ชาวประเทศหรือคนต่างด้าวพระเจ้าทรงต้อนรับคุณ!
“พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ทุกชาติจากคน ๆ เดียว เพื่ออาศัยอยู่ตลอดทั่วพื้นแผ่นดิน.”—กิจการ 17:26, ล.ม.
1. สภาพการณ์ในหลายแห่งเป็นเช่นไรในปัจจุบันนี้ในเรื่องการรับรองผู้คนต่างวัฒนธรรม?
รายงานข่าวทางหนังสือพิมพ์ชี้ให้เห็นว่าหลายประเทศกำลังเป็นห่วงมากขึ้นในเรื่องชาวต่างประเทศ, คนเข้าเมือง, และพวกผู้ลี้ภัย. หลายล้านคนอยากจะย้ายจากภูมิภาคบางส่วนแถบเอเชีย, แอฟริกา, ยุโรป, และอเมริกาเหลือเกิน. พวกเขาอาจจะแสวงหาการบรรเทาพ้นจากสภาพยากจนข้นแค้นอย่างสาหัส, สงครามกลางเมือง, หรือการกดขี่. แต่พวกเขาได้รับการต้อนรับในที่อื่นไหม? วารสารไทม์ บอกอย่างนี้: “ขณะที่การปะปนของชนกลุ่มน้อยทางยุโรปเริ่มเปลี่ยนแปลง บางประเทศพบว่าไม่อาจทนทานวัฒนธรรมต่างถิ่นได้อย่างที่ตนเคยคิดว่ารับไว้ได้.” จากจำนวนผู้ลี้ภัย 18,000,000 คนซึ่ง “ไม่มีใครต้องการ” นั้น ไทม์ กล่าว “พวกเขาเป็นสิ่งท้าทายอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อนแก่ประเทศที่มีเสถียรภาพ.”
2, 3. (ก) พระคัมภีร์เสนอคำรับรองอะไรซึ่งยังความชื่นใจเกี่ยวด้วยเรื่องการเป็นที่ยอมรับ? (ข) เหตุใดเราสามารถได้รับประโยชน์จากการตรวจสอบสิ่งที่พระคัมภีร์เสนอเรื่องการเกี่ยวข้องของพระเจ้ากับผู้คน?
2 ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นไปอย่างไรก็ตาม คัมภีร์ไบเบิลชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าทรงต้อนรับปวงชนทุกชาติ—ไม่ว่าคนเราเป็นชาวประเทศโดยกำเนิด, เป็นคนเข้าเมือง, หรือเป็นผู้ลี้ภัย. (กิจการ 10:34, 35) กระนั้น บางคนอาจถามว่า ‘แต่คุณพูดเช่นนั้นได้อย่างไร? พระเจ้าทรงสรรเฉพาะชาวยิศราเอลโบราณไว้เป็นไพร่พลของพระองค์มิใช่หรือ ไม่รวมเอาชาติอื่นเลย?’
3 เอาละ ให้เรามาดูว่าพระเจ้าทรงเกี่ยวข้องกับประชาชาติสมัยโบราณอย่างไร. อนึ่ง เราสามารถตรวจสอบคำพยากรณ์ที่กล่าวเฉพาะเรื่องได้ ซึ่งจะเผยให้ทราบสิทธิพิเศษหลายอย่างที่มีไว้สำหรับผู้นมัสการแท้สมัยนี้. การทบทวนเรื่องราวเชิงพยากรณ์เช่นนี้ย่อมยังความกระจ่างในด้านความเข้าใจถึงขนาดที่คุณจะได้รับการชูกำลังเต็มที่. นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องบ่งชี้วิธีที่พระเจ้าจะทรงจัดการกับปัจเจกชน “จากทุกประเทศ และทุกตระกูล ทุกชาติ และทุกภาษา” หลังจากความทุกข์ใหญ่เกิดขึ้นแล้ว.—วิวรณ์ 7:9, 14-17.
‘ทุกชาติจะทำให้ตนเองได้รับพระพร’
4. ปัญหาเรื่องเชื้อชาติได้พัฒนาขึ้นมาอย่างไร แต่พระเจ้าได้ทรงกระทำตามขั้นตอนอย่างไร?
