หนังสือเล่มใหม่ทำให้หลายล้านคนตื่นเต้น
ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของการประชุมใหญ่ “ชนผู้รักเสรีภาพ” ซึ่งได้เริ่มต้นเดือนมิถุนายนที่แล้วคือ คำบรรยายเรื่อง “บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น.” จุดเด่นของคำบรรยายนั้นคือการออกหนังสือที่มีชื่อเรื่องเดียวกัน. ประชาชนมากกว่าหกล้านคนทั่วโลกได้เข้าร่วมการประชุมชุดนี้อยู่แล้ว และได้ยินคำบรรยายซึ่งพิมพ์ลงในบทความสองเรื่องก่อนหน้าของวารสารนี้ด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย.
หนังสือบุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น มากกว่า 12 ล้านเล่มได้รับการพิมพ์ขึ้นในราว ๆ 60 ภาษา. จะหาหนังสือนั้นได้กระทั่งในภาษาต่าง ๆ ของยุโรปตะวันออก เช่น ภาษาอัลบาเนีย, โครเอเทีย, ฮังการี, แมซิโดเนีย, โปแลนด์, รัสเซีย, เซอร์เบีย, และสโลวีเนีย. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มากกว่า 74,000 คนซึ่งได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่เจ็ดแห่งในสหภาพโซเวียตรู้สึกปีติยินดีที่ได้รับหนังสือนั้นในภาษารัสเซีย.
แหล่งที่มาของหนังสือนั้น
ทีแรกเรื่องราวในหนังสือนั้นได้ปรากฏในรูปแบบเป็นตอน ๆ ในหอสังเกตการณ์ 149 ฉบับติดต่อกัน เริ่มต้นด้วยฉบับวันที่ 1 เมษายน 1985. ผู้อ่านหลายคนบอกว่าเขารู้สึกเศร้าใจเมื่อบทความชุดนั้นได้มาจบลงในฉบับวันที่ 1 มิถุนายน 1991. เมลิสซา เด็กหญิงวัย 12 ปีคนหนึ่งในอิตาลี มีน้ำตาคลอเบ้าตาเมื่อเธออ่านตอนสุดท้ายในหอสังเกตการณ์. เธอบอกว่า “คืนก่อนการประชุมใหญ่ของเรา หนูได้อธิษฐานต่อพระยะโฮวา. ทูลขอหนังสือเกี่ยวกับเรื่องชีวิตของพระเยซู. เมื่อมีการเสนอหนังสือนั้นออกมา หนูปรบมือจนกระทั่งปรบต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว.”
เรื่องราวที่ลงเป็นตอน ๆ ในหอสังเกตการณ์ ได้รับการเรียบเรียงและรวบรวมเป็นหนังสือเล่มใหม่ที่มีภาพประกอบสวยงาม 448 หน้า มี 133 บท. มีการใช้ความพยายามที่จะเสนอคำปราศรัยทุกคำที่พระเยซูตรัสและเหตุการณ์ในชีวิตทางภาคพื้นโลกของพระองค์ทุกเรื่องที่มีการบันทึกไว้ รวมทั้งอุทาหรณ์และการอัศจรรย์ทุกอย่างของพระองค์. เท่าที่เป็นไปได้ มีการบรรยายทุกเรื่องตามลำดับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น. ที่ตอนท้ายของแต่ละบท มีรายชื่อข้อคัมภีร์ซึ่งบทนั้น ๆ อาศัยเป็นหลักไว้.
บางคนอาจคิดว่า ‘ฉันได้อ่านหนังสือเล่มนั้นแล้ว เพราะฉันได้อ่านบทความชุดนั้นในหอสังเกตการณ์.’ แต่ผู้อ่านหอสังเกตการณ์ ได้รับเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูเป็นส่วนเล็กน้อยที่มีการเสนอในบทความซึ่งมีมาทุก ๆ สองสัปดาห์ตลอดช่วงระยะหกปีกว่า. ถึงแม้บทความให้ความรู้แบบเป็นตอน ๆ ก็ตาม ขอให้นึกถึงความตื่นเต้นในการอ่านเรื่องราวครบถ้วนในเวลาสั้น ๆ และมองเห็นภาพเต็ม ๆ ของบุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น.
