พระคริสต์ทรงเกลียดการละเลยกฎหมาย—คุณล่ะ?
“พระองค์ได้ทรงรักความชอบธรรม และทรงเกลียดการละเลยกฎหมาย. เหตุฉะนั้นพระเจ้า คือพระเจ้าของพระองค์, ได้ทรงเจิมพระองค์ด้วยน้ำมันแห่งความยินดีเกินกว่าพระสหายของพระองค์.”—เฮ็บราย 1:9, ล.ม.
1. นอกจากการรักความชอบธรรม มีอะไรอีกซึ่งผู้รับใช้แท้ของพระเจ้ายะโฮวาต้องกระทำ?
ผู้รับใช้ที่แท้จริงของพระยะโฮวารักพระองค์สุดหัวใจ, สุดจิตวิญญาณ, สุดความคิด, และสุดกำลังของตน. (มาระโก 12:30) พวกเขาต้องการทำให้พระยะโฮวาชื่นบานพระหฤทัยโดยการที่เขารักษาความซื่อสัตย์ภักดี. (สุภาษิต 27:11) ที่จะทำเช่นนั้น เขาไม่เพียงแต่จะต้องรักความชอบธรรม เขาต้องเกลียดการละเลยกฎหมายด้วย. พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของพวกเขาได้ทำเช่นนั้นแน่ ๆ. มีคำกล่าวถึงพระองค์ดังนี้: “พระองค์ได้ทรงรักความชอบธรรม และทรงเกลียดการละเลยกฎหมาย.”—เฮ็บราย 1:9, ล.ม.
2. การละเลยกฎหมายหมายรวมถึงอะไร?
2 การละเลยกฎหมายได้แก่อะไร? ได้แก่บาป ดังที่อัครสาวกโยฮันชี้แจงให้ทราบเมื่อท่านเขียนว่า “ทุกคนที่ทำบาปเป็นอาจิณ ก็ละเลยกฎหมายเป็นอาจิณด้วย และดังนั้น บาปคือการละเลยกฎหมาย.” (1 โยฮัน 3:4, ล.ม.) คนละเลยกฎหมาย “ไม่ถูกกฎหมายเหนี่ยวรั้งหรือควบคุม.” (พจนานุกรม เว็บสเตอร์ส ไนนท์ นิว คอลลิจิเอต) การละเลยกฎหมายคลุมไปถึงการทำทุกอย่างที่ไม่ดี ชั่วร้าย, ผิดศีลธรรม, ทุจริต, และไม่ซื่อสัตย์. เมื่อดูโลกทั่วไป เราเห็นว่า ทุกวันนี้การละเลยกฎหมายมีอยู่แพร่หลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน. ไม่ต้องสงสัย เราอยู่ใน ‘สมัยสุดท้ายอันเป็นวิกฤตกาล’ ซึ่งอัครสาวกบอกไว้ล่วงหน้าที่ 2 ติโมเธียว 3:1-5. เมื่อคำนึงถึงการละเลยกฎหมายทั้งหมดเหล่านี้ นับว่าดีเพียงไรที่เราได้รับคำสั่งให้เกลียดการชั่วทุกอย่าง! ยกตัวอย่าง เราถูกกำชับไว้ดังนี้: “ท่านทั้งหลายที่รักพระยะโฮวา จงเกลียดการชั่ว.” (บทเพลงสรรเสริญ 97:10) เราอ่านเช่นเดียวกันว่า “จงชังความชั่วและรักความดี.”—อาโมศ 5:15.
ความเกลียดชังสามประเภท
3-5. คำ “เกลียด” นำมาใช้ในพระวจนะของพระเจ้าในสามความหมายอะไรบ้าง?