4 ภายหลังน้ำท่วมโลก มนุษยชาติสืบเชื้อสายมาจากครอบครัวโนฮาโดยตรง และทุกคนเป็นผู้นมัสการแท้. แต่เอกภาพเช่นนั้นได้แปรเปลี่ยนไปในเวลาต่อมาไม่นาน. ชั่วเวลาอันสั้น มีบางคนไม่แยแสต่อพระทัยประสงค์ของพระเจ้า เขาเริ่มสร้างหอสูงขึ้น. การทั้งนี้นำไปสู่การแตกกลุ่มกันทางด้านภาษา ซึ่งกระจัดกระจายออกไปเป็นเผ่าพันธุ์และชาติต่าง ๆ. (เยเนซิศ 11:1-9) ถึงกระนั้น การนมัสการแท้ยังคงต่อเนื่องทางเชื้อสายที่มาถึงอับราฮาม. พระเจ้าทรงอวยพรอับราฮามผู้ซื่อสัตย์ และสัญญาว่าเผ่าพันธุ์ของท่านจะกลายเป็นชาติใหญ่. (เยเนซิศ 12:1-3) ชาตินั้นได้แก่ชาติยิศราเอลโบราณ.
5. ทำไมพวกเราทุกคนสามารถรับการหนุนใจได้จากการที่พระเจ้าเกี่ยวข้องกับอับราฮาม?
5 อย่างไรก็ดี พระยะโฮวาหาได้คัดเอาแต่ชาวยิศราเอลแล้วตัดชนชาติอื่นออกไปไม่ เพราะพระประสงค์ของพระองค์ครอบคลุมถึงมนุษย์ทั้งปวง. พวกเราเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจนจากสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญากับอับราฮามดังนี้: “โดยทางพงศ์พันธุ์ของเจ้า ทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะทำให้ตนเองได้พระพรเป็นแน่ เนื่องด้วยเจ้าได้ฟังเสียงของเรา.” (เยเนซิศ 22:18, ล.ม.) แต่พระเจ้าก็ได้ทรงเกี่ยวข้องกับชาติยิศราเอลด้วยแนวทางพิเศษเป็นเวลานานหลายศตวรรษ โดยประทานประมวลกฎหมายแก่ชาตินี้ จัดเตรียมการเพื่อปุโรหิตจะถวายเครื่องบูชา ณ พระวิหารของพระองค์ อีกทั้งเตรียมแผ่นดินแห่งคำสัญญาให้เขาอยู่อาศัยด้วย.
6. การจัดเตรียมต่าง ๆ ของพระเจ้ากับชาติยิศราเอลเป็นประโยชน์อย่างไรแก่คนทั้งปวง?
6 กฎหมายที่พระเจ้าประทานแก่ชาติยิศราเอลนั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับชาวประชาทุกชาติในข้อที่ว่า ทำให้การผิดบาปของมนุษย์ปรากฏชัด อันแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีเครื่องบูชาที่สมบูรณ์พร้อม เหมาะสมกับการชดเชยบาปของมนุษย์ครั้งเดียวและใช้ได้ตลอดไป. (ฆะลาเตีย 3:19; เฮ็บราย 7:26-28; 9:9; 10:1-12) ทว่า มีข้อรับรองอะไรที่จะแน่ใจว่าพงศ์พันธุ์ของอับราฮาม—ผู้ซึ่งจะทำให้ชนทุกชาติได้พระพร—จะมาถึงและเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติ? ในเรื่องนี้ กฎหมายของชาติยิศราเอลมีส่วนช่วยให้เป็นไปได้เช่นกัน. กฎหมายนั้นห้ามสมรสกับชาวคะนาอัน ชาวเมืองซึ่งมีชื่อกระฉ่อนด้านกิจปฏิบัติที่ผิดศีลธรรมและพิธีบูชาต่าง ๆ อาทิ ธรรมเนียมการเผาบูชายัญเด็กทั้งเป็น. (เลวีติโก 18:6-24; 20:2, 3; พระบัญญัติ 12:29-31; 18:9-12) พระเจ้าทรงมีพระราชโองการว่าพวกเขาพร้อมทั้งกิจปฏิบัติต่าง ๆ เหล่านั้นต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้น นั้นก็เพื่อประโยชน์สำหรับทุกคนในระยะยาวรวมคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในยิศราเอล เพราะจะได้พิทักษ์เชื้อวงศ์แห่งพงศ์พันธุ์พ้นการเสื่อมเสีย.—เลวีติโก 18:24-28; พระบัญญัติ 7:1-5; 9:5; 20:15-18.
7. มีข้อบ่งชี้อะไรแต่เดิมทีว่าพระเจ้าทรงต้อนรับคนแปลกถิ่น?
