พระมาซีฮา—เป็นความหวังแท้ไหม?
เขาเรียกตัวเองว่าโมเซ. แต่ชื่อจริง ๆ ของเขาถูกลืมไปแล้วในประวัติศาสตร์. ในศตวรรษที่ห้า เขาเดินทางไปตลอดทั่วเกาะครีต โน้มน้าวใจพวกยิวที่นั่นให้เชื่อว่าเขาเป็นพระมาซีฮาที่พวกเขารอคอย. เขาบอกคนเหล่านั้นว่าอีกไม่นาน การกดขี่, การพลัดถิ่น, และการเป็นเชลยของพวกเขานั้นจะสิ้นสุดลง. พวกเขาเชื่อ. เมื่อถึงวันแห่งการปลดปล่อยของพวกเขา พวกยิวได้ติดตาม “โมเซ” ไปยังแหลมที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน. เขาบอกพวกยิวว่าเพียงแต่กระโดดลงไปในทะเล แล้วมันจะแยกออกจากกันต่อหน้าพวกเขา. หลายคนเชื่อฟัง กระโจนลงในทะเลที่มิได้แยกออก. คนจำนวนมากทีเดียวจมน้ำตาย บางคนได้รับการช่วยชีวิตจากคนเดินเรือและชาวประมง. แต่ไม่พบโมเซที่ไหนอีกเลย. มาซีฮาคนนั้นหายไปแล้ว.
มาซีฮาคืออะไร? อาจคิดถึงคำ “พระผู้ช่วยให้รอด” “พระผู้ไถ่” และ “ผู้นำ.” หลายคนคิดว่ามาซีฮาเป็นบุคคลซึ่งปลุกเร้าความหวังและความเลื่อมใสศรัทธาในตัวพวกสาวกของเขา สัญญาว่าจะนำพวกเขาจากการกดขี่มาสู่เสรีภาพ. เนื่องจากประวัติศาสตร์ของมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นประวัติแห่งการกดขี่ จึงไม่น่าประหลาดใจที่มาซีฮาจำนวนไม่น้อยได้ปรากฏตัวขึ้นมาตลอดหลายศตวรรษ. (เทียบกับท่านผู้ประกาศ 8:9.) แต่เช่นเดียวกับผู้ที่ขนานนามตัวเองว่าโมเซแห่งครีต มาซีฮาเหล่านี้ได้นำผู้ติดตามของเขาไปสู่ความผิดหวัง และความหายนะยิ่งกว่าการปลดปล่อยอยู่เนือง ๆ.
“นี้คือพระมหากษัตริย์มาซีฮา!” รับบีอาคิวา เบน โจเซฟผู้ได้รับความนับถือได้กล่าวต้อนรับซีเมียน บาร์ ค็อกบา อย่างนั้นในปีสากลศักราช 132. บาร์ ค็อกบาเป็นชายฉกรรจ์ซึ่งบัญชาการกองทัพอันทรงพลัง. ชาวยิวหลายคนคิดว่า ในที่สุด นี้คือบุรุษที่จะทำให้การกดขี่อันยาวนานโดยน้ำมือของมหาอำนาจโลกโรมนั้นยุติลง. บาร์ ค็อกบา ล้มเหลว เพื่อนร่วมชาติหลายแสนคนของเขาตายสืบเนื่องจากความล้มเหลวนั้น.
ในศตวรรษที่ 12 มาซีฮาชาวยิวอีกคนหนึ่งได้ปรากฏขึ้น คราวนี้ในเยเมน. เมื่อกาหลิบหรือผู้ครอบครองได้ขอเขาแสดงเครื่องหมายแห่งการเป็นมาซีฮาของเขานั้น มาซีฮาผู้นี้ได้เสนอให้กาหลิบตัดศีรษะ แล้วปล่อยให้การกลับเป็นขึ้นจากตายโดยทันควันของเขานั้นเป็นสิ่งบ่งชี้. กาหลิบเห็นด้วยกับวิธีการนั้น—และนั่นก็คือจุดจบของมาซีฮาแห่งเยเมน. ในศตวรรษเดียวกัน บุรุษผู้มีนามว่าเดวิด แอลรอย แจ้งแก่พวกยิวในตะวันออกกลางให้เตรียมตัวติดตามเขาไปบนปีกของทูตสวรรค์กลับคืนสู่ยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์. หลายคนเชื่อว่าเขาเป็นมาซีฮา. ชาวยิวในแบกแดดอดใจรออยู่บนหลังคาบ้านของพวกเขาโดยปราศจากกังวล และไม่ได้ระวังพวกขโมยที่ขโมยทรัพย์สินของพวกเขาไป.