เสริมสร้างความเชื่อให้เข้มแข็ง
สตรีคนหนึ่งจากวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐรายงานว่า “ดิฉันอ่านหนังสือนั้นจบในสองสัปดาห์. ขณะที่อ่านดิฉันหลั่งน้ำตา. ดิฉันจะหยุดอ่าน แล้วอธิษฐานและร้องไห้. หนังสือนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกเหมือนกับว่าดิฉันอยู่ที่นั่นกับพระเยซูทีเดียว ทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์. แม้แต่ภายหลังอ่านหนังสือนั้นได้หนึ่งสัปดาห์ ดิฉันก็ยังคงน้ำตาไหลเมื่อคิดถึงเรื่องที่ดิฉันได้อ่าน. ดิฉันรู้สึกใกล้ชิดกับพระยะโฮวายิ่งขึ้นด้วยซ้ำ เพราะการที่พระองค์ทรงประทานพระบุตรให้.”
สตรีคนหนึ่งจากเมืองพิตสเบิร์ก รัฐเพ็นซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ได้เขียนว่า “ดิฉันอ่านหนังสือเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูจบวันนี้. หนังสือนั้นวิเศษจริง ๆ. ดิฉันน้ำตาไหลเมื่ออ่านสองสามบทสุดท้าย. การอ่านหนังสือจบหมดทันทีนับว่าดีทีเดียว. ดิฉันพรรณนาไม่ถูกจริง ๆ ว่าดิฉันรู้สึกอย่างไรกับหนังสือนั้น—บอกได้เพียงแต่ว่า ดิฉันชอบหนังสือนั้นมากจริง ๆ.”
ภาพอันสวยงามในหนังสือนั้นมีส่วนช่วยทำให้คนเราเกิดความรู้สึกซาบซึ้งตรึงใจ ดังที่ผู้อ่านซึ่งหยั่งรู้ค่าคนหนึ่งให้ข้อสังเกตว่า “หนังสือนี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมแทบจะได้ยินพวกเขาร้องไห้ในเรื่องเด็กที่ตายไป (บท 47) หรือที่ว่าเราทราบว่าพระเยซูทรงคิดอะไรอยู่เมื่อผู้หญิงที่มีโลหิตตกได้แตะต้องพระองค์แล้วได้รับการรักษาให้หาย (บท 46). สีหน้าของพวกเขาเหมือนจริงจึงทำให้รู้สึกปวดร้าวจริง ๆ. . . . แทนที่การอ่านจะเป็นงานที่น่าเบื่อ หนังสือเล่มนี้กลับทำให้เป็นเหมือนสิ่งที่ให้ความสนุกเพลิดเพลินมากกว่า หรือเป็นสิ่งดีเลิศในตอนเย็นของผม. แนวที่หนังสือนี้เขียนขึ้น ไม่เพียงแต่บอกว่าพระเยซูทรงทำ อะไรเท่านั้น หากแต่แสดงให้เห็นแวบหนึ่งว่าพระองค์ทรงคิด และรู้สึก อย่างไร.”
การใช้ในหลายโอกาส
หลายคนเริ่มใช้หนังสือนั้นในการศึกษาประจำครอบครัวของพวกเขา. บิดามารดาจากซิลเวอร์ตัน รัฐออริกอน สหรัฐอเมริกาเขียนมาว่า “เรามีลูกเล็ก ๆ สามคน และหนังสือนี้ดีพร้อมสำหรับ ‘การศึกษาประจำครอบครัวทุกคืน’ ของเรา. ที่จริง เหมาะเพียงไรที่เราศึกษาภูมิหลังของพระเยซูคริสต์ พระมหากษัตริย์องค์เปี่ยมด้วยความรักของเรานั้นอย่างถี่ถ้วน.”
วัยรุ่นคนหนึ่งจากญี่ปุ่นชี้แจงว่า “คุณพ่อของดิฉันอ่านให้เราฟังระหว่างที่เราพักผ่อนหลังอาหารเย็น. ในฐานะเป็นครอบครัว เราอ่านตั้งแต่ตอนเริ่มต้น แต่ดิฉันตัดสินใจที่จะอ่านคืนละบทจากด้านหลังของหนังสือก่อนจะนอนหลับ. อย่างไรก็ดี หนังสือทำให้ติดใจจนกระทั่งบ่อยครั้งกว่าดิฉันจะสังเกตเวลาก็ปาเข้าไปตีหนึ่งแล้ว.”