7 แม้แต่ในขณะที่พระบัญญัติมีผลใช้บังคับอยู่นั้นและพระเจ้าทรงถือว่าชาติยิศราเอลเป็นชาติพิเศษ พระองค์ยังคงแสดงความเมตตาต่อชาวต่างชาติ. ความเต็มพระทัยของพระองค์ในการกระทำเช่นนั้นเห็นได้ตอนที่ชาติยิศราเอลยกขบวนออกจากอียิปต์อย่างเป็นอิสระไปสู่แผ่นดินของตนเอง. “มีฝูงชนชาติอื่นเป็นอันมากได้ปะปนติดตามไปด้วย.” (เอ็กโซโด 12:38) ศาสตราจารย์ ซี. เอ็ฟ. คีล ระบุว่าคนเหล่านั้นเป็น “คนต่างชาติกลุ่มใหญ่ . . . กลุ่มที่คละปนกัน, หรือฝูงชนที่ปะปนกันหลายเชื้อชาติ.” (เลวีติโก 24:10; อาฤธโม 11:4) คงมีหลายคนเป็นชาวอียิปต์ที่ได้รับรองเอาพระเจ้าองค์เที่ยงแท้.
การต้อนรับคนต่างชาติ
8. ชาวฆิบโอนได้มีที่อยู่ท่ามกลางไพร่พลของพระเจ้าโดยวิธีใด?
8 ขณะที่ชาติยิศราเอลปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้าให้กำจัดชาวคะนาอันที่ต่ำทรามพ้นไปจากแผ่นดินแห่งคำสัญญา พระองค์ได้คุ้มครองคนต่างด้าวกลุ่มหนึ่ง ชาวฆิบโอน ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของยะรูซาเลม. พวกเขาส่งคนปลอมตัวเป็นทูตไปหายะโฮซูอะ วิงวอนทำสัญญาสันติภาพและเป็นที่ตกลงกัน. ครั้นจับอุบายพวกเขาได้ ยะโฮซูอะได้ตั้งกฎไว้ว่าชาวฆิบโอนจะต้องทำงาน “ตัดฟืนและตักน้ำสำหรับพวกยิศราเอลและสำหรับแท่นแห่งพระยะโฮวา.” (ยะโฮซูอะ 9:3-27) เวลานี้พวกผู้เข้าเมืองหลายคนยอมทำงานอันต่ำต้อยเพื่อจะเป็นส่วนของประชากรในประเทศที่เขาเข้าไปอยู่.
9. ราฮาบกับครอบครัวของนางเป็นตัวอย่างให้การหนุนใจอย่างไรในเรื่องคนแปลกหน้าในแผ่นดินยิศราเอล?
9 อาจเป็นการหนุนใจคุณก็ได้เมื่อรู้ว่าในสมัยก่อนโน้นพระเจ้าไม่เพียงต้อนรับเฉพาะกลุ่มคนต่างด้าว พระองค์ทรงต้อนรับผู้คนที่โดดเดี่ยวเป็นรายตัวเช่นกัน. ทุกวันนี้ บางประเทศยอมให้คนเข้าเมืองได้ก็ต่อเมื่อคนเหล่านั้นมีฐานะทางสังคม มีเงินทำทุนหรือมีการศึกษาสูง. สำหรับพระยะโฮวาไม่เป็นเช่นนั้น ดังที่เราเห็นได้จากเหตุการณ์ก่อนเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชาวฆิบโอน. เหตุการณ์ตอนนั้นเกี่ยวกับชาวคะนาอันซึ่งไม่เคยมีฐานะดีในสังคม. พระคัมภีร์เรียกนางว่า ‘ราฮาบ หญิงนครโสเภณี.’ เนื่องจากนางมีความเชื่อในพระเจ้าเที่ยงแท้ นางพร้อมทั้งครอบครัวได้รับการช่วยให้รอดเมื่อเมืองยะริโฮถูกยึด. ถึงแม้ราฮาบเป็นคนต่างชาติ แต่ชาวยิศราเอลได้รับรองนาง. นางเป็นตัวอย่างด้านความเชื่อซึ่งสมควรที่เราพึงเลียนแบบ. (เฮ็บราย 11:30, 31, 39, 40; ยะโฮซูอะ 2:1-21; 6:1-25) นางกลายมาเป็นบรรพสตรีของพระมาซีฮาเสียด้วยซ้ำ.—มัดธาย 1:5, 16.
10. การต้อนรับคนต่างชาติในยิศราเอลขึ้นอยู่กับเงื่อนไขอะไร?
