การชุมนุมสังสรรค์—จงได้รับประโยชน์ หลีกเลี่ยงหลุมพราง
“สำหรับมนุษย์นั้นไม่มีอะไรจะดีไปกว่าจะกินและดื่มกับทำใจของเขาให้ชื่นชมสนุกสนานในการงานของตน.”—ท่านผู้ประกาศ 2:24.
1. การชี้นำของพระเจ้าเอื้อประโยชน์ในทางใดแก่ไพร่พลของพระองค์เกี่ยวเนื่องกับการบันเทิง?
การทรงนำของพระยะโฮวานำผลประโยชน์หลายประการมาสู่ผู้รับใช้ของพระองค์. เราเห็นข้อนี้ได้ในขอบเขตของการบันเทิง. การชี้นำของพระองค์เอื้อประโยชน์แก่คริสเตียนที่จะหลีกเลี่ยงทัศนะที่เลยเถิดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง. พวกเคร่งศาสนาบางคนซึ่งยืนกรานและเข้มงวดกวดขันด้านการแต่งกายและการประพฤติ มองดูความเพลิดเพลินเกือบทุกอย่างเป็นบาป. อีกด้านหนึ่ง ผู้คนส่วนใหญ่มุ่งในทางสนุกสนาน แม้การทำเช่นนั้นขัดแย้งกับข้อบัญญัติและหลักการของพระยะโฮวา.—โรม 1:24-27; 13:13, 14; เอเฟโซ 4:17-19.
2. อะไรเป็นเครื่องแสดงแต่ต้นเกี่ยวกับทัศนะของพระเจ้าในเรื่องความบันเทิง?
2 แต่ไพร่พลของพระเจ้าเป็นอย่างไร? หลายคนที่เริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลรู้สึกแปลกใจเมื่อรู้ว่า ตามจริงแล้ว พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ให้มีสมรรถนะจะได้รับความเพลิดเพลินจากชีวิต. พระองค์ทรงให้บิดามารดาคู่แรกของเรามีงานทำ—แต่ไม่ใช่งานยากลำบากที่จะก่อความหนักใจท้อแท้ ดังปรากฏในชีวิตส่วนใหญ่ของมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์. (เยเนซิศ 1:28-30) จงนึกถึงวิธีต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์มากมาย ซึ่งทุกคนในอุทยานบนแผ่นดินโลกอาจได้ประสบความเพลิดเพลิน. นึกภาพความยินดีของเขาเมื่อเฝ้าชมสัตว์ป่าโดยที่เขาไม่ต้องกลัวอันตรายแต่อย่างใด อีกทั้งมวลสัตว์เลี้ยงหลายประเภทอันอาจเป็นส่วนของชีวิตแต่ละวัน! และอาหารจาก “ต้นไม้ทุกอย่างที่งามน่าดูและที่เป็นอาหารรับประทานดี” ช่างวิเศษอะไรเช่นนั้น!—เยเนซิศ 2:9; ท่านผู้ประกาศ 2:24.
3-5. (ก) การบันเทิงควรส่งเสริมจุดประสงค์อะไร? (ข) เหตุใดเราจึงแน่ใจได้ว่าพระเจ้ามิได้ทักท้วงห้ามคนในชาติยิศราเอลเมื่อแสวงความบันเทิง?
3 ที่จริง กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้นอาจถือได้ว่าเป็นความบันเทิง วัตถุประสงค์ของความบันเทิงในอุทยานก็คงเป็นอย่างเดียวกันกับทุกวันนี้คือ ให้ความสดชื่นและทำให้กำลังวังชากระชุ่มกระชวยคืนมาอีก เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ (งาน) ต่อไปซึ่งจะบังเกิดผล. เมื่อการบันเทิงได้สัมฤทธิ์ผลถึงขั้นนี้แล้วก็ย่อมเป็นประโยชน์. นั้นจะหมายความว่าผู้นมัสการแท้สามารถจัดเอาการบันเทิงเข้าไว้ในชีวิตของตนได้ไหมถึงแม้ยังไม่อยู่ในอุทยาน? ได้. หนังสือการหยั่งเห็นเข้าใจเกี่ยวกับพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) ได้พูดถึงการบันเทิงที่จัดขึ้นท่ามกลางไพร่พลของพระยะโฮวาในสมัยโบราณดังนี้:
4 “กิจกรรมนันทนาการและการพักผ่อนหย่อนใจของพวกยิศราเอลไม่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเรื่องเด่นในบันทึกแห่งไบเบิล. กระนั้นก็ดี จากบันทึกแสดงให้เห็นว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมและน่าปรารถนาเมื่อประสานกับหลักการทางศาสนาแห่งชาติ. รูปแบบนันทนาการหลักได้แก่ การเล่นเครื่องดนตรี, การร้องเพลง, การเต้นรำ, การสนทนา, รวมไปถึงการละเล่นต่าง ๆ. การเสนอข้อคิดปริศนาและคำถามยาก ๆ เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากทีเดียว.—วินิจฉัย 14:12.”—เล่ม 1, หน้า 102.
