เราจะตอบแทนพระยะโฮวาได้อย่างไร?
พระยะโฮวาพระเจ้าทรงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในเรื่องการให้. พระองค์ทรงประทาน “ชีวิตและลมหายใจและสิ่งสารพัด” ให้แก่มวลมนุษยชาติ.” (กิจการ 17:25) พระเจ้าทรงบันดาลให้ดวงอาทิตย์ขึ้นแก่คนชั่วและคนชอบธรรมเช่นกัน. (มัดธาย 5:45) ที่จริง ‘พระยะโฮวาทรงกระทำคุณให้ฝนตกและให้มีฤดูเกิดผล เราทั้งหลายจึงอิ่มใจยินดีด้วยอาหารนั้น.’ (กิจการ 14:15-17) ด้วยเหตุนั้น “ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาแต่เบื้องบน และลงมาจากพระบิดาผู้ทรงบันดาลให้มีดวงสว่าง”!—ยาโกโบ 1:17.
นอกเหนือจากของประทานด้านวัตถุทั้งมวลของพระเจ้าแล้ว พระองค์ทรงส่งความสว่างและความจริงฝ่ายวิญญาณออกมา. (บทเพลงสรรเสริญ 43:3) ผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวาได้รับพระพรอย่างอุดมด้วยอาหารฝ่ายวิญญาณที่พระองค์จัดเตรียมให้ในเวลาอันเหมาะสมผ่านทาง “บ่าวสัตย์ซื่อและฉลาด.” (มัดธาย 24:45-47) เราอาจได้รับประโยชน์จากการจัดเตรียมทางฝ่ายวิญญาณของพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงทำให้มีทางเป็นไปได้สำหรับมนุษย์ที่ผิดบาปและต้องตายนั้นกลับคืนดีกับพระองค์. โดยวิธีใด? โดยทางความตายของพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์ ผู้ประทานชีวิตของพระองค์เป็นค่าไถ่สำหรับคนเป็นอันมาก. (มัดธาย 20:28; โรม 5:8-12) ช่างเป็นของประทานจากพระยะโฮวา พระเจ้าองค์เปี่ยมด้วยความรักเสียนี่กระไร!—โยฮัน 3:16.
การตอบแทนใด ๆ เป็นไปได้ไหม?
หลายศตวรรษก่อนมีการจัดเตรียมค่าไถ่ ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญที่ได้รับการดลบันดาลรู้สึกหยั่งรู้ค่าอย่างสุดซึ้งต่อความเมตตา การช่วยให้รอด และการสงเคราะห์ที่พระเจ้าประทานให้จนท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะสนองพระเดชพระคุณแก่พระยะโฮวา ตอบแทนคุณที่ทรงประทานแก่ข้าพเจ้านั้นอย่างไรได้? ข้าพเจ้าจะหยิบจอกแห่งความรอด และจะทูลออกพระนามของพระยะโฮวา. ข้าพเจ้าจะแก้บนต่อพระยะโฮวา ต่อหน้าพลไพร่ทั้งปวงของพระองค์ พระเจ้าค่ะ.”—บทเพลงสรรเสริญ 116:12-14.
หากเราอุทิศตัวต่อพระยะโฮวาอย่างสุดหัวใจ เราต้องร้องออกพระนามของพระองค์ด้วยความเชื่อและแก้บนต่อพระองค์. ในฐานะพยานของพระยะโฮวา เราสามารถสรรเสริญพระเจ้าได้โดยการพูดถึงพระองค์ในทางดีตลอดเวลาและประกาศข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรของพระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 145:1, 2, 10–13; มัดธาย 24:14) แต่เราไม่สามารถทำให้พระยะโฮวาผู้ทรงเป็นเจ้าของสิ่งสารพัดมั่งคั่งขึ้นได้ หรือตอบแทนพระองค์สำหรับผลประโยชน์ทั้งสิ้นของพระองค์สำหรับพวกเรา.—1 โครนิกา 29:14-17.
การบริจาคเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรมิใช่เป็นวิธีที่จะตอบแทนหรือทำให้พระยะโฮวามั่งคั่งขึ้น. อย่างไรก็ดี การให้ดังกล่าวเปิดโอกาสให้เราแสดงความรักต่อพระเจ้า. เงินบริจาคที่ให้ มิใช่เนื่องด้วยเจตนาอันเห็นแก่ตัวหรือเพื่อการโฆษณาและการยกย่องสรรเสริญ แต่ด้วยน้ำใจเอื้อเฟื้อและเพื่อส่งเสริมการนมัสการแท้นั้น ย่อมนำความสุขและพระพรของพระยะโฮวาสู่ผู้ให้. (มัดธาย 6:1-4; กิจการ 20:35) คนเราแน่ใจที่จะมีส่วนในการให้ดังกล่าวและความสุขที่เป็นผลโดยที่เขากันสมบัติฝ่ายวัตถุบางส่วนของเขาไว้เป็นประจำเพื่อสนับสนุนการนมัสการแท้และช่วยคนที่สมควร. (1 โกรินโธ 16:1, 2) ควรทำเช่นนี้โดยการถวายสิบชักหนึ่งไหม?
คุณควรถวายสิบชักหนึ่งไหม?
พระยะโฮวาตรัสผ่านทางมาลาคี ผู้พยากรณ์ของพระองค์ว่า “จงเอาบรรดาส่วนสิบชักหนึ่งนั้น มาส่ำสมไว้ในคลัง เพื่อจะมีโภชนาหารไว้ในวิหารของเรา และจงมาลองดูเราในเรื่องนี้ ดูทีหรือว่า เราจะเปิดบัญชรท้องฟ้าให้เจ้า และเทพรให้แก่เจ้าจนเกินความต้องการหรือไม่.” (มาลาคี 3:10) ฉบับแปลอีกฉบับหนึ่งอ่านว่า “จงเอาหนึ่งในสิบทั้งหมดมาไว้ในคลัง.”—แอน อเมริกัน ทรานสเลชัน.
สิบชักหนึ่งเป็นส่วนที่สิบของอะไรบางอย่าง. นั่นคือ 10 เปอร์เซ็นต์ที่ให้หรือชำระเป็นเงินบรรณาการ. มักมีการเรียกสิบชักหนึ่งสำหรับจุดประสงค์ทางศาสนา. นั้นหมายถึงการให้ส่วนที่สิบแห่งรายได้ของคนเราเพื่อส่งเสริมการนมัสการ.
อับราฮาม (อับราม) บุรุษต้นตระกูลได้ถวายหนึ่งในสิบแห่งของที่ได้รับมาได้เนื่องจากชัยชนะเหนือคะดาระลาโอเม็รกับพันธมิตรของเขานั้นให้แก่มัคคีเซเด็คกษัตริย์และปุโรหิตแห่งซาเลม. (เยเนซิศ 14:18-20; เฮ็บราย 7:4-10) ต่อมา ยาโคบได้ปฏิญาณว่าจะถวายหนึ่งในสิบแห่งทรัพย์สินของท่านแด่พระเจ้า. (เยเนซิศ 28:20-22) ในแต่ละกรณี การถวายหนึ่งในสิบนั้นเป็นไปด้วยความสมัครใจ เพราะชาวฮีบรูรุ่นแรก ๆ เหล่านั้นไม่มีกฎหมายบังคับพวกเขาให้ถวายสิบชักหนึ่ง.
การถวายสิบชักหนึ่งภายใต้พระบัญญัติ
ในฐานะไพร่พลของพระยะโฮวา ชนยิศราเอลได้รับกฎหมายว่าด้วยการถวายสิบชักหนึ่ง. กฎหมายเหล่านี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการใช้หนึ่งในสิบของรายได้ประจำปีสองครั้ง ถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญบางคนคิดว่า มีเพียงการถวายสิบลดหนึ่งประจำปีครั้งเดียวเท่านั้น. ไม่มีการถวายสิบลดหนึ่งระหว่างปีซะบาโต เนื่องจากไม่มีการคาดหมายว่าจะมีรายได้ในช่วงเวลานั้น. (เลวีติโก 25:1-12) มีการถวายสิบชักหนึ่งนอกเหนือจากผลแรกที่ได้ถวายแด่พระเจ้านั้น.—เอ็กโซโด 23:19.