ซับบาไท เซบี ปรากฏตัวในศตวรรษที่ 17 จากเมืองซมือร์นา. เขาได้ประกาศตำแหน่งมาซีฮาของเขาแก่ชาวยิวตลอดทั่วยุโรป. พวกคริสเตียนฟังเขาด้วยเช่นกัน. เซบีได้เสนอการปลดปล่อยแก่พวกสาวกของเขา—ดูเหมือนว่าโดยการยอมให้พวกเขากระทำบาปโดยเสรี. สานุศิษย์ผู้ใกล้ชิดที่สุดของเขาปฏิบัติการดื่มเหล้าแบบหัวราน้ำ, การเปลือยกาย, การผิดประเวณี และการร่วมเพศระหว่างญาติใกล้ชิด ครั้นแล้วก็ลงโทษตัวเองด้วยการโบยตี โดยการกลิ้งตัวเปลือยล่อนจ้อนไปในหิมะ และโดยการฝังตัวเองในพื้นดินเย็นยะเยือกลึกถึงคอ. เมื่อเขาเดินทางไปถึงตุรกี เซบีถูกจับและถูกสั่งให้เปลี่ยนศาสนามาเป็นอิสลาม มิฉะนั้นจะต้องตาย. เขาได้เปลี่ยนศาสนา. สานุศิษย์หลายคนของเขากระจัดกระจายไป. กระนั้น เป็นเวลาสองศตวรรษถัดไป เซบีก็ยังถูกเรียกว่ามาซีฮาโดยชนบางกลุ่ม.
คริสต์ศาสนจักรก็มีส่วนก่อให้เกิดมาซีฮาเช่นกัน. ในศตวรรษที่ 12 บุรุษผู้มีนามว่าทานเคลม์ได้สร้างกองทัพที่ประกอบด้วยสานุศิษย์และครอบครองเมืองแอนต์เวิร์ป. มาซีฮาคนนี้เรียกตัวเองว่าพระเจ้า เขาขายกระทั่งน้ำที่ตนอาบให้พวกสาวกดื่มเป็นของศักดิสิทธิ์ด้วยซ้ำ! มาซีฮา “คริสเตียน” อีกคนหนึ่งคือโธมัส มืนเซอร์แห่งเยอรมนีในศตวรรษที่ 16. เขาได้นำการลุกฮือต่อต้านผู้มีอำนาจภายในท้องถิ่น โดยแจ้งแก่พวกสาวกของเขาว่านี้เป็นสงครามอาร์มาเก็ดดอน. เขาสัญญาว่าเขาจะจับกระสุนปืนใหญ่ของศัตรูไว้ในแขนเสื้อของเขา. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พรรคพวกของเขาถูกสังหารหมู่ และมืนเซอร์ได้ถูกตัดศีรษะ. มาซีฮาอื่น ๆ เช่นนั้นหลายคนได้ปรากฏในคริสต์ศาสนจักรตลอดหลายศตวรรษ.
ศาสนาอื่น ๆ ก็มีบุคคลแบบมาซีฮาด้วยเช่นกัน. อิสลามชี้ถึงมาฮ์ดี หรือผู้ที่ได้รับการชี้นำอย่างถูกต้อง ผู้ที่จะนำมาซึ่งยุคแห่งความยุติธรรม. ในศาสนาฮินดู บางคนได้อ้างว่าตนเป็นอวตาร หรือการแบ่งภาคมาเกิดเป็นพระเจ้าต่าง ๆ. และดังที่ สารานุกรมบริแทนนิกาใหม่ ให้อรรถาธิบายไว้นั้น “แม้แต่ศาสนาที่ไม่ใช่แบบมาซีฮาเช่นศาสนาพุทธก็ได้ก่อให้เกิดความเชื่อในท่ามกลางคณะมหายานในเรื่องพระพุทธเมตไตรยในอนาคต ผู้ซึ่งจะลงมาจากที่พำนักฝ่ายสวรรค์ แล้วนำผู้ซื่อสัตย์ไปสู่อุทยาน.”