3 ที่จะเกลียดนั้นหมายความว่าอย่างไร? ในพระวจนะของพระเจ้ามีการใช้คำ “เกลียด”, “ชัง”, หรือ “เกลียดชัง” แตกต่างกันถึงสามประเภท. มีการเกลียดที่เนื่องมาจากการผูกพยาบาทเป็นแรงกระตุ้นแล้วจึงมุ่งทำความเสียหายแก่บุคคลที่ตนเกลียด. คริสเตียนพึงหลีกเลี่ยงความเกลียดประเภทนี้. ความเกลียดแบบนี้แหละที่กระตุ้นคายินให้ลงมือฆ่าเฮเบลน้องชายของตัวเองซึ่งประพฤติชอบ. (1 โยฮัน 3:12) ความเกลียดแบบนี้เป็นประเภทเดียวกันกับความเกลียดของผู้นำฝ่ายศาสนามีต่อพระเยซูคริสต์.—มัดธาย 26:3, 4
4 ถัดไปก็ได้แก่คำ “ชัง” ถูกใช้ในคัมภีร์ไบเบิลที่ส่อความหมายในเชิงว่ารักน้อยกว่า. ยกตัวอย่าง พระเยซูตรัสว่า “ถ้าผู้ใดมาหาเรา และไม่ชังบิดามารดา บุตร ภรรยาและพี่น้องชายหญิง ทั้งชีวิตของตนเองด้วย ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้.” (ลูกา 14:26) ชัดเจนทีเดียว พระเยซูหมายแต่เพียงว่ารักคนเหล่านี้น้อยกว่าที่เรารักพระองค์. ยาโคบ ‘เกลียดนางเลอา’ แต่อันที่จริง ท่านรักนางเลอาน้อยกว่านางราเฮล.—เยเนซิศ 29:30, 31.
5 และแล้ว มีความหมายของคำ “เกลียด” ซึ่งเราสนใจเป็นพิเศษ เป็นความหมายที่แสดงถึงความคิดในแง่รู้สึกไม่ชอบเอามาก ๆ หรือรังเกียจอย่างรุนแรงต่อบางคนหรือบางสิ่งถึงขนาดที่เราหลีกเลี่ยงที่จะเกี่ยวข้องกับคนนั้นหรือสิ่งนั้น. พระธรรมเพลงสรรเสริญบท 139 พูดถึงเรื่องนี้ว่า “เกลียด . . . ด้วยใจชัง” [“เกลียดเข้ากระดูกดำ,” ฉบับแปลใหม่]. ดาวิดกล่าวในข้อนี้ว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา ข้าพเจ้าไม่ได้เกลียดคนที่ชังพระองค์และไม่ได้ช้ำใจเมื่อคนทั้งหลายสู้พระองค์ดอกหรือ? ข้าพเจ้าเกลียดเขาด้วยใจชังอย่างจริงจัง. ข้าพเจ้านับเขาเป็นศัตรูของข้าพเจ้า.”—บทเพลงสรรเสริญ 139:21, 22.
เหตุผลที่เราควรเกลียดการละเลยกฎหมาย
6, 7. (ก) ประการแรก เพราะเหตุใดเราควรเกลียดการละเลยกฎหมาย? (ข) อะไรเป็นเหตุผลหนักแน่นประการที่สองที่จะเกลียดการละเลยกฎหมาย?
6 ทำไมเราควรเกลียดการละเลยกฎหมาย? เหตุผลประการหนึ่งคือเพื่อจะมีความนับถือตัวเองและมีสติรู้สึกผิดชอบที่ดี. เฉพาะแนวนี้เท่านั้นเราจะมีสัมพันธภาพอันดีกับพระยะโฮวา พระบิดาองค์ชอบธรรมของเราทางภาคสวรรค์ที่ทรงเปี่ยมด้วยความรัก. ในเรื่องนี้ ดาวิดเป็นตัวอย่างที่ดี ดังจะเห็นได้จากการอ่านเพลงสรรเสริญบท 26. ยกตัวอย่าง ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเกลียดชังที่ชุมนุมของคนคิดการร้าย และจะไม่นั่งกับคนชั่ว.” (บทเพลงสรรเสริญ 26:5) ความรักของเราที่มีต่อพระเจ้าและความชอบธรรมจะกระตุ้นเราให้ขุ่นเคืองอย่างชอบธรรม—ใช่แล้ว, เกลียด—ทุกสิ่งที่เป็นการละเลยกฎหมายจากทัศนะของพระองค์ รวมทั้งการประพฤติอย่างละเลยกฎหมายของคนไม่เชื่อฟังและชังพระยะโฮวา. ยิ่งกว่านั้น พวกเราควรเกลียดการละเลยกฎหมาย เนื่องจากพระนามของพระเจ้าเป็นที่ดูถูกดูหมิ่นก็โดยการเช่นนี้แหละ.