5 เมื่อดาวิดกลับมาพร้อมชัยชนะ พวกผู้หญิงฮีบรูได้ใช้พิณและรำมะนาขณะฉลองชัย (ภาษาฮีบรู ซาชักʹ). (1 ซามูเอล 18:6, 7) คำฮีบรูนี้โดยพื้นฐานแล้วหมายถึง “หัวเราะ” และคัมภีร์ฉบับแปลบางฉบับใช้วลี “ผู้หญิงที่รื่นเริงบันเทิงใจ.” (ฉบับ ไบอิงตัน, รอเตอร์แฮม, เดอะ นิวอิงลิช ไบเบิล) ขณะที่มีการเคลื่อนย้ายหีบสัญญาไมตรี “ดาวิดกับบรรดาเชื้อวงศ์ยิศราเอลประโคมเพลง อยู่เฉพาะพระยะโฮวา ล้วนแล้วไปด้วยเครื่องมะโหรี.” มีคัล มเหสีกษัตริย์ดาวิดมีทัศนะไม่สมดุล เพราะเธอกล่าวคัดค้านดาวิดในการเข้าไปร่วมกิจกรรมงานรื่นเริง. (2 ซามูเอล 6:5, 14-20) พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่าพวกที่พลัดถิ่นกลับจากบาบูโลนจะร่วมกิจกรรมอันยังความเบิกบานคล้าย ๆ กัน.—ยิระมะยา 30:18, 19; 31:4; เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 126:2.
6. คัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกช่วยเราอย่างไรเกี่ยวด้วยแง่คิดของเราต่อการบันเทิง?
6 เช่นเดียวกัน พวกเราควรพยายามเป็นคนมีความสมดุลในเรื่องการบันเทิง. เราหยั่งรู้เข้าใจไหมว่าพระเยซูไม่เป็นผู้บำเพ็ญตบะ? พระองค์ทรงใช้เวลาชื่นชมกับอาหารที่ทำให้สดชื่น เช่นในคราวที่เลวีจัด “การเลี้ยงใหญ่” เป็นต้น. และครั้นมีคนซึ่งถือตัวเป็นคนชอบธรรมได้ตำหนิพระองค์เพราะการกินการดื่ม พระเยซูไม่ยอมรับเอาทัศนะและแนวทางของเขาเลย. (ลูกา 5:29-31; 7:33-36) อนึ่ง เราระลึกถึงคราวที่พระองค์ได้เสด็จงานสมรสและทรงเกื้อหนุนงานเลี้ยงฉลองวันนั้นด้วย. (โยฮัน 2:1-10) ยูดา น้องชายต่างบิดาของพระเยซูกล่าวว่าคริสเตียนมี “งานเลี้ยงผูกรัก” ดูเหมือนเป็นมื้ออาหารสำหรับคนอัตคัตจะได้ชื่นชมและร่วมในมิตรภาพที่น่าเพลิดเพลินและรู้สึกผ่อนคลาย.—ยูดา 12.
การชุมนุมสังสรรค์ถูกกาลเทศะ
7. พระวจนะของพระเจ้าสนับสนุนความสมดุลในด้านการบันเทิงอย่างไร?