10 คนต่างชาติที่ไม่ใช่ยิศราเอลได้รับการรับรองในแผ่นดินแห่งคำสัญญานั้นเป็นไปตามที่พวกเขาพยายามทำให้ชอบพระทัยพระเจ้าองค์เที่ยงแท้. ชาวยิศราเอลได้รับคำสั่งมิให้คบเป็นเพื่อนโดยเฉพาะในด้านศาสนากับคนเหล่านั้นซึ่งไม่รับใช้พระยะโฮวา. (ยะโฮซูอะ 23:6, 7, 12, 13; 1 กษัตริย์ 11:1-8; สุภาษิต 6:23-28) กระนั้น ก็มีชาติอื่นที่ไม่ใช่พวกยิศราเอลซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นได้เชื่อฟังกฎหมายขั้นมูลฐาน. คนอื่น ๆ ได้เปลี่ยนศาสนายอมรับสุหนัตด้วยซ้ำ และพระยะโฮวาทรงต้อนรับพวกเขาเต็มที่ในฐานะสมาชิกแห่งประชาคมของพระองค์.—เลวีติโก 20:2; 24:22; อาฤธโม 15:14-16; กิจการ 8:27.a
11, 12. (ก) ชาวยิศราเอลพึงปฏิบัติเช่นไรต่อผู้นมัสการชาวต่างชาติ? (ข) เหตุใดเราอาจจะต้องปรับปรุงการติดตามตัวอย่างของพระยะโฮวา?
11 พระเจ้าได้ทรงบัญชาชาวยิศราเอลให้เอาอย่างทัศนะของพระองค์ที่แสดงต่อชาวต่างชาติที่นมัสการพระองค์ ดังนี้: “แขกเมืองที่มาอาศัยด้วยเจ้านั้น เหมือนกับคนที่เกิดในแผ่นดินเมืองของเจ้า, เจ้าต้องรักเขาเหมือนรักตัวเอง เพราะว่าแต่ก่อนเจ้าทั้งหลายเป็นแขกเมืองในเมืองอายฆุบโต.” (เลวีติโก 19:33, 34; พระบัญญัติ 1:16; 10:12-19) ทั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนสำหรับเรา ถึงแม้เราไม่อยู่ใต้พระบัญญัติ. เป็นสิ่งง่ายที่จะยอมจำนนต่อความมีอคติ และการเกลียดชังคนอีกชาติหนึ่งหรืออีกตระกูลหนึ่ง หรือวัฒนธรรมอีกแบบหนึ่ง. ฉะนั้น เราน่าจะถามทำนองนี้ ‘ฉันพยายามสลัดทิ้งอคติต่าง ๆ ดังกล่าวให้หมดไปไหม อันเป็นการปฏิบัติตามแบบอย่างของพระยะโฮวา?’
12 ชาวยิศราเอลมีหลักฐานอันประจักษ์ได้ซึ่งแสดงการรับรองของพระเจ้า. กษัตริย์ซะโลโมทรงอธิษฐานว่า “อนึ่ง เฉพาะแขกเมืองซึ่งไม่มีส่วนกับยิศราเอลไพร่พลของพระองค์และได้มาจากเมืองไกลเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ . . . เมื่อเขาจะมาอธิษฐานตรงต่อโบสถ์นี้ ขอพระองค์ทรงโปรดสดับฟังในมหาสวรรค์ . . . เพื่อบรรดาประเทศทั่วพิภพนี้จะได้รู้จักพระนามของพระองค์ จะกลัวเกรงพระองค์.”—1 กษัตริย์ 8:41-43; 2 โครนิกา 6:32, 33.
13. ทำไมพระเจ้าได้จัดเตรียมการที่จะเปลี่ยนการปฏิบัติของพระองค์กับชาติยิศราเอล?
13 ระหว่างที่พระยะโฮวายังทรงใช้ชาติยิศราเอลฐานะเป็นไพร่พลของพระองค์ และด้วยเหตุนั้นเป็นการพิทักษ์รักษาเชื้อสายของพระมาซีฮาไว้ พระเจ้าทรงพยากรณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่. ตอนแรก ๆ เมื่อชาติยิศราเอลยินยอมอยู่ใต้พระบัญญัติแห่งคำสัญญาไมตรี พระเจ้าทรงให้โอกาสแก่พวกเขาที่จะเป็นแหล่งที่มาแห่ง “อาณาจักรแห่งปุโรหิตและเป็นชนชาติบริสุทธิ์.” (เอ็กโซโด 19:5, 6) กระนั้น ชาติยิศราเอลได้แสดงความไม่ซื่อสัตย์อยู่นานหลายศตวรรษ. ดังนั้น พระยะโฮวาทรงตรัสล่วงหน้าว่าพระองค์จะทำคำสัญญาใหม่ซึ่งบรรดาผู้ซึ่งประกอบกันเป็น “เรือนยิศราเอล” ภายใต้คำสัญญาไมตรีใหม่นี้จะได้รับการอภัยการผิดและบาปทั้งปวง. (ยิระมะยา 31:33, 34) คำสัญญาไมตรีใหม่นั้นรอพระมาซีฮา ซึ่งการถวายบูชาของพระองค์จะได้ชำระบาปคนเป็นอันมากอย่างแท้จริง.—ยะซายา 53:5-7, 10-12.