7 เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ไพร่พลของพระยะโฮวาพึงเกลียดการละเลยกฎหมายคือเพราะมันเป็นอันตรายและยังความเสียหาย. การหว่านสำหรับเนื้อหนังอันหมายถึงหว่านการละเลยกฎหมาย จะมีผลอะไรตามมา? เปาโลเตือนไว้ว่า “อย่าให้ใครชักนำท่านให้หลง จะหลอกพระเจ้าเล่นไม่ได้. คนใดหว่านอะไรลงก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น; เพราะคนใดที่หว่านโดยคำนึงถึงเนื้อหนังของตนเอง จะเกี่ยวเก็บการเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านโดยคำนึงถึงพระวิญญาณจะเกี่ยวเก็บชีวิตชั่วนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น.” (ฆะลาเตีย 6:7, 8, ล.ม.) ฉะนั้น ไม่สมควรอย่างยิ่งที่เราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการละเลยกฎหมาย. จริง ๆ แล้ว เราจำต้องเกลียดการละเลยกฎหมายทุกอย่าง ทั้งนี้เพื่อความสุขสวัสดีและความสงบสุขของเราเอง.”
ชนเหล่านั้นซึ่งเกลียดการละเลยกฎหมาย
8. ใครได้วางตัวอย่างหลักในเรื่องเกลียดการละเลยกฎหมาย ดังมีการแจ้งไว้ในคัมภีร์ข้อไหน?
8 เกี่ยวกับเรื่องเกลียดการละเลยกฎหมาย พระเจ้าทรงวางแบบอย่างไว้เป็นอันดับแรกเลยทีเดียวสำหรับสรรพสัตว์ที่มีเชาวน์ฉลาด. พระองค์ทรงขุ่นเคืองพระทัยอย่างชอบธรรมต่อการละเลยกฎหมาย และพระวจนะของพระองค์ระบุว่า “มีอยู่หกอย่างที่พระยะโฮวาทรงชัง; เออ มีถึงเจ็ดอย่างที่พระองค์ทรงสะอิดสะเอียน: ตาหยิ่งยโส, ลิ้นพูดปด, มือที่ประหารคนไม่มีผิดให้โลหิตตก, ใจที่คิดกะการชั่วร้ายนานา, เท้าที่วิ่งปราดไปกระทำผิด, พยานเท็จที่ระบายลมออกมาเป็นคำเท็จ, และคนที่แพร่การแตกสามัคคีในหมู่พี่น้อง.” อนึ่ง เราอ่านด้วยว่า “ความยำเกรงพระยะโฮวาคือการชังความชั่ว. ความเย่อหยิ่ง ความยโส การประพฤติชั่วและปากพูดให้หลงผิดนั้นเราเกลียดนัก.” (สุภาษิต 6:16-19; 8:13) มากกว่านั้น เราได้รับการกำชับดังนี้: “เพราะเรายะโฮวา รักความยุติธรรม, เราเกลียดการโจรกรรมและประทุษร้าย.”—ยะซายา 61:8.
9, 10. พระเยซูทรงแสดงอย่างไรว่าพระองค์เกลียดการละเลยกฎหมาย?
9 พระเยซูคริสต์ได้เลียนแบบพระบิดาโดยที่พระองค์ทรงเกลียดการละเลยกฎหมาย. ทั้งนี้ เราอ่านว่า “พระองค์ได้ทรงรักความชอบธรรม และทรงเกลียดการละเลยกฎหมาย. เหตุฉะนั้นพระเจ้า คือพระเจ้าของพระองค์ ได้ทรงเจิมพระองค์ด้วยน้ำมันแห่งความยินดีเกินกว่าบรรดาพระสหายของพระองค์.” (เฮ็บราย 1:9, ล.ม.) พระเยซูทรงวางตัวอย่างแก่พวกเราเกี่ยวกับการเกลียดประเภทนี้. พระองค์แสดงให้เห็นถึงความเกลียดการละเลยกฎหมายโดยได้ทรงเปิดโปงคนเหล่านั้นซึ่งเจตนาประพฤติการดังกล่าว—พวกผู้นำศาสนา. พระองค์กล่าวประนามเขาหลายครั้งว่าเป็นพวกหน้าซื่อใจคด. (มัดธาย บท 23) อีกโอกาสหนึ่ง พระองค์ตรัสแก่พวกเขาดังนี้: “เจ้าทั้งหลายมาจากพญามารซึ่งเป็นพ่อของเจ้าและเจ้าประสงค์จะทำตามความปรารถนาแห่งพ่อของเจ้า.” (โยฮัน 8:44, ล.ม.) พระเยซูได้แสดงความเกลียดชังการละเลยกฎหมายถึงขนาดที่ทรงใช้กำลังกาย มีอยู่สองคราวที่พระองค์ได้ทรงชำระพระวิหารด้วยการไล่พวกนักศาสนาหน้าซื่อใจคดที่มักโลภ.—มัดธาย 21:12, 13; โยฮัน 2:13-17.