มาซีฮาในศตวรรษที่ 20
ในศตวรรษของเรานี้เอง ความจำเป็นในเรื่องพระมาซีฮาแท้ได้กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นแล้ว ไม่น่าประหลาดใจที่หลายคนได้อ้างสิทธิ์ในบรรดาศักดิ์นั้น. ในคองโกที่แอฟริกาในทศวรรษปี 1920, 1930, และ 1940 นั้น ซีโมน คิมบังกูกับอังเดร “เยซู” มัตสวา ผู้สืบตำแหน่งของเขาได้รับการโห่ร้องอวยชัยในฐานะเป็นมาซีฮา. เขาทั้งสองตายไปแล้ว แต่พวกสาวกของเขายังคงคาดหวังว่าคนทั้งสองจะกลับมาและนำมาซึ่งสมัยพันปีของชาวแอฟริกา.
ศตวรรษนี้ “ลัทธิสินค้าทางเรือ” ได้ปรากฏขึ้นในนิวกินีและเมลานีเซีย. เหล่าสมาชิกคาดหวังว่าเรือหรือเครื่องบินจะมาถึง มีพวกคนผิวขาวที่เป็นเหมือนมาซีฮาเข้าประจำการ ผู้ซึ่งจะบันดาลให้พวกเขาร่ำรวยและนำมาซึ่งยุคแห่งความสุขคราวเมื่อแม้แต่คนตายก็จะฟื้นขึ้นมา.
ประเทศชาติอุตสาหกรรมก็มีมาซีฮาของตนด้วยเช่นกัน. บางคนเป็นผู้นำทางศาสนา เช่น ซุน มยุง มูน ผู้ซึ่งประกาศตัวเป็นผู้สืบตำแหน่งจากพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งมุ่งหมายจะชำระโลกให้บริสุทธิ์โดยทางครอบครัวที่ปรองดองกันของสานุศิษย์ของเขา. ผู้นำทางการเมืองยังได้พยายามอ้างสิทธิฐานะเป็นมาซีฮาด้วย อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์เป็นตัวอย่างน่ากลัวที่สุดในศตวรรษด้วยคำปราศรัยแบบโอ้อวดของเขาในเรื่องจักรวรรดิไรก์หนึ่งพันปี.
ปรัชญาและองค์การทางการเมืองต่าง ๆ ได้บรรลุฐานะแบบมาซีฮาเช่นกัน. ตัวอย่างเช่น สารานุกรมอเมริกานา ได้ให้อรรถาธิบายว่าทฤษฎีทางการเมืองของลัทธิคอมมิวนิสต์มาร์กซ์-เลนินมีการแย้มเป็นนัยแบบมาซีฮา. และองค์การสหประชาชาติที่ได้รับการอวยชัยอย่างกว้างขวางฐานะเป็นความหวังอย่างเดียวในเรื่องสันติภาพโลกนั้น ดูเหมือนจะกลายมาเป็นตัวแทนลักษณะหนึ่งของมาซีฮาในความคิดของหลายคน.
ความหวังแท้หรือ?
การพิจารณาจากทุกด้านแบบย่อ ๆ เช่นนี้เพียงแต่ทำให้ชัดแจ้งว่าประวัติแห่งขบวนการแบบมาซีฮานั้นส่วนใหญ่เป็นประวัติแห่งการหลอกลวง ความหวังที่พังทลายและความใฝ่ฝันผิดที่. ดังนั้นแล้ว ไม่น่าประหลาดใจเลยที่หลายคนในทุกวันนี้เยาะเย้ยความหวังในเรื่องมาซีฮา.
