การเคารพรูปปั้นข้อโต้แย้ง
ที่แห่งหนึ่งในโปแลนด์ ชายคนหนึ่งกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางของเขา. ถึงกระนั้น เขายังต้องเอาใจใส่ต่อข้อปลีกย่อยที่สำคัญประการหนึ่งอยู่. เขาคุกเข่าลงต่อหน้ารูปปั้นของพระเยซู ถวายของเซ่นไหว้ และอธิษฐานขอการปกป้องคุ้มครองระหว่างการเดินทางของเขา.
ไม่ต้องสงสัย คุณคงทราบว่าการเคารพรูปปั้น ดังที่เพิ่งพรรณนามานั้นเป็นสิ่งที่แพร่หลาย. หลายพันล้านคนจริง ๆ คำนับต่อหน้ารูปปั้น. เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว มีการถือว่ารูปปั้นเป็นวิธีสำคัญที่จะใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น.
คุณคิดอย่างไรในเรื่องการใช้รูปปั้นในการนมัสการ? การเคารพรูปปั้นถูกหรือว่าผิด? พระยะโฮวาพระผู้สร้างสิ่งสารพัดทรงรู้สึกอย่างไรในเรื่องนั้น? มีหลักฐานใด ๆ ไหมที่ว่าพระองค์ทรงยอมรับการนมัสการดังกล่าว? บางทีโดยส่วนตัวแล้ว คุณไม่เคยคิดถึงปัญหาดังกล่าวมากเท่าไรนัก. กระนั้น หากคุณถือว่าการมีสัมพันธภาพกับพระเจ้าเป็นสิ่งมีค่าแล้ว คุณจำเป็นต้องได้รับคำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้น.
เป็นที่ยอมรับว่า สำหรับหลายคนแล้วนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตอบ. ที่จริง ปัญหาดังกล่าวเป็นประเด็นของการโต้แย้งที่เผ็ดร้อนและบางครั้งก็รุนแรงมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว. ตัวอย่างเช่น ย้อนหลังไปในปี 1513 ก่อนสากลศักราช โมเซผู้นำชาวฮีบรูได้ทำลายรูปปั้นโคทองคำ และได้ประหารชีวิตราว ๆ 3,000 คนซึ่งเคารพรูปนั้น.—เอ็กโซโดบท 32.
การต่อต้านการใช้รูปปั้นทางศาสนาใช่ว่าจำกัดอยู่แค่ชาวยิว. นักประวัติศาสตร์โบราณฝ่ายโลกได้อนุรักษ์ตำนานเรื่องทากมูรูบ ผู้ครอบครองชาวเปอร์เซีย ซึ่งกล่าวกันว่าได้ดำเนินการรณรงค์ต่อต้านการเคารพรูปปั้นอย่างกว้างขวางหลายร้อยปีก่อนโมเซ. ในประเทศจีนมีรายงานว่ากษัตริย์ซึ่งกล่าวกันว่าดำรงพระชนม์อยู่นานมาแล้วได้ทำการโจมตีทางทหารต่อรูปปั้นของพระเจ้าต่าง ๆ. ภายหลังรูปปั้นถูกทำลายแล้ว ท่านได้ประณามการเคารพพระเจ้าต่าง ๆ ที่ทำด้วยดินเหนียวนั้นว่าเป็นความโง่เขลา. ต่อมา เมื่อมูฮัมหมัดยังเป็นเด็กอยู่นั้น มีพวกอาหรับซึ่งต่อต้านการใช้รูปปั้นในการนมัสการ. อิทธิพลของพวกเขาต่อมูฮัมหมัดมีส่วนส่งเสริมต่อจุดยืนของเขาในเรื่องการไหว้รูปเคารพในหลายปีต่อมา. ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน มูฮัมหมัดสอนว่าการไหว้รูปเคารพเป็นบาปที่อภัยให้ไม่ได้ จะต้องไม่อธิษฐานเผื่อคนไหว้รูปเคารพ และบอกว่าการแต่งงานกับคนไหว้รูปเคารพเป็นสิ่งต้องห้าม.
