป็นประโยชน์อะไรเล่า?’” (เยเนซิศ 26:34, 35; 27:46) ปรากฏชัดว่าใจรักความชอบธรรมของริบะคาได้รับความทรมานโดยปัญหาเรื้อรังไม่สิ้นสุด. (เทียบกับ 2 เปโตร 2:7, 8.) กระนั้น พระพาหุของพระยะโฮวาได้ประคองยิศฮาคกับริบะคา ทำให้ทั้งสองจึงสามารถทนทานความยากลำบากได้ขณะที่รักษาสัมพันธภาพกับพระยะโฮวาไว้อย่างเหนียวแน่น.
18. ด้วยการสงเคราะห์ของพระเจ้า ซี. ที. รัสเซลล์ทนทานความยุ่งยากส่วนตัวแบบไหน?
18 มันทำให้หดหู่ใจจริง ๆ เมื่อสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวที่รับบัพติสมาแล้วเฉื่อยชาในงานรับใช้พระเจ้า. (เทียบกับ 2 ติโมเธียว 2:15.) กระนั้น บางคนอดทนเมื่อเสียแม้คู่สมรสไปทางฝ่ายวิญญาณ อย่างชารล์ส ที. รัสเซลล์ นายกคนแรกแห่งสมาคมว็อชเทาเวอร์. ภรรยาของท่านตัดขาดจากสมาคมและละทิ้งท่านไปเมื่อปี 1897 หลังจากเป็นสามีภรรยากันมานานเกือบ 18 ปี. เธอดำเนินการฟ้องหย่าสามีในปี 1903 และศาลได้ออกใบหย่าในปี 1908. ความเศร้าเสียใจของท่านเห็นได้ชัดจากข้อความในจดหมายฉบับแรกที่ท่านเขียนถึงภรรยาหลังจากแยกทางกันไม่นาน ดังนี้: “ผมได้อธิษฐานด้วยใจจริงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อคุณ. . . . ผมจะไม่ทำให้คุณหนักใจเพราะความรู้สึกเศร้าเสียใจของผม ทั้งไม่พยายามทำให้คุณต้องรู้สึกสงสารและเห็นใจเพราะการพูดละเอียดลออถึงอารมณ์ความรู้สึกของผม เมื่อบางครั้ง ผมเห็นเสื้อผ้าและของจิปาถะที่คุณเคยใช้ ซึ่งทำให้ผมนึกภาพคุณแต่หนหลัง—เปี่ยมล้นด้วยความรัก ความเห็นอกเห็นใจและชอบช่วยเหลือ—สะท้อนให้เห็นถึงน้ำพระทัยของพระคริสต์ . . . โอ ขอคุณไตร่ตรองด้วยการอธิษฐานถึงสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณ. และจงแน่ใจเถอะว่าผลกระทบกระเทือนทางอารมณ์อันลึกล้ำ ความปวดร้าวแก่ผมมากที่สุดนั้น หาใช่ความว้าเหว่ที่เกิดขึ้นจนกว่าชีวิตของผมจะหาไม่ แต่ความพลั้งพลาดของคุณต่างหาก การสูญเสียถาวรของคุณเท่าที่ผมมองเห็น.” ทั้ง ๆ ที่ช้ำใจขนาดนั้น รัสเซลล์ได้รับการสงเคราะห์จากพระเจ้าตลอดชีวิตของท่าน. (บทเพลงสรรเสริญ 116:12-15) พระยะโฮวาทรงค้ำจุนผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์เสมอ.
พ้นความทุกข์ยากทั้งมวล
19. เราควรจดจำอะไรหากปัญหายุ่งยากยังมีอยู่อย่างไม่ละลด?
19 ไพร่พลของพระยะโฮวารู้จักพระองค์ฐานะเป็น “พระเจ้าผู้ทรงช่วยให้เรารอด” “ผู้ทรงแบกภาระของพวกเราทุก ๆ วัน.” (บทเพลงสรรเสริญ 68:19, 20) เหตุฉะนั้น ในฐานะที่พวกเราแต่ละคนได้อุทิศตัวเข้ามาร่วมสมทบกับองค์การของพระองค์ทางแผ่นดินโลก อย่าให้เรายอมจำนนต่อความหมดหวังหากความทุกข์ยากอันเป็นปัญหานั้นยังไม่หมดไป. จงระลึกว่า “พระเจ้าเป็นที่พึ่งพำนักและเป็นกำลังของพวกข้าพเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงช่วยอันเลิศสถิตอยู่ใกล้ในเวลาลำบาก.” (บทเพลงสรรเสริญ 46:1) ความวางใจของเราในพระองค์มีบำเหน็จเสมอ. กษัตริย์ดาวิดตรัสดังนี้: “เมื่อข้าพเจ้าได้แสวงหาพระยะโฮวา พระองค์ได้ทรงตอบข้าพเจ้าและได้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความหวาดกลัวทั้งปวง . . . คนอนาถาผู้นี้ได้ร้องทูลต่อพระยะโฮวา และพระองค์ก็ได้สดับฟัง และได้ช่วยเขาให้พ้นจากบรรดาความทุกข์ยากนั้น.”—บทเพลงสรรเสริญ 34:4-6.
20. มีคำถามอะไรค้างไว้ให้พิจารณา?
20 ถูกแล้ว พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ ทรงโปรดช่วยไพร่พลทั้งหลายให้พ้นจากความทุกข์ยากทุกอย่าง. พระองค์ทรงสนับสนุนองค์การของพระองค์บนแผ่นดินโลก ทรงให้การสงเคราะห์แก่ประชาคมเกี่ยวด้วยเรื่องต่าง ๆ และในด้านการงานเฉพาะราย. อันที่จริง “พระยะโฮวาจะไม่ละทิ้งพลไพร่ของพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 94:14) แต่ให้เราพิจารณาขั้นต่อไปถึงวิถีทางอื่น ๆ ซึ่งพระยะโฮวาทรงช่วยไพร่พลของพระองค์เป็นรายบุคคล. โดยวิธีใดพระบิดาฝ่ายสวรรค์ได้ทรงเกื้อหนุนผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งเจ็บป่วย หดหู่ท้อแท้ เศร้าโศกเพราะญาติหรือเพื่อนเสียชีวิต หรือตรอมใจเนื่องจากการผิดบาปของตัวเอง? เกี่ยวด้วยเรื่องราวเหล่านี้ เรามีเหตุผลที่พึงวางใจหมายพึ่งพระพาหุอันทรงฤทธิ์ของพระยะโฮวาเช่นกัน ดังเราจะทราบกันต่อไป.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ ในอดีต พลังแขนของพระยะโฮวาได้นำมาซึ่งความรอดโดยวิธีใด?
▫ ปัจจุบันนี้พระยะโฮวาทรงช่วยไพร่พลของพระองค์ภายในประชาคมโดยวิธีใด?
▫ พระเจ้าทรงเตรียมการช่วยเหลืออย่างไรในเรื่องส่วนตัว?
▫ เราควรทำประการใดถ้าปัญหาทุกข์ร้อนต่าง ๆ ยังมีอยู่อย่างไม่ละลด?
[รูปภาพหน้า 8, 9]
พระเจ้าทรงนำชาติยิศราเอลออกจากอียิปต์ “ด้วยแขนอันทรงมหิทธิฤทธิ์”