10 อนึ่ง พระเยซูทรงแสดงให้เห็นความเกลียดชังที่ทรงมีต่อการละเลยกฎหมายและการบาป ด้วยการไม่ข้องแวะกับกิจกรรมเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด. เหตุฉะนั้น พระองค์จึงสามารถถามฝ่ายปรปักษ์ตรง ๆ ว่า “มีผู้ใดในพวกเจ้าจะพิสูจน์ได้ว่าเราทำบาป?” (โยฮัน 8:46, ล.ม.) พระเยซู “ภักดี, ไม่มีอุบาย, ไม่มีมลทิน, ต่างจากคนบาปทั้งปวง.” (เฮ็บราย 7:26, ล.ม.) เพื่อเป็นการยืนยัน เปโตรเขียนว่า: พระเยซู “ไม่ได้ทรงกระทำบาป คำหลอกลวงก็ไม่มีในพระโอษฐ์ของพระองค์.”—1 เปโตร 2:22, ล.ม.
11. เรามีตัวอย่างอะไรในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับมนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์ที่ได้เกลียดการละเลยกฎหมาย?
11 แต่พระเยซูทรงเป็นมนุษย์สมบูรณ์. เรามีตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิลไหมที่ว่ามนุษย์ไม่สมบูรณ์ได้เกลียดการละเลยกฎหมายอย่างจริงจัง? มีแน่นอน! ตัวอย่างเช่น โมเซพร้อมด้วยชาวตระกูลเลวีที่อยู่กับท่านได้แสดงความเกลียดยิ่งนักต่อลัทธิการไหว้รูปเคารพ โดยทำการสังหารผู้คนที่บูชารูปเคารพถึง 3,000 คนตามพระบัญชาของพระยะโฮวา. (เอ็กโซโด 32:27, 28) ฟีนะฮาศแสดงความเกลียดชังต่อการละเลยกฎหมายเป็นอย่างยิ่ง เมื่อท่านใช้ทวนแทงสองคนชายหญิงที่ได้ไหว้รูปเคารพถึงตาย.—อาฤธโม 25:7, 8.
แสดงออกซึ่งความเกลียดชังการละเลยกฎหมาย
12. (ก) เราอาจแสดงการเกลียดการละเลยกฎหมายโดยวิธีใด? (ข) อะไรคือวิธีการบางอย่างที่ใช้ได้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงความคิดในทางละเลยกฎหมาย?
12 มาถึงสมัยของเรา เราจะแสดงโดยวิธีใดว่าเราเกลียดการละเลยกฎหมาย? โดยการควบคุมความคิด, คำพูด, และการกระทำของเรา. เราจะต้องเพาะนิสัยการคิดไปในทางที่เสริมสร้าง ขณะที่จิตใจของเราไม่ได้พะวงกับงานที่กำลังทำอยู่. ถ้าเรานอนไม่หลับตอนกลางคืน อาจมีแนวโน้มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในทางลบ เช่นครุ่นคิดแต่เรื่องความไม่พอใจ หรือปล่อยใจเพ้อฝันในทางกามารมณ์. อย่าได้ปล่อยช่องว่างให้กับสิ่งดังกล่าวเลย แต่จงสร้างนิสัยการคิดแต่สิ่งที่เป็นคุณประโยชน์. อย่างเช่น พยายามท่องจำข้อคัมภีร์ ท่องความสุขเก้าประการ และผลพระวิญญาณทั้งเก้าอย่าง. (มัดธาย 5:3-12; ฆะลาเตีย 5:22, 23) คุณจำชื่ออัครสาวกสิบสองคนได้ไหม? คุณรู้บัญญัติสิบประการไหม? ชื่อประชาคมทั้งเจ็ดแห่งที่กล่าวในพระธรรมวิวรณ์มีอะไรบ้าง? การจำเพลงราชอาณาจักรก็เช่นกันทำให้ความคิดจิตใจของเราผูกพันอยู่กับสิ่งต่าง ๆ ที่ดี, สิ่งซึ่งพึงใคร่ครวญจริงจัง, สิ่งชอบธรรม, สิ่งที่เป็นคุณงามความดี, น่ารัก, สิ่งที่มีการพูดถึงในทางดี, บริสุทธิ์, และน่าสรรเสริญ.—ฟิลิปปอย 4:8.