7 พระธรรมท่านผู้ประกาศ 10:19 (ฉบับแปลใหม่) พูดสนับสนุนการ ‘ทำอาหารไว้เพื่อให้คนหัวเราะและเหล้าองุ่นทำให้ชีวิตชื่นบาน.’ คำพูดนี้ฟังดูแล้วดูเหมือนไม่ชี้ว่าในตัวมันเองการบันเทิงนั้นผิดหรือชั่วใช่ไหม? กระนั้น พระธรรมเล่มเดียวกันนี้กล่าวว่า “มีวาระกำหนดไว้สำหรับทุกสิ่ง . . . มีวาระสำหรับกันแสงและวาระสำหรับสำรวล; มีวาระสำหรับร่ำไห้ และวาระสำหรับฟ้อนรำ.” (ท่านผู้ประกาศ 3:1, 4) ใช่แล้ว ขณะที่ไม่ตำหนิการบันเทิงที่เหมาะสม คัมภีร์ไบเบิลเตือนสติให้พวกเราระมัดระวัง. คำเตือนเหล่านี้รวมถึงการแนะนำให้ดูแลการสังสรรค์ให้อยู่ในขอบเขตทั้งด้านเวลาและปริมาณ. นอกจากนั้น พระคัมภีร์ยังเตือนเราเกี่ยวด้วยหลุมพรางซึ่งเคยเกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่อมีการสังสรรค์เป็นกลุ่มใหญ่.—2 ติโมเธียว 3:4.
8, 9. เหตุใดยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้และงานที่พระเจ้ามอบหมายแก่เราน่าจะมีผลกระทบต่อการบันเทิง?
8 เราได้สังเกตแล้วว่าชาวยิวซึ่งกลับจากบาบูโลน—ผู้ซึ่งยังต้องทำงานหนักอีกมาก—คงจะได้ร่วมในการพักผ่อนหย่อนใจที่ยังความเพลิดเพลิน. กระนั้น ยิระมะยาได้บอกไว้ก่อนหน้านั้นว่า ‘ท่านจะไม่นั่งในที่ชุมนุมของพวกช่างเย้ยและยินดีด้วยกันกับเขา.’ (ยิระมะยา 15:17) พระเจ้าทรงมอบงานให้ท่านประกาศข่าวการลงโทษซึ่งจวนจะมาถึง ฉะนั้น จึงไม่ใช่เวลากำหนดไว้ให้ท่านสนุกสนานรื่นเริง.
9 คริสเตียนสมัยนี้ได้รับมอบหมายให้ประกาศข่าวของพระเจ้าเกี่ยวด้วยความหวัง รวมทั้งข่าวการพิพากษาลงโทษระบบชั่วของซาตานด้วย. (ยะซายา 61:1-3; กิจการ 17:30, 31) ดังนั้น น่าจะเห็นได้ชัดว่าเราไม่ควรปล่อยให้การบันเทิงกลายมาเป็นเรื่องเด่นในชีวิตของเรา. เราอาจยกตัวอย่างประกอบเรื่องนี้กับเกลือเพียงหยิบมือหรือเครื่องปรุงพิเศษซึ่งเป็นของชูรส. คุณจะใส่เครื่องปรุงรสลงไปมาก ๆ กระทั่งอาหารเสียรสไหม? ไม่เป็นเช่นนั้นแน่ ๆ. สอดคล้องกับคำตรัสของพระเยซูที่โยฮัน 4:34 และมัดธาย 6:33 ความห่วงใยประการแรกที่เราคำนึงถึง—อาหารแท้ ๆ ของเรา—ควรเป็นการทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. ฉะนั้น นันทนาการคล้ายเป็นเหมือนเครื่องปรุงรส. นันทนาการควรจะทำให้สดชื่น, เสริมกำลัง, มิใช่ทำให้อ่อนเพลียหรือมากจนเกินไป.
10. เหตุใดพวกเราทุกคนควรพิจารณากันอีกทีในเรื่องเวลาที่หมดไปกับการบันเทิง?