หนึ่งในสิบของผลผลิตจากแผ่นดินและจากต้นไม้ที่เกิดผลและดูเหมือนว่าจากปศุสัตว์และฝูงแกะส่วนที่เพิ่มทวีขึ้นถูกนำไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และให้แก่พวกเลวี ผู้ซึ่งไม่ได้รับมรดกในแผ่นดิน. ส่วนพวกเลวีก็ให้หนึ่งในสิบของสิ่งที่เขาได้รับนั้นเพื่อสนับสนุนพวกปุโรหิตในเชื้อวงศ์ของอาโรน. ดูเหมือนว่า ข้าวถูกนวดแล้วและผลจากเถาองุ่นและจากต้นมะกอกเทศได้ถูกเปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นและน้ำมันก่อนการถวายสิบลดหนึ่ง. หากชาวยิศราเอลประสงค์จะถวายเงินแทนผลผลิต เขาก็จะทำเช่นนั้นได้ถ้าหากว่าเขาจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งในห้าแห่งค่าของผลผลิตนั้น.—เลวีติโก 27:30-33; อาฤธโม 18:21-30.
สิบชักหนึ่งอีกอย่างหนึ่งดูเหมือนได้ถูกกันไว้ต่างหากด้วย. ตามปกติ ครอบครัวใช้ส่วนนั้นเมื่อประชาชนชุมนุมกันสำหรับเทศกาลฉลองต่าง ๆ. แต่จะว่าอย่างไรหากระยะทางถึงกรุงยะรูซาเลมไกลมากเกินไปสำหรับการขนส่งส่วนสิบชักหนึ่งนี้โดยสะดวก? ถ้าเช่นนั้นแล้ว ข้าว, เหล้าองุ่นใหม่, น้ำมัน, และสัตว์ต่าง ๆ อาจเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อจะเอาไปได้โดยสะดวก. (พระบัญญัติ 12:4-18; 14:22-27) ในตอนสิ้นสุดของทุก ๆ ปีที่สามและปีที่หกแห่งรอบซะบาโตเจ็ดปี มีการกันส่วนสิบชักหนึ่งไว้ต่างหากสำหรับพวกเลวี แขกเมือง หญิงม่ายและลูกกำพร้า.—พระบัญญัติ 14:28, 29; 26:12.
ภายใต้พระบัญญัติ ไม่มีการลงโทษสำหรับการไม่ได้ถวายสิบชักหนึ่ง. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระยะโฮวาทรงจัดให้ไพร่พลอยู่ภายใต้พันธกรณีทางด้านศีลธรรมอันหนักแน่นที่จะจัดให้มีส่วนสิบชักหนึ่ง. บางครั้งพวกเขาต้องประกาศจำเพาะพระพักตร์พระองค์ว่า มีการถวายส่วนสิบชักหนึ่งอย่างครบถ้วน. (พระบัญญัติ 26:13-15) สิ่งใด ๆ ที่อายัดไว้อย่างผิด ๆ ถูกถือว่าเป็นสิ่งที่ขโมยไปจากพระเจ้า.—มาลาคี 3:7-9.
การถวายสิบชักหนึ่งมิใช่การจัดเตรียมที่เป็นภาระหนัก. ที่จริง เมื่อชนยิศราเอลปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านี้ พวกเขากลับเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น. ส่วนสิบชักหนึ่งส่งเสริมการนมัสการแท้โดยมิได้เน้นหนักอย่างไม่สมควรในเรื่องวิธีทำการจัดเตรียมทางด้านวัตถุสำหรับการนมัสการแท้. เนื่องจากเหตุนี้ การจัดเตรียมเรื่องสิบชักหนึ่งจึงเป็นผลดีแก่ทุกคนในยิศราเอล. แต่การถวายสิบชักหนึ่งนั้นสำหรับคริสเตียนไหม?
คริสเตียนต้องถวายสิบชักหนึ่งไหม?
แต่ก่อนการถวายสิบชักหนึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในดินแดนของคริสต์ศาสนจักร. ดิ เอ็นไซโคลพีเดีย อเมริกานา แถลงว่า “เรื่องนั้น . . . ค่อย ๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดาภายในศตวรรษที่ 6. สภาประชุมแห่งทูร์สในปี 567 และสภาประชุมแห่งมาคอนครั้งที่สองใน 585 สนับสนุนการถวายสิบชักหนึ่ง. . . . การใช้อย่างผิด ๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิทธิที่จะเก็บรวบรวมส่วนสิบชักหนึ่งได้ถูกมอบหรือขายให้แก่ฆราวาสอยู่เนือง ๆ. เริ่มต้นตั้งแต่สันตะปาปาเกรกอรีที่ 7 มีการประกาศว่ากิจปฏิบัตินี้ผิดกฎหมาย. ครั้นแล้วฆราวาสหลายคนได้มอบสิทธิ์ในเรื่องส่วนสิบชักหนึ่งให้แก่คณะบาทหลวงของอารามและโบสถ์ใหญ่ต่าง ๆ. การปฏิรูปก็มิได้ยกเลิกการถวายสิบชักหนึ่ง และกิจปฏิบัตินั้นยังคงมีอยู่ต่อไปในคริสต์จักรโรมันคาทอลิกและในประเทศต่าง ๆ ที่เป็นโปรเตสแตนต์.” การถวายสิบชักหนึ่งได้ถูกยกเลิกหรือค่อย ๆ ถูกเปลี่ยนไปในดินแดนต่าง ๆ และปัจจุบันมีไม่กี่ศาสนาที่ปฏิบัติกิจนั้นอยู่.
ดังนั้นแล้ว คริสเตียนต้องถวายสิบชักหนึ่งไหม? ในดรรชนีคำศัพท์พระคัมภีร์ของเขา อเล็กซานเดอร์ ครูเดน ได้กล่าวว่า “ทั้งพระผู้ช่วยให้รอดของเราและพวกอัครสาวกของพระองค์ต่างก็มิได้สั่งการอะไรเลยในเรื่องการถวายสิบชักหนึ่งนี้.” ที่จริง ไม่มีการสั่งให้คริสเตียนถวายสิบชักหนึ่ง. พระเจ้าเองทรงยกเลิกกฎหมายของโมเซ พร้อมกับการจัดเตรียมเรื่องสิบชักหนึ่ง ตอกกฎหมายนั้นไว้กับหลักทรมานของพระเยซู. (โรม 6:14; โกโลซาย 2:13, 14) เพราะฉะนั้น คริสเตียนจึงทำการบริจาคโดยสมัครใจแทนการถูกกำหนดที่จะให้เงินจำนวนที่เจาะจงเพื่อชำระค่าใช้จ่ายของประชาคม.
ถวายพระเกียรติแด่พระยะโฮวาด้วยทรัพย์ของเจ้า
แน่นอน หากคริสเตียนสมัครใจเลือกที่จะมอบหนึ่งในสิบแห่งรายได้ของเขาเพื่อส่งเสริมการนมัสการแท้ คงจะไม่มีข้อขัดข้องตามหลักพระคัมภีร์ที่เขาจะทำการบริจาคเช่นนั้น. ในจดหมายพร้อมกับเงินบริจาคของเขาเด็กหนุ่มวัย 15 ปีคนหนึ่งในปาปัวนิวกินีได้เขียนว่า “เมื่อผมเล็ก ๆ คุณพ่อเคยบอกผมว่า ‘เมื่อเธอเริ่มต้นทำงาน เธอต้องถวายผลแรกแด่พระยะโฮวา.’ ผมนึกถึงถ้อยคำในสุภาษิต 3:1, 9 ซึ่งบอกว่าเราต้องถวายผลแรกแด่พระยะโฮวาเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระองค์. ดังนั้น ผมได้สัญญาว่าจะทำเช่นนี้ และตอนนี้ผมต้องทำตามคำสัญญาของผม. ผมรู้สึกเป็นสุขเบิกบานจริง ๆ ที่จะส่งเงินจำนวนนี้มาเพื่อช่วยงานราชอาณาจักร.” พระคัมภีร์มิได้เรียกร้องให้คริสเตียนทำคำสัญญาเช่นนั้น. อย่างไรก็ตาม การให้ด้วยใจเอื้อเฟื้อเป็นวิธีอันดีงามที่จะแสดงความสนใจอันแรงกล้าในการส่งเสริมการนมัสการแท้.