ชนยิศราเอลในสวรรค์
14. พระยะโฮวาทรงรับรอง “ยิศราเอล” ใหม่ประเภทไหน และอย่างไร?
14 พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกช่วยเราให้เข้าใจว่าเรื่องนี้ทั้งหมดสัมฤทธิ์ผลโดยวิธีใด. พระเยซูคือพระมาซีฮาซึ่งการตายของพระองค์ทำให้พระบัญญัติสำเร็จ และทรงวางพื้นฐานเพื่อการอภัยบาปอย่างครบถ้วน. ที่จะได้ประโยชน์นั้น คนเราไม่จำเป็นต้องเป็นยิวที่รับสุหนัตทางกาย. ไม่เลย. อัครสาวกเปาโลเขียนว่าในคำสัญญาไมตรีใหม่, “คนที่เป็นชาติยูดายแท้นั้นคือคนที่เป็นชาติยูดายภายใน และการรับพิธีสุหนัตอันแท้นั้นคือการรับสุหนัตซึ่งอยู่ในวิญญาณจิต และมิใช่ตามตัวอักษร.” (โรม 2:28, 29; 7:6) คนเหล่านั้นที่เชื่อในเครื่องบูชาของพระเยซูได้รับการยกบาป และพระเจ้าทรงโปรดให้เขาเป็น ‘ยิวโดยพระวิญญาณ’ ประกอบกันขึ้นเป็นชาติฝ่ายวิญญาณ มีชื่อว่า “ยิศราเอลของพระเจ้า.”—ฆะลาเตีย 6:16.
15. เหตุใดเชื้อชาติโดยกำเนิดจึงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะมาเป็นส่วนของยิศราเอลฝ่ายวิญญาณ?
15 ใช่แล้ว การถูกรับเข้าเป็นยิศราเอลฝ่ายวิญญาณหาใช่ด้วยพื้นเพทางเชื้อชาติหรือกลุ่มชนผิวเดียวกัน. บางคน เช่นพวกอัครสาวกของพระเยซูเป็นยิวโดยกำเนิด. ส่วนคนอื่น เช่นโกระเนเลียว นายทหารโรมันก็เป็นชาวต่างชาติ. (กิจการ 10:34, 35, 44-48) เปาโลกล่าวอย่างถูกต้องเกี่ยวด้วยยิศราเอลฝ่ายวิญญาณดังนี้: “อย่างนี้ไม่เป็นพวกกรีกหรือพวกยิว ไม่เป็นผู้ที่เข้าสุหนัตหรือไม่ได้เข้าสุหนัต พวกคนต่างชาติหรือชาวสิเธีย ทาสหรือไทยก็ไม่เป็น.” (โกโลซาย 3:11, ฉบับแปลใหม่) บรรดาผู้ถูกเจิมโดยพระวิญญาณของพระเจ้าได้กลายเป็น “เชื้อสายที่ทรงเลือกไว้, เป็นคณะปุโรหิตหลวง, เป็นชาติบริสุทธิ์, เป็นพลไพร่ที่เป็นสมบัติพิเศษ.”—1 เปโตร 2:9; เทียบกับเอ็กโซโด 19:5, 6.
16, 17. (ก) ยิศราเอลฝ่ายวิญญาณมีบทบาทอะไรในพระประสงค์ของพระเจ้า? (ข) เหตุใดเป็นการสมควรพึงคำนึงถึงคนเหล่านั้นที่ไม่ใช่ยิศราเอลของพระเจ้า?