10 กระนั้น หยุดไตร่ตรองสักนิดหนึ่ง: ผู้คนส่วนใหญ่มักจะพูดมิใช่หรือว่าเขาให้เวลาและความสนใจกับการบันเทิงแต่พอประมาณ? ถ้าเขารู้สึกว่ามากไป เขาคงได้ทำการปรับเปลี่ยน. เรื่องนี้ชวนให้คิดใช่ไหมว่าแต่ละคนน่าจะหยุดวิเคราะห์อย่างจริงจังและตรงไปตรงมาว่า โดยแท้แล้ว การบันเทิงควรมีบทบาทขนาดไหนในชีวิตของเขา? ทีละเล็กละน้อยมันอาจเด่นขึ้นในชีวิตของเราไหม? ยกตัวอย่าง พอเรากลับมาบ้านคราใด โดยไม่รู้ตัว เราเปิดทีวีไหม? เราได้ปลูกฝังนิสัยที่จะสงวนเวลาไว้ส่วนหนึ่งโดยเฉพาะสำหรับการบันเทิงแต่ละสัปดาห์ เช่น ทุกคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์ไหม? เราผิดหวังไหมถ้าถึงเวลานั้นเราอยู่ที่บ้านโดยไม่มีแผนการที่กะสำหรับนันทนาการไว้? อีกสองคำถาม: วันต่อมาหลังจากไปร่วมงานสังสรรค์ เราพบว่าเรากลับบ้านดึกหรือเดินทางไกลจนเรารู้สึกอ่อนเพลีย กระทั่งอาจหมดแรงไม่สามารถออกไปในงานประกาศ หรือทำงานให้นายจ้างไม่ดีเท่าที่ควรไหม? หากว่าการสังสรรค์ของเรามีผลกระทบเช่นนั้น ไม่ว่าเป็นครั้งคราวหรือบ่อย ๆ การบันเทิงอย่างนั้นเหมาะสมและเป็นการสนุกสนานพอดีพอควรไหม?—เทียบกับสุภาษิต 26:17-19.
11. ทำไมการทบทวนลักษณะหรือประเภทการบันเทิงจึงนับว่าเหมาะสม?
11 อนึ่ง อาจจะดีที่พวกเราพึงพิจารณาดูชนิดของความบันเทิงของเรา. การที่เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าก็ใช่ว่าเป็นเครื่องค้ำประกันว่าการบันเทิงของเราเหมาะสมเสมอไม่. จงพิจารณาสิ่งที่เปโตรเขียนถึงคริสเตียนผู้ถูกเจิมดังนี้: “เวลาที่ผ่านพ้นไปก็พออยู่แล้วสำหรับท่านทั้งหลายที่ได้ทำตามน้ำใจของนานาชาติ คราวที่ท่านทั้งหลายดำเนินในการต่าง ๆ เกี่ยวกับความประพฤติอันหละหลวม, ราคะตัณหา, ดื่มเหล้าองุ่นมากเกินไป, สำมะเลเทเมา, แข่งขันประชันกันดื่ม, และการไหว้รูปเคารพซึ่งเป็นการผิดกฎหมาย.” (1 เปโตร 4:3, ล.ม.) ท่านไม่ได้ชี้นิ้วตำหนิพี่น้องของท่าน ประหนึ่งกล่าวโทษพวกพี่น้องว่าได้ลอกเลียนแบบการกระทำของชาวโลก. กระนั้น การตื่นตัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคริสเตียน (ในครั้งนั้นและขณะนี้) เนื่องจากคนเราจะตกเป็นเหยื่อการบันเทิงที่ก่อความเสียหายได้ง่าย.—1 เปโตร 1:2; 2:1; 4:7; 2 เปโตร 2:13.
จงตื่นตัวระวังหลุมพราง
12. หนึ่งเปโตร 4:3 ชี้ถึงกับดักประเภทไหน?
12 เราควรตื่นตัวระวังหลุมพรางประเภทใด? เปโตรกล่าวอย่างนี้ว่า “ดื่มเหล้าองุ่นมากเกินไป, สำมะเลเทเมา, ดื่มประชันกัน.” นักเขียนข้อวิจารณ์ชาวเยอรมันอรรถาธิบายว่า คำกรีกที่เปโตรใช้ หมายถึงการดื่มท่ามกลางหมู่ผู้คนในงานเลี้ยงเป็นประการสำคัญ.” ศาสตราจารย์ชาวสวิสเขียนว่ากิจปฏิบัติเช่นนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาในครั้งกระโน้น: “คำพรรณนาต้องเกี่ยวข้องกับการจัดกลุ่มชุมนุมหรือกลุ่มสมาชิกสโมสรซึ่งการกระทำต่าง ๆ อันน่าละอายตามที่พรรณนาได้ดำเนินอยู่ในสถานเหล่านั้น.”