13. ความเกลียดการละเลยกฎหมายจะเป็นเหตุให้เราเกลียดคำพูดแบบไหน?
13 นอกจากนั้น เราแสดงความเกลียดการละเลยกฎหมายโดยละเว้นการพูดโลนลามกทุกชนิด. ชาวโลกมากมายชอบใจที่จะเล่าหรือฟังเรื่องตลกหยาบโลน แต่คริสเตียนต้องไม่โน้มเอียงแม้จะฟังเรื่องอย่างนั้น. แทนที่จะฟัง เราควรผละออกไปและไม่ร่วมวงสนทนาที่เสื่อมลงสู่ระดับอันต่ำทรามเช่นนั้น. หากไม่สามารถจะเดินหนีไปได้ อย่างน้อยเราก็อาจแสดงสีหน้าว่าเราเกลียดการพูดคุยแบบนั้น. เราจำเป็นจะต้องเอาใจใส่คำแนะนำที่ว่า “อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากของท่านเลย แต่ให้ใช้คำดีตามแต่จะต้องการ ซึ่งจะเป็นที่ให้เกิดความจำเริญขึ้น เพื่อจะเป็นคุณแก่คนเหล่านั้นที่ได้ยิน.” (เอเฟโซ 4:29) เราไม่ควรทำตัวเองเป็นมลทินโดยการพูดคำหยาบคาย ลามก หรือโดยการฟังคำพูดเช่นนั้น.
14. ความเกลียดการละเลยกฎหมายจะเป็นสิ่งป้องกันอะไรในด้านการทำธุรกิจและการทำงานเป็นลูกจ้าง?
14 อนึ่ง ความเกลียดของเราต่อการละเลยกฎหมายต้องมุ่งต่อต้านการประพฤติทุกอย่างในแนวทางที่เป็นบาป. การเกลียดการละเลยกฎหมายจะช่วยเราหลีกพ้นไม่ตกหลุมพรางของการอะลุ้มอล่วยในเรื่องนี้. คริสเตียนแท้ไม่ทำบาปเป็นอาจิณ. (เทียบกับ 1 โยฮัน 5:18.) อย่างเช่น เราต้องเกลียดการทำธุรกิจอย่างไม่ซื่อสัตย์ทุกประเภท. ทุกวันนี้ พยานพระยะโฮวาหลายคนได้รับความกดดันให้ทำหลายสิ่งซึ่งเป็นการไม่ซื่อสัตย์เพื่อนายจ้าง แต่ก็ได้ปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น. คริสเตียนเต็มใจสูญเสียการงาน แทนที่จะทำสิ่งอันฝืนสติรู้สึกผิดชอบของตนซึ่งได้รับการฝึกสอนจากคัมภีร์ไบเบิล. นอกจากนั้น เราต้องการแสดงความเกลียดการละเลยกฎหมายโดยไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร ไม่โกงเมื่อเราต้องเสียภาษีเงินได้หรือภาษีศุลกากร.—กิจการ 23:1; เฮ็บราย 13:18.
เกลียดความไม่สะอาดทางเพศ
15. การสร้างมนุษย์ให้มีสัญชาตญาณอันแรงกล้าที่จะมีคู่ครองเช่นนั้นเพื่อจุดมุ่งหมายที่ดีอะไร?