หลายคนรู้สึกแปลกใจที่มีการรวมเอารายละเอียดไว้มากเพียงไรในเรื่องราวต่าง ๆ. พยานฯคนหนึ่งเขียนว่า “ดิฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งจริง ๆ ที่ดิฉันไม่รู้มาก่อน.” จดหมายฉบับหนึ่งจากคาลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาบอกว่า “ผมกับภรรยาอยู่ในความจริงมาเป็นเวลากว่า 35 ปี และเราพูดได้ด้วยความสัตย์จริงว่า เราไม่เคยมีหนังสืออยู่ในมือของเราที่ทำให้น่าตื่นเต้นมากทีเดียวเหมือนอย่างเล่มนี้.”
หนังสือนั้นควรช่วยลบล้างคำโกหกที่ว่าพยานพระยะโฮวาไม่เชื่อในพระเยซู. ผู้อ่านคนหนึ่งที่สำนึกบุญคุณได้ออกความเห็นไว้ทำนองนี้: “ผมวางหนังสือนี้ไม่ลง เพราะมันเป็นการหักล้างใหญ่ยิ่งที่สุดสำหรับความไม่รู้เรื่องรู้ราวของคนเหล่านั้นที่พูดว่าประชาชนของพระยะโฮวาไม่เชื่อในพระเยซูคริสต์หรือไม่ถวายพระเกียรติพระองค์. สิ่งเดียวที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือให้เล่มนี้เป็นคำตอบสำหรับความไม่รู้เรื่องรู้ราวของเขาไว้ในมือของเขา.”
หนังสือเล่มนี้จะมีบทบาทสำคัญในงานรับใช้ของพยานพระยะโฮวาแน่ ๆ. พยานฯคนหนึ่งเขียนว่า “ดิฉันให้หนังสือนั้นเล่มหนึ่งแก่ผู้หญิงที่ดิฉันศึกษาพระคัมภีร์ด้วย และผลกระทบที่หนังสือนั้นมีต่อเธอดูเหมือนเป็นการอัศจรรย์. เธอได้ศึกษามาเป็นเวลาหนึ่งปี และดิฉันประสบความลำบากในการพาเธอมายังการประชุมต่าง ๆ.” ภายหลังที่นักศึกษาอ่าน 45 บทของหนังสือใหม่แล้ว พยานฯได้อธิบายว่า “เธอบอกดิฉันว่าเธอจะมาการประชุมวันอาทิตย์ เพราะถึงเวลาแล้วที่เธอจะแสดงจุดยืนของเธอ.”
ลักษณะเด่นอันล้ำค่า
ที่แท้แล้ว หนังสือบุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น จัดให้มีคำอธิบายในเรื่องกิตติคุณ. มีการจัดเตรียมคำอธิบายเกี่ยวกับหลายสิ่งที่พระเยซูตรัสและคิด ดังนั้น จึงอาจใช้หนังสือนี้เป็นเครื่องมือค้นคว้าอันทรงคุณค่า เพราะหนังสือนี้ติดตามเรื่องราวในพระคัมภีร์อย่างใกล้ชิด.
ลักษณะเด่นที่ดีเป็นพิเศษประการหนึ่งก็คือ มีการเล่าทุกเรื่องตามลำดับเวลาเท่าที่ทำได้. เพียงแค่พลิกหน้าต่าง ๆ โดยคำนึงถึงเรื่องนี้ก็อาจปรากฏว่าเป็นการช่วยเหลือจริง ๆ ที่จะระบุว่าเหตุการณ์หนึ่ง ๆ ได้เกิดขึ้นเมื่อไรในระหว่างช่วงงานรับใช้ของพระเยซู. บ่อยครั้ง ผู้อ่านกิตติคุณเผชิญกับสิ่งที่ดูเหมือนเป็นข้อขัดแย้งกัน. หนังสือเล่มใหม่ทำให้เรื่องเหล่านั้นลงรอยกันในวิธีการเสนอเรื่องราว โดยไม่จำเป็นต้องเจาะจงพิจารณาเรื่องเหล่านี้เป็นพิเศษ.
ในฐานะเป็นคริสเตียน เราคงไม่อยากละเลยการศึกษาอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูคริสต์ แบบฉบับองค์ซื่อสัตย์ของพวกเรา. เพราะฉะนั้น ขอให้เราพิจารณาเรื่องราวกิตติคุณอย่างใกล้ชิดโดยความช่วยเหลือจากหนังสือเล่มใหม่ บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น.