13. การใช้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในงานชุมนุมสังสรรค์ปรากฏว่าได้กลายเป็นหลุมพรางอย่างไร? (ยะซายา 5:11, 12)
13 การมีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ณ การชุมนุมสังสรรค์ขนาดใหญ่เคยทำให้หลายคนติดกับ. ใช่ว่าคัมภีร์ไบเบิลห้ามการใช้เครื่องดื่มดังกล่าวแต่พอประมาณ ไม่ใช่อย่างนั้น. ดังมีหลักฐานชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระเยซูทรงทำเหล้าองุ่น ณ งานเลี้ยงสมรสที่บ้านคานา. ที่นั่นคงไม่มีการดื่มเมามายแน่นอน เพราะพระเยซูคงยึดคำแนะนำของพระเจ้าที่ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางคนดื่มจัด. (สุภาษิต 23:20, 21) แต่จงพิจารณารายละเอียดนี้: เจ้าภาพได้พูดว่างานเลี้ยงที่อื่นเขามักจะเอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้แขกก่อน ‘และเมื่อคนเมาแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมาให้.’ (โยฮัน 2:10) ฉะนั้น เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนยิวจะเมาเหล้าเมื่อมีงานสมรสซึ่งในงานเช่นนั้นมักมีเหล้าองุ่นเหลือเฟือสำหรับทุกคน.
14. เจ้าภาพซึ่งเป็นคริสเตียนอาจจัดการปัญหาอันจะเกิดขึ้นได้จากเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์โดยวิธีใด?
14 ตามเรื่องดังกล่าว คริสเตียนบางคนในฐานะเจ้าภาพจึงตัดสินใจจัดเตรียมเหล้าองุ่น, เบียร์, และเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีแอลกอฮอล์ เฉพาะเมื่อเขาสามารถจะดูแลควบคุมการบริโภคของแขกเป็นส่วนตัวได้เท่านั้น. ถ้ากลุ่มแขกในงานเลี้ยงมีจำนวนมากเกินกว่าเจ้าภาพจะดูแลได้ เช่นงานสมรสของพวกยิวที่กล่าวมาแล้ว การมีเหล้ามาก ๆ อยู่พร้อมอาจกลายเป็นบ่วงอันตราย. ในโอกาสนั้นอาจมีคนหนึ่งซึ่งได้พยายามต่อสู้เอาชนะการดื่มอันเป็นปัญหาของเขา. คุณคงหยั่งรู้ได้ทีเดียวว่าการมีแอลกอฮอล์ไว้พร้อมโดยไม่มีการควบคุมดูแลสามารถล่อใจเขาให้ดื่มตามใจชอบและทำลายโอกาสสำหรับทุกคน. ผู้ดูแลคนหนึ่งในประเทศเยอรมนีซึ่งมีฐานะเป็นบิดาด้วยได้ให้ความคิดเห็นว่า ครอบครัวของเขารับประโยชน์จากการสมาคมกันอย่างน่ายินดีเมื่อมีการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมความเชื่อ. แต่เขาพูดต่อไปว่าโอกาสจะเกิดปัญหาใหญ่โตมากขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อมีเบียร์ไว้พร้อมอย่างไม่จำกัด.
15. การชี้นำอย่างเหมาะสมสำหรับงานชุมนุมสังสรรค์จะบรรลุผลได้โดยวิธีใด?
15 งานสมรสที่คานามี “ผู้จัดงานเลี้ยง” (โยฮัน 2:8, ล.ม.) ทั้งนี้ไม่หมายความว่าครอบครัวที่เชิญคนกลุ่มหนึ่งมาที่บ้านเพื่อรับประทานอาหารที่บ้าน หรือสังสรรค์กันจะต้องตั้งผู้จัดงานเลี้ยง. สามีคงจะรับผิดชอบดูแลเหตุการณ์. แต่ไม่ว่ากลุ่มประกอบด้วยสองครอบครัวหรือใหญ่กว่านั้น ควรให้ชัดแจ้งไปเลยว่ามีคนหนึ่งรับผิดชอบสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น. บิดามารดาหลายรายคอยดูเรื่องนี้เมื่อบุตรชายบุตรสาวของตนได้รับเชิญไปงานพบปะสังสรรค์. พวกเขาจะติดต่อเจ้าภาพถามไถ่ว่าใครจะดูแลตลอดงาน และอยู่ในงานกระทั่งเลิก. คริสเตียนผู้เป็นบิดามารดาถึงกับต้องปรับเปลี่ยนตารางเวลา เพื่อว่าตัวเองจะอยู่ในงานด้วย เพื่อว่าทั้งฝ่ายสูงวัยและฝ่ายที่อ่อนวัยกว่าจึงสามารถชื่นชมความเป็นเพื่อนต่อกันและกัน.