แต่ก่อนที่จะบอกปัดความหวังเรื่องมาซีฮาทันที เราควรทราบก่อนว่าคำนั้นมาจากที่ไหน. ที่จริง “มาซีฮา” เป็นคำในคัมภีร์ไบเบิล. คำภาษาฮีบรูคือ มาชิʹอัค หรือ “ผู้ถูกเจิม.” ในสมัยพระคัมภีร์ บางครั้งกษัตริย์และปุโรหิตได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งโดยพิธีการเจิมซึ่งมีการเทน้ำมันหอมลงบนศีรษะ. เนื่องจากเหตุนี้คำ มาชิʹอัค จึงนำมาใช้กับพวกเขาได้อย่างเหมาะสม. ยังมีคนที่ได้รับการเจิม หรือถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพิเศษ โดยปราศจากพิธีการเจิมใด ๆ. โมเซได้รับฉายาว่า “พระคริสต์” หรือ “ผู้ถูกเจิม” ที่เฮ็บราย 11:24-26 เพราะท่านถูกเลือกเป็นผู้พยากรณ์และผู้แทนของพระเจ้า.
คำจำกัดความของมาซีฮาว่าเป็น “ผู้ถูกเจิม” นี้ทำให้มาซีฮาในพระคัมภีร์แตกต่างจากมาซีฮาปลอมที่เราได้สาธยายมาแล้ว. มาซีฮาต่าง ๆ ในพระคัมภีร์มิได้แต่งตั้งตัวเอง ทั้งพวกเขามิได้ถูกเลือกโดยเหล่าสาวกที่เลื่อมใสจำนวนมากมาย. เปล่าเลย การแต่งตั้งพวกเขามาแต่เบื้องบน จากพระเจ้ายะโฮวาเอง.
ถึงแม้พระคัมภีร์กล่าวถึงมาซีฮาหลายคนก็ตาม พระคัมภีร์ยกผู้หนึ่งเหนือกว่าคนอื่น ๆ นอกนั้น. (บทเพลงสรรเสริญ 45:7) พระมาซีฮาองค์นี้เป็นบุคคลสำคัญในคำพยากรณ์ของพระคัมภีร์ เป็นกุญแจสำคัญไปสู่ความสมจริงแห่งคำสัญญาที่เร้าใจที่สุดของพระคัมภีร์. และพระมาซีฮาผู้นี้รับมือจริง ๆ กับปัญหาที่เราเผชิญในทุกวันนี้.
พระผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติ
พระมาซีฮาในพระคัมภีร์ทรงจัดการกับปัญหาของมนุษยชาติอย่างถึงรากถึงโคนของปัญหาเหล่านั้น. เมื่ออาดามกับฮาวา บิดามารดาคู่แรกของเรา กบฏต่อพระผู้สร้างตามการปลุกปั่นยุยงของซาตาน บุคคลวิญญาณที่กบฏนั้น ที่แท้แล้วเขาทั้งสองแอบอ้างโดยมิชอบว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของการปกครองนั้นเป็นของเขาเอง. เขาต้องการเป็นผู้ที่จะตัดสินใจว่าอะไรถูกและอะไรผิด. โดยวิธีนี้ เขาได้ออกไปจากการอยู่ภายใต้การปกครองของพระยะโฮวาด้วยความรักที่ปกป้องคุ้มครอง แล้วทำให้ครอบครัวมนุษย์ถลำเข้าไปสู่ความสับสนอลหม่านและความทุกขเวทนาของการปกครองตนเอง, ความไม่สมบูรณ์, และความตาย.—โรม 5:12.
ดังนั้นแล้ว การที่พระยะโฮวาพระเจ้าทรงเลือกเอาชั่วขณะที่มืดมนในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เพื่อจัดให้มีแสงรำไรแห่งความหวังแก่มวลมนุษยชาตินั้น ช่างเป็นการแสดงความรักสักเพียงไร. ในการแถลงคำพิพากษาโทษผู้กบฏที่เป็นมนุษย์นั้น พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่าลูกหลานของเขาจะมีผู้ช่วยให้รอด. มีการกล่าวพาดพิงผู้ช่วยให้รอดนั้นว่าเป็น “พงศ์พันธุ์.” พระผู้ช่วยให้รอดองค์นี้จะเสด็จมาทำลายผลงานอันน่าสยดสยองที่ซาตานได้ก่อขึ้นในสวนเอเดนนั้น พงศ์พันธุ์นั้นจะทำให้หัว “งู” ซาตานฟกช้ำ บดขยี้มันให้สูญสิ้นไป.—เยเนซิศ 3:14, 15.