15 ในฐานะที่เป็นคริสเตียน เราต้องเกลียดความไม่สะอาดทุกอย่าง โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องทางด้านเพศ. พระเจ้าได้สร้างมนุษยชาติพร้อมด้วยสัญชาตญาณอันแรงกล้าในด้านความต้องการคู่ครองไว้ในตัวเขาเช่นนั้นด้วยจุดมุ่งหมายที่ดีสองประการ. พระองค์ทรงทำให้เป็นที่แน่นอนว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่สูญพันธุ์ และพระองค์ยังทรงจัดเตรียมการอันแสดงถึงความรักอย่างยิ่งเพื่อความสุขอีกด้วย. แม้คนยากจน, คนไม่รู้หนังสือ, หรือด้อยโอกาสในทางอื่นก็ตามก็สามารถประสบความสุขได้มากจากความสัมพันธ์ทางสายสมรส. อย่างไรก็ดี พระยะโฮวาทรงกำหนดขอบเขตไว้เพื่อมนุษย์จะได้ซึ่งความชื่นชมยินดีจากสัมพันธภาพนี้ภายในขอบเขตนั้น. คนเราต้องเคารพขอบเขตนั้นที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้.—เยเนซิศ 2:24; เฮ็บราย 13:4.
16. ทัศนะของเราควรเป็นเช่นไรต่อการบันเทิงและกิจปฏิบัติที่ไม่สะอาดในทางกามารมณ์?
16 หากเราเกลียดการละเลยกฎหมาย เราจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการประพฤติทางเพศทุกอย่างที่ไม่สะอาดและการบันเทิงที่ผิดศีลธรรม. ดังนั้น เราจะงดอ่านหนังสือ, นิตยสาร, และหนังสือพิมพ์รายวันทุกอย่างซึ่งในด้านศีลธรรมแล้วเป็นที่น่าสงสัย. ทำนองเดียวกัน ถ้าเราเกลียดการละเลยกฎหมายเราจะไม่ดูการเสนอภาพใด ๆ ที่น่าอุจาด ไม่ว่าภาพในโทรทัศน์, ภาพยนตร์, หรือบนเวทีการแสดง. ถ้าเราเห็นว่ารายการนั้นจะออกมาในรูปของการผิดศีลธรรม เราควรมีแรงกระตุ้นจะปิดโทรทัศน์ หรือกล้าเดินออกจากโรงหนังโรงละครทันทีทันใด. เช่นเดียวกัน ความเกลียดการละเลยกฎหมายจะทำให้เราระมัดระวังดนตรีทุกประเภท ซึ่งทำนองหรือจังหวะดนตรีส่อไปทางปลุกเร้ากามราคะ. เราจะไม่หาความรู้ในด้านที่เสื่อมทางศีลธรรม แต่ ‘ในทางชั่วจงเป็นอย่างเด็ก แต่ฝ่ายความเข้าใจ จงเป็นอย่างผู้ใหญ่.’—1 โกรินโธ 14:20.
17. โกโลซาย 3:5 ให้คำแนะนำอะไรซึ่งช่วยเราคงไว้ซึ่งความสะอาดทางศีลธรรม?