16. สิ่งที่สมควรแก่การพิจารณามีอะไรบ้างเกี่ยวด้วยขนาดของการชุมนุมสังสรรค์?
16 สาขาสมาคมว็อชเทาเวอร์ในแคนาดาเขียนแจ้งมาว่า “ผู้ปกครองบางคนเข้าใจว่าคำแนะนำเรื่องการจำกัดขนาดการชุมนุมสังสรรค์นั้นหมายความว่างานเลี้ยงฉลองการสมรสที่จัดใหญ่โตนั้นขัดกับคำแนะนำ. พวกเขาสรุปว่าถ้าเราได้รับคำแนะนำว่าควรจัดงานให้อยู่ในขนาดย่อม ๆ พอที่จะควบคุมได้อย่างดี การเชิญแขก 200 หรือ 300 คนมาร่วมในงานสมรสก็คงจะไม่ถูกต้อง.”a แทนที่จะเน้นมากเกินไปในเรื่องขนาดตามแง่คิดส่วนตัว สิ่งซึ่งควรเอาใจใส่ประการแรกควรเป็นการควบคุมดูแลที่เหมาะสม ไม่ว่าคนมากน้อยเท่าไรก็ตามที่มาในงาน. ปริมาณเหล้าองุ่นที่พระเยซูทรงจัดเตรียมให้นั้นแสดงว่าคนจำนวนไม่น้อยทีเดียวได้มาร่วมงานสมรสที่บ้านคานา แต่ดูเหมือนมีการเอาใจใส่ดูแลอย่างสมควร. งานกินเลี้ยงโอกาสอื่น ๆ สมัยนั้นไม่ได้เป็นดังกล่าว ขนาดของงานเลี้ยงอาจเป็นองค์ประกอบอันเป็นสาเหตุทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง. ยิ่งมีคนมาชุมนุมกันมาก ก็ยิ่งเป็นการท้าทายมากขึ้น เพราะว่าเป็นการง่ายที่คนอ่อนแอซึ่งมีแนวโน้มจะดื่มอย่างไม่ยับยั้งอยู่แล้วจะอ้างสิทธิเพื่อตัวเอง. ณ การชุมนุมซึ่งขาดการควบคุมดูแล เขาอาจส่งเสริมกิจกรรมที่น่าสงสัย.—1 โกรินโธ 10:6-8.
17. ความสมดุลของคริสเตียนอาจปรากฏให้เห็นโดยวิธีใดเมื่อมีการวางแผนจัดงานชุมนุมสังสรรค์?
17 การดูแลการพบปะสังสรรค์กันให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยนั้นรวมถึงการวางแผนและการตระเตรียมที่ดีด้วย. ทั้งนี้ใช่ว่าต้องคิดประดิษฐ์ให้งานนั้นเป็นที่จับใจเพื่อให้ดูแปลกพิสดารหรืออยู่ในความทรงจำ แต่อาจเป็นการเลียนแบบงานเลี้ยงของชาวโลก เช่นงานเต้นรำชุดแต่งตัวโบราณ หรืองานเต้นรำแต่งแฟนซี. คุณนึกภาพแผนงานจัดเลี้ยงของชาวยิศราเอลที่ซื่อสัตย์ในแผ่นดินแห่งคำสัญญาว่าเขาแต่งกายเยี่ยงคนนอกรีตในอียิปต์หรือคนต่างด้าวไหม? เขาจะได้เตรียมงานเต้นรำที่เร้าราคะหรือดนตรีส่งเสียงดังอึกทึกซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายท่ามกลางคนนอกรีตไหม? ย้อนไปที่ภูเขาซีนาย พวกเขาถูกล่อเข้าไปติดกับดักในทางดนตรีและการเต้นรำซึ่งคงนิยมอย่างกว้างขวางในครั้งนั้นและเป็นที่รู้จักกันดีในอียิปต์. พวกเรารู้ว่าพระเจ้าและโมเซผู้รับใช้ที่อาวุโสของพระองค์มีทัศนะเช่นไรต่อการบันเทิงแบบนั้น. (เอ็กโซโด 32:5, 6, 17-19) ดังนั้น เจ้าภาพหรือผู้ที่ควบคุมงานเลี้ยงเป็นกลุ่มดังกล่าวควรพิจารณาว่าจะมีการร้องเพลง หรือเต้นรำหรือไม่ หากมี ผู้จัดงานควรทำให้แน่ใจว่านั่นสอดคล้องกับหลักการต่าง ๆ ของคริสเตียน.—2 โกรินโธ 6:3.