คริสเตียนอาจเลือกที่จะไม่กำหนดจำนวนการบริจาคที่เขาทำเพื่อส่งเสริมการนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้า. เพื่อเป็นตัวอย่าง: ระหว่างอยู่ ณ การประชุมใหญ่แห่งหนึ่งของพยานพระยะโฮวา ซิสเตอร์สูงอายุสองคนพูดคุยถึงการบริจาคที่อาจทำได้เพื่อพระราชกิจ. ในเรื่องการได้รับอาหาร ณ การประชุมใหญ่ ซิสเตอร์คนหนึ่งซึ่งอายุ 87 ปี ถามว่าอาหารมีมูลค่าสักเท่าไรเพื่อเธอจะบริจาคจำนวนนั้นได้. ซิสเตอร์อีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ในวัย 90 บอกว่า ‘ก็ให้เท่าที่คุณคิดว่าสมควรก็แล้วกัน—และให้เพิ่มอีกเล็กน้อย.’ ซิสเตอร์ผู้สูงอายุกว่าคนนี้ช่างแสดงเจตคติที่ดีงามเสียนี่กระไร!
เนื่องจากไพร่พลของพระยะโฮวาได้อุทิศทุกสิ่งทุกอย่างของเขาให้กับพระองค์ พวกเขายินดีทำการบริจาคเงินและของอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการนมัสการแท้. (เปรียบเทียบ 2 โกรินโธ 8:12.) ที่จริง แนวทางคริสเตียนเกี่ยวกับการให้เปิดโอกาสให้แสดงความหยั่งรู้ค่าสุดซึ้งต่อการนมัสการพระยะโฮวา. การให้ดังกล่าวมิได้จำกัดอยู่แค่ส่วนสิบชักหนึ่ง หรือหนึ่งในสิบ และอาจมีสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งปัจเจกบุคคลได้รับการกระตุ้นที่จะให้มากกว่านั้นเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักร.—มัดธาย 6:33.
อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “ทุกคนจงให้ตามซึ่งเขาคิดหมายไว้ในใจ มิใช่ด้วยขืนใจให้ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี.” (2 โกรินโธ 9:7) หากคุณให้ด้วยใจยินดีและอย่างใจกว้างเพื่อสนับสนุนการนมัสการแท้ คุณจะเจริญเพราะสุภาษิตที่ฉลาดสุขุมบอกว่า “จงถวายพระเกียรติยศแด่พระยะโฮวาด้วยทรัพย์ของเจ้า และด้วยผลแรกทั้งหมดที่เพิ่มพูนแก่เจ้านั้น. เมื่อกระทำเช่นนั้นแล้วยุ้งฉางของเจ้าจะเต็มบริบูรณ์ และถังของเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยน้ำองุ่นสด.”—สุภาษิต 3:9, 10.
เราไม่สามารถทำให้พระผู้สูงสุดมั่งคั่งขึ้นได้. เงินและทองทั้งสิ้น สัตว์ป่าบนภูเขาพันยอด และของมีค่าจำนวนนับไม่ถ้วนเป็นของพระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 50:10-12) เราจะตอบแทนพระเจ้าในเรื่องผลประโยชน์ทั้งสิ้นซึ่งเรารับจากพระองค์นั้นไม่ได้เลย. แต่เราสามารถแสดงความหยั่งรู้ค่าสุดซึ้งของเราต่อพระองค์และสำหรับสิทธิพิเศษในการถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์เพื่อการสรรเสริญพระองค์ได้. และเราแน่ใจได้ว่าพระพรอันอุดมจะหลั่งไหลมาสู่คนเหล่านั้นที่ให้อย่างใจกว้างเพื่อส่งเสริมการนมัสการบริสุทธิ์ และถวายพระเกียรติพระยะโฮวาพระเจ้าองค์เปี่ยมด้วยความรักและมีพระทัยเอื้อเฟื้อ.—2 โกรินโธ 9:11.