17 เราได้รับคำแนะนำที่เหมาะอย่างยิ่งดังนี้: “เหตุฉะนั้น จงประหารอวัยวะแห่งร่างกายของท่านทั้งหลาย ซึ่งอยู่บนแผ่นดินโลกนี้ ในเรื่องการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา.” (โกโลซาย 3:5, ล.ม.) ไม่มีทางปฏิเสธได้ว่าเราเองจำต้องมีมาตรการเข้มแข็ง หากเราตั้งใจแน่วแน่จะมั่นคงอยู่ในความสะอาดทางศีลธรรม. คำกริยาภาษากรีกที่ได้รับการแปลว่า “ประหาร” ที่โกโลซาย 3:5 นั้น หนังสือ ความเห็นของผู้อธิบายคัมภีร์ไบเบิล (ภาษาอังกฤษ) บอกดังนี้: “คำนี้ชวนให้คิดว่า เราควรไม่เพียงระงับหรือควบคุมการประพฤติหรือทัศนะชั่วของเรา. เราต้องขจัดมันให้หมด กำจัดวิถีชีวิตเก่าก่อนเสียสิ้น. ‘สังหารให้หมด’ น่าจะเป็นการแสดงพลังเต็มที่ . . . ทั้งความหมายของคำกริยาและน้ำหนักของกาลในไวยากรณ์ชี้ถึงการกระทำอย่างขันแข็ง ด้วยความปวดร้าว เนื่องจากความเด็ดเดี่ยวส่วนตัว.” ฉะนั้น เราควรหลีกเลี่ยงหนังสือหรือภาพลามกประหนึ่งสิ่งนั้นเป็นอันตราย, เป็นโรคติดเชื้อ, โรคที่มีอันตรายถึงตายได้ เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงทั้งทางด้านศีลธรรมและฝ่ายวิญญาณ. พระคริสต์ทรงแสดงความคิดทำนองคล้าย ๆ กันเมื่อพระองค์ตรัสว่าที่จะยอมเสียมือ หรือเท้าหรือแม้กระทั่งยอมเสียดวงตาก็ดีกว่าที่มันจะเป็นเหตุให้เราสะดุด.—มาระโก 9:43-48.
เกลียดศาสนาเท็จและการออกหาก
18. เราจะแสดงอย่างไรว่าเราเกลียดการละเลยกฎหมายในแง่ศาสนา?
18 พระเยซูแสดงให้เห็นว่าพระองค์เกลียดการละเลยกฎหมาย โดยการเปิดโปงนักศาสนาเท็จหน้าซื่อใจคดฉันใด ทุกวันนี้ พยานพระยะโฮวาจึงแสดงความเกลียดชังการละเลยกฎหมายอันหน้าซื่อใจคดทางด้านศาสนาฉันนั้น. โดยวิธีใด? โดยการจำหน่ายจ่ายแจกสรรพหนังสือคู่มือการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่ให้ความกระจ่างเรื่องบาบูโลนใหญ่ ซึ่งโดยแท้แล้ว เป็นแพศยาทางศาสนา. ถ้าเราเกลียดความหน้าซื่อใจคดด้านศาสนาที่ละเลยกฎหมาย เราก็จะเปิดโปงบาบูโลนใหญ่ จักรภพโลกแห่งศาสนาเท็จอย่างตรงไปตรงมา. เราทำเช่นนั้นก็เพื่อประโยชน์ของผู้คนที่มีใจสุจริต ซึ่งศาสนาเท็จได้ทำให้ตาของเขาบอดไป และกักตัวเป็นทาสทางด้านวิญญาณ. เราเกลียดบาบูโลนใหญ่ที่ละเลยกฎหมายมากถึงขีดไหน เราก็จะร้อนรนถึงขีดนั้นเข้าส่วนร่วมในกิจการทุกด้านแห่งงานรับใช้ราชอาณาจักร.—มัดธาย 15:1-3, 7-9; ติโต 2:13, 14; วิวรณ์ 18:1-5.
19. เราควรมีทัศนะเช่นไรต่อคนออกหาก และเพราะเหตุใด?
19 ข้อผูกพันที่ให้เกลียดการละเลยกฎหมายยังรวมไปถึงกิจกรรมทั้งสิ้นของพวกออกหาก. ทัศนะของเราต่อพวกออกหากควรเป็นอย่างดาวิดเมื่อท่านแถลงว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา ข้าพเจ้าเกลียดคนเหล่านั้นที่เกลียดพระองค์อย่างยิ่งมิใช่หรือ และข้าพเจ้ารู้สึกสะอิดสะเอียนคนเหล่านั้นที่กบฏต่อพระองค์มิใช่หรือ? ข้าพเจ้าเกลียดพวกเขาด้วยความเกลียดเต็มที่. พวกเขากลายเป็นศัตรูจริง ๆ สำหรับข้าพเจ้า.” (บทเพลงสรรเสริญ 139:21, 22, ล.ม.) พวกออกหากสมัยนี้ได้แสดงตัวอยู่ฝ่าย “คนนอกกฎหมาย” นักศาสนาแห่งคริสต์ศาสนจักร. (2 เธซะโลนิเก 2:3) ด้วยเหตุที่เราเป็นพยานที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวา เราจึงไม่มีความเกี่ยวพันใด ๆ กับคนเหล่านี้โดยเด็ดขาด. เพราะเราเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ หัวใจของเราอาจโน้มเอียงไปในทางที่จะตำหนิพี่น้องของเราได้โดยง่าย. ถ้าดูเป็นรายบุคคล คนเหล่านั้นซึ่งประกอบกันเป็น “บ่าวสัตย์ซื่อและฉลาด” ก็เป็นคนไม่สมบูรณ์. (มัดธาย 24:45-47) กระนั้น ชนจำพวกนี้สัตย์ซื่อและฉลาด. พวกออกหากจะยกความผิดพลาดหรือสิ่งที่ดูเหมือนผิดซึ่งกระทำโดยพี่น้องที่นำหน้าขึ้นมาโพนทะนากล่าวย้ำเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ฝ่ายตน. ความปลอดภัยของเราอยู่ที่การเลี่ยงพ้นการโฆษณาชวนเชื่อของพวกออกหาก ประหนึ่งมันเป็นสิ่งมีพิษ และจริง ๆ แล้วมันคือสิ่งมีพิษนั่นเอง.—โรม 16:17, 18.