16 ยิศราเอลฝ่ายวิญญาณมีอนาคตเช่นไรในพระประสงค์ของพระเจ้า? พระเยซูทรงตอบว่า “ฝูงแกะเล็กน้อยเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะว่าพระบิดาของท่านชอบพระทัยจะประทานแผ่นดินนั้นให้แก่ท่าน.” (ลูกา 12:32) บรรดาผู้ถูกเจิมซึ่ง “เป็นชาวแผ่นดินสวรรค์” จะเป็นทายาทร่วมปกครองกับพระเมษโปดกในราชอาณาจักรของพระองค์. (ฟิลิปปอย 3:20; โยฮัน 14:2, 3; วิวรณ์ 5:9, 10) พระคัมภีร์แสดงว่าคนเหล่านี้ ‘ถูกประทับตราจากทุกตระกูลแห่งบุตรยิศราเอล’ และ “ถูกซื้อไว้แล้วจากท่ามกลางมนุษยชาติเป็นผลแรกแด่พระเจ้าและแด่พระเมษโปดก.” พวกเขามีจำนวน 144,000. อย่างไรก็ดี หลังจากให้รายงานจำนวนผู้ที่ถูกประทับตราแล้ว โยฮันได้แนะนำชนอีกกลุ่มหนึ่ง—“ชนฝูงใหญ่ ซึ่งไม่มีใครนับจำนวนได้ จากทุกประเทศ และทุกตระกูลและทุกภาษา.”—วิวรณ์ 7:4, 9; 14:1-4, ล.ม.
17 บางคนอาจฉงนก็ได้ว่า ‘แล้วจะเป็นอย่างไรกับคนนับล้าน ๆ ซึ่งไม่ได้อยู่ในจำพวกยิศราเอลฝ่ายวิญญาณ อย่างคนเหล่านั้นซึ่งอาจผ่านความทุกข์ใหญ่ฐานะเป็นชนฝูงใหญ่เช่นนั้น? เขามีบทบาทอะไรในทุกวันนี้เกี่ยวข้องกับยิศราเอลฝ่ายวิญญาณจำนวนน้อยคนที่เหลืออยู่?’b
คนต่างชาติในคำพยากรณ์
18. อะไรได้ทำให้มีการกลับคืนสู่ประเทศของพวกยิศราเอลที่พลัดถิ่นอยู่ในบาบูโลน?
18 เมื่อย้อนกลับไปในสมัยที่พวกยิศราเอลอยู่ภายใต้กฎหมายแห่งคำสัญญาไมตรี แต่ประพฤติตนไม่ซื่อสัตย์ เราก็พบว่าพระเจ้าทรงมุ่งพระทัยให้ชาวบาบูโลนตีทำลายแผ่นดินยิศราเอลจนเริศร้าง. ในปี 607 ก่อนสากลศักราช ชาวยิศราเอลก็ตกเป็นเชลยนานถึง 70 ปี. ครั้นแล้วพระเจ้าได้ทรงซื้อชาตินั้นคืน. โดยการนำของผู้ว่าราชการซะรูบาเบล พวกที่ยังเหลืออยู่ในจำพวกยิศราเอลโดยกำเนิดก็ได้กลับคืนมาสู่แผ่นดินของตน. ผู้ครอบครองอาณาจักรมาดายกับเปอร์เซียซึ่งสามารถพิชิตบาบูโลนได้ ถึงกับช่วยเหลือคนต่างแดนที่กลับคืนสู่ประเทศเดิมของตนด้วยจัดหาสิ่งจำเป็น. พระธรรมยะซายาได้บอกล่วงหน้าถึงเหตุการณ์เหล่านั้น. (ยะซายา 1:1-9; 3:1-26; 14:1-5; 44:21-28; 47:1-4) และเอษราให้รายละเอียดด้านประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการกลับคืนคราวนั้น.—เอษรา 1:1-11; 2:1, 2.
19. เกี่ยวกับการกลับคืนถิ่นของพวกยิศราเอล มีข้อระบุเชิงพยากรณ์อะไรที่ว่าชาวต่างชาติจะพัวพันอยู่ด้วย?
19 ถึงกระนั้น เมื่อมีการบอกล่วงหน้าเรื่องไพร่พลของพระเจ้าจะถูกไถ่ และกลับคืนสู่แผ่นดินอีก ยะซายาได้กล่าวคำพยากรณ์อันน่าทึ่งที่ว่า “ประชาชาติจะดำเนินตามแสงสว่างของเจ้า และกษัตริย์ทั้งหลายจะดำเนินตามแสงสว่างอันจ้าของเจ้า.” (ยะซายา 59:20; 60:3) ทั้งนี้ไม่หมายความแต่เพียงว่าต้อนรับคนต่างชาติเป็นรายบุคคล ตรงกันกับคำอธิษฐานของกษัตริย์ซะโลโม. ยะซายาได้ระบุถึงการเปลี่ยนฐานะไปอย่างผิดปกติ. “ประชาชาติ” จะรับใช้ร่วมกับชนชาติยิศราเอล: “คนต่างชาติจะสร้างกำแพงของเจ้า และกษัตริย์ทั้งหลายของเขาจะปรนนิบัติเจ้า ถึงแม้ว่าเราได้โบยตีเจ้าในยามโกรธ แต่ในยามโปรดปรานเราก็สงสารเจ้า.”—ยะซายา 60:10.