18, 19. เราได้รับความเข้าใจลึกซึ้งอย่างไรจากการที่พระเยซูได้รับเชิญไปร่วมงานสมรส และเราอาจใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์อย่างไร?
18 ประการสุดท้าย เราจำไว้ว่า ‘พระเยซูกับเหล่าสาวกของพระองค์ได้รับเชิญ ไปในงานเลี้ยงวันแต่งงาน.’ (โยฮัน 2:2) อาจเป็นได้ที่คริสเตียนคนหนึ่งหรือครอบครัวหนึ่งเพียงแต่ไปเยี่ยมบางคนเพื่อความเบิกบานใจและเสริมสร้างกัน. แต่สำหรับการพบปะสังสรรค์ซึ่งกำหนดแผนการไว้แล้วนั้น ประสบการณ์แสดงว่า การกำหนดล่วงหน้าว่าใครจะอยู่ที่นั่นย่อมช่วยป้องกันการมีปัญหา. ผู้ดูแลคนหนึ่งจากรัฐเทนเนสซี สหรัฐ ซึ่งได้เลี้ยงดูอบรมบุตรชายหญิงหลายคนซึ่งบัดนี้เป็นผู้ประกาศเต็มเวลา กล่าวย้ำความสำคัญของเรื่องนี้. ก่อนที่เขาหรือภรรยาตอบรับคำเชิญ หรืออนุญาตบุตรไปร่วมงาน เขาจะติดต่อเจ้าภาพเพื่อให้แน่ใจว่ามีการกำหนดตัวผู้มาร่วมงานไว้แล้ว. ครอบครัวของเขาได้รับการปกป้องพ้นจากหลุมพรางซึ่งบางคนเคยพลาดท่ามาแล้ว ณ งานชุมนุมซึ่งใคร ๆ ก็ร่วมงานได้ ไม่ว่าเป็นการรับประทานอาหาร, ไปปิกนิก, หรือการเล่นออกกำลัง เช่นการเล่นบอลเป็นต้น.
19 พระเยซูไม่ทรงสนับสนุนการเชิญร่วมงานชุมนุมกันเฉพาะหมู่ญาติ เพื่อนที่คบกันมานาน หรือคนที่มีอายุคราวเดียวกัน หรือมีฐานะเท่าเทียมกันเท่านั้น. (ลูกา 14:12-14; เทียบกับพระธรรมโยบ 31:16-19; กิจการ 20:7-9.) ถ้าคุณคิดรอบคอบว่าจะเลือกเชิญใครบ้าง การเชิญเพื่อนคริสเตียนวัยต่างกันและมีสภาพการณ์ต่างกันคงจะง่ายกว่า. (โรม 12:13; เฮ็บราย 13:2) อาจมีบางคนในจำนวนนั้นอ่อนแอฝ่ายวิญญาณหรือเป็นคนใหม่ ซึ่งสามารถรับประโยชน์ได้จากการคบหากับคริสเตียนที่อาวุโส.—สุภาษิต 27:17.
การบันเทิงอันควรแก่กาลเทศะ
20, 21. เหตุใดความบันเทิงอาจมีบทบาทในชีวิตของเราได้อย่างเหมาะสม?
20 นับว่าเหมาะสมสำหรับพวกเราในฐานะเป็นไพร่พลของพระเจ้าจะพึงสนใจการบันเทิงของเราและคำนึงถึงสิ่งดังกล่าวตามสมควร และที่ว่าเราใช้เวลาไปเพื่อสิ่งนี้อย่างสมดุล. (เอเฟโซ 2:1-4; 5:15-20) ผู้เขียนพระธรรมท่านผู้ประกาศมีความรู้สึกทำนองนี้: “แล้วข้าฯจึงลงมือสนุกสนาน ด้วยว่าภายใต้ดวงอาทิตย์ มนุษย์ไม่มีอะไรดีไปกว่ากินและดื่มกับชื่นชมยินดี และให้อาการนี้คลุกคลีไปในการงานของตน ตลอดชีวิตของตนที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานให้แก่ตนที่ภายใต้ดวงอาทิตย์.” (ท่านผู้ประกาศ 8:15) ความสนุกสนานอย่างพอดีพอควรเช่นนั้นย่อมยังความสดชื่นแก่ร่างกาย และช่วยผ่อนคลายจากปัญหาและความคับข้องใจต่าง ๆ อันเป็นสิ่งปกติในระบบปัจจุบัน.