ตั้งแต่สมัยโบราณมา พวกยิวเข้าใจว่าคำพยากรณ์นี้เป็นเรื่องมาซีฮา. หนังสือทาร์กุม การถอดความพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกยิวหลายฉบับที่ใช้กันโดยทั่วไปในศตวรรษแรกนั้น อธิบายว่าคำพยากรณ์นี้จะสมจริง “ในยุคของพระมหากษัตริย์มาซีฮา.”
ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่ตั้งแต่ตอนเริ่มแรกทีเดียว เหล่าคนที่มีความเชื่อรู้สึกตื่นเต้นกับคำสัญญานี้เกี่ยวกับพงศ์พันธุ์ หรือพระผู้ช่วยให้รอดที่จะเสด็จมานั้น. ขอให้นึกภาพความรู้สึกของอับราฮามก็แล้วกันเมื่อพระยะโฮวาทรงแจ้งแก่ท่านว่าพงศ์พันธุ์นั้นจะมาทางเชื้อสายของท่านเอง และว่า “ทุกชาติแห่งแผ่นดินโลก”—ไม่เพียงลูกหลานของท่านเองเท่านั้น—จะ “ทำให้ตนเองได้พระพร” โดยทางพงศ์พันธุ์นั้น.—เยเนซิศ 22:17, 18, ล.ม.
พระมาซีฮาและการปกครอง
คำพยากรณ์ในภายหลังได้เชื่อมโยงความหวังนี้เข้ากับอนาคตในเรื่องการปกครองที่ดี. ที่เยเนซิศ 49:10 มีการแจ้งแก่ยูดาเหลนของอับราฮามว่า “ไม้ธารพระกรจะไม่ขาดไปจากยูดา หรือผู้ปกครองจากพงศ์พันธุ์ของเขากว่าซีโลจะมา และชนชาวประเทศต่าง ๆ จะเชื่อฟังผู้นั้น.” ปรากฏชัดว่า “ซีโล” ผู้นี้จะปกครอง—และพระองค์จะปกครองไม่เฉพาะแต่ชาวยิวเท่านั้น แต่ “ชนชาวประเทศต่าง ๆ” ด้วย. (เทียบกับดานิเอล 7:13, 14.) ชาวยิวสมัยโบราณถือว่าซีโลเป็นคนเดียวกับพระมาซีฮา ที่จริง หนังสือทาร์กุมบางฉบับของพวกยิวเพียงแต่เอาคำ “มาซีฮา” หรือ “กษัตริย์มาซีฮา” มาแทน “ซีโล.”
ขณะที่แสงสว่างแห่งคำพยากรณ์ที่ได้รับการดลบันดาลเจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ ได้มีการเปิดเผยมากขึ้นในเรื่องการปกครองของพระมาซีฮาผู้นี้. (สุภาษิต 4:18) ที่ 2 ซามูเอล 7:12-16 กษัตริย์ดาวิด ลูกหลานคนหนึ่งของยูดา ได้รับการแจ้งให้ทราบว่าพงศ์พันธุ์นั้นจะมาจากเชื้อสายของท่าน. ยิ่งกว่านั้น พงศ์พันธุ์ผู้นี้จะเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่เหมือนใคร. พระที่นั่งหรือการปกครองของผู้นั้นจะยืนยงตลอดกาล! ยะซายา 9:6, 7 สนับสนุนจุดสำคัญนี้ว่า “จะมีบุตรคนหนึ่งเกิดขึ้นในพวกเรา คือทรงประทานบุตราคนหนึ่งให้แก่พวกเรา และท่านได้แบกการปกครอง [“รัฐบาล,” คิง เจมส์ เวอร์ชัน] ไว้เหนือบ่าของท่าน . . . ความจำเริญรุ่งเรืองแห่งรัฐบาลของท่านและสันติสุขจะไม่รู้สิ้นสุดไปจากราชบัลลังก์แห่งกษัตริย์ดาวิด และราชอาณาจักรของท่าน พระองค์จะทรงตั้งแผ่นดินของพระองค์ และทรงค้ำชูไว้ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรมแต่บัดนี้ต่อไปจนไม่รู้สิ้นสุด. ความกระตือรือร้นแห่งพระยะโฮวาจอมโยธาจะทำให้การนี้สำเร็จ.”