20, 21. (ก) เวลานี้เราพบภาพอะไรที่คล้ายคลึงกันกับชาวยิศราเอลที่รับอิสรภาพกลับคืนสู่ประเทศของตน? (ข) ‘บุตรชายและบุตรหญิง’ ได้เพิ่มเข้ามาเป็นยิศราเอลฝ่ายวิญญาณในตอนหลังโดยวิธีใด?
20 ในหลาย ๆ แง่ด้วยกัน การที่ยิศราเอลตกเป็นเชลยอยู่ต่างแดนแล้วกลับคืนสู่ประเทศนั้นก็คล้ายกันกับประสบการณ์ของยิศราเอลฝ่ายวิญญาณสมัยนี้. ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ชนที่เหลือในจำพวกคริสเตียนผู้ถูกเจิมมิได้อยู่ในแนวพระทัยประสงค์ของพระเจ้าอย่างครบถ้วน พวกเขายังคงยึดทัศนะบางอย่างและกิจปฏิบัติที่สืบเนื่องมาจากนิกายต่าง ๆ แห่งคริสต์ศาสนจักร. แล้ว ในช่วงของความตื่นเต้นเนื่องด้วยสงครามและการปลุกปั่นของพวกนักเทศน์นักบวช ผู้ที่นำหน้าท่ามกลางชนที่เหลือจำพวกผู้ถูกเจิมแห่งยิศราเอลฝ่ายวิญญาณต้องโทษจำคุกอย่างไม่เป็นธรรม. หลังจากสงคราม ในปีสากลศักราช 1919 ผู้ถูกเจิมเหล่านั้นได้รับการปล่อยตัวจากที่คุมขังแล้วศาลอุทธรณ์ประกาศว่าเขาไม่มีผิด. ทั้งนี้เป็นพยานหลักฐานว่าไพร่พลของพระเจ้าหลุดพ้นจากการเป็นทาสของบาบูโลนใหญ่ จักรภพแห่งศาสนาเท็จทั่วทั้งโลก. ไพร่พลของพระองค์ได้รุดหน้าออกไปบูรณะสร้างสรรค์อุทยานฝ่ายวิญญาณ และได้เข้าไปอยู่อาศัย.—ยะซายา 35:1-7; 65:13, 14.
21 เรื่องนี้มีแสดงไว้ในคำพรรณนาของยะซายาที่ว่า “เขาทั้งหมดรวบรวมกันเข้ามา เขาทั้งหลายมาหาเจ้า. บุตรชายทั้งหลายของเจ้าจะมาแต่เมืองไกล และบุตรหญิงทั้งหลายของเจ้าจะถูกใส่เอวอุ้มมา. เมื่อเจ้าเห็นแล้วเจ้าจะปลาบปลื้ม และเจ้าจะตื่นเต้นดีใจ เพราะว่าความอุดมสมบูรณ์แห่งทะเลจะกลับมาสู่เจ้า ความมั่งคั่งของประชาชาติจะมาถึงเจ้า.” (ยะซายา 60:4, 5) หลายสิบปีต่อมา ‘บุตรชายและบุตรหญิง’ ก็พากันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยรับการเจิมด้วยพระวิญญาณเพื่ออยู่ประจำที่สุดท้ายในแผ่นดินยิศราเอลฝ่ายวิญญาณ.
22. “คนต่างชาติ” เข้ามาโดยวิธีใดเพื่อที่จะทำงานร่วมกับยิศราเอลฝ่ายวิญญาณ?
22 จะว่าอย่างไรกับ ‘คนต่างชาติที่จะสร้างกำแพงของเจ้า’? การเช่นนี้ได้เกิดขึ้นในสมัยของเราด้วย. เมื่อจวนเสร็จสิ้นการเรียกชน 144,000 คนครบจำนวนแล้ว ชนฝูงใหญ่จากนานาชาติเริ่มหลั่งไหลมานมัสการกับยิศราเอลฝ่ายวิญญาณ. คนใหม่เหล่านี้มีความหวังอันมีพื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิลในเรื่องชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน. แม้ว่าในที่สุดสถานที่ที่พวกเขาจะรับใช้อย่างซื่อสัตย์จะต่างกัน แต่พวกเขาย่อมปีติยินดีที่ได้สนับสนุนชนที่เหลือผู้ถูกเจิมในงานประกาศข่าวดีแห่งราชอาณาจักร.—มัดธาย 24:14.