[กรอบหน้า 29]
วิธีที่บางคนบริจาคเพื่อการงานแห่งราชอาณาจักร
◻ การบริจาคสำหรับงานทั่วโลก: หลายคนกันเงินไว้หรือจัดงบประมาณจำนวนที่เขาใส่ไว้ในหีบบริจาคที่มีป้ายว่า “เงินบริจาคสำหรับงานของสมาคมตลอดทั่วโลก—มัดธาย 24:14.” แต่ละเดือน ประชาคมส่งเงินจำนวนนี้ต่อไปยังสำนักงานใหญ่ในบรุ๊กลีน นิวยอร์ก หรือไม่ก็สำนักงานสาขาใกล้ที่สุด.
◻ ของให้: อาจส่งเงินบริจาคโดยสมัครใจโดยตรงถึงสมาคมวอชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทรกต์แห่งเพ็นซิลเวเนีย 25 โคลัมเบีย ไฮทส์ บรุ๊กลีน นิวยอร์ก 11201 หรือถึงสำนักงานสาขาของสมาคมในประเทศ. อาจบริจาคเพชรพลอย หรือของมีค่าอื่น ๆ ได้ด้วย. ควรส่งจดหมายสั้น ๆ ที่แจ้งว่านั้นเป็นของให้โดยตรงพร้อมกับการบริจาคเหล่านี้.
◻ การจัดเตรียมการบริจาคแบบมีเงื่อนไข: อาจฝากเงินไว้กับสมาคมวอชเทาเวอร์ จนกระทั่งผู้บริจาคเสียชีวิต โดยมีเงื่อนไขว่าในกรณีที่มีความจำเป็นเฉพาะตัว ก็จะส่งเงินนั้นคืนไปยังผู้บริจาค.
◻ เบี้ยประกัน: อาจระบุชื่อสมาคมวอชเทาเวอร์ เป็นผู้รับประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันชีวิตหรือเงินบำเหน็จบำนาญเมื่อเกษียณอายุ. สมาคมควรได้รับการแจ้งให้ทราบเรื่องการจัดเตรียมใด ๆ ดังกล่าว.
◻ บัญชีออมทรัพย์: บัญชีออมทรัพย์ ใบหลักฐานการฝากเงิน หรือบัญชีฝากเงินบำนาญของปัจเจกบุคคลอาจมอบไว้ในความดูแล ของสมาคมวอชเทาเวอร์ หรือให้สมาคมเบิกได้เมื่อเจ้าของตาย ตรงตามข้อกำหนดของธนาคารในท้องถิ่น. ควรแจ้งให้สมาคมทราบการจัดเตรียมใด ๆ ดังกล่าว.
◻ อสังหาริมทรัพย์: อสังหาริมทรัพย์ที่ขายได้อาจบริจาคให้กับมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาพระคัมภีร์ ทั้งโดยการให้โดยตรง หรือไม่ก็สงวนสิทธิ์สำหรับผู้บริจาค ผู้ซึ่งจะอาศัยอยู่ต่อไปในที่นั่นได้ตลอดช่วงชีวิตของเขา. คนเราควรติดต่อกับมูลนิธิฯ ก่อนการทำข้อตกลงโอนอสังหาริมทรัพย์ใด ๆ ให้กับมูลนิธิฯ.
◻ พินัยกรรม: อาจยกทรัพย์สินหรือเงินให้แก่มูลนิธิส่งเสริมการศึกษาพระคัมภีร์ได้โดยทางพินัยกรรมที่ลงนามอย่างถูกต้องตามกฎหมาย. ควรส่งสำเนาฉบับหนึ่งของพินัยกรรมนั้นถึงมูลนิธิฯ.
สำหรับข้อมูลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โปรดเขียนถึงสำนักงานเหรัญญิก สมาคมวอชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทรกต์ แห่งเพ็นซิลเวเนีย หรือถึงสำนักงานสาขาในประเทศของท่าน.