แม้แต่ในคริสต์ศาสนจักร บุคคลที่มีชื่อเสียงทางด้านศาสนาแห่งศตวรรษที่สอง, สาม, สี่, และห้า เช่นอิเรแนอุส, ออริเกน, ยูเซบิอุสแห่งกายซาไรอา, เอพิฟานิอุส, และออกัสติน ได้ต่อต้านการใช้รูปปั้นในการนมัสการ. ราว ๆ ตอนเริ่มต้นของศตวรรษที่สี่สากลศักราช ณ เอลวีรา ประเทศสเปน บิชอปกลุ่มหนึ่งได้เสนอมติสำคัญจำนวนหนึ่งต่อต้านการเคารพรูปปั้น. สภาประชุมแห่งเอลวีราอันขึ้นชื่อนี้ลงเอยด้วยการสั่งห้ามรูปปั้นจากโบสถ์ต่าง ๆ และกำหนดการลงโทษอย่างรุนแรงต่อผู้นมัสการรูปปั้น.
ผู้ทำลายรูปเคารพ
เหตุการณ์เหล่านี้ได้เตรียมทางไว้สำหรับข้อโต้แย้งอันใหญ่ยิ่งที่สุดอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์: การโต้แย้งของผู้ทำลายรูปเคารพแห่งศตวรรษที่แปดและที่เก้า. นักประวัติศาสตร์คนหนึ่งแถลงว่า “การโต้แย้งอันเผ็ดร้อนนี้ยืดเยื้อเป็นเวลาหนึ่งศตวรรษครึ่ง เป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานสุดที่จะพรรณนา” และนั่นเป็น “สาเหตุโดยตรงประการหนึ่งของการแตกแยกระหว่างจักรภพทางตะวันออกและตะวันตก.”
คำ “อิโคโนคลาสต์” [ผู้ทำลายรูปเคารพ] มาจากคำภาษากรีก อีโคน หมายถึง “รูปปั้น” และ คลาสเทส หมายถึง “ผู้ทำแตก.” สมตามชื่อ ขบวนการต่อต้านรูปปั้นนี้รวมเอาการกำจัดและการทำลายรูปปั้นตลอดทั่วยุโรป. กฎหมายต่อต้านรูปปั้นหลายฉบับเริ่มมีผลใช้บังคับเพื่อขจัดการใช้รูปปั้นในการนมัสการ. การเคารพรูปปั้นได้กลายเป็นประเด็นด้านการเมืองที่ดุเดือดซึ่งได้ดึงจักรพรรดิและสันตะปาปา, แม่ทัพและบิชอปทั้งหลายเข้าสู่สงครามทางเทววิทยาโดยแท้.
และนี้เป็นยิ่งกว่าสงครามวาจา. สารานุกรมเกี่ยวกับพระคัมภีร์, ศาสนศาสตร์, และคริสต์จักร โดยแม็คลินท็อกและสตรองก์ได้แถลงว่า หลังจากจักรพรรดิเลโอที่ 3 ได้ออกพระราชกฤษฎีกาต่อต้านการใช้รูปปั้นในโบสถ์แล้ว ประชาชน “ลุกฮือขึ้นเป็นจำนวนมากมายต่อต้านพระราชกฤษฎีกา และความวุ่นวายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ เมืองคอนสแตนติโนเปิล” กลายเป็นเหตุการณ์ประจำวัน. การปะทะกันระหว่างกองทัพของจักรพรรดิและประชาชนลงเอยด้วยการประหารชีวิตและการสังหารหมู่. พวกบาทหลวงถูกข่มเหงอย่างทารุณ. หลายร้อยปีต่อมา ระหว่างศตวรรษที่ 16 การถกเถียงกันอย่างเปิดเผยหลายครั้งได้เกิดขึ้นในเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในประเด็นเรื่องรูปปั้นในโบสถ์. ผลก็คือ มีการประกาศใช้กฤษฎีกาเรียกร้องการกำจัดรูปปั้นทั้งมวลออกไปจากโบสถ์. นักปฏิรูปบางคนมีชื่อในเรื่องการประณามอย่างรุนแรงและดุเดือดเนือง ๆ ต่อการนมัสการรูปปั้น.
แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีความแตกร้าวอย่างกว้างขวางในท่ามกลางนักเทววิทยาสมัยปัจจุบันเกี่ยวกับการใช้รูปปั้นในการนมัสการ. บทความถัดไปจะช่วยคุณประเมินค่าว่า รูปปั้นจะช่วยมนุษย์ให้ใกล้ชิดพระเจ้าพระผู้สร้างยิ่งขึ้นได้จริง ๆ หรือไม่.