23. “คนต่างชาติ”ได้ช่วยผู้ถูกเจิมมากถึงขนาดไหน?
23 เวลานี้ “คนต่างชาติ” กว่า 4,000,000 คน พร้อมกับชนที่เหลือแห่งคนเหล่านั้นซึ่ง ‘เป็นชาวแผ่นดินสวรรค์’ กำลังพิสูจน์ความเลื่อมใสของตนต่อพระยะโฮวาอยู่ทีเดียว. พวกเขาจำนวนมาก ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ทั้งคนหนุ่มและผู้สูงอายุต่างก็พากันรับใช้เต็มเวลาฐานะเป็นไพโอเนียร์. คนต่างชาติดังกล่าวหลายคนมีหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ ในฐานะที่เขาเป็นผู้ปกครองและผู้รับใช้ที่รับการแต่งตั้งอยู่ตามประชาคมต่าง ๆ กว่า 66,000 ประชาคม. ชนที่เหลือมีความปลาบปลื้มเมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะมองเห็นความสมจริงแห่งถ้อยคำซึ่งยะซายาพยากรณ์ดังนี้: “คนต่างชาติจะมาเลี้ยงฝูงสัตว์ให้เจ้า คนต่างด้าวจะเป็นคนไถนา และเป็นคนทำสวนองุ่นให้เจ้า.”—ยะซายา 61:5.
24. เหตุใดเราสามารถได้รับการหนุนใจโดยวิธีที่พระเจ้าเกี่ยวข้องกับพวกยิศราเอลและชาติอื่น ๆ ในอดีต?
24 ฉะนั้น ไม่ว่าคุณเป็นพลเมืองของประเทศใดก็ตาม จะเป็นคนเข้าเมือง หรือผู้ลี้ภัย คุณมีโอกาสอันดีเยี่ยมที่จะมาเป็นคนต่างชาติฝ่ายวิญญาณ ซึ่งพระเจ้าองค์ทรงฤทธิ์ทุกประการต้อนรับด้วยพระทัยยินดี. การต้อนรับของพระองค์หมายรวมถึงความเป็นไปได้ที่คุณจะมีสิทธิพิเศษอยู่ในงานรับใช้ของพระองค์ทั้งในเวลานี้ และในอนาคตอันไม่รู้สิ้นสุด.
[เชิงอรรถ]
a เกี่ยวด้วยความแตกต่างกันระหว่าง “คนแขกเมือง” “ผู้ตั้งถิ่นฐาน” “คนแปลกถิ่น” และ “คนต่างประเทศ” โปรดดูจากหนังสือ อินไซต์ ออน เดอะ สคริพเจอร์ เล่ม 1, หน้า 72-75, 849-851, จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทรกต์ อ็อฟ นิวยอร์ก.
b ผู้เข้าร่วมประชุมอนุสรณ์อาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าประจำปี 1991 ซึ่งจัดโดยพยานพระยะโฮวามีมากกว่า 10,600,000 คน แต่จำนวนผู้ประกาศตนเป็นชนที่เหลือแห่งยิศราเอลฝ่ายวิญญาณมีเพียง 8,850 คน.
คุณได้สังเกตข้อนี้ไหม?
▫ โดยวิธีใดพระเจ้าให้ความหวังว่าพระองค์จะทรงต้อนรับปวงชนจากนานาชาติ?
▫ อะไรแสดงให้เห็นว่าชาติอื่นนอกเหนือจากพวกยิศราเอลชาติพิเศษของพระเจ้าก็สามารถเข้ามาเฝ้าพระองค์ได้?
▫ พระเจ้าได้ทรงระบุไว้ชัดอย่างไรในคำพยากรณ์ที่ว่าคนต่างชาติจะเข้ามาสมทบกับชาติยิศราเอล?
▫ เหตุการณ์อะไรคล้ายคลึงกับการกลับคืนสู่ประเทศของพวกยิศราเอลที่พลัดถิ่นอยู่ในบาบูโลน และ “คนต่างชาติ” เข้ามาพัวพันด้วยอย่างไร?
[รูปภาพหน้า 9]
กษัตริย์ซะโลโมทูลอธิษฐานเผื่อคนต่างชาติที่จะเข้ามานมัสการพระยะโฮวา