20, 21. อาจจะสรุปเหตุผลต่าง ๆ ได้อย่างไรสำหรับความเกลียดการละเลยกฎหมาย?
20 เราเห็นแล้วว่าการละเลยกฎหมายมีอยู่แพร่หลายเต็มโลก ซึ่งมีความหมายเหมือนกันกับบาป. ที่เราจะรักความชอบธรรมเท่านั้นไม่พอ เราต้องเกลียดการละเลยกฎหมายด้วย. บางคนในจำนวนคนที่ถูกตัดสัมพันธ์ขาดจากประชาคมคริสเตียนอาจเคยคิดว่าตนก็รักความชอบธรรม ทว่า เขาไม่เกลียดการละเลยกฎหมายเพียงพอ. อนึ่ง เราได้เห็นแล้วว่าทำไมเราควรเกลียดการละเลยกฎหมาย. เราไม่สามารถจะมีสติรู้สึกผิดชอบอันดีและนับถือตัวเองได้เว้นเสียแต่เราเกลียดการละเลยกฎหมาย. ยิ่งกว่านั้น การละเลยกฎหมายย่อมแสดงถึงการขาดความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้ายะโฮวา. และการละเลยกฎหมายเป็นต้นเหตุทำให้เราเกี่ยวเก็บผลอันขมขื่น—ความระทมทุกข์, ความเสื่อมทราม, และความตาย.
21 นอกจากนี้ เราได้สังเกตเห็นแล้วว่าเราควรเกลียดการละเลยกฎหมายอย่างไร. เราทำเช่นนั้นโดยที่เราไม่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดกับการทุจริต การประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศ, หรือการออกหาก, ไม่ว่าในรูปแบบใด. เนื่องจากพวกเราต้องการเข้าส่วนร่วมการชันสูตรเชิดชูพระยะโฮวา และปรารถนาจะทำให้พระองค์เบิกบานพระหฤทัย เราไม่เพียงแต่ต้องรักความชอบธรรมและหมกมุ่นอยู่กับงานราชกิจเท่านั้น แต่ต้องเกลียดการละเลยกฎหมายด้วย ดังที่พระเยซูคริสต์ ผู้นำและผู้บัญชาการของเราทรงกระทำ.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ คัมภีร์ไบเบิลใช้คำ “เกลียด”, “ชัง”, “เกลียดชัง” อย่างไร?
▫ เรามีเหตุผลที่ดีบางประการอะไรบ้างที่จะเกลียดการละเลยกฎหมาย?
▫ เรามีตัวอย่างอะไรที่ดีเกี่ยวกับคนเหล่านั้นที่เกลียดการละเลยกฎหมาย?
▫ เราจะแสดงอย่างไรว่าเราเกลียดการละเลยกฎหมาย?
[รูปภาพหน้า 8]
พระเยซูชำระพระวิหารเพราะพระองค์ทรงเกลียดการละเลยกฎหมาย
[รูปภาพหน้า 10]
ถ้าเราเกลียดการละเลยกฎหมาย เราจะงดเว้นการบันเทิงในแนวที่ผิดศีลธรรมทางเพศ