คุณนึกภาพรัฐบาลเช่นนั้นออกไหม? ผู้ครอบครองที่เที่ยงตรง, ชอบธรรม ผู้ซึ่งสถาปนาสันติสุขและผู้ทรงครอบครองตลอดกาล. ช่างแตกต่างมากสักเพียงไรจากการสืบตำแหน่งแบบน่าสังเวชของมาซีฮาปลอมในประวัติศาสตร์! ห่างไกลจากผู้นำที่หลอกลวง แต่งตั้งตัวเอง พระมาซีฮาในพระคัมภีร์เป็นผู้ครอบครองโลกพร้อมด้วยความสามารถและอำนาจทั้งสิ้นที่จำเป็นในการเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์ของโลก.
ความหวังในภายภาคหน้าเช่นนี้มีความหมายอย่างลึกซึ้งในยุคอันยุ่งยากของเรา. มนุษยชาติไม่เคยมีความต้องการในเรื่องความหวังดังกล่าวมากไปกว่านี้. แต่เนื่องจากคนเราอาจยึดอยู่กับความหวังที่ผิดได้อย่างง่าย ๆ นับว่าสำคัญยิ่งที่เราแต่ละคนทำการศึกษาคำถามนี้อย่างถี่ถ้วนคือ พระเยซูแห่งนาซาเร็ธเป็นพระมาซีฮาที่มีการบอกไว้ล่วงหน้าตามที่หลายคนทีเดียวนั้นเชื่อไหม? บทความถัดไปจะพิจารณาเรื่องนี้.
[กรอบหน้า 6]
มาซีฮาที่บรุกลินหรือ?
แผ่นภาพโฆษณา ป้ายโฆษณา และป้ายนีออนได้ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “จงเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระมาซีฮา.” การรณรงค์ที่ใช้เงินถึง 10,000,000 บาทนี้ทำโดย พวกลูบาวิตเชอร์ นิกายที่อนุรักษ์นิยมจัดของชาวยิวแบบฮาซิด. มีความเชื่อกันอย่างกว้างขวางในท่ามกลางกลุ่มสมาชิก 250,000 คนว่า รับบีใหญ่ของพวกเขาคือ เมนาเคม เมนเดล ชนีร์ซันแห่งบรุกลิน นิวยอร์กนั้นเป็นพระมาซีฮา. เพราะเหตุใด? ชนีร์ซันสอนว่าพระมาซีฮาจะเสด็จมาในยุคนี้. และตามที่วารสารนิวสวีก แจ้งนั้น พวกเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของลูบาวิตเชอร์ยืนกรานว่ารับบียิววัย 90 ปีจะไม่ตายก่อนพระมาซีฮาเสด็จมาถึง. ตลอดศตวรรษต่าง ๆ นิกายนั้นได้สอนว่าแต่ละยุคจะมีอย่างน้อยที่สุดบุรุษผู้หนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติจะเป็นพระมาซีฮาปรากฏออกมา. ดูเหมือนชนีร์ซันจะเป็นบุรุษเช่นว่าสำหรับพวกสาวกของเขา และเขาไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบตำแหน่ง. ถึงกระนั้น นิวสวีก แจ้งว่าชาวยิวส่วนใหญ่มิได้ยอมรับเขาฐานะพระมาซีฮา. ตามที่หนังสือพิมพ์นิวสเดย์ แจ้งนั้น เอลีเซอร์ ชัค รับบีคู่แข่งวัย 96 ปีได้ตั้งฉายาเขาว่า “มาซีฮาปลอม.”
[รูปภาพหน้า 7]
ความเชื่อที่ว่าโมเซแห่งครีตเป็นมาซีฮานั้นได้ทำให้หลายคนเสียชีวิต