21 ยกตัวอย่าง ไพโอเนียร์หญิงคนหนึ่งในออสเตรียเขียนเล่าให้เพื่อนฟังดังนี้: “วันก่อนพวกเราสนุกกันมากระหว่างไปเที่ยว. พวกเราประมาณ 50 คนได้ไปที่ทะเลสาบเล็ก ๆ ใกล้ตำบลเฟอร์ลัก. บราเดอร์บี.—ขับรถตู้นำหน้าไป พร้อมด้วยเตาย่างสามเตา, เก้าอี้พับ, โต๊ะ, กระทั่งโต๊ะปิงปอง. เราเพลินกับการเที่ยวครั้งนี้จริง ๆ. ซิสเตอร์คนหนึ่งนำหีบเพลงติดตัวไปด้วย ดังนั้นเราจึงได้มีการร้องเพลงราชอาณาจักรหลายเพลงทีเดียว. พี่น้องทั้งผู้สูงอายุและหนุ่มสาวต่างก็ชื่นชมกับสัมพันธภาพฉันมิตร.” เธอเก็บความทรงจำที่น่าพอใจเกี่ยวด้วยนันทนาการซึ่งได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี ช่วยปกป้องไว้จากหลุมพราง เช่นการดื่มเหล้ามากเกินไป หรือความประพฤติอันหละหลวม.—ยาโกโบ 3:17, 18.
22. ขณะที่เราชื่นชมการสังสรรค์เพื่อความบันเทิง แต่ละคนสมควรคิดนึกถึงคำเตือนอะไรไว้ก่อนเสมอ?
22 เปาโลกระตุ้นพวกเราให้ระมัดระวังตัวไม่ยอมจำนนต่อความปรารถนาแห่งเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ทำแม้แต่จะวางแผนอันอาจนำเราตกเข้าสู่การล่อใจต่าง ๆ. (โรม 13:11-14) ทั้งนี้รวมไปถึงแผนการพบปะสังสรรค์เพื่อความบันเทิง. เมื่อเราปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านในเรื่องเหล่านี้ เราย่อมสามารถเลี่ยงสภาพการณ์ต่าง ๆ ที่เคยทำให้บางคนเสียหายฝ่ายวิญญาณดุจเรืออับปาง. (ลูกา 21:34-36; 1 ติโมเธียว 1:19) ตรงกันข้าม ด้วยความรอบคอบ เราจะเลือกนันทนาการที่ดีงามอันจะทำให้เราธำรงไว้ซึ่งสัมพันธภาพกับพระเจ้า. เมื่อเราทำเช่นนั้น เราจะได้รับประโยชน์จากการสังสรรค์เพื่อความบันเทิงที่เราถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาของประทานจากพระเจ้า.—ท่านผู้ประกาศ 5:18.
[เชิงอรรถ]
a วารสารหอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 1 ตุลาคม 1984 ลงเรื่องคำแนะนำอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับการสมรสและงานเลี้ยงฉลอง. ผู้ที่เตรียมตัวจะเป็นเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว และคนอื่นซึ่งจะช่วยเหลือเขาย่อมได้ประโยชน์หากจะทบทวนเรื่องนี้ก่อนวางแผนการสำหรับวันงานสมรส.
เราได้เรียนอะไรบ้าง?
▫ เราพบทัศนะอะไรที่สมดุลในคัมภีร์ไบเบิลในเรื่องการสังสรรค์เพื่อความบันเทิง?
▫ เหตุใดจึงควรคำนึงถึงแง่มุมการใช้เวลาและลักษณะของการบันเทิง?
▫ คริสเตียนเจ้าภาพสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อป้องกันสิ่งซึ่งอาจกลายเป็นหลุมพราง?
▫ หากการบันเทิงนั้นเหมาะสมและสมดุล คริสเตียนจะได้รับประโยชน์อะไร?
[รูปภาพหน้า 18]
เจ้าภาพหรือผู้จัดงานชุมนุมสังสรรค์มีความรับผิดชอบที่จะคอยดูว่าไม่ทำให้แขกตกหลุมพราง